กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 9@Phonlee, 1 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,207
    ค่าพลัง:
    +10,090
    สาธุๆ ของดีหมดซะแล้ว
     
  2. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    477
    ค่าพลัง:
    +1,205
    ฝัน 325
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2019
  3. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +4,694
    วันนี้มีเรื่องเล่า...
    "ปัจจัยบุญนำพาไปกราบหลวงพ่อคูณ"
    หรือ "ความบังเอิญที่ได้ไปกราบหลวงพ่อคูณ"


    (3-12-2550 ความทรงจำที่ไม่ลืมเลือน)

    ...เป็นครั้งแรกที่ได้แวะไปวัดบ้านไร่
    ช่วงเวลานั่นทราบข่าวมาก่อนแล้วว่า...

    “ลพ.คูณนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล”

    แต่เมื่อใจจะไปวัดบ้านไร่สักครั้ง
    ...คงต้องไปให้ได้

    หลังจากออกจากวัดสรพงษ์ (สี่คิ้ว)
    ...จึงเลี้ยวซ้ายวิ่งไปตามเส้นทาง
    DSCF0087.JPG

    เที่ยงวันนั่นที่วัดบ้านไร่เงียบเหงาแทบไร้ญาติโยม
    เพราะทุกคนต่างทราบดีว่าพ่อท่านคูณรักษาตัวอยู่ที่รพ.

    พอบ่ายๆ....สิ่งที่ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้น
    เมื่อเห็นรถตู้จอดหน้าโบสถ์ศาลา

    อาการดีใจเกิดขึ้นทันที
    ในใจคิดเข้าข้างตัวเอง
    ...หรืออาจเป็นปาฏิหาริย์เล็กๆ

    ทันใดนั่นเห็นคนใกล้ชิดประคองหลวงพ่อค่อยๆเดินเข้ามา

    ...พอท่านนั่งลง
    ...ท่านมองมาตรงที่เรายืนอยู่
    สักครู่เห็นคนใกล้ชิดท่าน
    ...กวักมือให้ไปหาพ่อท่านคูณ
    เรา3คนพ่อแม่ลูกรีบเดินไปใกล้ๆ
    ...ก้มลงกราบด้วยความปิติยิ่ง
    ซึ้งในความเมตตาที่ท่านมีต่อลูกหลาน

    พอท่านให้พรเสร็จ บรรเลงเคาะหัวคนละโป๊ก
    ...แล้วกล่าวให้พรอีกครั้ง

    DSCF0100.jpg

    หลังจากนั่น...ผมออกไปเดินถ่ายรูปรอบๆวัด
    เจอคนใกล้ชิดอีกคน บอกว่า...
    “โชคดีจริงนะ ที่หลวงพ่อเมตตา
    เพราะปกติช่วงนี้..วันนี้ท่านงดภารกิจ”

    กราบ กราบ กราบ
    ขอร่วมน้อมส่งดวงวิญญาณพ่อท่านคูณสู่แดนนิพพาน



     
  4. หนุ่มโชคชัย

    หนุ่มโชคชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +4,442
    อุ๊ย เลขเดียวกันเป๊ะเลยครับ แต่ยังไม่ได้ซื้อเลย อิ อิ
     
  5. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,207
    ค่าพลัง:
    +10,090
    เป็นมงคลในชีวิตมากครับ สาธุๆ ปิติแทนเลย
     
  6. กาแฟโบราณ2สอ

    กาแฟโบราณ2สอ วันหนึ่งอยากเดินเข้าป่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +2,772
    อ๊ากกก สาธุๆ องค์พระพุทธสิหิงค์ ให้โชคเจนจริงๆ
    สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆ
    เจนจะปฏิบัติตามท่านพระครู สอน
    จะปฏิบัติตามอาจารย์นพสอน
    สาธุ ลูกมีทุนได้ซื้อหินเพิ่มแล้ววว
     
  7. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    477
    ค่าพลัง:
    +1,205
    เผ่นแปบบ --'
     
  8. หนุ่มโชคชัย

    หนุ่มโชคชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +4,442
    ดีใจด้วยครับน้องเจน ว่าแต่หวยออกอะไร อิ อิ
     
  9. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,333
    ค่าพลัง:
    +4,793
    เกศาของพระโพธิสัตว์องค์ที่ 10 ?

    จริงๆ ออกสีน้ำตาลแดง แต่กล้องจับ Pixel ได้แค่นั้น

    eua.jpg
     
  10. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +4,694

    ".....สาธุ ลูกมีทุนได้ซื้อหินเพิ่มแล้ว....."


    แสดงว่าได้เริ่มงานถักร้อยหินมงคล
    และ
    เพชรพญานาคแล้วสิคับ
    ไหนลองเอาออกมาโชว์หน่อยจิ
    เผื่อใครสนใจ ปิ้งปังเส้นไหน
    ...
    จะได้มีทุนไปต่อยอดเรื่อยๆ
     
  11. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +4,694

    ".....รุ่นนี้ชื่อว่า หลวงปู่ดู่นั่งอุ้มบาตร “มีข้าไม่มีจน”....."


    พระเครื่องช่วงที่ลป.ดู่ยังมีชีวิตอยู่
    รุ่นไหนน่าสนใจคับ
    ราคาเช่าหาคงน่าตื่นเต้น

     
  12. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +4,694
    *********************************

    พอพูดถึงท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย
    ผมขอพูดถึงครูบาเจ้าชุ่ม โพธิโก ซึ่งเป็นศิษย์เอก

    หลายวันก่อน...อ่านประวัติแล้วน่าสนใจมาก
    ...จึงค้นหาอ่านไปเรื่อยๆ

    เช้าวันนี้ขอหยิบเอาประวัติตอนหนึ่งมาให้อ่าน

    ************************************

    ครูบาชุ่ม โพธิโก
    (เว็บไซต์พุทธะ12 ตุลาคม 2559)

    ศิษย์ผู้ได้รับมอบไม้เท้า และพัดหางนกยูง จากครูบาเจ้าศรีวิชัย

    ครูบาเจ้าศรีวิชัย-ตนบุญแห่งล้านนา ได้ริเริ่มดำเนินการก่อสร้างทางขึ้นพระธาตุดอยสุเทพ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๘ จึงได้เรียกหาครูบาเจ้าชุ่ม โพธิโก ผู้เป็นศิษย์ให้เข้ามาช่วยเหลือการก่อสร้างด้วย ตอนนั้นครูบาเจ้าชุ่มมีอายุเพียง ๓๗ ปี ท่านได้มาอยู่รับใช้ช่วยเหลืองานของครูบาเจ้าชุ่มเจ้าชุ่มเจ้าศรีวิชัยอย่างใกล้ชิด โดยครูบาเจ้าชุ่มทำงานในแผนก “สูทกรรม” เวลาต่อมา พระภิกษุหนุ่มวัยยี่สิบเศษนาม “ตุ๊วงศ์” หรือ หลวงปู่ครูบาวงศ์ ก็มาปวารณาตัวช่วยงานครูบาเจ้าศรีวิชัยด้วยเช่นกัน โดยตุ๊วงศ์ทำงานในแผนก “ดินระเบิด” ท่านครูบาศรีวิชัยได้แบ่งหน้าที่การงานต่างๆ มอบหมายให้พระลูกศิษย์แต่ละท่านอย่างชัดเจน

    kruba-chum.jpg

    จากการที่ได้อยู่ใกล้ชิดช่วยเหลือกิจการงานดังกล่าว ครูบาเจ้าชุ่มจึงมีโอกาสได้ศึกษาข้อวัตรปฏิบัติจากครูบาเจ้าศรีวิชัยอย่างเต็มที่ ท่านได้นำไปฝึกฝนปฏิบัติต่อหลังจากเสร็จงานทุกวัน จนเกิดความชำนาญแตกฉานขึ้นตามลำดับ

    ในยามค่ำ ครูบาเจ้าศรีวิชัยท่านจะอบรมสั่งสอนธรรมะ และการเจริญพระกรรมฐานแก่พระเณรและประชาชนทั่วไป โดยท่านจะเริ่มวัตรปฏิบัติในเวลาตี ๔ ของทุกวัน ครั้นฟ้าสว่างแล้วก็ให้พระเณรออกบิณฑบาต โดยข้อวัตรปฏิบัติทั้งหลายที่ท่านสอนนั้น ท่านยังได้บอกว่า

    “หากปฏิบัติถูกต้องแล้ว จะมีอายุยืนยาว”

    ครูบาเจ้าชุ่ม ได้อยู่ศึกษาปฏิบัติ และช่วยเหลืองานของครูบาศรีวิชัยหลายด้าน จนท่านเป็นที่รักและเมตตาของครูบาศรีวิชัยเป็นอย่างยิ่ง บางครั้งท่านได้รับความไว้วางใจให้อยู่ดูแลรักษาวัด ทำหน้าที่เหมือนเจ้าอาวาสแทนเวลาที่ครูบาศรีวิชัยไม่อยู่ เพราะตอนนั้นครูบาศรีวิชัยถูกเรียกตัวเข้าพระนคร (กรุงเทพฯ) บ่อยๆ จากกรณีต้องอธิกรณ์ต่างๆ ครูบาเจ้าศรีวิชัยได้ฝากให้ครูบาเจ้าชุ่มทำหน้าที่แทนท่าน ตั้งแต่การรับประเคนเครื่องไทยธรรม จนถึงการนั่งรับแขกที่มาหาครูบาเจ้าศรีวิชัย โดยระบุว่า “หากพวกชาวบ้านมาหาให้ต้อนรับ ให้ศีลให้พรแทนด้วย บอกเขาด้วยว่า ไม่กี่วันเฮาจะกลับมา”

    แม้ในขณะที่ครูบาเจ้าชุ่มกลับไปประจำที่วัดวังมุย เมื่อครูบาศรีวิชัยมีกิจธุระ ก็จะส่งคนไปตามท่านถึงวัดวังมุย และทุกครั้งครูบาเจ้าชุ่มก็เต็มใจเดินทางมาสนองงานอาจารย์ของท่านด้วยความผูกพันและกตัญญู

    ช่วงที่การสร้างทางขึ้นดอยสุเทพใกล้จะแล้วเสร็จนั้น ในวันหนึ่งครูบาเจ้าศรีวิชัยได้เรียกครูบาเจ้าชุ่มเข้าไปพบ เพื่อทบทวนธรรมะพระสูตรต่างๆ ทั้งหมดที่เล่าเรียนกันมา จากนั้นครูบาเจ้าศรีวิชัยได้มอบพัดหางนกยูงพร้อมกับไม้เท้าประจำองค์ท่านให้ครูบาเจ้าชุ่ม โดยสั่งไว้ด้วยว่า “เอาไว้เดินทางเทศนา”

    ในช่วงบั้นปลายชีวิตของครูบาเจ้าศรีวิชัย ท่านอาพาธและรักษาตัวอยู่ที่วัดจามเทวี อ.เมือง จ.ลำพูน ศิษย์ใกล้ชิดที่คอยพยาบาลอุปัฏฐากท่านในตอนนั้น คือ ครูบาเจ้าชุ่ม วัดชัยมงคล (วังมุย) จ.ลำพูน, ครูบาบุญทืม พรหมเสโน วัดจามเทวี จ.ลำพูน และครูบาธรรมชัย ธมฺมชโย วัดทุ่งหลวง จ.เชียงใหม่
    พระรูปเหมือนครูบาเจ้าศรีวิชัย ปั้นขณะท่านยังมีชีวิตอยู่
    ตอนนั้นครูบาเจ้าชุ่มได้ให้ช่างมีฝีมือคนหนึ่ง คือ “หนานทอง” ซึ่งเป็นศิษย์ของท่านเอง มาปั้นรูปเหมือนครูบาเจ้าศรีวิชัยขนาดเท่าองค์จริงในท่านั่งสมาธิ หนานทองได้ใช้เวลาทำงานอยู่หลายวัน ด้วยความที่ครูบาศรีวิชัยอาพาธอยู่ หนานทองจึงต้องเทียวเดินเข้า-ออกจากห้องที่ท่านครูบาเจ้าพักอยู่ วันหนึ่งหลายครั้ง โดยเข้ามาดูหน้าท่าน แล้วก็เดินกลับไปปั้นรูป หากติดขัด ไม่แน่ใจบริเวณส่วนไหน ก็เดินมาดูหน้าองค์ท่านอีก ทำแบบนี้อยู่หลายครั้ง จนในที่สุดก็ปั้นเสร็จ จึงได้ตกแต่งทาสีเรียบร้อยสมบูรณ์

    จากนั้น ครูบาเจ้าชุ่มได้ให้ยกพระรูปเหมือนนั้นมาตั้งไว้ตรงปลายเท้าครูบาเจ้าศรีวิชัยในขณะที่ท่านยังหลับอยู่ รอจนท่านตื่นขึ้น ครูบาเจ้าชุ่ม กับครูบาธรรมชัยได้ช่วยกันประคองท่านให้ลุกขึ้นนั่ง พอท่านได้เห็นพระรูปเหมือนขนาดเท่าจริงของตน ก็ตื้นตันจนหลั่งน้ำตาออกมา ท่านได้ใช้มือลูบคลำรูปเหมือนของตน จากนั้นได้ละมือจากรูปเหมือน มาถอดประคำที่ท่านคล้องคออยู่ เพื่อนำประคำไปคล้องที่คอของรูปเหมือนแทน และยังได้มอบไม้เท้าพร้อมทั้งพัดหางนกยูงให้อีก ๑ คู่ จากนั้นท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยได้กล่าวขึ้นว่า

    “รูปเหมือนนี้จะเป็นตัวแทนเราต่อไปในภายภาคหน้า”

    และได้สั่งเสียให้เก็บรักษาไว้ ถือปฏิบัติแทนตัวท่าน ต่อมาอีกไม่นาน ครูบาเจ้าศรีวิชัยก็ได้มรณภาพลง เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๑ ณ วัดบ้านปาง ขณะอายุได้ ๖๐ ปี ๘ เดือน ๑๐ วัน

    ในภายหลัง ครูบาเจ้าชุ่ม โพธิโก ได้อัญเชิญพระรูปเหมือนครูบาเจ้าศรีวิชัย จากวัดจามเทวี มาประดิษฐานยังวัดชัยมงคล (วังมุย) จึงนับเป็นพระรูปเหมือนเพียงองค์เดียวที่ได้ปั้นขึ้นในสมัยที่ครูบาเจ้าศรีวิชัย-ตนบุญแห่งล้านนายังมีชีวิตอยู่ ซึ่งพระรูปเหมือนครูบาเจ้าศรีวิชัยนี้ขึ้นชื่อลือเลื่องในความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ชาวบ้านวังมุยและประชาชนทั่วไปได้ยึดเป็นที่พึ่งที่ระลึกมาจนปัจจุบัน
     
  13. กาแฟโบราณ2สอ

    กาแฟโบราณ2สอ วันหนึ่งอยากเดินเข้าป่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +2,772
    เจนได้40 04 ค่ะ เห็นอยู่มุมซ้ายบนในฝัน
    ตอนอ่านหนังสือที่มีพระพุทธสิหิงค์ ค่ะเฮีย
    โชคให้มาลงทุน

    ยังไม่เสร็จดี100% ค่ะอาจารย์
    แต่วันนี้ มีคนมาจองไป1เส้น
    ส่วนเพชรพญานาค แพงมากค่ะ
    และไม่รู้จะซื้อจากไหนถึงจะสู้ราคาไหว
    เพราะขั้นต่ำที่เจนดู เม็ดละ120 เลยค่ะอาจารย์ แถมเล็กด้วย
    เลยซื้อหินมงคล มากก่อน ถักหลายๆแบบ
     
  14. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    477
    ค่าพลัง:
    +1,205
    IMG20190202175158.jpg IMG20190202171740.jpg IMG20190202172344.jpg IMG20190202172438.jpg
    ที่นี่ขอนแก่น
     
  15. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,207
    ค่าพลัง:
    +10,090
    คุณเจนเชื่อมั่นในความดีไหมความ ความดีจะนำพาสิ่งดีๆมาให้
    เด๋ว Inbox ไปให้นะแหล่งที่คุณเจนต้องการ
     
  16. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +4,694
    เช้านี้หยิบเอาประวัติลป.ครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย
    คัดเอาตอนหนึ่งที่เป็นบทสนทนากับลพ.พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
    ตอนหนึ่งเล่าถึงแสงประหลาดที่พุ่งขึ้นมาจากพระธาตุ

    *******************************

    การบูรณะวัดพระธาตุจอมกิจจิ* อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
    *วัดพระธาตุจอมกิจจิ จ.เชียงใหม่ – ปัจจุบันเรียกว่า วัดพระธาตุจอมกิตติ พ้องกับที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

    หลวงปู่ครูบาเจ้าชุ่ม มีวัย ๗๗ ปี แล้ว ในตอนที่มานั่งหนักเป็นประธาน บูรณะวัดพระธาตุจอมกิจจิ ในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ แม้ท่านจะชราภาพแล้ว แต่ดูเหมือนจะมีเหตุให้ต้องมาทำภารกิจนี้ในที่สุด อาจจะเนื่องเพราะวาจาสิทธิ์ของครูบาเจ้าศรีวิชัย ผู้เป็นพระอาจารย์ของท่าน ซึ่งกล่าวกับผู้ใหญ่บ้านในท้องที่ ตอนเขาเหล่านั้นมาอาราธนาท่านให้บูรณะวัดพระธาตุจอมกิจจิ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

    “สถานที่นี้ต้องรอเจ้าของเขามาสร้าง ซึ่งจะเป็นศิษย์ของเราเอง โดยจะเริ่มสร้างในปี พ.ศ. ๒๕๑๘”

    และในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ นี้เอง ที่หลวงปู่ครูบาเจ้าชุ่มได้พบกันด้วย “กายเนื้อ” กับหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) วัดท่าซุง เป็นครั้งแรก

    หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านเป็นพระอริยะเจ้าผู้มีชื่อเสียงเกียรติคุณขจรไกล มีศิษยานุศิษย์มากมายทั่วประเทศ ในราวปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ท่านพาคณะศิษย์เดินทางมากราบพระอริยเจ้า “สายเหนือ” ที่ท่านเรียกว่า “พระสุปฏิปันโน” หลายรูป รวมทั้งหลวงปู่ครูบาเจ้าชุ่ม โพธิโก ด้วย มูลเหตุดังนี้จึงทำให้คนเมืองหลวง และภาคอื่น ๆ ได้รู้จักพระ “อริยเจ้า” อีกหลายรูป ซึ่งหลบเร้นอยู่ในดินแดนแห่งป่าเขาทางภาคเหนือ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน

    แล้วก็ด้วยเหตุนี้เช่นกัน ทำให้หนังสือของวัดท่าซุงหลายเล่ม มีเนื้อหากล่าวถึงหลวงปู่ครูบาเจ้าชุ่มอยู่ไม่น้อย เช่น หนังสือ “ตามรอยพระบาท” ของ พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต วัดท่าซุง

    “ตามรอยพระบาท” มุ่งนำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์-ตำนานอันทรงคุณค่า เนื่องแต่การเดินทางเผยแผ่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บางสถานที่ ยังเป็นการตามรอยพระบาทของครูบาอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ อย่างครูบาเจ้าศรีวิชัยด้วย เพราะสถานที่นั้น ๆ ครูบาอาจารย์ให้ไปสักการะ บูรณะ พัฒนาไว้ก่อนแล้ว นับเป็นการตามรอยพระบาทสมดังชื่อหนังสืออย่างแท้จริง

    นอกจากนี้ ตอนหนึ่งในหนังสือ ยังได้ตีพิมพ์บทสนทนาระหว่าง หลวงพ่อพระราชพรหมยาน และหลวงปู่ครูบาเจ้าชุ่ม โพธิโก เมื่อครั้งที่ท่านทั้งสอง พบกันที่วัดพระธาตุจอมกิจจิ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘ จึงขออนุญาตพระคุณเจ้าคัดลอกมาบางส่วนมานำเสนอ เพื่อเจริญศรัทธาของสาธุชนรุ่นหลัง ให้ได้ทราบถึงปฏิปทาของพระอริยเจ้าทั้งสอง เสมือนดังได้ไปกราบใกล้ชิด ฟังเรื่องราวต่างๆ ด้วยตนเอง

    “บัดนี้ นับเป็นโอกาสอันดี ที่จะเผยแพร่เทปบันทึกการสนทนาระหว่าง “หลวงพ่อฤๅษีฯ” กับ “หลวงปู่ชุ่ม” โดยมี “หลวงปู่บุญทืม” นั่งอยู่ด้วย ซึ่งคำ
    สนทนาเหล่านี้ยังไม่เคยลงหนังสือเล่มใดมาก่อน

    ณ วัดพระธาตุจอมกิจจิ เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๘

    คำสนทนาระหว่างหลวงพ่อฤๅษีฯ กับหลวงปู่ชุ่ม

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – หลวงปู่เล่าประวัติให้ฟังซิครับ

    หลวงปู่ชุ่ม – วันนี้อาตมาขอเจริญพรท่านพระเดชพระคุณเจ้า และทายกทายิกาทั้งหลายทุกท่าน มีท่านพระเดชพระคุณเจ้าเป็นหัวหน้า ที่ได้ออกเดินจะมา อ้า…ตามกันมาทำบุญทำทาน และปรารถนาบุญโชคลาภอันนี้ ก็ได้เข้ามาที่ดอยกิจจินี้ อาตมามีความปลื้มอกปลื้มใจปราโมทย์ด้วยเหตุหลายอย่างหลายประการ พระบรมธาตุในสถานที่นี้อาจจะสำเร็จด้วยคราวนี้ พระเดชพระคุณเจ้านำพวกญาติโยมทั้งหลายเข้ามาในสถานที่นี้ แต่ว่าดอยกิจจิเป็นมาอย่างไร อาตมาก็ยังไม่รู้ซึ้ง อาตมาก็อยู่ในจังหวัดลำพูน คือที่นี่เป็นอำเภอสันทราย จังหวัดลำพูนก็ซ้อนกับเชียงใหม่ ก็ขึ้นมาประจำอยู่ที่นี่ในราวสักเดือนกว่า ๆ แล้ว ก็มาได้สร้างพระบรมธาตุ สร้างศาลา และได้สร้างพระนอนอันนี้

    พระบรมธาตุนี้ ปางเมื่อพระพุทธองค์เราเสด็จมาถึงที่นี่ ครั้งที่หนึ่งจะมาวางประทับเหยียบย่ำที่นี่ก็ไม่มีอันใดจักเกิดขึ้น พระพุทธเจ้าก็กลับไปโปรดเบื้องหน้าทิศหนึ่ง ครั้นมาครั้งที่สอง ก็เข้ามาในสถานที่นี้ มาลูบหัว ก็ไม่ได้เกศาอะไร พระพุทธเจ้าก็เลยลอยขึ้นด้วยอิทธิฤทธิ์ แล้วก็เปล่งรัศมีออกไปสี่ทิศ มีพระพุทธรูปสี่องค์ องค์ที่หนึ่งที่สองเอาหลังเข้านาบด้วยกัน แล้วเบนหน้าไปสองทิศ คือทิศตะวันตก และทิศตะวันออก องค์ที่สอง ก็เบนหน้าขึ้นเหนือล่องใต้ มีพระอินทร์มารับเอาที่พระเนรมิตนั้นแหละ ฝังลงในพระบรมธาตุเจ้า ลึกอยู่สิบสองศอก เป็นที่สักการบูชาแก่คนและเทวดา ในฐานะที่พระบรมธาตุเจ้านี้เป็นที่พระเนรมิตด้วย
    อีกอย่างหนึ่ง อาตมาก็จะสร้างพระไสยาสน์ คือพระนอน ก็ยาวสิบสองศอกเท่าพระเนรมิตด้วย อาตมาก็สืบประวัติมาถึงแค่นี้แหละ แล้วก็มีพระอยู่ ๓ รูป รูปที่ ๑ ก็มาสร้างพระบรมธาตุนี้ ก็เสร็จไป แล้วก็โทรมลงไปอีก ถึงครั้งที่ ๒ ที่พระมาสร้างพระบรมธาตุนี้ ก็กลับมาโทรมไป พอถึงครั้งที่ ๓ ก็จะมาเป็นใครก็ไม่รู้ละ ก็จะขออาราธนาพระเดชพระคุณเจ้ามาเป็นหลักฐานอยู่ที่นี่

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – ไม่ได้น่ะ เอาคนมาเป็นหลัก มันเป็นไปได้เหรอ

    หลวงปู่ชุ่ม – ครับ

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – ก็มีอยู่แล้ว หลวงปู่ชุ่มนั่นแหละนะ หลวงปู่ก็เป็นหลักอยู่แล้วไม่เป็นไรครับ

    หลวงปู่ชุ่ม – ที่พระบรมธาตุเจ้านี่ อาตมาก็ได้เข้ามาอยู่ในสถานที่นี้ มาพัฒนาอยู่ที่นี้ก็ยังไม่นานสักเท่าไร ก็ได้เดือนกว่า ๆ พระบรมธาตุเจ้าก็เสร็จไป และศาลาหลังหนึ่งก็เสร็จไปแล้ว ก็ยังอยู่พระไสยาสน์นั่นแหละ ยังไม่ลงมือทำ ก็จะทำกันวันนี้ จึงนับว่าเป็นปรารถนานาบุญโชค โชคดี พระเดชพระคุณเจ้าได้นำพวกญาติโยม ทายก ทายิกา เข้ามาในจอมกิจจินี้ ก็นับว่ากระผมก็มีความปลื้มอกปลื้มใจในคราวนี้ ขออนุโมทนาสาธุการทุกสิ่งทุกประการด้วย

    ฆราวาส – เป็นแสงพุ่ง

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – เป็นแสงสว่างขึ้นเหรอ

    ฆราวาส – ครับ

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – เอ… ปรากฏเป็นขึ้นเฉยๆ หรือว่าจะเป็นดวงดาวลอยมีมั่งมั้ย

    ฆราวาส – ก็…มันเป็นแสงพุ่งขึ้นไปนะครับ

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – เออ…งั้นก็ใช้ได้ เคยเห็นเหมือนกัน ที่เป็นแสงพุ่งนี่ก็เคยเห็นที่จังหวัดประจวบฯ ที่เกาะยายฉิม คืนนั้นไปนอนอยู่กลางดึก ฉันตื่นขึ้นมาเห็นแสงสว่างพุ่งขึ้นมา สว่างจัดนะ เออ…ก็ดี ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ ก็เป็นนิมิตน่ะ ในนั้นต้องมีพระบรมสารีริกธาตุ หรือว่าจอมเกศาแน่

    หลวงปู่ชุ่ม – ใช่ครับ

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – ดอยนี่ก็สูง หลวงปู่ทำทางขึ้นมาเองเรอะ

    หลวงปู่ชุ่ม – ทำทางมาเอง กับพวกญาติโยมเขา…

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – ครับๆ หลวงปู่ดีแล้วไปได้ไม้ เท้าครูบานะ (ไม้เท้าของครูบาศรีวิชัย) เอ๊ะ.. หลวงปู่ทึมได้อะไรที่ครูบาไว้ครับ..เห็นโลงตั้งข้างนี่

    หลวงปู่บุญทึม – ไม่มีอะไร

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – ไม่มีอะไร..เห็นโลงหีบตั้งข้าง ตั้งอยู่นี่..โลงฝากใคร หรือว่าโลงฝากหลวงปู่ เอาแบบครูบาไว้ได้ บ้านหลังสุดท้ายไว้หลวงปู่ทึม

    หลวงปู่บุญทึม – ได้บ้านหลังสุดท้าย

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – เหมือนบ้านหลังสุดท้ายนั่นนะ หลวงปู่นี่ได้ไม้เท้า

    หลวงปู่ชุ่ม – ได้ไม้เท้า

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – เลยต้องเท้าเรื่อยไปเลย

    หลวงปู่ชุ่ม – ครับ

    ลูกศิษย์ – ตอนนี้รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน ๑๑,๔๐๔ บาทครับ

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – ความจริงนี่ พวกเราไม่ใช่พวกจนๆ นะ..พวกรวย ถ้ากลับไปนี่รวยกันใหญ่นะ ขอให้ทุกคนจงรวยกัน เพราะว่าไปวัดไหนก็ทำบุญกันทุกวัด การทำทานแก่พระอริยเจ้าอย่างหนึ่ง แล้วก็ทำทานเพื่อพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา

    นี่เราบูชาพระพุทธเจ้าโดยตรงกัน เพราะว่าเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าเคยเสด็จประทับ ฉะนั้น อานิสงส์ที่จะมีมากเป็นของธรรมดา นี่กลับไปนี่ก็หากว่าใครอยากถูกหวยก็ขอให้ถูกนะ ใครอยากได้ขึ้นเงินเดือนก็ขอให้ได้ขึ้น ใครอยากค้าขายให้ร่ำรวย ก็ขอให้ร่ำรวยสมความปรารถนา แต่ใครได้มากเท่าไรก็ไม่ว่า แบ่งพระครึ่งหนึ่งดีไหมครับ?

    หลวงปู่ชุ่ม – ครับ

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – อันนี้เป็นอานิสงส์จริงๆ นี่เราทำกันนี่ไม่มีอะไรเป็นสัญลักษณ์ ไม่มีอะไรเป็นเครื่องแลกเปลี่ยน ไม่ใช่ว่าทำบุญหวังโน่นหวังนี่ เราทำกันมาก็เพราะว่าท่านบอกว่า ที่นี่ท่านจะสร้างเป็นวิหารทาน เราก็ทราบอยู่แล้วว่า วิหารทานนี่มีอานิสงส์สูงสุดในด้าน อามิสทาน ทั้งปวง แล้วก็สำหรับผู้รับทานก็เป็นพระบริสุทธิ์ หากว่าท่านไม่บริสุทธิ์ ท่านก็ตกนรกไปเองนะ พวกเราไม่ต้องห่วง จะตายมั๊ยล่ะหลวงปู่น่ะ?

    หลวงปู่ชุ่ม – ไม่ตายน่ะ

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – ไม่ตาย..อ้าว..แล้วไม่ตาย..นี่แสดงว่าบริสุทธิ์นะ

    หลวงปู่ชุ่ม –ทุก..ทุกๆ วันนี่กระผมก็หนีไปจากนรก

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – หา…!

    หลวงปู่ชุ่ม – อยากใคร่ไปพระนิพพาน

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – หา…! (หลวงพ่อแกล้งงง)

    หลวงปู่ชุ่ม – หนี..หนีไปจากนรก อยากใคร่ พระนิพพานด้วย

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – อ๋อ..อย่างนั้นเหรอ!

    หลวงปู่ชุ่ม – ครับ

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – ระหว่างนี้หนีนรก….อยากไป…นิพพาน

    หลวงปู่ชุ่ม – นิพพาน

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – ไปยัง..ไปยังครับ?

    หลวงปู่ชุ่ม – หา…! (หลวงปู่แกล้งงงบ้าง)

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – จะไปหรือยังล่ะ?

    หลวงปู่ชุ่ม – อ้อ..ยังอยู่รอญาติโยมทั้งหลายมามากก่อน

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – นี่ก็จะไปนะนี่ อ้อ…

    หลวงปู่ชุ่ม – จะเอาพวกญาติโยมไปด้วยกัน เป็นหมู่เป็นฝูงด้วย

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – ครับ ๆ อ๋อ…

    ลูกศิษย์ – สาธุ…!

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – ได้ไปแน่นะ?

    หลวงปู่ชุ่ม – ครับ

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – นี่ก็ต้องเป็นเรื่องธรรมดา

    หลวงปู่ชุ่ม – ใช่

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – พระพุทธเจ้าตรัสว่า การคบคนเช่นใด ย่อมเป็นเหมือนคนเช่นนั้น ถ้าเราคบพระอริยเจ้า เราก็จะได้เป็นพระอริยเจ้าด้วย ถ้าเราคบสัตว์นรก เราก็ได้เป็นสัตว์นรกด้วย แต่นี้หลวงปู่ท่านบอกว่า ท่านหนีจากนรกจะไปนิพพาน เมื่อท่านไปได้ พวกเราไปไม่ทันก็ช่วยกันดึงสบงไว้ ทำไมล่ะ..ดึงจีวรไม่แน่น่ะ พอ มีสบงไปได้นะ ถ้าพวกเราไปดึงสบงเข้าไว้ก่อน ไม่กล้าไปล่ะ นางฟ้าตามชั้นอยู่กราว ก็เขาผ่านน่ะ ผ่านสวรรค์นะ

    หลวงปู่ชุ่ม – ครับ

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – เอ้อ..ถ้าฉะนั้น..เป็นอันว่าการบำเพ็ญกุศลวันนี้นะ ตอนนี้รู้สึกว่าอันนี้เรา จะพูดอานิสงส์ ต้องจัดเป็นอานิสงส์ใหญ่มาก เพราะว่าเราไม่มีเจตนาเดิมไว้ก่อน การทำบุญนี่ ถ้าเราตั้งท่าทำ..เตรียมการทำนี่..เขาบอกว่าอานิสงส์ที่จะพึงได้นั้น ก็คือได้ด้วยกิจปกติเกี่ยวกับการงาน ถ้าบุญประเภทใด ทำด้วยอาการฉับพลัน โดยไม่มีการเตรียมการไว้ก่อน ท่านบอกว่าจะเป็นบุญได้ลาภลอย อย่างพวกถูกล็อตเตอรี่ หรืออยู่ๆ ชาวบ้านเขาเอาเงินมาให้ บอกลาภให้ บอกการค้าให้ อย่างนี้ไม่คิดขึ้น นี่เป็นผล เคยสังเกตมาตั้งแต่เด็ก หลวงพ่อปาน เคยบอกมา บางทีเห็นหน้าขอท่านก็ไม่เห็น ขอทานไม่เข้ามาขอก็เรียกเข้ามารับ หนักๆ เข้าเวลาเราจะไปทางไหนมันจะอดตาย กลับได้มากกว่าที่คิดว่าจะพึงได้ ผลไม่ได้ตั้งใจ จะได้มันเอง นี่ก็เป็นอานิสงส์ นี่ก็เหมือนกัน สถานที่นี้ก็ดี ที่อื่นใดก็ดี ที่เรามาตั้งใจนมัสการ เราไม่ได้คิดว่าจะมาทำบุญกันเท่าไหร่ โดยเฉพาะสถานที่นี้ เราไม่เคยตั้งใจกันมาเลยว่าจะมา แล้วเมื่อมากันแล้ว ทุกคนก็มีศรัทธาด้วยกำลังจิตที่ศรัทธาแท้ เพราะว่าในฐานะเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่แสดงว่าพวกเรานี่ เคยพบกันมาก่อน เป็นญาติมิตรกันมาก่อน และเคยร่วมบำเพ็ญบารมีกันมาในกาลก่อน..ใช่ไหมหลวงปู่?
    หลวงพ่อฤๅษีฯ – ถึงได้มาพบกันเข้าแล้วก็ตั้งใจ บำเพ็ญกุศลอย่างนี้เรียกว่า “ทำบุญกุศลด้วยอาการของการฉับพลัน” ฉะนั้น อานิสงส์ที่จะพึงได้ ก็ได้ในฉับพลันเหมือนกัน เข้าใจว่าไปคราวนี้ ทุกท่านถูกหวยหมด ถ้าไม่ถูกมาบีบคอหลวงพ่อชุ่มก็แล้วกัน..!

    หลวงปู่ชุ่ม – เอาเป็นประกันที่ดี

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – อ้า..ถือว่าเป็นอานิสงส์ใหญ่ นี่เป็นเรื่องจริงนะ การทำบุญฉับพลัน ให้ผลฉับพลันจริงๆ การฝืดเคืองใดๆ จะปรากฏ ให้สังเกตดูไว้ ถ้าทำบุญแบบนี้ การหา..ความเป็น อยู่จะคล่องตัวขึ้นมาทุกทีๆ แล้วหนักๆ เข้า เราไม่คิดว่าเราจะพึงได้ขนาดนี้ เราไม่คิดว่าจะเคยพบ เราก็จะได้พบ

    อย่างนี้อาตมาเองประสบมากับตัวเอง คือตั้งแต่บวชพรรษาแรก เขาเรียกว่าทำบุญล่อนจ้อนทุกปี เหลือไตรชุดเดียว แล้วก็ของทุกอย่างออกพรรษาแล้วไม่ให้มันเหลือ ต่อมาในระหว่างนี้ สวดมนต์เย็นก็ไม่ไหว เทศน์ก็ไม่ไหว แต่ก็ไม่อดตาย บรรดาญาติโยมสงเคราะห์ นี่ก็เพราะอาศัยอานิสงส์ปัจจุบันที่ทำ ก็ทำบุญอาการฉับพลัน

    ฉะนั้น บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกท่านที่มากันในคราวนี้ หรือคราวก่อนก็ดี การกระทำทุกอย่าง อาตมารู้สึกว่าเป็นที่พอใจมาก เพราะปฏิบัติเป็นปฏิปทาเดียวกันอย่างที่อาตมาได้ทำมา ฉะนั้น ผลบุญอันใดที่อาตมาได้ทำมาแล้ว ได้รับผลในปัจจุบันคือว่าไม่อดตายนี่ฉันใด อาตมาก็หวังอย่างยิ่งว่า บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ก็คงมีการคล่องตัวเช่นเดียวกัน

    หลวงปู่ชุ่ม – วันนี้อาตมาก็มีความปลื้มอก ปลื้มใจกับพวกญาติโยม ทายกทายิกาทั้งหลาย ได้เดินสัญจรมาทำบุญในคราวนี้ เพราะพระเดชพระคุณเจ้าเป็นหัวหน้าพวกทายกทายิกา ทั้งหลายเข้ามาที่ดอยจอมกิจจิ และได้เอาจตุปัจจัยมาถวายพัฒนาทางขึ้น คราวนี้ขอคุณพระศรีไตรรัตนะทั้ง ๓ ประการ ตั้งอยู่กระหม่อมจอมขวัญแห่งบรรดา ทายกทายิกา เพื่ออยู่ชุ่มเนื้อเย็นใจ คิดหาอันใดก็สมบูรณ์ทุกสิ่งทุกประการ ทำการทำงานอันใด ก็ขอหื้อสมดังคำปรารถนาทุกอย่างทุกประการเทอญ

    ลูกศิษย์ – สาธุ..!

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – เวลานี้ก็ปรากฏว่าเหลืออีก ๕ นาที ๑๖.๐๐ น. เห็นจะลาหลวงปู่กลับได้แล้วสินะ สตุ้ง..สตังค์..หลวงปู่เอาหมดแล้ว นี่ขืนอยู่.. ดีไม่ดีก็ต้องแก้กางเกงไว้ให้อีกทีละยุ่งเลย.. ที่นี่มีความสำคัญ…

    หลวงปู่ชุ่ม – ใช่ครับ ตอนกระผมมาพักอยู่ นี้ ได้อยู่เดือนกับสิบหกวันครับ

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – สงสัยว่า พระมหากัจจายนะ จะมานะ

    หลวงปู่ชุ่ม – อะไร?

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – สงสัยว่าพระมหากัจจายนะจะมาบ่อย

    หลวงปู่ชุ่ม – ใช่

    หลวงปู่ชุ่ม – ใช่

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – เมื่อกี้เห็นผ่านไป ตอนมาแล้ว พระมหากัจจายนะท่านเป็นนักเทศน์อยู่นี่

    หลวงปู่ชุ่ม – ใช่

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – นะครับ..ก็เพราะเป็นพุทธภูมิเก่า ไปไหนมักจะเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้าอยู่เสมอ เป็นแดนเก่าแน่ เพราะว่าตอนที่หลวงปู่ให้พร ผ่านมาให้เห็นหลายองค์ องค์หนึ่งรู้สึกขาวใหญ่ ใส..สวยดี สงสัยจะเป็นพระมหากัจจายนะ

    หลวงปู่ชุ่ม – ครับ

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – ความจริงก็จะเริ่มเป็น ปฏิรูปเทสจริงๆ (คำว่า “ปฏิรูปเทส” คือเป็นสถานที่อันเหมาะสม) ถึงได้มองเห็นเพราะเป็นรัศมี จริงๆ คิดถึงไหว้พระพุทธเจ้าที่ไหนก็ถึง ไหว้ในส้วมก็ถึง..ถึงไหมครับ?

    หลวงปู่ชุ่ม – ใช่ครับ

    หลวงพ่อฤๅษีฯ – เออ..เจริญสุขๆ นะ เป็นอันว่าการเดินทางในวันนี้ ทำบุญแล้วทั้งหมดเกือบแสนบาท…

    บทสนทนาจากในหนังสือ “ตามรอยพระพุทธบาท” จบลงเท่านี้
    มีเรื่องน่าแปลกบางประการที่ปรากฏชัดในเวลาต่อมา คือสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของหลวงพ่อพระราชพรหมยานกับหลวงปู่ครูบาเจ้าชุ่มนั้น ยากยิ่งจะหยั่งคำนวณได้

    ตามความเป็นจริงทางโลก ท่านเพิ่งพบกันครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ และหลังจากนั้น ก็ติดต่อกันไปอย่างใกล้ชิดสนิทสนมยิ่ง ทั้งทางศาสนกิจต่างๆ และการบำเพ็ญสาธารประโยชน์โปรดประชาชนผู้ยากไร้ ทหารตำรวจผู้เสียสละกล้าหาญตามชายแดนไทย ดังจะได้นำเสนอเพิ่มเติมต่อไป


    (ที่มา...เวปไซด์พุทธะ)
     
  17. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,333
    ค่าพลัง:
    +4,793
    พระเหนือพรหม 252x-253x ราคา 2xxxx
     
  18. กาแฟโบราณ2สอ

    กาแฟโบราณ2สอ วันหนึ่งอยากเดินเข้าป่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +2,772
    เชื่อสนิทใจค่ะพี่
    เชื่อในการสวดมนต์
    เชื่อปฏิหาริย์
    เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ
     
  19. กาแฟโบราณ2สอ

    กาแฟโบราณ2สอ วันหนึ่งอยากเดินเข้าป่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +2,772
    วันนี้มาเล่าฝันเมื่อคืนนี้ค่ะอาจารย์นพ อาจารย์9
    และพี่พี่ทุกท่าน
    เจนฝันเป็นฝันซ้อนฝัน
    ในใจความฝัน เจนกำลังเข้าเว็บพลังจิตดูหน้ากระทู้นี้
    แล้วเหมือนกำลังดูรูปอาจารย์นพอยู่ รูปที่อาจารย์นพเอามาลง
    เจนดูแล้วแปลกใจ มีตัวอักษรบางอย่างสีขาวสว่าง
    ตรงที่หน้าผากอาจารย์นพมุมขวาบน
    เป็นอักษรแปลกตาค่ะ จะว่าสัญลักษณ์หรืออักษรไม่ทราบเหมือนกัน
    ในฝันเจนตกใจ มาก เพราะจำได้ว่าดูก่อนหน้าไม่มีอะไร
    ต่ทำไมมาดูอีกที ถึงมีอักษรนี้
    เป็นเหมือนอักษร2คำ
    จำได้แค่อักษรตัวหน้า เป็นเหมือนตัวยูมีหัวกลมทั้งสองข้าง
    แล้วเจนก็ตื่นจากฝันนี้
    (พอจะนึกภาพตื่นจากฝันที่ยังฝันต่อ นะค่ะ)
    พอเจนตื่น เจนวิ่งไปหาคนเพื่อจะดูให้หน่อยว่าเจนไม่ได้ตาฝาดไป
    เจนเห็นจริงๆ เลยเจอลุงคนหนึ่ง แต่ตัวเหมือนอาจารย์สอนหนังสือ
    ใส่เสื้อเชิญออกลายๆเทาๆเอาเสื้อเข้าในกางเกง
    เจนไปถามลุงรู้จัก อักษรนี้มั้ยค่ะ พอเจนวาดให้เขาดู เขาตื่นเต้น
    เขาก็พูดมาตรงกับที่เจนเห็นในฝัน ต่างคนต่างตื่นเต้น
    เขาก็ทำหน้างงๆ ปนตื่นเต้นไป
    และพูดถึงการเปิด การปิด อะไรบ้างอย่าง
    เจนก็ยิ่ง งง ไปใหญ่ คือวันนี้จะรู้เรื่องมั้ย
    ลุงเลยบอกให้เจนรอแป๊บ เดี๋ยวมา ไปหาตัวอย่างมาให้ดู
    จากนั้นรอนานละลุงไม่มา เจนก็ตื่นเลย

    เลยมาถามอาจารย์ว่า คืออะไรค่ะ
    ครั้งแรกที่ฝันถึงอาจารย์แบบ เห็นรูป
     
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    มีคล้ายในสองภาพนี้บ้างไหม
    ปล การเขียนยันต์ กลางอากาศ
    มีหลากหลายเทคนิค พอขำๆ
    BEE46DCB-D12C-41F7-99C7-7C8E6B69BB0C.jpeg 6A9D39BF-B5CF-4FB8-903E-3280857A0DFA.jpeg

    ส่วนการทำสมาธิหรือไม่เคยทำเลยก็ตาม
    การได้พบเห็นท่านต่างๆที่เราเคยมีสัมพันธ์กันมาในอดีต
    กับท่านต่างๆเหล่านั้น ไม่ว่าท่านใดจะอยู่ระดับใดก็ตาม
    เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว
    เพียงแต่อย่าไปยึด แม้ว่าจะเห็นได้ด้วยตาเปล่า....
    ไม่งั้นอนาคตเราจะไม่รู้เหตุ.......

    หลักการคือ วัตถุประสงค์ที่เห็น
    จะเป็นตัวทำให้ทราบ เหตุที่เกิดขึ้นได้ต่อไปในอนาคตนั่นเอง จบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...