พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

<table class="tborder" id="threadslist" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody id="threadbits_forum_15"><tr><td style="cursor: default;" id="td_threadtitle_22445" images="" smilies="" tongue-smile.gif="" border="0" alt="" title="พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ถ้าต้องการที่จะได้......................<O<img src=" smilieid="24" class="alt1">พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... (10 คน กำลังดูอยู่) ( 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ... หน้าสุดท้าย)
sithiphong
</td> <td class="alt2" title="จำนวนตอบ: 16,541, จำนวนอ่าน: 378,471">

วันนี้ 08:16 PM
โดย :::เพชร::: ​

</td> <td class="alt1" align="center">16,541</td> <td class="alt2" align="center">378,471</td></tr></tbody></table>

 

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo
อ่าไม่ทราบครับท่านเพชร รบกวนส่งมาให้ดูชัดๆที่บ้านหน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ555555(smile)

ผมขอนิมนต์ครับ

.

 

มี pm มาถามผม ผมขอนำมาตอบหน้าบอร์ด เป็นธรรมทานครับ

อ้างอิง:

<table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="border: 1px inset ;">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ......
ได้อ่านบทความของท่านบางส่วนแล้วแต่เห็นมีมากมายหลายๆหน้ามากเลยไม่สามารถอ่านได้จนครบได้ความรู้ดีครับผมพอดีมีสมเด็จกรมท่าอยู่จำนวนหนึ่งลักษณะเหมือนกันกับของคุณsithiphong มากเลยเกิดความตื่นเต้นเห็นว่าเรามีแต่ยังมีอีกมากมายหลายพิมพ์มากซึ่งไม่พบในตามท่ท่านsithiphongได้Postอาไว้จึงใคร่อยากเรียนถามว่า
1.มีพิมพ์ยาวๆเหมือนไพ่ตองบ้างไหม
2.มีแบบสมเด็จม้วนสีขาวขนาดเท่าหัวแม่โป้งเรียงร้อยเป้นลูกประคำ 108 เม็ดบ้างหรือไม่
3.มีแบบไม้เท้าและติดพระสมเด็จอยู่บ้างหรือไม่
4.มีบาตรน้ำมนต์มีฝาปิดโดยรอยติดพระสมเด็จกรมท่าอยุ่หรือไม่
5.มีรูปหล่อลอยองค์สมเด็จฝังพลอยขนาดเท่าคนจริงบ้างหรือไม่
6.มีสมเด็จขนาดใหญ่ขนาดราวๆกระดาษA3หรือใหญ่กว่าเล็กน้อยฝังพลอยสีบ้างหรือไม่
7.มีสมเด็จขนาดกลางขนาดประมาณฝามือฝังพลอยสีบ้างหรือไม่
8.มีไม่ครูมีจารติดสมเด็จบ้างหรือไม่
9.มีพิมพ์แปลกๆแต่ได้มารุ่นเดียวกันที่เดียวกันมีหลากหลายสีมากมายบ้างหรือไม่

ขอบคุณครับ
</td> </tr> </tbody></table>
โอ้โห คำถามเยอะจริงๆ
ผมขอไปตอบหน้าบอร์ดนะครับ จะได้เป็นธรรมทานกับท่านอื่น แต่ผมจะไม่แจ้งว่า ใครเป็นผู้ถาม

.

 

ยังมีพิมพ์อื่นอีกมากมายที่บางท่านไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่เคยเห็นไม่ได้หมายความว่าไม่มี แท้จริงมีมากมายกว่าที่ท่านคิดเอาไว้มาก คุณหนุ่มห้ามผม post หลายต่อหลายครั้งในหลายต่อหลายภาพแล้ว ครั้งนี้จำเป็นต้องเปิดเผยกันแล้วครับ ในหมวดพระเครื่องนี้ผมคิดว่าชื่อหมวด "พระเครื่อง" ก็ชัดเจนอยู่แล้วในตัว หากไม่ได้สนใจพระเครื่องก็คงจะไม่เข้ามากัน โดยเฉพาะกระทู้พระวังหน้านี้ ถูกโจมตีมากที่สุด ดังนั้นผมไม่สนใจว่าท่านจะมอง หรือพิจารณาพระเครื่องเป็นพุทธานุสสติหรือไม่ จะเป็นเพราะทำบุญเพราะหวังพระหรือไม่ก็ตาม ผมเชื่อว่าวันหนึ่งข้างหน้าในวาระที่เหมาะสม ท่านผู้ที่ทำบุญเพราะหวังพระเครื่องอาจจะด้วยจิตที่ผูกพันกับพระอาจารย์ หรือหลวงพ่อองค์ใดองค์หนึ่ง หรืออาจจะด้วยจิตที่ศรัทธาต่อปฏิปทาของพระองค์ใดองค์หนึ่ง วันหนึ่งเมื่อเขาผู้นั้นมีสภาวธรรมที่สูงขึ้น ผู้ที่ยึดติดกับภาพพระพุทธเจ้า ก็เป็นกำลังพุทธานุสสติ ยึดติดกับพระธรรมก็เป็นกำลังธรรมมานุสสติ ยึดติดกับพระสงฆ์องคเจ้าก็เป็นกำลังสังฆานุสสติ เมื่อพระเครื่ององค์นั้นที่เขายึดนั้นได้"โน้มนำ"ให้เขาใฝ่ในธรรม ระลึกถึงเหตุของการได้มาซึ่งพระเครื่ององค์นี้ เขาก็จะเข้าถึงกุศลทานที่เคยได้กระทำมาในอดีตที่ผ่านมา และจะโน้มนำให้เขาเข้าถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ได้เอง และเมื่อภูมิธรรมสูงขึ้น เขาจะพิจารณาถึง "แก่น" ได้เองว่ามีพระเครื่องเป็นหมื่นเป็นแสนองค์ สุดท้ายก็ไม่สามารถนำไปได้แม้แต่องค์เดียว แต่เมื่อเวลานี้เขาผู้นั้นยังสนุกกับการเสาะแสวงหา"องค์พระประจำตัว"อยู่นั้นก็ไม่ได้ผิดอะไรครับ เพียงจะเสียเวลาไปเท่านั้น

ดังนั้นผู้ที่จะค้านในเรื่องของความจริงจังในความสนใจพระเครื่องก็คงต้องพิจารณาว่าประเด็นนี้อยู่ในหมวดพระเครื่อง ไม่ได้ไป post สุ่มสี่ สุ่มห้า post ในกระทู้ท่องเที่ยว และอาหารการกิน และอีกอย่างเพื่อนๆในหมวดนี้เขาก็ไม่ได้"บ้า"พระเครื่องแต่เพียงอย่างเดียว แต่ได้นำหลักธรรมคำสอนของพระสงฆ์องคเจ้าที่เขานับถือในปฏิปทามาให้อ่าน หรือทราบกัน จึงขอได้โปรดเข้าใจตามนี้ด้วยครับ เช่นกันหากเป็นหมวดกรรมฐานเราก็คงจะไม่ไปบอกเล่าเรื่องพระเครื่องในหมวดนั้น แต่ใช่ว่าจะเจริญกรรมฐานโดยไม่พิจารณาภาพพระพุทธเจ้า จะไม่ระลึกทบทวนพระธรรมคำสอน จะไม่พิจารณาภาพพระสงฆ์องคเจ้าแต่อย่างใด เพราะเหตุว่ากรรมฐานมี ๔๐ กอง ท่านจะพิจารณากองไหนก่อนก็เป็นเรื่องของคนคนนั้น

ผมได้รับพระผงองค์แรกจากคุณพ่อของผมซึ่งไปในงานศพของเพื่อนเขาเมื่อ ๓๗ ปีก่อน ปัจจุบันพระผงองค์นี้ผมก็ยังเก็บรักษาไว้อยู่ ไม่เคยได้นำมาคล้องคอเลย ด้วยความที่ไม่ใช่พระที่สวยงามอะไรเลย และพูดง่ายๆคือเป็นของวัดที่ไม่ดัง ไม่นิยม แต่ด้วยวัย ๗ ขวบนั้นผมก็นำมาส่องดู จากนั้นก็ตามอ่านเรื่องราวของพระเครื่องเท่าที่จะหาได้ จบปี ๔ ทำงานได้ครั้งแรกก็นั่งรถทัวร์ไปเหนือล่องใต้ไปตามวัดต่างๆที่ลงในหนังสือมหาโพธิ์ หรือศักดิ์สิทธิ์บ้าง ก็ไปตามเก็บตามบูชาพระเครื่องที่ลงโฆษณาในหนังสือเหล่านั้น ปัจจุบันเหลือไม่กี่วัดที่เก็บสะสมเอาไว้เพื่อทำบุญบ้าง แจกเขาบ้าง ก็มีความสุข และสนุกดี

ผมคิดว่าในเมื่อเราจะศึกษาเอาดีทางพระเครื่องนี้กัน ก็น่าจะจริงจังให้รู้กันไปเลย ว่าที่มาที่ไปมาจากไหน พยายามหาข้อมูลทั้งมวลสาร พิธี พระผู้เสก จำนวนการจัดสร้าง เมื่อก่อนผมก็เป็นประเภท"ลุยถั่ว"ครับ เก็บไปเรื่อย ทั้งถูก ทั้งแพง จนสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าพระทั้งหมดมีที่มายังไง น้องๆเพื่อนๆลูกหลานมาถามเรา เราก็ตอบไม่ได้ คือพูดง่ายๆว่าเก็บไปเรื่อยๆ แบบนี้ไม่สนุกครับ จึงขอให้กำลังใจเพื่อนผู้สนใจศึกษาพระวังหน้าให้อดทน รอคอย หมั่นศึกษาจากข้อมูลแหล่งต่างๆ ฟังหูไว้หู อ่านให้มาก ฟังให้มาก พูดให้น้อย ต้องรู้จักขวนขวาย ลงทุนซื้อหาหนังสือหนังหาอ่านให้เข้าใจอย่างถ่องแท้กลับไปกลับมา ทดสอบความรู้ สอบถามผู้รู้(ต้องรู้ว่ารู้จริงๆ ไม่ใช่ประเภทไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้) ทบทวนความรู้นั้นบ่อย และแบ่งปันความรู้นั้น หากไม่แบ่งปันความรู้ใหม่ๆที่เรายังไม่รู้จะเข้ามายังไง...

ก็ขอให้สมความปรารถนาในการเสาะแสวงหาพระวังหน้า วังหลวงแท้ๆมาบูชาเป็นพุทธานุสสติซักองค์นะครับ

 

1.มีพิมพ์ยาวๆเหมือนไพ่ตองบ้างไหม
พระพิมพ์ที่ยาวเป็นเหมือนไพ่ตอง มีครับ ของแท้ เท่าที่ทราบตอนนี้ มีการสร้างขึ้นมา น่าจะ 2 ครั้ง ครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 3 อีกครั้งสมัยรัชกาลที่ 5ครับ มีทั้งลงรักปิดทอง และไม่ลงรักปิดทอง ยังมีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กครับ

2.มีแบบสมเด็จม้วนสีขาวขนาดเท่าหัวแม่โป้งเรียงร้อยเป้นลูกประคำ 108 เม็ดบ้างหรือไม่
สมเด็จม้วน มีจริงๆครับ มีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก

3.มีแบบไม้เท้าและติดพระสมเด็จอยู่บ้างหรือไม่
ผมไม่เคยเห็นครับ

4.มีบาตรน้ำมนต์มีฝาปิดโดยรอยติดพระสมเด็จกรมท่าอยุ่หรือไม่
ไม่เคยเห็นครับ

5.มีรูปหล่อลอยองค์สมเด็จฝังพลอยขนาดเท่าคนจริงบ้างหรือไม่
มีครับ แต่ว่าจะเป็นการสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2451

6.มีสมเด็จขนาดใหญ่ขนาดราวๆกระดาษA3หรือใหญ่กว่าเล็กน้อยฝังพลอยสีบ้างหรือไม่
มีอีกเช่นกัน เป็นพระที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2451

7.มีสมเด็จขนาดกลางขนาดประมาณฝามือฝังพลอยสีบ้างหรือไม่
ก็มีอีกเช่นกัน สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2451

8.มีไม่ครูมีจารติดสมเด็จบ้างหรือไม่
ไม่เคยเห็นแฮะ

9.มีพิมพ์แปลกๆแต่ได้มารุ่นเดียวกันที่เดียวกันมีหลากหลายสีมากมายบ้างหรือไม่
เรื่องของพิมพ์พระวังหน้าหรือวังหลวง บอกได้เลยว่า มีเป็นร้อยพิมพ์ ยกตัวอย่างแค่ พิมพ์2408 8 พิมพ์ และ 44 พิมพ์ พิมพ์ 2411 แต่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2451 44 พิมพ์ แค่นี้ก็เกือบร้อยพิมพ์แล้ว ยังมีพิมพ์อื่นๆอีก พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่าก็มากกว่า 10 พิมพ์แล้วครับ

แต่มีของแท้ ย่อมมีของเก๊ ให้ระวังด้วยนะครับ

หวังว่าคงไม่โกรธผมนะครับที่ไม่ได้ตอบทาง pm เพราะว่าจะได้ให้ท่านอื่นๆ ได้ทราบกันด้วยครับ

ขอบคุณและโมทนาสาธุครับ่

.

 

มาบอกเรื่องของจำนวนพระพิมพ์ในแต่ละพิมพ์นิดนึง

ผมทราบว่า มีหลายๆท่านที่เป็นรายใหญ่เก็บพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า บางท่านมีเป็นแสนองค์ บางท่านมีหลายแสนองค์ บางท่านมีเป็นหมื่นองค์ เพียงแต่ผมยังไม่ทราบว่า ท่านเหล่านั้นเป็นใคร พยายามสืบอยู่แต่ยังไม่ได้ผลเลย

บางท่านเก็บไว้แล้วทำเป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวก็มี ผมพยายามจะไปเยี่ยมท่านนี้ให้ได้อยู่ครับ


.

 

เรียน คุณเพชร(ผ่านคุณsithipong)
สนใจเรื่องวังหน้าครับ ผมอยู่จังหวัดติดกับกาฬสินธุ์ พอจะบอกที่ตั้งของวัดภูค่าวได้ไหมครับ อยากจะไปกราบนมัสการสักครั้งเพื่อซึมซับถึงความลี้ลับมหัศจรรย์แห่งปู่เทพโลกอุดรนะครับ
ขอบคุณ

 

เอ่อ ไม่ต้องผ่านผมก็ได้ครับ ถึงคุณเพชรโดยตรงได้เลย ไม่มีปัญหาใดๆ หรือถึงคุณnongnooo หรือท่านอื่นๆ ได้เช่นกัน

แต่เรื่องของหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรหรือสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี เพียงแค่เราศรัทธาอย่างจริงๆแล้ว หลวงปู่หรือสมเด็จโต ท่านอยู่ในใจของผู้ที่ศรัทธาท่านเสมอครับ

.

 

<table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead"> ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 15 คน ( เป็นสมาชิก 9 คน และ บุคคลทั่วไป 6 คน ) </td> <td class="thead" width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong, :::เพชร:::+, drmetta, eakbordin, narin96, nongnooo+, onimaru_u, viratn, บัวไข</td></tr></tbody></table>
โห เยอะจัง

สงสัยคุณเพชร นำภาพวัดภูค่าวมาลง เลยมาชมกันเยอะเลยครับ

.

 

<TABLE class=font_normal height=75 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=120 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD class=font_data width=50 height=20>ชื่อ</TD><TD class=font_data width=350 colSpan=2 height=20>อุโบสถวัดพุทธนิมิตร (อุโบสถไม้ วัดภูค่าว)</TD></TR><TR vAlign=bottom><TD class=font_data width=50 height=20>ภาค</TD><TD class=font_data colSpan=2 height=20>ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ</TD></TR><TR vAlign=bottom><TD class=font_data width=50 height=20>จังหวัด</TD><TD class=font_data colSpan=2 height=20>กาฬสินธุ์</TD></TR></TBODY></TABLE>


สถานที่ตั้ง ตั้งอยู่บน ภูค่าว บ้านนาสีนวล ต. นาสีนวล อ. สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ อยู่บนเนินเขาเข้าสู่วัดภูค่าว ระยะทางห่างจากอำเภอสหัสขันธ์ ๘ กิโลเมตร

สิ่งดึงดูดใจ
๑. อุโบสถวัดพุทธนิมิตร เป็นอุโบสถที่ก่อสร้างแบบภาคเหนือและภาคกลางผสมผสานให้กลมกลืนกัน เป็นอุโบสถเปิดโล่งไม่มีฝาผนังปิดกั้น
๒. ระเบียงปูด้วยศิลาแลงโดยรอบตัวอุโบสถทั้งหมดก่อสร้างด้วยไม้แกะสลักลวดลายไทยเป็นภาพ ๓ มิติ ที่มีความอ่อนช้อยงดงามวิจิตรด้วยฝีมือคณะช่างที่เชี่ยวชาญชำนาญการในศิลปะการแกะสลักจากตระกูลช่างเมืองเหนือ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย อ.สันป่าตอง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ และจ.ลำปาง
๓. ภาพหลักที่ปรากฏให้เห็นจะเป็นภาพเกี่ยวกับพุทธประวัติประกอบด้วยลายไทยเครือเถา ทิวทัศน์ป่า สรรพสัตว์นานา หน้าบรรณของอุโบสถหน้าหลัง และหลังคาด้านในจะเป็นภาพพระพุทธองค์ในปางต่าง ๆ ด้วยลีลาพระอิริยาบถต่าง ๆสายพระเนตรประดุจเพ่งตรงไปยังชาวโลก ด้วยพระเมตตาห่วงใยให้พ้นทุกข์บางภาพจะเกิดจากแนวคิดของพระอาจารย์ จากการบรรยายพุทธประวัติซึ่งยังไม่เคยปรากฏมีการแกะสลักหรือภาพวาดในที่ใด ๆ มาก่อน อุโบสถด้านหน้าทางทิศตะวันออกจะมีบานไม้แกะสลักหน้าหลังเป็นภาพมหาชาติเวสสันดรชาดก กัณฑ์ต่าง ๆ ๑๖ ภาพ ด้านทิศเหนือ และทิศใต้จะเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่ทศชาติชาดก เป็นการบำเพ็ญเพียรบารมีของพระพุทธองค์ทั้ง ๑๐ ชาติ สลับกับแนวไม้แกะสลักเกี่ยวกระหวัดพันเป็นลายดอกไม้โดยรอบอุโบสถ์ด้านหลังมีซุ้มประตู ๑๔ บาน ๑๑ ช่อง แกะสลักภาพต่อเนื่องทั้งบานร่องลึก , เชิงซ้อนหน้าหลัง เสาประตูแกะสลักเป็นลายไทยโบราณต่าง ๆ ส่วนยอดซุ้มประตูทุกบานแกะสลักเป็นพระราหูกับพญานาค ซึ่งมีความสวยงามประดุจชีวิตจริง
๔. บันไดทางขึ้นอุโบสถหน้าหลังนอกจากจะปูด้วยศิลาแลงแล้ว ที่หัวบันไดแกะสลักเป็นเทพเจ้า ประจำทิศทั้ง ๘ ทิศ แสดงให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่ว่าเป็นแหล่งชุมนุมเทวดาเพื่อปกปักษ์รักษาชาวโลกและฟังธรรมอันวิเศษ
๕. พื้นที่รอบอุโบสถเป็นสวนไม้ไทย ๆ ปลูกไม้ยืนต้นไว้เป็นจำนวนมาก เช่น สารภี ไม้กฤษณา โศก ลำดวน บุนนาค พันชาติ ลูกจันทน์ ฯลฯ เพื่อให้ร่มเงาแก่พุทธศาสนิกชนในการถือศีลภาวนาตามวาระโอกาสต่าง ๆ แนวรั้วรอบอุโบสถ จะมีซุ้มเรือนแก้ว ๔ ทิศ และไม้ทั้งต้นวางตามแนวของรั้วโดยตลอด

สิ่งอำนวยความสะดวก
อุโบสถ เปิดกว้าง สำหรับทุกคน ที่เข้ามาเยี่ยมชมได้จำนวนมาก ได้ศึกษาทั้งธรรมชาติและความสงบ มีบริเวณกว้างขวาง และสามารถเดินทางไปสักการะพระพุทธไสยาสน์ ถ้ำวัดภูค่าวได้ และเยี่ยมชมโบสถ์พระได้หลายอย่าง

เส้นทางเข้าสู่อุโบสถไม้วัดภูค่าว
เส้นทาง ลาดยางสะดวก จากจังหวัดกาฬสินธุ์เดินตามเส้นทางได้ ๒ สาย
๑. สายอำเภอเมือง-อำเภอสมเด็จ จากอำเภอสมเด็จ เลี้ยวซ้ายไปตามสายสมเด็จ-อ.สหัสขันธ์
๒. สายอำเภอเมือง-อำเภอสหัสขันธ์ เลี้ยวขวาไปตามทางสาย อ.สหัสขันธ์-อ.คำม่วง

http://ecurriculum.mv.ac.th/library2/religion/prapayneethai1/view.asp-id=0594.htm

ทึ่งวิหารอันซีน ติดพระเครื่อง กว่า 2 แสนองค์


ทึ่งวิหารไทยประดับพระพุทธรูปและพระพิมพ์กว่า 2 แสนองค์ เป็นศูนย์รวมพระดังที่หายากจากทั่วประเทศ อาทิ พระสมเด็จรุ่นที่ 1 พระรอด พระหลวงพ่อโต ซ้ำเจ้าอาวาสยังจำวัดในโลงศพ
วิหารสังฆนิมิตร วิหารประดับพระพิมพ์และพระพุทธรูป ตั้งอยู่ภายในวัดพุทธนิมิต หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดภูค่าว อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ เป็นวิหารที่ประดับด้วยพระพุทธรูปและพระพิมพ์ทั้งหลังที่มีมากกว่า 2 แสนองค์ สร้างโดยพระอาจารย์ณรงค์ ชยมงคโล เจ้าอาวาส ที่อดีตเคยธุดงค์ผ่านมายังวัดเมื่อ 16 ปีก่อน พบว่าบริเวณนี้เป็นวัดร้าง จึงได้เข้ามาปรับปรุงบูรณะปฏิสังขรณ์ จนกลายเป็นวัดที่มีความสวยงามร่มรื่น
นอกจากนั้นยังได้ก่อสร้างวิหารสังฆนิมิตร วิหารที่ประดับประดาด้วยพระพุทธรูปและพระพิมพ์หายาก ผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุของการสร้างวิหารพระสังฆนิมิตรนี้ พระอาจารย์ณรงค์ ชยมงคโล เล่าให้ฟังว่าไม่ได้ต้องการให้เป็นวัดที่มีชื่อเสียงหรือแปลกแต่อย่างใด แต่พระอาจารย์ณรงค์มีความชอบสะสมพระเครื่องและพระพุทธรูป รวมทั้งมีบุคคลที่ทราบว่าท่านชอบพระจึงนำมาถวาย
"ถ้าไม่นำมาทำให้เกิดประโยชน์ก็จะสูญเปล่าและสูญหายไปในที่สุด สิ่งที่บรรพบุรุษสร้างไว้ให้ก็ควรค่าแก่การเก็บรักษา ควรเก็บไว้ในที่ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ จึงได้นำพระที่เก็บไว้มาประดับวิหารแห่งนี้ ดีกว่าเก็บไว้ในกล่องในลัง เอามาสร้างให้เกิดประโยชน์ เพื่อให้ลูกหลานรุ่นต่อไปได้ศึกษา
พระพุทธรูปและพระพิมพ์ที่นำมาประดับประดาภายในวิหารแห่งนี้นั้น มีพระชื่อดังและพระที่หายากมากมาย อาทิ พระสมเด็จรุ่นที่ 1, พระหลวงพ่อโต, พระสมเด็จรัชกาลที่ 5, พระกริ่ง, พระรอด เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของเจ้าอาวาส และการบริจาคของผู้ที่ศรัทธา ส่วนทางด้านงบประมาณในการสร้าง เพียงแค่ด้านนอกของโบสถ์ใช้งบประมาณกว่า 5 แสนบาท แต่ในส่วนของพระพิมพ์และพระพุทธรูปที่นำมาประดับนั้นยากที่จะประเมินค่า สังเกตจากความดังและความหายากของพระที่นำมาประดับ
ผู้ที่เดินทางมาเยี่ยมชมภายในวิหารแห่งนี้ บางรายก็เป็นนักสะสมพระ โดยจะใช้เวลาทั้งวันเพื่อที่จะดูพระพิมพ์หรือพระพุทธรูปที่อยู่ภายในวิหาร หรือผู้ที่ไม่มีความรู้เรื่องพระเท่าไหร่ ก็จะเดินทางมาชมความประหลาดของวิหารแห่งนี้มากมาย โดยเฉพาะในวันเสาร์-อาทิตย์ มีผู้ที่เดินทางมาชมวิหารแห่งนี้ถึงวันละ 1,000 คน
ภายในวิหารไม่เพียงมีแค่พระพุทธรูปและพระพิมพ์ ยังมีพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ และรูปถ่ายของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระอาจารย์ณรงค์ ชยมงคโล บอกว่าได้มาจากผู้ใจบุญในประเทศอินเดียที่มามอบให้พระอาจารย์ประดับไว้ให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานความน่าอัศจรรย์ของวัดแห่งนี้อีกว่า พระอาจารย์ณรงค์ ชยมงคโล เจ้าอาวาสยังมีวิธีการจำวัดที่แตกต่างไปจากพระรูปอื่นทั่วๆ ไป คือจำวัดในโลงศพ ซึ่งท่านได้ให้เล่าถึงสาเหตุที่จำวัดในโลงศพว่า คนเราเกิดมาทุกคน จะยากดีมีจนมาจากไหน สุดท้ายก็ต้องลงไปนอนในที่แห่งนั้นทุกคน มิหนำซ้ำด้านหน้าของโลงศพ ซึ่งเป็นสถานที่จำวัดยังมีโลงแก้วที่บรรจุโครงกระดูกเอาไว้ เมื่อเวลาเราดูแล้วจะได้เกิดอาการปลงสังขาร ว่าสุดท้ายทุกคนต้องลงไปนอนในที่แห่งนี้ ทั้งนี้ พระอาจารย์ณรงค์ ชยมงคโล ปฏิบัติตนด้วยการจำวัดในโลงศพเช่นนี้มาตลอด 16 พรรษา ที่วัดพุทธนิมิตแห่งนี้.
http://www.kapook.com/news/07/4837.html
เมื่อออกจากสกลนครเราแวะไปกาฬสินธุ์ ชมพระพุทธไสยาสน์ตะแคงซ้าย ไม่มีพระเกตุมาลาที่วัด พุทธนิมิต(วัดภูค่าว) บ้านนาสีนวล พระพุทธรูปนี้เป็นพระนอนในท่าตะแคงซ้าย ไม่มีเกตุมาลา ต่างจากพระพุทธรูปอื่นที่จะตะแคงขวา ความยาวของพระพุทธไสยยาสน์ประมาณ 2 เมตร กว้าง 50 เซนติเมตรเป็นที่เคาระสักการะของประชาชนทั่วไป

ภายในวัดแห่งนี้มีวิหารสังฆนิมิตร ซึ่งเป็นที่เก็บพระพุทธรูปและพรเครื่องรุ่นต่างๆ ที่หายากจำนวนเรือนแสน มีไม้ที่แกะสลักสวยงาม เปิดให้ประชาชนที่สนใจเข้าชมได้ทุกวัน

ต่อมาเราไปที่ภูกุ้มข้าว วัดป่าสักกะวัน อ.สหัสขันธ์ ห่างจากวัดภูค่าวไม่มากนัก ได้เห็นการขุดพบซากฟอสซิลไดโนเสาร์ เมื่อปี 2514 โดยพระญาณวิสาลเถร (พระครูวิจิตรสหัสคุณ) เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน ภายในมีกระดูกไดโนเสาร์ที่ขุดพบเป็นจำนวนมากในชั้นหินทราย อายุประมาณ 130 ล้านปี ประกอบด้วยไดโนเสาร์ซอโรพอด อย่างน้อย 7 ตัวพร้อมชิ้นส่วนที่สมบูรณ์

จาก ต.สหัสขันธ์ มายัง ต.ภูปอ เพื่อไปมนัสการพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ซึ่งเป็นฝีมือช่างสมัยทวารวดีที่วัดอินทร์ประทานพร(พุทธสถานภูปอ) จำหลักบนหน้าผา 2 องค์ องค์แรกประดิษฐานอยู่บนเชิงทางขึ้นองค์ที่ 2 ประดิษฐานอยู่บนภูปอ ใช้บันไดเป็นเส้นทางในการเดินขึ้นไปบนภูปอถึง 400 ขั้น

บนยอดหุบเขาภูปอมีทิวทัศน์ที่สวยงามมากเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ
http://user.ezyplaces.com/store.php?user=sutawit&action=productsdetail&productsid=7681

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>
อุโบสถไม้ วัดพุทธนิมิตร (วัดภูค่าว)
......................................................................................


วัดพุทธนิมิตร (วัดภูค่าว)
บ้านนาสีนวล ต.สหัสขันธ์
อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ 46140

พระอาจารย์ณรงค์ ชยมงฺคโล เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน

วัดพุทธนิมิตร (วัดภูค่าว) เป็นวัดที่เหมาะสำหรับเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมยิ่ง บรรยากาศของวัดมีความร่มรื่น เงียบสงบ สงบเย็น เป็นที่ประดิษฐานของ “พระพุทธไสยาสน์ภูค่าว” ซึ่งเป็นพระพุทธไสยาสน์ที่แปลกแตกต่างกับพุทธไสยาสน์ทั่วไปคือ ท่าตะแคงซ้าย ไม่มีพระเกตุมาลา ยื่นอยู่ใต้เพิงหินผนังถ้ำ ลักษณะเป็นภาพแกะสลักนูนต่ำสูงขึ้นมาจากแผ่นหิน


พระประธานในอุโบสถ และภาพแกะสลักพุทธประวัติบนฝ้าเพดาน
......................................................................................


สันนิษฐานว่าช่างผู้สร้าง “พระพุทธไสยาสน์ภูค่าว” คงไม่ได้คำนึงว่าการสร้างรูปพระนอนโดยตะแคงขวาหรือซ้ายเป็นเรื่องสำคัญ แต่คำนึงถึงทิศทางหันพระเศียรให้อยู่ค่อนไปทางทิศเหนือซึ่งเป็นทิศที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระนอนองค์นี้มีประวัติว่าสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2235 เป็นพระโมคคัลลานะ พุทธสถานแห่งนี้เป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชน และชาวบ้านทั่วไป มีการเดินทางมาปฏิบัติธรรม สักการบูชาอยู่เนืองๆ

วัดนี้ตั้งอยู่ห่างจากตลาดสหัสขันธ์ประมาณ 6 กิโลเมตร เดินทางตามทางหลวง หมายเลข 227 ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 37-38 มีป้ายบอกทางเข้า “พระพุทธไสยาสน์ภูค่าว” ผ่านบ้านโนนสมบูรณ์ ถึงทางแยกเล็กเข้าวัดพุทธนิมิต ไต่ขึ้นทางบนหลังภูค่าวจนถึงลานวัดซึ่งอยู่บนยอดภู มีป้ายบอกเดินลงมาเลียบผาประมาณ 100 เมตร


พระพุทธไสยาสน์เป็นพระนอนตะแคงซ้าย ไม่มีเกตุมาลา</TD></TR></TBODY></TABLE>
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=1712

 

“พระพุทธไสยาสน์ภูค่าว” องค์นี้มีที่มาที่ไม่พบการบันทึกในเวบไซด์ที่นำมาให้ชมกัน เป็นพระที่ชาวลาวได้สร้างไว้เนื่องจากคราวที่พระธาตุพนมล้มครั้งแรกได้เกิดจิตศรัทธาเดินทางไกลระดมกันมาเพื่อจะมาช่วยกันซ่อมแซมองค์พระธาตุพนม แต่เมื่อมาถึงสถานที่นี้ซึ่งเป็นครึ่งทาง ได้ทราบข่าวว่าพระธาตุพนมได้บูรณะเสร็จแล้ว ด้วยจิตศรัทธาต่อองค์พระธาตุพนมจึงได้สร้าง“พระพุทธไสยาสน์ภูค่าว” ไว้เป็นอนุสรณ์แทน
<!-- / message --><!-- sig -->

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ narin96
เรียน คุณเพชร(ผ่านคุณsithipong)
สนใจเรื่องวังหน้าครับ ผมอยู่จังหวัดติดกับกาฬสินธุ์ พอจะบอกที่ตั้งของวัดภูค่าวได้ไหมครับ อยากจะไปกราบนมัสการสักครั้งเพื่อซึมซับถึงความลี้ลับมหัศจรรย์แห่งปู่เทพโลกอุดรนะครับ
ขอบคุณ
</TD></TR></TBODY></TABLE>
เอ่อ ไม่ต้องผ่านผมก็ได้ครับ ถึงคุณเพชรโดยตรงได้เลย ไม่มีปัญหาใดๆ หรือถึงคุณnongnooo หรือท่านอื่นๆ ได้เช่นกัน

แต่เรื่องของหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรหรือสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี เพียงแค่เราศรัทธาอย่างจริงๆแล้ว หลวงปู่หรือสมเด็จโต ท่านอยู่ในใจของผู้ที่ศรัทธาท่านเสมอครับ

Re: เรียนสอบถามครับ
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ eakbordin
ผมอยากเรียนถามว่า วัดภู่ค่าว อยู่จังหวัดใดครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>
จ.กาฬสินธุ์ครับ ถือเป็นวาสนาที่ได้ไปโดยการนำของหน้าห้องของนายอำเภอครับ เดินทางไปกันให้ได้ครับ ผมเชื่อว่าหลังจากลงเรื่องราวนี้ไป จะมีผู้คนเดินทางไปชมกันที่วัดมากขึ้น จะได้ตาสว่างกัน ว่าความจริงคืออะไร ทำไมเซียนพระถึงไม่อยากให้พระวังหน้าที่มีอยู่มากมายเกิดขึ้นในทำเนียบพระ..
<!-- / message --><!-- sig -->

 

ของดีราคาถูกเค้าหาว่าเก๊ ของเก๊ราคาแพงเค้าบอกว่าแท้ ของแท้นั้นต้องมีน้อย ของมีเยอะนั้นไม่แท้ ผู้กำหนดก็คือผู้ที่ขายนั้นเอง อะจึ๊ย

 

ผมไปหาพระพิมพ์ก่อนนะครับ ได้กลิ่นหมากอีกแล้ว ขณะพิมพ์ก็ยังได้กลิ่นอยู่เลยครับ กลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่แรงกว่ากลิ่นหมากของสมเด็จโตท่านเยอะ

ถ้าไม่ง่วงจะมาคุยใหม่ครับ

.

 

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
อ้างอิง:
<table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="border: 1px inset ;">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
เมื่อสักพักใหญ่นี้ ผมคุยกับคุณnongnooo พอดีกับลูกน้องนำกล่องพัศดุที่ผมฝากซื้อไว้ นำมาให้ ผมเห็นแล้วตกใจ กล่องใหญ่มาก นี่เป็นเรื่องของการสื่อสารที่ผิดพลาด ก่อนที่ผมจะบอกให้ไปซื้อ ผมจะบอกว่า ให้ซื้อกล่องที่มีความยาวของกล่อง 10 นิ้ว (เพียงแค่คิดว่าจะบอกอย่างนั้น) แต่พอไปบอกจริงๆ ผมเข้าใจว่า กล่องที่มีขนาดใหญ่ที่สุด น่าจะไม่ใหญ่มาก ก็เลยบอกไปว่า ให้ซื้อกล่องที่ขนาดใหญ่ที่สุด และขนาดที่รองลงมา พอลูกน้องซื้อมาผมมาเห็นเข้าก็เลยก็เลยตกใจ คุณnongnooo หัวเราะลั่นเลย ผมก็หัวเราะเหมือนกับ ขำตัวเองจริงๆ กล่องนี่ส่งพระบูชา 9 นิ้วได้เลยมั้งครับ

ผมต้องระวังเรื่องของการสื่อสารให้กับผู้ที่ฟัง ฟังแล้วให้เข้าใจตามที่ตนเองเข้าใจ (สงสัยต้องไปเรียนภาษาไทยใหม่มั้งครับ) เลยนำมาเล่าสู่กันฟังครับ

.

</td></tr></tbody></table>


อ้างอิง:
<table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="border: 1px inset ;">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo
55555555555555555555555555555555555
</td></tr></tbody></table>

มาหัวเราะต่ออีกน๊ะเนี่ย เหอ เหอ เหอ :'(



อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
คืนนี้จะไปค้นพระพิมพ์ เพื่อที่จะถวายท่านแม่ชีณัฐทิพย์<script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_1177573", true); </script> ในงานบุญขอเชิญร่วมบริจาคปัจจัยเพื่อตั้งกองทุนเพื่อผู้ป่วยโรคมะเร็ง ตัวผมได้ทั้งบุญและเผื่อจะได้มีอานิสงค์ไม่เป็นโรคมะเร็ง

ผมตั้งใจจะถวาย ประมาณ 100 องค์ จะมีทั้งสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า พิมพ์ปกติและพิมพ์คะแนนร้อย ,พระปิดตาวังหน้า 2 หน้า และพิมพ์อื่นๆอีก

ผมจะร่วมด้วยช่วยทำบุญค่าจัดส่งพระด้วยนะครับพี่อ้อย(hongsanart) ไว้ผมโทร.ขอเบอร์บัญชีนะครับ

ขอโมทนาบุญทุกประการกับท่านแม่ชีณัฐทิพย์<script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_1177573", true); </script> ,พี่อ้อย ( hongsanart<script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_1177695", true); </script> ) และทุกๆท่านครับ

พี่อ้อยครับ วันจันทร์ผมส่งให้นะครับ มีทั้งพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า ,สมเด็จวังหน้า(ทั้งลงรักและไม่ลงรัก ชุึดนี้ผมหวงมาก) มีทั้งสมเด็จปัญจสิริ ,พระปิดตาวังหน้าสองหน้า ทั้งเนื้อลงรักสีดำและเนื้อสีขาว

ผมจะจัดส่งพระพิมพ์ของพี่อ้อย(ส่วนตัว)ด้วยครับ

.

 

ของอย่างนี้มันเป็นวาระครับ ท่านต้องการให้ท่านปา-ทานส่งพระพิมพ์ไปร่วมทำบุญเยอะๆอ่ะครับ(smile)

 

เหอ ๆๆๆ ผมขอแซวหน่อย มีผู้ไม่ประสงค์ออกนาม pm มาคุยกับผมถี่มากๆเลยวันนี้

เดี๋ยวผมมาเล่าหน้าบอร์ดนะครับ

ผบทบ.ผม สั่งให้ไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อยมาโพสต่อ เดี๋ยวมานะครับ ผมต้องทำตามคำสั่งท่านผบทบ. เดี๋ยวจะถูกทำโทษ ตัดเงินค่าอาหารกลางวันครับ

.

 

อืม.อบรมมาแล้ว นิสัยดี(เหมือนผม)จริงๆ(ping)

 

สำหรับที่บอกว่า ให้ทำบุญแล้วถวายบุญกุศลและอุทิศบุญกุศลกับผู้เสก ,ผู้สร้างนั้น เราต้องแยกช่วงเวลาให้ชัดเจน

เริ่มช่วงของรัชกาลที่ 4 องค์ผู้อธิษฐานจิต คือหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ทั้ง 5 พระองค์หรือพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง หรือมากกว่า 1 พระองค์ ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ส่วนองค์ผู้่ให้สร้าง จะเป็นพระบาทสมเ็ด็จพระปิ่นเกล้าและกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ผู้สร้างก็คือ ช่างสิบหมู่แห่งวังหน้าและวังหลวง(แต่ส่วนใหญ่เป็นวังหน้า)

รัชกาลที่ 5 ตอนต้น องค์ผู้อธิษฐานจิตและท่านผู้สร้าง เหมือนกับช่วงรัชกาลที่ 4 (เพิ่มเติมองค์ผู้อธิษฐานจิตที่ผมทราบก็คือ หลวงปู่ภู ,สมเด็จกรมพระยาปวเรส ฯลฯ) แต่องค์ผู้ให้สร้างจะเป็นกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ
แต่หลังจากปี พ.ศ.2428 จนถึงปี พ.ศ.2451 องค์ผู้อธิษฐานจิตจะเป็นพระอภิญญาใหญ่ (เช่นหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ,หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ,หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ,หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ,หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร ฯลฯ) องค์ผู้ให้สร้างคือ รัชกาลที่ 6 ส่วนท่านผู้สร้างก็จะเป็นช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า,วังหลวงและช่างราษฎร์ครับ

โมทนาสาธุครับ

.