เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ยินดีต้อนรับคุณ avatar_boy สู่ห้องวิทย์ฯอย่างไม่บังเอิญครับ
    แสงสว่างแห่งความรู้ปรากฎขึ้นที่ไหน จะมีผู้ค้นหาและพร้อมที่จะเข้าใจอย่างแน่นอนครับ
    มีอะไรก็เข้ามาแบ่งปัน-พูดคุยที่โต๊ะกลมที่ปราศจากเส้นผ่านศูนย์กลางนี้ได้เลยครับ
    ห้องนี้สนุกที่จะเรียนรู้เสมอครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2008
  2. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    เห็นด้วยครับ..ภาวะที่สุขสงบทางร่างกายและจิตใจอยู่ไม่ไกลครับ
    ความเชื่อและความคิดของเราจะดึงดูดชักนำมาสู่ประสบการณ์นั้นๆมาสู่เราได้จริงๆ
    ขอบคุณพี่นักเขียนครับสำหรับคำตอบเรื่องบ้านในฝัน..เราไม่ต้องฝันไกลๆอีกต่อไปแต่จะทำให้ฝันนั้นเป็นจริงได้ในปัจจุบันครับ..ว่าไป พอมานับดูนี่ ตัวผมเองก็ย้ายบ้านมา 8-9 หลังแล้วนะเนี่ย..แต่ทุกหลังก็จะมีเรื่องราวที่น่าจดจำและเติมเต็มประสบการณ์ของเราได้มากมายที่เดียวครับ..ต่อไปหากต้องย้ายบ้านอีกคงสนุกสนานล่ะครับ..เพราะทำให้เกิดความสุขที่เป็นจริงได้ในทุกเวลานะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2008
  3. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    แล้วคุณชยุตต้องตามมาแปลที่นี่อีกหรือเปล่าครับ คิกๆๆ

    เมื่อวานผมคิดว่าพอเข้าใจเรื่องการจับสติมากขึ้น จากแต่ก่อนที่เหมือนใช้สมองจับความรู้สึก แต่จริงๆ แล้วต้องใช้ความรู้สึกทางกายใช่หรือเปล่าครับ อืม มันก็อธิบายลำบากเหมือนกัน คือแต่ก่อนบางครั้งก็ประมาณว่านึกภาพตัวเองทำท่าทางตามร่างกายจริง แต่หลังๆ มาวันสองวันก่อน ได้ลองเปลี่ยนมาจับที่ความรู้สึกที่กายแทน

    เมื่อวานที่รู้สึกได้ชัด ก็จากการร้องคาราโอเกะ อิอิ (tm-love)

    ตอนแรกๆ เวลาร้องจะติดนิสัยเดิมคือ นึกไปว่าเสียงสูงต้องทำยังไง พยายามจับจังหวะในการร้องว่าตรงนี้จะหยุดนิดนึง อะไรประมาณนี้ พอร้องไปซักพักใหญ่ๆ ประมาณว่าพอเริ่มอินกับเพลงมั้ง อิอิ

    สติไปจับที่ปาก ที่คำพูดที่เราร้องออกมาแต่ละคำ แต่ก่อนรู้สึกว่าไม่ค่อยได้ยินเสียงที่ตัวเองร้องเท่าไหร่ ว่าสูงต่ำขนาดไหน เกร็งๆ ว่าเสียงจะสูงจะต่ำไม่เท่ากับเพลง แต่พอทำอย่างนั้นแล้ว ได้ยินเสียงตัวเองว่าสูงต่ำยังไง และก็ปล่อยความรู้สึกไปกับทำนองเพลง จังหวะในการร้องก็ไปเอง ทีนี้ตอนร้องเพลง ท่อนที่ร้องเสียงสูงก็ไม่รู้สึกเจ็บคอแล้ว เสียงก็ออกจากท้องเป็นธรรมชาติ

    เออ คนอื่นเค้าก็คงทำได้เป็นธรรมชาติเป็นปกติกันได้เป็นธรรมดาล่ะมั๊งนะ คงมีแต่เราแต่ก่อนที่ใช้"ความคิด" ในการร้องมากไปหน่อย -_-'' ก็เลยออกมา >_< ทุกที

    แต่ว่าตอนหลังสุดก่อนจะเลิกร้อง ก็ร้องเพลงพรหมลิขิตของ big ass ไปหลายที ตอนร้องรู้สึกว่าอินกับเพลงมาก ตอนจบยังรู้สึกถึงความรักความอ่อนโยนยังคงอยู่ในใจเลยครับ ^_^ ตอนร้องซาบซึ้งกับ mv มากครับ หุหุ ตอนที่คู่รักหลายๆ คู่มาแสดงความรักต่อกัน รู้สึกดีมากๆ ครับ

    สงสัยจะรั่วไปหน่อยแล้วเรา กับโพสนี้ [Embarrass
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2008
  4. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    นั่นสิ คุณชยุตคงตามมาแปล..อิอิ
    ;) อัดเสียงร้องมาให้เพื่อนๆฟังบ้างสิครับ..คุณซิปฯ..cheer up !!! ;)
    มีเพื่อนๆมาปูเสื่อรอฟังเพียบเลยคับ อิอิ


    denceedenceedencee​

    ignorrignorrignorr​

    chearr​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2008
  5. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ยินดีต้อนรับคุณ avatar_boy เช่นกันครับ (smile)
    ไม่มีเรื่องบังเอิญอย่างแน่นอนครับ ณ ที่นี้ เป็นโต๊ะสนทนา ที่ปราศจากการแบ่งแยกครับ

    คุณ zip ท่าทางจะหลอมรวมตัวตนนักร้องดังในอีกมิติมาสู่ชีวิตประจำวันซะแล้ว

    กำลังรอฟัง เพลงพรหมลิขิต อยู่นะครับ เพลงนี้ความหมายดี และมิวสิคก็เข้ากันกับเนื้อหาเลยครับ ทำให้นึกไปถึงเพลงหัวใจเดียวกัน ของเสือธนพลเลยครับ ถึงคนร้องจะคนละคน แต่ mv เป็นความรักจากชีวิตจริงของคู่รักในวัยต่างๆ เห็นแล้วรู้สึกได้ถึงความรักที่อยู่ระหว่างคู่รักจริงๆ ไปด้วยเลยครับ อิอิ chearrdencee
     
  6. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    อะแฮ่ม แหมพึ่งร้อง"เป็น" ครั้งแรกเอง อย่านึกภาพไปว่าจะเพราะพริ้งอะไรนักหนานะครับ ^_^

    เพลงนั้นชอบที่เสียงกีตาร์ด้วยครับ เสียงกีตาร์โปร่ง(รึเปล่า) ฟังดูซึ้งๆ ดีครับ ผมว่าฟังเพลงไม่ได้อารมณ์เท่าดู MV ไปด้วยนะครับเนี่ย

    มีบางอารมณ์รู้สึกอยากแต่งกลอนมาแว๊บๆ ด้วยสิครับ แต่เวลาและสถานที่ไม่เอื้อ อารมณ์นั้นก็หายไปครับ อิอิ
     
  7. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ศิลปิน วาดภาพ ก็ทำแล้ว แต่งนิยายก็ทำแล้ว...ลองเปลี่ยนบทมาเป็น นักร้องกันบ้างก็ดีน่ะค่ะ...อืมม์...แต่ในที่นี้ ก็ดูๆ มีนักร้องเก่งๆอยู่หลายท่านเลยนะเนี่ย

    ห้องวิทย์ เนี่ย ไม่ธรรมดานะค่ะ...ใครอยากทำอะไร เป็นอะไร ก็ทำได้หมดเลย เหมือนที่พี่นักเขียนเคยบอกว่า...พวกเราทุกคน ต่างมีพลังความสามารถ กันอย่างไม่จำกัดเป็นอนันต์

    ดีใจ ที่คุณ avata_boy มาเยี่ยมเยือน
    ยินดีต้อนรับค่ะ

    [​IMG]
     
  8. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ยินดีต้อนรับคุณ avatar_boy เข้าสู่ห้องวิทย์ฯ ค่ะ
    และเปลี่ยนบรรยากาศมาอ่านนวนิยายของ Prissila บ้างนะคะทุก ๆ คน .. อิอิ..
    .....................
    Prissila 4
    เมื่อตัดสินใจไปเรียนที่ ม.รามคำแหงกับเพื่อนแล้ว ก็นัดแนะกันเพื่อซื้อตั๋วรถทัวร์เข้ากรุงเทพฯ แต่เพื่อนขอให้เดินทางด้วยรถโดยสารธรรมดาเพราะประหยัดดี พอถึงวันเดินทางเพื่อนกลับบอกว่าเค้าไม่สามารถไปเรียนได้แล้วเพราะพ่อไม่ให้ไป Prissila ก็นิ่งเงียบไปเลยไม่กล้าบอกพ่อว่าเพื่อนไม่ไปเรียนด้วยแล้ว เลยตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯ คนเดียวด้วยตั๋วรถธรรมดาจำนวน 2 ที่นั้น แถมครอบครัวคุณป้าที่อยู่กรุงเทพฯ ก็เดินทางไปพักผ่อนต่างจังหวัดไม่มีใครอยู่บ้านเลย นอกจากแม่บ้านที่ไม่เคยเดินทางไปไหนมาก่อน

    นี่เป็นครั้งแรกที่ Prissila เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ด้วยรถโดยสารประจำทาง เธอเคยไปเยี่ยมครอบครัวคุณป้าเพียงครั้งเดียวเมื่อยังเล็ก เลยจำเส้นทางไปบ้านไม่ได้แล้ว ในค่ำคืนของการเดินทางนัยตาของเธอลุกโพลงมีเสียงเพลงเป็นเพื่อน ขณะที่รถแวะพักระหว่างทางมีชายวัยฉกรรจ์ 2 - 3 คน ท่าทางเมามายวิ่งไล่ตีกันรถจนชุลมุนวุ่นวายไปหมดอีกต่างหาก ช่างเป็นการเดินทางที่น่าตื่นเต้นอะไรเช่นนี้!!!

    รถโดยสารของเธอเดินทางถึงหมดชิตในเวลาตี 3 กว่า ๆ ซึ่งเช้ามาก ๆ สำหรับ Prissila เธอเดินลงจากรถด้วยกระเป๋าเดินทางใบเล็ก ๆ บรรดาแท๊กซี่ต่างก็ลุมล้อมเพื่อเรียกร้องให้เธอเป็นผู้โดยสาร เธอกวาดสายตามองพวกเค้าอย่างรวดเร็ว แล้วก็ตัดสินใจเลือกคุณลุงท่าทางใจดีเป็นผู้นำพาไปส่งที่บ้านคุณป้าได้อย่างปลอดภัยด้วยใจระทึก.. เธออาศัยอยู่บ้านคุณป้าได้เพียง 2 อาทิตย์ก็ขออนุญาตไปเช่าหอพักอยู่คนเดียวแถวมหาวิทยาลัย เพราะรู้สึกเป็นอิสระและเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์กับการเดินทาง ไป - กลับ วันหนึ่ง ๆ ไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง

    และแล้วเรื่องราวในมหาวิทยาลัยชีวิตของ Prissila ที่เด็มไปด้วยความสุข, เศร้าเคล้าน้ำตาก็เริ่มขึ้น..
     
  9. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ช่วงนี้เข้าใจว่าพี่นักเขียนคงไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ เมื่อกี้ดูข่าวว่าวันนี้เป็นวันชาติสหรัฐตอนนี้คงจะจัดปาร์ตี้กันอยู่แน่เลย อ้อ ขอบคุณด้วยที่วันก่อนส่งขุนพลมาช่วย วันนั้นช่วงบ่ายๆ ก็ดีขึ้นหน่อย :)

    Prissila นี่กล้าดีนะครับ กล้ามากรุงเทพคนเดียวด้วย ^_^

    วันนี้ได้หยิบหนังสือ Same Soul, Many Bodies ของ ดร.ไบรอันมาอ่าน หลังจากที่ซื้อมานานเหลือเกิน มีหลายประโยคที่น่าสนใจเลยเอามาให้อ่านกัน ยาวหน่อยนะ
    <hr>เมื่อเขาตื่น เขาเล่าเรื่อง รู้สึก และตื่นเต้นกับฉากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เขาประสบอย่างชัดเจนและทรงพลัง นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ผมคิดว่าสิ่งนี้ไม่ใช่จินตนาการ กระนั้นความตื่นเต้นของเขาก็ไม่ถึงระดับเดียวกับของผม เพราะในท้ายที่สุดผมก็เห็นนัยของมัน ผมเรียนรู้ว่าอดีต ปัจจุบัน และอนาคตเป็นหนึ่งเดียวกัน และสิ่งที่เกิดขึ้น และสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตสามารถมีอิทธิพลต่อปัจจุบัน เหมือนกับที่อดีตมีอิทธิพลต่อปัจจุบัน คืนนั้นผมเขียนว่า : "เราสามารถเข้าไปในอนาคตถ้าเราทำอย่างฉลาด อนาคต ไม่ว่าใกล้หรือไกล สามารถเป็นมัคคุเทศน์ของเรา อนาคตอาจป้อนกลับสู่ปัจจุบัน เพื่อมีอิทธิพลต่อเราในขณะนี้ ซึ่งทำให้เราเลือกและตัดสินใจได้ดีขึ้น เราสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ในขณะนี้โดยวางพื้นฐานอยู่บนสิ่งที่ป้อนกลับจากอนาคตและนั่นเปลี่ยนแปลงอนาคตของเราในทิศทางที่เป็นบวกมากขึ้น"

    ลองคิดดูว่านี่หมายถึงอะไร! เรามีอดีตชาติอย่างไม่จำกัดฉันใด เราก็จะมีชาติในอนาคตที่ไม่จำกัดฉันนั้น การใช้ความรู้ของเราเกี่ยวกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วและสิ่งที่จะมาถึง อาจทำให้เราสามารถดัดแปลงอนาคตของโลกและอนาคตของเราได้ สิ่งนี้ผูกติดกับมโนทัศน์โบราณเรื่องกรรม : คุณเพาะหว่านสิ่งใด ย่อมเก็บเกี่ยวได้สิ่งนั้น ถ้าคุณหว่านเมล็ดพันธุ์ที่ดีกว่า ปลูกพืชผลที่ดีกว่า และดูแลมันได้ดีกว่า การเก็บเกี่ยวของคุณในอนาคตย่อมให้ผลพวงแก่คุณ



    "วิญญาณมาจากไหนเนื่องจากขณะนี้มีคนมากมายยิ่งกว่าเมื่อครั้งที่โลกเริ่มต้น?" ผมเคยตั้งคำถามนี้กับคนไข้หลายคน และคำตอบมักเป็นอย่างเดียวกันเสมอ : ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่แห่งเดียวที่มีวิญญาณ มีหลายมิติ มีจิตสำนึกที่แตกต่างกันหลายระดับที่ซึ่งมีวิญญาณต่างๆ ทำไมเราจึงควรรู้สึกว่าเราเป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวที่มีวิญญาณ? พลังงานไม่มีข้อจำกัด นี่เป็นหนึ่งในบรรดาโรงเรียนที่มีอยู่จำนวนมาก นอกจากนั้นคนไข้สองสามคนยังบอกผมว่าวิญญาณต่างๆ สามารถแบ่งภาคและมีประสบการณ์ต่างๆ พร้อมกัน


    วิญญาณไปไหนหลังจากที่มันออกจากร่างกายแล้ว? ผมไม่แน่ใจ อาจไม่มีถ้อยคำที่จะใช้กับเรื่องนี้ได้ ผมเรียกมันว่าอีกมิติหนึ่ง จิตสำนึกระดับที่สูงส่งกว่า หรือจิตสำนึกภาวะที่สูงส่งกว่า วิญญาณดำรงอยู่อย่างแน่นอนภายนอกร่างกายทางกายภาพของเรา และมันไม่เพียงเชื่อมโยงกับชาติอื่นๆ ของคนที่มันเพิ่งจากมาเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับวิญญาณอื่นๆ อีกด้วย เราตายในทางกายภาพ แต่ส่วนนี้ของเราถูกทำลายไม่ได้และเป็นอมตะ วิญญาณไร้กาลเวลา ในท้ายที่สุดแล้วอาจมีแค่วิญญาณเดียว พลังงานเดียว หลายคนเรียกสิ่งนี้ว่าพระเจ้า ในขณะที่คนอื่นๆ เรียกว่าความรัก แต่นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ชื่อไม่สำคัญ

    ผมเห็นว่าวิญญาณเป็นร่างของพลังงานที่ผสานกับพลังงานแห่งจักรวาล จากนั้นก็แยกออกอีกครั้งหนึ่งในยามที่มันกลับสู่ชีวิตใหม่โดยไม่เกิดความเสียหายใดๆ ก่อนที่วิญญาณจะรวมกับองค์เอกะ มันมองลงมาที่ร่างกายที่มันจากไป และทำสิ่งที่ผมเรียกว่าการทบทวนชีวิต มันเป็นการทบทวนชีวิตที่วิญญาณเพิ่งจากมา การทบทวนเกิดขึ้นด้วยจิตวิญญาณแห่งความรักที่เปี่ยมด้วยเมตตาและความใส่ใจ มันไม่ใช่การลงโทษ นี่สำหรับการเรียนรู้

    วิญญาณของคุณบันทึกประสบการณ์ของมันเอาไว้ มันรู้สึกชื่นชมและสำนึกในบุญคุณของทุกคนที่คุณเคยช่วยเหลือ และทุกคนที่คุณเคยรักด้วยวิธีที่สูงส่งกว่าในขณะที่มันจากร่างกายของมัน ในทำนองเดียวกัน วิญญาณก็รู้สึกเจ็บปวด โกรธ และสิ้นหวังสำหรับทุกคนที่มันทำร้ายหรือทรยศ ในระดับที่มากกว่าเช่นกัน วิญญาณเรียนรู้ด้วยวิธีนี้ว่าอย่าทำร้ายใคร แต่ให้มีความกรุณาแทน

    หลังจากวิญญาณทบทวนเสร็จ ดูเหมือนมันจะยิ่งออกห่างจากร่างกายมากขึ้น โดยมักพบแสงสว่างอันงดงามอย่างที่บรรพบุรุษของแอนเดียพบ ถึงแม้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันที แต่ไม่สำคัญ แสงสว่างอยู่ที่นั่นเสมอ บางครั้งมีวิญญาณอื่นๆ อยู่ใกล้ๆ--คุณสามารถเรียกพวกท่านว่าองค์ท่าน หรือมัคคุเทศก์ทั้งหลาย--ซึ่งเฉลียวฉลาดมาก และจะช่วยวิญญาณของคุณเดินทางไปสู่องค์เอกะ ในบางระดับ วิญญาณของคุณจะรวมกับแสงสว่าง แต่ก็ยังคงรักษาความตระหนักรู้ของมันเอาไว้ เพื่อที่มันจะได้สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับอีกด้านหนึ่งอย่างต่อเนื่อง การรวมกับแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่กว่านี้(ในตอนท้ายของการเดินทางที่เป็นอมตะ การรวมจะสมบูรณ์) เกิดขึ้นพร้อมกับความรู้สึกเกษมสันต์ และความเปรมปรีดิ์อันไม่น่าเชื่อ รวมทั้งความตระหนักรู้ว่ามันยังคงดำรงความเป็นปัจเจกภาพเอาไว้ และยังคงมีบทเรียนที่ยังคงต้องเรียนรู้ ทั้งบนโลกและที่อีกด้านหนึ่งท้ายที่สุด--ในช่วงเวลาที่แตกต่างไป--วิญญาณก็ตัดสินใจกลับมาสู่อีกร่างกายหนึ่ง และเมื่อมันกลับชาติมาเกิด สำนึกเกี่ยวกับการรวมตัวนี้ก็หายไป บางคนเชื่อว่ามีความเศร้าอันล้ำลึกในขณะแยกตัวจากความรุ่งโรจน์ จำพรากจากความเกษมสันต์ในการรวมกับพลังงานและแสงสว่าง และมันอาจเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็ได้

    บนโลกนี้ ขณะปัจจุบันนี้ เราต่างก็เป็นปัจเจกชน แต่ปัจเจกภาพเป็นมายาของระนาบนี้ มิตินี้ ดาวเคราะห์นี้ ถูกแล้วเราอยู่ที่นี่ เป็นจริงและเป็นแก่นสารเช่นเดียวกับเก้าอี้ที่คุณอาจนั่งอยู่ขณะกำลังอ่าน แต่นักวิทยาศาสตร์หลายคนรู้ว่าเก้าอี้เป็นแค่อะตอม โมเลกุลและพลังงาน มันคือเก้าอี้ตัวหนึ่งและมันเป็นพลังงาน เราเป็นมนุษย์มีขีดจำกัด และเราเป็นอมตะ

    ผมคิดว่าในระดับสูงสุดนั้นวิญญาณทั้งหมดเชื่อมโยงกัน เราเห็นมายาและหลงผิดเกี่ยวกับความเป็นปัจเจกและแบ่งแยกจากกันและกัน และแม้ว่ามันจะเป็นอย่างนั้น ถึงกระนั้นก็ตามเราก็ยังเชื่อมโยงกับวิญญาณอื่นๆ ทุกวิญญาณอยู่ดี ดังนั้นในระบบจักรวาลที่แตกต่างออกไป เราจึงล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน บนโลกนี้ร่างกายของเราหนาแน่นและหนัก มันรับทุกข์จากความเจ็บป่วยและความตาย แต่ผมเชื่อว่าในปริมณฑลที่สูงส่งกว่าไม่มีความเจ็บป่วยทางกายภาพ ในปริมณฑลที่สูงส่งกว่าไม่มีสภาพทางกายภาพ มีแต่จิตสำนึกบริสุทธิ์และเหนือไปกว่านั้น--และเหนือไปกว่านั้นอีก--ในปริมณฑลที่เราไม่สามารถเข้าใจได้ และที่ที่วิญญาณ--เป็นหนึ่งเดียวกัน กระทั่งเวลาก็ไม่มี นี่หมายความว่าชีวิตในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตอาจกำลังเกิดขึ้นพร้อมกัน



    เป็นความจริงว่าบางวิญญาณเลือกกลับมาเป็นซัดดัม ฮุสเซน อีกวิญญาณหนึ่งเป็นโอซามา บิน ลาเดน ผมเชื่อว่าพวกเขากลับมาเพื่อโอกาสแห่งการเรียนรู้ของพวกเขาในระดับสูงสุด อย่างเดียวกับคุณและผม พวกเขาไม่ได้เลือกแต่ต้นที่จะกลับมาเพื่อทำความชั่วร้าย เพื่อก่อความรุนแรง และระเบิดใส่คนอื่นและกลายเป็นนักก่อการร้าย พวกเขากลับมาเพื่อต่อต้านแรงผลักดันนั้น บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขาเคยจำนนต่อมันในชาติก่อนๆ พวกเขากลับมาเพื่อการทดสอบภาคสนามในโรงเรียนที่เราอยู่นี้ และพวกเขาล้มเหลวไม่เป็นท่า

    แน่นอนทั้งหมดนี้เป็นการคาดการณ์ แต่ผมเชื่อว่าวิญญาณของพวกเขากลับมาอยู่กับพวกเขาเพื่อพยายามค้นหาทางเลือกอื่นๆ นอกเหนือไปจากความรุนแรง อคติ และความเกลียดชัง (วิญญาณของพ่อแม่ที่กระทำทารุณกลับมาด้วยเหตุผลเดียวกัน) พวกเขารวบรวมเงินและอำนาจ และเผชิญกับการเลือกระหว่างความรุนแรงและความกรุณา อคติหรือการสอน ความเกลียดหรือความรัก ครั้งนี้เรารู้การตัดสินใจของพวกเขา พวกเขาต้องกลับมาอีก เพื่อเผชิญหน้ากับผลลัพธ์แห่งการกระทำของพวกเขา เผชิญหน้ากับทางเลือกต่างๆ อีก จนกว่าพวกเขาจะสามารถเคลื่อนไปข้างหน้า
     
  10. avatar_boy

    avatar_boy Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +77
    Thank you all my friends:)
    I hope, it's ok for me to write in English here:)

    After reading Mr. Zipper's article,
    I do very AGREE that PAST PRESENT
    and FUTURE are ONE or SAME or NOW.

    I got some inspiration to share 4 interesting stories
    about past, present and future are ONE and the SAME.

    In higher/spirit's perspective(Timeless),
    everything is ALREADY existed or
    happenning at the same time, here and now.
    (Past+Present+Future= Here&Now)

    But from human's perspective(Physical Time),
    everything is happening one at a time
    as we know it as past, present and future.
    or beginning, middle and ending.

    It is like a movie or a book,
    the whole movie/book is already complete finished
    or existed here and now.

    In order for man to watch the whole movie
    or read a whole book,
    he cannot see whole movie at the same time
    or cannot read a whole book at the same time,
    it is limited for human ability to do it so.

    BUT he can watch movie or read book
    part by part at a time
    or it takes time from beginning and
    then middle and then the end,
    or first page and second page, etc... and last page.
    (past and now present and future:)

    The First story is...
    So our life experience and destiny
    is ALREADY existed here and now.
    Or past, present and future life ALREADY
    completed and existed and waiting
    for each of us to choose/select
    in each present moment:)

    And the most interesting is...
    you can change your past life
    and it wil effect your present life:)
    And also you can create your future life
    and it will effect your present life.

    So the potential and possibilities of
    all our past and present and future
    ALREADY existed here and now,
    so we can access it and bring it to our present life:)
    Such as being a great writer, actor, musician,
    painter, inventor, etc... or anything at all:)

    The second story is...
    About Changing past life and it effects this present life.
    Let me share about my friend experience.
    So you can understand it clearer in human term.
    Last Januarly 2008,
    he rented a car and his renting car got an accident
    but he did not SIGN to have an insurance to cover his car.
    Now he was in a BIG trouble
    because it will cost him lots of money to pay for
    this accident to a renting-car company by himself.

    However he know this secret knowledge
    that the nature of the universe is timeless/no time.
    That's past, present and future ARE ONE and the SAME.
    And he can change it to whatever he want.

    So he went to his meditation
    and then went back to his past experience
    and then he imagined/saw/changed his past
    by SIGNING the contract that his car
    ALREADY covered by an insurance:)

    After he success of doing that and the next day,
    he phoned car-renting company,
    and they confirmed that YES!!!
    he did sign contract to cover for insurance and
    his car accident would be covered and paid
    by insurance company.

    So in physical reality,
    he DID NOT SIGN contract that he cover
    with insurance at all:)
    What he did is...He went to his past by changing it
    by using his mind ONLY and
    his present life has been effected
    by what he did change his past by his mind:)

    By going to his past experience and change it
    (or changing his mistake),
    and the result happen to his present moment.
    Just from this simple knowledge
    (past, presnet and future are ONE),
    he save all his money without
    paying the car accident by himself:)

    The third story is...
    About creating or changing about FUTURE life.
    Because we know that there is no time
    and past, present and future ARE ONE and the SAME.

    Then we can go to the future (such as year 2012 or 2020)
    by our mind in this present moment
    and then change it or create it anyway we like:)

    We can see that year 2012 or 2020,
    we might be getting younger not older:)
    Or we might see that we SURVIVE all of
    Earth Change after 2012 or whatever we desire.

    Then by law of the universe/law of cause and effect
    and the nature of Universe are Illusion and
    timeless (past, present and future are one and the same).

    By this understanding,
    our future will be created according to our mind
    and the result will be effected in your present life.
    So no matter whatever happenning in the world
    from now till year 2012 or 2020,
    it will not effect you and
    you will survive because
    your mind has already change the future
    and that's future must come to pass/happen.

    The Forth story is...
    So this is another secret of IMMORTALITY.
    If you already read my sharing of spiritual journey
    on my forum,
    you should know a first secret of immortality by now.

    So if your mind can change the destiny of future,
    and the result can effect this present moment,
    then you can use this simple knowledge for your benefit
    so that you can extend or expand your life or
    living life longer:)

    By using your mind in this present moment,
    and go to the future such as 2012 or 2020,
    and see that you alive and well and
    happy or whatever that you desire
    then the result will effect to your present life,
    In other words, the universe will keep you alive
    untill that 2012 or 2020.
    So that you will experience life at 2010 or 2020
    that you already seen in your FUTURE NOW:)

    So nothing can happen to you
    or effect your own ENERGY and life.
    So that's why you cannot not DIE
    because your mind is ALREADY in future NOW:)

    So you wil keep living until 2012 or 2020,
    because you are Spirit/Consciousness
    and you already live in the future time
    and the effect will be the result to your present life,
    so it keep you alive from now till 2012 or 2020.

    Thats what IMMORTALITY is all about:)
    It is pure Science!!!
    That's magic, isn;t it???

    In Conclusion:
    Just from this simple knowledge of
    past and present and future are one and the same,
    or physical Time is an ILLUSION,
    when you do understand this,
    you can benefits in many way,
    1 Change your life destiny and experience:)
    2 Bring all ability/gifts of any life you choose:)
    3 Change your past mistake and effect your present life;-)
    4 Go to future and create anything you want
    and it will effect your present life.
    Keep you alive for longer:)
    5 Go to the past or future and
    it can effect your vehicle machine/physical body
    and you can change your age and look to whatever you want.

    So thats why most of my writing
    is ALWAYS EMPHASIS you as Spirit/Consciousness
    so that I can show my reader
    the future benefits of many of my writing to come:)

    And this is not a magic or a trick or
    using SUPER power at all,
    it is PURE understanding about
    the nature of the universe from quantum science
    and eternal truth of spirituality knowledge point of view.

    It is all about potentials and possibilities
    that are all sleeping inside each of us:)

    It is telling us that the whole world is an ILLUSION
    and we can manipulate/change anything with our MIND:)

    Our physical body/vehicle machine is ALSO ILLUSION:)
    We can change age and look of our physical body/vehicle macine
    anyway we like
    because ther is no time
    (past,present and future are ALL ONE)

    We can change past by present moment:)
    We can change/create future by present moment.
    This knowledge can effect your life experience
    and ALSO your physical body/vehicle machine:)
    This is the POWER of NOW:)

    It is fun and Amazing Universe, isn;t it???

    PS: Hope I don't confuse some reader???
    It is pure modern science and ancient spirituality.
    They are not NEW knowledge
    but it is new way that I present/express
    according to my own style or energy :)
    PPS: It is very hard and not easy
    to share this deep secret of the universe to the public
    because some would close minded or
    dont have basic knowledge to understand.
    But after I read some disussion of this ROOM
    (Mead's Science Room:),
    I feel many reader here,
    might open mind enough and
    have some basic knowledge to understand
    my sharing more:)
    So I decide to expand this simple knowledge
    and show how benefits we can all use
    in our Daily life Here and Now:)
    PPPS: I don't read the book by Nova Analai yet,
    so if my sharing is contradicting with
    the Author of this forum, I am apologising for it:)
    PPPPS: I hope Mr Chayutt, is not in this room:)
    Once again I wrote such a long article,
    even my intention is to write only few words:)
    (Some jokingly said ,
    all of my short article can be pulished
    into one whole book:)
    If it is too long or this article are not
    what this room for,
    then let me know
    so I would not do it so, next time:)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2008
  11. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ขอบคุณครับคุณ avatar_boy..
    (Past+Present+Future= Here&Now) เป็นเรื่องที่น่าเรียนรู้ครับ
    ความคิดของ ดร.ไบรอัน (ของคุณซิปฯ) ก็สอดคล้องกับเรื่องนี้มาก..
    ทางอ.อนาลัย ก็กล่าวถึงเรื่อง เครื่องพราง อยู่บ่อยๆ (ระยะทาง-ช่องว่าง-กาลเวลา)
    มิติของจิตวิญญาณแท้จริง..ปรากฎพร้อมกันเป็นปัจจุบัน หรือเวลามีค่าเท่ากับหนึ่ง
    ถ้าเข้าใจเรื่องนี้ได้ดีจะช่วยให้มีมุมมองและความคิดที่พ้นไปจากกรอบความเชื่อเดิมๆได้มากครับ
    ใครพอมีเวลาก็แปลกันเลยครับ (คุณชยุตคงยังไม่ว่าง)
    พวกเราคงได้เรียนรู้ภาษาสากลเพิ่มขึ้นอีกแล้วล่ะครับ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2008
  12. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,942
    ค่าพลัง:
    +4,262
    U R welcome

    Welcome avatar_boy.

    I'm very pleased for your comming.
    Khun Mead is the head of this room, and the main contributor is Nova Analai's writer
    or who we called her "พี่นักเขียน". She works very hard to share lots of knowledge for us and we disturb her even in her sleeping time, ha ha ha!!! (soneone asked her to dream for).
    Everyone here is very open mind, and I never seen any fighting together.
    Although, your writing is not new for me (or others), but it is very interesting in terms of explanation for understanding.

    If you haven't read the Nova Analai book, I would like to invite you to read it hurry. In my opinion, your writing, Nova Analai, Master Ching Hai, the book "Conversations with God" and many others pointed to the same thing, but with different style of writing or explaination.

    Hope to see your post here often and thank you very much for your sharing.

    (I think you can read Thai, but I just try to practice English)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2008
  13. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    [​IMG]

    เห็นภาพกังหันที่หัวหน้า mead นำมาให้ชม ทำให้คิดถึง เพลง กังหันต้องลม ของครูเอื้อ
    (สุนทรภรณ์)


    คุณจินตวดี แต่งกลอนได้สุดยอดมากครับ


    ขอต้อนรับทุกท่านสู่ ห้องวิทย์ ครับ
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 898.gif
      898.gif
      ขนาดไฟล์:
      35.2 KB
      เปิดดู:
      137
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2008
  14. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ในช่วงนี้แต่ละคืน จะฝันหลายตอน เป็นตอนสั้นๆครับ เมื่อนำฝันหลายๆวันมารวมกัน ตอนสั้นๆเหล่านี้ที่ซ้ำกัน คือ จะฝันว่าเรียนหนังสืออยู่เรื่อยเลยครับ (ปกติไม่ใช่คนขยันเรียนซักเท่าไหร่ เลยต้องไปเรียนเพิ่มเติมมั๊งครับ อิอิ) เป็นเด็กนักเรียนชาวยุโรปบ้าง ชาวรัสเซียบ้าง ชาวไทยบ้าง ชาวเอเชียบ้าง รูปลักษณ์ก็จะแตกต่างกันไปครับ ไม่รู้ว่าหมายถึง ความเป็นนานาชาติที่เกิดขึ้นในห้องนี้รึเปล่า ไม่ว่าเราจะมีพื้นฐานมาจากไหน นับถือศาสนาอะไร มีแนวความคิดความเชื่อเป็นเช่นไร แต่ ณ ที่นี้เราพูดคุยกันด้วยภาษาเดียวกัน คือ ภาษาจิตที่เป็นสากล

    ตอนนี้ดูเหมือนว่า คำว่า อดีต ปัจจุบัน และอนาคต เดินไปด้วยกัน เป็นสิ่งที่เป็นความจริงแท้นะครับ ไม่ว่าเราจะอธิบายจากชาติใด ภาษาใด รูปแบบไหน
    แต่เส้นทางในอดีต เส้นทางในอนาคต มนุษย์สามารถแก้ไข และเลือกได้ในปัจจุบันขณะ

    ทุกเส้นทางในอดีต และทุกเส้นทางในอนาคต ต่างสนับสนุนตัวตนในปัจจุบัน

    ผมจะยกตัวอย่างอีเมล์บางส่วนที่ผมได้เขียนไปถามพี่นักเขียนนะครับ เพื่อช่วยเติมเต็มประสบการณ์ในการเรียนรู้ของพวกเราในห้องวิทย์ให้แตกแขนงออกไปเรื่อยๆครับ

    ตรงส่วนนี้เป็นคำถามโดยสรุปที่ถามพี่นักเขียนไปครับ

    1.ผมรู้สึกว่า ยิ่งอ่านก็ยิ่งเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆครับ อ่านทีไรก็รู้สึกว่าใหม่อยู่เสมอครับ

    และทำให้ค้นพบพลังอำนาจในตนเองมากขึ้นเรื่อยๆครับ

    ผมมีเรื่องอยากสอบถามพี่นักเขียนหน่อยครับว่า

    ในความรู้สึกผม ความฝัน กับ ความทรงจำ แทบไม่มีความแตกต่างกันเลยครับ

    มีวันนึงผมจะฝันถึงผู้ชายคนนึง มีรอยคาดที่กึ่งกลางหน้า กำลังนั่งทำสมาธิอยู่ใต้น้ำตกอยู่

    พอผมรู้สึกถึงผู้ชายคนนี้ในฝันทีไร จิตจะสัมผัสได้ถึงพลังงานในร่างกาย (รู้สึกถึงวิญญาณ)

    และเวลาผมใช้ในการนวดสัมผัสให้กับเพื่อนเพื่อผ่อนคลาย เมื่อจิตนึกถึงผู้ชายคนนี้ที่อยู่ในฝัน จะรู้สึกว่าวิญญาณได้แนบสนิทเป็นคนๆเดียวกัน ที่มือจะรู้สึกว่ามีพลังงานเย็นๆไหลออกมามากกว่าปกติครับ

    อยากให้พี่นักเขียนช่วยอธิบายถึงกระบวนการหน่อยครับ

    2.ความฝันเมื่อคืนก่อน ก่อนที่พี่นักเขียนจะส่ง audio book ในเว๊ปไซต์ของพี่นักเขียนมาแนะนำครับ
    ได้ฝันว่ากำลังลงลิฟต์อยู่ และมีเสียงผู้ชายคนหนึ่งมาบอกว่า เมื่อลิฟต์เคลื่อนที่ลงมาเรื่อยๆ ให้คอยเก็บหนังสือปกสีดำทั้งหมด 10 เล่ม ที่จะโผล่ขึ้นมาในลิฟต์ในตำแหน่งต่างๆ เมื่อลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่างสุด ผมเก็บได้ 3 เล่ม อีก 7 เล่ม มีคนอื่นเก็บไปครับ
    เมื่อเก็บได้แล้ว ผมก็จะตามเสียงผู้ชายมาเรื่อยๆ ก็จะพบกับผู้ชายชาวเอเชีย รูปร่างสูงโปร่ง กำลังเดินไปที่ห้องสมุดที่หนึ่ง ผมก็วิ่งตามเข้าไป ก็พบผู้ชายใจดีคนนี้ กำลังพูดคุยกับหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ กำลังพูดคุยกันเรื่องความเชื่อ และความรักครับ

    พอตอนเช้ามาเปิดเมล์ดู พี่นักเขียนได้ส่ง audio book มาให้ บทที่ 3 พอดีครับ

    และได้ถามพี่นักเขียน ไปว่า เสียงใน audio book คือ เสียงของพี่นักเขียนที่แปลงเสียงเป็นเสียงผู้ชายรึเปล่าครับ พอฟังแล้วรู้สึกเหมือนกับตัวผมเป็นพี่นักเขียนที่ถูกตรึงให้นั่งอยู่กับที่ และกำลังนั่งฟังเสียงท่าน อ.อนาลัย ที่ถ่ายทอดออกมา จากจิต สู่จิต


    ในส่วนนี้เป็นส่วนของคำตอบครับ

    สวัสดีค่ะคุณเซลล์
    ต้องขออนุญาตตอบ e-mail สองฉบับรวมกันนะคะ

    ฉบับแรก เรื่องการสัมผัสกับบุคลิกภาพที่ทำสมาธิอยู่ใต้น้ำตก

    พี่นักเขียนเชื่อว่า เราทุกคนมีบุคลิกภาพที่อยู่ต่างมิติ หรือเรียกตามนัยทางกายภาพที่เราคุ้นเคยได้ว่า อยู่ในภาวะที่เหนือชั้นกว่าการเป็นมนุษย์อยู่มากมายหลายบุคลิกภาพ ซึ่งหากกล่าวตามเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เรามักเข้าใจว่า จิตวิญญาณพัฒนาจากต่ำไปสูง หรือจากด้อยพัฒนาไปสู่ภาวะที่ก้าวหน้ากว่า ก็คงต้องเรียกบุคลิกภาพดังกล่าวว่า เป็นบุคลิกภาพในอนาคต หรือในชาติภพหน้าอันก้าวไกล

    แต่เมื่อเราได้เรียนรู ้จากท่านอาจารย์อนาลัยแล้วว่า จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป ในอดีตชาติ-ปัจจุบันชาติ-อนาคตชาติพร้อมกันหมด พี่นักเขียนเชื่อว่า บุคลิกภาพที่ดูเสมือนจะพัฒนาก้าวไกลไปกว่าเรา หรือมีภาวะทางจิตวิญญาณ มีพลังอำนาจที่ใช้การได้ดีอย่างเป็นธรรมชาติมากกว่าเรา ก็ย่อมกำลังมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปพร้อมกับตัวตนของเรา ณ วินาทีนี้ และเมื่อเรามีความปรารถนาที่จะนำพลังอำนาจของจิตวิญญาณมาใช้เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น เราก็ย่อมได้รับการสนับสนุน จากทุกบุคลิกภาพที่ก้าวหน้ากว่า และมีเจตนาคล้องจองกับเรา

    ตัวพี่นักเขียนเองตระหนักดีว่า การที่พี่นักเขียนสื่อสารและรับข้อมูลความรู้จากท่านอาจารย์อนาลัยมาถ่ายทอดได้ ก็เพราะตนเองมีเจตนาที่คล้องจองกับท่าน แม้พี่นักเขียนจะไม่ได้มีความรู้มากมายพอที่จะถ่ายทอดให้กับผู้อ่านด้วยการศึกษาค้นคว้าตามลำพังด้วยตนเอง แต่พี่นักเขียนมีความเชื่อว่า เราทุกคนได้รับการสนับสนุนจากจิตวิญญาณที่เหนือกว่าอยู่เสมอ ความเชื่อและความศรัทธาของพี่นักเขียน ทำให้การสนับสนุนและการสื่อสารนั้นเกิดขึ้นได้จริง และนำมาถ่ายทอดได้จริง

    กรณีของคุณเซลล์ พี่นักเขียนเชื่อว่า การที่คุณเซลล์นวดให้เพื่่อน ย่อมเป็นการกระทำที่มีเจตนาที่ดี เป็นความปรารถนาที่จะคลายทุกข์ทางกายหรือแม้แต่ทางใจให้ผู้อื่น การกระทำดังกล่าวย่อมได้รับการสนับสนุนตามธรรมชาติจากจิตวิญญาณที่มีเจตนาอันบริสุทธิ์้เสมอ การเห็นภาพบุคลิกภาพ หรือการสัมผัสรู้ถึงการรับพลัง และ การไหลผ่าน ล้วนเป็นสัญญลักษณ์ของการถ่ายทอดข้อมูลความรู้และความทรงจำ-จากจิตวิญญาณสู่จิตวิญญาณโดยตรง

    ผู้ที่เจ็บปวดหรือป่วย เซลล์หรืออวัยวะในร่างกายของเขามีข้อมูลความรู้และความทรงจำตามธรรมชาติที่ควรจะทำให้มันอยู่ดี มีสุข ปราศจากทุกข์ ปราศจากโรคภัยหรือความเจ็บปวด แต่อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึิกคิดที่คล้อยตามความเชื่อในแง่ลบของบุคคล มักทำให้การถ่ายทอดข้อมูลความรู้และความทรงจำตามธรรมชาติที่ควรจะทำให้มันอยู่ดี มีสุข หลั่งไหลมาสู่เซลล์และอวัยวะส่วนต่างๆไม่ได้ตามธรรมชาติ การนวด ทำให้คุณเซลล์รับมีข้อมูลความรู้และความทรงจำตามธรรมชาติที่ควรจะทำให้มันอยู่ดี มีสุข และส่งผ่านไปให้เพื่อนหรือผู้ป่วยได้ เรียกได้ว่า คุณเซลล์ใช้ตนเอง หรือใช้อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของตนเอง เป็นสื่อ ที่จะรับมีข้อมูลความรู้และความทรงจำตามธรรมชาติที่ควรจะทำให้ร่างกายอยู่ดี มีสุข ไปส่งต่อให้เพื่อน ซึ่งก็ไม่ได้ต่างไปจากที่พี่นักเขียนใช้ตนเองเป็นสื่อ รับมีข้อมูลความรู้และความทรงจำตามธรรมชาติที่ควรจะทำให้เราทุกคนอยู่ดี มีสุข มาถ่ายทอดให้ผู้อ่าน แต่พี่นักเขียนแปลงสภาวะข้อมูลเหล่านั้นเป็นคำพูด เป็นตัวหนังสือ จึงเขียนเป็นหนังสือ แต่คุณเซลล์รับและถ่ายทอดออกเป็นอุณหภูมิ ที่ถ่ายทอดผ่านทางฝ่ามือด้วยการสัมผัส

    กระบวนการของมันเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติอยู่แล้วค่ะ คุณเซลล์ไม่จำเป็นจะต้องทำอะไรแปลกไปจากที่เคยทำ หากทำอยู่และได้ผลดีอยู่แล้ว ให้ใช้วิธีการเดิมต่อไปด้วยการใช้จินตนาภาพเหนี่ยวนำให้การติดต่อสื่อสารหรือการรับถ่ายทอดนั้นเกิดขึ้นได้ เราแต่ละคนรับถ่ายทอดข้อมูลความรู้ได้ด้วยการใช้อารมณ์-จินตนาการและความรู้สีกนึิกคิด ที่ตั้งอยู่บนเจตนาที่มุ่งมั่นจะให้ผู้อื่นด้วยความเต็มใจยิ่ง แต่ทักษะในการถ่ายทอดของเราย่อมเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไปตามบุคลิกภาพของเรา

    แต่ละคนจะมีวิธีการจำเพาะที่เป็นธรรมชาติที่สุด พี่นักเขียนสัมผัสกับท่านอาจารย์อนาลัยจากความฝัน-เป็นจุดเริ่มต้น และเป็นความฝันที่คมชัด พี่นักเขียนตระหนักในความหมายของคุณเซลล์ได้ดีว่า ความฝันไม่ต่างไปจากความทรงจำ เพราะหากจะถามพี่นักเขียนว่า ความฝันของพี่นักเขียนที่รับข้อมูลเหล่านี้มาเขียน ต่างจากความทรงจำหรือไม่ ก็คงต้องบอกอย่างเดียวกันว่า ไม่ต่างกันเลย เพราะล้วนเป็นความฝันที่คมชัดยิ่งกว่าประสบการณ์ยามตื่นหลายประสบการณ์ที่ลืมเลือนไปแล้วด้วยซ้ำไป

    คิดถึงประสบการณ์ในความฝันที่เผชิญกับท่านอาจารย์อนาลัยเมื่อใด ก็กล่าวได้ว่า ไม่เคยคิดว่าปรากฏการณ์เหล่านั้นเป็นความฝันอีกต่อไป เพราะหลายๆประสบการณ์กลายเป็นนความเป็นจริงไปหมดแล้ว และหลายสาระก็มีความเป็นจริงจนปฏิเสธไม่ได้ และไม่อาจเรียกประสบการณ์เหล่านั้นว่าความฝันได้ต่อไป

    ฝันครั้งหลังของคุณเซลล์ เกี่ยวกับลิฟต์และหนังสือสามเล่ม ก็เป็นสัญญลักษณ์
    ลิฟต์ เป็น สัญญลักษณ์ของทางลัด หรือการเดินทางลัด เพราะมันรวดเร็ว
    คุณเซลล์เข้าใจสาระจากหนังสือได้มากมาย และลึกซึ้ง พี่นักเขียนเชื่อว่าการได้ฟังบรรยาย อาจทำให้คุณเซลล์เข้าใจบางสาระได้เร็วขึ้นหรือเดินทางลัดได้

    Complimentary Audio Book ที่ส่งไปให้นี้ พี่นักเขียนอัดเสียงด้วย GarageBand ค่ะ
    ตอนที่เริ่มอัดเสียง ได้ขอยืมตัวคนรู้จักกันมาหลายคน หาคนเสียงทุ้มมากทุ้มน้อยมาทดลองอัดเสียง รวมทั้งมีอาจารย์ผู้ใหญ่ในเมืองไทยอาสาอัดเสียงให้และส่งผ่าน Skype มา เมื่อทดลองอัดแล้วได้นำมาปรับเสียงให้ทุ้มมาก-ทุ้มน้อย ด้วยความพยายามที่จะปรับเสียงให้เหมือนเสียงของท่านอาจารย์อนาลัย มี่พี่นักเขียนได้ยินเสมอๆในความฝัน

    แต่ปรากฏว่า หากนำเสียงผู้ชายมาปรับ จะกลายเป็นเหมือนเสียงหุ่นยนต์ไปหมด ไม่ว่าจะปรับเสียงให้ทุ้มมากขึ้นหรือน้อยลงก็ตาม ตอนหลังก็เลยทดลองอัดเสียงผู้หญิงด้วย แต่เมื่อนำมาปรับก็กลายเป็นเสียงการ์ตูนไปหมด ซึ่งทำให้เราทุกคนที่มาอัดเสียงแปลกใจมากกว่า เสียงคนเรานั้น ไม่อาจปรับให้กลายเป็นเสียงผู้อื่นได้โดยไม่เพี้ยนไปจากการเป็นเสียงมนุษย์ตามปกติ หากคุณเซลล์มี computer program ที่อัดเสียงและปรับเสียงได้ ลองดูนะคะ จะเห็นได้ไม่ยากว่าที่พี่นักเขียนเล่าให้ฟังนี้เป็นอย่างไร

    หลังจากทดลองอัดเสียงใครต่อใครไปแล้ว สามีของพี่นักเขียนถามว่า ทำไมพี่นักเขียนไม่ลองอัดเสียงตนเอง อ่านเอง ตามปกติ เป็นเสียงผู้หญิงนี่แหละ ผู้ฟังอาจจะชอบก็ได้ แม้ว่าบุคลิกภาพของท่านอาจารย์อนาลัยจะเป็นผู้ชายก็ตาม แต่ล่ามของท่านก็เป็นผู้หญิง จึงไม่น่าแปลกหากจะอัดเสียงเป็นเสียงของพี่นักเขียนหรือล่าม พี่ก็เลยเห็นด้วย ประจวบกับอาสาสมัครทั้งหลายก็ดูเหมือนจะอาสาได้ระยะสั้น หากไม่มีใครสามารถรับอัดเสียงได้ระยะยาว การจะอัดเสียงได้จนครบหมดสิบเล่มคงเป็นไปไม่ได้

    พี่นักเขียนก็เลยลองอ่านและอัดเสียงตนเองตามปกติ แต่ก่อนที่จะอัดเสียงตนเอง เพิ่งจะอัดเสียงผู้ชายและปรับให้ทุ้มไว้ เมื่อพี่นักเขียนอัดเสียงตนเองลืม uncheck function ตัวนี้ พอ replay ออกมาเป็นเสียงที่ได้ยินนี้ ทำเอาอาสาสมัครห้าคนที่อยู่ในห้องอัดเสียง ขนหัวลุกไปตามๆกัน เพราะนอกจากจะกลายเป็นเสียงผู้ชายไปจริงๆแล้ว ยังเป็นเสียงคนตามปกติ ซึ่งเราได้ทดลองกับทุกคนมาแล้ว และไม่อาจปรับเสียงใครๆให้ฟังดูเป็นเสียงคนตามธรรมชาติได้เลย ส่วนตัวพี่นักเขียนก็แทบช๊อค เพราะบอกได้คำเดียวว่า เหมือน คือเหมือนเสียงของท่านอาจารย์อนาลัยที่ตนเองได้ยินในความฝัน

    ตามธรรมชาติพี่นักเขียนเป็นผู้หญิงเสียงไม่แหลมไม่ทุ้ม กลางๆ ทดลองอัดเสียงแม้กระทั่งลูกสาวซึ่งเสียงคล้ายพี่นักเขียนมาก แต่หากปรับเสียงของลูกด้วย function mode เดียวกับที่ทำกับเสียงของพี่นักเขียน เสียงของลูกก็กลับกลายเป็น robot หรือการ์ตูนไป ทำให้เป็นเสียงผู้ชายไม่ได้เลยค่ะ ก็เป็นเรื่องที่รู้กันในหมู่อาสาสมัครที่มาช่วยพี่นักเขียนทดลองอัดเสียงค่ะ ซึ่งเป็นอันว่าทำให้การอัดเสียงหรือบันทึกหนังสือทั้งสิบเล่มเป็น audio book เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ เพราะแม้จะหาอาสาสมัครระยะยาวไม่ได้ พี่นักเขียนก็คงจะทำต่อไปจนสำเร็จ หลังจาก eBook เสร็จสมบูรณ์แล้ว

    ขอบคุณคุณเซลล์ที่เป็นสมาชิกที่แสดงความคิดเห็นอย่างลุ่มลึก และสม่ำเสมอ ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อ่านและสมาชิกในห้องวิทย์เป็นอย่างยิ่งค่ะ
    ด้วยความปรารถนาดี
    พี่นักเขียน [​IMG]
     
  15. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ตอนนี้กำลังวาดภาพเพื่อนๆตามที่รู้สึกอยู่น่ะครับ..
    เริ่มที่คุณแบม (Soul 2006) จะออกมาเป็นไงเดี๋ยววันนี้รู้ อิอิ
     
  16. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,942
    ค่าพลัง:
    +4,262
    ลองแปลดู

    ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนครับ
    ผมหวังว่าคงจะไม่เป็นไรหากผมเขียนเป็นภาษาอังกฤษที่นี่
    หลังจากได้อ่านบทความของคุณ Zipper แล้ว
    ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งในประเด็นที่ว่า อดีต ปัจจุบัน
    และอนาคตนั้น ต่างก็เป็นหนึ่งเดียวกัน หรือ เหมือนกัน หรือ เป็นปัจจุบันขณะ
    ผมมีแรงบันดาลใจบางอย่างที่อยากแบ่งปันเรื่องราวที่น่าสนใจ 4 เรื่องเกี่ยวกับอดีต ปัจจุบัน และอนาคตที่เป็น หนึ่งเดียวกัน และเหมือนกัน
    ในมุมมองระดับที่สูงขึ้น หรือมุมมองทางด้านจิตวิญญาญ (ที่ไร้เวลา)
    ทุกสิ่งทุกอย่างดำรงอยู่แล้ว หรือเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ที่นี่และเดี๋ยวนี้
    (อดีต+ปัจจุบัน+อนาคต=ที่นี่ และ เดี๋ยวนี้)
    แต่จากมุมมองของมนุษย์ (เวลาทางกายภาพ)
    ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นครั้งเดียว ณ ขณะเวลานั้น
    อย่างที่เรารู้กันว่าเป็น อดีต ปัจจุบัน และอนาคต

    มันเหมือนกับภาพยนตร์หรือหนังสือ
    หนังทั้งเรื่อง/หนังสือทั้งเล่มมันเสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์แล้ว
    หรือมีอยู่แล้วที่นี่หรือตอนนี้
    สำหรับคนที่ดูหนังทั้งเรื่องหรืออ่านหนังสือทั้งเล่ม
    เขาไม่สามารถดูหนังทั้งเรื่องได้ในเวลาเดียวกัน
    หรือไม่สามารถอ่านหนังสือทั้งเล่มได้ในเวลาเดียวกัน
    มันเป็นข้อจำกัดในเรื่องความสามารถของมนุษย์ที่จะทำอย่างนั้นได้
    แต่เขาสามารถดูหนังหรืออ่านหนังสือทีละส่วน ณ เวลานั้น
    หรือใช้เวลาจากช่วงเริ่มต้น แล้วก็ส่วนกลาง แล้วก็ตอนจบ
    หรือจากหน้าแรก หน้าที่สอง ต่อไปเรื่อยๆ และ หน้าสุดท้าย
    (อดีตและปัจจุบัน และอนาคต)
    เรื่องแรกก็คือ...
    ประสบการณ์ชีวิตของเราและโชคชะตานั้นดำรงอยู่แล้วที่นี่และเดี๋ยวนี้
    หรือชีวิตในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต สมบูรณ์แล้ว และดำรงอยู่ และรอคอยเราแต่ละคนที่จะเลือกในขณะปัจจุบัน
    สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ...คุณสามารถเปลี่ยนอดีตของคุณและมันจะมีผลต่อปัจจุบันของคุณ
    และคุณสามารถสร้างอนาคตของคุณได้เช่นกัน และมันก็จะมีผลต่อปัจจุบันของคุณ
    ดังนั้น ความเป็นไปได้ของอดีตและปัจจุบันและอนาคตของเราทั้งหมด จึงดำรงอยู่แล้วที่นี่และเดี๋ยวนี้
    เราจึงสามารถเข้าถึงมันและนำมันออกมาสู่ปัจจุบันของเราได้
    อย่างเช่นการเป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ นักแสดง นักดนตรี นักวาดรูป นักประดิษฐ์ ฯลฯ หรืออะไรก็ได้ทั้งนั้น
    (มีใครจะช่วยต่อเรื่องที่สองหรือเปล่าครับ) ผิดตกช่วยกันแก้ไขนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2008
  17. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,942
    ค่าพลัง:
    +4,262
    นะนะ

    อยากเห็นภาพตัวเองที่วาดโดยคุณ mead จังครับ ว่าจะหล่อเหมือนตัวจริงหรือเปล่า 555
     
  18. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    รูปแทนตัวเอง รูปนี้ เห็นแล้วชอบเลยครับคุณ mountain อิอิ เลยอยากแบ่งปันให้เพื่อนๆครับ :VO
    รอคุณ veggieguy แปลต่อนะครับ (||)
    ตอนนี้คุณ mead งานเยอะเลย ต้องวาดรูปให้ตั้งหลายคนแหนะ (ผมก็รอต่อคิวอยู่เหมือนกันนะครับ) :z2
     
  19. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,942
    ค่าพลัง:
    +4,262
    story 2

    เรื่องที่สองคือ......
    เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอดีตและมันมีผลต่อปัจจุบัน
    ผมขอแบ่งปันประสบการณ์ของเพื่อนของผม เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
    เขาได้เช่ารถยนต์คันหนึ่งแล้วรถคันนั้นก็เกิดอุบัติเหตุ
    แต่เขาไม่ได้ทำประกันที่คุ้มครองรถคันนี้
    ตอนนี้เขามีปัญหาใหญ่ เพราะเขาต้องจ่ายเงินจำนวนมากสำหรับอุบัติเหตุนี้ให้แก่บริษัทเจ้าของรถด้วยตัวเขาเอง
    อย่างไรก็ตาม เขารู้จักความรู้ความลับว่าธรรมชาติของจักรวาลนี้ไร้เวลา/ไม่มีเวลา
    รู้ว่าอดีต ปัจจุบัน และอนาคตนั้นเป็นหนึ่งเดียวกันและเหมือนกัน
    และเขาสามารถเปลี่ยนมันอย่างไรก็ได้ที่เขาต้องการ
    เขาจึงไปเข้าสมาธิและกลับไปยังประสบการณ์ของอดีตของเขา
    แล้วเขาก็เปลี่ยนอดีตของเขาด้วยการเซ็นสัญญาว่ารถของเขามีประกันครอบคลุมเรียบร้อยแล้ว
    หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการทำดังนั้นแล้ว ในวันถัดมาเขาก็ได้โทรศัพท์ถึงบริษัทรถเช่า
    และพวกเขายืนยันว่า ใช่!!! เขาได้เซ็นสัญญาครอบคลุมสำหรับประกันและอุบัติเหตุของรถของเขานั้นครอบคลุมและถูกจ่ายโดยบริษัทประกันภัย

    ดังนั้น ในความเป็นจริงทางกายภาพ เขาไม่ได้เซ็นสัญญาว่าเขาครอบคลุมด้วยประกันภัยแต่อย่างใด
    สิ่งที่เขาทำคือ...เขาไปยังอดีตของเขาโดยการเปลี่ยนมัน โดยการใช้จิตของเขาเท่านั้น
    และมันก็ส่งผลถึงปัจจุบันของเขา ด้วยสิ่งที่เขาเปลี่ยนในอดีตของเขาด้วยจิตของเขาเอง

    ด้วยการไปยังประสบการณ์ของอดีตของเขาและเปลี่ยนมัน (หรือเปลี่ยนความผิดพลาดของเขา)
    และผลที่เกิดขึ้นต่อขณะปัจจุบันของเขาจากความรู้พื้นๆ นี้เท่านั้น (อดีต ปัจจุบัน อนาคต เป็นหนึ่งเดียวกัน) เขาสามารถประหยัดเงินได้มากโดยไม่ต้องจ่ายค่าประกันอุบัติเหตุนั้นด้วยตัวเอง (ผิดจรรยาบรรณหรือเปล่าเนี่ย; ผู้แปล)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2008
  20. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    เห็น post ของคุณเซลล์แล้วนึกถึงความฝันในวันก่อน ฝันว่าเห็นผู้หญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วมขาว ค่อย ๆ เดินมาหาเราแล้วเอามือขวามาแตะด้านหลังซึ่งตรงกับหัวใจเลยค่ะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเค้าแตะตรงนั้นเพียงเบา ๆ แต่เรากลับรู้สึกเหมือนถูกดูดพลังออกไป จนอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ และคิดว่าคงจะไม่ไหวแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาได้ก็ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อยค่ะ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้หญิงคนนั้นจะหมายถึงใครก็ไม่รู้ค่ะคุณเซลล์

    เมื่อเช้านี้ขณะที่อยู่ในภาวะกายหลับจิตตื่น ก็ได้ยินเสียงผู้ชายพูดคุยกับเราเบา ๆ หลายเรื่องเลยค่ะ ในความรู้สึกของเราตอนนั้นก็คิดว่าเข้าใจสิ่งที่ได้ยิน แต่ทำไมพอตื่นขึ้นมากลับจำเรื่องราวเล่านั้นไม่ได้เลยก็ไม่รู้ ทำงัยดีคะเนี่ย!!!
    :z1:z1:z1
     

แชร์หน้านี้

Loading...