มีใครเคยมีอาการเหมือนฟ้าแล็บในหัวมั้ยคะ

เรื่องตายมาเกี่ยวอะไรหนอ...

 

อ่อ ติดสมถะนี่เอง

..........

หวีไม่ได้แนะนำ จขกท

 

ทำหน้าที่ตอนนี้ให้ดีที่สุดทำให้เต็มที่
แม่รักลูกก็เป็นหนึ่งในพรหมวิหารแล้วคับ
แต่ต้องรู้จักวางกำลังใจไว้ด้วยว่า
เขาเป็นลูกของเราแต่เราเป็นแม่เขาได้ชั่วคราวเท่านั้น
วันไดวันนึงก็ต้องจากลูกไปคับ

 

เมื่อปีที่แล้วนั่งสมาธิจนนิ่งสักระยะนึง แล้วเหมือนจิตมันถามตัวเองว่า “แล้วพร้อมตายรึเปล่าล่ะ” จากนั้นเราตอบเลยว่าไม่ได้ ถ้าตายแล้วลูกจะอยู่ยังไง รีบถอนสมาธิมามองดูลูกแบบใจหาย หลังจากนั้นไม่ค่อยอยากนั่งสมาธิค่ะ เพราะรู้ว่าตัวเองยังไงก็ตอบคำถามจิตในข้อนี้ไม่ได้

 

"ปล่อย"

ไม่ต้องกลัวตาย ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีที่เกาะ ที่ยึด..

ในเมื่อ "จิตนี้ไม่ใช่เรา กายนี้ไม่ใช่เรา"

แล้วเราจะเอาอะไร?

ทำซ้ำ..

อาตมาพักผ่อนละโยม..

เจริญพร..

 

อ้อ หลวงพี่ตั้งใจบอกดิฉันนี่เอง ต้องขออภัยค่ะที่ให้พูดซ้ำบ่อย

 

https://www.naewna.com/likesara/508881

 

ตอบตัวเองไม่ได้กะทำความเห็นเพิ่ม
สำหรับผมกะคิดแบบนี้

 

จิตที่กำลังจะดำเนินเข้า ปฐมฌาน อยู่ในระหว่างเกิด วิตก วิจาร

แต่ เกิด ยินดียินร้าย ขั้นมา ในวิตกวิจาร หากไม่กำหนดรู้ต่อ

จิตที่จะกำลังดำเนินเข้าสมาธิที่ปราณีตขึ้น มันก็จะตกจากสมาธิทันที

วิตก ภาษาบ้านๆ ก็คือ ความคิด เป็นได้ทั้ง ความคิดที่เป็นกุศลและอกุศล

ที่เกิดขึ้นมาเองโดยไม่ตั้งใจคิด

แต่หาก กำหนดรู้อยู่เฉยๆ ในความคิดที่เกิดขึ้น จะทำให้ จิตพัฒนาข้าม อุปจารสมาธิไปได้


อุปจารสมาธิ ในช่วงระหว่างนี้ จะเกิดนิมิตหลายอย่าง จากภาพ เสียง แสงสี

และความคิดที่รู้สึกขึ้นมาเอง จะเป็นคำถามหรือคำตอบ ก็ใช่ทั้งนั้น

บางคนเกิดเป็นภาพ ก็ไปหลงภาพ
บางคนเกิดเป้นเสียงก้ไปหลงเสียง
บางคนเกิดเป็นกลิ่นก้ไปหลงกลิ่น
บางคนเกิดเป้นความคิด ก้ไปหลงความคิด
พอเกิด ยินดียินร้าย ในสิ่งที่เจอ ไม่กำหนดรู้ จิตจะตกจากอุปจาระสมาธิ

อาศัยการทำซ้ำๆ บ่อยๆ

ฉะนั้น นิมิต รุป เสียง กลิ่น รส สัมผัส จะเกิดได้ ในระดับนี้ ทำให้คนหลงนิมิต

จิตจะไม่เข้าไปถึงขั้น สมถะ หลงแต่ นิมิต แทน

สมถะ จริงๆ ก้ไม่เคยรู้จัก

ฉะนั้น พวกภาวนาที่ยังไม่รู้จัก สมถะ ก็จะไปกลัว ติด สมถะ
แต่แท้ที่จริง ยังไม่เข้า ถึงสมถะ ที่จะไปพอติด
แต่ติดหลงนิมิต ที่มาลากไปแทน

 

จขกท ไม่หลงนิมิตรหรอกมั้ง เพราะ มองมันเป็นเรื่องของจิตวิทยาล้วนๆ..

 

จขกท. ไม่ได้เข้าใจ คำว่า นิมิต
นิมิต แปลว่าที่หมาย ไม่ได้มีแต่ ภาพ

มีทั้ง รูป เสียง กลิ่น รส ธรรมมารมณ์

อย่างคนที่ฟังตามๆกันมาว่า นั่งสมาธิแล้วเห็นอะไรเห็นอะไร

 

555 เหมือนรู้ คิดว่าเป็นเพราะจิตใต้สำนึกในใจลึกๆมันผุดออกมาค่ะ เรื่องนิมิตนี้ไม่เคยประสบเลยไม่กล้าพูดว่าใช่หรือไม่ใช่ค่ะ

 

ไหนว่า เลิกเอาของเก่า มา สงสัย หละฮับ

ไม่เห็นเลิก

แถม ยังเอามา วน ตั้งธงกำกับ ไม่ให้ เสพกุศล(ทำสมาธิ)

อย่าไปเข้าใจว่า ทำสมาธิ แล้ว มันจะเป็นการ เข้าห้องสอบ
มีคนมาถาม แล้ว เราตอบ

นั่นมัน วิธี พระศรีอารย์ กุรีบุก ขุดดิน ปัดสถาณะทิ้งให้ลูก

แล้ว สำคัญมาก พระ ที่เข้ามาในชีวิตคุณ ปัจจุบัน นี้ต้อง
เว้นขาด เพราะจะนำไปสู่ อาการมีแต่ขี้เลื้อย ไปจำคำสอน
ของคนอื่นเขามา แล้วก็บริภาษคนสอนที่ไปก๊อปปี้เขาว่า
สอนผิด เพื่อที่จะได้ ย้ายมาเป็นตนสอนถูก เอาดื้อๆ

นะ

ขอให้ อยู่กับ ปัจจุบัน อาการฟ้าแล๊บนี้ จะเอากี่ครั้งก็ได้

หากวันนึง เกิดขึ้นครั้งเดียว นี่ ภาวนาโหลยโถ้ย

คนที่ ภาวนาด้วยวิธี ปัญญานำไปเลย พ่อมะอึงภาวนามา
แล้วเนี่ยะ สิบยาที จะเกิดฟ้าแล็บได้สักห้า หก ครั้ง

แต่ถ้าได้ 2 ถึง 3 ขณะจิต ต่อเนื่องกันติดๆ จะเกิด
จิตรวมลงเข้าสู่ฌาณ4 แล้วเกิดการตัดสิน
วิมมุติสุข วิมุตติธรรม ปรากฏไปเลย

ลูก อยู่ครบ ไม่มี ระเบิดบึ้ม แม่ก็วาย ลูกไปทาง
สามีกระเด็นไปทาง ไม่มี

พระศาสดา ก็ ตัดกิเลส เป็นอรหันต์ ด้วย ขณิกสมาธิ

ไม่มีแบบสาวกชั้นหลัง จิตรวมตอนค่ำ เช้าออกจาก
สมาธิ ตัดกิเลสกันเป็นชั่วโมงๆ แล้ว โอยยยยยย
พระพุทธเจ้า มาอนุโมทนากันเต็มลาน มีภาคขาว
ภาคดำ มารอ ท้าต่อ

 

ส่วนตัวก้อว่านิมิต เพราะจิตมันถามขึ้นมา

" เห็นบอกนั่งสมาธินิ่ง แล้วถอนออกมา เพราะตกใจ"..ก้อรุ้ที่มันไปต่อ อะไรแบบนี้ก็จะหาย ก้อเป็นไตรลักษณ์ไป

 

อะไร ที่ผ่านไปแล้ว หาก มันเป็น กิเลส หลอก

ร้อยละร้อย มันจะ กำกับว่า อย่าทำอย่างนั้นนะ
อย่าทำสมาธินะ อย่าทิ้งครอบครัวนะ

นี่ กิเลสมันหลอก

การภาวนา มีแต่ กิเลส ตัณหา อุปทาน มันสิ้นไป

บุคคลที่ กิเลส ตัณหา สิ้นไป จะเลี้ยงลูก
ไม่ดีขึ้น งั้นเหรอ

โถ่ ไปให้ กิเลส มันหลอกเอา

ยิ่งสิ้นกิเลส สิ้นตัณหา อุปทาน

ครอบครัวมีแต่ รวยร้อยล้าน พันล้าน กินไม่มีวันหมด
ไม่ว่าจะต้องไปเกิดอีก กี่ชาติ

 

รู้สิครับไม่รู้ได้ไงก็เป็นคนไปขุดเรื่องหลวงปู่มั่นขึ้นมาเอง จขกท ไม่รุ้รึครับว่าเป็นผม

 

จะดูจิต หรือดูกาย จะรู้กายหรือรู้จิต

คนที่ไม่เข้าใจ ก็จะเอาแต่ คำบางคำ

ดูจิต หรือ รู้จิต ดูกายหรือรู้กาย ก็เป็นแต่เพียงคำพูด แต่ผล ในความหมาย

หมายถึงเหมือนกัน


และเป็นการทำฌานไปในตัว ยังเป็นฌานในพุทธศาสนาโดยตรง

ก็สมกับคำที่ว่า ไม่มี ฌาน ก้ไม่มีญาน ไม่มีญานก็ไม่มีปัญญา


ส่วนคนไม่รู้จักฌานขนิดนี้ ก้ไปเอา ฌาน อีกชนิดมาพูด มันเลยสับสน

 

จำได้ว่าเป็นอีกคนนึงนี่คะ คนละชื่อ หรือว่ามีหลายแอคเค้าท์คะเนี่ย