วิธีสกัดกิเลส สกัดด้วยสติรู้ขันธ์ 5ได้ไหมฮับ

อิอิ
ผู้รู้ตัวปลอม คงเอามาจาก อจ.ป ชลบุรีแน่เลย

 

ผู้รู้ตัวปลอมคือวิญญาณขันธ์ ต่างจากธาตุรู้คือผู้
รู้ตัวจริง( จิตดั้งเดิม)

 

มาจากสายดูจิต ลป.ด
และจะสอนลูกศิษย์ให้ปฏิบัติเเนวเดียวกัน

 

ดึงจิตมาร่วมวงด้วย จะได้ไม่ตีกัน พอได้ป่ะคับ เกี่ยวใหมนิ

 

+++ รูป หยาบ/ละเอียด (รูป) มันมีอยู่ตามปกติของมันเอง
+++ เวทนา หยาบ/ละเอียด (นาม) มันมีอยู่ตามปกติของมันเอง

+++ สัญญา หากไม่ยึด = ไม่เกิด (มโน)
+++ สังขาร หากไม่ต่อสัญญา = ไม่มี (จิตส่งออก)
+++ วิญญาณ หากไม่มีสังขาร = ไม่มีวิญญาณ (ตัวกู/ของกู)

+++ ป่าว... สังขารต่างหาก ที่เข้าไป "ปรุงมโนสัญญา + ส่งออก"

+++ ตัณหา = ทะยานอยาก เข้าไปต่อติด (อยากปรุงมโน)
+++ อุปปาทาน = ยึด/ต่อติด/สิกขา (เป็นมโน)

+++ เฮ้อ..... มากกว่านั้น....
+++ ขันธ์5 คือ กอง/หมวด/หมู่ 5 ประเภท
+++ หมวดรูป = รูปทั้งหมด (ดู/เห็น)
+++ หมวดเวทนา = รู้สึกทั้งหมด (รู้สึก/เห็น/6th sense)
+++ หมวดสัญญา = ระลึก/จดจำทั้งหมด (ผุด/ดู/เห็น)
+++ หมวดสังขาร = มโน/ปรุงทั้งหมด (ปรุง/ดู/เห็น)
+++ หมวดวิญญาณ = เป็นกู/ตามที่กูมโน เห็น/รู้สึก

+++ ลุงแง้ว ๆ ..... ถ้าจะ หิวปลาทูจนตาลายแล้ว
+++ ไปหาอะไรรองท้องก่อน ดีกว่าม่ะ ลุงแมว... 555

 

ขันธ์คือสิ่งเดิม ไม่ว่าอยากมีหรือไม่ ก็ไม่อาจหลีกได้ด้วยอัตภาพนี้ ขันธ์จึงเป็นของที่มีโดยกำเนิด และขันธ์แท้ไม่ได้ปรุงแต่งเพราะปัจจัยอื่นนอกเหนือจากไตรลักษณ์ ขันธ์ที่ถูกปรุงแต่งเป็นขัยธ์ตัวเดียวกันแต่เป็นไปเพราะยึดมั่นในบางอย่างที่ไม่เป็นไปตามธรรม ที่เห็นสภาวะและละขันธ์ได้ คือเห็นว่ามีนเป็นจริงและปกติ ไม่มีความวิเศษอะไร เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป ยึดไว้ก็เป็นทุกข์ ไม่ยึดก็ทุกข์ ถ้าไม่เห็นความแปรปรวนโดยปกติ เรียกอนิจจัง หากไม่เห็นในสองข้อแรกการจะตีความว่าเป็นความว่างโดยปกติ คงไม่อาจทำได้ บางทีใช้คำว่าความว่างโดยปกติก็ไม่ดี เพราะเหตุที่มันทำให้ทุกข์และมีความแปรปรวนจึงไม่อาจยึดถือไว้ จึงเรียกอนัตตา

 

ชอบคำนี้จัง กิเลสมี แต่ว่ามันมีเพราะมันมีหรือเราทำให้มันมี ระหว่างกิเลสกับเรา ใครมาก่อนกัน กิเลสมาก่อนเรา หรือเรามาก่อนกิเลส นี่เอาเฉพาะที่เรานะ ไม่เอาตำนาน เพราะตำนานว่า มีมานานแล้ว วงเล็บที่ฟังมามันเป็นกิเลสใคร จะว่ากิเลสเราก็คงทำใจยาก เพราะชื่อว่ากิเลสลอยนั้นมันมีมานานแล้วจริงๆ พระศาสดาตั้งไว้ว่าอวิชชา แต่อวิชชาก็ตั้งคำถามว่า ใครกันที่ทำให้มี

 

โพธิสัตว์ตุ๊ดกล่างว่าคำที่ท่านกล่าวบางคำออกมาจากจิตเป็นอุปมา ออกปุ๊บวางลงไม่รับผลของคำพูดเพราะเป็นไปเฉพาะตน การที่เขากล่าวว่าการเอาเมี้ยงเขามาอมจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะสภาวะเราต่างกัน เช่น คำว่าธาตุรู้เป็นอาทิ

 

วันนี้เป็นวันที่พระบรมสารีริกธาตุถูกรวบรวมหลังมีการถวายพระเพลิงพระบรมศพ สังขารแห่งพระศาสดา เมื่ออดีตนานมาแล้ว

 

อย่าเป็นคนที่มีลักษณะคล้สยลำโพงคือแค่ส่งออกไปเรื่อยๆ แต่ไม่สามารถรับอะไรได้ ต้องเป็นคนที่ส่งออกได้และรับรู้ได้ เพื่อเรียนรู้และแก้ไข ต้องมีทั่งสองอย่างไปด้วยกัน รับอย่างเดียวก็ไม่ได้ ออกอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะเราต้องอยู่รวมกันเป็นสังคมเป็นวัฏสงสาร การออกอย่างเดียวก็ไม่ใช่รู้ในวัฏสงสาร การรับอย่างเดียวก็เช่นกัน

 

สติสิสติ เอามาร่วมเสมอเพื่อให้ระลึกอยู่
ว่ากำลังค้นหาทุกข์ที่เกิดเพราะเหตุ และวิธีปล่อยวาง
สังขารขันธ์ ( คือสิ้นยึดต้นเหตุแห่งทุกข์)

 

+++ 555 "ตุ๊ด" โดยส่วนใหญ่ จะมีสัญชาติญาณอย่างหนึ่ง คือ "รู้ตัวอยู่ว่า ไม่สามารถ รู้ มรรคผล ในชาติที่ยังเป็น ตุ๊ด ได้"
+++ แต่ก็ยังมีอีก "บางส่วน" ที่ไม่ปรากฏ "สัญชาติญาณ" ตรงนี้เอาเสียเลย ตรงนี้เป็น "ตุ๊ดชั้นล่าง" ยังต้องเป็น ตุ๊ด อีกหลาย กัปป/กัลป์/อสงไขย
+++ "ตุ๊ดชั้นบน ตัวจริง" ที่พอมี "สัญชาติญาณ" อยู่บ้าง จะเริ่ม "เร่งบารมี/ความเพียร" เพื่อให้ได้ "อุปนิสัย" ในมรรคผล
+++ "ตุ๊ด ในระดับที่มี สัญชาติญาณ" จะสังเกตุเห็นได้บ่อย ๆ ในสังคมบ้าง ตามข่าวบ้าง มักจะเป็น "ผู้อาสาทำความดี" ปะปนอยู่กับ คนปกติ

+++ หากคุณ kenny2 ได้เคย "ท่องเที่ยวไปในโลกกว้าง" ก็คงพอจะสังเกตุออกได้ว่า "จิตตุ๊ด" มีได้หลายระดับ
+++ ที่สำคัญ คือ "ตุ๊ดชั้นล่าง" พวกนี้แหละ ที่มีนิสัยในการ "กล่าวบิดเบือน ปากพล่อย พูดกระทบเสียดสี ต่าง ๆ"
+++ สรุปคือเป็น "มิจฉาวาจา" เต็มตัว และ เหตุเกิดมาจาก "มิจฉาทิษฐิ" ชนิดจมมิดทั้งตัว และ "ได้นิสัย ในการ ไปอบาย" เต็มที่
+++ ส่วนคำว่า "โพธิสัตว์" สำหรับผู้ที่เป็น "ตุ๊ด" นั้น เป็นเพียง "คำปลอบใจตัวเองเฉย ๆ"
+++ เพราะ "โพธิสัตว์ตัวจริง ไม่สามารถมีความเป็๋น "ตุ๊ด" เจือปนได้เลย"

+++ ตรงนี้ "ไม่เกี่ยวกับ ปัจจัตตัง" ตรงนี้ เกี่ยวกับ "ธรรมะจริง ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ในตนของผู้พูด"
+++ ดังนั้น "ผู้พูด" จึงไม่สามารถ "รับรองผล จากการพูดของตน ได้" รวมทั้ง "ไม่รับผิดชอบ ในคำพูดของตน" อีกด้วย

 

+++ คำพูดที่ว่า "เอาเมี้ยงเขามาอม" นี้ เป็นคำพูดของสาย "พระป่าหลวงปู่มั่น"
+++ ที่ชี้ว่า "เอาธรรมะของผู้อื่นมาพูด" โดยที่ "ผู้พูด" ไม่ได้มี ธรรมะ นั้น "ในตน"
+++ ดังนั้น "ผู้พูด" จึงควร "เน้นย้ำ" ด้วยว่า "เป็นคำพูด มาจากไหน" ในการให้ อรรถาธิบาย

+++ หากว่า "ผู้พูด" ไม่อ้างอิงที่มา รวมทั้งมีจิตที่ "แสวงหาลาภสักการะ" ด้วยแล้ว
+++ ก็จะจัดได้ว่าเป็น "ภิกษุมหาโจร" เต็ม ๆ ตามอาการที่มีอยู่ใน "พระไตรปิฏก"
+++ รวมทั้ง "ผลกรรม ของ ภิกษุมหาโจร" ก็จะเป็น "วิบาก" ที่จะตามมาเต็ม ๆ

+++ โพสท์นี้ "ฝาก" ไว้ให้ "พระมหา" รายหนึ่งที่ "อยุธยา" ไม่ว่าจะ "รู้ตัวหรือไม่ ก็ตาม"

+++ เอาธรรมะที่ผมโพสท์ในเวปนี้ ไปทำให้ "ญาติโยม" เข้าใจว่า "มหา ปฏิบัติได้ด้วยตน"
+++ มีเจตนาที่ "แสวงหาลาภสักการะ" เต็ม ๆ ดู "คล้าย ขบวนการ ปั้นพระ" อยู่ในตัว
+++ "มหา" ควรรู้ ไว้ด้วยว่า "เนื้อหาหลายแห่ง" ที่ผมโพสท์ไว้ในเวปนี้ "เป็นอจินไตย"
+++ และ น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่า "การโอ้อวด คุณธรรมที่ ไม่มีในตน" โดยเฉพาะ "รู้ แจ้ง จ้า" นี้
+++ สำหรับ "มหา" แล้ว จัดเป็น "ปาราชิก" เต็ม ๆ อย่าบอกว่า "ไม่รู้" ก็แล้วกันนะ
+++ ภาษา ที่ผมใช้โพสท์ในเวปนี้ จัดเป็น "ภาษาเฉพาะ ไม่สามารถเจอได้โดยทั่วไป ในการแสดงสภาวะธรรม" ดังนั้น "มหา" จะแก้ตัวยังไงก็ "ไม่พ้น" หรอก
+++ ผมเคยเตือนไว้แล้ว แต่ ดูตามพฤติกรรมของ "มหา" แล้ว ยังไม่หยุด ยังไม่รู้สึกตัว เอาเสียเลย
+++ รู้ อยู่ว่า "มหา" จะต้องเข้ามา "อ่าน" เจอโพสท์นี้อยู่ดี
+++ เพราะตั้งใจจะ copy เอาไปแสวงหา "ลาภสักการะ" อีกตามเคย
+++ "มหา" น่าจะรู้อยู่แล้วว่า ทางโลกเป็นเรื่อง "ลิขสิทธิ์" ส่วนทางธรรมเป็น "ปาราชิก" นะ
+++ คงไม่ต้อง "เตือนกันอีก" โพสท์นี้ ลงไว้เป็น "หลักฐาน" เพื่อแสดงถึง "การเตือน" ไว้แล้วนะ

 

เอิ้กๆๆ

 

เรื่องท่านมหาผมไม่รับรู้ ไม่สนใจ จำไม่ได้ คับ

 

+++ ตรงนี้ "ไม่ได้เกี่ยวกับคุณ kenny2"
+++ เพียงแต่ "ผมฝากไปถึง มหา รายนี้เฉย ๆ"
+++ ที่เอา "ธรรมะภาคปฏิบัติของผม" ไปปลอมปน
+++ หลอกลวงชาวบ้านให้เข้าใจผิดว่า "ตนปฏิบัติได้"
+++ แต่ใช้ "คำพูดสำนวนต่าง ๆ" รวมถึง "บางโพสท์"
+++ Copy เอาของผมในนี้ ไปลงในเวปของตนเอาดื้อ ๆ ทั้งยวง
+++ ทำให้ "ญาติโยม" เข้าใจว่า มหา รายนี้ปฏิบัติได้เอง
+++ ทั้ง ๆ ที่ภาษาที่ผมใช้ในเวปนี้ "เป็นภาษาเฉพาะ" ไม่มีในที่อื่น
+++ แต่ มหา รายนี้ "ลอก" เอาไปเฉย ๆ แถม "ตั้งมูลนิธิส่วนตัว" ซะอีก

+++ ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ตาม มันเป็นการ "ลอก" จากที่นี่ไป "หากิน" แน่นอน
+++ ดังนั้น มันจะต้องกลับมาลอกอีก จึงฝาก "เตือน" มันไปเฉย ๆ เท่านั้น

+++ อีกประการหนึ่ง คือ "เห็นหน้ามันใน google แล้ว" "เหมือน ตุ๊ด เป็นอย่างยิ่ง"
+++ ดังนั้นจึงโพสท์ต่อจาก "โพธิสัตว์ตุ๊ด" ข้างบนนั้น

+++ มันเริ่มจัดตั้งเป็น "ขบวนการ" เรียบร้อยแล้ว แบบพวก "ปั้นพระ" นั่นแหละ
+++ ถ้าไม่รู้จัก คำว่า "ปั้นพระ" ก็ให้ ดูไปที่ "เณรคำ" เป็นตัวอย่างก็แล้วกันนะ

+++ ถ้าไม่มี "การเบรก" กันไว้บ้าง มันอาจจะเกิด "หมาหาหำ" ขึ้นมาอีกตัว ในเร็ว ๆ นี้
+++ ก็อย่างที่โพสท์ไว้ข้างบนนั้น คือ "ทางโลก = ลิขสิทธิ์" "ทางธรรม = ปาราชิก"
+++ ตรงนี้ "ฝากให้กับ ภิกษุในเครื่องแบบ" รายนั้น รายเดียว ไม่เกี่ยวกับ คนอื่นนะครับ

 

แต่ในใจลึกๆแสดงว่าเป็นที่ระลึกของเขาครับ แม้ว่าเขาจะยังไม่ถึงพร้อมด้วยไตรสรณะ ถ้าขอเขาได้ขอให้จรรโลงพระศาสนา อย่าเอามาแค่ใช้สร้างฐานะ อันความเป็นจริงล้วนสมมุติ

 

ปล่อยวางธรรมมารมณ์ ช่วยให้พ้นทุกขึ้นใหม่คับ

 

+++ การมองโลกในแง่ดี (โลกสวย) เป็นการ "หลอกลวงตนเอง" ชนิดหนึ่ง
+++ เพราะเป็นการ พยายามมองให้ผิดไปจาก "ความเป็นจริง"
+++ ต้องมอง "ให้ตรงต่อความเป็นจริง" เท่านั้น จึงชื่อว่า "นักปฏิบัติ"

+++ ตุ๊ด ในคราบผ้าเหลือง เปรียญ สูงกว่า 4 มี "มูลนิธิส่วนตัว"
+++ เอา "ประสพการณ์ ที่ผมโพสท์ในเวปนี้ ไปอ้าง และบรรยายธรรม"
+++ ทำให้ พุทธบริษัท เข้าใจว่าเป็น ของมหา ปฏิบัติธรรมได้เอง

+++ คุณ kenny2 อย่ามองเพียงแค่ "เป็นที่ระลึกของเขา"
+++ มองให้ "ตรงลึก ถึงรากเหง้า" ก็จะ เจอ ได้เอง
+++ ว่า "ตัวตน" ของบุคคลนั้น เป็นเช่นไร

+++ พระพุทธเจ้า "ห้ามตุ๊ด เข้ามายุ่งในศาสนา"
+++ คุณ kenny2 จะมาขอให้ "มหาตุ๊ด" ตัวนี้มา "จรรโลงพระศาสนา"
+++ ตรงนี้ "มองโลกให้ ตรงต่อ ความเป็นจริง" ก่อนจึงจะ "เห็นพิษภัยของตุ๊ด"
+++ พระพุทธองค์ "ทรงเห็น ความเป็นตุ๊ด" ที่มีปกติ คือ "ความบิดเบือน" เป็นนิสัย
+++ และตรงนี้ คือ "การทำลาย พระพุทธศาสนา โดยตรง" พระพุทธองค์ จึงทรง "ห้ามไว้"
+++ โดยเฉพาะ "ห้ามบวชตุ๊ด" เจอตุ๊ดในผ้าเหลือง "ให้จับสึก ทันที"
+++ เหตุเพราะ "ตุ๊ด แม้ไม่ได้บวช ก็ เป็นปาราชิก ด้วยตัวมันเอง อยู่แล้ว"

+++ การ copy เอา "ธรรมะ ที่เกิดจากประสพการณ์ ส่วนตัวของผม" ไปแสดง
+++ โดย ไม่เคย "อ้างที่มานั้น เป็นวิธีการ ของ "ภิกษุมหาโจร"
+++ บิดเบือนให้ มหาชน เข้าใจว่า "มหาตุ๊ด" ปฏิบัติได้ด้วยตนเอง
+++ คุณ kenny2 เข้าใจในเรื่องที่ พระพุทธเจ้า "ห้ามตุ๊ด เข้ามายุ่งในศาสนา" บ้างหรือเปล่า

+++ ตรงนี้ แม้เป็นคำเตือนที่ดี แต่ "ใช้กับ ตุ๊ด ไม่ได้" มันไม่ทำหรอก
+++ เท่าที่ทราบมา เงินบริจาคเข้าถึงมันนั้น เป็นเลข "7 หลัก" เรียบร้อยแล้ว

+++ คุณ kenny2 น่าจะ "เคยเห็น" คำพูดหนึ่ง ที่ผมโพสท์ไว้ในหลาย ๆ แห่งในเวปนี้
+++ คำ ๆ นั้น คือ "ภาษา เป็นเรื่อง คอขาดบาดตาย" โดยเฉพาะ "เรื่องของการปฏิบัติ"

+++ แต่ "มหาตุ๊ด" ตัวนี้ทำทั้งการ "คัดลอก ดัดแปลง" ถ้อยคำบางส่วน
+++ โดยเฉพาะ ในเรื่องของการ "เดินจิต" เฉพาะแบบ
+++ ซึ่งผมใช้เป็น "ภาษาส่วนตัว" ในระบบการสอนของผม
+++ บุคคลที่อยู่ใน "กลุ่มฝึก" จะ รู้ ชัดเจนว่า "ภาษานี้ ไม่มีในที่อื่น"
+++ รวมถึง "วิธี การเดินจิต ให้เข้าถึง สภาวะธรรม ต่าง ๆ"
+++ ซึ่ง เป็นแบบฉบับ เฉพาะตน เท่านั้น

+++ ดังนั้น เมื่อไรที่ไปเจอในเวปอื่น ก็รู้ทันทีว่า "เป็นของปลอม"
+++ รวมทั้ง "ทำการ เดินจิตตาม ที่ระบุไว้ในเวปนั้น"
+++ ผลลัพธ์ ที่ปรากฏออกมา จะกลายเป็น "มั่ว" ทันที
+++ ดังนั้นจึง "เอามาถามผม" ก็จึง รู้ ได้ว่า "มี มหาตุ๊ด" เข้ามาในเวปนี้
+++ และได้ทำการ "คัดลอก ดัดแปลง" สภาวะธรรมที่ผมถ่ายทอด ไปเป็นของ ตน
=====================================
+++ ขบวนการ "ปั้นพระ" นี้ มีบุคคลที่เป็น "บุคคลทั่วไป" เข้ามาอ่านเฉย ๆ
+++ รวมทั้งมีบุคคลที่เป็น user ที่เป็น คนปกติ อยู่ในเวปนี้ด้วย

+++ ดังนั้น ให้บุคคลเหล่านั้น "ยุติการกระทำ ในสิ่งที่ พระพุทธเจ้า ห้ามเอาไว้แล้ว"
+++ บุคคลที่พระพุทธเจ้า ห้ามบวช นั้น นอกจาก "พญานาค คนหนีคดี ต่าง ๆ" แล้ว
+++ บุคคลประเภท "ตุ๊ด" นั้น จัดเป็น "ภัยร้ายแรง ต่อ พระพุทธศาสนา" อย่างยิ่ง
+++ เพราะอาการ "บิดเบือน ในคำพูด มีอยู่ในทุกหนทุกแห่ง" จาก "มิจฉาวาจา" ของพวกมัน
=====================================
+++ หากดูใน "วงการศาสนา" ไม่รู้เรื่อง ก็ให้ไปดูใน "วงการเมือง" ก็ได้
+++ โดยเฉพาะ พรรคที่มีอาการ "ประดุจตุ๊ด" นั้น มีคำพูด "บิดเบือน" อย่างไร
+++ ในอนาคต จักเกิด "ภัยพิบัติร้ายแรง" ต่อ ประเทศชาติ ขนาดไหน
+++ พวก "คนรุ่นใหม่" อาจจะได้ "อยู่ภายใต้การปกครองของ ตุ๊ดรุ่นใหม่" ก็ได้

+++ ตัวอย่างของ "ศาสนาตุ๊ด ที่จะทำเป็น ศาสนาโลก" ให้ดูที่ "ธรรมกลาย" เป็น ตัวอย่าง

+++ แม้ว่า "ไม่ใช่ ตุ๊ด ทุกคน" จะเป็นไปตามนี้ทั้งหมด แต่ "จิตตุ๊ด" ส่วนใหญ่ มันชี้ไปทางนี้
+++ ดังนั้นขอให้ "คนปกติ" ช่วยกัน "ตั้งสติให้ดี ๆ" มองความเป็นจริง ให้ชัดเจน
+++ อย่ามองเพียงแค่ "รูปแบบ" แต่มองให้เห็นถึง "เนื้อหา ทาง จิตใจ" ให้แจ่มชัดด้วย

กระทู้นี้ ชื่อว่า "วิธีสกัดกิเลส สกัดด้วยสติรู้ขันธ์ 5ได้ไหมฮับ"

+++ คำตอบคือ "ได้" หาก "รู้เท่าทัน" ขันธ์ ทั้งหมด รวมทั้ง "ขันธ์ตุ๊ด" ด้วย
+++ ให้ดูที่ "วจีจิตตุ๊ด สังขารขันธ์" รวมทั้ง "มโนจิตตุ๊ด สังขารขันธ์" ทั้งหมด
+++ จากนั้นจึงจะรู้ "ธรรมารมณ์ อันแปรปรวน ใน จิตตุ๊ด" ได้เอง
+++ คุณ kenny2 ลองอ่านทวน อีกสักรอบ อาจเห็นใน "วงจรที่กว้างขึ้น" ก็ได้นะ
+++ ปัญหาอยู่ที่ว่า "ตุ๊ด" มันจะมี "สติ/ปัญญา" ทำได้ถึงตรงนี้ หรือป่าว... เท่านั้นเอง นะครับ

 

เรื่องที่พระศาสดาทรงห้ามแค่พอรู้คับ โดยลึกๆมองว่า เสียการปกครองในระบบหรือวินัยที่ต้องเคร่งครัด พวกที่ชำระตนเองได้ก่อนจึงยอมรับไว้ แต่หากไม่แล้วคือการฝืนพระวินัยก็เป็นบาปเป็นภัยแก่ตนเอง และที่ไม่ค่อยกลัวว่าคนแบบนั้นจะสามารถทำลายได้จริงเพราะยังเชื่อว่า ยังมีไม่มากพอที่จะทำให้วิบัติ เพราะถ้ามันทำจริงก็เข้ากฎที่ว่า เมื่อเชื่อใครไม่ได้ต้องเชื่อตนเองก่อน เข้าใจว่าพี่มีฐานะในการตักเตือน ผมไม่เหมือนพี่เลยได้แต่มองหรือจะต่อต้านก็ต่อเมื่อเห็นชัดๆ ตรงหน้า ผมไม่กล้าคิดเพราะผมยังไม่เคยถึงจุดนั้นเช่นดังพี่ธรรมชาติคับ