มีคำทำนายภัยพิบัติ พระยาธรรมที่ท่านทั้งหลายคิดว่าเชื่อถือได้กันบ้างหรือเปล่า

คำทำนายนี่มันก็หลายหลากข้อมูลจัง
https://sites.google.com/site/sphrathewtheph/Home-31

อันนี้เขาบอกว่า คัดลอกมาจากหนังสือเล่มหนึ่งในปี 41

 

อ้าวอีก 3 เดือน นับ 1 ไตรมาสสสส
2562 แล้วนิ
งั้นก็รูจัก..สหธรรม
กันไปก่อนเน้อออ

 

ผมอยากรู้ว่าท่านเป็นใคร หรืออะไรครับ จะมาจริงมั้ย เป็นคำทำนายหลอกคนเข้าวัด หรือเรื่องจริง อะไรประมาณนั้นครับ

เผื่อว่าถ้าได้รู้แล้วจะได้โล่งเสียที
เพราะ
คำทำนายพระยาธรรมและพระจักรพรรดิ์ตรงกับผม

ปัญหาคือผมไม่ได้อยากคิดว่าผมเป็น แต่คำทำนายตรงกับผมจนผมต้องคิดว่าตัวเองอาจจะเป็น

 

= =

ใช้ภาษานักปฏิบัติธรรมกับผู้ปฏิบัติธรรม ให้เกียรติผมเกินไปมั้ง

อีกอย่าง ผมไม่ใช่พวกปฏิบัติเพื่อไปให้ถึงนิพพานครับ
ผมเป็นพวกเรียนให้ได้รู้ ให้กว้าง ๆ
เพื่อที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในวันข้างหน้า และเอาความรู้ที่เรียนรู้มาไปปรับสอนคนได้ ท่านต้องแยกให้ออกว่า ผมกำลังทำอะไร แล้วทางหลุดพ้นทำอะไร

อีกอย่าง
การเป็น ไม่ได้หมายความว่า ผมยังไม่ถึงพร้อมแล้วจะเป็นไม่ได้
เพราะถ้าปฏิบัติให้ถึง มันก็เป็นได้(นอกเสียจากว่าจะไม่ใช่เรา)

และที่สำคัญที่สุด
ผมบอกว่า
ปัญหาคือผมไม่ได้อยากคิดว่าผมเป็น แต่คำทำนายตรงกับผมจนผมต้องคิดว่าตัวเองอาจจะเป็น

ทำความเข้าใจแล้วตกผลึกมาว่ายังไงครับ

แต่ใช่ ผมยอมรับว่าคนที่ผมอยากเป็นคือพระจักรพรรดิ แต่ไม่ใช่พระยาธรรม แต่บางคำทำนายก็ว่าพระยาธรรมไม่ได้เป็นผู้บรรลุธรรม

คำว่า
"ปัญหาคือผมไม่ได้อยากคิดว่าผมเป็น แต่คำทำนายตรงกับผมจนผมต้องคิดว่าตัวเองอาจจะเป็น"

คือผมไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นได้ แต่ คำทำนายมันชวนให้คิดว่าผมเป็นพระจักรพรรดิ์หรือพระยาธรรมนะ คำทำนายเลยทำให้ผมเกิดความสงสัย และอยากรู้จึงมาหาคำตอบนี่ไง

การเกิดอุปาทานสำหรับผมมันไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะในคนที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรมเพื่อหลุดพ้นยังไงมันก็ต้องเกิด เพราะผมยังไม่ต้องการหลุดพ้น ที่สำคัญสำหรับผมแค่คนเดียวคือรู้ว่ามันกำลังเกิดก็พอแล้ว

ดังนั้น ก่อนที่ท่านจะเอาธรรมไปคุยกับใคร ท่านควรรู้ก่อนว่าคนที่เรียนธรรมคนนั้น มีจุดมุ่งหมายในการเรียนธรรมเพื่ออะไร ไม่งั้นท่านอาจจะเกิดอารมณ์ที่ขุ่นมัวขึ้นในใจอย่างไม่จำเป็น คือโกรธเขาโดยที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไร

และอาจจะเป็นการทำอะไรบางอย่างพลาดให้คนได้เห็นก็เป็นได้

 

เหตุอยู่ที่ความสงสัย
แก้ได้สองวิธี คือ เลิกสงสัย(ปล่อยวาง) และหาความจริง

แต่มันเลิกสงสัยไม่ได้ไง เพราะคำทำนายชี้มาที่ผม ผมเลยอยากรู้

เอาเป็นว่าคุณไม่เข้าใจผมหรอก เพราะคนเรามีความคิดไม่เหมือนกัน ระดับการปฏิบัติธรรมก็ไม่เท่ากัน และขอท่านอย่าได้คิดว่าคนเราจะเหมือนกันหรือควรจะเหมือนกันทุกคน เพราะมันผิด

อารมณ์ที่ขุ่นมัวของคุณมันเกิดขึ้นจากความคิดที่ว่า ทำไมอย่างนั้นไม่เป็นอย่างนั้น ทำไมอย่างนี้ไม่เป็นอย่างนี้
สิ่งนั้นควรเป็นอย่างนั้น สิ่งนี้มันควรเป็นอย่างนี้

ซึ่งบางครั้งมันก็ถูก
แต่ที่ถูกกว่าก็คือ

คุณต้องเข้าใจก่อนว่าอะไรมี หรืออยู่ เพื่อสิ่งใด และสิ่งที่สิ่งนั้นดำเนินไปมันสมควรแก่เหตุผลที่อ้างหรือเปล่า เพื่อที่จะได้สามารถมองมันได้อย่างเป็นกลาง และเป็นธรรม

ไม่งั้นเวลาเห็นอะไรไม่ถูกใจคุณก็จะเกิดความขุ่นมัวอยู่แบบนี้แหละ

 

งั้นสปอยหนังให้ที่ผมอาจจะไม่ได้อยู่ดูให้ฟังครับ จะเชื่อไม่เชื่อก็ตามแต่ ท่านพระยาธรรมมาแล้ว ณ ปัจจุบันนี้ ส่วนพระเจ้าจักรพรรดิ์จะมาในยุคหลังภัยพิบัติ(ภัยพิบัติไม่ได้หมด) ซึ่งภัยพิบัติมันค่อยเป็นค่อยไป ท่านลองดูเอาเองมันไม่มารอบเดียวนะ นู่นรอหลัง 72-73 ที่น้ำมันท่วมและแผ่นดินทรุดไปแล้ว เนี่ยคำทำนายพระยา ส่วนพระเจ้าจักรพรรดิ์นี่มาเกิดยุคหลังพระยา เสียอีก

ปล.หนังจบแล้วครับ

 

ละพระยาธรรมตามที่ท่านรู้มานี่ท่านแสดงตัวหรือยังครับ เผื่อผมจะได้หาธรรมมาฟัง

 

เรื่องภัยพิบัติเกิดขึ้นยาว ๆ แต่ทีละเล็กบางใหญ่บ้างนี่ ตรงกับคำทำนายของสำนัก ตาผ้าขาวป่าสามแยกครับ

*0*

เห็นตาผ้าขาวท่านว่า ภัยพิบัติต่าง ๆ จะดำเนินไปเรื่อบ ๆ เป็นเวลาประมาณ 50-60 ปีมั้งครับ

ผมก็อาจจะไม่ได้อยู่ดูฟังเหมือนกัน เพราะเพิ่งตาสว่างได้ไม่นานเลยทำเวรทำกรรมมาเยอะ ไม่แน่ว่าในกระทู้นี้คนที่ต้องไปก่อนเพื่อนอาจจะเป็นผม 555

 

ลองพิจารณาสิ่งนี้ดูนะคะ พญาธรรมิกราชตามคิริมานนทสูตร

ภาษาบาลีวันละคำ....

ธรรมิกราช
อ่านว่า ทำ-มิ-กะ-ราด
ประกอบด้วย ธรรมิก + ราช

(๑) “ธรรมิก”

บาลีเป็น “ธมฺมิก” (ทำ-มิ-กะ) ประกอบด้วย ธมฺม + อิก ปัจจัย

ก. “ธมฺม” (ทำ-มะ) รากศัพท์มาจาก ธรฺ (ธาตุ = ทรงไว้) + รมฺม (ปัจจัย) ลบ รฺ ที่สุดธาตุ (ธรฺ > ธ) และ ร ต้นปัจจัย (รมฺม > มฺม)

: ธรฺ > ธ + รมฺม > มฺม : ธ + มฺม = ธมฺม แปลตามศัพท์ว่า “สภาพที่ทรงไว้”

(๒) “ราช”

บาลีอ่านว่า รา-ชะ แปลตามรากศัพท์ว่า –

(1) “ผู้รุ่งเรืองโดยยิ่งเพราะมีเดชานุภาพมาก”
ความหมายนี้ประกอบขึ้นจาก ราชฺ (ธาตุ = รุ่งเรือง) + อ ปัจจัย = ราช

หมายความว่า ผู้เป็นพระราชาย่อมมีเดชานุภาพมากกว่าคนทั้งหลาย

http://dhamma.serichon.us/ปกิณกะ/ธรรมิกราช-อ่านว่า-ทำ-มิ-ก/

ส่วนในพระสูตรคิริมานนทสูตร .....

อานนฺท ดูกาอานนท์ ธรรมนี้ชื่อว่าพระยาธรรมิกราช เพราะเป็นใหญ่กว่าธรรมทั้งหลาย ข้อที่เราตถาคตได้ตรัสไว้แล้วในธรรมหมวดนี้คือได้ชี้นรก สวรรค์ พระนิพพาน กิเลสตัณหา โดยจะแจ้งสิ้นเชิง

ลองพิจารณาข้อถอดใจความนี้ดูนะคะ ธรรมนี้ชื่อว่าพระยาธรรมิกราช เพราะใหญ่กว่าธรรมทั้งหลาย คำว่าใหญ่กว่าธรรมทั้งหลาย หรือใหญ่กว่าธรรมทั้งปวง ธรรมทั้งปวงอันหมายถึงสัจธรรมทั้งที่เป็นปรมัตถ์บัญญัติและสมมุติบัญญัติ เมื่อพระพุทธองค์ทรงตรัสว่า "ใหญ่กว่า" และอะไรคือสิ่งที่เหนือกว่าสัจธรรม แสดงว่าสิ่งนั้นต้องไม่ใช่ตัวตนเราเขาที่เป็นบุคคลแน่ค่ะ

จากภาษาบาลีวันละคำที่จิตยิ้มนำมา ที่ถอดออกมาจากรากภาษา เป็นภาษาซึ่งรักษาไว้ซึ่งพุทธวจน ในตระกูลภาษาที่มีวิภัตปัจจัย คือเป็นภาษาที่ที่มีคำเดิมเป็นคำธาตุ เมื่อจะใช้คำใดจะต้องนำธาตุไปประกอบกับปัจจัยและวิภัตติ เพื่อเป็นเครื่องหมายบอกพจน์(ความหมาย)

เราจะเห็นได้ว่า "ธัมมิก" คือ ธาตุที่ทรงสภาพไว้ เป็นต้นเหตุปัจจัย หรือ ที่สุดแห่งธาตุ ส่วน "ราช" รุ่งเรืองและมีเดชานุภาพมาก

เมื่อพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า พระยาธรรมิกราช เป็นราชาแห่งธรรม หรือ เป็นธรรมที่ใหญ่กว่าธรรมทั้งปวง สิ่งนั้นย่อม แสงธรรมโลกุตระ หรือ ศูนย์ธรรมโลกุตระ นั่นเองค่ะ

จากคำตรัสในพุทธทำนาย พระธรรมจะเริ่มเปล่งรัศมีฉายแสงส่องโลกอีกวาระหนึ่งก็ต่อเมื่อมีธรรมิกราชโพธิญาณบังเกิดขึ้น

อย่าเรียกว่าแสดงตัวเลยค่ะ เรียกว่า "การปรากฎขึ้น" น่าจะใกล้ความจริงกว่า เริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อราวประมาณช่วงต้น พ.ศ. 2500 ราว 50 กว่าปีที่ผ่านมาแล้วค่ะ โดยประมาณจากการรู้ข้อมูลที่พอเชื่อถือได้หลาย ๆ ท่านค่ะ การปรากฎขึ้นของพระยาธรรมิกราชนี้ เปรียบเสมือนสัจธรรมดินฟ้าอากาศ ที่เป็นศูนย์กลางของความเป็นจริงทั้งมวลได้ปรากฎเผยออกมาให้ผู้มีบุญบารมี ที่สั่งสมวาสนาบารมีฝากไว้กับดินฟ้าอากาศไว้เป็นพยานในการสั่งสมบารมีเพื่อการหลุดพ้น ได้พบได้ประจักษ์เห็นตามวาสนาของตนจากการปฎิบัติของตนเพื่อนำพาให้ตนเองหลุดพ้นได้ในภพชาติปัจจุบัน ที่มีผู้กล่าวไว้ว่า "ยุคอภิญญาสาธารณะ" ที่คนส่วนใหญ่จะเข้าถึงได้เหมือนในสมัยต้นพุทธกาลจึงทำให้มีผู้ตรัสรู้หรือบรรลุพระอรหันต์กันมากในยุคกึ่งพุทธกาลนี้ ตามที่มีคำทำนายออกมานะค่ะ ดังนั้นจึงไม่มีเทปหรือมีการเทศน์ นอกจากการปฏิบัติธรรมเพื่อสร้างเหตุและปัจจัยให้ถึงพร้อมอย่างเดียวเท่านั้นค่ะ

 

อันที่จริงไมไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ที่ว่าพระธรรมมิกราชคือคิริมานนท์สูตรครับ
แต่ถ้าองค์ประกอบอะไรต่าง ๆ ไม่ครบตามคำทำนายมันก็ยังมีเหตุให้สงสัยอยู่

เช่นพระธรรมิกราชโพธิญาณ คือ หลวงปู่มั่น แล้วพระมหาเถระโพธิสัตว์คือใครล่ะ
อันนี้ไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ว่าหลวงปู่มั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความเจริญทางพุทธศาสนาในช่วงที่ผ่านมาจริง

แต่เมื่อมีเหตุให้สงสัยมันก็เลยต้องสงสัยต่อแค่นั้นแหละครับ
เช่น ใครคือพระมหาเถระโพธิสัตว์
หรือจะนับหลวงปู่มั่นเป็นพระมหาเถระโพธิสัตว์ และองค์ธรรมคือ พระยาธรรมิกราช เป็นสองพระองค์ มันก็ดูไม่เข้ากันเท่าไร เพราะคำว่าพระองค์นี่จะใช้เรียกคนมากกว่า
แล้วไหนล่ะประธานาธิบดีสงฆ์ อะไรประมาณนี้แหละครับ

 

คำทำนายที่ว่านี้ ที่เป็นพุทธทำนายหรือเปล่าคะ หรือเป็นคำทำนายจากสำนักต่าง ๆ นะค่ะ เพราะเท่าที่ทราบมาในพุทธทำนายได้กล่าวไว้ คือ พระยาธรรมิกราช กับ พระมิกราชโพธิญาณไว้แค่นั้นค่ะ

 

มีธรรมิกราชโพธิญาณบังเกิดขึ้น อยู่ในความอุปถัมภ์ของ "พระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์"
ทั้งสองพระองค์สถิตย์ ณ เบื้องต้นตะวันออกของมัชฌิมประเทศ
จะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคต ให้รุ่งเรืองสืบไปถึง 5,000 พระวัสสา


ตรงนี้ที่คุณจิตยิ้มยกมาเองนี่แหละครับ

ซึ่งบางตำราก็ต่อเติมเข้าไปว่า เป็นพระมหาเถระโพธิสัตว์ บางตำราก็ว่ามีประธานาธิบดีสงฆ์

บางตำราก็ทำนายแตกต่างไปเลย อย่างคำทำนายพนะยาธรรมจากภาคเหนือ หรือภาคอิสานครับ

 

พุทธทำนายจากพระโอษฐ์ภาษาอีสาน...

(จากหนังสือผูกโบราณ ที่ปู่ย่าตายายสอนลูกสอนหลานคนอีสาน มาตั้งแต่เด็ก ๆ)


จังสิฮูงเหลื่อมเสมอแก้วหน่วยพิฑูรย์ ไผผู้มาเพียรสู้ตามพระธรรมเฮาชี้ช่องมานั้น สิบ่ขำเขือกฮ้อนคาถานั้นให้ฮ่ำเฮียน หรือสิเขียนใส่ผ้าพันหัวกันเสนียด หรือเอาไปกราบไหว้แลงเซ้าก่อนเข้านอนอานนท์เอ่ย อานนท์เป็นศิษย์แก้วเพียรเฮาบ่ได้ห่าง เฮาสงสารมากล้นภายหน้าศาสนา ฝูงหมู่อุบาสกอุบาสิกาคณาญาติ ให้พร่ำเพียรต่อสู้อย่าคร้านเศิกยาม เฮาแนะซ่องให้ยากง่ายตามความจริง อันความชั่วให้ละทิ้งเพียรไว้ตั้งแต่ดี ทางไกลก็สิเป็นทาง


…บัดนี้จักกล่าวภาคพื้นติดต่อตามประวัติ ตามแต่เฮามองเห็น หากสิจาไปหน้า อันว่าแนวนามเชื้อผิวเหลืองชนะเลิศ พวกพระสังฆเจ้าประจำไว้สู่เมือง จำพวกผิวขาวเผี้ยงสิพากันแพ้พ่าย พญาครุฑราชเจ้าสิบินเข้าสู่สถาน อันนรานอรินเดินจรก็สิได้กลับต่าว สิได้ไหลหลั่งเข้ากรุงกว้างดั่งเดิม


ยูท่างบำเพ็ญสร้างศีลทานบ่ได้ขาด ศาสนาของเฮาใกล้ คนเฮาไปบ่ได้หย่อน ควรหมั่นสีของหม่นเศร้าให้ใสแจ้งอยู่เฮิ่ง


ไผผู้บ่เกียจคร้านเพียรหมั่นภาวนา ก็จักมีอายุยืนอยู่เสถียรหายฮ้อน องค์พระยาธรรมเจ้า(พระยาธรรมิกราชหรือพระศรีอาริยเมตไตรโพธิสัตว์)สิลงมาครองโลก หากสิเห็นเที่ยงแท้ให้เพียรสร้างส่วนบุญ หัวทีนั้นพระองค์ทรงยั้งอยู่เมืองใหญ่สีปาด (กรุงเทพฯ)เป็นปัจจุบันเป็นเมืองลานช้าง(อีสาน)เฮาแท้เที่ยงจริง เผินจักมาเถิงแท้เดือน ๑๑ ขึ้น ๘ ค่ำ


ครั้น พ.ศ. ไปเถิงสองพันห้าฮ้อยแล้วปีกุนหน้า(๒๕๕๐)เที่ยงจริง ลูกแก่นต้นสิตามพ่อโดยเสด็จ กับทั้งหลานสององค์สิเหล่าเทียมมาพร้อม ตามแต่มาศะเกณฑ์ตั้งในระหว่างปีเถาะ(๒๕๕๔) ก็จักมีมหาสองยักษ์ยกพลมาล้นมาแต่ทางหนห้องทางปัจฉิมเอ้าอูด มากินสะมะณะพราหมณ์ทั้งหลายให้ตายประมาณได้เจ็ดล้านสามแสนห้าหมื่น บ่ใส่แต่ทอนั้นทวีเท่าทั่วแดน จนว่ามาเถิงปีมะโรง(๒๕๕๕)จังสิได้โค้งอ่วย


ครั้นผู้ใดอยากพบหน้าพระธรรมเจ้า(พระยาธรรมิกราชหรือพระศรีอาริยเมตไตรโพธิสัตว์)ให้หมั่นเพียร เต็มใจสู้ทำศีลทานเททอด ให้พากันอุปฐากพ่อแม่เจ้าสองเฒ่าให้อยู่เย็น ลุเถิงเข้าเขตปีมะเสง(๒๕๕๖) แม่น้ำมหาสมุทรไหลเซาะออกมาพังม้าง ฝูงหมู่สังโฆเจ้ามัวหมองปองหาลาภ ธุดงคะคุณมีแต่ละน้อยเพียรสู้ก็บ่หลาย


พอมาเถิงห้องปีมะเมีย(๒๕๕๗)แถมถ่าย คนจักละถิ่นบ้านเดินดั้นเทียวขอ ฝูงลูกเต้าสิพรากแม่มารดา กับทั้งบิดาพลัดพรากกันคนก้ำในระหว่างคราวนั้น มันจักเกิดเป็นหนามเสี้ยนคันคายอยู่ในบ่อน เพราะว่าผีป่าในบ้านอืดเสียงผีเมืองดั้นหนีภัยเข้าป่า เมืองกรุงศรีอยุธยาก็จักเกิดเดือดร้อนการเขี้ยวขุ่นมัว อันว่านารีสร้อยฝูงผู้หญิงสิลำบาก จักเกิดเข็ญยากยุ่งเสมอด้ามดั่งกัน วันคืนมื้อกังวนไหวหวั่น


อานนท์เอ๋ยหากสิเนเที่ยงแท้ภายสร้อยศาสนา พอมาเถิงห้องพระยาลิงปีวอก(๒๕๕๙) คนสิออกจากบ้านเดินเข้าสู่ทะเล ถัดจากนั้นมาจวบปีระกา กรรมของพวกชาวมนุษย์มันสิบันดาลให้มีมืดควันคุงฟ้า ดูประมาณได้เจ็ดวันเป็นเขต ในเวลามืดนั้นเทวดาเฮียกเอิ้นเอาผีเสื้อยักษ์หลวง นับอ่านได้เถิงโกฏิเป็นประมาณมากินฝูงหญิงชายหมู่กรรมเหลือล้น กับทั้งฝูงผีเสื้ออีกแสนตัวแข็งขนาด ฝูงคนบุญอย่าได้ประมาทแท้คุณแก้วให้ฮำเพิง ให้พากันบำเพ็ญสร้างบำเพ็ญบำเพ็ญบุญอย่าได้หย่อน ลางเทื่อบุญช่วยยู้เวรฮ้ายสิแล่นหนีแท้แล้ว


จำจากนี้สิเข้าเขตปีจอ(๒๕๖๑) พระยาอินทร์เผิ่นสิแปลงสารทิพย์หว่านโปรยลงพื้น สาส์นนั้นอินตาใช้ตัวทองเขียนขีด เพราะว่าบอกล่วงหน้าพระธรรมเจ้าสิล่วงลง บ่นานแท้ปีเดียวเสด็จด่วน ลงมาเที่ยวตรวจค้นตามบ้านหมู่คน ถ้าบ่ได้พบพ้อคำแห่งพระคาถา อันพระสงฆ์ทำนายคำสอนสั่งมาจริงแจ้ง กับทั้งเป็นคนฮ้ายประมาทธรรมหีนะโหด บอกว่าโทษผู้นั้นเห็นแท้สิเกิดกรรม เลยสิบรรดาลให้ตายโหงลงเลือด เพราะว่าเขาบ่ฮู้จำข้อแห่งพระธรรม ในคราวนั้นคนสิเกิดเหลือหลาย ทั้งหญิงชายบ่คัณนาได้ ฝูงหมู่อาหารเข้าบ่พอกินสิเขินขาด ความอดอยากก็จะบังเกิดขึ้นทั้งเฝ้าฮบเฮ็วแท้แล้ว


ครั้นผู้ใดได้ฟังแล้วให้เว้าต่อกันฟังแด่เดอ ก็จักมีอานิสงส์อายุยืนยาวมั่น กับทั้งหวังเห็นหน้าพระยาธรรมิกราช(พระยาธรรมิกราชหรือพระศรีอาริยเมตไตรโพธิสัตว์) เผินสิขึ้นผ่านแผ้วครองคุ้มให้อยู่เย็น ครั้นไผบ่บอกเล่าจาต่อกันไปมัวแต่ปิดบังเสียสิเกิดโภยภายซ้อย ทั้งบ่หวังเห็นห้องความเจริญดั่งเฮาบอก พระยาธรรมิกราชเจ้าเลยจ้อยแม่นบ่เห็น


...ข้อหนึ่งนั้นยังมีสามพี่น้องประสงค์แข่งแดงฤทธิ์ กำหนดกาลเวลาแข่งดีให้เห็นแจ้ง เจ้าผู้พี่ขานไขตามใจเฮารบสิบห้าวันจิงเซายั้ง องค์กลางนั้นเจ็ดวันหักเที่ยง พระองค์น้อยผู้หลังว่าสามมื้อบ่ให้กลายไผสิดีก็ดีหั้น ไผสิตายก็ตามช่าง บ่ให้๙กว่านั้นสิฮามมื้อเศิกคราว แต่นั้นมีมหาเถรเฒ่ากายงามเฮืองฮุ่ง ท่านนั้นเสด็จออกมาจากสามทวีปซ้ำมากั้นบ่ให้เฮ็ว ท่านนั้นโฉมสีเหลื่อมปุนเปรียบพระอาทิตย์ ฮองๆ ใสดั่งมณีโชติแก้ว ยังจักมาแถมซ้ำหกสิบองค์โดยด่วน เผิ่นประสงค์สิมาบอกห้ามภัยฮ้ายแห่งพระยา


…เวลาเข้าเถิงปีกุล(๒๕๖๒)จำจือเอาเนอเดือนสิบเอ็ดข้างขึ้นจำไว้อย่าสิลืม ให้พวกท่านทั้งหลายพร้อมหญิงชายชาวโลกเฮาเฮ๋ย ฮีบหากันก่อสร้างกุศลไว้ฮับพระองค์ (พระยาธรรมิกราชหรือพระศรีอาริยเมตไตรโพธิสัตว์) ครั้นผู้ใดโมโหฮ้ายโลภาโลภมาก ศีลบ่เข้าพระธรรมเจ้าบ่เหลียว มีแต่เมาทางได้บ่ตรึกตรองทางชอบ เห็นแต่ทางหม่อตื้นตัวได้แม่นเอา อันว่าในหนห้วงศีลธรรมพระเจ้าเทศน์มานี้ เขาบ่ตั้งต่อสร้างให้เห็นแจ้งแก่ใจ คนผู้นั้นสิบ่ได้พบพ้อองค์เอกพระยาธรรม สิเกิดมีโภยภัยเบียดเบียนให้ตายเมี้ยน เพราะว่ายุคกุลีขึ้นนำภัยนับบ่ข่วย เมตตานับมื้อน้อยโมโหหุ้มห่อใจ


ตามกระบิลเบื้ององค์พุทโธเผิ่นกล่าวมานั้น เผิ่นว่า พ.ศ. ๒๕๐๐ กลางปีมาแถมถ่ายมานั้น อุบาทฮ้ายโฮมฮ้อนสิเกิดเป็น มีแต่กุมกันวุ้นถกเถียงหาเหตุ เหลียวเห็นกันมีแต่คิดอยากฆ่าก็ทำได้ดั่งใจ บ่ว่าแต่ไกลและใกล้จีนจามแขกฝรั่ง เกิดรบเร็วอยู่บ่มั้วยั้งเขี้ยวเขาใส่กัน จนว่าโลหิตห้งเสมอธารแม่น้ำใหญ่ เลือดสิท่วมเล็บช้างหนูน้อยได้ล่องลอยพุ้นแล้ว เผิ่นจึ่งซ้ำแล้วซ้ำให้เฮาหน่ำทำบุญ ให้พากันบำเพ็ญจิตใจให้อ่อนโอนหายกระด้าง ลางเทือพอไขได้กันคะดีให้เบาห่าง หรือเพื่อตัดขาดเว้นให้หายเสี้ยงหมู่เวร องค์ก็จึ่งตรัสเผือไว้เสมือนตืมเต็มปัญญา เถิงคราวหน้าปัญญาเฮานับมื้ออ่อน อวิชาตัณหานับมื้อแก่กล้า ธรรมสิเศร้าหม่นหมอง ความจริงธรรมหากรักษาไว้โลกาจิงบ่แตก โลกของเฮานี้หากจักยังอยู่ได้พระธรรมเจ้าจ่องดึง


…อันคราวไปหน้า ความโมหังนับมื้อแผ่ ความมืดใจนั้นนับมื้อห่อหุ้มขังไว้บ่ให้เห็น พอปานเอาฟืนมาอ่อยไว้ทางเย็นนั้นแม่นบ่มี ความดีเผิ่นว่าได้ขันตีธรรมให้เพียรฮำเอาท่อญ หากสิเห็นทางดับมอดเชื้อไฟได้บ่หล่ายความ องค์นั้นมาเป็นกำแพงแก้วกันไฟกองใหญ่เอาความอีดู เมตตากรุณานั้นเป็นน้ำบ่แก้วเทเข้ามอดไฟโลกของเฮา จังสิเย็นอยู่ได้หายกังวลแสนแสบ หัวทีนั้นหัดให้ฮักใกล้ๆ คือพ่อแม่เป็นประถม หักให้สงสารกันตลอดทั้งลุงป้า หัดให้ดีไปเรื่อยๆ ญาติกาชั้นใกล้ก่อน ต่อจากหั้นขอให้รักเพื่อนบ้านบ่มีขั้นต่อไป จนตลอดสัตว์สองเท้าทุบบาทพระหุบท ทั้งอยู่ในดินแดนหมู่ปลาในน้ำ ครั้นว่าเฮาฮักกันแล้ว ความชังก็เลยผ่าย ครั้นความชังหนีจากแล้วความอยากฆ่าแม่นบ่มี ความอยากหักง้าวปืนกระสุนก็อิ๊ดอ่อน มีแต่ฮักฮ่วมห้องเสมอน้องพี่กัน ยู่ถ่างทำการสร้างหากินโดยทางชอบ ประกอบอาชีพล้นชาวเผี้ยงโทษบ่ดี อินทรีพรหมฟ้าเทวดาก็ยินม่วนนำแล้ว เหตุว่าอานิสงส์เมตตานั้น เป็นเสน่หาจ่องน้าวจิตใจนั้นให้ชื่นชม ก็จิงบรรดาลให้ชลธาไหลหลั่ง ข้าวในนาและหมากไม้หวานส้มก็มากมูล ครั้นแม่นมันแข็งกล้าหมดโลกาบ่มีอ่อน ดั่งนั้นก็จักเกิดเดือดร้อนคุงฟ้าดั่งกัน อินตาเจ้าจึ่งหลิงโลกโลกา เผิ่นก็ยินระอาเมืองมนุษย์บาปหนาเหลือล้น อันว่าธรณีเจ้าพระสุธาก็อกแตก เกิดระแหงแผ่ม้างดังขึ้นทั่วไป ฝูงหมู่คนกลัวย้านขวัญหายอกสั่น ย้านแต่ภัยห่อหุ้มสิตายเมี้ยนบ่นาน มันหากบรรดาลขึ้นเพราะเข็ญกรรมที่สัตว์ก่อ พร้อมทั้งฝนขาดฟ้าน้ำขาดห้วยอึดล้นยิ่งทวี ตามทีเผิ่นกล่าวไว้ในปีจอ(๒๕๖๑)คนสิเข้ามามาก แต่ว่ามันสิลดน้อยเพราะฝนฟ้าบ่ซุ่มเลิ่งแท้แล้ว แต่ว่าราคาข้าวเกวียนเดียวหกร้อยชั่งพุ้นแล้ว นับเงินใส่เม็ดข้าวเสมอเท่าพอกันนั่นแล้ว แต่นั้นอานนท์ต้านขานตอบองค์พุทโธ ครั้นแม่นเป็นจั่งซั้นไผหนอสิค้างโลกพระองค์เอ๋ย แต่นั้นพระองค์แย้มไขวาจาแล้วตรัสบอก


อานนท์เอ๋ยโชคไผมีจิงสิได้พ้นคือความดั่งกล่าวมานั้น อันนี้เผิ่นกล่าวไว้ตามแห่งสรญาณ ตามความมีแต่ประถมประเหียนได้ ครั้นบ่เป็นจริงแท้สาธุการเป็นจังโชค ขอให้มนุสสาโลกกว้างเจริญขึ้นอย่าเสื่อมถอย อันนี้องค์พุทโธเจ้าหลิงโลกาสอดส่อง เผิ่นก็รู้เหตุฮ้อนดีแล้วจิงเผย เผิ่นเทศนาเอาไว้อาจารย์เฮาจำจื่อจึงดาย เผิ่นได้จารึกไว้เสาหินหน้าวัดใหญ่ เผิ่นบอกให้ฮอดห้องคราวนี้ให้ฮินตรองนั่นท่อญ ไผผู้ได้ฟังแล้วให้พยายามเพียรเอาแน่อีเฮียมเอ๋ย.


ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญ แหล่งที่มาของข้อมูล : คุณ เอกอิสโร วรุณศรี


จาก http://oknation.nationtv.tv/blog/print.php?id=751614

 

หนังสือพุทธทำนาย
ข้อความจาก ปู่ฤษีมณีรัตน์ (สมเด็จรุ่ง)

ค้นพบ"หนังสืออินตก-เทพทำนาย"โดยย่อ
หนังสือใบลานสี ได้ถูกตกมาอยู่ในวัดแห่งหนึ่ง ในจังหวัดอัตตะบือ(ประเทศลาว) ข้าพเข้าได้รับรู้จากพระอาจารย์ผู้ทรงศีลรูปหนึ่งเผยแพร่ให้เลยเกิดความศรัทธาเสียสละทรัพย์พิมพ์แจกจ่ายมายังพี่น้องชาวพุทธทั้งหลายเพื่อเป็นกุศลและเพื่อพิจารณาญาณด้วยตนเองถึงเหตุการณ์มหันตภัยของโลกยุคโลกาภิวัฒน์ซึ่งจะบังเกิดขึ้นตามพุทธทำนายไว้ดังนี้

โลชังชม โทโพโส อินโตกรุณา
พระอินทร์ พรหม ยมราช ได้สั่งว่า ถ้าบุคคลใดได้รู้แล้ว จงรีบบอกให้คนอื่นฟัง หรือพิมพ์แจกตามกำลังศรัทธา จะเกิดมหากุศลช่วยให้ท่านได้หลุดพ้นจากมหันตภัยพิบัติทั้งปวง ถ้าบุคคลจะลงมาเกิดพร้อมทั้งหนังสือใบลานฉบับนี้ ถ้าใครไม่มีไว้ในบ้านเรือนจะมีภูตผีปีศาจเข้ามาทำลายอย่างแน่นอน
ในปีจอถึงปีกุน เมื่อเดือนหงายจะมีงูพิษอยู่บนศีรษะ ฉกกัดให้ถึงตายและผู้คนทั้งหลายจะเกิดความเดือดร้อนหลายประการ ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนศึกสงครามบ่แล้ว
ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนน้ำปละไฟ
ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนบ่มิไผสิเบิงไผ
ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนอึดข้าวปลาอาหาร
ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนผัว-บ่เห็นหน้ากัน
ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนมีคนตายตามทุ่งนา
ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนบ่มีผู้เฒ่า
ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนไปต่างประเทศบ่สะดวก
ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนนอนบ่หลับ
ในปีจอนี้ ในเมืองจันทร์จะมีฤษีองค์ทองดำ สิกขาลาเพศออกมาเป็นพ่อค้า ในปีจอขึ้น 8 ค่ำ ห้ามให้ตักน้ำอาบ น้ำกิน ตามห้วยหนองคลองบึงหลังพระอาทิตย์ตกดิน(ก่อนค่ำ) พระยายมราชจะนำเอายาพิษพ่นใส่โลกมนูษย์
ในปีจอ เมืองกรุงเทพ จะแตกพังทลายตอนเวลาไก่ขัน พระแก้วมรกตหัวเชียงเมี้ยงข้าวเม็ดใหญ่จะกลับสู่นครเวียงจันทร์ นี่คือ พระคาถาขององค์อินทร์ พรหม นมราช ได้เขียนไว้ในใบลานจงเก็บรักษาไว้ให้ดีเพื่อช่วยให้หลุดพ้นจากภัยพิบัติได้ในยามเกิดเหตุการณ์มหันตภัย พระคาถาเขียนไว้ว่า
' ปะโต เมตัง ประระชีมินัง สุคะโต จุติ จิตตะ เมตตะ นินะมัง สุคะโต จุติ '
พระคาถาบทนี้เขียนลงในใบลาน แผ่นทองหรือแผ่นผ้าก็ดี ติดไว้ที่ประตูบ้านหรือในรถ หรือโพกศีรษะยามเกิดเหตุการณ์จะช่วยให้หลุดพ้นจากภัยอันตราย
ในกาลละเวลานี้ เทพเจ้สเหล่าเทวดาผู้รักษาคุ้มครองโลกได้กราบทูลต่อพระอินทร์ว่ามนุษย์โลกทำกุศลเพียง 3 ส่วน และทำบาปกรรมถึง 7 ส่วน เมื่อเป็นเช่นนี้องค์อินทร์จะสั่งลงโทษผู้ใจบาปถึง 9 ข้อ นับตั้งแต่ปีจอถึงปีกุล ดังนี้
1.จะเกิดพายุลมแรง แผ่นดินไหว
2.จะเกิดอัคนีภัย
3.จะเกิดอุทกภัย
4.จะเกิดฟ้าผ่า
5.จะเกิดร้อนเกินไป หนาวเกินไป
6.จะเกิดสารพิษต่างๆ
7.จะเกิดกาฬโรคต่างๆ
8.จะเกิดข้าวยากหมากแพง
9.จะเกิดฆาตพยาบาทเบียดเบียนกันเอง
มหันตภัย 9 อย่างนี้จะหลุดพ้นได้โดยเฉพาะผู่มีบุญ คนที่ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น รู้แล้วจงบอกต่อกันไปให้รีบทำความดีมากๆ ถ้าเลยปีจอปักุนไปแล้วทุกคนพร้อมลูกหลานจะได้รับความสุข สบายใจทุกคน ให้ทุคนเคร่งครัดในศีล 5
นอกจากหนังสืออินตก ที่ได้กล่าวมาแล้วยังมีพระผู้ทรงศีลอีกรูปหนึ่ง ได้พบคำสอนที่จารึกไว้ในแผ่นศิลาที่พึ่งพบในภูเขาแห่งหนึ่งที่พระพุทธเจ้าได้เดินธุดงค์วิปัสสนากรรมฐานผ่านไป พระผู้ทรงศีลกล่าวว่าพี่น้องทั้งหลายถ้าไม่เชื่อก็สุดแล้วแต่ดวงจิต เพราะถึงเวลาแล้วที่สวรรค์จะไม่มีความลับ ถ้าท่านเชื่อก็เป็นกุศลรู้เพียงเท่านี้ ข้าพเจ้าจึงขอบอกเล่าสู่ท่านฟังตามคำกล่าวของพระผู้ทรงศีลรูปนี้ว่า ในแผ่นศิลาได้เขียนไว้โดยพระมหากัสสะปะว่าในปีระกา ปีจอ ปีกุน เดือน 7-8 จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงตามถนนหนทาง ในเดือน 9-10 คนใจบาปจะถูกล้างผลาญให้หมดไป มีบ้านแต่ไม่มีคนอยู่ มีข้าวแต่ไม่มีคนกิน มีทางแต่ไม่มีคนเดิน
สุดท้าย พระผู้ทรงศีลได้กล่าวย้ำถึงตวามศักสิทธิ์ของหนังสืออินทร์ตกเพิ่มเติมว่า ถ้าท่านผู้เคารพบูชาหรือจะบอกแก่ผู้อื่นหรือพิมพ์แจกจ่ายให้สาธุชนทั่งหลายได้รับรู้แล้วท่านปรารถนาสิ่งใดจะได้สมใจนึกจะปราศจากภัยพิบัติทั้งปวงตลอดไป ไม่เชื่ออย่าลบลู่ พระพุทธเจ้าทำนาย
ออกจากศิลาจารึกในมหาวิหารเจตมหาชัยวัน ณ สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย โดยคณะทูตไทยที่อันเชิญพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อปี พ.ศ.2485 ตามคำแปล เป็นภาษาไทยดังนี้
สาธุ อะระหังตา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระเมตตา กรุณา สรรพสัตว์ทั่วโลก ที่เกิดมาแล้วล้วนแต่ลำบาก ทั่วหน้าทุกชาติ ทุกศาสนาตามธรรมชาติ เมื่ออาตมาเข้านิพพานไปแล้วครบห้าพันปีเป็นที่สุด โลกจะหมุนไปใกล้จะถึงจำนวนที่ตถาคตทำนายไว้ สองพันห้าร้อยปีมนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติเสียครึ่งหนึ่ง ในระยะเวลา 30 ปี สิ่งที่สาธุชนไม่เคยเจอจะได้เห็น ไม่เคยพบจะได้พบจะได้พบยักษ์หินที่ถูกสาปให้หลับ กลับตื่นขึ้นมาอาละวาดยิ่งนัก ใกล้กับ พ.ศ.2550 ยิ่งทวีกันใหญ่ขึ้นทุกทิวาราตรี มนุษย์นอกศาสนาจะรบราฆ่าฟันกัน จนเลือดนองเต็มพื้นดิน พื้นน้ำจะลุกลามเผามนุษย์ไม่ขาดระยะ ต่างฝ่ายต่างทำลายเหมือนยักษ์กระหายเลือด แผ่นดินจะเป็นเปลวไฟ จะตายไปอย่างละครึ่งหนึ่งจึงจะเลิกล้ม ต่างฝ่ายต่างหมดกำลังด้วยกัน ตามวิสัยยักษ์ร้ายนอกศาสนา ซึ่งถือกำเนิดจากป่าอำมหิต ส่วนพุทธศาสนิกชน ผู้ทำแต่บุญเดินตามทางตถาคต สามารถระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านใดได้บูชาพระโพธิสัตว์ผ้ากาวสวพัตร์ ก็จะรับภัยพิบัติเบาบาง แต่หนีภัยธรรมชาติไม่พ้น ไฟจะลุกลามมาทางทิศตะวันออกไหม้วีดวาอารามาสมณะชีพราหมณ์จะอกอยากยากเข็ญ ลูกไฟจะตกจากฟ้า เหล็กกล้าจะผุดจากน้ำ สงครามจะเกิดทั่วทิศ พระยานาคจะพ่นพิษเป็นเพลิง ทหารจะเป็นเจ้า ข้าวสารจะขาดแคลน ทุกแคว้นจะอดอยาก พลูหมากจะหมดเปลือง สีเหลืองจะชนะ พระยังอยู่คู่เมืองอีกต่อไป สีขาวจะแพ้ภัยในที่สุด ครุฑจะบินกลับฐาน คนจะกลับบำรุง
พระพุทธเจ้าว่าดังนี้ ชา ตะ มะ สะ ละ วา พระพุทธชินลิตนี้ ท่านมห้เขียนใส่กระดาษหรือผ้าขาวตืดไว้หน้าบ้าน หรือหัวนอนดังนี้ จะมีอายุยืนยาว จะทันผู้มีบุญชื่อ พระยาธรรมิกราชา เมื่อแรกสถิติอยู่เขตอยุธยา บัดนี้ท่านเสด็จอยู่ลานช้าง(ภาคอีสานในปัจจุบัน) พระธรรมิกราชาเข้ามาปีกุน เดือน11 เป็นเที่ยงแท้นักหนา ท่านเสด็จมาในปีระกา แรม 5 ค่ำ มหากษัตริย์มาทางทิศตะวันตก สมณะชีพราหมณ์ตามมาพอประมาณได้ 76400 รูป ทั่วอาณาจักร สมเด็จพระบรมปราชญ์ ได้ประกาศคาถา ดังนี้
นะสัจจังทะ คะยังมะสำคำปัง
คอยดูในปีมะโรง คนจะเดินโก้งโค้ง คลาน ผู้ใดอยากพบผู้มีบุญชื่อ พระยาธรรมมิกราชให้ภาวนา ให้หมั่นรักษาศีล สดับรับฟังพระธรรมเทศนา คอยดูปีมะเส็งตลิ่งจะพัง มหาสมุทรจะชอกช้ำ อย่าเที่ยวไปกลางแจ้ง ท่านเข้ามาปีกุน เดือน 8 เป็นเที่ยงแท้ ผู้ใดไม่เชื่อจะรับอันตราย คอยดูในปีจอ คนจะพ้นภัย
สะโรนะกา โททายะโม พุทธ ตะยะ
ภาวนาทุกค่ำเช้า ผู้นั้นจะอายุยืนนาน จะได้เห็นพระธรรมมิกราช (พระโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตย) ในปีกุนท่านจะเข้ามาอีก ถ้าไม่เห็นหนังสือบ้านใด ผู้นั้นจะได้รับอันตรายรู้แล้วให้บอกต่อกันด้วย
คำเตือน
โลกมนุษย์เข้าสู่กาลียุค จะทำให้เกิดภัยธรรมชาติจากดิน น้ำ ไฟ ลม จะเกิดมหาสงครามโลกครั้งที่สามตามมา มนุษย์จะตายไปกว่าครึ่ง
สำหรับประเทศไทย จะเริ่มตั้งแต่ปีพ.ศ.2550 คาดว่าจะได้รับภัยทางน้ำและไฟ โดยเฉพาะจังหวัดที่ติดชายทะเล และกรุงเทพฯ แผ่นดินจะยุบตัว คลื่นน้ำจะพัดเข้าถล่มความสูง 200 เมตร มนุษย์จะล้มตายมากกว่าครึ่ง น้ำจะเข้าช่งแคบสระบุรี และด้านตอนล่างของโคราชบางส่วน ภัยพิบัติจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ สุดท้ายประเทศไทยจะเหลือประชากรประมาณ 30% ส่วนประเทศอื่นทั่วโลกจะเหลือเพียง 10% เท่านั้น บุคคลที่รอดชีวิตส่วนมาดสูญเสียสติสัมปชัญญะ ไม่ปลอดภัยเหมือนเมืองที่นับถือพุทธศสสนาเพราะไม่เข้าใจบำเพ็ญฌาณภาวนา ฉะนั้นอย่าหลงใหลในทรัพย์สินของตนเองให้มากนัก เพราะเมื่อเข้ายุคศิวิไลเงินทองจะำม่มีค่าเลยเพราะมนุษย์ยุคนั้น วัดกันที่ความดีศีลธรรม บุญกุศลเท่านั้น ปีมะโรง พ.ศ.2555 , ปีมะเส็ง พ.ศ.2556 ,ปีระกา พ.ศ.2560 ,
ปีจอ พ.ศ.2561, ปีกุน พ.ศ.2562
คำทำนาย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
รัชกาลที่1 ทายว่า มหากาฬ(ทำลายเพื่อน พี่น้อง)
รัชกาลที่2 ทายว่า ฌาณยักษ์(ชำนาญเวทมนต์)
รัชกาลที่3 ทายว่า รักมิตร(มีการค้าขายกับต่างชาติ)
รัชกาลที่4 ทายว่า สนิทคำ(ออกบวช)
รัชกาลที่5 ทายว่า จำแขนขาด(คือต้องยอมเสียดินแดนฝั่งซ้ายแท่น้ำโขงและเขมร เพื่อป้องกันอธิปไตย)
รัชกาลที่6 ทายว่า ราชโจร(เกิดสงครามโลกครั้งที่1 เกิดกลุ่มโจรมากมาย มีการก่อตั้งกิงเสือป่าครั้งแรกของไทย)
รัชกาลที่7 ทายว่า ชนร้องทุกข์(เกิดการเดินขบวนเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย)
รัชกาลที่8 ทายว่า ยุคทมิฬ(พระเจ้าแผ่นดินถูกลอบปลงพระชนม์)
รัชกาลที่9 ทายว่า ถิ่นกาขาว(มีฝรั่งเข้ามามากมาย นำเงินมาซื้อประเทศไทยเกิดวิกฤตการเงิน)
รัชการที่10 ทายว่า ชาวศิวิไลย์(จะมีเหลือเฉพาะผู้มีบุญเท่านั้นที่รอดตายเป็นยุคของพระศรีอาริยเมตไตย)

จาก https://pantip.com/topic/33814337

 

"พระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์"


พระครูวิเวกพุทธกิจ หรือ หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล เป็นพระภิกษุฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ชาวจังหวัดอุบลราชธานี ผู้เป็นบูรพาจารย์สายพระป่าในประเทศไทย ท่านเป็นอาจารย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต

ถ้าตามคำพุทธทำนายนะคะ จิตยิ้มคิดว่าน่าจะเป็นไปตามนั้นค่ะ และเท่าที่ทราบมามีการกล่าวขานกันว่า ยุคนี้มีผู้มีบุญบารมีลงมาบำเพ็ญบุญบารมีกันมากมาย ทั้งพระโพธิสัตว์จำนวนมาก ทั้งมหาเทพทุกชั้นฟ้า

จิตยิ้มเคยลงเรื่องการเกิดภัยพิบัตินี้มีสาเหตุมาจากจิตใจของมนุษย์เป็นสำคัญ ซึ่งเป็นแนววิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องกระบวนการของพลังงานที่โลกของเราถึงจุดวิกฤติเพราะมนุษย์ และสื่อที่รับมานั้นก็คือ ที่เราเรียกกันว่า องค์จิตจักรวาลดวงใหญ่ หรือ พระผู้สร้างในนามศาสนาต่าง ๆ หรือ พระยาธรรมิกราช/พระยาธรรมิกราชา หรือศูนย์ธรรมโลกุตระ นั่นคือสิ่งเดียวกัน ถ้าใครอ่านโพสของจิตยิ้มจะเข้าใจที่เราจะกล่าวกันไว้ในหลาย ๆ กระทู้ที่ผ่านมา

การที่เกิดภัยพิบัติสิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า ก็เพื่อยกระดับจิตใจของมนุษย์เป็นสำคัญ ให้มนุษย์เข้าถึงการหลุดพ้น หรือยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นเพื่อโลกนี้จะไม่ล่มสลายไปก่อนกาลเป็นการรักษาพุทธศาสนาครบห้าพันปีตามคำพุทธทำนายค่ะ

ก็อาจจะเป็นไปได้ค่ะเมื่อมีการปรับระดับมิติของโลกให้สูงขึ้นย่อมมีผลต่อมนุษย์และต่อโลก และการที่ศูนย์ธรรมโลกุตระส่องแสงลงมานี้เป็นนามธรรมที่ช่วยเหลือ บางทีก็อาจมีรูปธรรมมาดำเนินการช่วยอีกก็ได้ค่ะ เพราะการที่จะเกิดจึงผลให้สำเร็จต้องเกิดทั้งรูปธรรมและนามธรรมไปพร้อมกันค่ะ อาจจะเป็นไปอย่างนั้นก็ได้ และที่ผ่านมาก็มีผู้ทำนนายไว้ของผู้มีญาณบารมีข้างต้นก็ได้ค่ะ และทุกสิ่งทุกอย่างในพุทธทำนายกำลังดำเนินไปอยู่นี่คะ

 

มีคำทำนายพระจักรพรรดิ์ออกมาหลายคำทำนาย
มีคนเป็นร้อบเป็นพันสงสัยว่าตัวเองจะเป็น ก็สงสัยไปดิ มันก็เป็นธรรมดาที่ผมจะสงสัยหรือคนที่ตรงคำทำนายจะสงสัย ถ้ามีคนตรงคำทำนายร้อยคนละตรงกะผมมั่งผมไม่มีสิทธิ์สงสัยเหรอ และถ้าสมมุติมีใครยืนยันว่าผมเป็นจริง มันก็ต้องมีเหตุปัจจัยให้ผมได้เป็น แม้ผมจะสงสัยว่ามันจะใช่เหรอ ถ้าผมคือตัวจริงผมก็ต้องได้เป็นแม้จะท้อแท้หมดกำลังใจแค่ไหนก็ตาม ก็ถ้าสมมุตว่ามีคำยืนยันที่สามารถเชื่อถือได้ว่าคือผม คนบารมีมันถึงแล้ว อะไรมันก็ห้ามไม่อยู่ แค่ทำให้ถูกก็พอ

ท่านไม่สนใจมันก็เรื่องของท่าน แค่ท่านไม่สนใจแล้วคนอื่นจะต้องไม่สนใจตามท่านเหรอครับ แล้วคนที่จะเลิกสงสัยได้มันมีเหตุปัจจับถึงพร้อมให้เลิกสงสัยมั้ย อีกอย่างผมไม่ได้สงสัยเร่ืองชาวบ้านนี่ครับ ผมสงสัยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเองล้วน ๆ

คนเรามีชีวิตส่วนอื่นให้ทำให้ใช้ กะอีแค่ความสงสัยในเรื่องนี้แค่นี้ไม่ทำให้ผมหมกมุ่นกะเรื่องนี้มากเท่าไรหรอก เรื่องที่ผมหมกมุ่นมากกว่านี้ผมผ่านมาแล้ว
การใช้ชีวิตบนความไม่แน่นอนนนั้น ก็แค่ต้องมีสติรู้ว่ามันไม่แน่นอน แล้วทำงานอย่างอื่นของเราไป ไม่หลงไปกับมันมากเกินไป เพราะผมไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันมีคนประเภทชอบแต่งเรื่องหาผลประโยชน์ หรือโกหกเพื่อดึงคนเข้าวัดอยู่ ก็วางตัวให้เป็นคนไม่ประมาทไปดิ ยากอะไร

ถ้ารู้ว่าไม่ใช่ ก็ไม่ใช่ไง

ถ้าคำทำนายไม่จริงก็ไม่จริงไง ก็ตาสว่างไปดิ ว่าอ้อ นี่คำทำนายหลอกคนเข้าวัด
ให้ความหวังกำลังใจนักปฏิบัติธรรม อะไรก็ว่าไป

เอ๊ะยังไง ตกลงตรรกะใครเพี้ยนกันเนี่ย ผมว่าผมเพี้ยนละนะ คืออะไรของท่าน..

ทางที่ดีม้วนเสื่อไปเลยดีกว่าครับ ดูท่าทางแล้วท่านคงจะรู้สึกว่าผมเกะกะลูกตา
ก็ไม่ต้องมาดู

ท่านรู้ตัวหรือเปล่าว่าเอาตัวเองเป็นศูณย์กลางขนาดไหนเนี่ย
ผมรู้ตัวนะว่าผมก็เอาตัวเองเป็นศูณย์กลาง แต่ว่าแต่ท่านเถอะ รู้ตัวเองบ้างหรือเปล่า

ไอ้ประเภทส่งจิตออกนอกมาตักเตือนคนอื่นว่าส่งจิตออกนอกทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติธรรมเนี่ย ไปคุมจิตตัวเองให้ดีต่อไปเถอะครับ ผมอนุโมทนา
ขอบคุณที่มีเจตนาดีที่จะช่วยตักเตือนเรื่องการปฏิบัติธรรม แต่ท่านปฏิบัติธรรมจนลืมว่าคนอื่นไม่ได้ปฏิบัติธรรมกะท่านนะครับ

ไม่ต้องมาเม้นอีกนะ เดี๋ยวผมจะรู้ว่าคุณม้วนเสื่อไม่จริง

 

โชคดีค่ะ วันหลังแวะมาใหม่นะคะ

 

00000

บ๊ายบาย
ลบโพสหนีอีก เป็นสัญญาณของความรู้ที่ยังไม่แน่นดี
ยินดีด้วย คุณคือคนแรกที่ทำให้ผมโกรธอย่างจริง ๆ จัง ๆ ได้ในรอบหลายเดือน

 

สมาชิกบางท่านก็มีเจตนาดี จะหลอกให้ผมไปหาวิธีทำสมาธิวิปัสนาเชิงลึกมาฟังมาอ่าน ขอบพระคุณครับ แต่ตอนนี้ความสามารถผมยังไม่ถึงขั้นนั้น

 

เดี๋ยวๆๆ หนูมาผิดงานละเป่าครับ ,,,,

ใจคอไม่ดีเลย 55555