"พระเจ้าจักรพรรดิราช"

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย เกษม, 23 มกราคม 2011.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,204
    มีของดีแล้ว ใช้ในทางที่ผิด จะธรรมชาติถูกริบคืนอย่างแน่นอน ยืนยันค่ะ

    มีอำนาจฤทธิ์เดช หลงมัวเมาฤทธิ์เดชนั้น ใช้อำนาจทำลายอำนาจ ใช้อิทธิ์ในทางที่ผิด วันหนึ่งแม้แต่ฤทธิ์ก็ไม่มี

    มีวาจาอันยอดเยี่ยม มีวาจาอันดีเลิศ แต่ใช้วาจาในทางทำลายมากกว่าสร้างสรรค์ แม้แต่อยากจะพูดก็ไม่เป็น พูดไม่ได้

    มีพรหมวิหารเป็นฐานของผู้นำ แต่เสื่อมถอยด้อยลง ก้าวร้าว ใช้ไม่เป็น อนาคตผู้นำก็จะไม่ได้เป็น เป็นผู้ตามแทนค่ะ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • รักเลย รักเลย x 1
    • โกรธ โกรธ x 1
    • ไม่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย x 1
    • ดูรายการ
  2. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908

    ขอบคุณที่ใช้ข้อความนี้เอามาย้ำเตือนสอนตนเองในหน้าเว็บนี้ และช่วยเตือนสติผู้อื่นไปในตัว เพื่อเป็นธรรมทาน
    สมกับคำโบราณที่ว่า ผิดเป็นครู

    ขอบคุณประสบการณ์ตรงจากชีวิตจริง ของแม่ชีจิตยิ้มนะคะ และที่ช่วยเผยแพร่ชีวิตของตนเองเป็นวิทยาทาน
     
  3. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
     
  4. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
  5. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    มีพระอรหันต์กล่าวไว้ว่า คนทึ่ตั้งตนเป็นครูอาจาร์ยสอนธรรมะ ส่วนใหญ่ไปอเวจีมหานรก เพราะธรรมะของจริงยังไม่ได้
    และเที่ยวแสดงธรรมตามความนึกคิดของตน
    พูดตามความหลงที่ตนเองมี
    ทำให้คนอื่นคล้อยตามความเห็นผิด
    เพราะยังเป็นปุถุชนที่ยังหนาแน่นด้วยกิเลส
    ดังนั้นกรรมที่ทำให่คนหลงผิดจึงเป็นกรรมหนักพอๆกับอนันตริยกรรม

    การที่เรามาสอนธรรม เราจะแน่ใจอย่างไรว่าเราคิดถูก สอนถูก ในเมื่อเราคือปุถุชนอยู่ คำว่าปุถุชนคืออะไร อริยะเจ้าคืออะไร
     
  6. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    มีบางคนย้อนกลับไปดูจันทรคติที่ข้าพเจ้าโพสต์...ด้วยความสงสัย

    จะบอกให้จันทรคตินั้นเป็นของปี62นี้แหละหนา...อย่าสงสัยอะไรเลยหนา

    ตัวเลขตรงกลางนั้นคือตัวหมุนวัฏฏจักร...เรื่องของสวรรค์อย่าไปอยากรู้มากนักเลย...รู้เรื่องกิเลสในใจตนเองจะดีกว่าเบาบางลงบ้างหรือเปล่า...หรือยิ่งศึกษาธรรมะแล้วยิ่งกิเลสหนาพอกพูนเพิ่มขึ้น...หรือยิ่งศึกษายิ่งมีอัตตาเพิ่มขึ้นกันหนอ
     
  7. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    เรื่องตำราศึกษาพอเป็นแนวทางปฏิบัติเท่านั้นพอแล้ว...อย่าไปติดตำรามากนัก...รสแห่งธรรมที่เกิดจากผลการปฏิบัติมันคนละเรื่องกับการอ่านจากตำรา
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พระจี้กง พระอรหันต์ที่แปลกประหลาด


    เผยแพร่เมื่อ 8 มิ.ย. 2017​

    .......วันนี้เพื่อนๆส่งมาเลยขอเอามาโพสต่อ ผมเคยเขียนเพลงให้ท่านจี้กง หรืออรหันต์เตาชิมาแล้ว ชื่อเพลงปีศาจสุรา ตอนนั้นยังไม่ได้ศึกษาพระพุทธศาสนาจริงจังอะไร เลยทำไปด้วยความเบาปัญญา วันนี้เจอบทความดีเเละคริปที่มีคุณค่า เลยเอามาโพสเผื่อเพื่อนๆครับ ประวัติอาจยาวสักหน่อย แต่ก็มีประโยชน์ อยากให้อ่าน ส่วนคลิปนั้น ก่อนดูก่อนฟังโปรดเข้าใจด้วยว่า พระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานนั้นมีเอกลักษณ์ที่ต่างจากเราฝ่ายเถรวาทอยู่เยอะ ยิ่งมหายานในจีนด้วยแล้วเป็นการผสมปนเปกับลัทธิเต๋า และความเชื่อแบบจีน ยิ่งไกลกันออกไปอีก แต่รับรองว่าสาระที่เป็นประโยชน์นั้นมีแน่นอนครับจึงได้นำมาเสนอ

    ประวัติโดยย่อของพระพุทธจี้กง

    -พระอรหันต์จี้กง(Jigong)

    พระจี้กง เป็นอรหันต์ในศาสนาพุทธนิกายมหายาน แต่เป็นพระอรหันต์ที่แปลกประหลาด

    จนผู้คนให้ฉายานามว่า พระบ้า หรือ พระเพี้ยน เพราะเป็นพระที่รับประทานเนื้อสัตว์

    ดื่มสุราเป็นประจำ สวมรองเท้าสานขาดๆ ถือพัดใบลานที่เป็นรู ใส่เสื้อผ้ารุ่งริ่ง มีหมวกเก่าๆใบเล็ก

    ไม่มีความสำรวม ผิดกับพระสงฆ์ทั่วไปโดยสิ้นเชิง

    พระ จี้กง มีชีวิตอยู่ระหว่าง พศ.1691-1752 ในสมัยราชวงศ์ซ่ง หรือก่อนสมัยสุโขทัย เดิมชื่อหลี่ซินหย่วน เกิดที่มณฑลเจ้อเจียง ในตระกูลของผู้มีอันจะกิน หลังจาก บิดามารดาเสียชีวิต จี้กงก็ตัดสินใจละทางโลก ออกบวชที่วัดหลิงอิ่น(Lingyin) เมืองหางโจว(Hangzhou) โดยได้ฉายานามว่าเต้าจี้(Daoji)

    หลัง จากออกบวช และ ต่อมามีพฤติกรรมพิเรนผิดกับพระทั่วไป จนเป็นที่ติฉินนินทาของพระสงฆ์รูปอื่นๆ แต่พระอาจารย์ กลับทราบดีว่า แม้ภายนอกจี้กงจะมีกิริยาไม่สำรวม ทั้งผิดศีล เล่นซุกซนกับเด็กๆ ดื่มสุรา บริโภคเนื้อสัตว์ ดังคำว่า"ร่ำสุรา ร่ายธรรมะ ปัดเป่าพิบัติ ขจัดทุกข์ภัย" แต่พระจี้กงกลับเป็นบุคคลที่บรรลุธรรมแล้ว

    บาง ครั้งพระจี้กงก็แสร้างทำเป็นบ้า บางคราวก็ทำเป็นคนปกติ บางทีก็ทำตัวง่ายๆ แต่บางโอกาสก็ทำจริงจิง ยารักษาโรคสารพัดนึกก็ทำมาจากคราบไคลของตัวท่านเอง บางเวลาท่านก็เป็นหมอทางเวทย์มนต์ที่ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง การกระทำหลายๆอย่างของจี้กง แม้จะดูเหมือนผิดศีลธรรม ผิดประเพณีดั้งเดิม
    แต่จุดมุ่งหมายและผลลัพธ์กลับเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และ เกิดคุณประโยชน์

    พุทธศาสนานิกายมหายานเชื่อกันว่า จี้กงเป็นอรหันต์ที่จุติมาเกิดอีกครั้งเพื่อสั่งสอนมนุษย์โลก

    ชาวบ้านหางโจวได้โยงเรื่องที่มาของยอดเขาบินที่วัดหลิงอิ่น(Linyin)เป็นนิทาน พื้นเมืองของชาวหางโจว ที่เล่ากันว่าเดิมยอดเขาประหลาดดังกล่าวตั้งอยู่ในบริเวณแถบตะวันตกเฉียงใต้ ของมณฑลเสฉวน

    เช้าวันหนึ่งเมื่อพระจี้กง มีญาณบอกล่วงหน้าว่า ราวเที่ยงวันยอดเขาดังกล่าวจะบินมาตกทับหมู่บ้านข้างวัดหลิงอิ่น จะทำให้มีผู้คนเสียชีวิตมากมาย พระจี้กงได้วิ่งเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อบอกถึงมหันตภัยดังกล่าวให้ชาวบ้านได้ ทราบ เพื่อที่จะได้พากันอพยพไปยังที่ปลอดภัย

    "เที่ยงวันจะมีภูเขาหล่นลงมาทับหมู่บ้าน ทุกคนรีบเก็บข้าวของเร็ว ไม่งั้นก็ไม่ทันแล้ว"

    พระจี้กงกระหืดกระหอบ ตะโกนบอกชาวบ้านไปทั่ว แต่ชาวบ้านมองว่า จี้กง เป็นเพียงพระบ้ารูปหนึ่งที่กล่าวอะไรไร้สาระไปวันๆ ทุกคนจึงส่ายหัว พร้อมกับด่าทอว่า "พระบ้าเอ้ย จะหาเรื่องอะไรมาเล่นสนุกอีกละ ภูเขาบินมีที่ไหนกันเล่า"

    พอดีในวันนั้นมีการจัดงานมงคลสมรส มีเสียงของงานรื่นเริงดังขึ้นที่มุมหนึ่งของหมู่บ้าน เมื่อจี้กงเห็นว่าไม่มีใครยอมเชื่อสิ่งที่ตนเองกล่าวเตือน จึงตัดสินใจแอบเล็ดลอดเข้าไปในงาน แล้วอุ้มเจ้าสาวหนีออกจากงาน จี้กงอุ้มเจ้าสาวและวิ่งอย่างว่องไวออกไปนอกหมู่บ้าน ขณะที่ชาวบ้านที่มาร่วมงานต่างก็วิ่งไล่จับ พร้อมกับตะโกนป่าวร้อง ให้ทุกคนช่วยกันคว้าตัว

    'พระบ้าขโมยเจ้าสาว' แต่จี้กงก็มีฝีเท้าเร็วพอที่จะไม่ถูกใครไล่ตามจับได้ทัน

    ผู้คนทั้งหมู่บ้านพากันวิ่งไล่ตาม ออกมาไกลสิบกว่าลี้หรือราวห้ากิโลเมตรจนกระทั่งเลยรัศมีของยอดภูเขามหันตภัย จี้กงจึงวางเจ้าสาวลง

    เมื่อหยิบพัดใบลานขึ้นมาโบกคลายร้อนก็บังเกิดเสียงดังลั่นสนั่นพสุธา ยอดเขาตกลงมาทับหมู่บ้านอย่างที่คาดไว้

    ชาวบ้านที่วิ่งตามมา เมื่อหันกลับไปมองเห็นภูเขายักษ์หล่นมาทับหมู่บ้านของตนเสียแบนราบก็ทราบว่า สิ่งที่จี้กงกล่าวเตือนนั้นเป็นความจริง ส่วนการที่จี้กงอุ้มเจ้าสาวหนีออกมาจากงานมงคลนั้นก็เพื่อช่วยชีวิตชาวบ้าน ทั้งหลายนั่นเอง แต่เมื่อเห็นบ้านช่อง ทรัพย์สมบัติถูกทับแบนอยู่ใต้ภูเขา

    ชาว บ้านจำนวนไม่น้อยก็เกิดความเสียดายและเศร้าโศกเสียใจ ร้องไห้ ตีอกชกหัวกันเป็นพัลวัน จี้กงจึงหันไปกล่าวกับชาวบ้านเหล่านั้นว่า "ร้องไห้ไปทำไม พวกเจ้าที่ดินที่มัวแต่เสียดายสมบัติต่างก็ถูกทับจมอยู่ใต้ภูเขาไปแล้ว จากนี้ต่อไปทุกคนก็กลับไปทำไรทำนาของตัวเอง ทำเท่าไหร่ได้เท่านั้น ชีวิตก็ยังมี จะยังกลัวสร้างเรือนใหม่ไม่ได้ไปใย"

    ชาวบ้านพอได้ยินก็สำนึกได้ว่าท่ามกลางความทุกข์ก็ยังพอมีประกายแสงแห่งความสุข เรืองรองอยู่บ้างท่ามกลางความสูญเสียอย่างน้อยที่สุดพวกตนก็ยังรักษาชีวิต ให้รอดอยู่ได้

    เมื่อเห็นชาวบ้านพอจะคลายทุกข์ลงได้แล้ว จี้กงก็รั้งเหล่าชาวบ้านเอาไว้ และกล่าวต่อว่า"อย่างเพิ่งไป ทุกคนฟังอาตมาก่อน ยอดเขาก้อนนี้เดิมลอยไปลอยมา จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง หลังทับทลายหมู่บ้านของพวกเราแล้วก็อาจจะบินไปทับหมู่บ้านอื่น อาจทำให้คนเสียชีวิตอีกมากมาย

    อาตมา ขอร้องให้พวกเราช่วยกันสลักพระอรหันต์ 500 องค์ไว้บนภูเขาลูกนี้เพื่อที่จะทำให้ภูเขาลูกนี้ไม่บินไปสร้างอันตรายให้กับ ผู้อื่นอีก"

    ชาว บ้านได้ยินดังนั้นจึงรีบกลับไปช่วยกันสลักพระอรหันต์ 500 องค์ไว้บนยอดเขาบินกันคนละไม้ละมือ นับจากนั้น ยอดเขาดังกล่าวก็ไม่บินไปสร้างอันตรายให้ใครอีก และถูกเรียกขานกันต่อๆ มาว่า

    ยอดเขาบิน ณ วัดหลิงอิ่น

    เล่ากันว่าพระจี้กงมีอิทธิฤทธิ์กว้างขวาง โปรดช่วยมวลมนุษย์มากมายโดยอาศัยวิธีการต่างๆ เพื่อให้ชาวบ้านพ้นภัยจากผู้ที่ดูภายนอกเหมือนผู้มีบุญแต่ใจบาป จี้กงจะใช้วิธีเล่นงานจนคนชั่วเหล่านั้นให้รู้สึกสำนึกตัว สำหรับผู้ที่โหดร้ายทารุณ จะถูกตอบโต้จนไม่สามารถจะอยู่ต่อไปได้ ทำให้ประชาชนอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้น ประชาชนจึงสรรเสริญว่าเป็นพระศักดิ์สิทธิ์

    ตลอด ชีวิตของท่าน ได้ช่วยเหลือและอบรมชาวบ้านโดยวิธีต่างๆกันมาตลอด ทั้งๆที่ท่านมีแต่จีวรขาดๆ รองเท้าขาดๆหนึ่งคู่ โดยไม่สนใจว่ามันจะเปื้อนโคลนหรือไม่ มือก็ถือพัดเล่มหนึ่ง ไม่กลัวทั้งที่ต่ำและที่สูง ศีรษะโล้น เท้าเปลือยเปล่า ไม่หนาวไม่ร้อน ไม่ต้องบิณฑบาตเพราะไม่หิวไม่กระหาย พบใครก็เอาแต่อมยิ้ม เพื่อจะได้แผ่บุญ ไม่หลบสังคม พบเสียงทุกข์ก็เข้าช่วยเหลือ ท่านมีจิตเมตตาไม่ถือสา การปรากฏตนของท่าน เอาแน่เอานอนไม่ได้ กิริยาล้วนเป็นปริศนาธรรม ธรรมะของท่านเป็นที่กล่าวขาน จนได้รับการยกย่องว่าเป็นพระอาจารย์ทางพระกัมมัฏฐาน แม้ท่านจะละสังขารจากโลกนี้ไปแล้วแต่ธรรมะท่าน ยังมีประโยชน์ต่อมวลมนุษย์เสมอมา ดังนั้น จึงได้สมัญญาว่า เป็นพระพุทธที่ยังมีชีวิตอยู่
     
  9. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ท่านพระอาจารย์จี้กงไม่ได้จากไปไหน...อยู่ในใจของลูกศิษย์ทุกคน...ท่านรอพบลูกศิษย์ทุกคน ณ.ลานธรรม...ดินแดนแห่งพระโพธิสัตว์
     
  10. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    01.jpg
     
  11. Pngtree

    Pngtree เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    1,609
    ค่าพลัง:
    +1,335
    คลิปปฎิบัติธรรม ขั้นสูงปรี๊ด

     
  12. Pngtree

    Pngtree เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    1,609
    ค่าพลัง:
    +1,335
    เก่งจัง ใครข่มได้ มึงข่ม ก็สมควรจะต้องโดน เห็นสาวแตกมาแต่เช้า หนีบอาการปากถือศีล ปฎิบัติธรรมไม่อยู่แล้วหรอวะ...อย่าลืมว่าตัวมึงเองที่อวดวิเศษ มีนี่นั่น เหนือคนอื่นตั้งแต่แรกมาเล่นที่นี่แล้วนะ ได้ตาเพชร กายทิพย์ ...และกุก้อท้ามาตลอดให้มึงโชว์ แต่คือมึงมีแต่ขรี้ไง พิสูจน์ไม่ได้ แถไปโน่น มึงคนปฎิบัติพิสูจน์รู้ เดวขึ้นเขาคราวนี้ ยาน 16 ขึ้น ได้นิพพานเลยมั้ง ..... กุก้อเป็นแต่พวกแทะตำรา ไม่แน่จริงหรอก แต่กุชอบลองของ ยิ่งเก่งๆแบบมึง กุยิ่งชอบ
     
  13. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391


    "ฟังเพลง"

     
  14. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908


    พยายามจะบอกว่าตนเองเป็นพญาธรรมิกราช ที่อยู่ทิศตะวันออก ทำเป็นบอกพิกัดว่ากาฬสิน
    คนที่เขาได้ญาณสูงๆ แค่เขาสื่อจิตก็ถึงแระไม่จำเป็นต้องบอกพิกัดหรอก

    - คนคนนั้น เป็นคนไทย เกิดที่ประเทศไทย อยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ หรือได้รับการอุปถัมภ์จากคนคนหนึ่ง ในพิกัดจุดกึ่งกลางของประเทศไทย ทางทิศตะวันออกของประเทศ.


    **ธรรมิกราชโพธิญาณ** บังเกิดขึ้น อยู่ในความอุปถัมภ์ของ พระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ ทั้งสองพระองค์สถิตย์ ณ เบื้องต้นตะวันออกของมัชฌิมประเทศ จะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคต ให้รุ่งเรืองสืบไปถึง ๕,๐๐๐ พระวัสสา


    มัชฌิม-‎: ‎(มัดชิมะ-, มัดชิมมะ-, มัดชิม-) ว. ปานกลาง

    เพราะฉะนั้นพญาธรรมคือเกิดที่ภาคกลางของประเทศฝั่งตะวันออก

    ไม่ใช่ภาคอีสานฝั่งตะวันออก แค่กึ่งกลางยังแปลไม่ออก ยังไม่เข้าใจ แล้วอยากเป็นพญาธรรม

    พูดมาสองรอบแล้ว ก็ยังไม่เลิกมโน


    ดังนั้นก่อนมโนว่าตัวเองเป็นนั่นโน่นนี่ คนมีปัญญาเขาจะหาข้อมูลมารองรับ
    1.พยานบุคคล คือ ครูบาอาจาร์ย ผู้ปฏิบัติธรรมที่ได้อภิญญา หลายๆท่าน ไม่ใช่ครูบาอาจาร์ยในนิมิต ซึ่งเทวดาหรือมารเขาก็ปลอมมาหลอกให้หลงได้
    2.เอกสารจากคำทำนายต่าง ให้มีมูลว่าเป็นเราแน่ๆก่อนค่อยทึกทัก

    ไม่ใช่มโนเพ้อเจ้อหลงตัว หลงตนว่าเป็นพญาธรรมอยู่นั่น และก็ทำมาสร้างภาพเป็นคนดีหลอกหลอนจิตของตนเอง มีความสุขกับมโนของตนเองไปวันๆ แล้วมาทำความรำคาญและความหมั่นไส้ให้คนอื่น อย่างที่โดนรุมสหบาทาไง แต่ก็ไม่เลิก
    อย่างว่าคนมันอยากจะเป็นห้ามไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นปล่อยให้เป็นไปให้สมอยาก หลอกคนเชื่อง่ายก็หลอกไป แต่ไม่สามารถหลอกได้ทุกคน คนได้ญาณสูงๆในที่นี้มีเยอะเดี๋ยวเขาจะหัวเราะฟันหัก

    แต่ที่รู้ๆสงบโดนรุมสกรัมไม่ต่ำกว่า 10 คน แล้วเที่ยวไปสอนธรรมตามกระทู้ต่างๆจนเจ้าของกระทู้เขาเอืมระอาจนปิดกระทู้หนีไปหลายกระทู้ก็ไม่เข็ด นี่สงสารหรอกนะเห็นฟุ้งซ่านอยากให้คนส่องจัง เอาเวลาไปปฏิบัติดีกว่ามาโม้เป็น นั่นโน่นนี่
    เก่งจริงไปให้พระอรหันต์สายพระป่าส่องไป

    ให้ฆารวาสส่องเดี๋ยวเขาเอาลูกปื......ส่องแทนนะ เพราะเขาหมั่นไส้เอา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2019
  15. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    มีคนได้ฤทธิ์อภิญญาจริงๆในเวปนี้มีไม่ถึงสิบคน...ส่วนคนที่มาวนเวียนจิกกัดอยู่นี้หนอนหนังสือแทะเล็มตำราทั้งนั้น

    บุคคลผู้ชอบเล่นฤทธิ์ข้าพเจ้าก็จะปราบด้วยฤทธิ์...บุคคลผู้ชอบแทะเล็มตำราข้าพเจ้าก็จะปราบด้วยผลจากการปฏิบัติจริงๆ...ผู้ปฏิบัติเข้าถึงธรรมจริงๆดูไม่ยากเพราะรสแห่งธรรมนั้นมีรสเดียว...

    ส่วนบุคคลบางจำพวกข้าพเจ้าขอเว้นไว้ไม่ขอยุ่งเกี่ยวด้วย...


     
  16. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    บุคคลใดทำอะไรย่อมมีผลแห่งกรรมคอยติดตามให้ผล...หลอกคนอื่นได้แต่หลอกตนเองไม่ได้...แล้วเมื่อผลแห่งอกุศลกรรมให้ผลจะโทษใครไม่ได้...เพราะผลแห่งกรรมนั้นให้ผลเป็นทุกข์
     
  17. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391


    กะแล้วแต่...
     
  18. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    ใช่หลอ
    ใช่หลอกคนอื่นได้แต่หลอกตนเองไม่ได้หรอกนะ คนที่พยายามยัดเยียดตนเองว่าเป็นพญาธรรมกรรมหนักก็ต้องมากเช่นกัน คนที่ไม่มีคุณธรรมแห่งการเป็นโสดาบันเช่นกันแล้วไปหลอกชาวบ้านเขาให้มาเข้าใจผิด จัดเป็นการโอ้อวดธรรมที่ไม่มีในตน กรรมหนักเช่นอเวจีมหานรกเป็นที่ไป เขาเรียกโอ้อวดธรรมที่ไม่มีในตน หัดไปอ่านดูมั่งนะ ไม่ใช่ได้แค่ความสงบนิดๆหน่อยๆแล้วมาเพ้อว่าเป็นนักปฏิบัติ

    แน่จริงทำไมไม่ไปถามพระอรหันต์แถวกาฬสินธ์หลายๆรูปดู กลัวหน้าแตกไง เลยมีความสุขกับการมาหลอกลวงชาวบ้านไปวันๆ

    แล้วคำว่าพระโพธิสัตว์ มีบารมีชั้นต้น ชั้นกลาง ชั้นปลาย
    คนแค่มีใจอยากเป็นพระโพธิสัตว์วันเดียวก็เป็นได้ ถือว่าขั้นต้น
    หลงตั้งแต่บอกเป็นโสดาบันแระ พญาธรรมเป็นพระโพธิสัตว์ ตราบใดยังไม่ลาพุทธภูมิ ยังเข้าสู่อริยะไม่ได้
    หลอกคนอื่นหลอกได้ แล้วอย่ามาหาว่าติดตำรา
     
  19. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    ความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นอกุศลธรรม เพราะมีความเห็นผิดเกิดขึ้นเป็นไป จึงเรียกบุคคลนั้นว่า เป็นบุคคลผู้มีความเห็นผิด เป็นผู้มีความเห็นที่ไม่ตรง มีความเห็นที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงของสภาพธรรม เมื่อเห็นผิดแล้ว ทุกอย่างก็ผิดไปหมด ความประพฤติเป็นไปทางกาย ทางวาจา และทางใจ ก็ย่อมผิดไปด้วย กล่าวได้ว่า คิดผิด พูดผิด ทำผิด ปฏิบัติผิด คล้อยตามความเห็นที่ผิด ถ้าได้กระทำอกุศลกรรมประการต่าง ๆ ก็จะเป็นเหตุให้ตนเองยิ่งตกต่ำมากยิ่งขึ้น คือ ตกไปสู่อบายภูมิ ยากที่ข้ามพ้นได้ ทั้งหมด ล้วนสืบเนื่องมาจากความเห็นผิด ทั้งนั้น ความเห็นผิด เป็นอกุศลธรรม ที่อันตรายและมีโทษมากเป็นอย่างยิ่ง

    ความเห็นผิด จึงมีโทษมาก เพราะไม่สามารถทำให้สัตว์หลุดพ้นไปจากสังสารวัฏฏ์และนำมาซึ่งทุกข์โทษประการต่าง ๆ มีการเกิดในอบายภูมิ เป็นต้นครับ หากเราเข้าใจความจริงว่า ความเห็นผิดเป็นสภาพธรรม ไม่ว่าเกิดกับใครก็เป็นสภาพธรรมที่ไม่ดี แต่ไม่มีใคร หรือ บุคคลใดที่เห็นผิด แต่เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไปทำหน้าที่ ให้ไม่รู้ความจริงและเข้าใจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เมื่อเข้าใจดังนี้จึงเห็นใจและเข้าใจ ในสิ่งที่เกิดขึ้น คือ ความเห็นผิดที่เกิดกับใครก็ตาม และอนุเคราะห์เท่าที่ทำได้ แต่ไม่เสพคุ้นครับ
     
  20. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    เจ้าของ: บัวศกล [ 06 ต.ค. 2009, 19:02 ]
    หัวข้อกระทู้: Re: ทำไมพระพุทธเจ้าจึงห้ามอวดอุตริมนุษยธรรม?
    จะว่าไปแล้วทุกการโอ้อวด พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงห้ามหมดแหละ

    จะอวดในเรื่องธรรมดาทั่วไป หรืออวดในเรื่องที่มันเหนือวิสัยสามัญมนุษย์
    ปราชญ์ทั้งหลายก็ไม่สรรเสริญทั้งนั้น

    การโอ้อวดเรื่อยเปื่อยในเรื่องทั่วไป เรียกสาเถยยะ

    การโอ้อวด ว่าฉันมีคุณวิเศษอย่างนั้นอย่างนี้ โดยมากจะโอ้อวดเพราะมุ่งปล้นทรัพย์ของ
    ผู้มีศรัทธาอันไร้เดียงสา

    ถ้าโอ้อวดในสิ่งที่มีจริง โดยมากเพราะผู้โอ้อวดเกิดปีติแรงเกินไป
    จนยากต่อการควบคุม ไม่ให้มันพรั่งพรูออกมาเพื่อบอกแก่ชาวบ้านได้ ถึงแม้จะไม่มีใคร
    อยากรู้ก็ตาม และการโอ้อวดบางอย่างไม่ใช่เป็นการโอ้อวด แต่มีอาการเหมือนกำลัง
    โอ้อวด เช่นผู้ที่มีความมั่นใจอย่างเปี่ยมล้นในสิ่งที่ตนแสดง บางครั้งความมั่นใจก็ส่ง
    ผ่านกิริยาออกมาเหมือนว่ากำลังโอ้อวดแต่เขาไม่มีจิตแม้สักนิดที่คิดจะโอ้อวดเช่นพระพุทธองค์
    เป็นต้น และเหตุแห่งการโอ้อวด บางครั้งอาจเป็นเทคนิควิธีอย่างหนึ่ง
    ที่ปราชญ์ทั้งหลายใช้เป็นอุบายในการจัดการต่อสถานการณ์บางประเภท ที่ต้องใช้การโอ้อวด
    เป็นอาวุธ

    การโอ้อวดที่เกิดขึ้นง่ายที่สุด คือโอ้อวดเพราะสำคัญผิดต่อการมีอยู่ของคุณธรรม
    ถ้าคนมีคุณธรรมแท้จะควบคุมการโอ้อวดได้สนิท

    ถ้าคนมีคุณธรรมเทียม หรือยังแท้ไม่ครบ ก็จะมีอาการฟุ้งในธรรมได้ง่าย
    มีวาจาที่เบา เที่ยวบอกกล่าวเขาไปทั่ว โดยไม่รู้ตัวว่าความเหมาะสมอยู่ตรงไหน

    ถ้าคนไหนโอ้อวดในสิ่งที่ไม่มีจริง และทั้งที่รู้อยู่ว่าตนไม่มีจริง
    คนประเภทนี้ เป็นพวกหยาบช้าที่สุด

    ถ้าอวดเพียงแค่ให้ใครมองตนดีก็ไม่เท่าไร
    แต่ถ้าอวดเพื่อหวังหลอกเอาศรัทธา ลาภ หรือทรัพย์ของเขา
    การอวดอย่างนี้ถือว่าเลวร้ายที่สุด
    หากเป็นนักบวช ก็จะขาดจากความเป็นพระทันที

    หากเป็นคนทั่วไป ก็จะได้สมญานามว่า นักต้มตุ๋น
    ตำรวจเจอ เขาก็จะอัญเชิญเข้าคุก

    ดังนั้นที่ถามว่าทำไมพระพุทธองค์จึงห้ามการอวดอุตริ ก็น่าจะพอทราบคำตอบได้

    และที่สำคัญที่สุด ที่พระพุทธองค์ทรงห้ามการอวดอุตริแม้ที่มีจริง
    เพราะมองเห็นโทษภัย อันจะทำให้หลักธรรมแท้ไม่ได้รับความสนใจหรือให้สาระ
    เท่ากับเรื่องที่ชวนแปลกประหลาดมหัศจรรย์ เมื่อนั้นผู้คนก็จะพากันละเลยหลักธรรม
    และผู้เข้าถึงธรรมแท้อันบริสุทธิ์ก็จะลดน้อยถอยลง

    และโทษภัยอีกมากมายที่เป็นผลกระทบต่อความมั่นคงของสัทธรรมในพุทธศาสนา
    เชิญท่านเจ้าของกระทู้ไปลองมองหาดู ก็อาจจะเจออีกหลายข้อ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...