โรคภัยไข้เจ็บ อันเกิดจากการนั่งสมาธิ / การฝึกจิต / การฝึกพลัง

ขอเล่า การนั่งสมาธิของวันนี้หน่อย เผื่อจะเกี่ยวกับการเดินของวันนี้

เล่าเฉพาะที่อาจจะเกี่ยวข้องนะคะ คือนั่ง ๆ ไปได้ยินเสียงวิ้ง ๆ ก็จับเสียงนั้น จากนั้นเบาโปร่ง โล่ง เหมือนไม่มีตัวตน แต่ได้ยินปกติ ซ่าไปทั้งตัว นั่งบริกรรมไปซักพักหนึ่ง ก็เห็นภาพว่อบแว่บ พอเอะใจ ดูก็หายไป

ตัดมาเลยนะคะ จากนั้นก็เห็นหน้าตัวเองด้านซ้าย ไม่ชัด เหมือนหมอกลง ที่กำลังนั่งสมาธิอยู่น่ะค่ะ พอสนใจก็หายไปอีก จากนั้นก็เห็นอีก คล้ายเราดูจากกล้องส่องทางไกล แต่ปลายทางไม่เชิงใหญ่มาก แต่ชัดเจน ที่ว่าชัดเจนคือ ภาพมันใส แต่เล็ก ไม่ทราบว่าภาพอะไร พอเอ๊ะว่าเห็น ภาพมันไม่ได้หายไปทันที มันค่อย ๆ รวมตัวแล้วก็ตันเหมือนตอนหลับตาปกติ ที่เห็นนี้อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของการเดินก็ได้นะคะ

ยังไงรบกวนคุณโอมแนะนำอีกที ขอบคุณค่ะ

 

เมื่อคืนอาบน้ำครั้งที่ 4

อาบเสร็จรู้สึกปวดท้องมากๆ ไม่รู้เพราะกินอาหารสกปรก กินเยอะมากไป หรือว่าเป็นเพราะพลังจากจักร 1 ไปดันของเสียที่จักร 3

ส่วนอาการแปลกอื่นๆยังไม่มีครับ

 

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

ถ้าพร้อม ให้เตรียมอาบน้ำแข็ง ตามที่โพสไว้ในโพสข้างล่าง ได้เลยครับ

 

เอากระบวนการและยารักษาขนานนี้ไปใช้นะครับ


คำเตือน ผู้ที่ร่างกายร่างกายอ่อนแอ ไม่ควรเสี่ยงกับวิธีนี้ อาจมีอันตรายได้



1/ ทานยาเขียว ครึ่ง ซอง ตอนตื่นนอน และ ครึ่งซอง ก่อนนอน
( ท้องว่าง ทานกับน้ำดื่มอุณหภูมิปกติ ) เป็นวันแรก


2 /ทานยาเขียว หนึ่ง ซอง ตอนตื่นนอน , หนึ่งซอง ระหว่างวัน และ หนึ่งซองก่อนเข้านอน ระหว่างวันนั้น ก่อนหรือหลังอาหารสองชั่วโมงเป็นอย่างน้อย
( ท้องว่าง ทานกับน้ำดื่มอุณหภูมิปกติ ) เป็นวันที่สอง

ปล.สำหรับคนที่ไม่มั่นใจในสภาพร่างกายตัวเอง ให้ยืดระยะนี้ไปอีกสองวันก็ได้


3 /วันที่สาม ตอนเช้ายาเขียวหนึ่งซอง ระหว่างวันหนึ่งซอง

ตอนหัวค่ำ หลังอาหารอย่างน้อยสองชั่วโมง หรือ ก่อนนอน หลังจากอาบน้ำ ทำความสะอาดตามปกติแล้ว
ให้อาบน้ำแช่น้ำแข็งแบบเย็นเจี๊ยบบ จำนวนหนึ่งสังฆทานขนาดกลาง หรือ ใหญ่ ประมาณ 10 ขัน

โดย กัดฟัน+รดทีละขัน ราดตั้งแต่หัวลงมา

เสร็จแล้ว เช็ดตัวให้แห้ง , หายใจสั้นแค่ลิ้นปี่ ให้เต็มปอด คือเห็นลมตั้งแต่จมูกมาถึงคอ อก ลิ้นปี่ เต็มปอดแล้วหายใจออก สักสิบ ยี่สิบครั้งขึ้นไป เพื่อ
กระตุ้นเลือดลมให้ปรับตามธรรมชาติ , ทานยาเขียวหนึ่งซอง ภายในสิบนาที นับตั้งแต่
เช็ดตัวจนแห้ง เพื่อให้ร่างกายปรับตัว ปรับธาตุได้ทัน จะไม่เป็นหวัด



4 /วันที่ 4 ก็ยาเขียวหนึ่งซองตอนตื่น ระหว่างวันหนึ่งซอง ก่อนนอนอาบน้ำแข็งและยาเขียวหนึ่งซองภายใน 15 นาที หลังเช็ดตัวแห้ง



ตั้งแต่วันที่3 ทำไปทุกวันแบบนี้ จนถึง 3 วัน ไม่เกิน 7 วัน
อาการของโรคปัดสะตึก น่าจะหาย ตามคอร์สจริงๆ เพื่อเซ็ทระบบพลังงานของร่างกายซะใหม่

ต้องครบ 7 วัน ที่อาบน้ำแข็งติดต่อกัน ( ไม่ว่าอาบวันละ กี่ครั้ง ) ถ้าเว้นไปหนึ่งวัน ต้องเริ่มใหม่

วิธีนี้ ยังรักษาโรคทางการเดินลมปราณ ต่างๆ ให้หายได้หลายโรคด้วย




ปล. ไม่ต้องกลัวนะครับ กล้าๆหน่อย .....มีหลักสูตร EXTREME อีกหลายอย่าง ซึ่งผมก็ใช้ประจำอยู่แล้ว สุดๆด้วย

นอกตำรา แต่ เป็นเหตุผลธรรมชาติทั้งนั้น....





ปล. ยาเขียว ถ้าจะให้ดี ควรเป็นยาเขียวใหญ่ หรือ ยาเขียวสามฤดู ใช้แบบเม็ด ทานง่าย ไม่สำลัก

ถ้าตรวจให้ละเอียดจะทราบว่า... ยาเขียวที่ใส่ในซองฟรอยด์ จะมีประสิทธิภาพสูงกว่ายี่ห้อเดียวกันแต่ใส่ซองกระดาษ



ตกหล่นตรงไหนถามได้ครับ<!-- / message --><!-- edit note -->

 

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

อธิบายละเอียดนิดนึงครับ

ว่าปวดถ่าย หรือ ปวดแบบเจ็บแสบ ปวดเสียด ฯลฯ

ปวดนานเท่าไร ตอนนี้หายหรือยัง....

 

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


ถ้าเดินได้ระดับหนึ่ง


เป็นธรรมดาอาการของการเสวยองค์ฌาณหรือ สภาวะฌาณ
รอยต่อระหว่างฌาณ 2-3

ให้วางใจเป็นปกติ รู้ -ปล่อยๆๆ

เห็นแค่ไหนก็แค่นั้น ถ้านิ่ง และ ละเอียดโดยธรรมชาติ จะชัดเอง
จะมีพัฒนาการต่อไปอีก


ระบบจักร6 หรือ ตาที่สามของคุณ สะอาดค่อนข้างมากแล้ว
สิ่งที่เกิดกับระบบ ตา หู จมูก สามารถเชื่อมเข้าหากันได้เป็นธรรมดา




ปล่อยวาง แล้ว ทำต่อไปครับ

 

ปรับความเข้าใจ และ ทักษะการเดิน


จำง่ายๆ...




" เดินสบายๆ แกว่งแขนตามธรรมชาติกัดฟัน หายใจแค่ลิ้นปี่

ทำ ( นึก ) ขนลุก ทั่วทั้งตัวทั้งหัว ต่อเนื่อง "







หมายเหตุ. การเดินถ้าผ่อนคลายและถูกวิธี จะขนลุกง่ายมาก

การหายใจแค่ลิ้นปี่ อย่าเกร็ง อย่าแขม่วท้อง ก็หายใจปกตินั่นแหละ

แต่ รู้สึกง่ายๆว่า มาวกกลับแค่ลิ้นปี่


สังเกตุง่ายๆ ถ้าเกร็งเกินไป อาการที่ควรเกิดตอนเดิน จะไม่เกิด
แต่ มาเกิดหลังจากหยุดเดิน....

 

พี่ประไพ


ขออภัย เนื่องจากผมไม่ค่อยได้เปิดดู HOTMAIL บ่อยๆ เยอะมาก กว่า 500 ฉบัย

ที่ส่งมาตั้งแต่วันที่ 18 ขอตอบโดยรวมว่า


ทั้งหมด คือ อาการขับสิ่งแอบแฝง ไม่ว่าส่วนใดของกายที่พี่กล่าวมาทั้งหมด

บางอย่างหายไปแล้วหลายปี หรือนานมาก แต่กลับมี

เพราะ พลังกุณฑาลิณี กำลังจะขุดราก ถอนโคน ในสิ่งนั้นที่กำลังฟักตัวโดยพี่ไม่รู้


ทำต่อไปครับ


..............จงเผาทุกข์ทั้งมวล ด้วยความเพียร แล้วจะพ้นทุกข์...

 

คุณ KURO

ถ้าเหลือแค่หัว


ก็นึกขนลุกเต็มหัว เต็มหน้า


ทำไปเรื่อยๆ ...เดี๋ยวก็รู้ในพัฒนาการต่อไป

 

ส่วนน้องปลา ยังไม่ได้อะไรไปถึงไหนเลย พยายามต่อไป 5555

 

การอาบน้ำแข็งของคุณโอม สามารถสร้างร่างการให้ถึงจุดสมดุล จนเกิดพลังสุริยัน - จันทรา

ลมปราณหรือกระแสภายใน ถูกกระจายไปตามจุดต่าง ๆ ไม่ถูกกักขัง ไม่ถูกเหนี่ยวรั้งไว้จุดใด

จุดหนี่ง แต่...เท่าที่ทราบมา วิชาทุกอย่างย่อมมีจุดเริ่มต้น จุดสิ้นสุด อยากถาม

คุณโอมต่อครับว่า บันไดขั้นต่อไปของผม คือ..อะไร!

 

การฝึกอาณาปราณจากจมูก ลงมาที่คอ ลงมาที่ลิ้นปี่ ซึ่งเป็นจุดประตูลม

ใหม่ ๆ ทำความรู้สึกยาก เพราะไม่ชินหรือ ขัดกับหลักการเดิมของตน แต่..

พอทำไปเรื่อย ฝืนไปแต่ก็ทำไป ต่อไปจะเป็นของง่าย และไม่อยากให้ทุกท่าน

คิดว่า อันนี้นะ ฉันต้องฝึก เพราะคุณโอมสั่งมา แต่...อยากให้ทุกท่าน

ฝึกให้เป็นนิสัย ทั้งยืน เดิน นั่ง นอน คือฝึกแบบไม่ได้ฝึก อิอิ งงเหมือนกันล่ะ

อีกหน่อยจะเข้าใจเอง

 

ไหนบอกว่าอาบน้ำเสร็จแล้วไปนอนไง แอบมาเล่นเดียวเถอะ

ยาเขียวสามฤดู ตราปลาคู่ เหมือนรสบ๋วยเลยอะ อร่อย ๆ อิอิ

 

รายงานผลวันนี้ค่ะ เดินประมาณ สามสิบนาที

ออกเดินเริ่มแรก รู้สึกหนาวมาก มือเย็น หายใจออกมาเป็นควัน แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ กัดฟัน เดินแกว่งแขน ชมนกชมไม้ ไปตามเรื่อง เดินไปได้ประมาณห้านาที ลองเบ่งอาการขนลุก มันแค่วาบ ๆ อุ่น ๆ เบา ๆ ที่ศรีษะด้านหลัง

เดินต่อไปอีกเรื่อย ๆ มันไม่ใช่อาการเบาทางร่างกาย แต่มันเหมือนไม่มีร่างกายตรงที่ว่า เหมือนเป็นแค่หุ่น แล้วเราอยู่ในหุ่นนั้น เราเป็นคนเชิด ดูมันเฉย ๆ จะเดินขาซ้าย จะเดินขาขวา มันแค่รู้เฉย ๆ เหมือนเราเป็นคนเชิดหุ่นกระบอก บอกไม่ถูกค่ะในความรู้สึกนั้น

เดินต่อไปอีกแป๊บนึง มาลองเบ่งเร่งใหม่ มันวาบขึ้นมาจากศรีษะด้านหลัง ชัดเจนขึ้นกว่าตอนแรก แต่ยังไม่มาก เดินอีกนิดหน่อยลองเบ่งเร่งอีก ชัดเจนขึ้นวาบ ๆ ๆ รู้สึกเลยว่ามันขึ้นมา ก็เลยกระจายไปทั่วตัว ไม่หนาวแล้วทีนี้ เดินสบายมาก ยิ่งเดินยิ่งเฉย เข้าไปใหญ่ แต่มันจะมาเป็นระรอก ๆ เองในบ้างครั้งถ้าไม่ได้ไปเบ่งเร่ง แต่ก็เบ่งเร่งมันเรื่อย ๆ ขี้เกียจก็ไม่ทำ เดินเฉย ๆ มันเฉยไปหมดค่ะวันนี้ อาการเลยไม่ค่อยชัดเจนสักเท่าไหร่

กับอีกอย่างหนึ่งที่สังกตุ ถ้ามีรถวิ่งผ่านแล้วได้กลิ่นควันเสีย จะรู้สึกเลยเวลาหายใจเข้าไปแล้ว เหมือนทำให้ระบบรวน หลังจากสูดกลิ่นเข้าไป มันวิ่งเข้าไปตั้งแต่คอลงไปถึงลิ้นปี่ รู้สึกมันไม่คล่อง อึดอัด เลยต้องปรับใหม่ โดย เวลาหายใจเข้า ระลึกคำว่า "โอม" ถึงลิ้นปี่ แล้วค่อย ๆ ผ่อนออก จะหายใจคล่องขึ้น ทำสักสองสามครั้ง จะคล่องขึ้น เวลาเบ่งเร่ง จะทำได้ง่าย เร็ว เหมือนปราณมันสะอาด

กลับมานั่งพัก หลับตา นั่งพับเพียบสบาย ๆ (แต่เดินก็ไม่เหนื่อยนะคะ) ปักจิตที่ลิ้นปี่ รู้หนอ ๆ มันนิ่งจริง ๆ รู้อยู่แค่ลิ้นปี่ที่ชัด ร่างกายส่วนอื่น มันไม่รู้สึก ลมหายใจละเอียด เหมือนมันจะเข้าไปได้เกือบจะทันทีเลย ถ้าไม่ติดว่าต้องทำอะไรต่อ นั่งต่อแล้วดิ่งเข้าได้จริง ๆ มีประโยชน์มากในการเดินนี้

 

ง่ะข้อความนั้นมันตอน1ทุ่มและ

 

ฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯ







วงกลม ทุกขนาดมีจุดสมดุลย์เหมือนกัน คือ ตรงกลาง
พี่ต้องขยายขนาดวงกลมต่อไปเรื่อยๆ เพื่อประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อื่น โดยมีสมดุลย์แห่งพลัง เป็นแกนกลาง เท่านั้นเองจ้า

 

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


อุณหภูมิที่นั่น เฉลี่ย เท่าไรครับ ตอนนี้

 

มังกร
ลองอาบน้ำแข็งโดยไม่ต้องกินยาเขียวดูซิ
นึกจะอาบ ก็อาบเลย ไม่ต้องนึก ไม่ต้องตั้งท่าใดๆ
ทำเหมือนอาบน้ำประจำวันปกติ

แล้วมาเล่าสู่กันฟัง
(ท่านผู้อื่น อย่าทำนะคราบบบบบบบ...)

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ มังกรูรพา
อาจารย์ครับ คือนั่งสมาธิแล้วจู่ ๆ ที่หัวแม่เท้าข้างซ้ายเหมือนถูกดึงอย่างแรง เลยตกใจขึ้นมาพร้อมกับ

อาการลักปิดลักเปิด คือแสงแวบไปแวบมาถี่ ๆ ที่กึ่งกลางหน้าผาก เกี๋ยวข้องกับอะไรหรือเปล่าครับ

และตอนนี้ผมไม่เคยเพ่งจักกระไหนอีกเลย ทำไมที่จักกระ 7 เหมือนมีเม็ดก้อนเสียว ๆ อยู่กลางกระหม่อม



</TD></TR></TBODY></TABLE>


จักร 6 คือ จันทรามณี (ดึงความเย็นผ่าน 7 ลงมา) จะเป็นตัวเริ่มกระตุ้น จักร 1
และในทางกลับกัน
จักร 1 คือสุริยะรัตมณี ก็เป็นตัวกระตุ้น จักร 6
ท้ายสุด มันจะกระตุ้นซึ่งกันและกัน จนให้กำเนิดมังกรไฟและมังกรน้ำ

จักร 7 คือตุ่มหัวเสาของสุมนานที จะปรากฏชัดเมื่อ มังกรน้ำ และมังกรไฟเข้าพัวพันถ่ายพลังเข้าสุมานที

สิ่งที่จะต้องทำต่อไปของมังกรบูรพา คือการสร้างดวงแก้วให้ครบทั้งเจ็ดดวง
มังกรเพิ่งได้แค่ สอง ทำต่อไปอย่าหยุด
จนกว่า ดวงอาทิตย์เจ็ดดวง เกิดขึ้นเจิดจรัสในจักวาล(น้อย-ในกาย)

หัวแม่เท้า เป็นทางผ่าน เป็นประตูลมของเส้นตา (สหัสรังสี, ทวารี)
เมื่อจะมีเหตุเกี่ยวกับตา ผู้มีพลังดี สัมผัสดี ย่อมรับรู้การเปลี่ยนแปลงของพลังที่ผ่านประตูลมนี้

 

พอมีอาการปวดท้องก็เลยลองไปเข้าห้องน้ำ ก็มีถ่ายของเสียออกมาบ้างครับ แต่ก็ยังไม่หายปวดก็เลยนอน ตื่นเช้าวันต่อมาก็ยังมีอาการนิดๆ น่าจะเกิดจากการขับของเสียออกจากร่างกาย

ส่วนเมื่อวานอาบน้ำแข็ง รู้สึกรับกับความเย็นได้ดีกว่าเมื่อวาน (เมื่อวานเริ่มใช้น้ำแข็ง 2 ถุงบรรจุน้ำแข็งเต็มเอียด น้ำก็เลยเย็นกว่าที่ผ่านๆมา) รู้สึกภายในกายมีความร้อนครับ