ได้ไปเจอ "ซัน" ผู้มีญาณทิพย์

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย รักไร้พ่าย, 7 เมษายน 2008.

  1. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ถ้ากำลังไม่พอให้ดูขณะปัจจุบัน การยืมเรื่องที่เกิดทุกข์เก่า มาพิจารณาก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่งครับ เป็นการน้อมเข้า ฐาน 4 นั้นแหล่ะครับ ผลที่ได้ก็จะเป็นการทำความทุกข์ให้กระจ่างและเบาบางลงไป
     
  2. คีตเสวี

    คีตเสวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2007
    โพสต์:
    980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +750
    ไม่รู้ว่าถามใครครับ แต่ผมชิงมั่วมาก่อน ใครถึงก่อนได้ตอบก่อนนะครับสหาย[​IMG]

    ขอถามนิดนึงนะครับ ขณะที่นั่น rerun อยู่เนี่ย กำลังนึกใช่ไหมครับ ถ้ากำลังนึกก็เป็นปัจจุบัน ถ้าเป็นปัจจุบันเรื่องจะเกิดนานแล้วหรือเดี๋ยวนี้ก็คือกันครับ ดูเวทนาตอนนี้หรือดูเวทนาที่เคยเกิดขึ้นมันก็ดูอารมณ์ปัจจุบันอยู่ดี

    สรุปแบบเชื่อถือไม่ได้นะครับว่า ผลเหมือนกันเลยครับ [​IMG]
     
  3. คีตเสวี

    คีตเสวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2007
    โพสต์:
    980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +750
    ช้ากว่าจินนี่ซะแล้ว[​IMG]
     
  4. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ท่านเอกวีร์ พูดถูกแล้วครับ เยี่ยมจริง
     
  5. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    คนที่ปฏิบัติ เป็นประจำ เมื่อแยกกาย กับ จิตออกจากกันเเล้ว

    เมื่อนั้น กายไม่ใช่ของเรา จิตไม่ใช่ของเรา

    เรากลายเป็นเพียงผู้ดู จิตเกิด จิตส่าย จิตดับ เห็นหมด

    คนปฏิบัติทั่วไปไม่รู้คะ

    ว่า แยกกาย แยกจิตเป็น อย่างไร ยกเว้น คนที่ดูจิต ดูคิดเป็นเเล้ว

    เมื่อนั้น เราจะมองทุกข์ เป็นเพียงเหตุการณ์ที่เราเผชิญ แต่มันก็จะผ่านไป

    คนที่อยู่เหนือกรรม คือ ไม่ทุกข์ ไม่ร้อน ไม่ลำบากใจ ในเรื่องใดๆ

    นั้นละคะ ชีวิตที่ปราศจากทุกข์ จากตนเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2008
  6. บุคคลทั่วไป 1 คน

    บุคคลทั่วไป 1 คน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +7
    จงใจดึงมาเลยสิครับ เหมือนเราจงใจปฏิบัติอาณาปานสติให้เวทนามันเกิด เพื่อให้เราได้พิจารณามันหน่ะ พอดึงมาเสร็จ เราก็ปล่อยให้มัน rerun เหมือนเรื่องเพิ่งเกิด แล้วเราก็จะรู้สึกไปตามนั้น แต่คราวนี้เรามีสติพร้อมกว่าในอดีต
     
  7. คีตเสวี

    คีตเสวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2007
    โพสต์:
    980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +750
    อย่าลืมอ่านเม้นท์ผมนะคร้าบบบบ[​IMG]
     
  8. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    นั้นแหละครับ ดึงขึ้นมา เพราะโลภะเจตนา เป็น ราคะเจตสิก สร้าง จิต เพื่อสืบ
    ต่อสันตติ ไปดึงเวทนา สัญญา เจ้า ราคะเจตสิกก็สืบต่อไปที่ดวงจิต ที่เกิด
    ตามหลัง จนลึกขึ้นๆ จนแน่นๆหนา อัตตาเกิดอยู่ลึกๆ ครับ

    อันนี้ตอบโดยอภิธรรม

    แต่จริงๆแบบนี้ก็ทำได้นะครับ แต่ต้องมี สติ รู้อยู่เสมอว่า ปรุงขึ้น ดึงขึ้นตั้ง
    แต่แรกกระทำ แบบนี้ถึงจะถอนได้ ถ้าไม่ระลึกรู้ไว้เลย โอกาสมันจะกลาย
    เป็น อนุสัย ขึ้นมาอีกตัว ติดข้ามภพข้ามชาติก็จะน้อยลง สงสัยไหมละครับ
    ว่าทำไมพระพุทธองค์พูดว่า พราหมณ์นั้นมีคู่โลก ก็เพราะตัวนี้แหละครับ

    เรียกว่า เข้าข้างทรมานตน ไม่ต่างจากการลงไปนอนบนตะปู มีวิถีจิตเดียวกัน

    จริงไม่ต้องดึง มันก็เกิดของมันอยู่แล้วครับ อย่าไปทับมันไว้ก็พอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2008
  9. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เรียกว่า การดูอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ตามจริง

    อย่าให้ อารมณ์ ไหนเป็นใหญ่เหนือ ผู้รู้ จนกลายเป็นอัตตา

    มีชีวิต เหมือนน้ำ นิ่ง เย็น และ ไปได้ทุกสภาวะ
     
  10. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    โห....

    เสียดายนะนี้ ไม่ฝึกภาษาแขกหน่อยหรือ
     
  11. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เผื่อคนไทย ไม่เข้าใจ
     
  12. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    ผมได้ซื้อหนังสือของ ริชชี่ มาอ่าน
    ที่ชื่อ Richie it's not easy to be me
    อ่านจบแล้ว ขอเอาข้อมูลมาเปรียบเทียบกับของซัน
    เพราะผมก็อ่านหนังสือของซันจบแล้ว
    เพื่อนๆ ลองวิเคราะห์ตามไปด้วย

    1 ซัน และ ริชชี่ เป็นคนไทยเหมือนกัน และเป็นเพศชายแท้ๆ
    และนับถือพระพุทธศาสนา

    2 ซัน จะ อายุมากกว่า ริชชี่ประมาณ 5 ปี
    ตอนนี้ริชชี่อายุประมาณ 21

    3 ซัน และ ริชชี่ ไม่ได้ฝึกฌานหรือสมาธิ เพื่อได้อภิญญาต่างๆ
    แต่ได้มาเองเพราะอาจเป็นบุญเก่าที่ทำมา

    4 หนังสือของซัน ซันเป็นคนเขียนด้วยตนเองโดยถ่ายทอดประสบการณ์การเห็นเคราะห์กรรมและวิญญาณเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนเรื่อง บาป บุญ คุณโทษ ตอนนี้มี 3 เล่ม เล่มล่าสุด พ้นเคราะห์เพราะซัน
    แต่หนังสือของริชชี่ เขาไม่ได้เขียนเอง แต่มีคนเขียนโดย
    ติดตามชีวิตของริชชี่ในชีวิตประจำวัน และถ่ายทอดความเป็นมา อภินิหารย์ต่างๆ แต่จะอธิบายเพิ่มเติมแบบกึ่งให้ความรู้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์
    จะมี 3 เล่มเช่นกัน

    5 ซันอาศัยอยู่กรุงเทพ อยู่แถวฝั่งธน ข้างวัดภาวนาส่วนริชชี่อยู่เชียงใหม่

    6 ซันมีพี้นอ้ง 2 คน ซันเป็นคนโต ส่วนริชชี่ มีพี่น้อง 3 คน
    เขาเป็นคนสุดท้อง ชื่อเล่นพี่น้องของซัน และริชชี่ เป็นชื่อฝรั่งหมด
    คือซัน และน้อง ชื่อ บิ๊ก
    ส่วนพี่น้อง 3 คน ของริชชี่ ชื่อ โอนลี่ บิวตี้ และ ริชชี่

    7 บ้านซันจะเลี้ยงหมาและกุมารทองเป็นเพื่อน กุมารทองมี 6 ตัว ในตอนแรก
    ชื่อ แกละ จุก เงิน ทอง น่ารัก น่าเอ็นดู และเลี้ยงหมาชื่อ แบล็ค อัลเฟรต ซึ่งตายไปแล้ว และลักกี้
    ส่วนริชชี่ไม่ได้เลี้ยงอะไรเลย

    8 ครอบครัวซันเริ่มต้นจากการขายของกิน คือขายขนม
    และเจริญรุ่งเรื่องมาเรื่อยๆ
    ส่วนครอบครัวริชชี่ก็เหมือนกันขายของกิน
    เปิดสวนอาหาร และเจริญก้าวหน้ามาเรื่อยๆ

    9 ครอบครัวริชชี่ จะสอนธรรมให้ริชชี่ และพี่น้องตั้งแต่ยังเด็ก
    โดยเฉพาะคุณแม่ริชชี่ มักพาริชชี่ไปทำบุญ รักษาศีล และ
    นั่งสมาธิ
    ครอบครัวซันก็เหมือนกัน สอนธรรม และศีลธรรมให้ซัน
    และน้องตั้งแต่เด็กเลย โดยเฉพาะคุณแม่ซันมักพาซันเข้าวัด
    ทำบุญแถวระแวกบ้าน

    10 ซันและริชชี่ เรียนมหาลัยของรัฐบาลทั้งคู่ ซันเรียน
    คณะรัฐศาสตร์
    ริชชี่เรียนวิศวกรรม มหาลัยเชียงใหม่
    ซันจบปริญญาตรี รัฐศาสตร์การปกครอง และจบปริญญาโท
    จากอเมริกาอาชีพของซันที่บอกไว้ในหนังสือ คือ อาชีพทำบุญ
    ส่วนริชชี่ กำลังเรียนอยู่และเมื่อจบแล้ว ครูบาซึ่งเป็นพระผู้ทรงศีล
    ขอร้องให้ริชชี่มาบวชในวัดนั้นเพื่อช่วยเหลือผู้คน
    เพราะครูบาท่านนี้เห็นว่าริชชี่มีบุญมาก และเห็นองค์ในของริชชี่

    11 ซันมีองค์เทพคุ้มครอง คือ พระศิวะ ซึ่งมาปรากฏองค์
    ให้ซันเห็นถึง 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 2 มาหาซันตอนที่รูปปั้นท้าว
    มหาพรหมที่โรงแรมเอราวัณถูกคนบ้าทำลาย และองค์ท่าน
    ให้ซันเรียกท่านว่า พ่อใหญ่

    ส่วนริชชี่ มีองค์เทพคือ พระนารายณ์ซึ่งมาสื่อทาง
    จิตกับริชชี่ ตอนเขาอายุ 13 และบอกริชชว่า
    เราคือ องค์นารายณ์ และริชชี่ก็เรียกชื่อท่านแบบนี้
    ในหนังสือบอกว่า องค์นารายณ์นี้แท้ที่จริงก็เคยเป็น
    มนุษย์ธรรมดา
    มาก่อนและได้พำเพ็ยบารมีอย่างมาก เมื่อตายไปได้
    เป็นเทวดา และบำเพ็ญบารมีต่อจนได้เป็นมหาเทพ

    12 ทั้งริชชี่ และซัน เป็นผู้ชายที่หล่อและรูปร่างหน้าคาดีทั้งคู่เลยครับ
    มีสาวๆมาติดตรึม
    ทำไมน๊า คนมีองค์แต่ละคนหล่อๆกันทั้งนั้น ( รวมทั้งผมด้วย )
    แต่เรื่องความรัก ริชชี่ = lucky in love
    ซัน = broken heart

    13 ซันและริชชี่ก็เป็นที่รักของเพื่อนๆสมัยเรียน และชอบทำกิจกรรมของ
    โรงเรียนทั้งคู่เลย โดยริชชี่เป็นประธานรุ่นคณะ

    14 นิสัยส่วนตัว ของซันและริชชี่ คล้ายกันมาก คือ รักสนุก ขี้เล่น ร่าเริง
    และอารมณ์หวั่นไหวง่าย ซึ่งปรกติคิดว่าคนทีมีอภิญญา
    หรือองค์ในน่าจะเป็นคนเงียบขรึม เก็บตัว แต่นี่ไม่เป็นเช่นนั้น
    เพื่อนๆของริชชี่แทบไม่รู้เลยว่าริชชี่คือองค์อวตาร
    เพราะภายนอกเหมือนคนรักสนุก และออกจะติงต๊องด้วยซ้ำ
    ตามหนังสือเขียนไว้อย่างงั้น

    ส่วนซันจะติงต๊อง หรือไม่ ผมไม่ขอบอก แต่ขอพยักหน้าละกัน

    15 ทั้งซันและริชชี่ชอบงาน บันเทิง หรือออกสังคมเหมือนกัน
    โดยสมัยเรียนซันไปเดินแบบ ส่วนริชชี่เป็นพิธิกรรายการบันเทิง

    16 ซันและริชชี่ มีปณิธานเหมือนกัน ช่วยเหลือผู้คนให้พ้นทุกข์
    โดยทั้งคู่ก็เปิดบ้านตนเองเพื่อช่วยเหลือคน และไม่คิดเงินกับผู้
    มาขอความช่วยเหลือ

    17 ประเด็นต่อไปนี้ น่าสนใจมาก
    ผมเชื่อว่าซันเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่บำเพ็ญบารมีด้วย
    การเวียนว่ายตายเกิดมาเหมือนพวกเราๆ

    แต่ริชชี่นี้ต่างไป ในหนังสือบอกว่า ริชชี่เป็นองค์อวตาร
    ของพระนารายณ์ แบ่งภาคลงมาสร้างบารมี และช่วยเหลือสัตว์โลก
    การแบ่งภาค นี้ในหนังสือบอกไว้ว่า มี 2 แบบ

    แบบแรกคือแบ่งดวงจิตจากองค์นารายณ์มาโลกมนุษย์
    เพื่อทำหน้าที่ต่างๆ เมื่อเสร็จหน้าที่ก็กลับไปรวมร่างเหมือนเดิม
    โดยไม่ต้องรับกรรม

    แบบสอง คือการ อวตาร คือแบ่งภาคมาเกิดเพื่อทำหน้าที่
    แต่ดวงวิญญาณจะเป็นของเขาเอง มีกรรม วิบากเหมือนคนทั่วไป

    ริชชี่ได้เล่าอดีตชาติของตนเอง ว่า ก่อนภพชาตินี้เคยเกิดเป็น
    ทหารสมัยกรุงศรีอยุธยา และตายตอน อายุ 70
    และไม่ได้มีอภิญญาใดๆ แต่ก่อนภพชาตินั้น
    เกิดเป็นฤาษีในช่วงหลังพุทธกาลไม่นาน
    มีฤทธิ์และช่วยเหลือคน เหมือนตอนเป็นริชชี่ในชาตินี้
    และถ้าผมจำไม่ผิดนะครับเมื่อตายแล้วได้ไปรวมกับพระนารายณ์

    ส่วนซันไม่ได้เล่าอดีตชาติของเขา กล่าวเพียงแต่เคยผูกพันกับ
    หม่อมย่าในสมัย ร 5 และ อีกคน เอ๊ย อีกตนคือ พี่ใบ้ หรือ ขุนอารักษ์
    เป็นวิญญาณใหญ่ร่างมืดๆ ที่มาคอยอารักขาซัน
    และน่าเชื่อว่าซันน่าจะเคยเป็นทหารในสมัยกรุงศรีก็เป็นได้

    18 ที่บ้านของซันและ ริชชี่ จะมีน้ำมนต์ไว้ช่วยรักษาโรค
    โดยในหนังสือริชชี่ อธิบายว่า การที่คนป่วยเป็นโรคเพราะใน
    ร่างกายไม่สมดุลของธาคุต่างๆ และน้ำจะมีคุณสมบัติช่วย
    สร้างสมดุลใด้
    แต่น้ำนั้นต้องมีพลังสูงมาก ซึ่งต้องได้จากผู้มีพลังจิตสูง
    ประมาณนี้

    19 ในหนังสือของริชชี่ได้ให้ความรู้เรื่องต้นตาลด้วย
    เพราะต้นตาลจะเป็นเครื่องรับส่งพลังไปยัง 3 ภพ คือ
    โลก สวรรค์ และบาดาล เหมือนเสารับส่งคลื่นวิทยุนั่นเอง

    20 ผู้ที่มาให้ซันและริชชี่รักษา จะมีกรณีคล้ายๆกัน
    คือ 1 เป็นโรคหรือวิบากกรรมที่เกิดจากวิบากกรรมของตนเอง
    2 เป็นโรคหรือวิบากกรรมที่เกิดจากเจ้ากรรมนายเวร
    3 เป็นโรคหรือวิบากกรรมที่เกิดจากวิญญาณร้ายเล่นงาน
    4 เป็นโรคหรือวิบากกรมกรรมที่เกิดมนต์ดำ คุณไสย์
    และส่วนมากทั้งซันและริชชี่จะทราบสาเหตุที่มาของกรรม
    และได้บอกวิธีแก้ได้

    21 ซันและริชชี่มีความสามรถทางอภิญญาที่คล้ายกัน คือรู้อดีตชาติ
    รู้อนาคต รู้ความคิดคน รู้พิธีกรรมต่างๆ ติดต่อเทพ วิญญาณได้
    แต่ของริชชีจะดูหวือหวากว่ามาก คือสามารถทอดกาย
    ทิพย์ไปช่วยคนในหมู่บ้านเพื่อขุดแหล่งน้ำได้
    และตอนเป็นกายทิพย์สามารถเสกอาวุธต่างๆ
    ที่ต้องการเขาเสกเครื่องเจาะ มาเจาะน้ำใต้ดิน

    22 สิ่งที่ซันไม่ชอบมากๆ คือเสียงนาฬิกาปลุกและเสียงเครื่องปั่น
    น้ำผลไม้ซันฟังทีไรแทบหมดแรง อ่อนเปลี้ย
    ส่วนริชชี่ยังไม่พบว่าเขามีจุดอ่อน

    23 ซันและริชชี่ ทำหน้าที่หมือน อนุญาโตตุลาการ
    คือเป็นผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างผู้ที่มาขอความช่วย
    เหลือกับเจ้ากรรมนายเวรของคนนั้น
    และบอกสาเหตุและวิธีแก้ไขเพื่อให้เจ้ากรรมนายเวร
    อโหสิกรรมให้ ริชชี่ จะบอกให้คนนั้นนั่งสมาธิ
    เพื่อส่งจิตไปบอกเจ้ากรรมนายเวร

    การนั่งสมาธิเพื่อติดต่อเจ้ากรรมนายเวรนี้
    ริชชี่บอกว่าควรนั่งในช่วงกลางวัน
    เพราะกลางวันพลังจิตคนเราเข้มแข็งกว่า
    ส่วนกลางคืนร่างกายจะอ่อนล้าจาการทำงาน
    พลังจิตจะอ่อนล้าไปด้วย
    และพวกสัมภเวสีอาจมาแย่งบุญไป

    ส่วนซันจะนั่งสมาธิหรือทำบุญตอนกลางคืน คือช่วงเที่ยงคืน
    เพราะเป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างวัน

    24 เรื่องที่ซันสามารถช่วยคนได้แบบปาฏิหารย์ที่สุด
    คือช่วยผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายให้หายได้
    ส่วนริชชี่ก็สามารถช่วยคนเป็นโปลิโอให้กลับมาเดินได้ปรกติ

    25 ริชชี่สามารถทำอะไรหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน คือครั้งหนึ่ง
    ริชชี่ไปบ้านของผู้หญิงคนหนึ่ง ขณะที่นั่งคุยกับเจ้าของบ้าน
    ริชชี่ก็ถอดกายทิพย์ไปคุยกับเจ้าที่บ้านนั้น
    ส่วนซัน ไม่ได้บอกถึงเรื่องถอดกายทิพย์ แต่เขาสามารถอ่าน
    ใจตนพร้อมๆกันได้

    26 ซันและริชชี่ เมื่อมีปัญหาต่างๆในการช่วยคน หรือหาวิธีแก้ไม่ได้
    ทั้งคู่ก็อธิษฐานถึงองค์เทพของตนเพื่อให้ช่วยหาทางแก้ไข

    27 ในบางครั้ง การช่วยคนชองซันและริชชี่จะรับเคราะห์ร้ายจาก
    ผลกรรมที่ไปช่วยคนอื่น
    ซันเคยป่วยล้มหมอนนอนเสื่อเป็นอาทิตย์
    ส่วนริชชี่ถูกลูกเหล็กกลมๆฝังในร่าง จากการไปช่วยคน
    ต้องให้องค์เทพมาช่วยดึงออกให้

    28 เรื่องที่ซันเสียใจมากคือ ตอนที่พบผู้หญิงคนหนึ่งโดยบังเอิญ
    และเห็นทางในว่าอนคตเธอประสบอุบัติเหคุทางรถยนต์จนเสียชีวิต
    ซึ่งซันก็ได้เตือนเธอแล้ว และบอกวิธีแก้ด้วยโดยไม่ให้ขับรถออก
    นอกเส้นทางปรติที่ใช้ประจำวัน
    และตอนนั้นซันไปเมืองนอก และกลับมารู้ว่าเธอเสียชีวิตแล้ว
    เพราะขับรถนอกเส้นทางที่ซันเคยห้ามไว้
    ซันจึงเสียใจมาก

    ส่วนริชชี่ก็เสียใจมากเรื่องที่เพื่อนของเธอที่เรียนมาด้วยกัน
    ต้องมาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ ซึ่งริชชี่ไม่สามารถ
    ช่วยอะไรได้เขาจึงเสียใจมาก

    30 เรื่องวิญญาณที่ตายไปแล้ว ริชชี่บอกว่าถ้าตายอย่างกระทันหัน
    วิญญาณจะแตกออกเป็นหลายร่าง และจะไม่รู้ว่าตัวเองตาย
    และได้ทำกิจวัตรประจำวันตามปรกติ จนกว่าวิญญาณนั้นจะ
    รวมร่างกันได้ครบ จึงรู้ว่าตัวเองตาย คล้ายๆกับหนังเรื่อง
    Sixth Sense เลยครับ

    ส่วนของซันก็มีกรณีคล้ายกัน คือคุณป้าซึ่งเป็นเพื่อนคุณแม่
    ของซันที่มักไปทำบุญด้วยกันบ่อยๆ ตอนซันยังเด็ก
    คุณป้านี้ได้เสียชีวิตไปแต่เธอไม่รู้ตัว และเป็นวิญญาณเดิน
    ไปวัดทำบุญตามปรกติ ซึ่งซันได้เห็นวิญญาณป้านั้น

    31 มีจุดที่ซันและริชชี่ต่างกัน คือซันเมื่อเห็นวิญญาณร้าย
    ก็เกิดอาการกลัวเหมือนคนทั่วไป ในหนังสือที่เขียนไว้
    คือตอนที่ซันไปเมืองนอกไปพักอยุ่กับเพื่อนที่โรงแรม
    และซันก่อนเข้าห้องพักได้ยินเสียงวิญญาณผี 2 ตนคุยกัน
    ซันกลัวมากและบอกว่าไม่เคยกลัวอะไรแบบนี้มาก่อน
    และได้เข่าห้องขึ้นเตียงไปคลุมโปง
    แสดงว่าซันยังมความเป็นคนธรรมดาอยู่มากเลย

    ส่วนริชชี่ต่างไป คือริชชี่จะไม่กลัววิญญาณ และยังไปปราบ
    วิญญาณร้ายด้วย หากเจอวิญยาณเกเร ริชชี่จะวิ่งไล่เตะกระเจิงเลย
    และบางครั้งก็ขอให้องค์เทพมาช่วยปราบ
    และริชชี่สามารถดูดวิญญาณให้เข้าไปในขวดหรือน้ำเต้าทิพย์ได้
    เพื่อเอาไปปล่อยในที่ที่วิญญาณนั้นควรอยู่
    โดยจะมีเทพบริวารของพระนารายณ์นำขวดนั้นไปปล่อย

    ขวดหรือน้ำเต้าทิพย์ ถ้าเราเคยดูหนังจีน เรื่อง 8
    โป๊ยเซียน ที่หัวหน้าเซียนถือน้ำเต้าไว้ดูดวิญญาณเข้า
    ในน้ำเต้าได้

    และครั้งหนึ่งริชชี่เคยถอดกายทิพย์ไปปราบอสุรกายร่าง
    ใหญ่คลุมหลังคาหมู่บ้านจัดสรรค์ในกรุงเทพ ซึ่งมันคอยจับ
    คนในหมู่บ้านกิน
    โดยจะฆ่าคนที่อาศัยนั้นตายไปเรื่อยๆ จนพวกเขาต้องมาหาริชชี
    ให้ช่วย ริชชี่ก็ไปเจรจา และก็ปราบอสุกายนั้นสำเร็จ

    ริชชี่จะสู้ผีร้ายได้หมดเลย ทั้งผีปอบ ที่เป็นปอบหยิบเหมือน
    ในหนังเลย ที่ทำมือเหมือนหยิบของ พวกนี้จะหน้าตาน่ากลัว
    ร่างเล็ก เหมือนนกฮูกกับหนู และมันสามารถแบ่งตัวออกมา
    ได้เรื่อยๆ ตายแล้วแบ่งตัวออกมาอีก พวกนี้น่ากลัวมาก

    และริชชี่สามารถบอกได้ว่าตำหนักทรงเจ้าทั้งหลาย เทพที่มาทรงนั้น
    เป็นองค์จิรงหรือปลอม ริชชี่เยไปตำหนักหนึ่งซึ่งเป็นลือกันว่าเป็น
    ตำหนักเทพ มีคนมาเคารพสัการะมากมาย เมื่อร่างทรงนั้น
    เห็นริชชี่ และเห็นองค์ในเป็นพระนารายณ์ ก็ร้องไห้บอกว่า
    อย่าทำอะไรเขาเลย เขาเป็นผีหนีมาจากนรกซึ่งทรมานมาก
    และเขาก็รับเงินจากผู้คนไม่มากนัก ขอแค่พออยุ่พอกิน

    32 ริชชี่สมารถดูพระเครื่องได้ว่ามีพลังแฝงอยุ่หรือไม่ แล
    สามารถ
    บอกว่าสถานที่หรือวัตถุโบราณมีอายุเท่าไหร่ สร้างมาปีไหน
    ใครผู้สร้าง ซึ่งเจ้าของวัตถุโบราณยอมรับว่าจริง

    33 ในหนังสือทั้งของซันและริชชี่ไม่ได้มีบทไหน เชิญชวนให้ใครมา
    นับถือองค์เทพ หรือสอนให้คนมายึดมั่นในพิธีกรรมต่างๆเลย
    เพียงแค่บอกประวัติที่มาและความสัมพันธฺกับองค์เทพเท่านั้น
    ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขา
     
  13. บุคคลทั่วไป 1 คน

    บุคคลทั่วไป 1 คน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +7
    ของปัจจุบันมันก็เกิดอยู่แล้วใช่ครับ ก็ดูมันอยู่
    แต่ยังมี processing time เหลือก็เลยกะว่าจะไปเอาของเก่าๆ กลับมาลองดูด้วย :)
    ตกลงมันไม่ถือเป็นกุศลจิตหรือครับ? เป็นตัณหาที่ดีเหมือนที่เราปฏิบัติอาณาปานสติ?
     
  14. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    คนในเว็บนี้นะคะ เกือบ ทั้งหมด ไม่ธรรมดา เหมือนกัน

    เพียงแต่ จุ๊ จุ๊ เขาไม่พูดกัน...เพราะ การช่วยคนไม่ต้องเสียงดังก็ได้

    เพราะ อะไรรู้หรือเปล่า?.....ไม่บอกเก็บเอาไว้รู้คนเดียว นะเอย นะเอย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2008
  15. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ที่พี่ทำอยู่ก็เจ๋งแล้วครับ :d
     
  16. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ครับ หนังสือ ซัน ผมก็ไปอ่านมาแล้ว

    บทแรกๆ นั้นต้องเขียนอ้างอิงบุคคล เชื้อชาติ เพื่อให้เกิดน้ำหนัก

    บทที่สอง ก็อาศัยองค์เพื่อให้เกิดน้ำหนัก

    บทที่สาม ก็อาศัยยักษ์เพื่อให้เกิดน้ำหนัก

    หลังจากนนั้นก็ปล่อยไปเรื่อยๆ

    ของริชชี่นั้น ถึงแม้จะยกไตรสรณะ แต่ทุกบทไม่ทิ้งครูเลย คือ องค์นารายณ์
    ก็คงเป็นเพราะการตระหนักว่า ตนมากไหน

    แต่การยึดไตรสรณะนี้ ต้องพิจารณาให้มาก ในสมัยพุทธกาลนั้น ลัทธิมีมาก
    มากว่า 6 ลัทธิหลักๆ แต่ที่ไม่ปรากฏ ปรากฏแต่ว่าสำนักฤาษี สำนักนิครณฑ์
    ก็เพราะไม่ใช่ลัทธิหลัก และหลังจากเกิด พุทธศาสนาแล้ว ก็ธรรมดาที่ลัทธิ
    เหล่านั้นก็จะยกศาสนาพุทธขึ้นอ้าง เพื่อให้คนไม่ไปจากตน ไม่ให้ศรัทธาเสีย
    ไปจากตน
     
  17. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    วันไหนติด มาถาม อ.ขันธ์ นะวันนี้นะครับ

    รอยกรรมรอยเกวียน แต่ต่างโค กับ เกวียนที่จงใจบรรทุก
     
  18. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    สันโดษ มีองค์ พระเเม่อุมาเทวี

    และรู้จัก เทพ และ พระอริยะเจ้ามากมาย

    ทุกองค์ คุย ด้วยหมด ตั้งแต่ เทพเเละมาร

    มีเพื่อนอีกคน ชื่อ ขุนพลก็เป็นเหมือนกัน นะเอย นะเอย
     
  19. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230

    ******************

    สงสัยเรื่องการแบ่งภาคแบบนี้ รบกวนอธิบายได้หรือเปล่าคะ ว่าหมายความว่าอย่างไร ทำไมดวงวิญญานของการแบ่งภาคขององค์เทพนั้น ถึงเป็นดวงวิญญานของเขาเอง ไม่ใช่จิตที่ถูกแบ่งมาจากองค์เทพ องค์นั้นหรือคะ อันนี้สังสัยเฉย ๆ นะคะ ใครให้คำตอบได้บ้าง
     
  20. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870

    จิตของมหาเทพ เป็นเพียงแค่จิตที่ละเอียด

    ดังนั้น เมื่อมนุษย์ ผู้ใด ให้กำเนิด ร่างกายสังขาร

    เทพจะเลือก สังขาร ที่สะอาดและมีคุณธรรมภายในจิตใจ

    เพื่อที่จะสอน ให้ได้รู้ว่า นิพพาน คือ อะไร

    หากบุญวาสนามีมากพอ ก็จะได้กลับสู่ นิพพาน ในไม่ช้า

    หากประสงค์ ที่จะช่วยเหลือ วไนยสัตว์ ก็ จะเป็น พระโพธิสัตว์

    แต่ จิตเทพ ที่เเบ่งภาคมา มาเพื่อสอน มนุษย์ ผู้นั้นเพียงผู้เดียวคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...