รู้น้อย ดีกว่า รู้มาก ?

รู้ก็ไม่คิด
คิดก็ไม่รู้
คิดมาก รู้ก็น้อย
คิดน้อยๆ รู้ก็มาก
ใช้คิดมาตอบ หรือใช้รู้มาตอบ รู้ทันเขารึป่าวคะ

อิฉันก็ไม่ทันเขาเท่าไรหรอกคะ เขาเอาไปกินทู๊กที อิฉันละกลุ้ม++

 

ท่าน ประธาน ที่เคารพ! ยังอยู่อ่ะ ..
..สงสัยแบตเสื่อมอ่ะ...เด๋วส่งไปอีกชุด...
ชุดที่หนึ่ง
ชุดที่สอง
เปงงายๆ....เจ้ากิเลส...ซึ้งยังๆอ่ะ
.......... ^_^!? ...
... เอ๋...หรือว่าเราตั้งเวลาต่างประเทศอ่ะ...?
รายงานๆ.....
ลูกแรกทำงานได้ผล..โทสะเดี้ยงไปแล้วพเจ้าข้า
...เย้ๆๆๆ ...วิ๊ดวิ้วๆ ^_<
...................... เวลาต่อมา ..................
รายงานๆ.....
ลูกที่สองทำงานได้ผล.ราคะเดี้ยงไปแล้วพเจ้าข้า
...เย้ๆๆๆ ...วิ๊ดวิ้วๆ ^_<
...................... เวลาต่อมา ..................
รายงานๆ.....
คราวนี้มันกลับมาโม้ดเลย...ทั้งโทสะ ราคะ...แถมลูกหลานอีก 108 จะทำงัยอ่ะ ...พเจ้าข้า.....
เหตุใดรือมันจึงมามากมายนัก.....
ที่มันหายไป...มันไปชวนลูกหลานมาดูอ่ะ...ยังมีตัวหลงคงนึกว่ามีงานสมโภชน์...อ่ะ.....พเจ้าข้า
......... ตะเรงเต่งเต้ง...เตงเต่งเต้งเตงเต่ง......
....................._/|\_ ^_^! .............

 

ท่านแอ๊บ ครีเอทหน่อยดิ มุขเดิมๆมันไม่กระชากจิต
เขาด้านอะ

 

สติ ที่คุณพูดถึง มันหายไปไหนแล้ว เมื่อมาถึงขึ้นนี้

ผมกล่าวไปแล้ว สติไม่ได้หายไปไหน แต่มันสัมปยุตอยู่ในดวง
จิต ทุกๆครั้งที่จิตเกิดดับ จิตดวงใหม่จะมีชวนะจิตที่มีสติที่
ได้อบรมไว้แล้วเกิดสืบต่อไปด้วย จิตดวงใหม่จึงเป็นกุศลขึ้น
เรื่อยๆ เพราะอาสวะกิเลสแทรกเข้ามาสัมปยุตกับจิตไม่ได้ เมื่อ
ทำไปเรื่อยๆ อาสวะกิลสที่นอนเนื่องอยู่ในชวนะจิตก็จะถูกทำ
ให้ขุ่นให้ฝุ้งขึ้นมา เมื่อนั้นก็จะเห็น และเกิดวนรอบในการเกิด
สติ เพื่อเข้าคู่กับการเห็นอาสวะกิเลสนั่นต่อไป ทำอย่างนี้ไป
เรื่อยๆ จนอาสวะถูกสางออกหมด มีแต่ตัวสติสัมปยุตทุกรอบ
ทุกด้าน วิชชาก็จะเกิด ถือว่า จิตมีวิชชา เพราะมันรู้หมด มี
สติรู้ทันหมด แม้แต่การเกิดสติเองก็รู้ทัน

แล้วก็บอกไปแล้วว่า ในภาวะที่สติมีอยู่ในจิต จิตจะถือว่า
ไม่มีกิเลส เมื่อจิตไม่มีกิเลส ก็หมายถึงจิตมีองค์ของสมาธิ
ที่เกิดขึ้นเองโดยเราไม่ต้องไปสร้าง สุขที่เรียกใหม่ว่าปัสสัทธิ
จะเกิดแทนสุขแบบสมถะสมาธิ สุขชนิดนี้จะเกิดโดยไม่มีการ
ทำเหตุให้เกิด แต่มันเกิดเองโฉยออกมาเอง เมื่อนั้นจิตยิ้ม

เมื่อจิตมีสติแก่รอบ จิตก็มีสัมมาสมาธิแก่รอบ เมื่อจิตมีทั้ง
ปัญญา และ สมาธิ จิตก็จะมีทั้ง ญาณและฌาณสัมปยุตพร้อม
ให้เรียกใหม่ว่ามี อินทรีย์

เมื่อแก่รอบพอ ก็เอื้อให้เห็น สัมมาปัญญาอันเป็นที่สุด

สัมมาปัญญาไม่มีเหตุใกล้ให้เกิด

แต่ภาวะที่จิตมี ญาณและฌาณ แก่รอบ มันจะเอื้อต่อการ
เห็นได้ เห็นแล้วก็ได้แค่เห็น เอาไว้ไม่ได้ ไม่มีใครเอา
ไว้ได้ ไม่มีใครเป็นเจ้าของได้

ปัญญาตัวแท้ๆไม่มีใครสร้างขึ้นมาได้ หากใครคิดว่าสร้างได้
มันจะแค่ พอเหมือนๆ หากใครคิดว่าเรามีปัญญาแล้วเอา
ปัญญานั้นไปใช้งานอย่างใดอย่างหนึ่ง อันนั้น ก็ลองไตร
ตรองอีกครั้งหนึ่งว่า ปัญญาตัวแท้ๆนั้นอยู่ในบังคับบัญชาได้หรือ

ถ้าหากว่า ปัญญาตัวแท้ๆนั้นอยู่ในบังคับบัญชาไม่ได้

แล้วสิ่งที่กำหนดว่าเป็นปัญญา แล้วเอาไปทำนู้นทำนี่ ก็ให้รู้
ไปเลยว่า นั่นยังถือว่าไม่ได้มีสัมมาปัญญาแท้ๆ

ที่กล่าวว่ามี หรือ มี ล้วนแต่เป็นการอนุโลม เพื่อ พละ

เมื่อมันเป็น พละ ก็แปลว่า ยังมีงานให้ทำ

เมื่อยังมีงานให้ทำ ก็แปลว่า ยังเรียนไม่จบ
และแปลว่า ไม่ได้ดูเฉยๆ โดยตลอด

และหากตลอดการศึกษา ล้วนแต่เป็นการดูเฉยๆ

ก็จะพบว่า ผู้ทำไม่มี สิ่งที่ทำได้ก็ไม่มี เพราะ รู้เฉยๆ ก็คือการทำอยู่แล้ว

 

หูยยยยย....ท่านแอ๊บ ขา มุขครั้งหลังนี้โอ มักๆ เขาหัวเราะกระจาย
น้ำตาเล็ด อีกตะหาก เอาไป 5 ดาวละกัน ย้อนไปอ่านดูนะท่านผู้ชม ^^^

 

มิน่าเล่า เราก็โง่ซ้า....
วันไหนขำขำ ก็ไม่ปวดหัว
วันไหนขำไม่ออก ปวดหัวน่าดู เพิ่งรู้ว่าต้องแบบนี้ เอิ๊ก เอิ๊ก....
ถ้าวันไหน อ๊ากกก.... ก็ต้องกลับไปกินพาราทู๊กที....

อิฉันนี้ เด๋วก็ เอิ๊กๆ เด๋วก็ อ๊ากกๆ ก็เลย หุบๆ บานๆ ซะงั้น เฮ้อ....
แต่ก็คงยังหุบมั่งบานมั่ง จนกว่ามันจะซึมเข้าไขสันหลังเนาะ เอ้า...เพียรดูต่อโลด

 

เออ ของงง...งงงงง ด้วยคน

 

มรรค ผล นิพพาน ไม่ใช่สุขหรอ
อย่าคิดว่าสุขในที่นี้คือ สุขแบบโลกๆ สิ
การรู้เท่าทันกิเลสนั่นแหล่ะ สุขแท้หน๊อ นะเอย นะเอย

ปัสสัทธิเป็นองค์หนึ่งในโพชฌงค์
เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนไปสู่อริยมรรค

 

รู้น้อยดีกว่ารู้มาก หรือ รู้มากดีกว่ารู้น้อย เป็นคำถามที่ตอบยากนะ ผมขอตอบว่า รู้ในสิ่งที่ควรรู้ รู้ในสิ่งที่จำเป็นต้องรู้ และ ความคิดเห็นก็เช่นเดียวกัน คิดในสิ่งที่ควรคิด คิดในทางเจริญนั้นควร คิดในทางเสื่อมนั้นไม่ควร

อันความคิดทั้งดีทั้งชั่ว ควบคุมได้ โดยสติ :z5

 

นี่แหล่ะ โง่แล้วอวดฉลาด
เคยได้ยินพุทธพจน์ที่ว่า " นิพพานัง ปรมัง สุขัง" ไหม เหอๆๆ

 

สำหรับคนที่เคยเห็น สติ ตัวจริงทำงาน

หรือ สำหรับคนที่คิดว่าเห็นว่ามีปัญญาอยู่ แล้ว ปัญญามันทำงานตัดกิเลส

ถามว่า

สติ มันเกิดจากการจงใจของเราไหม

ปัญญา ที่มันตัดกิเลส มันทำโดยเราเป็นคนออกคำสั่งไหม

หรือ ว่า มันทำของมันเอง เราได้แต่นั่งดูอยู่

คนที่นั่งดูอยู่ ก็เห็นอยู่ว่า ตัวเองไม่ได้ทำอะไร

แล้วจะตู่ไปว่า เราเป็นคนมีปัญญานั้นๆได้หรือ

เราเป็นคนมีสติได้หรือ

จะเห็นว่า มันเป็นเรื่องของ จิต ของ ขันธ์ ที่เป็น
อะไรก็ไม่รู้ เขาทำงานของเขาเองทั้งหมด

 

อ้าว ทำไมไม่ชี้แจงล่ะ ว่านิพพานไม่ใช่สุขยังไง พุทธพจน์ไม่ถูกต้องหรืออย่างไร
แต่กลับมาเพ่งที่ผม
นี่มันคนพาลหนิ
หรือว่าจะโง่จริง เหอๆๆๆ

 

การมีปัญญา จะเห็นว่า เป็นเพียงการเห็นว่ามันทำงานของมันเอง ไม่ใช่เราทำ

การมีปัญญา จะเห็นว่า เป็นเพียงการที่เห็นสรรพสิ่งตกใต้ไตรลักษณ์

การมีปัญญา ที่มีเราเป็นผู้ทำ จะเห็นว่า มันเป็นเพียงอุบายเท่านั้น

ส่วนเวลามันละ วาง ประหารกิเลสจริงๆ มันทำของมันเอง เราไม่ได้เกี่ยวข้อง
อะไรเลยในกระบวนการนั้น จะทำก็เป็นเพียง คนนั่งดู และ รู้

หน้าที่เราจึงมีแค่ ดู และ รู้ เขาทำไปแล้ว เราก็ได้แต่ ดู และ รู้

จะไปตู่เอาว่า นั่นเราทำ ก็เราเอาแต่นั่งดู และรู้ จะบอกว่าเป็น
คนทำ หรือ เป็นคนมี ได้อย่างไร

 

งง เหมือนกาน อ่ะ.......เอ่อ ^_^! .... ตกลง..คุยกันรู้เรื่องมัยนี่....หุหุหุ

.................... ...... _/|\_ ^_^! ................................................

 

อย่าลืมอ่านตรงจั่วหัวนะ ผมกล่าวถึงคนที่เห็น สติ ตัวแท้ๆทำงาน

ถ้าใครยังไม่ชัดว่า มีหรือไม่มี

ให้อ่านๆผ่านๆ หรือ ไตร่ตรองให้ดี

 

ถ้าผมเขียนคำว่า สุข หนึ่ง ครั้ง หมายถึง คะแนน ของความสุขนั้น สิบครั้ง ก็ 10 คะแนนนะครับ

" นิพพาน " ผมเขียนคำว่าสุขทั้งชีวิต จนไปถึงชาติหน้า จนไปอีกร้อยชาติ ก็ยังน้อยไป สำหรับ " นิพพาน "

คงจะไปอ่านตำราจำพวก ความว่าง มาสิครับ แล้วนึกเอา ว่าง อาจไม่ถึง ไม่สุข ไม่ทุกข์ ว่างจากคิด ( ไม่รู้ว่าคิด )

กามคุณสุข ญานสุข อรูปสุข ตามลำดับ แต่มีทุกข์เจือ เป็นสิ่งร้อยรัดให้เกิดในสงสารวัฏ

แต่นิพพาน คือ ทุกข์ดับ ฟังแล้วง่าย ๆ นะ ทุกข์ดับ แต่ไปศึกษา ไปพิจารณาเอาเอง ว่า ทุกข์มีอะไรบ้าง ^-^

 

อิฉันตอบคุณ3แระกัล หนุกๆนะ
วันไหนจงใจจะดูนะ จงใจจะทำ ตั้งมั่นมากเรยนะ วันนั้น แห้วรับประทานทั้งวัน
วันไหนไม่คิดอะไร ทำไปงั้นๆ ไม่หวังผล บางทีก็ลืมนึกไปว่าจะทำ
วันนั้นกลับรู้อารมณ์ รู้ตัวดี ความคิดมันก็แปร๊บๆๆ แบบสายฟ้าฟาด แหะๆ
ถ้ามีใครมาบอกให้คิดนู้น คิดนี้นะ วันนั้น แป๊กค่ะท่านผู้ชม

 

อย่าปล่อยให้ความรู้ที่ไม่จริงภายนอก มาขัดขวางปัญญาญาณของคุณละกันครับ

 

เชื่อ .....เอ้ยไม่เชื่อ.......>>>


.............................................................................
เอ้ยเชื่อ...งง อ่ะ งง 5555555+

 

...ไม่คิดอะไร .......5555...
..5555.ไม่คิดอะไร ...55555.ทำไปงั้นๆ .55555+++ไม่หวังผล 55555++
.