ขอค้าน หลวงพ่อเกษม อาจิณสีโล

ดอกไม้บางชนิด หอม เราได้กลิ่น เราชื่นชมมัน....มันจะรู้ไหม
ดอกไม้บางชนิดเหม็น เราได้กลิ่น เราด่ามัน มันจะรู้ไหม..
..............
กลิ่นหอม แมลงชอบ สุนัขไม่ชอบ
กลิ่นเหม็น แมงบางตัวชอบ สุนัขชอบ
..............
แต่กลิ่นก็คือกลิ่น......เจ้าของกลิ่น บางที่ไม่สนใจว่ากลิ่นจะเป็นเช่นไร
หอมหรือเหม็น.....แต่คนที่ได้กลิ่น...กลับมีปฏิกิริยา......เพราะอะไร
เชิญพิจารณา.....ครับ

 

ผมจะเก็บขอความนี้ไว้ เผื่อวันใดผมลืมตัว*สู่รู้*ขึ้นมา จะได้เตือนตนให้อย่าสูงกว่าคนอื่นครับ ขอบคุณมาก

 

คุณ จอมขมังเวทย์ คุณแก้ต่างอะไรผมได้บ้างหละ ในข้อที่ผมยกขึ้นมา

และพอคุณแก้ต่างไม่ได้ คุณเหน็บแนม ข้อนี้จริงไหม


สำหรับ คุณ ขจรศักดิ์ สิ่งที่คุณพูดมันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้นะครับ

คุณพิจารณาแล้วแย้ง มาตามข้อที่ผมพูดก่อน

เรื่องดอกไม้ หอมไม่หอม มันไม่เกี่ยวกับธรรม เพราะถ้าเช่นนั้นแล้ว ผมก็บอกได้ว่า ธรรมของพระพุทธองค์ ผมไม่ชอบผมชอบธรรมของ ลัทธิ อมชินริเคียว คุณว่า แบบนี้ผมถูกต้องไหม

เรื่องความถูกต้องก็คือ ความถูกต้อง ธรรมก็คือ ธรรม จะเอาเรื่องสมมติ เรื่องดอกไม้มาเปรียบไม่ถูกต้องครับ

 

อืม ก็นั้น่ะ ซิผมถึงบอกให้คุณลองปฎิบัติดูไงครับ ตามแนวที่ผมแนะนำ
ดีกว่าวิพากษ์ ผมกล่าวอะไรไม่ตรงจริตใจของคุณขันธ์ ขอโทษด้วยนะครับ

 

คุณขันธ์ครับ
..............
หมอฟัน เขาก็เรียนรู้ เพื่อรักษาฟัน โดยเฉพาะ..
หมอตา เขาก็เรียนรู้ เพื่อรักษาตาโดย เฉพาะ
หมอคลอด ก็เรียนรู้พิเศษเรื่องคลอดลูก
หมอเขาก็รักษา ตามแขนงที่เขา ชำนาญ
...................
หลวงพ่อเกษม ท่านก็ชี้แนะ พวกที่ต้องการ รักษาเฉพาะโรค..
เรื่องอื่นถึงท่านรู้...แต่คนไข้เจ็บตา ท่านคงไม่รักษาโรคกระเพาะหรอกมังครับ
.........................
แล้วแน่ใจได้ยังไงว่า ท่านผิด.....

 

ไม่ตรงต่อพระนิพพาน

ถ้า ตรงต่อพระนิพพาน แก้ได้ทุกโรค
แก้ได้จริง ยิ่งกว่า ไม่ใช่หรือ

ถ้านิพพานมันแย่ มันยาก เผยแผ่ไม่ได้
ก็คงไม่ต้องสอนกันกระมัง โอนกันก็พอ

 

คุณขันธ์ครับ
....................
และคนที่ร่างกายแข็งแรงแล้ว เขาคงไม่ไปหาหมอหรอกครับ...
...................
ผมว่าคุณน่าจะเข้าใจนะครับ..
มันเป็นเรื่อง............สมมุติ
เนาะคุณวิมุตติเนาะ.....

 

หลวงพ่อ พูดถึงเรื่อง การเบิกบุญ ฝากบุญ อุทิศบุญ การจ้างเทวดา
ข้อนี้หลวงพ่อ ยก บท ยถาขึ้นมา ว่า สามารถอุทิศใหได้ทันที ข้อนี้ผมไม่เถียง แต่หลวงพ่อกำลังจะยก นามธรรม ในใจให้เป็น เรื่องของรูปธรรมทุกอย่างเกินไป
ในเมื่อมี รูปธรรม ย่อมมีปริมาณ

ผมถามว่า ปริมาณของบุญ อันสร้างแล้วเกิด ปัญญา นี้จะยกให้กันได้อย่างไร
ผมถามว่า ปริมาณของบุญ อันสร้างแล้ว เกิด ขันติ นี้จะยกให้กันได้อย่างไร
ผมถามว่า ปริมาณของบุญ อันสร้างแล้ว เกิด จาคะ นี้จะยกให้กันได้อย่างไร

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจคำว่า บุญ กับ ทาน ทานนี้คือ ทรัพย์ที่เรา บริจาคให้กับผู้อื่น มี แบ่งออกเป็น วัตถุทาน อภัยทาน และ ธรรมทาน

ซึ่ง วัตถุทาน นี้ เมื่อบริจาคให้พระ พระท่านแผ่เมตตา ซึ่งเป็นพลังงานที่ชุ่มเย็น ก็จะทำให้ สัมภเวสี ได้รับ กันทั่วไป ทีนี้มันก็เหมือนคนที่มีเมตตา เราไปอยุ่ใกล้ๆ เราก็ได้รับพลังที่ดี เข้ามา อันต่อไปก็คือ อภัยทาน คือ ทานที่เราให้อภัยผู้อื่น และ สุดท้าย ธรรมทาน คือ ทานที่เราให้ธรรมแก่ผู้อื่น

อย่างแรก เป็น รูปธรรม อย่างหลังเป็นนามธรรม อันทำให้เกิด รูปธรรมที่ดี ซึ่ง อภัยทาน นี้ไม่มีปริมาณ ธรรมทาน ก็ไม่มีปริมาณ เราจะไปยกผลที่เราทำแล้ว เป็นปริมาณอย่างรูปธรรมไม่ได้

ข้อนี้ หลวงพ่อ เกษม มองโลกแคบเกินไปตามทัสนะคติของตน

ส่วนตัวผมคิดว่าบุญมีปริมาณครับ
เพราะสั่งสมได้
ถ้าไม่มีปริมาณคงไม่มีการเต็ม
เป็นพลังงานอย่างหนึงมีคุณสมบัติเฉพาะแตกต่างกันไป ครับ

 

ถ้าเช่นนั้น สมมติผมโอนบุญให้คุณขันท์ ในฐานะเทวดาสัมมาทิฏฐิ

ผมจะได้บุญกุศลเพิ่มไหม

แล้วตอนนี้คุณขันท์ ได้รับโอนบุญไปแล้ว คุณขันท์มีกองบุญเยอะขึ้นไหม

แล้ว ถ้าคุณขันท์เชื่อเรื่องการโอนบุญ คุณขันท์ย่อมโอนมาให้ผมเช่นกัน

เมื่อนั้น คุณขันท์กองบุญเพิ่มไหม

และ ผม มีกองบุญเพิ่มไหม

หลังจากนั้น ก็ หมุนๆๆๆๆ สมาธิหมุนโอนบุญกันไปมา ทั้งวี่ทั้งวัน
คงจะเต็มสักวันหนึ่ง เพราะได้จาคะในกองบุญ และปฏิบัติบุญ

บุญควบคู่เร่งเร้า ติ้วๆๆๆๆ

มันแปลกๆ ที่จะทำใจยอมรับ ท่าน ขจร รบกวนท่านชี้ให้ผมหน่อย
เราเป็นสหายธรรมกันพอควร น่าจะคุยกันด้วยดีได้

 

ไม่เห็นด้วยเช่นกันค่ะ อ่านแล้วไม่เหมือนแนวทางที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้เลย

 

ก่อนอื่นท่านเอกวีร์ต้องเข้าใจก่อนว่า บุญคือความดี สิ่งดีดี ไม่ไช่สิ่งชั่วร้ายแน่นอน...........เปรียบเทียบ บุญคือแสงสว่างส่องโลก คือแสงเทียน ส่องใจส่องความมืด ให้เห็นหนทาง เห็นความจริง ....หรือเหมือนเงิน ในทางโลก ที่ใช้ซื้อของได้.........
......................ถ้าคุณเอกวีร์ มีบุญ หรือมีเทียนที่จุดสว่างในมือ แล้วคุณเอกวีร์ไปจุดเทียนให้คนอื่น มีแสงสว่างด้วย ความสว่างจะเพิ่มเป็น สองจุด ความสว่างก็สว่างกว่าเดิม เขาได้แสงสว่าง คือเขาได้บุญจากคุณ แสงเพิ่มความสว่างขึ้น คุณก็เป็นบุญเพิ่มขึ้น เพราะแสงสว่างของคุณคนเดียว สู้แสงสว่างที่หลายคนร่วมกันจุดขึ้นไม่ได้แน่นอน แต่ความสว่างจะมากจะน้อย ขึ้นอยู่กับเทียนของคนคนนั้นด้วย ว่าเป็นเทียนเล็ก ใหญ่ กลาง เทียนมีคุณภาพ เทียนเปียก เทียนไม่มีไส้.....หรือไม่มีเทียนเลย........คงเห็นภาพนะครับ
....................
และบุญหรือความดี ถ้าเราโอนให้คนอื่นที่เขา ไม่เอา ไม่เชื่อ แสดงว่าเขาไม่มีภาชนะรับ หรือไม่เปิดใจ...เราก็ช่วยเขาไม่ได้ เช่นเราจะโอนเงิน แต่คนคนนั้นไม่เปิดบัญชี เราก็โอนเข้าให้เขาไม่ได้
...............
เรื่องการแบ่งบุญ คุณน่าจะเคยอ่านเรื่อง การทำบุญของยาจก แล้วพระราชามาขอแบ่งบุญด้วย....เขาแบ่งกัน อนุโมทนากันได้ครับ.
...............ขอบคุณที่ถาม

 

จะมีด้วยหรือ คนที่ไม่ต้องการบุญ ใครบ้างไม่อยากได้บุญ

อันนี้ให้ยกพวกทิฏฐินอกพุทธออกไปก่อนเลยนะ จะได้ตัด
ประเด็นบอกบุญไม่รับกันออกไป

 

ไม่เห็นด้วย ไม่เป็นไร

ไม่เห็นด้วย...อย่าปรามาสพระ

ท่านผู้เจริญทั้งหลายครับ...มันไม่ดี

 

อ้าว กลับไปอ่านที่ เว็บวัดสามแยก อีกที หน้าตาเว็บเปลี่ยนไปหมดแล้ว

คำว่า ญาณะ อะไรนี้ หายไปไหมหมดละครับ

คำว่า โอนบุญ ก็เอาออกจาก Hilight ไปแล้ว

คำสอน ก็ตัดแสดงลงแต่ พระสูตร หาคำสอนหลวงพ่อไม่เจอเลย
ปรับไปเยอะนะนี้ แค่ไม่ถึงครึ่งปี

ถ้างั้นขอยุติการโต้ตอบไว้ก่อน

ขอให้เจริญในธรรมครับ


* * * * *

ใครชี้ Link ธรรมะของหลวงพ่อเกษมในส่วน โพธิปักขยิธรรม ให้ผมได้
ผมขอโอนบุญในกุศลนี้ให้ครับ

 

แหะๆ แต่เมื่อก่อน ผม ไม่เคย คิดว่า ขอให้ผลแห่งบุญนี้ จง ไป เป็น อาหาร ให้ แก่ ผู้ ตกทุกข์เลยนะครับ

แต่ ต่อ ไป ในใจจะคอยนึกอย่างนี้ไปด้วย

ถึง จะผิด ก็ ไม่ ควร ไป ปรามาส ครับ

กรรม ไม่ ดี รู้ แล้ว ก็ ละ ซะ

 

ก็คือพวกที่ หลงผิด เข้าใจผิด เห็นผิด เชื่อผิด ...ก็เบิกให้ไม่ได้
และพอเขา หลงถูก เข้าใจถูก เห็นถูก เชื่อถูก...ก็ ok ครับ
..............
มันเป็นเรื่องของใครของมัน ...จะรู้ว่าอะไรคือถูก อะไรคือผิด
เจ้าตัวจะรู้เอง และเราผู้เบิกบุญ คนอื่นเขาก็ไม่ได้บังคับ ให้เราทำ
............ไม่มีใครบังคับให้เราเบิก...
....เราเต็มใจ...

 

เห็นมี เบิก โอน ถอน บุญกันได้ด้วย ไม่ทราบว่า มีธนาคารไว้ฝากไหมครับ จะได้เก็บไว้ใช้ในอนาคต...

 

ท่านที่ตาดีๆมาบอกมาสั่งสอนก็ยังไ่ม่เชื่อ มิหนำซ้ำยังว่าท่านสติวิปลาสสะอีก น่าจะไปขอขมาท่าน ไม่งั้นคงได้่วิปลาสซะเองแน่

หากหลวงพ่อเกษมท่านไม่ดีจริง พระป่าทั้งหลายคงไม่ให้ท่านขึ้นธรรมมาสเทศน์เมื่อคราวงานของหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท หรอกนะครับ ฝากให้เก็บไปคิดให้มากๆ

 

ท่านสมมุติ รู้แล้ว ถามทำไมครับ..........