เรื่องเด่น มีวิธีเช็คยังไงครับว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่รับพยากรณ์แล้ว

ผมก็ยังไม่เคยเห็นเขาพูดถึงลายมือแบบนี้เลยครับ

 

ออครับขอบคุณครับเป็นความรุ้อย่างยิ่ง

 

ขอถามไรเพิ่มหน่อยครับคือว่าพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีมายาวนานแต่ไม่ได้รับพุทธพยากรณ์มีไหมครับแบบบำเพ็ญมาแล้ว60อสงไขยแบบนี้แต่ยังไม่ได้พุทธพยากรณ์แต่จิตใจของท่านก็มุ่งช่วยสรรพสัตว์ทั้งหลาย

 

ไม่มีครับที่จะมีพระโพธิสัตว์จะสร้างบารมีแบบนานเป็นพิเศษ

พระโพธิสัตว์ระหว่างบำเพ็ญบารมี เมื่อเจอพระศาสนาก็ต้องเรียนวิปัสนา

จิตเมื่อเดินปัญญาไปถึงจุดที่พร้อมจะเป็นพระอรหันต์ ส่วนมากๆๆ จะลาพุทธภูมิไปก่อน จากหลายเหตุปัจจัย พวกที่ตั้งความปราถนาผิดๆ เช่น อยากใหญ่ อยากมีฤทธิ์ อยากได้ความรู้ของพระสัพพัญญูฯลฯ พวกเหล่านี้จะลาไปก่อน เพราะทนความลำบากที่ยาวนานไม่ไหว

ส่วนท่านที่มีกรุณาในจิตจึงปราถนาพุทธภูมิ ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งมากเท่านั้นถึงรอดผ่านไปจนได้รับพุทธยากรณ์

ดังนั้นพวกที่ตั้งความปราถนาที่จะสร้างบารมีเรื่อยไปแบบยาวนานพิเศษ พวกนี้บารมียังอ่อนไม่เข้าใจว่าภพทั้งหลายไม่น่าปราถนา.

พวกที่บารมีพอเข้าขั้นเท่านั้นที่เร่งตนเองให้ได้รับพุทธยากรณ์

ส่วนที่ได้รับพยากรณ์แล้ว จิตปราถนาพุทธภูมิ มันจะควบกับปราถนานิพพาน ถึงรู้ว่าไม่มีทางจะได้มรรคผล แต่จิตปราถนานิพพานอยู่ เพียงแต่ด้วยมหากรุณา จะเป็นแรงขับให้ลงมาเกิดเพื่อสร้างบารมี จนกว่าจะได้ตรัสรู้

 

ขอเพิ่ม

เรื่องที่ว่า พระโพธิสัตว์ สร้างบารมี 20 40 80 อสงไขยตามแต่ละประเภท โดยแบ่งเป็น 3 ช่วง คือ คิดในใจ เปล่งวาจาปราถนาออกมา และหลังได้รับพยากรณ์. ทั้งหมดเป็นเรื่องแต่งโดยอาจารย์ชั้นหลังๆ

แต่มีหลักฐานมากมายที่ พระพุทธเจ้าตรัสบอกว่าพระองค์สร้างบารมี 4 อสงไขยแสนกัปป์ และพระองค์ไม่เคยกล่าวถึงเวลา 20 อสงไขยเลย

ถ้าว่ากันตามหลักฐาน ช่วงก่อนได้รับพยากรณ์ บางคนอาจสั้นหรือยาว แต่เมื่อได้รับพยากรณ์ ก็จะถูกแบ่งตามกำลังของปัญญา เป็น ปัญญาธิกะ ศรัทธาธิกะ และวิริยาธิกะ

ดังนั้นผู้ปราถนาพุทธภูมิควรเร่งบ่มเพาะคุณสมบัติให้พร้อม เพื่อจะได้รับพุทธพยากรณ์ในอนาคต

 

ไม่มีระยะเวลา3ช่วงหรอครับเช่นในใจ7เปล่งวาจา9หรือในใจ28เปล่งวาจา36อะไรประมานนี้ครับคือสร้างบารมีไปเรื่อยๆบารมีพร้อมคุณสมบัติครบตั้งความปราถนาก็จะได้รับพยากรณ์หรอครับอินทรีย์เป็นของเฉพาะตัวของพระโพธิสัตว์องค์นั้นๆสะสมมาเลยไช่ไหมครับคือปัญญา/ศรัทธา/วิริยะหรือสุ่มเอาครับ

 

บารมีต้องสะสมครับ

ส่วนที่ว่ามี 3 ช่วง ผมมั่นใจว่าไม่มีจริง ขั้นตอนมีเพียง สร้างคุณสมบัติทั้ง 8 ให้พร้อม พบพระพุทธเจ้า ทำอธิการ แล้วก็รับพยากรณ์

ส่วนที่จะเป็นพระโพธิสัตว์ประเภทไหนขึ้นกับลักษณะของจิตพระโพธิสัตว์เอง. ไม่ใช่ว่าเรามาเลือกเองได้ หรือตั้งใจจะเป็นแบบไหนเลยพยายามเปลี่ยนมาเป็นแบบที่ต้องการ

 

ไปได้ลายมือมาจากไหนครับของคนปราถนาพุทธภูมิหรอครับ

 

ไม่จริงครับ

นิตยโพธิสัตว์ ประเภทเพิ่งรับพุทธทำนาย หรือประเภทที่เป็นสิบองค์ยี่สิบองค์ที่จะตรัสรู้ภายหน้าอันใกล้นี้ ในชาติปัจจุบัน ยุคนี้ ไม่จำต้องมีรูปธรรมจักรที่ฝ่ามือเลย

แต่เคยมีเพื่อนบอกว่า นิตยองค์ใหม่นี้มีรูปดอกบัวที่ฝ่ามือ ผมดูแล้ว ก็ไม่เห็นจะเป็นเลย พิจารณาแล้วสงสัยดูจากด้านบนของดอกบัว แต่ผมดูของตัวเองก็เห็นแต่ด้านข้าง

แต่องค์นิตยองค์ใหญ่ระดับนัยตาเพชรที่เค้าว่ากัน ท่านมีลายมือเหมือนปกติมาก ไม่เห็นอะไรเลย แต่ว่าองค์นี้ ช่วงหนึ่งเห็นท่านมีเกศาขดเป็นก้นหอยห้าสิบกว่าขด แทบจะนึกว่า เป็นอวตารพระพุทธเจ้าเลย แต่ก็เห็นแค่ชั่วเวลาหนึ่ง และมีช่วงหนึ่งเห็นรัศมีที่หน้าของท่านเหมือนรัศมีดวงจันทร์

 

ออครับหลายๆความคิดได้ความรู้ดีไครมีข้อมูลพิเศษอีกก็มาแชร์ไห้คนอื่นได้รู้บ้างนะครับเป็นการสร้างบารมีครับ

 

ลักษณะของฝ่าเท้ามีไหมครับเอามาลงไห้ดูทีครับเผื่อได้ความรู้เพิ่ม

 

+++ ลองไปหาดู "เหตุที่พระพุทธองค์ มีพระชนมายุเพียงแค่ 80 ปี" ดูนะครับ

+++ เรื่องที่ไป "กระทืบรากษสอายุ 80 ปี" ลองหาดู รายละเอียดจะอยู่ในนั้น

+++ มีอยู่ใน "พระไตรปิฏก" และ รากษสได้เห็น ลายฝ่าเท้าเป็น ธรรมจักร

+++ ลองหาดู ก็คงไขปริศนา ตรงนี้ได้ แค่นี้นะครับ

 

ไม่ใช่ความรู้ สมัยใหม่สมัยเก่าครับ

ถ้ารู้ว่าใครเป็นนิตยหรือไม่ นี่ก็ด้วยฌาณครับ คือ ได้อนุโมทนากันมากับท่านที่เป็นนิตย ก็ระลึกได้

ส่วนลายมือนั่น ก็เราดูด้วยตาเนื้อเราปัจจุบัน ลายเท้าก็ดูกัน ก็เราเห็นว่า มีทั้งมีและไม่มี ในบรรดานิตย ก็แปลว่า ไม่จำเป็นต้องมีทุกชาติไป ก็แค่นั่นครับ

ส่วนตำรามหาปุรุษ ผมก็ทราบว่าหลายคน ในอดีตชาติก็เคยเป็นผู้ออกตำรานี้ เพราะฤาษีดาบสนับ500รูป มาชุมนุมกันทำนายลักษณะพระพุทธเจ้าในอนาคตเท่านั่น ไม่ใช่ดูนิตยโพธิสัตว์ เพราะนิตยโพธิสัตว์เป็นปลาก็ได้ แต่พระพุทธเจ้าต้องเป็นมนุษย์ภูมิ จึงเจาะจงดูลักษณะได้ แต่นิตยโพธิสัตว์เกิดได้ร้อยแปดจะต้องดูเฉพาะไปว่า ปลาที่เป็นนิตยต้องมีลักษณะแบบนี้แบบนั่นไปทำไมครับ ไม่ต้องด้วยความประสงค์ เพราะโพธิสัตว์มีจำนวนมาก ต่อให้เป็นนิตยก็มีโทสะ โมหะ โลภะ และวิบากกรรมอยู่มาก เราอาจตายด้วยมือของนิตยโพธิสัตว์ก็ได้ อดีตชาติของพระเตมีย์ถึงต้องลงนรกไงครับ

 

มีหลายคนไม่ได้เป็นโพธิสัตว์ ไม่ได้เป็นนิตยโพธิสัตว์ แต่ก็มีมหาปุริสลักษณะครับ คือการเป็นพระจักรพรรดิ์ผู้มีจักรแก้ว ...

การมีแค่ลายมือธรรมจักร ไม่ได้บ่งว่าคือนิตยโพธิสัตว์ด้วยซ้ำ ก็ขนาดมีลักษณแบบพระพุทธเจ้าทุกประการ ก็แค่พระจักรพรรดิ์ผู้มีจักรแก้ว ไม่ได้เป็นโพํธิสัตว์ด้วยซ้ำไปครับ

 

ออมีหลายกหลายความรู้ครับตอนแรกผมเข้าใจว่านางแก้วจะมีได้ก็ต่อเมื่อได้รับพุทธพยากรณ์ที่แท้ก็มีได้ก่อนนั้นอีกสัญลักษณ์หลังได้รับพยากรณ์ก็มีแล้วแต่บางภพบางชาติลักษณะที่พิเศษกว่าคนทั่วไปแต่ภายในคือจิตเมตตาต่อสรรพสัตว์และรักในโพธิญาณมากและเจริญวิปัสสนาจนถึงอนุโลมญาณถ้ามีช้อยไห้เลือก2อย่างระหว่าง 1เป็นพระอรหันต์และสามารถนิพพานในวันนี้ได้เลย กับ 2เลือกบำเพ็ญพุทธภูมิต่อและยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกนับจำนวนชาติไม่ได้ 2ช้อยที่กล่าวมานี้พอจะวัดกำลังใจของนิยตโพธิสัตว์ได้ไหมครับ

 

ไม่ได้ครับ ไม่ได้วัดกันตรงนั้น

การเจริญวิปัสสนาจนถึงอนุโลมญาณถ้ามีช้อยไห้เลือก2อย่าง แล้วเลือกไปที่โพธิญาณ เป็นเพียงกระบวนการที่เอามาพิสูจน์ว่า เป็นนิตย เท่านั้นเอง ซึ่งก็เกิดโดยอัตโนมัติครับ ไม่ได้เป็นการวัดกำลังใจ แต่ทั้งนี้ ผู้นั้นก็ต้องไม่หลงด้วย คือ ต้องเป็นวิปัสสนาญาณจริงเท่านั้น

สำหรับผมมีเหตุการณ์ทางจิตคล้ายที่มีหลายคนเคยเล่าถึงขั้นทำนองว่า นั้นคือ แดนนิพพาน คือ ข้ามไปแว่บหนึ่ง อะไรก็ตาม คล้ายอนุโลมญาณ อยู่หลายครั้งพอสมควร แต่ผมเป็นเพียงอนิตย ครับ จึงคิดว่า สมถะวิปัสสนาของผม ยังไม่ถึงขั้นอนุโลมญาณครับ อ่านไปมา คิดว่า จะเป็นวิปัสสนูปกิเลส ก็ขอให้ระวังด้วยครับ

อนิตยโพธิสัตว์ เมื่อมีอุปนิสัยที่เคยสละชีวิตถึงขั้นปรมัตถบารมี ทำข้อ อธิกาโร จิตจะแรงกล้ามากกก การที่จะให้สละพุทธภูมิจะยิ่งยากกว่ามากก แต่ไม่ได้หมายความว่า เหตุอื่นที่เหลือ(ธรรมสโมธาน ๘) จะพร้อมด้วย การที่ทำ ข้อ อธิกาโร มีส่วนที่ทำให้ ข้อ ฉันทตา ในพุทธภูมิแรงกล้า แต่ข้ออื่นก็ต้องมาพร้อมพอดี ข้ออธิกาโร อาจทำมาก่อนได้รับพุทธทำนายเป็นอสงไขยเรื่อยมา ข้างฝ่ายท่านที่ทำมาเกินกำหนด คือ กำลังใจทะลุจนจะเป็นอรหันต์หรือพระปัจเจกไปเองแล้ว ก็มีที่ไม่ได้รับพุทธทำนาย เท่าที่ฟังมามีพระอรหันต์หลายองค์ตั้งพุทธภูมิจนเกินเวลาการเป็นพุทธเจ้าไปแล้ว บางองค์ 100 อสงไขยก็นิพพานไปโดยไม่ได้เป็น นิตยโพธิสัตว์ นะครับ

กำลังใจนอกจาก ข้อ ฉันทตา อธิกาโร แล้ว ข้อ เหตุ (อุปนิสัยที่จะนิพพานได้ทันที) ต้องมาพร้อมกับข้อ สัตถารทัสสนะ ไม่ยิ่งไม่หย่อนไปกว่ากัน ถ้าให้ข้อ เหตุ พร้อมเกินไปจนจะนิพพานไปก่อน ข้อ สัตถารทัสสนะ ก็หลุดไป

ถ้าข้อ เหตุ มีน้อยไป ข้อ ฉันทตา ข้อ อธิกาโร มีมากไป ข้อ สัตถารทัสสนะ จะถูกละเลยไปโดยไม่รู้ตัว

ข้อสัตถารทัสสนะ จึงต้องมี คือ ต้องมี ความรักในพระพุทธเจ้าให้มากด้วย ไม่ใช่แค่ ฉันทตา ที่รักในพุทธภูมิอย่างเดียว นั้นหมายถึง ให้รักในโพธิสัตว์ด้วยกันด้วย โดยเฉพาะองค์ใหญ่ หมายถึง ต้องได้ตั้งแต่อนุโมทนา จนถึงขั้นปฏิบัติตามปฏิปทาของท่าน(ดำเนินตามรอยทำนองเดียวกับชาลี พระราชกุมารของพระเวสสันดร) นั้นคือ ข้อ เหตุ ต้องพร้อมสมบูรณ์จึงจะทำให้เกิดข้อ สัตถารทัสสนะ ได้ ครับ

ดังนั้น กำลังใจของนิตยโพธิสัตว์ จึงซับซ้อนกว่าการที่มี ข้อ ฉันทตา อย่างเดียว กำลังใจของนิตย มาจากความสมบูรณ์ของ ธรรมสโมธานทั้ง 8 ข้อ การพิสูจน์โดยอนุโลมญาณ ถ้าถูกต้อง ก็แล้วไปครับ แต่ไม่ใช่การวัดกำลังใจ เป็นผลจากการเป็นนิตยต่างหาก ซึ่งอนิตยทั้งหลายต้องระวังการพิสูจน์โดยวิธีนี้ด้วย ส่วนนิตยไม่ต้องพิสูจน์อะไรครับ เพราะไม่มีความจำเป็น ที่อนิตยต้องพิสูจน์เพราะต้องทบทวนการทำ ธรรมสโมธาน ส่วนนิตย ไม่ต้องครับ ทุกๆ ชาติที่เกิดลงที่บารมี 30 แล้วครับ จึงบอกว่า ถ้านิตยอยู่ในช่วงที่อาจลืมได้ ถ้าจะทราบก็แค่ระลึกถึง บารมี ก็พอครับ ไม่ต้องอนุโลมญาณ เพราะจิตท่านตั้งเข็มทิศโดยบารมีมาตั้งแต่รับพุทธทำนายแล้วครับ

 

เป็นความรู้อย่างยิ่งครับพระโพธิสัตว์ที่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้วชาติต่อไปถ้าเกิดอีกจะมีอภิญญาทุกชาติไปจนกว่าจะได้ตรัสรู้ไหมครับหรือบางชาติก็ไม่ทรงอภิญญา

 

ถ้าไม่มีวาระวิบากกรรมหนักที่มีลักษณะขัดขวาง ถ้าตั้งใจจะทำอภิญญาก็ทำได้โดยง่าย คือ มีอภิญญาโดยง่าย

แปลว่า ไม่จำต้องมีอภิญญาทุกชาติไป

นอกจากนี้ โดยส่วนใหญ่เวลาฝึกฝนบารมี ท่านไม่ใช้อภิญญาทำ ดังนั้น บางทีตั้งใจกันเลยว่าช่วงนี้ช่วงนั้นจะบำเพ็ญบารมีข้อนี้ข้อนั้น ซึ่งจะไม่เอาอภิญญา ไม่ใช้อภิญญาครับ เพราะสิ่งที่ต้องทำไม่ใช้อภิญญา เป็น บารมี 30 ทัศครับ บารมี 30 ทัศก็เหมือนตอนทำถนนบูชาพระพุทธ เหมือนตอนหั่นเนื้อให้ยักษ์ ไม่ใช้อภิญญาทำครับ ถ้าใช้อภิญญาก็ไม่ใช่บารมีแล้วครับ เป็นเพียงอภิญญา ซึ่งเป็นของที่เป็นพื้นฐานจิตของนิตยเฉยๆ ครับ เพราะจะทำบารมีต้องมีกำลังใจที่แรงกล้า การที่จิตมีฌาณ อภิญญา พอจะบ่งชี้ได้ว่า มีกำลังใจเข้มแข็งแล้ว แต่ยังไม่พอนะครับ การทำบารมีหลังสำเร็จนิตย จะเข้มข้นและบริสุทธิ์กว่าตอนที่ยังไม่ลุนิตยเสียอีก ถึงแม้จะเคยทำปรมัตถ์บารมีมาก็ยังไม่ถึงขั้นครับ เพราะบารมีตั้งแต่ขั่นต้น อุปบารมี ปรมัตถบารมีของนิตยมีความละเอียด ลึกซึ้ง และหมดจดกว่าตอนเป็นอนิตยหลายขั้นครับ ดังนั้น ถ้าพบนิตยแล้วท่านทำบารมีขั้นต้น ก็อย่าไปปรามาสนะครับ นั่นละเอียด ลึกซึ้ง หมดจด กว่าคนธรรมดาหรืออนิตยที่ทำปรมัตถ์บารมีเสียอีก จะบาปติดตัวครับ ระวังกันด้วยครับ

 

ถ้าลายมือเป็นรูปดอกบัวล่ะค่ะ
พอทราบไหมค่ะว่าคืออะไร?

 

เพื่อนคนนึง เค้าว่าเค้าเพิ่งเป็นนิตยโพธิสัตว์ช่วงพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ก่อนองค์ปัจจุบัน มีรูปดอกบัวที่ฝ่ามือ รูปดอกบัวที่มองจากด้านบนนะครับ แต่ผมมองดูว่าไม่เหมือนนะ แต่เมื่อตั้งใจจะดูให้เหมือน ก็น่าจะเป็นดอกบัวบานที่มองจากด้านบน

เมื่อผมทราบว่า จะดูกันอย่างนี้ก็ดูที่ลายมือผมบ้าง เห็นที่เนินฐานนิ้วหัวแม่มือซ้ายเป็นรูปดอกบัวตูมนะครับ

นี่จะกลายเป็นว่า ดอกบัวบานคือ นิตย ส่วนดอกบัวตูมเป็น อนิตย(คิดเอาเอง)

แต่ว่า ผมไม่ได้คิดนะว่าจะแปลอย่างนั้น เพราะพระนิตยองค์ใหญ่ผมดูที่ลายมือทั้งสองมือของท่านก็ไม่เห็นมี

ถ้าต้องการคำทำนายลายมือที่ไม่ใช่ ตำรามหาปุริสลักษณะ ลองถามท่าน ธรรมชาติดูครับ ว่ามีตำราใด

ผมแค่เล่าเหตุการณ์ตามจริงที่ประสบมาเท่านั่นครับ แย้งไว้เฉยๆ ว่า บางทีลายมืออาจไม่ได้บ่งบอก แต่ทั้งญาณและประสบที่เจอทำให้เห็นว่า แม้ไม่มีลายมือรูปดอกบัวหรือธรรมจักรที่มือหรือเท้า แต่ผมเคยเห็นลักษณะตามตำรามหาปุริสลักษณะในท่านนิตยองค์ใหญ่ท่านหนึ่งแค่นั้นครับ และปรากฎอยู่ช่วงเวลาหนึ่งครับ คือ เส้นผมม้วนเป็นขดทักษิณาวัตรกว่า ๕๐ ขด (ผมประมาณเอาเองจากที่เห็น)