มีคำทำนายภัยพิบัติ พระยาธรรมที่ท่านทั้งหลายคิดว่าเชื่อถือได้กันบ้างหรือเปล่า

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย zalievan, 24 กันยายน 2018.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Cheewin...

    Cheewin... อิ่มแล้ว...ไปต่อไม่ไหวแล้ว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2018
    โพสต์:
    1,195
    ค่าพลัง:
    +1,514
    บางครั้งผมก็คิดว่าผมบ้าไปหรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นศัตรู หรือสิ่งใดก็ตาม ผี สัตว์ หรืออสูรกายจิตที่กลายพันธุ์ ผมก็คิดว่าเขาเป็นเหมือนเพื่อนเสมอ โดยที่ไม่กลัว ว่าพวกจะทำร้ายเราหรือเปล่า หากว่าเรามีความรู้สึกดีๆกับพวกเขา ถ้าผมคิดว่าผมบ้า ผมก็จะพาพวกเขาบ้าไปกับผม
     
  2. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,490
    ค่าพลัง:
    +2,364
    การคิดนั้น เราคิดคนเดียว เขาก็คิดคนเดียวเช่นกัน ดังนั้นอย่าเชื่อในสิ่งที่คิด คนบ้าหลายๆคน เขาก็คิดว่าเขาบรรลุ ซึ่งหากต้องการจะบรรลุจริงๆ "ต้องทำ" ดังนั้นคิดอะไรได้ก็คิดไปแต่ อย่าเชื่อมัน ไอ้ตัวนี้แหละ ที่พาไปทุกข์ ดังนั้นคิดได้แต่ห้ามเชื่อมัน "ในทุกกรณี" ถ้าจะเชื่อจงเชื่อในสิ่งปรากฏ เป็นสัจธรรม(ความจริง) เช่นขณะนี้ มีคนที่เราไม่ชอบใจกำลังเดินอยู่ เราคิดว่าคนนี้มันอย่างงั้นอย่างงี้ แต่ความจริงคือ เขากำลังเดินอยู่ ณ ปัจจุบัน ขณะ ดังนั้นที่คิดไปทั้งหมดไม่ใช่ความจริง ปล.ยกเว้นว่าเขาเลวจริงๆนะอันนี้ยกตัวอย่าง

    จะทันความคิดต่อเมื่อฝึกจนสติเป็นปัฏฐานแล้ว(รู้อยู่) ณ ปัจจุบันขณะ เช่น ณ ตอนนี้อากาศร้อน ลมกำลังพัด (ไม่ได้คิดเอาว่าอากาศร้อนหรือลมพัด)แต่ว่ามันมีสภาวะธรรมปรากฏ เช่น มีสภาวะธรรม ที่เบาบางพริ้วไหวและโบกสะบัดมาโดนตัว นี่คือสติที่รู้อยู่ภายนอก และหากสติตั้งฐานได้จะรู้ว่าสภาวะธรรมภายนอกและภายในไม่เหมือนกัน และสภาวะธรรมในตัวดู/อัตตาจิต มันก็ไม่เหมือนกันอีก ก็ให้ทดลองทำดูครับ วิธีฝึกสติ ลองย้อนไปอ่านๆดูครับผม
     
  3. Cheewin...

    Cheewin... อิ่มแล้ว...ไปต่อไม่ไหวแล้ว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2018
    โพสต์:
    1,195
    ค่าพลัง:
    +1,514
    คนที่เข้าถึงบทความนี้เท่านั้นครับ ที่จะรู้ว่าผมหมายถึงอะไร ความรู้สึก ความรักที่มีให้ โดยไม่หวังว่าสิ่งนั้นจะรักตอบหรือไม่ ความเมตตา หลายคนที่เป็นถึงระดับอาจารย์ แต่มีน้อยท่านหนักที่จะมีสิ่งนี้ ถ้าจะให้ผมสนทนาเกี่ยวกับธรรมะกับท่าน คงต้องรอผมสักพัก เพราะผมไม่รู้มากนัก
     
  4. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,490
    ค่าพลัง:
    +2,364
    เข้าใจอยู่นะครับ เพราะจริตแบบนี้ คือ "พุทธภูมิ" ที่ผมพูดไปมันคือ "สภาวะธรรม(ชาติ)ที่เกิดในตอนนั้น" แต่ท่านชีวินนั้นอยากให้โลกดีงามซึ่งนับว่าเป็นการคุยกันคนละเรื่องตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
    ที่ผมพิมพ์ไปคือ ให้คิดได้แต่อย่าเชื่อมัน เพราะมันไม่ใช่เรา หรือจะบอกว่าอย่าเชื่อทุกอย่างที่คิดแต่ให้อยู่กับความจริงนั่นแหละครับ
     
  5. Cheewin...

    Cheewin... อิ่มแล้ว...ไปต่อไม่ไหวแล้ว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2018
    โพสต์:
    1,195
    ค่าพลัง:
    +1,514
    ขอโทษที่ครับ พอดีว่าอากาศมันร้อนไปหน่อยครับ ท่าน Sataniel
     
  6. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,490
    ค่าพลัง:
    +2,364
    ไม่เป็นไรครับ ท่านชีวิน
     
  7. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    ศึกษาเรื่องพลังงานฟรี ไป ๆ มามา มีแต่คนบอกว่าเฟค ๆ ไอ้เราก็ไม่มีงบทดสอบซะด้วย รอมีเงินค่อยจัดมาทดสอบ
     
  8. Cheewin...

    Cheewin... อิ่มแล้ว...ไปต่อไม่ไหวแล้ว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2018
    โพสต์:
    1,195
    ค่าพลัง:
    +1,514
    ลองใช้แม่เหล็ก 2 ชิ้น ประกบคู่กันทำให้เกิดแรงหมุ่น แปรเป็นพลังงานงานดูสิครับท่าน Zalievan ผมคิดว่าน่าจะโอเคอยู่นะ ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า ผมเคยคิด ว่าการเดิน วิ่ง การเคลื่อนไหวตามร่างกาย หน้าจะนำมาแปรเป็นพลังงาน อย่างเช่นร้องเท้า ผลิตพลังงานในการเดิน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2018
  9. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    ผมก็คิดแนว ๆ นั้นแหละครับ แต่ตอนนี้งบยังไม่มี แต่ยังไง ๆ ก็เห็นเขาว่าเฟค ๆ ๆ กันนะ เดี๋ยวผมไปช่วยน้าขายของอาจจะพอเก็บตังซื้อแม่เหล็กที่ต้องการมาได้บ้าง สักชุด
    ประมาณว่าเบื้องต้นให้มีแสงสว่างใช้ในตอนกลางคืนฟรี ๆ ได้นิด ๆ หน่อย ๆ ยังดี

    ถ้าเกิดไม่ได้ผลผมคงจะถอยมาคิดเรื่องการใช้ทรัพยกรณ์ให้คุ้มค่าที่สุดแทน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2018
  10. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
     
  11. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014


    คัดลอกจากวิกิพิเดีย
    • พระปัญญาธิกพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้า ที่ทรงสร้างสมอบรมบารมีด้าน “ปัญญา” อย่างแก่กล้าแต่มีพระศรัทธาน้อย จึงใช้เวลาสั่งสมบารมีน้อยกว่าพระพุทธเจ้าอีกสองประเภท ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการสร้างบารมีเป็นเวลา 20 อสงไขยกับอีกหนึ่งแสนมหากัป เช่น พระโคตมพุทธเจ้า
    • พระสัทธาธิกพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้า ที่ทรงสร้างสมอบรมบารมีด้าน “ศรัทธา” อย่างแก่กล้ายิ่งนัก แต่มีพระปัญญาปานกลาง จึงใช้เวลาสั่งสมพระบารมีอย่างปานกลาง ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการสร้างบารมีเป็นเวลา 40 อสงไขย กับอีกหนึ่งแสนมหากัป เช่น พระกัสสปพุทธเจ้า
    • พระวิริยาธิกพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าที่ทรงสร้างสมอบรมบารมีด้าน “ความเพียร” อย่างแก่กล้าทรงมีพระวิริยะยิ่งนัก แต่ทรงมีพระปัญญาน้อยกว่า ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการสร้างบารมียาวนานมากกว่าพระพุทธเจ้าประเภทอื่นเป็นเวลา 80 อสงไขย กับอีกหนึ่งแสนมหากัป เช่น พระศรีอริยเมตไตรย



    ฝันในฝัน ของผม คือ เรื่องราวที่เกิดจากกินมากแล้ว หลับฝันไป หากใครจะขอดูตำรา ก็คงจะหามาพิสูจน์ไม่ได้
    จะพูดอย่างง่ายๆ ให้ชาวบ้านฟัง คงไม่ใช้ คำบาลี
    ใครอยากได้ ก็ไปนั่งแปลเป็น บาลี เอาเอง

    พระพุทธเจ้า ทั้ง สามแบบ มี ปัญญาญาน ใกล้เคียงกัน แต่ไม่เท่าเทียมกัน มีมากมีน้อย ตามวาสนาที่ได้สั่งสมกันมา จาก อดีตชาติ

    แบบที่1 เรียกว่า พระพุทธเจ้าสายปัญญา คือ พระพุทธเจ้า ของเรานั่นเอง สายนี้เวลาที่จะเกิด มักจะคำนวณเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่า
    ถ้าเกิดมาจะมั่นใจได้ว่า จะต้องเกิดมาเพ็ญด้าน ปัญญา เป็นหลัก จึงจะเกิดมา เรียกว่า ไปดูอนาคตชาติของตนเองมาเรียบร้อยอย่างดีแล้ว จึงมั่นใจไปเกิดในภพนั้นนั่นเอง เมื่อได้เกิดแล้ว ในการสร้างสมบารมี เมื่อผู้อื่น อธิษฐานขอให้รวย แต่ สายปัญญาธิกะ กับอธิษฐานขอให้มีปัญญามาก จนสามารถ บรรลธุธรรมได้เลย ก็มีอยุู่เหมือนกัน แต่ถ้าหากว่า ลาพุทธภูมิ แล้ว บรรลุธรรมได้ ก็จะเป็น พวกสุกกวิปัสสโก เป็นส่วนมาก คือ เป็นผู้ที่แตกฉานด้านปัญญา แต่ไม่มีฤทธิ์ หรือ มีฤทธิ์แต่ก็ไม่มีเหตุอันควรให้ใช้ ท่านจึงไม่ใช้ คือ ใช้ได้เหมือนกันถ้าจะเอาจริง แต่ฝึกแล้วก็ไม่รู้ว่า จะเอาไปใช้อะไร เพราะท่านรู้ว่าจะมีสิ่งใด เทียบเท่า ปัญญาญาน ได้อีกเล่า ปัญญาต่างหากที่ทำให้ คนบรรลุธรรม ไม่ใช่ ฤทธิ์เดช
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2018
  12. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014
    ส่วนแบบที่สอง พระพุทธเจ้าแบบศรัทธาธิกะ
    คือ ผู้ที่ได้ผ่านการฝึกฝน การเป็น พระพุทธเจ้าแบบปัญญาธิกะ มาเรียบร้อยแล้ว
    เปรียบเทียบกับ ภาคปัญญาธิกะ คือ ชั้นประถม
    ส่วนภาคศรัทธาธิกะ คือ ช้ันมัธยม
    และภาควิริยะธิกะ คือ ชั้นปริญญา ตรี
    ส่วน สมเด็จองค์ปฐม ก็คือ ด๊อกเตอร์ นั่นเอง
    พระโพธิสัตว์ที่ผ่าน ภาคปัญญาธิกะ มาแล้ว
    มีสิทธิ์เลือกได้อย่างน้อยสี่ทาง คือ
    จะเป็น พระพุทธเจ้าภาคปัญญา ก็ได้
    จะเป็น พระปัจเจกะพุทธเจ้า ก็ได้ ถ้าเบื่อมีมากๆ
    จะฝึกภาคศรัทธาต่อไป เพื่อให้ได้เป็น
    พระพุทธเจ้าสายศรัทธาธิกะ ต่อไปก็ได้
    หรือ
    จะลาพุทธภูมิก็ได้ หากพบผู้ฝึกสอนที่คู่ควร
    เช่น หลวงพ่อฤาษีลิงดำ สอนให้
    พระโพธิสัตว์ลาพุทธภูมิกันแทบทุกวัน
    แม้กระทั่งทุกวันนี้ ก็ยังลากันอยู่ไม่ขาด
    หรือ พระยาธรรม ที่มีธรรมของตัวท่านเองเต็มเปี่ยมแล้ว
    เพราะท่านคือ หน่อเนื้อของสายวิริยะธิกะ นั่นเอง
    สามารถสอนให้ลาพุทธภูมิ ได้เช่นเดียวกัน
    แม้ว่าตัวท่าน จะยังไม่บรรลุธรรมก็ตาม
    เพราะว่า บารมีธรรม เต็มเปี่ยมแล้วนั่นเอง
     
  13. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014
    ส่วนแบบที่สาม คือ พระพุทธเจ้าแบบวิริยะธิกะ
    จะเป็น พระพุทธเจ้าที่มีความเพียรเป็นที่สุด
    มีความเพียรเป็นที่ตั้ง มีความเพียรเป็นที่สุดท้าย
    เพราะการได้เป็น พระพุทธเจ้า หรือ พระอริยะเจ้า
    ช่างมีรสหอมหวานสำหรับ พระโพธิสัตว์
    การตัดใจ ที่จะยังไม่เป็น พระพุทธเจ้า เป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่ง จะต้องใช้ความเพียรอย่างมากที่จะเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามา แต่ด้วยอาศัยว่า ตัวเรานี้ มีหน้าที่จักต้องโปรดคนเป็นจำนวนมาก ความยากลำบากของเราผู้เดียว ไม่อาจเทียบเท่า ได้กับการที่ได้ช่วยเหลือ เหล่าสัตว์ใน สามโลก ให้ได้พ้นจากกองทุกข์
    แม้ว่า สัตว์นั้น อยู่ใน นรก โลกมนุษย์ หรือ สวรรค์
    เราจะจะไปโปรดทั้งหมดให้จงได้ ผู้ที่ฝึกถึงตรงนี้ มหายานจะเรียกว่า มหาเมตตา หรือ เมตตาใหญ่
    ซึ่งจะต่างจาก พระพุทธเจ้าสายปัญญาธิกะจะเรียก เมตตาเฉยๆ หรือ เมตตาน้อย จึงได้นำคำนี้มาใช้เรียก พระโพธิสัตว์ที่จะไปโปรดพวกมนุษย์ที่มีอายุถึง 100000 ปีว่า พระเมตตาใหญ่ หรือ พระศรีเมตไตรย์ ซึ่งใน ภัทรกัลป์ ผู้ที่รับหน้าที่นั้นก็คือ พระอชิตะภิกษุ นั่นเอง
    ซึ่ง การสอนมหาเมตตาใหญ่ จะสอนได้อยากมาก เพราะต้องรอให้มนุษย์อายุถึง หนึ่งหมื่นปีเสียก่อน จึงจะเริ่มสอนกันได้ การเรียนการสอนก็ต้องใช้เวลาที่ยาวนาน อีกทั้งต้องสอนในช่วงที่เค้าเริ่มมีทุกข์ให้เห็นได้บ้าง ไม่ใช่ไปสอนในช่วงที่เค้ากำลังมีความสุข ก็จะสอนไม่ได้อีกเช่นกัน
     
  14. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,490
    ค่าพลัง:
    +2,364
    ตอบได้ชัดและตรงประเด็นที่สุด นับเป็นยอดคนครับ
     
  15. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014
    ไหนคุยนักคุยหนาว่า ปล่อยวาง ได้แล้ว
    อย่างนี้ มันก็ขี้หก ดังเดิมนั่นแหละ
    ไหนละ อาการปล่อยวาง ของสู
     
  16. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,490
    ค่าพลัง:
    +2,364
    หืม วาง = ละทิ้ง , กิเลศ = สิ่งที่ทำให้จิตเศร้าหมอง
    ผมเห็นด้วยกับข้อความคุณ 0000 เนี่ย ผมเศร้าหมองหรือไม่ ? คิดเอาเองนะ
     
  17. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014


    ให้กระผมเดาสะญานดู แบบคนบ้าอย่างผมนะครับ
    พวกท่าน คงจะไปไม่รอด ถึงไหนแน่
    คงต้องกอดคอกัน ไป นารากะ อย่างที่ท่านว่านั่นแหละ
    โทษสะฐาน ปรามาสไปเรื่อยเปื่อย
    คิดใหม่ ทำใหม่ กลับใจก็ยังทัน
    เพราะถ้าหาก มี เด็กใหม่ เพิ่งเข้ามา
    แล้วเรียนแบบ วิธีการ ของพวกท่าน
    อันนี้แหละ จะเป็น กรรมหนักที่แท้จริง
    ถือว่า คนบ้า ขอร้อง ให้เลิกคำพูดคำจาแบบนี้
    ก็แล้วกัน
     
  18. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,490
    ค่าพลัง:
    +2,364
    เอาธรรมที่คิดเอาเอง พิสูจน์(ทำ)ไม่ได้ มายังไงมันก็ "เละ" อยู่ดี และวิธีทำทั้งหมด มันไม่มีผิด เพราะมันคือ "สัจธรรม" ทั้งสิ้น เมื่อทำแล้วก็ย่อมได้ผลเช่นเดียวกันหมดถ้าทำถูก

    แล้วยังกล้าบอกว่า การปฏิบัติ(ทำ)และได้ผลลัพท์มาตรงตามอาการเนี่ย "ไปนรก" ก็รับรองได้ว่า "คุณนั่นแหละ จะไปก่อนเพื่อน" และไม่ต้องรอตายครับ เดี๋ยวจะรู้เองว่าใครจะไปก่อนก็ดูว่า "ชีวิตหลังจากนี้ใครจะเจอแต่เรื่องแย่ๆ" นะครับ
     
  19. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,490
    ค่าพลัง:
    +2,364
    และ "ขอให้เลิกคำพูดคำจาแบบนี้" เนี่ยไม่ได้หรอกเพราะมีคนอย่างเอ็งเนี่ยแหละ ที่กล้าพูดว่า การฝึกสติ(สัมมาสติ) ที่ผมเคยพิมพ์ไป กับ สัมมาสมาธิ แล้วจะไปนรก เนี่ยคงจะมีคนหยุดพูดให้คุณหรอกนะครับ เพราะถ้าผมปล่อยให้คุณพูดอะไรไปเรื่อยๆ ก็จะเป็นการปล่อยให้ "มารทำลายศาสนา" อะป่าว?

    ผมไม่กล้าพูดหรอกว่าสำเร็จสัจธรรมสูงสุด แต่การปฏิบัติของผมน่ะมันใช่แน่ๆ "เพราะไม่ได้คิด แต่เมื่อทำแล้วผลลัพธ์มันปรากฏ และพิจารณาในสภาวะธรรมนั้นเลย" ธรรมชาติเป็นยังไงมันก็แสดงออกมาอย่างงั้นมันไม่เคยปิดบังมีแต่เหล่าสรรพสัตว์เนี่ยแหละที่ไม่เห็นมันเอง

    ตัวอย่างก็เหมือนกับทะเลาะกับแฟนเพราะเขาไม่ยอมรับสายโทรศัพท์ เราจะคิดนั่นคิดนี่ไปมากมาย ทั้งๆที่สัจธรรมก็แสดงอยู่แล้วว่า "กูไม่รู้ว่าทำไมเขาไม่รับ" ไม่ใช่เรอะ? แล้วก็ทุกข์เพราะคิด(มโน) แบบคุณนั่นแหละ

    และที่สำคัญคุณดันบอกว่า "การปฏิบัติที่ถูกมันผิด" เนี่ยสมควรจะโดนด่าก่อนชาวบ้านด้วยซ้ำและถ้าผมไม่ด่าคุณน่ะมันจะเป็นกิเลศ มันจะทำให้จิตผมเศร้าหมองด้วยซ้ำนะครับ เพราะปล่อยให้มารทำลายศาสนา

    และยังหาว่า "ปรามาสไปเรื่อย" นั้นคุณก็มโนเอาเองอีกนั่นแหละ อย่าง อินทราน่ะ ไม่ใช่ของจริงแน่นอน เพราะไม่มีวิธีทำและขัดกับหลักธรรมในพุทธศาสนา ส่วน ลพ.องค์หนึ่งนั้น ผมอาจจะเข้าใจผิดไป "ถ้าเขาไม่ได้สอนมโนมยิทธิครึ่งกำลัง" อะนะ เพราะมีแต่คนอ้างอิงว่าเขาสอน ซึ่งมีท่านหนึ่งเตือนมาว่า เหล่าลูกศิษย์(แบบคุณละมั้ง) มาแอบอ้างไปทั่ว ทำให้เขาเสียๆหายๆ เพราะวิชา "มโนมยิทธิ 0.5"(ครึ่ง) เนี่ย "มันไม่มีจริง" และ "มันเป็นการนั่งมโนเอาเองเต็มสูบ" เพราะมันโดน "จูงจิต" ไง
     
  20. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014


    สิ่งใดที่เรายังไม่เคยเห็น ก็ไม่ใช่ว่า จะไม่มีอยู่จริง
    สิ่งใดที่เราไม่รู้ ก็ไม่แน่ว่า วันหน้าคุณอาจจะรู้ได้เอง
    จะปรามาสไปทำไม ให้มันพันหอคอย ลูกกระเดือก
    ของเราเอง


    ที่คุณฝึกการปล่อยวาง ทำไมไม่เอามาใช้ตอนนี้
    หรือ ใช้เป็นแค่ตอน เข้าญาน เท่านั้น
    พอออกจาก ญาน ก็ไปต่อไม่เป็นซะแล้ว
    แล้วจะฝึกมาให้มันได้ ห่าเหวอะไร
    ทำไมไม่ ปล่อยวาง ให้ได้ ตามคำพูดที่พ่นน้ำลายออกไป
    คนอื่น ที่เค้าเข้าใจ เค้าฟังพวกคุณ แล้วเค้าสมเพช
    แต่เค้าไม่อยากจะทำลาย น้ำใจ ผู้ศึกษาใหม่
    กลัวว่า พอโดนตะคอกเยอะเข้า จะหนีไปที่อื่นอีก

    แต่ถ้ายังมีนิสัยอย่างนี้ เดี๊ยวก็ไปโดนที่อื่นตะคอก
    ก็จะได้ร้องไห้กลับมาอีก เข้าอีหรอบเดิมเป๊ะ แบบไม่ต้องเดา
    มันมาตามสูตร ที่คนรุ่นก่อนๆ ก็เคยทำแบบนี้
    แล้วก็ไปฟ้องที่อื่น ว่า ที่นี้ทำรุนแรงเกินไป
    แต่สุดท้ายก็จะต้องกลับมาตายรัง คือที่นี่
    เพราะเป็น สัมพเวสี ไม่อาจจะสิงสถิตอยู่กับ คนทั่วไปได้
    กลับมา อวตาร เปลี่ยน ภาค เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนแซ่
    แต่นิสัยเ(ห)ลว มันไม่เคยเปลี่ยน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...