พุทธ กับ พระเยซู อย่าโกรธกันนะ

อ่านแล้วอาจจะดูก้าวร้าวไปนิด โปรดอภัยด้วย แต่มันเป็นจริง

ช่วง 2-3 วันมานี้ ฝันแปลกหลายเรื่อง และนี่ก็คือ 1 ในความฝันที่ของหลายเรื่องนั้น
ความเข้าใจตามความฝัน
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 18/8/2548 ฝันว่า บุคคลหนึ่งใส่ชุดขาวรุ่มร่าม ซึ่งในฝันเข้าใจว่าเป็นพระเยซู ซึ่งในความฝันนั้น พระเยซูเป็นเพียงบุคคลธรรมดา ที่ไม่มีใครรู้จักว่าเป็นใคร (ต่อไปผมจะใช้คำแทนชื่อพระเยซูวา ท่านแล้วกัน ) ท่านได้เดินแหวกเข้าไปในฝูงชนที่มาชุมนุมกันอะไรสัอย่าง ประมาณว่า ผู้คนมารอรับการขานชื่อตามลำดับเพื่อรับพิธีกรรม อะไร บางอย่าง หรือเข้าร่วม หรือว่ายอมรับอะไรบางอย่าง อาจเป็นลัทธิ หรือว่า กฏเกณฑ์ก็ไม่ทราบ และคนที่ทำหน้าที่ขานชื่อเพื่อรับคนเข้าไป ก็ขานไปเรื่อย ๆ และ ท่านก็เดินมาพอดีและผ่านไป คนขานชื่อถามว่าท่านคือคนที่ข้าขานชื่อเหรอ (ซึ่งก็ถามทุกคนที่กำลังจะเข้าไป) ท่านก็บอกและก้มหน้าก้มตาว่า ไม่ใช่ คนขานชื่อก็รู้ว่าไม่ใช่ แต่ก็ปล่อยผ่านไปแบบไม่เคร่งครัดนัก คล้าย ๆ กับว่า ใครอยากสมัครใจเดินผ่านเข้าไปเลยก็ได้ แต่คงขานเพื่อความเป็นระเบียบขั้นตอน
หลังจากที่ท่านเข้าไปแล้ว ก็คล้าย ๆ กับว่า ท่านได้เข้าไปในพื้นที่ที่มีการกั้นเขตแดนด้วยเชือก ซึ่งไม่ได้มีลักษณะเหมือนการกักขังหรอก เป็นเพียงเชือกเส้นเล็ก ๆ ล้อมรอบฝูงชน ให้ดูเป็นกลุ่มเท่านั้นเอง พอท่านเข้าไป ท่านได้เดินแหวกฝูงชนที่วุ่นวายไปยังด้านหลังสุดของจุดสิ้นสุดที่มีเชือกเป็นรั้วดังที่กล่าวมา และท่านได้ทำลับ ๆ ล่อ ๆ ท่ามกลางฝูงชนที่ไม่มีใครสนใจใคร แต่ดูวุ่นวาย พร้อมมอบจี้หรืออะไรสักอย่างใหักับคนคนหนึ่ง ซึ่งคล้าย ๆ กับว่า นัดกันมาแล้วว่าจะมาส่งของให้กันที่นี่ แล้วคล้องคลอให้ พร้อมพูดว่า เจ้าจง(นับถือ หรือ ติดตาม หรือเคารพ หรือ......อะไรนี่แหล่ะ ที่กำลังขี่ม้าอยู่นั้น และในฝันมีคำว่ามังกรด้วย ผมจำไม่ได้ ผมขี้เกียจจำ) และผู้ที่ขี่ม้าอยู่นั้น บอกว่า ท่านยอข้าเกินไปแล้วประมาณนี้แหล่ะ
ที่ผมมาเล่าความฝันนี้ให้ฟังนั้น เพราะมันเคยมีเรื่องแปลกเกี่ยวกับคริสต์เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ก็มี ก่อนอื่นขอบอกก่อนนะครับว่า ผมค่อนข้างจะแอนตี้ ศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะบัญญัติ ของพระเจ้าของคริสต์มาก ผมมักจะท้าทาย และวิจารณ์ อยู่คนเดียวบ่อย ๆ
ผมเคยบอกว่า พระเยซูอาจจะมีจริง สมมุติพระเจ้าของคริสต์อาจจะมีจริง แต่ถึงท่านจะทำคุณอะไรให้ผม ก็ไม่สามารถทำให้ผมเลิกนับถือพุทธได้หรอก และถ้าสมมุติผมจะนับถือหลายศาสนา แล้วไง คุณจะมาลงโทษผมเหรอที่ผมไม่นับถือท่านแต่เพียงผู้เดียว ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่มีความศรัทธาในพระเจ้าของศาสนาคริสต์ และการที่ท่านให้สุขกับคนที่นับถือท่าน และล้างปาบให้ก็สิ้นเรื่อง อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งในหลายข้อที่แสดงให้เห็นถึงกิเลสที่พระเจ้าคริสต์ยังมีอยู่ อันนี้ความรู้สึกผมนะครับ ผมไม่ได้หมายความว่า ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาไม่ดีนะครับ ผมเพียงแต่รู้สึกเช่นนี้ขึ้นมาเฉย ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับพุทธ ผมเคยสัญญากับเพื่อนที่นับถือคริสต์ไว้ว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับผม ถึงแม้จะเป็นของคริสต์ผมก็จะนำมาเล่าให้คนฟังอย่างเป็นกลาง เพราะเพื่อนผมขอพรจากคริสต์ให้ผมหายจากทุกข์(เพิ่งขอให้ได้ไม่ถึง 2 อาทิตย์) ผมบอกว่า ถ้าท่านให้สิ่งดี ๆ กับผม ผมก็จะขอบคุณก็แค่นั้น และจะบอกคนอื่นด้วยว่าได้รับอย่างไร ไม่ว่าแต่สิ่งดีหรอก สิ่งเลวก็บอก แต่ผมก็จะยังยินดีตกนรกตามกรรมที่สมควรได้รับ ถึงจะทรมานแสนสาหัส มิใช่จะพ้นนรกเพราะเชื่อในท่าน เพราะถ้าผมยึดถือแบบนั้น รับรองโลกจะต้องวุ่นวายแน่ เพราะมัวแต่ขอความช่วยเหลือจากท่านประมาณนี้ ฯลฯ
(เหตุการณ์ต่อไปนี้เกิดก่อนที่เพือนบอกว่าจะขอพรให้)
ก่อนหน้านี้หลายเดือน มีวันหนึ่งผมนอนหลับสบายมาก ๆ กว่าปกติ แต่ก็ยังถือว่าน้อยอยู่ เพราะผมเป็นโรคนอนไม่หลับมากว่า 10 ปีแล้ว ตลอดทั้งคืน ผมรู้สึกว่า มือขวาผมนั้นจะก่ายขึ้นด้านบน ด้านล้าง ด้านซ้าย ด้านขวา อยู่เป็นระยะ แล้วรู้สึกสดชื่นเพราะได้นอน
รู้สึกว่านอนหลับได้ดี ผิดหูผิดตามาก พอตื่นขึ้นมาจึงคิดว่า เอ ทำไมเราถึงนอนแล้วมือต้องก่ายไปมาแบบนั้นนะ แล้วก็ทบทวนดู ถึงกับตกใจ เมื่อจำได้ว่า ตัวเองนั้นทำเหมือนชาวคริสต์ที่เอามือ ขึ้นบนซ้ายขวาล่าง แล้วพูดว่า อาเมน อะไรนี่แหล่ะ แต่ผมไม่ได้พูดอาเมนนะ และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าอาเมนคืออะไร แปลว่าอะไร
ก่อนหน้าที่จะฝัน ก็มีมิชชันนารีมาเผยแพรศาสนาและผมก็ได้โต้แย้งข้อไม่ดี และชมเชยข้อดีของศาสนาเค้าด้วยตามมรรยาทและความเป็นจริงบางส่วน แต่ส่วนมากออกจะไปทางขัดแย้งมากกว่า พอเค้าเผยแพร่เสร็จ ผมก็ได้บ่นพึมพำว่า " ท่านพระเยซูเอ๋ย สมมุติว่าท่านมีตัวตนจริง เอาเป็นว่า ผมคิดว่าท่านมีตัวตนจริงแล้วกัน แล้วไงล่ะ ท่านจะช่วยอะไรผมได้ ผมนับถือพุทธนะ ถึงพุทธจะไม่ช่วยผมให้ดีขึ้น แล้วท่านมาช่วยผมผมก็คงได้แค่ซาบซึ้งและขอบคุณในน้ำใจของท่านอย่างจริงใจ ผมเกลียดแนวความคิดแหกตาของบัญญัติท่านมาก ไม่ใช่ว่าท่านไม่ดีนะ แต่ผมก็อาจจะเคารพและนับถือท่าน ผมอาจจะไม่เหมือนใคร สักวันผมอาจนับถือศาสนามากกว่า 1 ศาสนาก็ได้
และจะดำเนินตามวิถีของหัวใจ ไม่ได้เคร่งครัด หงำหงึก และสมมุติว่าผมนับถือศาสนาคริสต์ละก็ ก็เป็นว่า ผมขัดบัญญิติของคุณแล้ว แล้วไงละ คุณจะทำอะไรผม คุณจะมาลงโทษผมเหรอ ก็มาสิ ให้มันรู้ไปสิว่า ผมจะโดนลงโทษเพราะไม่ได้นับถือคุณเพียงผู้เดียว ฯลฯ " ผมพูดใส่ความรู้สึกทำนองว่า บัญญัตินั้นถ้าเป็นพระเจ้าบัญญิติเองจริง ๆ พระเจ้านั้นจะยังไม่ประเสริฐพอ ยังมีกิเลสอยู่มาก ต้องการปรารถนาให้คนเคารพ ให้ตัวเองเป็นใหญ่ คล้าย ๆ กับให้บทเรียนท่าน อ่านดูแล้วเหมือนอวดดีและโอหังนะ แต่ผมตอนนั้นผมแอนตี้และรู้สึกแบบนี้จริง ๆ
บางครั้งผมยังเคยคิดสงสัยอยู่ว่า พระเยซูนับถือพระพุทธเจ้าหรือเปล่า หรือบัญญัติ 10 ประการนั้นอาจไม่ใช่ของพระเจ้าบัญญิติเองจริง ๆ อาจเป็นเพียงกุศโลบายที่พระเยซู หรือ ชาวคริสต์รุ่นก่อน แต่งขึ้นมา เพื่อช่วยให้ศาสนาคริสต์อยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
หลังจากตื่นขึ้นมา ผมก็รู้ว่า ท่านมาเพื่อแสดงให้เห็นว่า ท่านมีจริง ท่านรู้ เพื่อให้ผมได้บอกต่อ ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจ แต่แปลกใจตรงที่ เออ ทำได้จริง ๆ ว่ะ และ เชื่อว่า พระพุทธเจ้าก็ทำได้ แต่ท่านไม่ทำ ท่านประเสริฐแล้ว ท่านตรัสรู้ เข้าใจแจ่มแจ้ง ถึงเหตุผลความเป็นไป และสิ่งที่ควรจะเป็น ผมเปรียบว่า พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่บอกว่าในอาหารของศัตรูอาจมียาพิษ แต่ไม่ใช่ผู้ที่คอยปัดอาหารที่มียาพิษให้หล่นลงกับพื้นก่อนเข้าปาก
เอาหล่ะครับ อย่าตัดสินผม เพียงเพราะความรู้สึกจากการอ่าน ผมอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ทุก ๆ คน คิดในแต่ละบรรทัดนะ มันละเอียดอ่อนมากกับความคิดของผม แต่อย่าลืมนะครับว่า ผมเป็นกลางนะครับ แม้แต่เรืองของฝ่ายตรงข้าม นี่แหล่ะพุทธสอนให้ผมคิดแบบนี้ แต่มโนทุจริตหลายอย่างก็มีอยู่เต็มเปี่ยม ความชั่วมีอยู่ในสายเลือดและวิญญาณเหมือนมนุษย์ผู้มากด้วยกิเลสคนนึงเท่านั้น ผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นคนที่จะบอกว่าโลกกลมคนแรกของโลก
อ่านดูแล้เหมือนอุปทานนะ มีฝันเห็นคนในเว็บนี้ด้วย ไม่รู้ตั้งใจมาเข้าฝันหรือเปล่า บวชมาอีกต่างหาก วันหลังค่อยว่ากัน

 

ผมเองก็นับถือคริสต์ แต่ผมก็ศรัมธาในพุทธนะ

ผมจะตอบคุณว่า

ผมเชื่อว่าพระเจ้ามีจริง ผมเชื่อว่าคนถูกสร้างมาโดยมีกิเลสปรุงแต่งอยู่ในจิตวิญญาณทุกคน

ผมเชื่อว่า สวรรค์มี นรกมี

ผมเชื่อทั้งพุทธ และ คริสต์ แม้บางข้อจะดูขัดแย้ง โดยไม่มีคำตอบ แต่ผมก็เชื่อ

เพราะคำว่า ศรัทธา เชื่อโดยไม่มีเงื่อนไข

ศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

ผมว่าคุณใช้ภาษาให้ดีกว่านี้อีกนิดนึงก็จะดีนะครับ

อ่านแล้วรู้สึกมีอารมณ์ไม่พอใจ นิดๆ เพระเหมือนกับคุณลบหลู่ศาสดาศาสนาที่ผมนับถืออยู่

แต่อย่างไรก็ตาม

ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีทั้งสิ้น ผมเชื่อแบบนั้นครับ

 

ตอบคุณ nanuu นะครับ ผมอ่านแล้วรู้สึกดีนะครับ ที่คุณก็เป็นคนใจกว้าง ยอมรับอะไร ๆ ที่คุณรู้สึกได้เอง
และคุณก็ไม่ได้ใช้วาจาที่สมควรจะด่าผมมากกว่านี้ ไม่เหมือนกับผมเลย ที่ใช้ภาษารุนแรงออกจะลบหลู่บัญญิติของศาสนาคุณ อันนี้ผมก็รู้นะครับว่า มันผิด และไม่ควรจะไปก้าวก่ายศาสนาอื่น ผมก็บอกไปในฐานะคนที่นิสัยไม่ดีคนหนึ่งแค่นั้น ผมไม่ใช่คนใจเย็น ไม่ใช่คนธรรมมะธรรมโม ไม่ใช่คนที่มีคุณธรรมเท่าใดนัก แต่ก็แปลกนะ ที่ผมรักศาสนา และคำสอนของศาสนาเท่าชีวิตเลย ถึงผมจะไม่ปฏิบัติตาม ฟังดูแล้วคนละเรื่องเลยนะครับ ใครบ้างจะเข้าใจ รู้ว่าเรารู้สึกยังไง ก็เหมือนกับคุณ nanuu หล่ะครับ ที่บอกว่า ศรัทธาโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่มีเหตุผล อะไรประมาณนั้น การที่ผมใช้คำพูดลบหลู่คำสอนของศาสนาคุณนั้น ผมไตร่ตรองดีแล้วว่า ผมต้องบอกออกมาตามความรู้สึก เพื่อให้ตัวเองสบายใจ แม้แต่ศาสนาพราหม์-ฮินดู ผมก็ยังเคยวิจารณ์คนเดียวอยู่บ่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ศาสนาเค้าก็ไม่ได้ก้าวก่ายศาสนาใด และไม่ได้ให้ร้ายใคร เอาแค่การแบ่งชนชั้น และการฆ่าสัตย์เพื่อบูชายัน แค่นี้ผมก็หมดศรัทธาแล้วหล่ะครับ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง
หลายความคิดเห็นที่ผมเคยอ่านเจอจากผู้ตอบกระทู้ในกระทู้อื่น ๆ ผมอยากสะสวนกลับหลายครั้งแล้ว ทั้งความคิดที่ไม่เข้าท่า ความคิดที่เดาขึ้นมาแล้วบัญบัติเองก็มี แม้แต่คนที่ตอบกระทู้ในกระทู้ ปางเสพสม ผมยังไม่เห็นใครเลยที่ตอบได้ถูกใจ หรือให้เหตุผลที่ง่ายแสนง่าย เกี่ยวกับพระพุทธรูปนั้นได้เลย ฯลฯ
แค่นี้ก่อนนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักคนอย่างคุณนะครับ คุณ nanuu (ถึงคุณอาจจะไม่ยินดีด้วย)

 

คุณพ่อของดิฉันเป็นคริสเตียน เป็นนักเทศน์เสียด้วย ขณะที่ดิฉันเกิดมา จึงเกิดท่ามกลางความเป็นคริสต์ แม้แต่ชื่อจริงของดิฉัน "อธิษฐาน" ก็ไม่ได้มาจากความเป็นพุทธ แต่เป็นชื่อที่มาจากเพลง the sweet of pray เพลงของคริสเตียน ด้วยเหตุผลใดก็ตาม ดิฉันมีโอกาสอยู่ใกล้ชิดคุณพ่อน้อยมาก ทำให้เข้าไปผูกพันกับพุทธศาสนาจนถึงปัจจุบัน และก็เคยเกิดข้อข้องใจต่างๆ คล้ายผู้อื่นอีกหลายคน ที่ว่าพระคริสต์มีความสามารถเท่าใด คล้ายๆ ท้าทายอำนาจพระคริสต์เช่นกัน ดิฉันได้ศึกษาพระคัมภีร์แต่ไม่ลึกซึ้งนัก

เข้าใจว่าพระคริสต์คือพระบุตรของพระเจ้า พระคริสต์เกิดมาตามความต้องการของใครบางคนที่อยู่ข้างบน ถ้าเทียบกับแนวความคิดทางไทยก็น่าจะเป็นเทวดาที่อยู่สูงขึ้นไป ผู้มีอำนาจสิทธิ์ให้ผู้ใดไปเกิดเป็นใครอย่างไร ซึ่งตำราศาสนาพุทธก็มีเหมือนกันที่ว่า มีเทพผู้หนึ่งเลือกถวายคำขอเจอะจงให้พระพุทธเจ้าลงไปโปรดสัตว์เป็นชาติสุดท้าย ซึ่งพระองค์ก็ตกลง ดิฉันรู้สึกว่ามันมีเรื่องที่คล้องจองกันอยู่

และจากการศึกษาเรื่องการสะกดจิตระลึกชาติ คนส่วนหนึ่งบอกว่า ก่อนที่ตนจะเข้าไปอยู่ในครรภ์ มีผู้มาบอกให้เขาไปเกิด เขาจะยินดีไปเกิดเป็นแบบนี้ๆ อย่างนี้ๆ ลักษณะนี้หรือไม่ เพื่อการบำเพ็ญความสามารถบางอย่าง เป็นการบำเพ็ญเพื่อทำให้จิตใจตัวเองสูงขึ้น อึดขึ้น ไม่ใช่เพื่อทำให้เกิดพลังอำนาจ มีฤทธิ์ พวกที่ถูกสะกดจิตต่างก็กล่าวคล้ายๆ กันเหมือนเป็นการบอกว่า ทุกคนต้องผ่านคนผู้นี้ จึงจะมาเกิดได้ และหลายคนเต็มใจเพราะจะได้เกิดมาพบคนที่ตนเองเคยผูกพันมาก่อน แม้จะเกิดมามีปัญหาทางร่างกาย จิตใจ หรือสติปัญญาก็ตาม

ข้อความข้างตนนี้ทำให้ดิฉันเชื่อว่า ก่อนที่ตนจะมาเกิด ดิฉันได้ทราบมาก่อนแล้วว่า จะเกิดมาเป็นลูกพ่อลูกแม่ เป็นลูกคนชั้นกลาง ท่ามกลางปัญหาบางอย่างของครอบครัวที่มีผลต่อชีวิต ความคิด ความรู้สึก ทิฐิ โลภะ การยึดถือในตัวตนที่ต้องบำเพ็ญเพียรห้เบาบางลง

ขณะที่พระคริสต์ถูกตรึงกางเขน พระองค์ทรงทนทรมานหลายวันบนกางเขน ทรงตรัสประมาณว่า ขอให้พระบิดายกโทษให้พวกเขาที่ทำกับตนเถิด เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรลงไป นั้นแสดงให้เห็นว่า ท่านกำลังบำเพ็ญเพียรชั้นสูง นั้นก็คือเมตตา ไม่คิดอาฆาตใคร หรือผู้ใดที่ไม่รู้ว่าตนนั้นกำลังผิดศีล ด้วยการฆ่าคนตาย ท่านกำลังคุยกับคนผู้หนึ่งที่สูงขึ้นไปอยู่

พระพุทธเองก็ไม่ได้ปฏิเสธการมีอยู่ของชั้นเทวดาที่อยู่สูงขึ้นไป ขณะที่ท่านเป็นพระพุทธ ท่านก็ไม่เคยบอกว่าท่านบำเพ็ญเพียรจนสูงสุดกว่าเทวดาทั้งมวล ไม่มีเทวดาใดทำได้สูงสุดอย่างท่านแล้ว ท่านไม่เคยโอ้อวดเช่นนั้น ชาวพุทธจึงไม่น่านำมาคิดว่าศาสนาใดจะสูงกว่าศาสนาใด หรือพระพุทธจะสูงกว่าพระคริสต์หรือเปล่า ในเมื่อท่านต่างก็ทำดี เราก็นับถือคนดี ถ้าเขาดี ก็ไม่น่าจะเลือกว่าเขาจะเป็นใคร หรือคิดท้าทายพระคริสต์หรือพระพุทธไปเพื่ออะไร

ดิฉันเข้าโรงเรียนแห่งหนึ่งที่นับถือพระแม่มารี หลายครั้งได้รับรู้พลังของพระนาง หลากหลายเหตุการณ์และหลากหลายอารมณ์ ทั้งยินดี เป็นสุขเล็กๆ ทั้งซาบซึ้งกลั้นน้ำตาไม่อยู่ และทั้งหวาดกลัวจนต้องวิ่งหนี ดิฉันเชื่อว่าทุกสิ่ง ทุกที่มีพลังงาน แม้แต่เวลาเราทดลองวิทยาศาสตร์ก็ยังได้ทราบว่ามะนาวหรือแอบเปิ้ล 1 ผลก็ยังให้พลังงานได้ ดังนั้นการที่ใครได้รับการสวดขอพรให้ใครช่วยใคร จึงเป็นจริงที่จะช่วยรักษาอีกคนให้รู้สึกดีขึ้นได้ ทำให้คนๆ นั้นรู้สึกดีขึ้น เพราะพลังที่ส่งมาด้วยความปรารถนาดี จากผู้บำเพ็ญบารมีมาดีแล้ว ด้วยการเอ่ยนามของผู้มีบำเพ็ญบารมีด้วยเมตตาอย่างสูงส่ง น่าจะมีแรงส่งที่สูง ที่จะทำให้อีกคนรับรู้พลังงานนั้นได้

ปัจจุบันดิฉันดื่มด่ำในพระพุทธศาสนา และขอไปนิพานด้วย แต่ก็เปิดรับความมีอยู่ของพระคริสต์ด้วยใจเช่นกัน

 

พระเยซู

ผมเป็นคริสเตียนครับเมือก่อนนับถือพุทธ
แต่พอศึกษาอย่างลึกซึ้งแล้วพบว่า
พระเยซูคริสตายบนไม้กางเขนและฟื้นขึ้มมาในวันที่3จริงๆ
พระเยซูตายเพื่อรับบาปแทนเราจริงๆครับ
ลองอ่านดูในไบเบิ้ลแล้วจะพบความจริงนะครับ

 

พุทธกับคริสต์เหมือนกัน คือ สอนให้คนทำความดี แค่นี้แหละ ไม่มีอะไรมาก

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1>ผม งง ครับ >>>>> ผมเป็นคริสเตียนครับเมือก่อนนับถือพุทธ
แต่พอศึกษาอย่างลึกซึ้งแล้วพบว่า
พระเยซูคริสตายบนไม้กางเขนและฟื้นขึ้มมาในวันที่3จริงๆ
พระเยซูตายเพื่อรับบาปแทนเราจริงๆครับ
ลองอ่านดูในไบเบิ้ลแล้วจะพบความจริงนะครับ
>>>> ผม งงว่ารับบาปแทนกันได้ด้วยหลอครับ กรรมใดใครก่อ กรรม นั้น ก็จะมาส่งผลกับคนที่ก่อกรรมเอาไว้ไม่ใช้หลอครับ ผมไม่ได้ว่าอะไรใครนะครับ แค่ ผม งง และอาจจะไม่รู้ลึกซึ้ง มากเลยทำให้ผมไม่รู้นะครับ
<!-- / message --></TD></TR><TR><TD class=alt2> </TD><TD class=alt1 align=right><!-- controls --></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

......
ให้ผู้บรรลุธรรมขั้นสูง ของแต่ล่ะศาสนา (ถ้ามี) มายืนยันพิสูจน์ ว่า ใครจริง
ถ้าบรรลุจริง แล้ว ไม่เปิดเผย ไม่เท่ากับว่าเห็นแก่ตัวรึ?
คนได้ใกล้พระเจ้า คนที่บรรลุธรรมขั้นต่างๆ (ถ้ามี) ก็ไม่รู้ว่าจะเก็บตัวไปทำไม หาวิธียืนยันหน่อย
ถ้าพระเจ้ามีจริง และคนพุทธยอมรับได้ ก็แสดงว่ายอมรับว่า พระเจ้าสร้าง หรือกำหนดให้พระพุทธเจ้า และศาสดาอื่นๆ เกิดขึ้นมาด้วย งั้นเหรอ?

ปล. คิดเล่น ๆ แบบเด็ก ๆ อย่าฑิฐิ เลย

 

พระคริสต์บอกว่าทรงสร้างโลก วันที่หนึ่งสร้างอะไร วันที่สามสร้างอะไร ถึงวันที่7

ศาสนาฮินดูหรือพราหมณ์ บอกว่าให้ทำดี จะได้กลับไปรวมกับพระพรหม ผู้ที่สร้างโลกนี้อีกครั้ง

นี่ก็ตั้ง 2 ศาสนาเข้าไปแล้วที่เชื่อว่าศาสดาของตนสร้างโลก ศาสนาพุทธก็มีเรื่องอภินิหารไม่แพ้กัน บอกว่าหลังพระประสูติกาล ทรงเดินไป 7 ก้าว

ทั้งหมดที่กล่าวไม่ได้ต้องการบอกอะไร นอกจากจะบอกว่า เราทราบว่าพระพุทธเจ้าเดินไป 7 ก้าว ไม่ได้แปลงว่าพระองค์เดินจริง แต่หมายถึงการประกาศธรรมที่มีความสำคัย 7 อย่าง เช่นกันกับศาสนาอื่นที่บอกว่าสร้างโลก ตัวศาสดาเองคงไม่ได้เป็นผู้บอกว่าพระองค์เดินไปได้เอง 7 ก้าวหลังประสูติ ศาสนาอื่นก็คงไม่ได้เป็นผู้บอกเองว่าฉันนี่แหละเป็นคนสร้างโลก แต่อุบาสก อุบาสิกา ต่างเลื่อมใสในพระองค์ ต่างเล่าอภินิหารของศาสนาตนว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แท้จริงเราก็ทราบว่า การที่พระพุทธเจ้าเดินไป 7 ก้าวมีความหมายแห่งธรรม ศาสนาอื่นก็เช่นกัน และเชื่อว่าในโลกนี้มีศาสนาอีกมากมาย ที่เป็นศาสนาเล็กๆ อีกมากมายที่ไม่ได้เปิดเผยตัวยิ่งใหญ่ เชื่อว่าศาสดาของตนสร้างโลก ดังนั้นถ้าจะเถียงเรื่องนี้ให้ดี อย่ามาเถียงว่าพระคริสต์สร้างโลกจริงหรือ? อย่างนี้ควรเถียงให้หมดทุกศาสนาว่า พระพรหมสร้างโลกจริงหรือ? ศาสดาของศาสนาอื่นๆ สร้างโลกจริงหรือให้หมด จึงจะยุติธรรมนะจ๊ะ

ส่วนการยกบาปให้ผุ้ทำบาปในศาสนาคริสต์ ถ้าคุณสำนึกบาป แล้วไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองไปให้ถึงวัจนะของพระคริสตเจ้า เชื่อว่าท่านก็คงไม่ได้ยกบาปให้หลากค่ะ เพราะเป็นการสำนึกแต่ปาก โดยไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง อย่างนี้ ดิฉันคิดว่านี่เป็นการทำให้คนเข้าใจผิดว่าพระคริสต์วันๆ ยกบาปให้คนอื่นได้ทุกวี่ทุกวัน เหมือนบางคนที่แปลความหมายของธรรมพุทธศาสนาผิดๆ ก็ยังมี คริสต์ ฮินดู ฯลฯ ก็เช่นกัน ย่อมมีคนแปลความหมายของการละเว้นจากบาปแบบผิดๆ แม้แต่ตัวดิฉันเอง ถ้าไม่คิดเข้าไปในธรรมของพระพุทธองค์ให้ลึกซึ้ง ฟัง อ่าน ให้มาก ก็อาจเข้าใจอะไร แปลความหมายอะไรผิดๆ ได้

คุณก็ลองคิดดู ปากบอกว่าสำนึกผิด แต่ใจไม่สำนึกเลย ไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองไปสู่พระวัจนะของพระคริสต์เลย อย่างนี้คุณคิดว่าเขาจะได้รับการยกบาปจริงๆ หรือคะ ในเมื่อใจไม่สำนึก พวกปากกับใจเดินคนละทางนะคะ

 

อื้อ

 

ผมคิดว่านะ ศาสนาทุกศาสนา มีดีทุกศาสนา ทำให้คนเราทำดีทุกศาสนา ไม่ต้องเอาคำสอน มาป้ายกันดีกว่า ยั่งศาสนาพุทธให้เรารักษาศีล 5 พวกเรายังทำกันไม่ค่อยได้เลย ศาสนาคริสต์เขาก็มีให้คนที่ศรัทธานับถือ เราอยู่ด้วยกันได้ทุกศาสนา ถ้าไม่มีคนใดคนหนึ่งมาพูดให้คนโง่ๆเข้าใจผิด ส่วนมากนะคนโง่เท่านั้นเป็นเหยือของคนฉลาด ซึ่งนี้ก็เป็นสาเหตุหลักของสังคมปัจจุบัน ปลาใหญ่กินปลาเล็ก เราอยู่ร่วมกันได้ ศาสนาเป็นเพียงคำสอนให้เรารู้จักตัวเราอยู่ในสังสมได้ อยู่ด้วยความรักและความพอดี ......ขอบคุณคราบ

 

ด่วน...มอบพระของหลวงพ่อฤาษีฯ......(ช่วงสุดท้าย)

No1
พระหางหมากมีเส้นเกศาหลวงพ่อฯพิมพ์สวย เกศาชัด หายาก
ให้ร่วมบุญบูชาองค์ละ 1,234 บาท
องค์ที่ 1
ที่ใต้ฐานพระด้านหน้า 1 เส้นและด้านหลังที่คำว่า"พ่อ"อีก 1 เส้น องค์เดียวมีเกษาหลวงพ่อ 2 เส้นหาไม่ง่ายครับ

องค์ที่ 2
เส้นเกษาที่ด้านหลังตรงใต้ที่นั่งหลวงพ่อฯ 1 เส้น
<!-- / message -->

No2<!-- attachments --><O
<!-- / message --><!-- attachments -->พระผงรูปใบโพธิ์ วัดท่าซุง รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ทันหลวงพ่อฯ สภาพคมชัดสวยทุกองค์ให้ร่วมบุญบูชาองค์ละ 1,685 บาท มี 2 องค์<O</O

หมายเหตุ
รุ่นนี้ไม่ได้ลงไว้ในหนังสือสมบัติพ่อให้ ยังมีที่วัดและที่บ้านสายลม ให้บูชาองค์ละ 1,600 บาท นอกวัดหายาก ศิษย์เก่ามีเก็บน้อยมาก<!-- / message --><!-- sig -->

No3
สมเด็จองค์ปฐมรุ่น 3
นำมาให้ร่วมบุญบูชาองค์ละ 2,828 บาท มี 2 องค์สุดท้าย


No4
เหรียญนวมหาลาภ เหรียญเนื้อเงิน สวยแวววาว <O
ให้ร่วมบุญบูชาเหรียญละ 1,133 บาท มี 3 เหรียญ


หมายเหตุ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก link นี้ครับ
http://palungjit.org//showthread.php?t=99470
ที่มาhttp://www.amuletsinthai.com/mybb/vi...75a16e0d23719b <O<!-- / message --><!-- attachments -->





องค์ลอยหลวงปู่โลกอุดรรักดำแบบต่างๆ

เท่าที่ผมอ่านพบจากการบอกเล่าของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ท่านไปพบพระเยซูบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ขณะนั้นพระเยซูอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต ซึ่งสูงกว่าชั้นดาวดึงส์ และเป็นพระโพธิสัตว์ปรารถนาพุทธภูมิ และพระเยซูยังบอกหลวงพ่อฯว่า คำสอนเกี่ยวกับการชำระบาป ถูกบิดเบือนจากสาวกของท่านในภายหลัง เจตนาที่แท้จริงของการชำระบาปหรือสารภาพบาปก็เหมือนกับการปลงอาบัติในศาสนาพุทธ ดังนั้นจุดมุ่งหมายของศาสนาไม่แตกต่างกัน จะแตกต่างกันก็เป็นเพียงวิธีปฎิบัติ

 

ผมเคยดูหนังเกี่ยวกับพระคริสต์ที่ mel gibson สร้างนะครับ ดูแล้วน่าสงสารมากที่ท่านถูกทรมานขนาดนั้น จะเป็นไปได้ไหมครับที่ร่างกายทุกข์ทรมานมากๆจนสามารถตรัสรู้ได้ (ไม่รู้ใช่คำนี้ถูกหรือเปล่า) ซึ่งหลักการจะคล้ายๆกับศาสนาเชนในอินเดียนะครับ ที่ท่านมหาวีระศาสดาของศาสนาเชนก็บำเพ็ญเพียรโดยการทรมานกายเช่นกัน (ขอความเห็นด้วย)

 

-ผมนับถือพุทธครับ ผมว่าศาสนาทุกศาสนาที่สอนให้คนเป็นคนดี

ก็ดีทั้งนั้นหละครับ ยกเว้นลัทธิประหลาดหลอกคนให้ฆ่าตัวตายนั่น
แหละที่ไม่ดี[b-wai] ( ผมรักศาสนาพุทธครับ แล้วผมก็เชื่อ
ว่าเทวดาของศาสนาเรามีจริง เพราะผมก็เคยโดนช่วยตอนเด็กๆมา
ครั้งนึงเหมือนกันนะ ) แล้วศาสนาเราก็สอนให้คนหลุดพ้นด้วยซึ่งผม
ว่ามันเป็นสิ่งที่ดีนะ เพราะที่เราต้องมาเวียนว่ายตายเกิดทุกวันนี้ก็เพราะ
กรรมดีกรรมชั่ว ไม่จบไม่สิ้นสักที

 

ครับ อย่าวิจารย์กันต่อไปเลยครับ ไม่มีที่สิ้นสุด หนักๆ เข้า ก็เสี่ยงต่อการปรามาส เป็นกรรมหนักอีก ขอให้ท่านเลือกที่จะศรัทธา เลือกหนทางแห่งศรัทธานั้น และไปให้ถึงที่ปลายทางแห่งศรัทธานั้น ไม่ว่าจะเป็น ดินแดนแห่งพระเจ้า สวรรค์ หรือนิพพาน แล้วที่นั่นจะมีคำตอบที่จริงแท้อยู่

 

น่าลบนะ กระทู้นี้
ใครงง pm มาคุยแล้วกัน
เฉพาะคนงง

 

เดี๋ยวไก่น้อยผู้น่ารักคนนี้จะกลับมา

อย่าเพิ่งลบนะครับ วันหลังผมจะมาชี้แจงอีกให้กระจ่าง คันปาก แต่ช่วงนี้ไม่ว่างเลย ทุกกระทู้ถ้าถกเถียงกันแล้วเกิดประโยชน์มากกว่าผลเสีย เกิดความคิด ก็เถียงกันไปเถิด จะขัดแย้งกันยังไง ก็อ่านและตัดสินเอาเองแล้วกัน บางคนก็ยังไม่เข้าใจอะไรก็ยังไม่เข้าใจอยู่วันยังค่ำ

 

judaism,christianism and islam believe in same GOD but they are still killing each other ,Crusade christian vs Islam, protestant vs catholic in ireland, suni kill shite in iraq.So who will be go to heaven?and will happen in judgement day when they facing each other and all of them claim they are right? If you don't really understand in what you believe,please don't make it mess up than what it is now.

 

อย่าให้เป็นเหมือนพุทธกับอิสลาม อีกเลยนะ ทำไมมนุษย์ต้องมาฆ่ากันเองแบบนี้...

 

การนับถือศาสนาต่าง ๆ มาจากการผูกพันธ์กันนะ อธิบายง่าย ๆ คือ เหมือนมีสายใยโยงกันอยู่ บางคนก็แน่นหนาศาสนาใดศาสนาหนึ่งมาตลอด บางคนก็เบาบางจากอีกศาสนาเริ่มไปหนาแน่นยังอีกศาสนาก็มี สาเหตุหลัก คือ การได้พบได้เจอ และการอธิษฐานจิตเป็นหลัก เราเชื่อว่า การอธิษฐานจิตมีผลต่อการนับถือศาสนาของมนุษย์ ซึ่งการอธิษฐาน ทุกศาสนามีสอนหมดแหละค่ะ...
หลายคนบอกว่า ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี ทำความดี ถูกต้อง แต่...สอนให้ทำดีไม่เท่ากัน.....อย่างคริสต์ที่เห็นชัดและเน้นหนัก คือ การสงเคราะห์ทางโลก (แต่ที่เห็น ๆ มีแฝงศาสนาเข้ามาด้วย บางทีบางจุดมีถึงกึ่งการบังคับก็มี(เท่าที่ฟังมานะ บางโรงงานเจ้าของเป็นคริสต์ หากลูกน้องไม่นับถือคริสต์ก็ไม่รับก็มี หากทำงานอยู่แล้ว ไม่เปลี่ยนก็มีโอกาสเด้งจากงานหรือไม่อาจเติบโตในสายงานนั้น ๆ ได้ก็มี) ไม่ทำอดได้การสงเคราะห์ก็มี ทางพุทธอาจมีนะ แต่คนพุทธโดนสอนว่า ไม่ให้บังคับให้ใครมานับถือศาสนา ใครจะนับถือศาสนาใด ๆ ก็ตาม แต่ขอให้คนนั่นเป็นคนดีก็พอ แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามีคนพุทธทำแบบเหมือนคริสต์บางองค์กรหรือมั๊ย ไม่ว่าพุทธหรือคริสต์นะ อาจทำโดยคนไม่เข้าใจศาสนาของตน ทางพุทธสอนชัด ๆ เลยว่า สอนไม่ให้บังคับใครให้มานับถือ ให้เค้าใช้สติปัญญาในการไตร่ตรอง หากเค้าเห็นดีเห็นงามด้วย ก็แล้วแต่เค้า แต่หากองค์กรของคริสต์ที่สงเคราะห์ทางโลกโดยมีไม่ข้อแม้ การบังคับนับถือศาสนา อันนี้ถือว่าดีมาก ๆ
การสงเคราะห์ทางโลก ยอมรับว่า คริสต์เด่นมาก ๆ
ส่วนพุทธ สอนให้สงเคราะห์ทางธรรมมากกว่าทางโลก แต่ทางโลกก็ไม่ละเว้น แต่คนพุทธส่วนใหญ่เห็นความสำคัญของการสงเคราะห์ทางโลกน้อยกว่า
หากการทำความดี ผลบุญที่ทำเท่ากันจริงๆ
โลกมนุษย์ถึงมีคนต่างฐานะ ต่างเชื้อชาติและผิวพรรณ ต่างสติปัญญา
หากความดีที่ทำนั่นเสมอกัน...ทุกคนย่อมมีฐานะเท่าเทียบกัน เชื้อชาติและผิวพรรณก็ต้องคล้าย ๆ กัน สติปัญญาไม่แตกต่างไม่ด้อยกว่ากัน...
ตามจริงคริสต์น่ามีการสังคายนาเหมือนทางพุทธ ขนาดทางพุทธมีการสังคายนาพระไตรปฎิก ยังมีการผิดเพี้ยนเลย ... อย่างพุทธในญี่ปุ่นเป็นต้น เหอๆ