พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ไม่สบายเป็นไข้นอนซมแย่เลยครับ นี่ครับ ตามสัญญา พระกำลังใจ ไพรีพินาศปี30 ให้ไว้จะได้คู่กับ ท่านปวเรศครับ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2011
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [FONT=Tahoma,]กะลาครอบใจ
    http://matichon.co.th/matichon/matic...sectionid=0121

    [/FONT][FONT=Tahoma,]วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11033[/FONT]
    [FONT=Tahoma,]คอลัมน์ ร้อยเหลี่ยมพันมุม

    โดย วีณา โดมพนานคร



    ในยุคสมัยที่คนเราสามารถรู้เรื่องทุกเรื่องที่อยากรู้อย่างง่ายดายด้วยประสิทธิภาพการสื่อสารที่มีความมหัศจรรย์มากขึ้นทุกวันๆ เราก็จะพบเห็นข่าวคนฆ่าตัวตายด้วยเหตุผลที่แปลกๆ มากขึ้นทุกวันๆ เช่นกัน

    อาจารย์สาวมหาวิทยาลัยฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังที่คนรักตีจาก นักเรียนชั้นมัธยมปลายฆ่าตัวตายเพราะสอบเข้าเรียนคณะที่ต้องการไม่ได้ ฆ่าตัวตายเพราะพ่อแม่ไม่มีเงินส่งให้เรียนต่อมหาวิทยาลัย หรือแม้กระทั่งผู้หญิงคนหนึ่งฆ่าตัวตายเพราะความอ้วนเป็นเหตุ

    ไม่ใช่ว่าเรื่องของเขาหรือเธอเหล่านั้นไม่น่าเห็นใจ แต่น่าแปลกที่แต่ละคนอยากรู้เรื่องนอกตัว แคร์สายตาคนรอบข้างขนาดนั้น แต่ไม่เคยฉุกคิดที่จะอยากรู้เรื่องของตัวเองที่เรียกว่าชีวิต เลยปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามอารมณ์เพียงฝ่ายเดียว

    ถ้ายังไม่รู้ ไม่เห็นว่าชีวิต ความคิด ความรู้สึกของตัวเองเกิดขึ้นได้อย่างไร ก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยวิธีไหน

    ไม่รู้ว่า ตัวกู-ของกู กำลังอาละวาดอย่างหนัก ไม่รู้ว่าจะต้านพายุอารมณ์ลบที่เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างไร

    การทำลายชีวิตอาจดูเหมือนกับให้ความสำคัญกับชีวิตตนเองเหลือเกิน เพราะเมื่อมีสิ่งมาปะทะมากเท่าไรก็โต้ตอบไปด้วยแรงกระแทกทางอารมณ์มากเท่านั้น แต่ความจริงมันคือการให้ความสำคัญกับสิ่งร้ายที่อยู่ในตัว ปล่อยให้มันได้แสดงบทบาทเต็มที่

    การตัดสินใจทำอะไรจึงเป็นไปภายใต้ความไม่รู้ตัว ไม่รู้ตัวว่าไม่รู้ ไม่รู้ว่ามีความสว่างอยู่ภายนอกกะลาใบใหญ่

    ความจริงทุกคนมีกะลาใบนี้ติดตัวอยู่กันทุกคน เพียงแต่ใครจะมีกะลาใบใหญ่หรือใบเล็ก ถ้ากะลาใบเล็ก โอกาสที่อารมณ์ตัวร้ายจะแสดงตนก็น้อยหน่อย แต่ถ้ามีกะลาใบใหญ่ก็เท่ากับว่าเปิดเวทีให้สิ่งนี้ได้เริงร่า เพราะกะลาใบนี้ทำให้เราไม่รู้จักความจริง ไม่รู้ทันเงามืด

    ถ้าเปิดกะลาออกก็จะรู้ในความจริงของชีวิตที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่จิต ซึ่งท่านพุทธทาสภิกขุ สอนไว้ในหนังสือ "ตัวกู-ของกู" ที่ว่า

    …บรรดาเรื่องราวต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นแก่จิตนั้น ต้องมีสิ่งที่เรียกว่าอารมณ์เป็นเหตุปัจจัยสำคัญ อารมณ์แปลว่าสิ่งอันเป็นที่ยึดด้วยความยินดี หรือไม่ยินดี แล้วแต่ว่าจิตนั้นได้รับการอบรมมาอย่างไร…

    การอบรมที่ว่า นั่นคือการได้เรียนรู้ที่มาการเกิดของอารมณ์ การดำรงอยู่ การเปลี่ยนไป และรู้วิธีที่จะรักษาจิตไว้ให้อยู่เหนืออารมณ์ที่เปรียบเสมือนเจ้าชีวิต การได้รู้ว่าความเป็นตัวเราที่คอยรู้สึกอย่างนั้น รู้สึกอย่างนี้มันก่อร่างขึ้นมาอย่างไร

    ...ตัวเรา-เขาเรามันทำให้เกิดทุกข์ขึ้นมาได้อย่างไร แล้วเราจะจัดการกับมันอย่างไร เริ่มตั้งแต่ชั้นที่จะทำลายตัวเราชนิดอันชั่วร้าย ให้เหลืออยู่แต่ตัวเราที่ดีๆ แล้วค่อยๆ บรรเทาการยึดถือในตัวเราดีให้น้อยลงๆ จนกระทั่งถึงขั้นสุดท้าย คือไม่มีความรู้สึกของตัวเรา-ของเรา ชนิดใดๆ เหลืออยู่ในใจเลย...

    ในขั้นตอนการบรรเทาการยึดถือในตัวเราด้านดีให้น้อยลงๆ ไปจนไม่รู้สึกถึงตัวเรา-ของเราเลย คงเป็นขั้นตอนที่อยู่อีกไกลสำหรับคนธรรมดาๆ เพียงแค่การลดตัวเราเพื่อลดความทุกข์ ความไม่พอใจที่เจอะเจออยู่เป็นประจำคงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้มากกว่า

    หากได้รู้ว่า "ความผิดหวัง" ซึ่งเป็นต้นเหตุให้คนรู้สึก และทำอะไรๆ ไปในทางลบอยู่เสมอๆ มีที่มาอย่างไร อาจจะไม่ต้องเสียรู้ให้อารมณ์แบบนี้อีก นั่นคือได้รู้ว่า ความหวังมาจากความอยากที่เป็นตัณหาอย่างหนึ่ง

    …ตัณหานั้น ไม่ว่าชนิดไหนหมด จะต้องมีมูลฐานอยู่ที่อารมณ์ทั้ง 6 คือรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสทางกาย สัมผัสทางใจ อารมณ์ทั้ง 6 นี้มิได้หมายถึงแต่อารมณ์เฉพาะหน้า เพราะว่าแม้อารมณ์ในอดีตที่ล่วงไปแล้ว ก็ยังเป็นอารมณ์ของตัณหาได้ ด้วยการเกี่ยวเนื่องกับอารมณ์ในปัจจุบันบ้าง ด้วยการย้อนระลึกนึกถอยหลังไปถึงบ้าง ซึ่งเราเรียกว่าความห่วงใยอาลัยอาวรณ์

    สำหรับอารมณ์ในอนาคตที่จะพึงได้ข้างหน้านั้น ก็เป็นอารมณ์ของตัณหาอย่างยิ่งด้วยเหมือนกัน นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า ความหวัง และดูจะเป็นปัญหายุ่งยากกว่าอย่างอื่นด้วยซ้ำไป เพราะว่าเราอาจจะหวังกันได้มากๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

    อารมณ์ในอนาคตนั่นแหละเป็นปัญหายุ่งยากที่สุดสำหรับมนุษย์เรา คือมันเป็นไปได้กว้างขวางที่สุด...

    เมื่อรู้ว่าสิ่งไหนจะนำความยุ่งยากมาให้ก็น่าจะหลีกเลี่ยงเสีย ความอยากมีขึ้นมาได้ เพราะมีตัวเรา แล้วทำยังไงจะไม่เผลอปล่อยให้ตัวเราพองโตจนดูดความอยากเข้าไปไว้มากเกินความพอดี เรียนรู้การเกิด การดำเนินไปของสิ่งเหล่านี้ แล้วจะรู้วิธีจัดการ

    หากสามารถจัดการควบคุมได้ในชั่วขณะหนึ่ง ณ ขณะนั้นท่านพุทธทาสบอกว่า

    …เมื่อความรู้สึกว่าเป็น ตัวเรา-ของเรา ดับไป จะต้องมีสิ่งอื่นปรากฏขึ้นมาแทน นั่นก็คือภาวะของจิตเดิมแท้ ความสว่าง และที่สำคัญอย่างยิ่งนั้นก็คือ จะเกิดภาวะแห่งความสมบูรณ์ด้วยสติปัญญา ฉะนั้น ความดับไปแห่งอัตตา จึงไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว ไม่ใช่สิ่งที่ไร้คุณค่า ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้คนเราเสื่อมสมรรถภาพ แต่กลับทำให้เราสมบูรณ์ไปด้วยสติปัญญา ไม่มีทางที่จะทำอะไรผิดพลาด...

    สำรวจตัวเราดูว่ากะลาที่ครอบใจเราไว้ใบใหญ่แค่ไหน แล้วค่อยๆ พลิกให้แสงลอดเข้ามาได้ ความสุขก็จะตามมาเอง
    [/FONT]
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รับมือยังไง ถ้าแฟนเจ้าชู้? [25 พ.ค. 51 - 17:12]
    http://www.thairath.co.th/news.php?s...&content=90975






    [​IMG]

    การมีแฟนสักคน บางทีสำหรับใครคนนึงก็คิดว่าดีตายชักแล้ว อู้หูนี่ถือเป็นบุญเป็นวาสนาของข้าน้อยเชียวนะ ตรงข้ามกับอีกหลายคนกลับเมินซะเถอะที่จะรักมันอยู่คนเดียวน่ะ สู้แจกรักหรือปักใจชอบทีละสอง, สามคนและมากกว่านี้พร้อมๆกันทีเดียวไม่ดีกว่าเรอะ แบบนี้สิถึงจะสร้างความขนพองสยองเกล้า...เอ้ย...ความดี๋ด๋าสดชื่นและสุขใจให้กับ “คนเจ้าชู้” ได้สนุกกับการทำอะไรซุกซนและหลบๆ ซ่อนๆ ซึ่งท้าทายดีใช่ไหมล้า แต่ระวังความท้าทายนี้จะทำให้เจ็บตัวเอาละกัน
    ทว่า ใครที่มีแฟนเป็น “คนขี้หลี”, “ชอบแจกขนมจีบ” หรือเจ้าชู้เนี่ย คงไม่เฮฮายัป ปะดับ ปะดู้! ไปกับเจ้าแฟนตัวแสบที่ชอบปันใจไปให้ใครต่อใครสินะ ไม่ว่า เค้าจะบอกตามตรงว่า เค้าเป็นคนเจ้าชู้ เพื่อที่จะให้ผู้เป็นแฟนทำใจไว้ล่วงหน้า หรือไม่พูดไม่จาถึงเรื่องพรรค์นี้เพราะอยากให้เห็นการกระทำที่ทำให้แฟน “ลมออกหู” กันเอาเอง แต่สรุปได้เลยว่า หากอีกฝ่ายไม่ได้มีสันดานเดียวกัน ใครฟะอยากมีแฟนเป็นคนเจ้าชู้ฮ้า เออถ้าทั้งคู่เป็น “พวกปลาไหลใส่สเกต” ก็ว่าไปอย่าง
    แต่ทำไงได้ ในเมื่อโลกนี้บางทีก็เล่นตลกทำให้ คุณดั๊นไปมีแฟนเป็นคนเจ้าชู้เข้า อ้าว! แล้วทีนี้จะรับมือกับอาการเจ้าชู้ของเค้าไงดี? โถรู้นะ...พูดเรื่องนี้ทีไร พอบางคนได้ยินก็จี๊ดขึ้นมาทันทีใช่ไหมล่ะ งั้นหากมีแฟนเป็นคนมากรักหลายใจละก็ คุณอาจรับมือกับความเป็นหัวงูของเค้า ได้เช่น...

    1. ทำใจรับความจริงว่า เค้าเป็นแบบนี้แล้วปล่อยให้อยากทำอะไรก็ทำไป
    แต่อย่าเบียดเบียนเอาทรัพย์สินส่วนตัวของคุณไปเที่ยวแจกกิ๊กอื่นๆ ที่เค้ามีสะเปะ-สะปะละกัน หรือถ้าขืนขโมยสมบัติของคุณไปตึ๊งในโรงรับจำนำเพื่อหาตังค์ไปเที่ยวกะกิ๊กละก็ หยั่งงี้ไม่ต้องทำใจหรอก ลุยแหลกไปเลย เพราะใครจะไปทำใจไหวว้า เออแต่ถ้าเค้าอยากเอาตัวไปถูไถกับคนอื่นเพราะความมักมากของเค้าเอง โดยไม่ส่งผลกระทบกระแทกไปถึงคุณซึ่งเป็นแฟนตัวจริงจนเกินไป ก็คงต้องทำใจกันไปเหอะ หรือไม่ก็ไปทำสมาธิซะ อย่าคิดมากจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน เพราะคุณตัดสินใจเลือกเค้าเป็นแฟนแล้วนี่หว่า ซึ่งหากเค้าออกลายมาตั้งแต่เริ่มคบกัน แล้วคุณไหวตัวทันรีบสลัดเค้าทิ้งเพื่อป้องกันหัวใจตัวเองเอาไว้ตั้งแต่ตอนนู่น ป่านนี้คุณคงได้หัวเราะมากกว่าน้ำตาตกในแทนน่ะซี นี่ต้องขอบคุณการตัดสินใจถูกต้องอย่างมั่กมากเข้าไว้ แต่หากคุณไม่รู้มาก่อนว่า เค้าจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากที่เคยคบกันขนาดนี้ เพราะตอนโน้นน่ะ อู้ย....แสนจะสนิทเสน่หาแต่คุณคนเดียว แต่ตอนนี้สิกลับปล่อยให้เดียวดาย แล้วจะไปโทษใครดีว้า

    2. ประชดซะเลยดีมะ เค้ามีได้ คุณก็มีมั่งสิ ถึงจะแฟร์ๆไง
    แถมแฟนของบางคนนี่ก็แปลกชะมัด มีงี้ด้วยว่า เค้าสามารถเจ้าชู้ได้ แต่แฟนของเค้าห้ามเจ้าชู้เด็ดขาด... โอ้โหนี่ก็เห็นแก่ตัวเหลือเกิน ทีเค้าอยากสะดิ้งไปมีคนอื่นล่ะ ทำเอ๊าทำเอาไม่เกรงใจแฟนตัวเอง แต่หากแฟนไปคลอเคลียกับคนอื่นแบบเค้ามั่ง อ่ะแทบชักกระแด่วๆ เพราะโมโหจนเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทัน และออกอาการหึงหวงทันที...หยั่งงี้ก็มีด้วย ที่จริงปล่อยให้เค้าประสาทเสียไปสักพักก็เหมือนกับได้ทำโทษเค้าซะมั่งก็แจ๋วนะ นี่แน่ะอยาก “หลายใจ” ดีนัก ต้องทำโทษซะให้เข็ด
    แต่หากเค้าไม่สนหรือคิดว่าคุณเป็นหมูในอวยที่ไม่มีทางทำตัวเหลวไหลได้อย่างเค้าละก็ ลองประชดดูก็ได้ ทำให้เค้ารู้เซี้ยะมั่งก็ดีว่า คุณไม่ได้เหลาแหย่, เหี่ยวย่นและโหลยโท้ยในสายตาของคนอื่นซะหน่อย ยังเต่งตึง, หุ่นดีและมีน้ำมีนวลจนคนอื่นยังอยากมาจีบคุณเลย หรือคุณยังไปสอยคนอื่นมาดู๋ดี๋ได้ เค้าก็น่าจะให้ความสำคัญกับคุณเช่นกัน ไม่ใช่มัวแต่ไปจิ๊จ๊ะจี๋จ๋ากะคนอื่นอยู่นั่น ทำเป็น “ใจง่าย” และ “ตะกละตะกลาม” ไปได้เชอะ

    3. ถ้าไม่ถึงกับต้องประชด ทำให้เค้ารู้สิว่า คุณรู้นะว่าเค้าไปแจกขนมจีบใครไว้มั่ง
    ส่วนจะรู้ได้ไง? เอ๊ะต้องจ้างนักสืบหรือคุณเองนั่นแหละทำตัวเป็นนักสืบซะเอง เพื่อย่องไปแอบดูพฤติกรรมโอ้ลันล้าของเค้า แถมอาจมีคนใจดี (แต่แอบมีความประสงค์แอบแฝงยังไงไม่รู้นะ) ช่วยบอกด้วยว่าเค้าไปกิ๊กกะใครที่ไหนไว้ จนคุณรวบรวมข้อมูลได้แน่ชัดแล้วว่า จริงหรือไม่จริงยังไง แต่ขอให้รู้จริงดีกว่าจะได้ไม่หน้าแตก ทีนี้คุณก็สามารถทำเป็นพูดแซวเล่นๆ (แต่ใจจริงน่ะซีเรียส) ว่า “คนที่คุณไปหาเมื่อวานน่ะ หน้าตาดี๊ดีนะ” แล้วสังเกตสิว่าเค้าจะสะอึกหรือทำเป็นเนียนมากน้อยแค่ไหน? แค่พูดเปรยๆ ไม่ต้องส่อแววหึงหวงหรืออิจฉาริษยาจนออกนอกหน้าหรอก แค่นี้ถ้าเค้ายังตีหน้าซื่อบื้อ ทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวก็เชื่อแล้วล่ะ ว่าคนอาไร้ ขนาดปลาไหลยังดิ้นเอาตัวรอดไม่เก่งเท่านี้เลยวุ้ย

    4. ถ้าเค้าไม่ชวนคุณไปเที่ยวหรือออกงานคู่กัน คุณก็ไปเองซี
    นัดไปเที่ยวกับเพื่อนที่ไหนก็ได้ ทำตัวให้ไม่ว่างหรือมีความสุขในส่วนของเราเองก็ได้ฟะ อย่าให้ความเหงาทำให้คุณคิดมากขอร้อง แล้วเวลาชวนเพื่อนไปไหนไปกันน่ะ ชวนให้เยอะๆ เป็นกลุ่มเลยนะ นัดให้ไปพบกันที่บ้านคุณเพื่อให้เค้าเห็นดิ่ว่าคุณก็มีสังคมด้วยเช่นกัน แล้วพอได้ทีก็อย่าลืมขอค่าขนม, ค่าเดินทาง, ค่าที่พักและค่าอะไรต่อมิอะไรจิปาถะจากเค้าด้วย นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายภายในบ้านที่เค้าต้องรับผิดชอบ ก็อย่าลืมโกยเถอะโยมมาให้ได้เชียว เชื่อดิ่เค้าต้องมีตังค์เหลือเฟือแหงๆไม่งั้นจะไปทำก้อร่อก้อติกกับใครได้ โธ่ให้เค้าจ่ายแค่นี้โอ้ยจิ๊บจ๊อยจะตาย นี่ถ้าเค้าเผลอก็ขอบ้านหลังใหม่เลยดิ่

    5.ถ้าทนไม่ไหวก็อย่าไปทน
    จะตัดสินใจแยกกันอยู่หรือเลิกกัน เพื่อทำให้ชีวิตของคุณแจ่มแจ๋วขึ้น โดยไม่ต้องทุกข์ใจให้เสียเวลา และเป็นไมเกรน เพราะเซ็งกับความเจ้าชู้ของเค้าก็เลือกเอาซะอย่าง บางทีคุณอาจเจอแฟนใหม่ที่พร้อมจะสวีต วี้ดวิ้วกะคุณคนเดียวก็ได้นะ เรื่องเนี้ยะไม่ต้องรอให้ พรหมลิขิตหรอก ลิขิตชีวิตเองซะมั่งก็ได้นะฮ้า
    @@@
    9999999999999999999999999999999999

    **********************************


    มีแค่คนเดียวก็ลำบากแย่แล้ว
    แอบนินทา ผบทบ.หน่อย เมื่อวานเพื่อนๆในกลุ่มที่ทำงาน(ที่ย้ายไปทำที่อื่นแล้ว) โทร.มาชวนไปกินข้าวข้างนอก ตอนบ่ายสี่โมง พอผมไปบอก ผบทบ.ว่าเพื่อนโทร.มา เขาก็ให้ไป แต่ก่อนไปต้องไปกวาดบ้าน และรดน้ำต้นไม้ก่อนออกไป เราก็รีบทำให้เรียบร้อย แล้วถึงจะออกไป

    นี่ถ้ามีหลายคน สงสัยตายแน่ ขอบอกเพื่อนๆไว้ มีคนเดียวยังลำบากขนาดนี้ เหอ เหอ เหอ

    (one-eye)
    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เครื่องเทศและสมุนไพร : สุดยอดยาไทยพื้นบ้าน
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> <!-- / icon and title --> <!-- message --> http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05069150551&srcday=2008/05/15&search=no

    [FONT=Tahoma,]วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 [/FONT][FONT=Tahoma,]ปีที่ 20 [/FONT][FONT=Tahoma,]ฉบับที่ 431[/FONT]
    [FONT=Tahoma,]สมุนไพรใกล้บ้าน

    มนตรี กล้าขาย สำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 3 จังหวัดระยอง

    เครื่องเทศและสมุนไพร : สุดยอดยาไทยพื้นบ้าน

    เครื่องเทศและสมุนไพร เป็นพืชที่มีการใช้ประโยชน์คู่กับคนไทยและคนทั้งโลก ทั้งในรูปอาหารและยารักษาโรค โดยเฉพาะชาวชนบทห่างไกลยังมีความจำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องเทศและสมุนไพรในรูปยาพื้นบ้าน นอกจากนี้ ยังมีการนำเอาเครื่องเทศและสมุนไพรมาใช้เสริมความงาม บำรุงสุขภาพให้มีความสดใสอ่อนกว่าวัย จนมีการพัฒนาเป็นสินค้าขายต่างประเทศปีละนับพันล้านบาท

    สวัสดีครับ แฟนๆ เทคโนโลยีชาวบ้านทุกท่าน เมื่อฉบับที่ 417 เดือนตุลาคม 2550 ผมได้เขียนสาระเกี่ยวกับเครื่องเทศและสมุนไพร โดยเน้นให้เห็นถึงประโยชน์หลากหลายของพืชกลุ่มนี้ในหลายประเด็น ไม่ว่าจะใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารประจำวันในครัวเรือน คุณค่าทางโภชนาการ ปลูกเพื่อเป็นรายได้ลดรายจ่ายแบบพอเพียง และใช้เป็นห้องเรียนสอนลูกหลานให้รู้จักการใช้เวลาว่าง สร้างภูมิคุ้มกันภัยทางสังคม ก็คงจะพอจำกันได้ ฉบับนี้ผมขอนำสรรพคุณของเครื่องเทศและสมุนไพรในมุมของการใช้เป็นยาไทยพื้นบ้านที่เป็นมรดก ภูมิปัญญาไทยแต่โบราณ และได้ผ่านการประยุกต์ร่วมกับวิทยาการแผนใหม่ จุดเน้นคือ ต้องการจะให้ปลูกไว้ใช้แบบพึ่งพาตนเอง เมื่อยามเจ็บไข้ได้ป่วยแบบฉุกเฉิน โดยเฉพาะกับท่านที่อยู่ห่างไกลโรงพยาบาล อีกอย่างก็เป็นการลดค่าใช้จ่าย ลดความเสี่ยงจากการแพ้ยาแผนใหม่ที่หลายคนประสบมาแล้ว กอปรกับระยะนี้อะไรก็แพงไปหมด เศรษฐกิจรอบข้างแย่ไปทุกอย่าง จึงต้องช่วยตัวเองให้มาก สุดท้ายก็จะเป็นข้อมูลที่อยากให้ทุกท่านรู้ว่าเครื่องเทศและสมุนไพรของเรานั้นส่งเป็นสินค้าออกมูลค่านับพันล้านบาทต่อปี หากใครสนใจปลูกเป็นการค้าก็มีช่องทางสร้างอาชีพสร้างเงินได้ไม่ยาก ตามผมมาครับ



    ยาไทยพื้นบ้านขนานแท้

    ในอดีตกาลนั้นคนไทยอยู่กันแบบพึ่งพาอาศัยทรัพยากรธรรมชาติค่อนข้างมาก ไม่ฟุ่มเฟือยเหมือนเดี๋ยวนี้ ที่เรียกว่า "อยู่กันตามมีตามเกิด" เป็นการใช้ประโยชน์จากป่าไม้ที่เป็นทั้งแหล่งอาหารหลักและยารักษาโรค จนเกิดการเรียนรู้ว่าพืชชนิดใดที่ใช้กิน ทา ดม พอก นวด หรือประคบ เพื่อบรรเทาหรือรักษาโรคร้ายต่างๆ ได้ดีกว่ากัน แล้วก็ถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์สืบต่อกันสู่คนรุ่นหลังจนถึงปัจจุบัน จนเดี๋ยวนี้ได้มีการพัฒนาเป็นสาขา "แพทย์แผนโบราณ" หรือ "แพทย์ทางเลือก" เป็นการรักษาแบบคู่ขนานกับแพทย์แผนใหม่ ด้วยเหตุผลที่ว่าสามารถบรรเทาความรุนแรงของอาการเจ็บป่วยเบื้องต้นที่ไม่ซับซ้อนและค่ารักษาพยาบาล ค่ายาปัจจุบันนั้นค่อนข้างแพง ที่สำคัญอาการเจ็บป่วยของหลายคนหลายลักษณะรักษาไม่หายขาดด้วยแพทย์แผนใหม่ และ/หรือคนไข้เกิดอาการแพ้ยาสังเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นการคลื่นไส้อาเจียน ผื่นคัน แสบร้อน หรือวิงเวียนศีรษะ จึงต้องกลับไปหายาสมุนไพรพื้นบ้านแบบกลับสู่พื้นฐานดั้งเดิม (Back to Basic) แล้วพบว่าการเจ็บป่วยทุเลาลงหรือหายไปเลย

    หันมาดูว่า ในปัจจุบันมีการนำเครื่องเทศและสมุนไพรมาใช้เชิงอุตสาหกรรมมากขึ้น เช่น เครื่องสำอางสมุนไพร ยอดฮิตของสุภาพสตรี สารพัดรูปแบบ ทั้งครีมทาหน้า ครีมกันแดด ครีมอาบน้ำ แชมพู สบู่ ฯลฯ จนถึงเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะวงการนวดแผนโบราณ และธุรกิจสปา (Spa) ที่นำคุณค่าของสมุนไพรมาสร้างมูลค่าเพิ่มไปพร้อมๆ กัน นี่ก็เป็นกลุ่มการใช้ประโยชน์ในทางสุขภาพบำบัดเหมือนกัน เอาไว้โอกาสดีๆ จะนำรายละเอียดมาเล่าให้ฟังกันอีกมุมหนึ่ง เอาเป็นว่า ฉบับนี้ขอนำท่านไปรู้จักเครื่องเทศและสมุนไพรที่นำมาใช้ประโยชน์แบบยาไทยพื้นบ้าน ซึ่งได้พยายามค้นคว้าหามาฝากกัน ดังนี้

    1. ระบบทางเดินอาหาร

    1.1 อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น จุกเสียด หรืออาจมีอาการปวดท้องบ้างเล็กน้อย มักพบในผู้ป่วยระบบทางเดินอาหารอยู่เสมอ อาจเกิดจากอาการย่อยไม่ปกติ หรือรับประทานอาหารมากเกินไปหรือมีก๊าซในกระเพาะอาหารมาก สมุนไพรที่นำมาใช้รักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น จุกเสียด มักมีส่วนประกอบที่สำคัญคือ มีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีรสขมและมีฤทธิ์กระตุ้นผนังกระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่ ให้หลั่งน้ำย่อยเพิ่มขึ้น หรือทำให้เกิดการระคายเคือง มีอาการเคลื่อนไหวมาก เป็นผลให้ก๊าซที่คลั่งค้างอยู่ถูกขับออกไป รสขมจะกระตุ้นปุ่มสัมผัสที่ลิ้นและกระตุ้นให้มีการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะมากขึ้น ทำให้การย่อยดีขึ้น อาหารที่มีรสชาติเผ็ดร้อนทำให้การย่อยดีขึ้น อาหารที่มีรสชาติเผ็ดร้อนและมีส่วนประกอบของเครื่องเทศและสมุนไพร พวกกานพลู ขิง ข่า กะเพรา จะช่วยป้องกันอาการข้างต้นได้

    1.2 อาการท้องเดิน บิดชนิดไม่มีตัว

    อาการท้องเดิน หมายถึง อาการถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำหรือถ่ายบ่อยๆ เมื่อเทียบกับภาวะปกติ หรือถ่ายเป็นน้ำจำนวนมาก ต่างกับอาการท้องเสีย ซึ่งเป็นอาการถ่ายอุจจาระกะปริบกะปรอย เนื่องจากระบบการย่อยอาหารไม่เป็นปกติ อาการท้องเดินอาจเกิดจากกระเพาะลำไส้ไม่ดูดซึมสารอาหาร ทำให้มีน้ำคลั่งค้างอยู่ในสำไส้มาก หรือเกิดจากร่างกายได้รับสารพิษ (Toxin) ของเชื้อโรคบางชนิดได้รับสารกระตุ้น เยื่อบุกระเพาะลำไส้เกิดการขับถ่ายมากขึ้น หรือเกิดจากการผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร

    บิด หมายถึง อาการถ่ายเป็นมูกปนเลือด ปวดเบ่ง คล้ายยังถ่ายไม่สุด มีการถ่ายและปวดบ่อยๆ อาการท้องเดินที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากเชื้อบิด หรือเชื้ออหิวาตกโรค และไม่ใช่เกิดจากความผิดปกติของทางเดินอาหาร (กระเพาะอาหาร สำไส้เล็ก-ลำไส้ใหญ่ รวมทั้งระบบการย่อยอาหาร) แต่เป็นอาการผิดปกติเพียงเล็กน้อย สามารถรักษาอาการดังกล่าวได้ด้วย การใช้เครื่องเทศและสมุนไพรบางชนิดที่มีตัวยาฝาดสมานและสารออกฤทธิ์ที่ฆ่าเชื้อโรคบางชนิด และใช้กันตามแพทย์แผนโบราณ คือ เปลือกต้นมะเดื่อชุมพร เหง้าขมิ้นชัน เหง้าขมิ้นอ้อย ฟ้าทลายโจร เป็นต้น

    1.3 อาการท้องผูก เป็นอาการที่อุจจาระแข็ง ถ่ายออกลำบาก พบได้ในคนทั่วไป บางคนมีอาการจนเป็นปกติวิสัย (Habit Constipation) ปกติไม่จำเป็นต้องใช้ยา แต่หากเป็นมากอาจมีอาการแน่นท้อง อึดอัด คลื่นไส้ อาเจียน วิธีแก้คือ ออกกำลังกาย ฝึกนิสัยการถ่าย กินอาหารมีเมือกมาก/มีกากมาก เช่น กล้วย ผลไม้ พืชผัก พวกเครื่องเทศและสมุนไพรบริเวณใกล้บ้านจะมีพิษน้อยกว่ายาแผนปัจจุบัน แบ่งเป็นกลุ่มๆ ดังนี้ พวกเพิ่มปริมาณกากอาหารในลำไส้ เป็นพวกพืชผักต่างๆ ผลไม้ กล้วย มะละกอ เมล็ดแมงลักที่พองตัวได้ดีเมื่อถูกน้ำ ทำให้ช่วยเพิ่มปริมาณกากอาหารในสำไส้ ช่วยแก้อาการท้องผูกที่เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีกากน้อยเกินไป

    สมุนไพรที่มีฤทธิ์ช่วยระบาย มีสารพวกแอนนาควิโนน (anthraquinones) ซึ่งจะออกฤทธิ์ระคายเคืองลำไส้ ทำให้มีการบีบตัวมากขึ้น จึงทำให้มีการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายดีขึ้น แต่การใช้ต้องไม่ติดต่อกันนานเกินไป ส่วนสมุนไพรที่มีผลข้างเคียงน้อย ได้แก่ ชุมเห็ดเทศ

    1.4 อาการคลื่นไส้อาเจียน การอาเจียนเป็นกลไกของร่างกายในการนำสิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหารย้อนกลับออกมาทางปาก เป็นภาวะผิดปกติของร่างกายทั้งรุนแรงและไม่รุนแรง เช่น การเมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน แพ้ท้อง กินอาหารมากเกินไป อาหารเป็นพิษ โรคกระเพาะอาหาร แพ้สารเคมีต่างๆ อาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดจากการเมารถ เมาเรือ หรือเกิดเวลาเป็นไข้ กินอาหารมากเกินไป อาจใช้สมุนไพร เช่น ขิง กะเพรา จันทน์เทศ

    1.5 โรคพยาธิลำไส้ พยาธิเป็นสิ่งที่มีชีวิตขนาดเล็กที่เข้าไปอาศัยอยู่ในร่างกายคน และแย่งอาหารจากร่างกายคน มักเป็นในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ เกิดจากการกินอาหารที่มีไข่หรือตัวอ่อนของพยาธิเข้าไป อาการที่พบคือ กินอาหารมากแต่ไม่อ้วน หิวบ่อย ปวดท้อง พุงอืด พุงโร ก้นปอด ที่พบบ่อยคือ พยาธิปากขอ พยาธิเส้นด้าย พยาธิตัวตืด พยาธิไส้เดือน ที่เรียกเด็กว่าเป็นซาง สมุนไพรที่ใช้เป็น ชุมเห็ดเทศ

    1.6 อาการเบื่ออาหาร สมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาขมเจริญอาหารได้ดี คือ บอระเพ็ดและฟ้าทลายโจร

    2. ระบบทางเดินหายใจ อาการไอขับเสมหะ อาการไอเป็นกลไกสำคัญของร่างกายที่จะช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหลอดลม อาจเป็นควันบุหรี่ ไอเสีย ฝุ่นละออง สารเคมี หรือร่างกายกระทบอากาศร้อน-เย็น ทันทีทันใด อาการไอช่วยขับสิ่งแปลกปลอมออกมาเป็นผลดีต่อร่างกาย อาจไอแห้งๆ หรือไอมีเสมหะก็ได้ สมุนไพรที่ใช้แก้ไอและขับเสมหะมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์กระตุ้นต่อมทางเดินหายใจให้หลั่งน้ำเมือกออกมามากขึ้น ทำให้เสมหะที่เข้มข้นอ่อนตัวลงและถูกขับออกจากทางเดินหายใจด้วยอาการไอ สมุนไพรกลุ่มที่มีน้ำมันหอมระเหย ได้แก่ ขิง มะแว้งเครือ มะแว้งต้น และเพกา

    3. อาการไข้ สมุนไพรแก้ไข้ส่วนใหญ่จะมีฤทธิ์ลดไข้อย่างเดียว ไม่มีฤทธิ์แก้ปวดเหมือนยาแผนปัจจุบัน และมักมีรสขม ทำให้รับประทานได้ยาก วิธีการจึงใช้วิธีต้ม กลิ่นและรสจึงแรง ใช้กินเมื่อมีอาการไข้ต่ำหรือไข้ปานกลาง กลุ่มสมุนไพร ได้แก่ บอระเพ็ด ฟ้าทลายโจร ปลาไหลเผือก ลูกใต้ใบ กระดอม จันทน์เทศ ชิงช้าชาลี

    4. โรคผิวหนัง

    4.1 โรคผิวหนัง กลากเกลื้อน เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อราที่มีอยู่หลายชนิด ชอบเจริญเฉพาะบริเวณผิวหนังชั้นนอกสุด รวมทั้งผมและเล็บด้วย มักพบในบริเวณที่มีความชื้นสูง อากาศร้อน ติดต่อได้โดยการสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง หรือใช้ของร่วมกับผู้ป่วย ตัวอย่าง สมุนไพรที่ใช้ได้ผลกับโรคผิวหนัง พวกกลาก เกลื้อน ได้แก่ ข่า ชุมเห็ดเทศ

    4.2 เริมและงูสวัด เริม เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส อาการของโรคมักปวดแสบปวดร้อน ตรงผิวหนังที่จะเป็นใน 2-3 วัน จะมีตุ่มน้ำใสบริเวณรอบๆ จะเป็นพื้นแดง ตุ่มน้ำใสแตกออกเป็นสะเก็ดและจะหายไปเองใน 1-2 สัปดาห์ บริเวณที่พบบ่อย คือ ริมฝีปาก แก้ม จมูก หู ตา ก้น ติดต่อได้โดยการสัมผัส เป็นโรคที่หายเองและกำเริบได้เองอีก เพราะเชื้ออยู่ในร่างกาย อาจเป็นๆ หายๆ แบบเรื้อรัง

    งูสวัด เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเช่นเดียวกับเริม อาการเริ่มแรกจะเป็นไข้ ปวดตามผิว โดยเฉพาะตามแนวเส้นประสาทที่จะเกิดงูสวัด ต่อมา 1-2 วัน จะมีเม็ดสีแดงซึ่งกลายเป็นตุ่มใสอย่างรวดเร็ว ต่อมาตุ่มใสนั้นจะเหลืองข้น แตกกลายเป็นสะเก็ด ปนเลือด ต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ และคอมักโต โรคนี้จะหายไปเองภายใน 2-3 สัปดาห์

    สำหรับเครื่องเทศและสมุนไพรที่ใช้รักษาอาการของเริมและงูสวัด คือ พญายอ และเสลดพังพอน

    4.3 ฝีและแผลพุพอง แนะนำให้ใช้สมุนไพรพวกชุมเห็ดเทศและขมิ้นชัน

    4.4 อาการแพ้ ลมพิษ และอักเสบจากแมลงสัตว์กัดต่อย ในกรณีที่เกิดพิษจากผึ้ง ต่อ แตน แมงป่อง หรือตะขาบ สามารถใช้สมุนไพรเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด อักเสบจากพิษแมลงและสัตว์เหล่านี้ได้ คือ เสลดพังพอน

    5. ปวดฟัน อาการปวดฟันจากสาเหตุฟันผุ ไม่สะอาด มีเศษอาหารติดค้างอยู่ตามซอกฟัน ทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโต ฟันพุกร่อน เมื่อกินอาหารรสจัด น้ำเย็น ของหวาน หรือเมื่อมีเศษอาหารไปอุดฟัน แนะนำให้ใช้สมุนไพรที่ระงับอาการปวดได้ชั่วคราว คือ กานพลู

    6. ริดสีดวงทวาร เป็นโรคที่เกิดจากเส้นเลือดดำบริเวณทวารหนักโป่งพอง อาจเป็นบริเวณริมปากทวารหนัก เรียกว่า ริดสีดวงทวารภายนอก หรือกับเส้นเลือดที่ผนังท่อทวารหนัก เป็นชนิดริดสีดวงทวารภายใน มีอาการถ่ายอุจจาระลำบาก คันก้น รู้สึกเจ็บเวลาถ่าย บางครั้งมีเลือดออกเวลาถ่ายเป็นเลือดสีแดงสดๆ ตามหลังอุจจาระ หรือมีหัวริดสีดวงโผล่ออกมาที่ปากทวารหนักเป็นก้อนเนื้อนุ่มๆ อักเสบ เจ็บปวดมาก อาจนั่งเก้าอี้หรือพื้นแข็งไม่ได้ สาเหตุจากอาการท้องผูกบ่อยๆ อุจจาระแข็ง ไอเรื้อรัง อ้วน สมุนไพรแนะนำคือ เพชรสังฆาต

    นั่นเป็นข้อมูลทางวิชาการที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้สรุปไว้ในหนังสือสมุนไพรพื้นบ้าน ซึ่งผมได้อ่านและคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อแฟนเทคโนโลยีชาวบ้าน จึงนำมาฝาก แต่เพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมนำไปใช้ได้จริงๆ



    สรรพคุณล้วนมากมี

    ขอนำเสนอสรรพคุณและวิธีการใช้ของเครื่องเทศและสมุนไพรบางชนิดที่หยิบได้ง่ายและใช้สะดวก มาเป็นข้อมูลกับท่านผู้อ่านด้วย ดังนี้

    กะเพรา : ใช้แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และปวดท้อง โดยใช้ส่วนใบและยอด 1 กำมือ (น้ำหนักสดประมาณ 25 กรัม หรือใบแห้ง ประมาณ 4 กรัม) มาต้มเอาน้ำดื่ม ซึ่งเหมาะสำหรับเด็กมาก นอกจากนี้ ใช้แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน ที่เกิดจากธาตุไม่ปกติ โดยใช้ใบและยอดสด ประมาณ 1 กำมือ (ประมาณ 25 กรัม) ต้มเพื่อดื่มน้ำขณะอุ่นๆ

    กานพลู : แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และปวดท้อง วิธีการคือ ใช้ดอกแห้ง 5-8 ดอก (0.12-0.6 กรัม) ต้มหรือบดเป็นยารับประทานหรือใช้ดอกกานพลู 3 ดอก ทุบแล้วแช่น้ำเดือด 1 ขวดเหล้า (750 ซีซี) ใช้ชงนมเด็กจะช่วยป้องกันไม่ให้เด็กท้องอืด ท้องเฟ้อได้ดี อีกด้านคือ ใช้แก้อาการปวดฟันโดยกลั่นเอาน้ำมันใส่ฟันหรือใช้ทั้งดอกเคี้ยวแล้วอมไว้ตรงบริเวณที่ปวดเพื่อระงับอาการปวดฟัน

    ขมิ้นชัน : รักษาโรคผิวหนังจำพวกพุพองน้ำเหลืองเสีย โดยใช้เหง้าสดหั่นเป็นแว่นบดให้ละเอียด เอาส่วนน้ำมาทาบริเวณที่เป็น หรือใช้เหง้าแห้งบดให้ละเอียดนำมาโรยแผล

    - แก้อาการท้องเดินที่ไม่ใช่บิดหรืออหิวาตกโรค โดยใช้เหง้าหั่นเป็นชิ้นๆ ครั้งละ 1 กำมือ น้ำหนักเหง้าสดโดยประมาณ 10-20 กรัม หรือแห้ง หนัก 5-10 กรัม นำมาต้มกับน้ำพอประมาณ ต้มให้งวดหรือน้ำ 1 ใน 3 แล้วใช้ดื่มวันละครั้ง

    ขมิ้นอ้อย : ใช้แก้อาการท้องเดินที่ไม่ใช่บิดหรืออหิวาตกโรค ใช้ส่วนเหง้าหั่นเป็นชิ้นๆ ใช้ครั้งละ 1 กำมือ หรือน้ำหนักสด 20-30 กรัม หรือน้ำหนักแห้ง 10-20 กรัม ใส่น้ำพอควร ต้มให้เหลือ 1 ใน 3 เอาน้ำดื่มวันละครั้ง

    ข่า : แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และปวดท้อง ใช้ขนาดเท่ากับหัวแม่มือ สดประมาณ 5 กรัม แห้งประมาณ 2 กรัม ทุบให้แตก ต้มเอาน้ำดื่ม

    - ใช้รักษาโรคผิวหนังชนิดเกลื้อน โดยใช้เหง้าสดฝนกับเหล้าโรง หรือน้ำส้มสายชู หรือตำแล้วแช่แอลกอฮอล์ใช้ทาบริเวณที่เป็นเกลื้อน

    ขิง : แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อและปวดท้อง และอาการคลื่นไส้ อาเจียน ที่เกิดจากธาตุไม่ปกติ ใช้เหง้าสดขนาดเท่าหัวแม่มือ (ประมาณ 5 กรัม) ทุบให้แตก ต้มเอาน้ำดื่ม

    - แก้ไอและขับเสมหะ โดยใช้เหง้าขิงนำมาฝนกับน้ำมะนาวแทรกเกลือแบบข้นๆ แล้วใช้กวาดคอหรือจิบบ่อยๆ

    บอระเพ็ด : ใช้แก้ไข้ โดยตัดยาว 2.5 คืบ หรือหนัก 30-40 กรัม วิธีการคือ ตำเอาน้ำดื่มหรือต้มกับน้ำดื่ม ก่อนอาหารวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น หรือเวลามีอาการไข้

    พญายอ : ใช้รักษาโรคผิวหนังจำพวกเริมและงูสวัด ใช้ใบสดประมาณ 1 กำมือ หรือเตรียมไว้ใช้ได้ตามอาการ นำมาตำผสมกับเหล้า ทาบริเวณที่เกิดอาการ ทาบ่อยๆ

    -ใช้แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย (ไม่รวมพิษงู) ใช้ 2-10 ใบ ขยี้หรือตำให้แหลก นำมาทาหรือพอกบริเวณรอยกัดต่อย

    เพกา : แก้ไอและขับเสมหะ โดยใช้เมล็ดครั้งละ 1 กำมือ ใส่น้ำประมาณ 300 ซีซี ต้มพอเดือดเคี่ยวนาน 1 ชั่วโมง รับประทานวันละ 3 ครั้ง

    เพชรสังฆาต : ใช้รักษาโรคริดสีดวงทวารหนัก ใช้ส่วนเถาสด ยาว 1 ปล้อง หรือประมาณ 10 เซนติเมตร หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ห่อด้วยมะขามเปียกหรือใบผักกาดดอง แบ่งรับประทานวันละ 3 ครั้ง ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ ห้ามเคี้ยวให้กลืนทั้งห่อ เพราะจะระคายเคืองต่อเยื่อบุในปากได้

    ฟ้าทลายโจร : แก้อาการท้องเดิน ใช้ต้นแห้งหั่นเป็นชิ้นพอประมาณ 1-3 กำมือ (3-9 กรัม) ต้มเอาน้ำดื่ม ส่วนการแก้ไข้จะใช้ครั้งละ 1 กำมือ (แห้งหนัก 3 กรัม, สดหนัก 25 กรัม) ต้มกับน้ำดื่มก่อนอาหารเช้าและเย็น หรือเวลามีอาการไข้

    มะแว้งต้น : แก้ไอและขับเสมหะ ใช้ผลสด 5-10 ผล โขลกพอแหลกคั้นเอาแต่น้ำ ใส่เกลือจิบบ่อยๆ หรือใช้ผลสดเคี้ยวแล้วกลืนทั้งน้ำและเนื้อ

    มะแว้งเครือ : แก้ไอ และขับเสมหะ ใช้ผลสด 5-10 ผล ใบโขลกพอแหลกคั้นเอาน้ำ ใส่เกลือจิบบ่อยๆ หรือใช้ผลสดเคี้ยวแล้วกลืนทั้งน้ำและเนื้อ

    มะเดื่อชุมพร : ใช้แก้อาการท้องเดินที่ไม่ใช่บิดหรืออหิวาตกโรค ใช้ครั้งละประมาณ 1-2 กำมือ หรือหนัก 15-30 กรัม ต้มกับน้ำพอประมาณ เคี่ยวให้งวดเหลือ 1 ใน 3 เอาน้ำดื่มวันละครั้ง

    ลูกใต้ใบ : แก้ไข ใช้ครั้งละ 1 กำมือ (ใบแห้ง 3 กรัม ใบสด 25 กรัม) ต้มกับน้ำดื่มก่อนอาหารเช้าและเย็น หรือเวลามีอาการ

    เสลดพังพอน : ใช้รักษาโรคผิวหนังจำพวกเริมและงูสวัด โดยใช้ใบสดครั้งละ 1 กำมือ ตำให้ละเอียดแทรกด้วยพิมเสนเล็กน้อยนำมาทา หรือตำผสมเหล้าแล้วพอกบ่อยๆ บริเวณที่เป็นหรือใช้แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย (ไม่รวมงูพิษ) โดยใช้ 2-10 ใบ ขยี้หรือตำให้แหลกนำมาทาหรือพอกบริเวณที่เป็นโรค

    คงจะพอเห็นคุณค่าของเครื่องเทศและสมุนไพรกันไปแล้ว ด้านการใช้เป็นยาพื้นเมืองที่ใช้รักษาอาการเจ็บป่วยเบื้องต้นได้ครอบจักรวาล และวิธีการใช้ก็แสนง่าย หากมีไว้ในบ้าน ทีนี้ผมจะพาท่านพบกับ เครื่องเทศและสมุนไพรของไทยที่มีการส่งไปขายต่างประเทศ นำเงินตราเข้ามาปีละมากกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อเป็นกำลังใจกับผู้ที่ปลูกเครื่องเทศและสมุนไพรเป็นอาชีพ ไม่ว่าจะรายย่อยรายใหญ่จะส่งขายพ่อค้าท้องถิ่นส่งให้ผู้ส่งออกหรือโรงงานแปรรูป จะได้เกิดความมั่นใจในการประกอบอาชีพนี้ หรือเป็นข้อมูลเพื่อขยายการผลิต ปรับปรุงการผลิตให้ได้มาตรฐานทั้งการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ทำให้ได้คุณภาพตามลูกค้าต้องการ อีกอย่างคงมีผู้อ่านอีกหลายท่านที่ไม่เคยทราบข้อมูลเหล่านี้มาก่อนว่าเครื่องเทศและสมุนไพรไทยนั้น ทำเงินให้ประเทศชาติได้มากมายมหาศาล คงจะเป็นไอเดียให้กับผู้สนใจพืชกลุ่มนี้ได้พอสมควร มาดูข้อมูลกันครับ

    สร้างอาชีพให้คนไทยสร้างรายได้เข้าประเทศ

    จากข้อมูลกรมศุลกากร (2550) สรุปไว้ การส่งออกเครื่องเทศและสมุนไพรไปต่างประเทศ เป็นมูลค่ารวม ดังนี้ ในปี 2547 เป็นเงิน 1,876.7 ล้านบาท ปี 2548 เป็นเงิน 1,693.5 ล้านบาท และปี 2549 เป็นเงิน 1,710.9 ล้านบาท โดยในปี 2549 มีการส่งเครื่องเทศและสมุนไพรในรูปของพริกแห้งและพริกป่น 90.6 ล้านบาท กลุ่มขมิ้น ขิง ข่า และหอมแขก เป็นเงิน 453.7 ล้านบาท รูปของสารสกัดจากสมุนไพรต่างๆ เป็นเงิน 361.7 ล้านบาท พริกไทยป่นและเมล็ด เป็นเงิน 35.3 ล้านบาท มะขามเปียก 61.1 ล้านบาท นอกนั้นเป็นเครื่องเทศและสมุนไพรอื่นๆ ที่เป็นผลผลิตสดและแปรรูปที่เป็นส่วนประกอบของอาหารที่ประเทศไทยส่งออกไป 3 ลักษณะใหญ่ๆ คือ ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์อาหารกึ่งสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์วัตถุดิบสำหรับอาหารไทยและอาหารต่างประเทศ โดยมีประเทศต่างๆ ที่เราส่งไปขาย 10 อันดับ ตามมูลค่าการส่งออก ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น พม่า ปากีสถาน อินเดีย เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ บังกลาเทศ ฮ่องกง และเนปาล ส่วนประเทศลูกค้าอื่นๆ ได้แก่ เยอรมนี เบลเยียม ฝรั่งเศส สวีเดน แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน กัมพูชา มาเลเซีย เวียดนาม ตรงนี้ท่านจะเห็นว่าเครื่องเทศและสมุนไพรนั้นสร้างเงินเข้าประเทศนับพันล้านบาทต่อปี ลองคิดดูสิครับว่าในส่วนนี้จะมีเกษตรกร พ่อค้า นักธุรกิจ และผู้ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่กระบวนการผลิตในฟาร์มถึงส่งขายปลายทางกี่ราย พวกเขาเหล่านั้นอยู่ได้ด้วยการมีอาชีพ มีรายได้จากเครื่องเทศและสมุนไพรทั้งสิ้น นั่นเป็นด้านที่เราดูว่าประสบความสำเร็จในการส่งเสริมและพัฒนาเครื่องเทศและสมุนไพร จนส่งขายเป็นสินค้าสู่ตลาดโลกได้แล้ว โดยเฉพาะแถบตลาดยุโรป (กลุ่ม อียู) ที่กำลังเป็นตลาดใหญ่ของไทย
    [/FONT]
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [FONT=Tahoma,]
    ศักยภาพการพัฒนา

    กับปัญหาอุปสรรค


    ขณะที่พวกเรากำลังมีความหวังกับการส่งผลผลิต/ผลิตภัณฑ์จากเครื่องเทศและสมุนไพรไปตลาดยุโรปนั้น ก็มี 3 เหตุการณ์ ที่ผมคิดว่าอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุน ระหว่างประเทศไทยกับกลุ่มยุโรป (เครื่องเทศและสมุนไพรก็เป็นส่วนหนึ่งของการค้าและการลงทุนระหว่างกลุ่มคนไทยกับกลุ่มคนในยุโรป) ด้วยเหตุการณ์ที่ว่านี้ คือ

    ประเด็นที่ 1 การที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศสิทธิเหนือสิทธิบัตร (CL) ด้านไวรัสโรคเอดส์ และโรคมะเร็ง โดยเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งบริษัทเจ้าของสิทธิบัตรส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป (อเมริกาด้วย)

    ประเด็นที่ 2 กรณีนักท่องเที่ยวสาวชาวสวีเดนถูกฆาตกรรมที่ ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ทำให้เสียภาพลักษณ์กับประเทศไทย เพราะสวีเดนเป็นประเทศคู่ค้าเครื่องเทศและสมุนไพรกับไทย

    ประเด็นที่ 3 เป็นเรื่องของสารปนเปื้อนและสารเคมีตกค้างในสินค้าเกษตรที่ไทยส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ อียู และประเทศเบลเยียม โดยมีการตรวจพบสารปนเปื้อนและสารเคมีต้องห้ามในสินค้าเกษตร คือ ใบโหระพา ใบกะเพรา ใบสะระแหน่ และผักชี เป็นการตรวจพบเกือบทุกสัปดาห์ จนมีการระงับการส่งสินค้าจากประเทศไทยเป็นการชั่วคราวไปแล้ว

    จากข้อเขียนข้างต้นทำให้เห็นสถานการณ์ 2 ด้าน ด้านหนึ่งเป็นโอกาสของประเทศไทยในการพัฒนาเครื่องเทศและสมุนไพรมาใช้ในรูปแบบแพทย์แผนโบราณ เป็นการพึ่งพาตนเองยุคข้าวยากหมากแพง และในการสร้างการยอมรับสินค้าเกษตรในกลุ่ม อียู ได้ ซึ่งปกติเป็นเรื่องที่ยากและต้องใช้เวลานานในการเจาะตลาดแห่งนี้ แต่ด้านหนึ่งก็เป็นเรื่องน่าเสียดายที่พวกเราเองก็มีจุดอ่อนจากการกระทำของคนไทยด้วยกันเอง ที่เป็นเสมือนกับดักการส่งเสริมและพัฒนาที่ภาครัฐ เกษตรกรและเอกชน ส่วนหนึ่งได้ร่วมกันสร้างสรรค์ จนเครื่องเทศและสมุนไพรไทยกลายเป็นสินค้าเกษตรที่สำคัญของประเทศชาติ สร้างมูลค่าอย่างมหาศาล สร้างงานสร้างอาชีพให้เกษตรกรไทยจำนวนมาก ก็คงจะต้องฝากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแก้ปมปัญหาสำคัญทั้ง 3 ประเด็น ที่เกิดขึ้นให้เรียบร้อย ไม่เช่นนั้นจะเป็นตัวฉุดกระชากหน่วงเหนี่ยวให้เครื่องเทศและสมุนไพรรวมทั้งสินค้าอื่นๆ จากประเทศไทยมีปัญหาส่งออกไปตลาดกลุ่ม อียู และอาจลุกลามถึงตลาดอื่นด้วย เพราะยุคนี้เป็นยุคไอที ที่ข้อมูลข่าวสารจะถึงกันหมด

    ดังนั้น จึงต้องตระหนักและระมัดระวังในการดำเนินการใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกัน เพราะจะทำให้ประเทศเราเสียประโยชน์ อีกประเด็นที่อยากจะฝากไว้กับเครื่องเทศและสมุนไพรไทยคือ การขาดงานวิจัยเชิงลึกเพื่อค้นหาสาระสำคัญเชิงคุณค่า จะเข้าทำนอง "มีของดีแล้วไม่รู้จักใช้" ไม่รู้จักรักษา ปล่อยให้คนอื่นเขามาเอาไปวิจัยสกัดสารสำคัญที่ใช้เป็นยารักษาโรคหรือสารที่สร้างเสริมสุขภาพได้อย่างมหัศจรรย์ สร้างความร่ำรวยกันไปแล้ว ตัวอย่าง เปล้าน้อย และกวาวเครือ ที่พวกเราไม่เคยสนใจ ยังมีเครื่องเทศและสมุนไพรอีกหลายชนิดที่มีศักยภาพ แต่ก็สุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียไป ฝากใครก็ได้ครับที่มีหน้าที่รับผิดชอบ เป็นยังไงบ้างครับ เรื่องของเครื่องเทศและสมุนไพรที่นำมาเสนอผู้อ่านวันนี้ ก็คงจะให้สาระความรู้และข้อคิดที่เป็นประโยชน์กันบ้างไม่มากก็น้อย ใครมีอะไรขอให้ช่วยกันส่งข่าวกันบ้าง เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบทูเวย์จะได้ไม่หลงทาง ที่สำคัญผู้อ่านทั่วประเทศจะได้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสารที่พวกเราได้ช่วยกันนำเสนอผ่านวารสารเทคโนโลยีชาวบ้านเล่มนี้ เอาไว้ฉบับหน้าผมมีกรณีศึกษาของเกษตรกรผู้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเครื่องเทศและสมุนไพรแบบครบวงจร ตั้งแต่เริ่มต้นสวนเล็กๆ ขายผลผลิตแบบวัตถุดิบ จนพัฒนามาเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่มีมาตรฐานส่งขายในและต่างประเทศแทบไม่ทัน สร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

    อดใจไว้ฉบับหน้าครับ แลกเปลี่ยนข้อมูลได้ที่ สำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 3 จังหวัดระยอง โทร. (038) 611-578, (089) 095-0035



    เอกสารอ้างอิง

    1. กรมส่งเสริมการเกษตร. 2545. ผักสวนครัว. เอกสารคำแนะนำ

    2. กระทรวงสาธารณสุข. 2544. สมุนไพรพื้นบ้าน. สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์.

    3. หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. ฉบับ วันที่ 17 มีนาคม 2551

    4. หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. ฉบับ วันที่ 18 มีนาคม 2551

    5. http://www.ops2.moc.go.th/tradeth/cgi/ExComm2.asp

    [/FONT]
    <!-- / message --> <!-- sig -->

    *****************************************

    http://palungjit.org/showthread.php?t=130421
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียน ท่านผู้อ่านกระทู้ "พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้....." และ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ในคณะทุกๆท่าน

    ผมขอให้ทุกๆท่าน ที่ทำบุญหรือนั่งสมาธิ ในทุกๆเรื่อง เมื่อท่านทำบุญแล้ว ขอใหุ้ทุกๆท่าน ถวายบุญกุศลแด่ องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่้หัว
    ให้มากๆและบ่อยๆด้วยนะครับ

    ขอบพระคุณและโมทนาสาธุครับ
    sithiphong
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ถ้าเข้า พลังจิต (http://palungjit.org/) ไม่ได้ เข้าไปคุยกันที่ <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD>[​IMG]</TD><TD></TD><TD width="100%">บอร์ดอกาลิโกธรรมในจิต &raquo; พระสงค์สาวก-อริยบุคคล &raquo; </TD></TR><TR><TD class=navbar style="FONT-SIZE: 10pt; PADDING-TOP: 1px" colSpan=3>[​IMG]หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร</TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=8249

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    การร่วมทำบุญกับมูลนิธิ 3 แห่ง
    <O></O>

    1.มูลนิธิชัยพัฒนา<O></O>
    http://www.chaipat.or.th/chaipat/ind...d=20&Itemid=58
    การบริจาคสมทบมูลนิธิชัยพัฒนา <O></O>
    1. บริจาคโดยโอนผ่านทางธนาคาร ดังนี้

    - บริจาคสมทบมูลนิธิชัยพัฒนา

    ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยสวนจิตรลดา ชื่อบัญชี มูลนิธิชัยพัฒนา
    บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 067-2-00011-9 <O></O>

    2. บริจาคเป็นธนาณัติ / ตั๋วแลกเงินไปษณีย์

    กรุณาสั่งจ่าย มูลนิธิชัยพัฒนา
    ปณ. จิตรลดา กรุงเทพมหานคร 10303

    กรณีโอนเงินผ่านทางธนาคาร : ใคร่ขอความกรุณาผู้บริจาคนำสำเนาใบโอนเงิน
    พร้อมเขียนชื่อ - ที่อยู่ พร้อมเบอร์ติดต่อกลับอย่างชัดเจน
    ส่งกลับมาที่ โทรศัพท์ 0-2282-4425-8 และ 0-2282-3338
    โทรสาร 0-2282-3339

    หมายเหตุ จำนวนเงินที่บริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ภายในปีที่บริจาค<O></O>
    <O></O>

    2. มูลนิธิพระดาบส
    http://www.onec.go.th/coleg/dabot/dabot6.htm<O></O>
    <O></O>

    การบริจาค<O></O>


    การบริจาคเงินเพื่อโดยเสด็จพระราชกุศล


    สมทบทุน มูลนิธิพระดาบสสามารถทำได้โดยวิธีดังต่อไปนี้<O></O>




     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://palungjit.org/showthread.php?p=1215400#post1215400

    งานบุญ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่ 1890-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ


    ชุดพิเศษ 2

    1.ครั้งแรกในเดือน มกราคม 2550
    ผมนำเข้าพิธีพุทธาภิเษก การอาราธนาพระบารมี พระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุทเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า และหลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า
    ซึ่งผมเรียกพระพิมพ์ที่เข้าพิธีพุทธาภิเษกในครั้งนี้ว่า พระพิมพ์ชุดพิเศษ 2


    2.ครั้งที่สองในเดือนกุมภาพันธ์ 2550
    ผมนำพระพิมพ์เข้าพิธีพุทธาภิเษก การอาราธนาพระบารมี พระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุทเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า และหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์
    ซึ่งผมเรียกพระพิมพ์ที่นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกในครั้งที่สองว่า พระพิมพ์ชุดพิเศษ 2


    [​IMG]
    พระปิดตาวังหน้า(หลังแบบ)
    ร่วมทำบุญ 700 บาท/1องค์ จำนวน 2 องค์
    (พี่ท่านนึง จอง 1 องค์) คงเหลือ 1 องค์
    (คุณชวภณ จอง 1 องค์) หมดแล้ว ส่งพระพิมพ์แล้ว

    [​IMG]
    พระสมเด็จวังหน้า
    ร่วมทำบุญ 700 บาท/1องค์ จำนวน 5 องค์
    (พี่ท่านนึง จอง 1 องค์) คงเหลือ 4 องค์
    (คุณชวภณ จอง 1 องค์) คงเหลือ 3 องค์ ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณnarin96 จอง 1 องค์) คงเหลือ 2 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณ jirautes จอง 1 องค์) คงเหลือ 1 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว


    [​IMG]
    พระสมเด็จวังหน้า
    ร่วมทำบุญ 700 บาท/1องค์ จำนวน 5 องค์
    (พี่ท่านนึง จอง 1 องค์) คงเหลือ 4 องค์
    (คุณชวภณ จอง 1 องค์) คงเหลือ 3 องค์ ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณnarin96 จอง 1 องค์) คงเหลือ 2 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณ jirautes จอง 1 องค์) คงเหลือ 1 องค์ โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณเกสรซ์ จอง 1 องค์) หมดแล้ว โอนเงินร่วมบุญแล้ว ส่งพระพิมพ์แล้ว



    [​IMG]
    พระสมเด็จหลังเบี้ย
    ร่วมทำบุญ 500 บาท/1องค์ จำนวน 5 องค์
    (พี่ท่านนึง จอง 1 องค์) คงเหลือ 4 องค์
    (คุณชวภณ จอง 1 องค์) คงเหลือ 3 องค์ โอนเงินร่วมบุญแล้ว ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณเชน จอง 1 องค์) คงเหลือ 2 องค์ โอนเงินแล้ว ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณชวภณ จอง 1 องค์) คงเหลือ 1 องค์ ส่งพระพิม์แล้ว
    (คุณวินัยธร จอง 1 องค์) หมดแล้ว โอนเงินร่วมบุญแล้ว ส่งพระพิมพ์แล้ว

    [​IMG]
    พระสมเด็จไกเซอร์
    ร่วมทำบุญ 500 บาท/1องค์ จำนวน 5 องค์
    (พี่ท่านนึง จอง 1 องค์) คงเหลือ 4 องค์
    (คุณชวภณ จอง 1 องค์) คงเหลือ 3 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณnarin96 จอง 1 องค์) คงเหลือ 2 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณpucca2101 จอง 1 องค์) คงเหลือ 1 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว

    [​IMG]
    พระเก๋งจีนไตรโลกอุดร(เนื้อกรมท่า)
    ร่วมทำบุญ 500 บาท/1องค์ จำนวน 5 องค์
    (พี่ท่านนึง จอง 1 องค์) คงเหลือ 4 องค์
    (คุณชวภณ จอง 1 องค์) คงเหลือ 3 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณnarin96 จอง 1 องค์) คงเหลือ 2 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณเชน จอง 1 องค์) คงเหลือ 1 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณเชน จอง 1 องค์) หมดแล้ว (โอนเงินร่วมบุญแล้ว ) ส่งพระพิมพ์แล้ว

    [​IMG]
    พระเก๋งจีนไตรโลกอุดร(เนื้อปัญจสิริ)
    ร่วมทำบุญ 500 บาท/1องค์ จำนวน 5 องค์
    (พี่ท่านนึง จอง 1 องค์) คงเหลือ 4 องค์
    (คุณชวภณ จอง 1 องค์) คงเหลือ 3 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณkwok จอง 1 องค์) คงเหลือ 2 องค์ โอนเงินร่วมบุญแล้ว รับพระแล้ว
    (คุณพรสว่าง 2008 จอง 1 องค์) คงเหลือ 1 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณpucca 2101 จอง 1 องค์) หมดแล้ว (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว

    [​IMG]
    พระสมเด็จ(เนื้อปัญจสิริ)
    ร่วมทำบุญ 500 บาท/1องค์ จำนวน 7 องค์
    (พี่ท่านนึง จอง 1 องค์) คงเหลือ 6 องค์
    (คุณชวภณ จอง 1 องค์) คงเหลือ 5 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณnarin96 จอง 1 องค์) คงเหลือ 4 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณ jirautes จอง 1 องค์) คงเหลือ 3 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณwood6208 จอง 1 องค์) คงเหลือ 2 องค์
    (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณonimaru_u จอง 1 องค์) คงเหลือ 1 องค์ ส่งพระพิมพ์แล้ว (โอนเงินร่วมบุญแล้ว)



    [​IMG]
    พระปิดตาวังหน้า(สองหน้า)
    พระปิดตาวังหน้า สีดำ/1องค์ ร่วมทำบุญ 500 บาท จำนวน 5 องค์
    (คุณชวภณ จอง 1 องค์) คงเหลือ 4 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว

    พระปิดตาวังหน้า สีขาว/1องค์ ร่วมทำบุญ 500 บาท จำนวน 5 องค์
    (คุณชวภณ จอง 1 องค์) คงเหลือ 4 องค์ โอนเงินร่วมบุญแล้ว ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณpucca 2101 จอง 1 องค์) คงเหลือ 3 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว

    [​IMG]
    พระปิดตาสี่กร (เนื้อปัญจสิริและเนื้อกรมท่า)
    พระปิดตาสี่กร เนื้อปัญจสิริ/1องค์ ร่วมทำบุญ 500 บาท จำนวน 5 องค์
    (พี่ท่านนึง จอง 1 องค์) คงเหลือ 4 องค์
    (คุณชวภณ จอง 1 องค์) คงเหลือ 3 องค์ โอนเงินร่วมบุญแล้ว ส่งพระพิมพ์แล้ว (รอส่งเพิ่มเติม) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณkwok จอง 1 องค์) คงเหลือ 2 องค์ โอนเงินร่วมบุญแล้ว รับพระแล้ว
    (คุณเทพารักษ์ จอง 1 องค์) คงเหลือ 1 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณเชน จอง 1 องค์) หมดแล้ว ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณเชน จอง 1 องค์) โอนเงินแล้ว ส่งพระพิมพ์แล้ว


    พระปิดตาสี่กร เนื้อกรมท่า/1องค์ ร่วมทำบุญ 500 บาท จำนวน 5 องค์
    (พี่ท่านนึง จอง 1 องค์) คงเหลือ 4 องค์
    (คุณชวภณ จอง 1 องค์) คงเหลือ 3 องค์ โอนเงินร่วมบุญแล้ว ส่งพระพิมพ์แล้ว(รอส่งเพิ่มเติม) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณเทพารักษ์ จอง 1 องค์) คงเหลือ 2 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณเชน จอง 1 องค์) คงเหลือ 1 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณเชน จอง 1 องค์) หมดแล้ว (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว

    [​IMG]
    พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า (รักแดงหรือชาด)
    ร่วมทำบุญ 500 บาท/1องค์ จำนวน 10 องค์
    (พี่ท่านนึง จอง 1 องค์) คงเหลือ 9 องค์
    (คุณชวภณ จอง 1 องค์) คงเหลือ 8 องค์ โอนเงินร่วมบุญแล้ว ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณเชน จอง 1 องค์) คงเหลือ 7 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณonlyboon จอง 1 องค์) คงเหลือ 6 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณพรสว่าง 2008 จอง 1 องค์) คงเหลือ 5 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณชวภณ จอง 1 องค์) คงเหลือ 4 องค์ ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณofferrer จอง 1 องค์ ผมเลือกให้) คงเหลือ 3 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    (คุณเชน จอง 2 องค์) คงเหลือ 1 องค์ (โอนเงินร่วมบุญแล้ว ส่งพระพิมพ์แล้ว


    หมายเหตุ
    1.คุณพรหมประกาศิต ร่วมทำบุญ 5,000 บาท
    2.คุณลูกลพ.เขาสาริกา ร่วมทำบุญ 2,000 บาท (ขอรับพระผงยาวาสนา 1 องค์) ส่งพระพิมพ์แล้ว
    3.คุณseata<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT> ร่วมทำบุญ 200 บาท (ขอรับผ้ายันต์ครอบจักรวาล ) ส่งผ้ายันต์แล้ว (26/5/2551)


    หมายเหตุ 2 หากท่านที่มีประสงค์จะร่วมทำบุญ แต่ไม่มั่นใจว่า พระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชา เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่แท้หรือไม่เป็นที่นิยมของวงการพระเครื่องไทย(การซื้อ-ขาย) ก็ไม่ต้องรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไปครับ

    หมายเหตุ 3 หากผมลงรายละเอียดการทำบุญ(ไม่ว่าจะลงชื่อท่านผู้ร่วมทำบุญ ,การส่งพระพิมพ์ หรือจำนวนเงินที่ร่วมทำบุญ ฯลฯ)

    พระวังหน้า ที่ผมนำมามอบให้กับผู้ที่ทำบุญในกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่ 1890-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ และผมได้บอกบุญในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้ เป็นพระพิมพ์ที่ไม่สามารถที่จะนำไปซื้อ-ขายในวงการพระเครื่องของเมืองไทยได้

    แต่หากจะนำไปเพื่อเป็นพุทธานุสติ และหรือการห้อยคอ และหรือการบูชาต่างๆ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุกสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ( การบูชาพระคุณพระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุธเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า เนื่องจากการนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกเพิ่มเติม) ,การบูชาพระคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ,องค์อุปราชวังหน้า รัตนโกสินทร์ทุกๆพระองค์ และทั้งช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ,วังหลวง ,วังหลัง และช่างราษฎร์ทุกๆท่านครับ

    ซึ่งเรื่องที่ผมได้บอกนั้น เป็นความเชื่อ ,ความเห็นของผม รวมทั้งคณะของผม ซึ่งก็แล้วแต่ท่านผู้ร่วมทำบุญและท่านผู้อ่านทุกๆท่าน จะมีความคิดเห็นอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ครับ

    โมทนาบุญทุกประการกับทุกๆท่านครับ

    .
    <!-- / message --><!-- sig -->
    <!-- / message --><!-- sig -->
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    เรียน ท่านผู้อ่านทุกๆท่าน

    ผมมีรูปหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 5 พระองค์ ( หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน) อธิษฐานจิตทั้ง 5 พระองค์) อยู่จำนวนหนึ่ง

    และผมมีผ้ายันต์ครอบจักรวาล (รายละเอียดด้านล่าง) อยู่จำนวนหนึ่ง

    ซึ่งท่านที่ร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่ 1890-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ ที่มีความประสงค์ที่จะขอรับไว้เพื่อบูชา โปรดแจ้งมาให้ผมทราบด้วยนะครับ

    ส่วนรายละเอียดเรื่องของผ้ายันต์ครอบจักรวาล ตามนี้ครับ
    เชิญร่วมบุญผ้ายันต์ครอบจักรวาลรุ่นพิเศษเพื่อแจกจ่ายผู้ปฎิบัติงานใน 3 จังหวัดภาคใต้
    http://palungjit.org/showthread.php?p=583434
    http://www.palungjit.org/board/showt...434#post583434
    [​IMG]

    เรื่องที่เกี่ยวข้องกับพิธีพุทธาภิเษก วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม 2550<O>:p</O>:p
    กระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้<O>:p</O>:p
    หลวงปู่สุภา กันตสีโล โพสที่ 6010 หน้าที่ 601<O>:p</O>:p
    หลวงปู่สุภา กันตสีโล โพสที่ 6034 หน้าที่ 604<O>:p</O>:p
    สำเร็จลุน โพสที่ 6138 หน้าที่ 614<O>:p</O>:p
    พระครูโพนเสม็ด (ญาคูขี้หอม) โพสที่ 6139 หน้าที่ 614<O>:p</O>:p
    พระอาจารย์สีทัตถ์ วัดท่าอุเทน นครพนม โพสที่ 6140 หน้าที่ 614<O>:p</O>:p
    พระอาจารย์สีทัตถ์ วัดท่าอุเทน นครพนม โพสที่ 6141,6142,6143 หน้าที่ 615<O>:p</O>:p
    พระครูโพนเสม็ด (ญาคูขี้หอม) โพสที่ 6176,6178,6179,6180 หน้าที่ 618<O>:p</O>:p
    พระอาจารย์สีทัตถ์ วัดท่าอุเทน นครพนม โพสที่ 6181,6182,6183,6184,6185 หน้าที่ 619<O>:p</O>:p
    พระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปาน) โพสที่ 6186,6187,6188 หน้าที่ 619<O>:p</O>:p
    พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) โพสที่ 6189 หน้าที่ 619<O>:p</O>:p

    ผ้ายันต์ครอบจักรวาลนี้ ได้รับการอธิษฐานจิต จาก หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 5 พระองค์ ,สำเร็จลุน พระครูโพนเสม็ด (ญาคูขี้หอม) พระอาจารย์สีทัตถ์ วัดท่าอุเทน นครพนม ,พระครูวิหารกิจจานุการ(หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค) พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง) , หลวงปู่สุภา กันตสีโล

    โมทนาสาธุครับ<O>:p</O>:p
    <!-- / message --><!-- sig -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ โชคชัยชนะ [​IMG]
    สำหรับผ้ายันต์ครอบจักรวาล ที่จะมอบให้กับท่านที่ร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ถ้าหากว่า งานสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งเสร็จเรียบร้อย หรือผมเห็นว่า สมควรที่จะยุติการมอบผ้ายันต์ ผมก็จะไม่นำมามอบให้อีกนะครับ เป็นผ้ายันต์ที่รวมองค์ผู้อธิษฐานจิตไว้ถึง 3 สาย ซึ่งไม่ธรรมดาครับ

    สำหรับการมอบผ้ายันต์ให้กับทหารๆ ที่ผ่านมา เท่าที่ตรวจสอบมานั้น ยังไม่มีผู้ที่ได้รับอันตรายเลยครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อย่าลืมแจ้งมานะครับ สำหรับท่านที่ร่วมบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งทุกๆท่านครับ

    โมทนาสาธุครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ท่านที่ร่วมทำบุญขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ในกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่ 1890-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ

    หากท่านใดที่ได้รับรูปหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร และผ้ายันต์ครอบจักรวาล มากกว่า 1 ใบ(หรือ 1 ผืน) สามารถที่จะนำไปมอบให้กับผู้ที่ท่านรักและห่วงใยได้นะครับ หรือถ้าท่านใดที่เคยร่วมทำบุญแล้ว และทำบูญเพิ่มอีก มีความประสงค์ที่จะขอรับรูปหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร และผ้ายันต์ครอบจักรวาลเพิ่มเติม สามารถแจ้งเข้ามาได้และระบุจำนวนที่จะขอรับเข้ามาได้เลย แต่ผมรบกวนไม่เกินท่านละ 10 ใบและ 5 ผืน จะได้มีไว้มอบกับท่านอื่นๆด้วยครับ

    ขอบคุณและโมทนาสาธุครับ

    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  17. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    มารายงานตัวกันเร็วครับ......:cool:
    เดี๋ยวท่านปา-ทาน จะมาแจ้งให้ทุกท่านที่สนใจในกะทู้พระวังหน้าสามารถติดตามได้อีกที่หนึ่งครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2008
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ช่วงที่เว็บพลังจิตเข้าไม่ได้ ผมได้ไปที่เว็บบอร์ดอกาลิโกธรรมในจิต ตามนี้ครับ

    กระทู้หลักที่ผมเปิดไว้ มีตามนี้ครับ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD>[​IMG]</TD><TD></TD><TD width="100%">บอร์ดอกาลิโกธรรมในจิต &raquo; </TD></TR><TR><TD class=navbar style="FONT-SIZE: 10pt; PADDING-TOP: 1px" colSpan=3>[​IMG] 108 โทรโข่ง </TD></TR></TBODY></TABLE>

    1. "พระวังหน้า ที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้....."
    http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=8477

    2.ขอความเมตตาต่อชีวิตพระ-เณร สนส.บ่อเงินบ่อทอง
    http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=5793

    3.ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ
    http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=9798


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD>[​IMG]</TD><TD></TD><TD width="100%">บอร์ดอกาลิโกธรรมในจิต &raquo; </TD></TR><TR><TD class=navbar style="FONT-SIZE: 10pt; PADDING-TOP: 1px" colSpan=3>[​IMG]พระสงค์สาวก-อริยบุคคล</TD></TR></TBODY></TABLE>

    4.หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=8249

    5.ประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี จากบันทึกของ มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์)
    http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=20037

    6.ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน
    http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=20039

    ส่วนบทสวดมนต์ที่ผมได้พิมพ์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2542 ผมจะทยอยนำมาลงในเว็บอกาลิโก หากท่านใดต้องการเข้าไปอ่าน สามารถเข้าไปได้ที่

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD>[​IMG]</TD><TD></TD><TD width="100%">บอร์ดอกาลิโกธรรมในจิต &raquo; </TD></TR><TR><TD class=navbar style="FONT-SIZE: 10pt; PADDING-TOP: 1px" colSpan=3>[​IMG]ไหว้พระหน้าคอม</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ชื่อกระทู้ บทสวดมนต์ รวบรวมโดย sithiphong
    http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=20018

    โมทนาสาธุครับ
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมเองคงไปที่เว็บอกาลิโกบ่อยมากขึ้น สำหรับท่านผู้อ่านที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเว็บไซด์พลังจิตหรือเว็บอกาลิโก ท่านสามารถโพสได้ที่เว็บอกาลิโก แต่ข้อความที่ท่านโพส ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้เท่านั้น ท่านสามารถที่จะไปพูดคุยกันได้ที่เว็บอกาลิโกครับ

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

แชร์หน้านี้

Loading...