วิธีสกัดกิเลส สกัดด้วยสติรู้ขันธ์ 5ได้ไหมฮับ

ระหว่าง.Honda Click 125 I ปี2014
กับ Yamaha Gran .Filano 2015
รุ่นไหนพระน่าซื้อมาให้ลูกศิษย์ใช้กว่ากัน
มองในแง่ประหยัดและปลอดภัยฮับ

 

ลุงแมวเคยอ่านเรื่องเปรตพันปีมั้ยครับ คนที่ด่าพระแม้ว่าท่านเป็นปาราชิก ตายไปเป็นเปรตพันปี อันนี้ต้องระวังนะครับ ถ้าสนใจลองตามไปอ่านในเว็บวัดท่าขนุนครับ

และที่ผ่านๆมานี่ ผมไม่ได้มาว่ากล่าวอะไรลุงนะครับ กลัวลุงจะเข้าใจผิด ผมมองลุงเป็นกัลยาณมิตร พระหลังไมค์ผมไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร แต่ถ้าลุงฟังแล้วถูกจริตได้อารมณ์กรรมฐานดี ก็เจริญต่อไปเถอะครับ เพราะยังไงก็ต่อยอดได้ ผมไม่ได้เห็นว่าที่ลุงทำมันผิดอะไร มันอาจเป็นสภาวะธรรมช่วงหนึ่งของคนที่มีศรัทธา ก็แค่นั้นเอง ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ถ้ามันแก่รอบเข้า มันจะค่อยๆละเอียดลออในการเรียนรู้มากขึ้นๆไปเอง เพียงแต่พยายามอย่าให้มาเสียของกับเรื่องที่เป็นเหตุให้ใจเศร้าหมองก็พอ หมายถึงอย่ามาวกวนกับเรื่องบางเรื่อง มันจะติดอยู่ มันจะทำให้เราวกวน ขวางมรรคเราได้ครับ เชื่อเรื่องกรรมก็จบ

ธรรมดาลุงเปิดตัวมาก ก็ต้องรับกระแสการตอบรับมากเป็นธรรมดา ผมเห็นลุงโพสต์ ผมก็มาร่วมแสดงความคิดเห็นตามประสบการณ์ มันใช่ผมก็ว่าใช่ มันมีอีกผมก็ว่ามีอีก แต่จริตคนมันอาจไม่เหมือนกัน บางทีผมอาจจะถูกกับคาถาธรรมบทนี้ ลุงอาจจะถูกกับคาถาธรรมอีกบทก็ได้ไม่แปลก คาถาหมายถึงเรียนธรรมบทไหนแล้วได้ความกระจ่างขึ้น ก็เรียกว่าได้คาถาไปหนึ่งบทเอาไว้ภาวนา มรรคหรือทางจริงๆมีทางเดียว อยู่ที่อินทรีย์พละ ถ้าอินทรีย์พละแก่กล้าในที่สุดก็จะถึงจุดนัดพบ แบบครูบาอาจารย์ท่านว่าครับ

 

ทุกอย่างควรปล่อยไปตามธรรมชาติ
การจะคิดปรุงแต่ง การจะ
กำหนดกฎเกณฑํํ การจะวิเคราะห์วิจารณ์
วิจัย
ทั้งหมดทั้มวลก็เป็นไปตามธรรมชาติ
และเป็นอนัตตา
ควบคุมไม่ได้ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
เพราะควบคุมไม่ได้ฮับ

 

ขออนุโมทนาในธรรมทุกท่านด้วยความเคารพครับ

ข้าพเจ้าต้องขออภัยที่กล่าวไปเช่นนั้น และต้องขอขอบคุณในคำแนะนำตักเตือน

ที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงการพนันนั้น เพราะที่ข้าพเจ้าเห็นส่วนมากจะเล่นพนัน หรือ ดูพร้อมเหล้าเบียร์ เคยเห็นที่ลุ้นบอลแบบปกติแค่คนเดียวในชีวิตของข้าพเจ้าเลยครับ

ส่วนเรื่องการไม่สนใจในสิ่งใดในโลก ข้าพเจ้ามิได้ตั้งใจที่จะวาง แต่มันไม่สนใจเองครับ คือมันไม่ติดใจน่ะครับ มันเฉยๆ แต่ก็ผ่านหูผ่านตาตลอด เพราะสภาพแวดล้อมรอบข้างครับ

และเรื่องของธรรมนั้น ข้าพเจ้าขออนุโมทนาที่มันง่ายสำหรับคุณศิษย์โง่ แต่สำหรับข้าพเจ้าไม่ง่ายเลยครับ และข้าพเจ้าไม่ได้ซีเรียสครับ แต่จริงจัง ไม่ล้อเล่น ไม่เหลาะแหละครับ และรู้ตัวเสมอว่ากำลังทำอะไร อยู่ตรงไหน และจะไปอย่างไรต่อครับ

ส่วนเรื่องเยรูซาเล็มซินโดรมนั้น มันคงเป็นกับคนบางคน แต่บางคนไม่ใช่ครับ

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปทุกท่านครับ

 

ก็ดีแล้วฮับที่ออกตัวว่าเป็นคนไม่ดูบอล
ถึงชี้ให้ดูว่ามุมมองที่ลุงมีต่อโลกมันอคติ
คิดฝ่ายเดียวมากไป ไม่ได้มีเจตนาชวนลุงไปดูบอลซะที่ไหน

คิดง่ายๆ คนในสนามไทยลีกนับหลายหมื่นแต่ละสัปดาห์
ทั้งสุภาพสตรีสาวสวย กลุ่มครอบครัว เด็ก หรือต่างชาติ
คนพวกนี้เข้ามาดูเพราะแทงบอลหมดเลยรึ หรือดื่มทุกคนเลยรึ
บางคนทีมแพ้ยังร้องไห้อีก

ลุงแว่นแฟนทีมชาติในตำนานเมื่อวานก็เห็นโผล่ไปสิงคโปร
(สงสัยรวยพอสมควร บินตามไปเชียรทีมชาติทุกที่)
คิดว่าลุงแกแทงรึเปล่า?

ส่วนเรื่องทางธรรมก็ตามนั้นฮับ
แค่ผมจะแหย่ลุงว่า ซีเรียสไป
ถ้าลุงไปบวช แล้วพูดขรึมๆแบบนี้
ผมนี่ขนลุกเลยนะ ยิ่งเข้าป่าไปซักเดือนด้วย
ออกมาจากป่า ผมนี่ขนลุกซู่
คือลุงดูขลังในสายตาผมมากเบย

ถ้าลุงคิดว่ามันยาก ๆ แต่รู้ลายแทงตัวเองดี
ก็โมทนาฮับ. บึ้ดจ้ำบึ้ดต่อไป

แต่ขอติงนิดนุง ถ้ารู้จุดดีจิง ก็รีบหน่าฮับ
เวลาชาตินี้เหลือน้อยละ หรืออย่าคิดว่าสะสมไปก่อน

กว่าจะเจอศาสนาอีกคราวหน้าบอกได้เลย
ประมาณอีกเกือบร้อยกัป เผลอๆซวยพลาดคราวหน้าอีก
พระศรีอาน ไม่ใช่อีกพัน อีกหมื่น อีกแสนปีหรอกฮับ
นั่นมันพวกลัทธิประหลาดมโนพูดเอาเองเอา

ลงนรกอีกนับพัน นับหมื่นรอบอะฮับ
ถ้าคิดว่าจะสะสม เพราะมันยากกกกกส์

 

ใช่ใช่ใช่
ต้องทำให้จบอย่างเร็วสุดไม่กิน 7 วัน
หรืออย่างช้าสุดไม่กิน 7 ปีอย่างกลางๆ
ไม่เกิน 7 เดือน

 

แหนะ เข้าใจที่พูดด้วย

พระองค์ท่านก็การันตีเอาไว้แล้วว่าไม่เกินนี้
ถ้าคิดว่าตน รู้จักเข็มทิศแล้วดีจริงๆ

ปล สำหรับปัญหาผมคือ. ขอดูบอลก่องฮับ^^

 

ความเห็นส่วนตัวผมเห็นว่า คาถาธรรมบทใดเล่าเรียนแล้วเป็นเหตุให้ใจถึงความเป็นปกติได้ ก็ใช้คาถาธรรมบทนั้นเป็นตัวตั้งเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการภาวนา ซึ่งตรงนี้จึงแล้วแต่ว่า แต่ละบุคคลจะถูกจริตกับบทธรรมบทไหนที่จะเป็นเหตุให้ใจถึงความเป็นกลางเป็นปกติได้ การที่ใจถึงความเป็นกลางเป็นปกติไม่สุดโต่งอยู่นั้นแหละครับส่วนตัวเห็นว่าเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการภาวนาที่จะเข้าถึงสัจจะความจริงจริง ๆ ได้

ก็เหมือนกับว่าเราตั้งใจจะมองอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่แล้วกลายเป็นคลาดเคลื่อนไป ไม่ตรงตามความเป็นจริง เห็นไม่ชัด เพราะกิเลสมาบัง หลงตามกิเลสไปเสียก่อน อย่างนี้เป็นต้นครับ

จะเรียกว่า ขาดสมาธิในการรู้อย่างตรงไปตรงมาตามความเป็นจริงก็ได้ ส่วนมากก็จะเป็นพวกความเชื่อเดิม ๆ ของเรา กิเลส ตัณหาความทะยานอยาก อยากได้อยากมีอยากเป็น หรือไม่ก็พวกนิวรณ์ 5 มาบดบังเบี่ยงเบน อคติความลำเอียง อกุศลวิตกครอบงำ เป็นต้นครับ มันจะถูกเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับการเข้าใกล้สัจจะความจริงไปเรื่อยๆ ถ้าอินทรีย์บารมีแก่กล้า มันก็จะเห็นแจ้งในความเป็นโลกแห่งวัฏฏสงสารทั้งโลกได้เอง ไม่มีเรื่องวังเวง ว้าเหว่อะไรมาเกี่ยวข้อง ไม่เกี่ยวไม่ใช่โดดเดี่ยว ไม่ใช่อวกาศ แค่จิตเข้าถึงความจริงทั้งสมมุติสัจจะและปรมัตถสัจจะ และเกิดปัญญารู้ความเป็นจริง รู้ทาง เห็นทุกข์และทางออกจากทุกข์ตามความเป็นจริง ไม่สุดโต่งไปข้างใดข้างหนึ่ง (ดังนั้นเวลาผมได้ยินคนพูดถึงนิพพานว่าคือว่างเปล่า เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ผมจึงไม่อินตามเขา เพราะผมไม่เห็นอย่างเขา ผมไม่ได้หลุดไปฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แค่อาศัยเป็นเครื่องระลึก)

จากนั้นจึงค่อยๆ ชัดเจนในเหตุปัจจัยไปทีละน้อย ตรงนี้คงเป็นไปตามแต่วาสนาบารมีของแต่ละบุคคล สมมุติ วิมุติก็อยู่ด้วยกันแต่ไม่ปนเปื้อน ถ้าแยกโลกแยกธรรมออกก็จะเข้าใจ การศึกษาก็ยังต้องมีกันไปต่อ เพราะกิเลสไม่ใช่ว่าจะหมดกันง่ายๆ ใครว่าหมดกิเลสเลย ไ่ม่มีอะไรจะวางอีกแล้ว ถ้าไม่หลงตัวเอง และเป็นจริงก็ขออนุโมทนาด้วยครับ

 

...

 

15.45 น..................................
..............................................
..............................................
..............................................
..............................................
..............................................
..............................................
...............................
.

.
.
หลับ

 

+++ ปัญญาอ่อนสุด ๆ จริง ๆ เป็น "สัจจธรรม" เลยนะ "นีลกรรม"
+++ เอิ๊กเอิ๊กเอิ๊ก...ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
+++ เห็น "ความเบิกบาน เป็น ปรี๊ด" 55555

 

ถ้ายังไม่เห็นหน้ากิเลส ยังไงก็ต้องโดนกิเลสหลอกหลอนอยู่ร่ำไป

 

นี่ถ้า ท่านปล่อยวางตนเอง ลงบ้าง
ก็คงไม่ ปรี๊ดแตด เป็น ตุ๊ด เป็น แต๋ว เสียเองขนาดนี้
ธรรมะอะไรของท่าน มีลิขสิทธิ์ด้วยเหรอ
ธรรมะทั้งหมด ล้วนเป็นของ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์
ท่านเอามาฝึกต่อ แล้วทำไมถึงยังคิดว่า มันเป็น ของตนเองอยู่
อะไรที่มีมากเกิน ก็ทิ้งออกไปบ้าง
ของอะไรที่ถือ หนัก เกิน ก็ขว้างทิ้งไปบ้าง
จะแบกไปใย ให้เหนื่อยเปล่า
มันเป็น เรื่องของใจ ทั้งนั้น
ไม่ใช่ว่า แบกร่างกาย เสียหน่อย
ท่านแบกใจตัวเองให้เหนื่อยเปล่า
คนเรา ควรแบกแค่ ร่างกาย นี้ก็พอ
จิตใจ ไม่ควรที่จะไปแบกให้มันเหนื่อยเปล่า
เพราะจิตใจเป็นเพียงแค่ นามธรรม
ไม่ใช่ รูปธรรม ควรจะปล่อยวางซิ ถึงจะถูกต้องตรงทาง
ส่วน ลิ่วล้อ ของท่านนี้หนักกว่าท่านอีก
ควรที่จะห้าม อาจารย์ ของตนเอง ถึงจะถูก
นี่มันเสือกยุส่ง กอดคอกันไปตาย
ขายขี้หน้า ที่ว่า ตนเองฝึกมาเกือบทั้งชีวิต
ท่องคำนี้ไว้ให้ขึ้นใจ

เพราะปล่อยวาง จึงบรรลุธรรม
เพราะปล่อยวางทุกสิ่ง จึงเป็น อรหันต์
สิ่งใดหนัก สิ่งนั้นควรปล่อยวางลง
ไม่ใช่แบกไว้ ด้วยความโง่

 

+++ nilakarn นี่มีอาการ "เป็น ตุ๊ด เป็น แต๋ว" ชัดเจนมาก

+++ เมื่อไม่รู้ ก็ไม่รู้ต่อไปเอาเอง ไปอ่าน "กฏหมายลิขสิทธิ์" เอาเอง
+++ เรื่องของการ "ละเมิด" นั้น รวมถึง "การเทศน์/แสดงธรรม" ด้วย ไปดูเอาเอง
+++ การที่ nilakarn หมดความสามารถที่จะรู้เรื่องได้นั้น
+++ แล้วก็ "มโนเอาเองทุกเรื่อง" ส่อระบุถึงระดับ "สติปัญญา" ของตัว nilakarn เอง
+++ การเอา "การเทศน์/แสดงธรรม" ที่ผู้อื่นทำไว้ (ผู้สร้างสรรค์ ภาษากฏหมาย)
+++ ไป ปลอมปน/ดัดแปลง (ผู้ คัดลอก/ดัดแปลง ภาษากฏหมาย) ถือว่า "ละเมิดลิขสิทธิ์"
+++ โดยเฉพาะ "ไม่เคยแจ้ง" ผู้สร้างสรรค์เลย ถือว่า "ละเมิดลิขสิทธิ์" ทั้งนั้น
+++ ตามมรรยาท ของผู้อ้างผลงานของผู้อื่น ต้องทำ "แหล่งอ้างอิง" ไว้ด้วย
+++ แต่นี่ "ไม่มี" แถมแสดงตนว่า "เป็นผู้ค้นพบเอง"
+++ แต่คำพูดทั้งหมด "คัดลอก/ดัดแปลง" มาจากในกระทู้ที่ผมแสดงเอาไว้ นานแล้ว
==========================================
+++ หากเป็น พระ ไปหยิบของ ๆ ผู้อื่น โดยไม่เคยบอกอะไรเลยนั้น
+++ และ ของสิ่งนั้น มีมูลค่าเกิน 1 มาสก
+++ ภิกษุนั้น เป็น "ปาราชิก" (สิกขาบท)
+++ ภิกษุใด ที่แสดงธรรมอันเกิน มนุษย์ธรรมดาจะทำได้
+++ โดยไม่มี สภาวะธรรมนั้น "ในตน" ภิกษุนั้น เป็น "ปาราชิก" (สิกขาบท)
==========================================
+++ nilakarn กำลังส่งเสริม "บุคคลปาราชิก"
+++ ด้วยการ มโนเอาเอง ของ nilakarn เอง
+++ กรรมนี้ "เป็นกรรมชั่ว" ที่ nilakarn กำลังทำ
+++ ดังนั้น "นีลกรรม" จึงตรงกับอาการของ nilakarn

+++ ให้ nilakarn รู้ไว้ว่า การ "บิดเบือนประเด็น/คำพูด"
+++ เป็นนิสัย แบบ "ตุ๊ด" โดยเฉพาะ
+++ การไม่มีปัญญา วินิจฉัยให้ถูกต้องตามความเป็นจริง
+++ เป็นอาการ "ปัญญาอ่อน"
+++ ดังนั้น ฉายา "ตุ๊ดปัญญาอ่อน" จึงตรงกับอาการของเอ็ง

+++ ให้ระวังการโดดไปคลอง 10 ของเอ็งให้มาก
+++ จากคนในเวปที่โดดไปคลอง 10 แล้ว จะกลับมาเป็นบุคคลปกตินั้น "ไม่มี"
+++ คนปกติโดดไป ก็จะ "วิปลาส" กลับมา
+++ คนที่แค่ "สับสน" โดดไป พอกลับมา กลายเป็น "เราบ้ากันคนละแบบ"
+++ ลงท้าย กลายเป็น "ควายบันลุธรรม"
+++ สำหรับเอ็ง นีลกรรม หัดมี "ปัญญา" ศึกษา ความเป็นจริงแห่งพฤติกรรม ให้ออก

+++ ดังนั้น คำพูดของเอ็งตาม QUOTE ข้างบนนี้
+++ จึงเป็น คำพูดของ บุคคลที่ทำ "นีลกรรม (กรรมดำ/ชั่ว)"
+++ เป็น การกระทำที่ "บิดเบือนความเป็นจริง (ตุ๊ด)"
+++ เป็น อาการของผู้ที่ "ไม่มีปัญญาที่ ถูกต้อง/ตรงต่อความเป็นจริง (ปัญญาอ่อน)"

+++ ดังนั้น นีลกรรมตุ๊ดปัญญาอ่อน จึงพิจารณาว่า "ตรงกับอาการของเอ็ง"
+++ จนกว่าเอ็งจะ "ทำกรรมดี ไม่บิดเบือน มีปัญญาถูกต้องตรงตามความเป็นจริง"
+++ คำว่า "นีลกรรมตุ๊ดปัญญาอ่อน" จึงจะถูก ยกเลิก/ถอดถอน ออกไป ตามวาระ ของเอ็งเอง

 

ถ้าท่านยังคิดมาก เรื่อง ลิขสิทธิ์
ต่อไปก็ตัวท่านเองนั่นแหละ ที่จะเอาธรรมไปขายกิน
เหมือนคนอื่นที่เค้า ก็เอาธรรมะไปขายกินเหมือนกัน
ต่อไปท่านก็จะต้อง ดันทุรังไปฟ้อง พระรูปนั้น
ให้มันได้ประโยชน์อะไร
หากท่านปล่อยวางคำเดียว
ท่านก็จะไม่ต้องมาเกลือกกลั้วกับกากเดนนี้อีก
ต่อไปในเวปนี้ก็จะเอาอย่างท่าน
ฟ้องคนนั้น ฟ้องคนนี้ วันๆไม่ต้องทำอะไร
เอาแต่ฟ้องกันอย่างเดียว
สุดท้ายคนก็จะหายหัวหมด

 

ลุงแมวขออนุญาต
ถูกใจสิ่งนี้ฮับ
*****
+++ ให้ระวังการโดดไปคลอง 10 ของเอ็งให้มาก
+++ จากคนในเวปที่โดดไปคลอง 10 แล้ว จะกลับมาเป็นบุคคลปกตินั้น "ไม่มี"
+++ คนปกติโดดไป ก็จะ "วิปลาส" กลับมา
+++ คนที่แค่ "สับสน" โดดไป พอกลับมา กลายเป็น "เราบ้ากันคนละแบบ"*******
ธรรมะดัดแปลงจากคลอง 10 นั้นมี
อาถรรพ์มาก เพราะอะไรไม่ทราบ
แต่ที่ชัดๆคือ
ปรากฎว่ามีหลายคน เพี้ยนจริง
ตามที่เห็นผลุบๆ โผบ่ๆ เข้าๆ ออกๆ ในห้องนี้
มากล่าวธรรมให้ฟังทีไร
ต้องผิดหวังทุกหวังทุกครั้ง แค่วัน 2 วัน
ก็จะพากันหงายเงิบ
มุดดินกลับไปฟอกตัวฟอกจิต
แต่อนิจจา พอกลับมาใหม่มาใหม่ก็
จะหนักกว่าเดิมเเละได้ความเป็นแมงกะตุ๊ด
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ไม่สังเกตจะไม่เห็นอาการ
ของสาวกคลอง 10 นะฮับ

 

เอิ่กๆ

 

รอดตัวไป ผมคนบ้านนอก...อิอิ

นึกว่าท่านนีโอ อยู่แถวคลอง 11 ซะอีก เห็น เวิ่นเว้อเยอะแยะ
ว่าแต่ จะสกัด เอาหัวน้ำหอมจากกิเลส เหรอ?

 

สงสัยจะมาจากคลอง 10นะเนี่ย
คิดยังไง จะมาสกัดสิ่งปรุงแต่ง สกัดเครื่องปรุงแต่ง...

เขามีแต่ให้สกัดผู้ปรุงแต่ง....มันถึงจะถูกจุด

(อารายวะ สัจจะของขันธ์..?)

 

ใครว่าอุปาทานเป็นสิ่งปรุงแต่ง.?
อุปาทาน มันคือสิ่งที่ถูกปรุงแต่งมาแล้วต่างหาก อุปทานมันเป็นผลแล้ว มันไม่ไช่เหตุ...ขันธ์ห้า มันเป็นผลแล้ว ไม่ไช่เหตุ

ยิ่งนานวัน ยิ่ง ถอยหลังลงคลอง ..

คิดให้ถูกแบบแผนหน่อย..คิดแบบผู้มีปัญญาหน่อย..
อย่าเลียนแบบพวกจานลายเล่าปัง