ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ขอความรู้เกี่ยวกับอิสลามค่ะ ​

​

ป้ากบขอถามเป็นข้อๆ นะคะ

1.ทำไมสตรีอิสลามบางท่านก็ใส่ผ้าคลุมผมบางท่านก็ไม่ใส่ แล้วคนที่ไม่ได้เป็นอิสลามใส่ได้ไหมคะ
2.เรื่องสุนัขทำไมถึงไม่ชอบสุนัขคะ
3.พระบัญญัติ 10 ประการทำให้ป้ากบสงสัยว่าทั้งสองศาสนามีพระเจ้าพระองค์เดียวกันใช่มั้ยคะ
4.พระเจ้าของอิสลามใช่องค์แห่งธรรมชาติและความรักหรือเปล่าคะ
5.ศาสดาของอิสลามมี 5 ท่านใช่ไหมคะ มีขึ้นพร้อมๆกันหรือมีทีละท่านคะ แล้วคำสอนของท่านเหมือนกันหรือเปล่าคะ
6.อิสลามมีภรรยาได้ 4 คนจริงหรือเปล่าคะ แล้วไม่มีปัญหาหรือคะ
7.การละหมาดคืออะไรคะคือการสวดมนต์ใช่มั้ยคะ เคยมีคนเล่าให้ป้ากบฟังว่าต้องละหมาดวันละ 5 ครั้งใช่มั้ยคะ

วันนี้ป้ากบขอถามแค่นี้ก่อนนะคะ ป้ากบตั้งเป็นกระทู้ไม่อยากถามหลังไมล์เพราะเผื่อจะมีคนไม่รู้แบบป้ากบมาอ่านด้วยค่ะ ถ้าป้ากบถามหรือใช้คำอะไรที่ไม่ถูกต้องก็อภัยให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ <!--MsgFile=0-->

จากคุณ : <!--MsgFrom=0-->ป้ากบ - [ <!--MsgTime=0-->วันรัฐธรรมนูญ 16:57:45 <!--MsgIP=0-->]

-----------------------------------------------------------------------
สวัสดีตอนเย็น ๆ ครับ คุณป้ากบ

1. ทำไมสตรีอิสลามบางท่านก็ใส่ผ้าคลุมผมบางท่านก็ไม่ใส่ แล้วคนที่ไม่ได้เป็นอิสลามใส่ได้ไหมคะ

>>> การคลุมผม นั้นเป็นศาสนบัญญัติอยู่แล้วครับ นั่นคือ สตรีมุสลิมนั้น จะเปิดเผยเพียง ใบหน้าและฝ่ามือ เท่านั้น ส่วนเรื่องใครจะคลุม หรือไม่คลุม นั่นเป็นสิ่งที่เขาเลือกจะปฏิบัติกันเองครับ ...คนที่มิได้เป็นอิสลามจะคลุมก็ไม่ผิดแต่อย่างใดครับ เพราะ หลักปฏิบัติของมุสลิมนั้น ไม่ได้หวงห้ามให้ใครเลียนแบบครับ ยกเว้นว่า เลียนแบบไปแล้วมีเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เช่น ไม่ได้เป็นมุสลิม แต่คลุมผม แล้วไปกินข้าวขาหมูเช่นนี้ ก็ไม่สมควรครับ เพราะเป็นการสร้างความเข้าใจที่ผิดให้แก่คนทั่วไป

-----------------------------------------------------------------------

2. เรื่องสุนัขทำไมถึงไม่ชอบสุนัขคะ

>>> อย่าใช้คำว่าไม่ชอบดีกว่าครับ เพราะ ความจริงแล้ว ศานาไม่ได้สอนให้มุสลิมเกลียดสุนัข เพียงแต่มีข้อบัญญัติว่า ห้ามมุสลิมถูกน้ำลายสุนัขครับ ทั้งนี้เนื่องจาก น้ำลายสุนัขนั้นถือเป็นนายิส (สิ่งสกปรก) ซึ่งสำหรับมุสลิมแล้วถือว่า ความสะอาดเป็นเรื่องสำคัญมาก

สำหรับน้ำลายของสัตว์ชนิดอื่นนั้น ก็เช่นเดียวกันครับ ถ้าโดนแล้วต้องล้างเหมือนกัน แต่เหตุที่บัญญัติเรื่องสุนัขไว้เป็นพิเศษ เพราะสุนัขเป็นสัตว์ที่ชอบแลบลิ้นตลอดเวลา จึงง่ายในการถูกกับน้ำลายของมัน

ทั้งนี้ อิสลามก็มีข้อบัญญัติในเรื่องสุนัขอีกประการ คือ อนุญาตเลี้ยงไว้เพื่อใช้งานเท่านั้น เช่น เลี้ยงไว้ป้องกันขโมย เลี้ยงไว้ช่วยล่าสัตว์ ดูแลฝูงสัตว์ เป็นต้น แต่ไม่อนุญาตให้เลี้ยงไว้ดูเล่น เฉย ๆ ครับ

-----------------------------------------------------------------------

3. พระบัญญัติ 10 ประการ ทำให้ป้ากบสงสัยว่าทั้งสองศาสนามีพระเจ้าพระองค์เดียวกันใช่มั้ยคะ

>>> ศาสนา ยิว คริสต์ อิสลาม เชื่อในพระเจ้าองค์เดียว เหมือนกันครับ

-----------------------------------------------------------------------

4. พระเจ้าของอิสลาม ใช่องค์แห่งธรรมชาติและความรักหรือเปล่าคะ

>>> ไม่เข้าใจว่า หมายถึงอะไรนะครับ แต่สำหรับอิสลามแล้ว เราถือว่าพระเจ้าเป็นทั้งหมด ทุกอย่างครับ ไม่ได้เป็นแค่พระเจ้า ของความรัก หรือพระเจ้าของธรรมชาติ แต่หมายรวมทุกสรรพสิ่งครับ

-----------------------------------------------------------------------
5. ศาสดาของอิสลามมี 5 ท่านใช่ไหมคะ มีขึ้นพร้อมๆกันหรือมีทีละท่านคะ แล้วคำสอนของท่านเหมือนกันหรือเปล่าคะ

>>> คือ ในศาสนาอิสลาม นั้น เราแบ่งออกเป็น 2 อย่างครับ
1. นบี - คือผู้ที่รับบัญชา หรือ คำสอนจากพระเจ้าเพื่อปฏิบัติ หรือ สั่งสอนแก่กลุ่มชนของท่าน เป็นการเฉพาะ ซึ่งมีรายงานบางรายงานกล่าวว่า นบีนั้น มีถึง 124,000 ท่าน ครับ

2. รอซู้ล - หรือ ผู้นำสาส์น หรือผู้แทนพระเจ้า มีหน้าที่นำสิ่งที่พระเจ้าบัญชา มาสั่งสอนแก่มนุษย์ และเผยแผ่แนวทางของพระองค์ไปในกลุ่มชนต่าง ๆ ตามแต่พระเจ้าจะบัญชา ครับ เช่น อับราฮัม โมเสส เดวิด เป้นต้น ซึ่งที่ปรากฏชื่อในกุรอาน มี 25 ท่าน

ดังนั้น อิสลามจึงกล่าวว่า มีศาสนทูตทั้งหมด 25 ท่านครับ

ศาสนทูตแต่ละท่านจะเกิดมาในยุคต่าง ๆ กัน และสืบทอดการสั่งสอนในเรื่องพระเจ้าองค์เดียวกัน ทุกท่าน ดังนั้นในเรื่องคำสอนเกี่ยวกับพระเจ้า จะคล้ายกันครับ แต่ในเรื่องข้อบัญญัติปลีกย่อย อาจแตกต่างกันไป เพื่อความเหมาะสมในแต่ละยุคสมัย

-----------------------------------------------------------------------

6. อิสลามมีภรรยาได้ 4 คนจริงหรือเปล่าคะ แล้วไม่มีปัญหาหรือคะ

>>> อิสลามไม่ได้ใช้ให้มีภรรยา 4 คนครับ แต่อิสลามใช้ให้มีเพียง 1 คน แต่มีข้ออนุโลมว่า หากจะมีมากกว่า 1 คน ก็อนุญาตให้มากสุด แค่ 4 คนครับ และจำเป็นต้องให้ความเท่าเทียม และความยุติธรรมแก่ ภรรยาทุกคนครับ ไม่มีคำว่า เมียน้อย เมียหลวงในศาสนาอิสลามครับ ซึ่งตามกฎหมายอิสลามแล้ว ถือว่า ภรรยาคนที่ 1 และภรรยา คนอื่น ๆ มีศักดิ์ และสิทธิ์ทางกฎหมายเสมอกันครับ

กุรอานกล่าวว่า

"... ก็จงแต่งงานกับผู้ที่ดีแก่พวกเจ้า ในหมู่สตรี สองคน หรือสามคน หรือสี่คน แต่ถ้าพวกเจ้าเกรงว่าพวกเจ้าจะให้ความยุติธรรมไม่ได้ ก็จงมีแต่หญิงเดียว หรือไม่ก็หญิงที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครองอยู่ นั้นเป็นสิ่งที่ใกล้ยิ่งกว่าในการที่พวกเจ้าจะไม่ลำเอียง" (กุรอาน 4:3)

ต้องเข้าใจ เจตนาจริงๆ ของข้อบัญญัตินี้ด้วยว่า การอนุโลมให้มีมากกว่า 1 นั้น เป็นการสงเคราะห์ด้านสังคม คือ ช่วยเหลือสตรี ให้ได้รับการปกป้อง หรือ ได้รับการช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ เพราะอิสลามกำหนดไว้ว่า สามีนั้น จะต้องเป็นผู้สงเคราะห์ภรรยา ในทุก ๆ ด้านตามที่มีความสามารถจะกระทำได้ ดังนั้น จึงไม่ใช่การบัญญัติเพื่อไปสนองต่อความต้องการด้านตัณหาราคะครับ

-----------------------------------------------------------------------

7. การละหมาดคืออะไรคะคือการสวดมนต์ใช่มั้ยคะ เคยมีคนเล่าให้ป้ากบฟังว่าต้องละหมาดวันละ 5 ครั้งใช่มั้ยคะ

>>> คือ การสวดมนต์ ? ...อืม คือ จะเข้าใจอย่างนั้นก็ได้ครับ เจตนาของ การละหมาด เป็นการเข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้า และเป็นการทำสมาธิ ขัดเกลาจิตใจหนะครับ

ละหมาดตามที่ศาสนาบัญญัติไว้ มีกำหนด 5 ครั้ง ต่อวันครับ แต่นอกจากนี้ก็มีละหมาดอื่น ๆ อีก เพียงแต่ไม่ได้บังคับ เป็นความสมัครใจครับ

ด้วยจิตคารวะครับ <!--MsgFile=1-->

จากคุณ : <!--MsgFrom=1-->kheedes - [ <!--MsgTime=1-->วันรัฐธรรมนูญ 17:59:42 <!--MsgIP=1-->]<!--pda content="end"-->

-----------------------------------------------------------------------

<!--MsgFile=1-->บัญญัติ 10 ประการ(ของศาสนาคริสต์) เทียบกับอัลกุรอาน นะครับ

1. จงนมัสการพระเจ้าแต่ผู้เดียว

>>> "และผู้ที่ควรแก่การเคารพ สักการะของพวกเจ้านั้น มีเพียงองค์เดียว ไม่มีผู้ควรแก่การเคารพสักการะใด ๆ นอกจากพระองค์ ผู้ทรงกรุณาปรานีผู้ทรงเมตตาเสมอเท่านั้น" (กุรอาน 2:163)

2. อย่าออกพระนามพระเจ้าโดยไม่สมควร

>>>“และอัลลอฮ์นั้นมีบรรดาพระนามอันสวยงาม ดังนั้นพวกเจ้าจงเรียกหาก พระองค์ด้วยพระนามเหล่านั้นเถิด และจงปล่อยบรรดาผู้ที่ทำให้เฉ ในบรรดาพระนามของพระองค์เถิด พวกเขานั้นจะถูกตอบแทนในสิ่งที่พวกเขากระทำ" (กุรอาน 7:180)

3. วันพระเจ้าให้ถือเป็นวันศักดิ์สิทธิ์

>>>ในประเด็นนี้ อิสลามไม่ได้ถือตามยิว ที่ถือวันสะบาโตครับ แต่วันสำคัญในสัปดาห์ของอิสลามคือวันศุกร์ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับคติเรื่องสร้างโลก 6 วัน แบบวันสะบาโตของยิว

"โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เมื่อได้มีเสียงร้องเรียก (อะซาน) เพื่อทำละหมาดในวันศุกร์ก็จงรีบเร่งไปสู่การรำลึกถึงอัลลอฮฺ .." (กุรอาน 62:9)

4. จงนับถือบิดามารดา

>>> "และจงทำดีต่อบิดามารดา เมื่อผู้ใดในทั้งสองหรือทั้งสองบรรลุสู่วัยชราอยู่กับเจ้า ดังนั้นอย่ากล่าวแก่ทั้งสองว่า อุฟ ! และอย่าขู่เข็ญท่านทั้งสอง และจงพูดแก่ท่านทั้งสองด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยน" (กุรอาน 17:23)

คำว่า อุฟ เป็นคำอุทานในภาษาอาหรับ ที่แสดงความไม่พอใจ

5. อย่าฆ่าคน

>>>"แท้จริงผู้ใดฆ่าชีวิตหนึ่งโดยมิใช่เป็นการชดเชยอีกชีวิตหนึ่ง หรือมิใช่เนื่องจากการบ่อนทำลายในแผ่นดินแล้วก็ประหนึ่งว่าเขาได้ฆ่ามนุษย์ทั้งมวล" (กุรอาน 5:32)

" และอย่าฆ่าลูกของพวกเจ้า เนื่องจากความจนเราเป็นผู้ให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า และแก่พวกเขา และจงอย่าเข้าใกล้บรรดาสิ่งชั่วช้า ทั้งที่เปิดเผยและที่ปกปิด และอย่าฆ่าชีวิต ที่อัลลอฮ์ทรงห้ามไว้ นอกจากด้วยสิทธิอันชอบธรรมเท่านั้น นั่นแหละที่พระองค์ได้ทรงสั่งเสียมันไว้แก่พวกเจ้า เพื่อว่าพวกเจ้าจะใช้ปัญญา" (กุรอาน 6:151)

6. อย่าล่วงประเวณี

>>> "และพวกเจ้าอย่าเข้าใกล้การผิดประเวณี แท้จริงมันเป็นการลามกและทางอันชั่วช้า" (กุรอาน 17:32)

7. อย่าลักทรัพย์

>>>"และขโมยชายและขโมยหญิงนั้นจงตัดมือของเขา ทั้งสองคน ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอบแทนในสิ่งที่ทั้งสองนั้นได้แสวงหาไว้ (และ) เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างการลงโทษ" (กุรอาน 5:38)

"โอ้ นะบีเอ๋ย เมื่อบรรดาหญิงผู้ศรัทธาได้มาหาเจ้าโดยพวกนางเพื่อให้ปฏิญาณแก่เจ้าพวกนางจะไม่ตั้งภาคีใด ๆ ต่ออัลลอฮฺ และจะไม่ขโมย และจะไม่ทำชู้ และจะไม่ฆ่าลูก ๆ ของพวกนาง และจะไม่นำมาซึ่งการใส่ร้ายโดยการเสกสรรลูกหลง พ่อให้เป็นลูกของเขา และจะไม่ขัดขืนคำสั่งของเจ้าในเรื่องดีงาม ดังนั้นจงรับการปฏิญาณของพวกนาง และจงขอต่ออัลลอฮฺให้ทรงอภัยแก่พวกนาง แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ" (กุรอาน 60:12)

8. อย่านินทาว่าร้ายผู้อื่น

>>> "แท้จริงการซุบซิบนินทากันนั้นเป็นการงานของชัยฏอน (ซาตาน) " (กุรอาน 58:10)

"ความหายนะจงประสบแด่ทุกผู้นินทาและผู้ใส่ร้ายผู้อื่น (กุรอาน 104:1)

9. อย่าคิดโลภในประเวณี

>>> "แท้จริงบรรผู้ชอบที่จะให้เรื่องบัดสีแพร่หลายไปในหมู่ผู้ศรัทธานั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างเจ็บปวด ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้และพวกเจ้าไม่รู้" (กุรอาน 24: 19)

"โอ้ บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ! พวกเจ้าอย่าคิดตามทางเดินของชัยฎอน (ซาตาน) และผู้ใดติดตามทางเดินของชัยฎอน แท้จริงมันจะใช้ให้ทำการลามกและความชั่ว" (กุรอาน 24:21)

10. อย่าคิดโลภในสิ่งของของผู้อื่น

>>> "ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงอย่ากินทรัพย์ของพวกเจ้า ในระหว่างพวกเจ้าโดยมิชอบ..." (กุรอาน 4:29)

-----------------------------------------------------------------------

...ตามทัศนะของอิสลาม ไม่มีศาสนทูตมาอีกแล้วครับ เนื่องจากท่านนบีมุฮัมหมัด (ศ.ล.) เป็นศาสนทูตท่านสุดท้าย และเป็นตราประทับ แห่งบรรดาศาสนทูตทั้งมวล ดังนั้น จึงไม่มีผู้นำสาส์นมาอีก แต่ว่า มีคำพยากรณ์ถึงการกลับมาอีกครั้ง ของท่านนบีอีซา (อ.ล.) หรือ พระเยซู ในภายหน้าครับ รวมทั้งผู้นำอิสลามในยุคสุดท้าย คือ อิหม่ามมะห์ดีย์

นักบวช ที่ถือพรหมจรรย์ แยกตัวไปปฏิบัติธรรมจากกลุ่มฆราวาส แบบพระสงฆ์ เช่นนั้น อิสลามไม่มีครับ ... แต่ถ้านักบวชในความหมายของผู้ประกอบพิธีทางศาสนา มุสลิมทุกคนที่บรรลุศาสนภาวะและเข้าใจในบทบัญญัติ อย่างถูกต้อง ก็เป็นผู้ที่ประกอบพิธีทางศาสนาได้หมดครับ

ด้วยจิตคารวะครับ <!--MsgFile=4-->

จากคุณ : <!--MsgFrom=4-->kheedes - [ <!--MsgTime=4-->วันรัฐธรรมนูญ 21:11:43 <!--MsgIP=4-->]

-----------------------------------------------------------------------

ที่มา http://topicstock.pantip.com
<!--pda content="end"-->

 

ทั่วโลกเริ่มฉลองเทศกาลคริสต์มาส​

​

25 ธ.ค.-หลายพื้นที่ทั่วโลกเริ่มการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึงในวันนี้

คริสตศาสนิกชนในจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ รวมถึงหลายประเทศในเอเชีย เดินทางไปประกอบพิธีมิสซายังโบสถ์หลายแห่ง เนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ หรือวันสุดท้ายก่อนถึงเทศกาลคริสต์มาส โดยมีเด็ก ๆ สวมเสื้อผ้าสีสันสวยงามร่วมประกอบพิธี ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในอินโดนีเซีย เพื่อป้องกันเหตุก่อการร้าย

เช่นเดียวกับชาวคริสต์ในอิรัก ที่ร่วมประกอบพิธีมิสซาในวันคริสต์มาสอีฟ ที่โบสถ์ในกรุงแบกแดด ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็น ส่วนทหารต่างชาติของชาติสมาชิกนาโต้กว่า 200 นายที่ปฏิบัติภารกิจในอัฟกานิสถาน ก็ได้ร่วมร้องเพลงและจุดเทียนฉลองวันคริสต์มาสอีฟ พวกเขาบอกว่าคิดถึงครอบครัวที่บ้านเกิดมากโดยเฉพาะในช่วงเวลาสำคัญของปีเช่นนี้ แต่จำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้สถานการณ์ในกรุงคาบูลมีความสงบเรียบร้อย

ขณะที่ศูนย์ป้องกันภัยทางอากาศของสหรัฐ ได้เปิดเผยการติดตามเส้นทางการเดินทางของซานตาคลอสประจำปี โดยในปีนี้พบการเดินทางของซานตาคลอสจุดแรกที่เมืองโอคแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์.-สำนักข่าวไทย

2008-12-25 05:22:42

สมเด็จพระสันตะปาปาทรงขอให้ยุติความรุนแรง​

​

วาติกัน 25 ธ.ค.

 

<TABLE class=tborder id=post1751731 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>อธิมุตโต<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1751731", true); </SCRIPT>
นักบวช



วันที่สมัคร: Aug 2006
สถานที่: วัฏฏะสังสารวัฏ
ข้อความ: 4,127
<IF condition="">
</IF>พลังการให้คะแนน: 1785







</TD><TD class=alt1 id=td_post_1751731 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">

<!-- icon and title -->พบนาฬิกาสวิสในสุสานเก่าแก่อายุ 400 ปี ​

<META content=Word.Document name=ProgId><META content="Microsoft Word 12" name=Generator><META content="Microsoft Word 12" name=Originator><LINK href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CPSATHA%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_filelist.xml" rel=File-List><LINK href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CPSATHA%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_themedata.thmx" rel=themeData><LINK href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CPSATHA%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_colorschememapping.xml" rel=colorSchemeMapping><STYLE>@font-face { font-family: Cordia New;}@font-face { font-family: Cambria Math;}@font-face { font-family: Calibri;}@font-face { font-family: Akbar;}@font-face { font-family: Hybi4;}@page Section1 {margin: 1.0in 1.0in 1.0in 1.0in; size: 595.3pt 841.9pt; mso-header-margin: 35.4pt; mso-footer-margin: 35.4pt; mso-paper-source: 0; }P.MsoNormal { FONT-SIZE: 11pt; MARGIN: 0in 0in 10pt; LINE-HEIGHT: 115%; FONT-FAMILY: "Calibri","sans-serif"; mso-style-unhide: no; mso-style-qformat: yes; mso-style-parent: ""; mso-pagination: widow-orphan; mso-bidi-font-size: 14.0pt; mso-ascii-font-family: Calibri; mso-ascii-theme-font: minor-latin; mso-fareast-font-family: Calibri; mso-fareast-theme-font: minor-latin; mso-hansi-font-family: Calibri; mso-hansi-theme-font: minor-latin; mso-bidi-font-family: "Cordia New"; mso-bidi-theme-font: minor-bidi}LI.MsoNormal { FONT-SIZE: 11pt; MARGIN: 0in 0in 10pt; LINE-HEIGHT: 115%; FONT-FAMILY: "Calibri","sans-serif"; mso-style-unhide: no; mso-style-qformat: yes; mso-style-parent: ""; mso-pagination: widow-orphan; mso-bidi-font-size: 14.0pt; mso-ascii-font-family: Calibri; mso-ascii-theme-font: minor-latin; mso-fareast-font-family: Calibri; mso-fareast-theme-font: minor-latin; mso-hansi-font-family: Calibri; mso-hansi-theme-font: minor-latin; mso-bidi-font-family: "Cordia New"; mso-bidi-theme-font: minor-bidi}DIV.MsoNormal { FONT-SIZE: 11pt; MARGIN: 0in 0in 10pt; LINE-HEIGHT: 115%; FONT-FAMILY: "Calibri","sans-serif"; mso-style-unhide: no; mso-style-qformat: yes; mso-style-parent: ""; mso-pagination: widow-orphan; mso-bidi-font-size: 14.0pt; mso-ascii-font-family: Calibri; mso-ascii-theme-font: minor-latin; mso-fareast-font-family: Calibri; mso-fareast-theme-font: minor-latin; mso-hansi-font-family: Calibri; mso-hansi-theme-font: minor-latin; mso-bidi-font-family: "Cordia New"; mso-bidi-theme-font: minor-bidi}P.MsoFooter { FONT-SIZE: 11pt; MARGIN: 0in 0in 0pt; FONT-FAMILY: "Calibri","sans-serif"; mso-pagination: widow-orphan; mso-bidi-font-size: 14.0pt; mso-ascii-font-family: Calibri; mso-ascii-theme-font: minor-latin; mso-fareast-font-family: Calibri; mso-fareast-theme-font: minor-latin; mso-hansi-font-family: Calibri; mso-hansi-theme-font: minor-latin; mso-bidi-font-family: "Cordia New"; mso-bidi-theme-font: minor-bidi; mso-style-priority: 99; mso-style-link: "Footer Char"; tab-stops: center 225.65pt right 451.3pt}LI.MsoFooter { FONT-SIZE: 11pt; MARGIN: 0in 0in 0pt; FONT-FAMILY: "Calibri","sans-serif"; mso-pagination: widow-orphan; mso-bidi-font-size: 14.0pt; mso-ascii-font-family: Calibri; mso-ascii-theme-font: minor-latin; mso-fareast-font-family: Calibri; mso-fareast-theme-font: minor-latin; mso-hansi-font-family: Calibri; mso-hansi-theme-font: minor-latin; mso-bidi-font-family: "Cordia New"; mso-bidi-theme-font: minor-bidi; mso-style-priority: 99; mso-style-link: "Footer Char"; tab-stops: center 225.65pt right 451.3pt}DIV.MsoFooter { FONT-SIZE: 11pt; MARGIN: 0in 0in 0pt; FONT-FAMILY: "Calibri","sans-serif"; mso-pagination: widow-orphan; mso-bidi-font-size: 14.0pt; mso-ascii-font-family: Calibri; mso-ascii-theme-font: minor-latin; mso-fareast-font-family: Calibri; mso-fareast-theme-font: minor-latin; mso-hansi-font-family: Calibri; mso-hansi-theme-font: minor-latin; mso-bidi-font-family: "Cordia New"; mso-bidi-theme-font: minor-bidi; mso-style-priority: 99; mso-style-link: "Footer Char"; tab-stops: center 225.65pt right 451.3pt}SPAN.FooterChar { mso-style-unhide: no; mso-style-priority: 99; mso-style-link: Footer; mso-style-name: "Footer Char"; mso-style-locked: yes}.MsoChpDefault { mso-ascii-font-family: Calibri; mso-ascii-theme-font: minor-latin; mso-fareast-font-family: Calibri; mso-fareast-theme-font: minor-latin; mso-hansi-font-family: Calibri; mso-hansi-theme-font: minor-latin; mso-bidi-font-family: "Cordia New"; mso-bidi-theme-font: minor-bidi; mso-style-type: export-only; mso-default-props: yes}.MsoPapDefault { MARGIN-BOTTOM: 10pt; LINE-HEIGHT: 115%; mso-style-type: export-only}DIV.Section1 { page: Section1}</STYLE>

นักโบราณคดีในประเทศจีน รู้สึกมึนงงหลังจากค้นพบนาฬิกาสวิสขนาดจิ๋วในสุสานอายุ 400 ปีแห่งหนึ่ง <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O></O>

นาฬิกาแหวนวงนี้ถูกค้นพบ ในขณะที่นักโบราณคดีกำลังทำสารคดีเรื่องหนึ่งร่วมกับนักหนังสือพิมพ์อีก 2 คนจากเมืองชางสี <O></O>

​

 

คลายเครียดกันหน่อยนะครับ​

​

เห็นเรื่องนาฬิกาแหวนของสวิส อายุ 400 ปี แล้วทำให้นึกถึงหนังทีวีเรื่อง"เจาะเวลาหาจิ๋นซี" จังเลย เนื้อเรื่องก็เป็นการเดินทางข้ามกาลเวลาในปัจจุบันไปในอดีตสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ ถ้าเรื่องนาฬิกาแหวนนี้เป็นเรื่องจริง ก็แสดงว่ามีคนในยุคปัจจุบันของเรานี้ใช้เครื่องTime Machine เดินทางย้อนกาลเวลาไปในอดีตได้จริงๆ แต่ถ้าเรื่องนาฬิกาเป็นเรื่องไม่จริง ก็คงมีใครเล่นตลก แอบเอาไปวางไว้ตอนที่ไม่มีใครเห็นก็เท่านั้นเองครับ

เรื่องย่อ เจาะเวลาหาจิ๋นซี

เซี่ยงเส้าหลง (กู่เทียนเล่อ) ตำรวจหน่วยพิเศษแห่งศตวรรษที่ 21 ตัดสินใจนั่งกระสวยกาลเวลาย้อนอดีตกลับไปเพื่อให้ได้ใจหญิงสาวที่เขารัก แต่นึกไม่ถึงว่าการย้อนเวลากลับไปในอดีตนั้นเกิดความผิดพลาด เซี่ยงเส้าหลงถูกพาย้อนเวลากลับไปในประวัติศาสตร์สมัยจิ๋นซีฮ่องเต้

อิ๋งเจิ้ง (หลินฟง) ซึ่งต่อมาก็คือจิ๋นซีฮ่องเต้ ซึ่งในเวลานั้นยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ อิ๋งเจิ้งถูกจับตัวเป็นตัวประกันที่แคว้นจ้าว เพื่อที่จะย้อนเวลากลับไปยังปัจจุบัน เซี่ยงเส้าหลงจึงตัดสินใจตามหาอิ๋งเจิ้งและช่วยเหลืออิ๋งเจิ้งจนขึ้นครองราชย์ได้ในที่สุด

จากความสามารถและปฏิภาณไหวพริบของเซี่ยงเส้าหลงจนเป็นที่ไว้วางใจของอิ๋งเจิ้ง คนในยุคปัจจุบันที่ต้องย้อนเวลากลับไปในอดีตสมัยประวัติศาสตร์ แน่นอนว่าต้องพบกับอุปสรรคและความยากลำบากอย่างมากมาย ตลอดระยะเวลาที่เซี่ยงเส้าหลงช่วยเหลืออิ๋งเจิ้งขึ้นครองราชย์นั้น ต้องเผชิญกับสงครามและการฆ่าฟันซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

นอกจากนี้เซี่ยงเส้าหลง ยังต้องเผชิญกับการแก่งแย่งชิงดีกัน ของขุนนางในราชสำนัก แม้ว่าภูเขาและสายน้ำจะเปลี่ยนก็ตาม แต่นิสัยของมนุษย์นั้นก็ยังคงเดิม เซี่ยงเส้าหลงซึ่งเต็มไปด้วยความกะล่อนและเจ้าชู้ประตูดิน ถึงแม้ว่าจะย้อนเวลากลับมาในอดีตสมัยประวัติศาสตร์ก็ตามที เขายังต้องเผชิญกับรักสามเส้าที่รุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นองค์หญิงหรือหญิงสาวชาวบ้านทั่วไป

ท้ายที่สุดนี้ เซี่ยงเส้าหลงจะสามารถช่วยเหลืออิ๋งเจิ้งขึ้นครองราชย์ได้สำเร็จหรือไม่ และ เขาเองจะสามารถกลับไปยังปัจจุบันสมัยศตวรรษที่ 21 ได้หรือไม่ ความรักที่ผิดแผกเวลานั้นเขาจะจัดการอย่างไร ติดตามชมได้ในภาพยนตร์จีนชุด “ เ จ า ะ เ ว ล า ห า จิ๋ น ซี ”

ที่มา http://www.geocities.com/modify_th/jut.htm

 

วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2551 เวลา 16:27 น. ข่าวสดออนไลน์


บางน้ำเปรี้ยวพบผู้ป่วยต้องสงสัยติดเชื้อหวัดนก

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 25 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมโชค กาญจนวัฒน์ ปศุสัตว์อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยนายพิทักษ์ เพียรพิทักษ์ สาธารณสุขอำเภอบางน้ำเปรี้ยว และเจ้าหน้าที่ นำน้ำยาฆ่าเชื้อไปฉีดพ่นบริเวณบ้านเลขที่ 27/2 หมู่ที่ 6 ตำบลบางขนาก อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมทั้งโรงงานธรรมรัตน์ ซึ่งมีการเลี้ยงไก่ชนไว้นับร้อยตัว เนื่องจากก่อนหน้านี้พบผู้ป่วยสงสัยติดเชื้อไข้หวัดนก 1 ราย คือ นายสมยศ เตมียะเสน อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27/2 ม.6 ตำบลบางขนาก จากการสอบถามนายไพโรจน์ และนางคำ จันทร์พิทักษ์ เจ้าของบ้าน บอกว่า นายสมยศ หรือจ่อย เตมียะเสน เป็นบุตรบุญธรรม มีประวัติสัมผัสไก่ เนื่องจากเป็นคนที่ชอบเลี้ยงไก่ชนและมักตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆ ที่มีการชนไก่ ล่าสุดเมื่อประมาณวันที่ 15 ธันวาคม ได้ไปสัมผัสไก่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง โดยใช้ปากดูดที่ปากและหัวไก่ชนตัวหนึ่ง รุ่งขึ้นวันที่ 16 ธันวาคม ไก่ตัวดังกล่าวได้ตายไป จากนั้นนายสมยศ ฯ ก็เริ่มป่วยด้วยการไอเรื้อรัง มีไข้ ตัวร้อน แน่นหน้าอก และเริ่มรุนแรง จนกระทั่งวันที่ 23 ธ.ค. ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเมืองฉะเชิงเทรา ขณะนี้นอนรักษาตัวอยู่ที่ตึกสงฆ์ ชั้น 9 โรงพยาบาลเมืองฉะเชิงเทรา
ด้านนายสมโชค กาญจนวัฒน์ ปศุสัตว์อำเภอบางน้ำเปรี้ยว เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับสาธารณสุขอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันนำเจ้าหน้าที่ไปฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่บ้านของผู้ป่วยและบริเวณใกล้เคียงแล้ว พร้อมสั่งห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกเด็ดขาด นอกจากนี้ยังแนะนำชาวบ้านให้ดูแลสุขภาพตนเอง ส่วนอาการของผู้ป่วยต้องรอผลการตรวจจากห้องแล็ป ซึ่งขณะนี้ส่งไปยังศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ จังหวัดชลบุรี อีก 2 วันจะทราบผลว่าติดเชื้อไข้หวัดนกหรือไม่
<TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>มือบอนตะปูขีดพระพักตร์อนุสาวรีย์องค์พระนเรศวร

ที่วัดดอยเวา อ.แม่สาย จ.เชียงราย

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 25 ธ.ค.นายวิศิษฐ์ สิทธิสมบัติ นายอำเภอแม่สาย จ.เชียงราย และ พ.ต.อ.ประจักษ์ อวัยวานนท์ ผกก.สภ.แม่สาย รับแจ้งจากเหตุมีผู้พบเห็นว่าที่องค์พระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเรศวรมหาราช ซึ่งประดิษฐานอยู่บนดอยเวาบริเวณจุดชมวิววัดดอยเวา หมู่ 1 ต.เวียงคำ อ.แม่สาย และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชายแดนไทย-พม่า ที่สำคัญ มีร่องรอยการถูกกระทำการลบหลู่องค์พระอนุสาวรีย์ด้วยการขูดขีดจนเสียหาย จึงรุดไปตรวจสอบพบว่าองค์พระอนุสาวรีย์ประดิษฐานอยู่ชั้น 2 ของอาคาร ชมวิวทั้งฝั่ง อ.แม่สาย และ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า โดยมีองค์พระอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชประดิษฐานตรงกลาง ด้านซ้ายและขวาเป็นอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระเอกาทศรถและพระสุพรรณกัลยา
จากการตรวจสอบที่พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรซึ่งสร้างในขนาดเท่าคนจริง พบที่บริเวณพระพักต์มีรอยถูกขีดด้วยของแข็งจนเป็นรอยลึกลงไปอย่างชัดเจน โดยมีอยู่ 3 จุดคือตรงกลางหน้าผากเป็นรอยขีดเป็นรูปกากบาท จุดที่ 2 อยู่ตรงพระพักต์ด้านซ้ายโดยมีรอยขีดยาวประมาณ 4-5 นิ้ว และจุดสุดท้ายอยู่ตรงพระพักต์ด้านขวามีรอยขีดเป็นกากบาท จากสภาพของรอยขีดเบื้องต้นสันนิฐานว่าคนร้ายน่าจะใช้ตะปูในการก่อเหตุ สำหรับอนุสาวรีย์อีก 2 พระองค์ที่อยู่ด้านซ้ายและขวาไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
พ.ต.อ.ประจักษ์ จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.ธวัชชัย ระวังศรี สารวัตรเวร สภ.แม่สาย เก็บหลักฐานภาพถ่ายที่เกิดเหตุเอาไว้ และให้ชุดสืบสวนร่วมกับตำรวจตู้ยามหัวฝายซึ่งดูแลพื้นที่ได้ออกสอบถามชาวบ้านและผู้เกี่ยวข้องว่ามีใครพบเห็นคนร้ายที่ก่อเหตุหรือไม่ จากการสอบถามไปยังพระครูสังธรรมโกวิท เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยเวา ทราบว่าเดิมองค์พระอนุสาวรีย์ไม่ได้ถูกกระทำแต่ได้พบร่องรอยเมื่อราว 3 เดือนก่อน และปัจจุบันวัดอยู่ระหว่างการรอให้ช่างเข้าไปซ่อมแซมส่วนคนก่อเหตุนั้นวัดไม่อาจจะทราบได้ เบื้องต้นตำรวจจึงสันนิฐานว่าเกิดจากกลุ่มวัยรุ่นที่เคยถูกตำรวจและผู้ดูแลวัดไล่ให้ลงจากดอยเวาเวลากลางคืน เพราะมักจะขึ้นไปมั่วสุม หลังถูกไล่ทำให้โกรธแค้นและลงมือกระทำในสิ่งที่ไม่สมควรดังกล่าว
ด้านนายวิศิษฐ์กล่าวว่า คนที่กระทำการครั้งนี้ไม่มีจิตสำนึกและถือเป็นการกระทำที่ลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก สำหรับการแก้ไขปัญหานั้นกรณีการสืบหาตัวคนร้ายคงต้องให้ตำรวจดำเนินการ แต่ในระยะยาวได้ประสานกับทางวัดแล้วว่าหลังการบูรณะแล้ว คงจะให้ปิดถนนขึ้นลงดอยเวาในเวลากลางคืนตั้งแต่ 18.00-05.00 เพื่อป้องกันคนขึ้นไปมั่วสุมต่อไป

</TD><TD vAlign=top align=left>




<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_top.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR><TR><TD background=images/line_left.gif></TD><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/line_right.gif></TD></TR><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_bottom.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 727 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6601 ข่าวสดรายวัน


โฮ่..โฮ่..โฮ่...วิทยาศาสตร์ในวันคริสต์มาส



1.25 ธ.ค. วันเกิดพระเยซู?

เป็นที่รู้กันดีว่า พระเยซูประสูติเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม หรือ "วันคริสต์มาส"

แต่นายเดฟ รีนีก นักดาราศาสตร์มือสมัครเล่นชาวออสเตรเลีย ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อน คำนวณดูดวงดาวที่เกิดขึ้นในเมืองเบธเลเฮม เมื่อ 2008 ปีก่อน ตามที่ไบเบิ้ลระบุว่า ชาย 3 คนเดินตาม "ดาวต้นคริสต์มาส" จนพบพระเยซู

รีนีก พบว่า มี "ดาวต้นคริสต์มาส" เกิดขึ้นใน 2 ปีก่อนคริสตกาลจริง แต่พระเยซูน่าจะประสูติในวันที่ 17 มิถุนายน ไม่ใช่วันที่ 25 ธันวาคม

ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ดาวต้นคริสต์มาสคือดาวศุกร์และดาวพฤหัสที่โคจรเข้ามาใกล้กันมาก จนทำให้เกิดแสงสุกสกาวมากกว่าปกติ




2."ดาวต้นคริสต์มาส"เจิดจ้ากลางฟ้า

วิลเลียม เฮอร์เชล เป็นบุคคลแรกที่เห็นดาวต้นคริสต์มาส หลังจากที่ใช้กล้องโทรทรรศน์ส่องเมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 1784 แสงของกลุ่มดาวเป็นประกายระยิบระยับคล้ายกับไฟประดับต้นคริสต์มาส และมีดาวที่สว่างที่สุดอยู่ด้านบน

ส่วนปีนี้นักดาราศาสตร์ยุโรป นำภาพดาวต้นคริสต์มาสมาฝากกัน โดยใช้กล้อง "ไวด์ ฟีลด์ อิมเมจเจอร์ (WFI)" ที่หอดูดาวลาซิญญ่า ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาสูงในทะเลทรายอะตาคามา ประเทศชิลี ถ่ายรูปนี้ออกมา จะเห็นกลุ่มฝุ่นและก๊าซในอวกาศ หรือ "เนบิวลา" ที่มีชื่อว่า "NGC 2264" มีลักษณะเป็นทรงกรวย และอยู่ห่างจากโลกประมาณ 2,600 ปีแสง รวมทั้งกลุ่มดาว

ภาพส่วนใหญ่ที่เห็นเป็นสีแดงนั้น เกิดจากลุ่มก๊าซขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงออกมาใต้แสงอัลตราไวโอเลตที่ออกมาจากดวงดาวที่มีอายุน้อยกว่า สำหรับดวงดาวที่มีสีอมน้ำเงิน เป็นเพราะเป็นดาวที่มีความร้อนกว่า อายุน้อยกว่าและมีความหนาแน่นกว่าพระอาทิตย์ของเรา



<EMBED src=http://www.youtube.com/v/pmEA-A3JmPQ&hl=en&fs=1 width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>

3.การ์ดคริสต์มาสกินได้

ถ้าท้องยังไม่อิ่มในวันคริสต์มาส ผู้ที่มีการ์ดของบริษัทออกซิเจนครีเอทีฟ ก็สามารถเอาการ์ดมากินเป็นอาหารได้

การ์ดจากฝีมือการออก แบบของ "สตีฟ ลอดจ์" นี้ทำมาจากแป้งมันฝรั่ง หมึกที่อยู่บนกระดาษก็เป็นหมึกที่กินได้ ส่วนภาพที่อยู่บนการ์ดเป็นรูปบรัสเซลล์สเปราส์ ที่คล้ายกับแขนงผักของบ้านเรา ถ้าจะเขียนคำอวยพรในการ์ด เขาก็มีปากกาที่บรรจุหมึกกินได้ วางขายคู่กันด้วย <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=1><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>



4.เสียงเพลงคริสต์มาสโบราณ

รัสเซล บาร์นส์ คุณปู่ชาวอังกฤษวัย 79 ปี เปิดเผยว่า พบเสียงร้องเพลงคริสต์มาสของครอบครัวสมิธที่ร้องไว้เกือบ 100 ปีก่อน

ครอบครัวสมิธอาศัยอยู่ที่เมืองซาลิสบิวรี่ ร้องเพลงคริสต์มาสโดยบันทึกไว้ใน "โฟโนกราฟ ไซคลินเดอร์" หรือ "เครื่องเล่นกระบอกเสียง" ที่ทำมาจากขี้ผึ้ง สบู่ จำนวน 8 อัน ระหว่างค.ศ. 1913-1917

นอกจากเสียงร้องเพลงคริสต์มาสแล้ว ครอบครัวสมิธยังพูดคุยว่า "พ่อไปทำสงคราม" ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 พอดี พร้อมยังอัดเสียงพูดคุยในครอบครัวในวันสำคัญต่างๆ เช่น วันอีสเตอร์ วันเกิด

เสียงที่พบเป็นเสียงของคนราว 10 คน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เป็นเสียงของผู้ที่มีชื่อว่า อลิซ ทอม ฟีบี้ จอร์จ มาร์จี้ มีเสียงการอวยพรวันเกิดปีที่ 9 ของเด็กชายรอนนี่ ที่ได้รับของขวัญเป็นรถถีบ ผู้ที่เป็นพ่อน่าจะชื่อว่าแซมมวล บอกว่า วันนั้นเป็นวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1913

"เครื่องเล่นกระบอกเสียง" มีความเปราะบาง จึงเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหาย แต่ราว 10 วันก่อน คุณปู่บาร์นส์ได้อัดเสียงร้องเพลงจาก "เครื่องเล่นกระบอกเสียง" มาไว้ในซีดี ด้วยการใช้เครื่อง "อาร์คีโอโฟน" ซึ่งประดิษฐ์โดย นายอองรี ชามูซ์ วิศวกรชาวฝรั่งเศส เพราะเครื่อง "อาร์คีโอโฟน" สามารถอัดเสียงร้องจาก "เครื่องเล่นกระบอกเสียง" มาไว้ในซีดี โดยไม่ทำให้ "เครื่องเล่นกระบอกเสียง" เสียหายเลย

ตัวอย่างเสียงเพลงจากเครื่องเล่นกระบอกเสียง
<EMBED src=http://www.youtube.com/v/Lv7i-gkSWn0&hl=en&fs=1 width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>




5."กวางเรนเดียร์"ตัวผู้หรือเมีย?

กวางเรนเดียร์เป็นพาหนะของซานตาคลอส แล้วมันเป็นตัวผู้ ตัวเมียกี่ตัว?

ดร.อลิซ บลู-แมกเลนดอน ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่าโดยเฉพาะกวาง จากมหาวิทยาลัยเท็กซัส เอแอนด์เอ็ม สหรัฐอเมริกา มีความเห็นว่า กวางเรนเดียร์ของซานตาคลอสทุกตัวเป็นตัวเมีย

เหตุที่เป็นเพศเมียก็เพราะ กวางตัวผู้จะสลัดเขาในช่วงคริสต์มาส แต่ตัวเมียจะเก็บเขาไว้จนถึงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม

แต่ ดร.เกร็ก ฟินสตัด หัวหน้าโครงการศึกษาเรนเดียร์ จากมหาวิทยาลัย อลาสกา แฟร์แบงค์ สหรัฐอเมริกา ค้านว่า เรนเดียร์ของซานตาคลอสอาจเป็นตัวผู้ที่เป็นหมัน หรือ เรียกว่า "สเตียร์" ที่จะคงเขาไว้จนถึงช่วงเวลาเดียวกับตัวเมีย

ดร.ฟินสตัด ยังกล่าวต่อไปอีกว่า นักลากเลื่อนส่วนใหญ่ใช้ "สเตียร์" ในช่วงฤดู หนาว เพราะในช่วงฤดูหนาว ตัวเมียส่วนใหญ่จะตั้งท้อง เนื่องจากฤดูติดสัดอยู่ในช่วงฤดูร้อนจนถึงฤดูใบไม้ร่วง ไม่มีนักลากเลื่อนคนใดอยากใช้กวางท้องลากเลื่อน

สำหรับกวางเรนเดียร์ของซานตาคลอสมีทั้งหมด 9 ตัว ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ "รูดอล์ฟ" กวางจมูกแดง ส่วนเพื่อนตัวอื่นๆ มี ดอนเนอร์ บลิตเซ่น คิวปิด แดชเชอร์ แดนเซอร์ แพรนเซอร์ คอมเม็ต และวิกเซ่น



เลื่อนกวางเรนเดียร์
<EMBED src=http://www.youtube.com/v/bNO-cPQNBLk&hl=en&fs=1 width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>

6.ผู้ป่วยโรคหัวใจต้องระวัง

ช่วงคริสต์มาสเป็นช่วงอันตรายสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ ทั้งหัวใจวาย หลอดเลือดหัวใจตีบ หัวใจล้มเหลว โดยเฉพาะ "วันที่ 26 ธันวาคม" ถือเป็นวันที่อันตรายที่สุด

เมื่อ 4 ปีที่แล้ว นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก และมหาวิทยาลัยทัฟส์ สหรัฐอเมริกา ทำการศึกษาและพบว่า ช่วงคริสต์มาสมีผู้ป่วยหัวใจเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 5% และมีการเรียกช่วงนี้ว่า "โรคหลอดเลือดคริสต์มาส (Christmas coronaries)"

แพทย์มีความเห็นว่า ก่อนคริสต์มาสผู้ป่วยไม่อยากไปหาหมอ โดยวันคริสต์มาสมีผู้ป่วยโรคหัวใจเข้ามารับการรักษาไม่มาก แต่ถัดจากนั้นเพียงวันเดียว คือวันที่ 26 ธันวาคม ผู้ป่วยกลับพุ่งขึ้นจนผิดหูผิดตา

จากเศรษฐกิจที่ล้มระเนระนาดในปีนี้ อาจทำให้มีผู้ป่วยโรคหัวใจมาเข้ารับการรักษาในช่วงคริสต์มาสมากกว่าปีก่อนๆ

นายแพทย์ซามิน ชาร์มา ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจ จากโรงพยาบาลเมาต์ไซนาย เตือนว่า ผู้ป่วยหัวใจอย่าลืมตัวไปรับประทานอาหารที่มีเกลือสูง เพราะอาหารที่เค็ม การดื่มเหล้าเยอะ สามารถทำให้หัวใจวายได้ทั้งนั้น

ขณะที่คุณหมอและคุณพยาบาลแผนกฉุกเฉินและแผนกผู้ป่วยโรคหัวใจ ต้องเตรียมรับมือกับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นให้ดี



7."พอยเซ็ตเทีย"ต้นไม้ประจำคริสต์มาส

ถ้าพูดถึง "ต้นพอยเซ็ตเทีย" เราส่วนใหญ่คงไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่า นี่คือ "ต้นคริสต์มาส" ที่ออกใบสีแดงสด คงร้องอ๋อกันเป็นแถวๆ

ที่จริงแล้ว "พอยเซ็ตเทีย" หรือ "Euphorbia Pulcherrima" มีหลายสี ทั้งสีแดงซึ่งเป็นสีหลัก สีครีม สีขาว โดยสวนที่ปลูก "พอยเซ็ตเทีย" พยายามผสมสีใหม่ๆ มาวางตลาด ทั้งม่วงเข้ม ส้มอมชมพู แดงจุดขาว และผสมพันธุ์ให้มันอยู่ทนนานจนถึงช่วง "วันอีสเตอร์" คือประมาณเดือนมีนาคมถึงเมษายน

"พอยเซ็ตเทีย" เป็นไม้กระถางลำดับ 2 ที่ชาวอังกฤษซื้อมากที่สุด มียอดซื้อปีละประมาณ 5 ล้านต้น รองมาจากกล้วยไม้ โดยเฉพาะช่วงคริสต์มาสยิ่งขายดี สีที่ชาวอังกฤษนิยมจะเป็นสีแดง ลำต้นค่อนข้างสูง ส่วนชาวยุโรปทางตอนกลางนิยมต้นที่เตี้ยลงมาเล็กน้อย ชาวสวีเดนชอบต้นเล็กๆ ชาวเยอรมันชอบสีสด ส่วนชาวฝรั่งเศสเป็นชาติเดียวที่นิยมซื้อ "พอยเซ็ตเทีย" ตลอดทั้งปี

เหตุที่ "พอยเซ็ตเทีย" เป็นต้นไม้ประจำเทศกาลคริสต์มาส นอกจากต้นสน ต้นฮอลลี่ มีเรื่องเล่าว่า เมื่อราวศตวรรษที่ 16 ที่ประเทศเม็กซิโก เด็กหญิงคนหนึ่งยากจนมาก จนไม่สามารถซื้อของขวัญเพื่อเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู นางฟ้าจึงบอกเด็กหญิงนำวัชพืชมาปลูกตามทางเดินที่จะไปโบสถ์ ไม่นานวัชพืชกลับงอกงามกลายเป็นต้นไม้ที่มีดอกสีแดงสะพรั่ง

กระทั่งศตวรรษที่ 17 บาท หลวงจากนิกายคาธอลิกของเม็กซิ โก จึงพร้อมใจกันให้ "พอยเซ็ต เทีย" เป็นต้นไม้หนึ่งของเทศกาลคริสต์มาส ส่วนชาวอเมริกันนั้นชอบถึงขนาดให้วันที่ 12 ธันวาคมของทุกๆ ปี เป็น "วันพอยเซ็ตเทีย"

การดูแลต้นพอยเซ็ตเทีย
<EMBED src=http://www.youtube.com/v/UFrMzbCn4_w&hl=en&fs=1 width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>[/FONT]

[FONT=Tahoma,]หน้า 28[/FONT]
</TD></TR></TBODY></TABLE>หวังว่าทุกคนคงมีความสุขนะครับในวัน x mas

จับนางงามเม็กซิโกร่วมแก๊งค้ายา



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อ 24 ธ.ค. เอเอฟพีรายงานว่า ตำรวจเม็กซิโกจับกุมน.ส.ลอร่า ซูนิกา นางงามสวยเซ็กซี่ระดับประเทศวัย 23 ปี ฐานร่วมขบวนการค้ายาเสพติดและอาวุธ พร้อมพวกอีก 7 คนที่เป็นชายล้วน ทั้งหมดถูกจับคาด่านตรวจในเขตซาโปปัน รัฐฮาลิสโก ขณะใช้รถยนต์ 2 คันขนอาวุธสงคราม ทั้งปืนเอ็ม-16 สองกระบอก ปืนพก 9 ม.ม. 38 กระบอก แม็กกาซีนปืน 9 ชุด กระสุน 663 นัด และธนบัตรเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐรวมมูลค่า 1,865,000 บาท <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

นายหลุยส์ คาร์ลอส นาเยรา กูเตียเรซ เดอ เวลาสโก รัฐมนตรีความมั่นคงของรัฐฮาลิสโก แถลงว่า ในกลุ่มคนร้ายชาย 7 คน มีนายแองเจล ออร์ลานโด การ์เซีย เออร์กีซ่า วัย 29 ปี แฟนหนุ่มของน.ส.ซูนิกา ซึ่งเป็นน้องชายนายริคาร์โด การ์เซีย เออร์กีซ่า ราชายาเสพติดเม็กซิโกรายใหญ่รวมอยู่ด้วย

ในระหว่างที่ตำรวจนำตัวคนร้ายแก๊งนี้มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน น.ส.ซูนิกาพยายามเอาผมปกปิดใบหน้าและก้มหน้าตลอดเวลา และให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็น เพียงแค่นั่งติดรถมาด้วยเพราะเพื่อนๆ กลุ่มนี้บอกว่าจะไปช็อปปิ้งในประเทศโบลิเวียและโคลัมเบียจึงอยากตามไปด้วย <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

รายงานระบุว่า น.ส.ซูนิกาเคยประกอบอาชีพครูสอนเด็กก่อนวัยเรียนและนางแบบ มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ หลังพิชิตมงกุฎชนะเลิศเวทีประกวดสาวงาม "มิสซีนาลัว" หรือนางงามรัฐซีนาลัวประจำปี 2551 มาครองและชนะใจผู้ชมเพราะตอบคำถามอย่างฉลาดหลักแหลม

นอกจากนั้น เมื่อเดือนกันยายน น.ส.ซูนิกายังคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 2 จากการประกวดนางงามจักรวาลเม็กซิโก และเมื่อเดือนตุลาคม เอาชนะสาวงามคู่แข่งจากทั่วภูมิภาคอเมริกาใต้บนเวทีประชันโฉมฮิสปาโนอเมริกัน

[FONT=Tahoma,]หน้า 7[/FONT]
นักท่องเที่ยวขยาด ไต่ลงชิงช้าสวรรค์



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
ทุลักทุเล- นาทีเจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันพลเรือนสิงคโปร์ช่วยนักท่องเที่ยวที่ติดค้างบนวงล้อหอสังเกตการณ์ "สิงคโปร์ฟลายเออร์" หลังเกิดเหตุไฟไหม้ ไฟฟ้าดับ มีนักท่องเที่ยวติดค้างกว่า 175 ราย หลายชั่วโมงเมื่อคืนวันอังคาร ทางสวนสนุกสั่งปิดสถานที่ต่อ เมื่อ 24 ส.ค. (เอเอฟพี)

</TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อ 24 ธ.ค. เอเอฟพีรายงานว่า ทางการสิงคโปร์สั่งปิดหอสังเกตการณ์ระฟ้า "สิงคโปร์ฟลายเออร์" หรือชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ จุดท่องเที่ยวชื่อดัง เพื่อสอบสวนหาที่มาเหตุไฟไหม้ ซึ่งทำให้ชิงช้าหยุดหมุนอยู่นาน 6 ชั่วโมง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของนักท่องเที่ยวนับร้อยชีวิตที่ติดอยู่ในกระเช้าสูงจากพื้นดินหลายร้อยเมตร

ช่วงค่ำวันอังคาร ระบบไฟฟ้าหมุนสิงคโปร์ฟลายเออร์หยุดทำงานทันทีหลังเกิดเหตุไฟไหม้ในห้องควบคุม ส่งผลให้นักท่องเที่ยว 175 คนติดอยู่ในกระเช้า และใช้เครนช่วยลงมาได้อย่างทุลักทุเลแค่ 10 คนเท่านั้นเนื่องจากชิงช้าสูงถึง 165 เมตร หรือสูงพอๆ กับตึก 42 ชั้น เจ้าหน้าที่ใช้เวลาซ่อมแซมระบบการทำงานอยู่นาน 6 ชั่วโมงกว่าจะกลับมาเดินเครื่องได้อีกครั้ง และนำนักท่องเที่ยวที่เหลือลงมายังพื้นราบโดยสวัสดิภาพ

นายเมตตา ฮาร์โตโย นักท่องเที่ยวอินโดนีเซียกล่าวว่า "ผมรักสิงคโปร์ แต่ถ้ากลับมาเที่ยวใหม่คงไม่นั่งเจ้าฟลายเออร์นี่อีกแล้ว" ทั้งนี้ สิงคโปร์ฟลายเออร์เป็นชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่และสูงสุดในโลก บริหารงานโดยบริษัทเกรตวีลคอร์ป มูลค่าก่อสร้างเกือบ 6 พันล้านบาท
ช่วยเหยื่อ"สึนามิ"



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>เจ้าชายอัลเบิร์ตแห่งโมนาโก ทรงเป็นประธานในงานประเพณีอาบน้ำช่วงเทศกาลคริสต์มาสในทะเลเมดิเตอเรเนียน เมื่อ 24 ธ.ค. รายได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้จะบริจาคให้องค์กรการกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์สึนามิในประเทศไทย (เอเอฟพี)

[FONT=Tahoma,]หน้า 7[/FONT]

หวังว่าตอนช่วง 7749 องค์ชายองค์นี้จะทรงช่วยผู้ประสบกรรมในไทยอีกนะค่ะ
บริษัทต้นตอเมลามีนล้มละลาย



เมื่อ 24 ธ.ค. เอเอฟพีรายงานว่า บริษัทซานลู่ กรุ๊ป ผู้ผลิตนมรายใหญ่ของจีนซึ่งพัวพันกับคดีผลิตนมผงปนเปื้อนสารพิษเมลามีน ถูกศาลเมืองสือเจียจวงสั่งล้มละลายฐานชำระหนี้ไม่ได้ตามนัด เพราะไม่มีรายได้เข้าบริษัทเลย หลังเกิดเหตุผลิตนมปนเปื้อนเมลามีนออกสู่ตลาดจนทำให้เด็กล้มป่วยเป็นโรคนิ่วในไต 294,000 ราย เสียชีวิต 6 ราย

สร้างหน้า"คลีโอพัตรา" ได้ภาพสาวงามเหมือนลูกผสม



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>เคยมีนักแสดงสาวๆ สวยๆ หลายคนในอดีต รับบทเป็น "พระนางคลีโอพัตรา" ไม่ว่าจะเป็นอลิซาเบธ เทย์เลอร์ โซเฟีย ลอว์เรน

แต่หน้าตาจริงๆ ของพระองค์นั้น ไม่มีผู้ใดทราบว่า เป็นอย่างไรกันแน่

ดร.แซลลี่ แอน แอชตัน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอียิปต์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ จึงสร้างรูปหน้าของคลีโอพัตราโดยใช้ 3D ขึ้นมา โดยนำข้อมูลจากภาพแกะสลัก รูปปั้นสมัยโบราณ หลายๆ ชิ้นมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

รูปที่ได้พบว่าพระนางคลีโอพัตราเป็นผู้ที่มีสิริโฉม ดูเหมือนกับลูกผสมหลายเชื้อชาติ

ดร.แอชตัน กล่าวว่า "นักวิทยาศาสตร์และนักโบราณคดีถกเถียงกันเรื่องหน้าตาของคลีโอพัตรากันมานานแล้ว และมีมุมมองเรื่องหน้าตาของพระองค์หลายมุมมอง เช่น ผู้ที่ดูหนังที่เทย์เลอร์และลอว์เรนแสดงก็จะมองว่า คลีโอพัตราสวยงามและมีผิวขาวเหมือนชาวตะวันตก รูปปั้นพระองค์ที่พิพิธภัณฑ์อังกฤษเคยนำออกแสดงเมื่อพ.ศ. 2544 จะเห็นว่า พระองค์มีหน้าตาไม่โดดเด่น ตัวเล็ก สูงไม่เกิน 5 ฟุต รูปร่างท้วม บนเหรียญเงินโบราณพบว่า พระองค์หน้าผากสั้น มีคางยื่น ริมฝีปากบาง จมูกงุ้ม"

พระนางคลีโอพัตรา ประสูติเมื่อ 69 ปีก่อนคริสต

 

*** สัจจะทำ ****

ซื่อสัตย์เด็ดขาด ต่อสัญญาที่เกิดขึ้นกับใจตนเอง
ทั้งต่อหน้า และ ลับหลัง
แม้กระทั่งอยู่คนเดียว ก็ยังมั่นคงซื่อสัตย์ต่อสัญญาใจตนเอง

อย่าทำตน เป็นคนอ่อนแอ
ศาสนา สอนให้เข้มแข็ง
จะทำสิ่งใด ต้องมีจุดยืนที่มั่นคง
จะทำสิ่งใด ขอให้เป็นสัจจะทำ
ผู้ที่ทำได้ ก็จะเจริญถึงที่สุด

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** สัตว์จะทำ ****

สัตว์ คือ สัตว์โลก
สัตว์โลก มี มนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ ต่างก็อาศัยอยู่ในโลก ต่างก็มีดวงวิญญาณทั้งสิ้น

จะทำ คือ จะต้องมาทำให้สำเร็จ
ต้องมาทำให้หลุดพ้นทุกข์ไปจากโลก

สัตว์โลก จึงต้องมาทำ ให้ตนเองหลุดพ้นทุกข์
ต้องมาทำด้วยตนเอง ต้องช่วยตนเอง
ต้องมาทำตามแบบอย่างที่พระพุทธเจ้าทำไว้ให้เป็นตัวอย่าง
คือ สัจจะทำ

- “ หนุมาน ผู้นำสาร “

 

*** สัตว์จะทำ ****

สัตว์ คือ สัตว์โลก
สัตว์โลก มี มนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ ต่างก็อาศัยอยู่ในโลก ต่างก็มีดวงวิญญาณทั้งสิ้น

จะทำ คือ จะต้องมาทำให้สำเร็จ
ต้องมาทำให้หลุดพ้นทุกข์ไปจากโลก

สัตว์โลก จึงต้องมาทำ ให้ตนเองหลุดพ้นทุกข์
ต้องมาทำด้วยตนเอง ต้องช่วยตนเอง
ต้องมาทำตามแบบอย่างที่พระพุทธเจ้าทำไว้ให้เป็นตัวอย่าง
คือ สัจจะทำ

-

 

ทุกอย่างทำนายเป็นจริงทุกประการอาจเลื่อนไปเพราะบารมีขอผู้บำเพ็ญทังหลาย

สิ่งได้ที่เห็นแล้วรู้แล้วจงวางเชยเถิด จะดีหรือชั่วก็อยู่ที่ตัวเราทำ อนุโมทนากับผู้ปฏิบัติ

ทังหลาย สาธุ

 

25 ธ.ค. 51

ปลายด้ามขวาน อดอยากและโหดเหี้ยม

 

ประวัติศาสตร์ย่อมซ้ำรอยเสมอ
โดย อ.อาชวิน (ตาที่สาม)​

ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต​

พุทธศักราช 2551 คนไทยอ่อนแอ แตกสามัคคี แบ่งแยกกันเป็นก๊กเป็นเหล่าเป็นพวก เหมือนก่อนกรุงศรีอยุธยาแตกไม่ผิดเพี้ยน

เมื่อเทียบกับ ยุคของกรุงศรีอยุธยา นี่คือกรุงกำลังจะแตกแล้ว โดยข้าศึกที่มี เขมรรวมกับชาติมหาอำนาจ ที่จัดตั้งมาจากกรรมการมรดกโลก เป็นการบุกเข้า ยึดตีกรุงอีกครั้ง

ทุกครั้งที่สยามอ่อนแอ เขมรจะมาตีท้ายครัวเสมอ พระนเรศวรเมื่อปราบพม่าเสร็จ ก็ยกทัพทหารไปตีเขมร เมื่อ ร.1 ขึ้นครองราชก็ยกพลไปตีเขมรแตกอีก

ใน พ.ศ 2551 - 2552 กรุงแตก จะมาซ้ำรอยอีกครั้ง

อีกสี่ปีข้างหน้าก็จะตึเขมรแตกอีก ประวัติศาสตร์ย่อมซ้ำรอยเสมอ

อ.อาชวิน(ตาที่สาม)​

ที่มา http://www.thaimisc.com/freewebboard...cha&topic=1003

​

หมอลักษณ์
รอเสาร์ยก ก.ย. ปีหน้า

โหรฟันธง ลักษณ์ เรขานิเทศ กล่าวว่า ดวงเมืองขณะนี้เหมือนตอนกรุงศรีอยุธยาใกล้จะเสียกรุง ด้วยเสาร์ทำมุมร้ายกับดวงเมือง โคจรอยู่ในกลุ่มดาวลีโอ ตั้งแต่ 10 ส.ค. 2550–ปลายปี 2552 ซึ่งในทางโหราศาสตร์แล้ว บ้านเมืองจะร้อนเป็นไฟ ประชาชนจะเดือดร้อน แตกความสามัคคี รอจนเสาร์ยก 30 ก.ย. ปีหน้า ทุกอย่างจึงจะคลี่คลาย

​

หมอไพศาล
ปีแห่งการแก้ไข​

ประเทศไทยปี 2552 จากดวงเมือง อ.ไพศาล พิบูลย์เวศม์ กล่าวว่า มีดาวที่เดินพักตร์ โดยเฉพาะราหู ซึ่งเป็นเงามืด เข้ามาอยู่ในราศีที่ 10 ของบ้านเมือง ทำให้คนไทยส่วนใหญ่โกรธแค้นและเต้นเป็นฟืนไฟอยู่ในความมืด ไม่รู้ผิดไม่รู้ถูก ชนกันเอง จนกว่าราหูจะย้ายไป ส่วนดาวพฤหัส ซึ่งเป็นดาววิชาการจะโคจรเข้ามาในราศีมังกร ซึ่งจะทำให้เริ่มมีแสงสว่างขึ้น และความมืดจะค่อยๆ หายไป ซึ่งก็คือหลังจากเดือน ก.พ. เป็นต้นไป จะมีการปฏิวัติครั้งใหญ่ ใครที่ยังเป็นเสี้ยนแผ่นดินอยู่จะถูกถอนถูกเปลี่ยนออกไป​

“จะมีการคลีนอัพครั้งใหญ่ประมาณเดือน ม.ค.-ก.พ. ผู้คนจะกลับสู่สถานที่ของตน บ้านเมืองตกระกำลำบากมา 2 ปีครึ่งแล้ว แต่เมื่อเลย ก.พ. ไปจะคลี่คลาย แต่ก็ยังเป็นปีแห่งการแก้ไขและยังต้องเหนื่อยยากอยู่” หมอไพศาล กล่าว ​

​

ขุนทอง อสุนี
เงินหายไปครึ่งต่อครึ่ง​

หมอดูไพ่ยิปซี ขุนทอง อสุนี ทำนายดวงประจำปี 2552 หยิบไพ่ใบแรกคือ Knight of Cup หมายถึงภาวะนิ่ง ทรงตัว ใบที่ 2 เป็นสถานการณ์ที่จะเข้ามากระทบ เหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งแย่มาก เพราะได้ไพ่แฮงแมน หมายถึงการสูญเสีย ถ้าเป็นธุรกิจก็หมายถึง เจ๊ง การขาดทุน กรณีเป็นเหตุการณ์ทางการเมือง หมายถึงการยุบสภา ส่วนใบที่ 3 หมายถึง สถานการณ์การเงินในปีหน้า ได้ไพ่ 4 เหรียญ เปรียบเทียบกับไพ่ใบที่ 4 และ ใบที่ 5 หมายถึงเงินในปัจจุบัน ซึ่งเป็นไพ่แปดเหรียญ กับเด็กถือเหรียญ (ไพ่เงินเล็ก)​

“ไพ่สะท้อนให้เห็นอย่างน่ากลัวว่า ปีหน้าเงินจะหายไปครึ่งต่อครึ่ง อีกอย่างที่บอกได้แน่คือ ปีหน้าอัตราการว่างงานจะสูงมากและจะเป็นปัญหาเกิดขึ้นแน่” ​

​

หมอคฑา
สูญเสียเพื่อเริ่มต้นใหม่​

ทางด้านหมอคฑา ชินบัญชร หมอดูไพ่ยิปซีชื่อดังของเมืองไทย กล่าวถึงดวงปีหน้าว่าเป็นปีวัวธาตุดิน แต่ดวงประเทศไทยเป็นธาตุไฟ จึงเป็นปีที่มีการถ่ายเทพลังซึ่งกันและกัน ​

ทางด้านการเมืองจะยังคงมีปัญหาต่อเนื่องอยู่อาจจะมีการปะทะชน เป็นการแตกหักเพื่อเกิดสิ่งที่ดีขึ้นสูญเสีย เพื่อกำเนิดใหม่และอาจจะมีการรัฐประหารเกิดขึ้นในปีนี้(2552) รวมทั้งจะมีการสูญเสียผู้ใหญ่ในบ้านเมือง​

ที่มา http://www.amulet.in.th/forums/view_forum.php?f=21&sid=605bf23841b678dac89b70906ce4ef89​

เมืองไทยจะถึงคราว.......เหมือนเมื่อครั้งเสียกรุงครั้งที่ 2 แล้วหรือ?​

เอกอิสโร วรุณศรี​

กงกรรมกงเกวียน เวียนมาอีกรอบ สัญญาเดิมที่อาจไม่รู้ตัว ขับดันให้เป็นไปในปัจจุบัน อดีตเคย บดขยี้บีฑา แม้กาลเวลาผ่านมาไม่ผิดผัน จิตมิจฉา ไม่กลัวบาป เหมือนบ้านเมืองต้องคำสาป อลองพญา-เนเมียวสีหบดี กรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยา

ผ่านมา 20 รอบ รอบละ 12 ปี 240 ปี บวก 2309 ปีจอ บางระจันแตก เป็นปี 2549 เดือน 8 ปีจอ ไทยเริ่ม........240 ปี บวก 2310 ปีกุน อยุธยา (กรุงแตกครั้งที่ 2) เป็นปี 2550 เดือน 5 ปีกุน ไทย..........

กงกรรมกงเกวียน ใครเล่าจะหาญ "ตัด" ก่อนวิบัติ เกิดขึ้น ตาม "กรรม" ใครก่อ ใครทำ ต้องแก้ อลองพญา มาเกิดเป็น "ทักษิณ" เนเมียวสีหบดี มาเกิดเป็น "เนวิน" แล้ว "พระยาตากสิน" มาเกิด "เป็นใคร" "เป็นใคร" อยู่ไหน "ให้มาแก้" ก่อนบ้านเมือง "แพ้ภัย-บรรลัย" อย่ารอ "พ่ายก่อน-ค่อยแก้" "ตัดไฟ" แต่ "ต้นลม" สมควรกว่า ไม่เช่นนั้น ดี-ชั่ว กาลนี้ เห็นกัน ​

จากคุณ เอกอิสโร วรุณศรี เมื่อวันที่ 6/7/2549 เวลา 20:47:17 ​

ที่มา http://www.konmeungbua.com/webboard/....asp?GID=14709 ​

<!-- / message --><!-- attachments -->

 

ลูกทรพีโมโหแม่วัย87อยากกินขนุน ใช้ไม้เท้าตีจนแขนหัก หมวด &raquo; ข่าว &raquo; ข่าวทั่วไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุลูกชายทำร้ายร่างกายแม่จนแขนหัก และต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วน จึงรุดไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่โรงพยาบาลตราด พบว่านางสิน กิมเฮง อายุ 87 ปี นอนรักษาตัวอยู่ที่ห้องศัลยกรรมกระดูก โดยมีนายชวน กิมเฮง บุตรชายคนโตเฝ้าไข้อยู่ สอบทราบว่านางสินถูกลูกชายอีกคน ชื่อนายประสงค์ กิมเอง อายุประมาณ 40 ปีทำร้ายโดยการใช้ไม้เท้าตีที่บริเวณแขนซ้ายเหนือข้อมือ ทำให้แขนหัก รวมทั้งตีเข้าที่บริเวณกกหู จนเป็นแผล และบวมช้ำ เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา
นางสิน เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อบ่ายวานนี้ ได้บอกกับลูกชายว่า อยากกินขนุนอ่อนต้ม แต่ลูกชายแสดงอาการไม่พอใจและบ่นเรื่องใช้แก๊ส จากนั้นได้ถกเถียงกันอยู่หลายคำ จนกระทั่งนายประสงค์สบถคำว่า "สัตว์" ตนจึงตอบกลับไปว่า "เป็นสัตว์ จึงได้กัดแม่อยู่นี่ไง" ทำให้นายประสงค์โมโห คว้าไม้เท้าฟาดใส่ตนเองจนได้รับบาดเจ็บ
นอกจากนี้ นางสินแจ้งความประสงค์ที่จะแจ้งความดำเนินคดีกับบุตรชายที่ทำร้ายร่างกาย แต่ขณะนี้ต้องรักษาตัวให้หายก่อน

 

อธิษฐานจิต

 

สัมภาษณ์พิเศษ​

 

สัญญาณเตือนภัยจากทางธรรมชาติ​

​

​

​

เกิดแผ่นดินไหว 6.1 ริกเตอร์ทางตอนใต้ฟิลิปปินส์

มะนิลา 25 ธ.ค.

 

ขอความเห็นครับ
สมมติว่า เกิดภัยพิบัติ พร้อมทั้งมีความเดือดร้อนยุ่งยาก สถานการณ์ที่ตึงเครียด บีบบังคับให้ตัดสินใจให้หาทางแก้ไข ขณะที่อันตรายล้อมกรอบ สิ่งที่ดีต่าง ๆ ที่เคยมีกลับ ล่มสลายลงไป สิ่งที่ไม่ดี หรือปัญหาก็ตามขึ้นมาพร้อม ๆ กัน ระบบที่เตรียมการณ์ไว้ช่วยเหลือก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า ใช้การไม่ได้ พึ่งพาไม่ได้ จนถึงขั้นเกิดความสิ้นหวัง หมดหวัง ทำให้ถึงกับยอมแพ้ ท่านจะประคองจิตอย่างไร จะจัดการอย่่างไร ทำใจอย่างไรครับ และจะแก้ไขอย่างไร ?

ถามเล่น ๆ แต่ขอ ตอบจริง ๆ ครับ
เรื่องสมมติ ล้วน ๆ ครับ อย่ากังวล
สุขสันต์วันปีใหม่ครับ

 

สวัสดีวันรำลึกสึนามิค่ะ ผ่านมา 4 ปีแล้วค่ะ อุทาหรณ์ของการไม่ระวังภัย และไม่รู้ถึงภัยที่จะเกิด หวังว่าความรู้จากห้องภัยพิบัติคงจะทำให้คนเรารู้จักการช่วยเหลือตัวเองและผู้ที่อยู่ใกล้ตัว หรือสามารถช่วยเหลือเพื่อนร่วมใลกคนอื่น ไม่มากก็น้อย จะเป็นกำลังใจให้ห้องภัยพิบัติตลอดไปค่ะ

 

รูปถ่ายนางฟ้าที่มาช่วยชีวิตเด็กที่รพ. ในวันคริสต์มาส

โลกนี้ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตราบใดที่เราเชื่อในจิตใจที่ดีงาม

Mother takes photo of 'angel' in hospital as daughter on life- support makes miraculous recovery

A mother, whose daughter was fighting for her life, believes that a photograph taken in a hospital ward shows an angel. Colleen Banton, from Charlotte, North Carolina, was facing the agonising decision of taking her daughter off a life-support machine when the 'miracle' occurred.
14-year-old Chelsea had been admitted to the hospital with pneumonia, but a series of subsequent infections and a collapsed lung left the teenager breathing with the help of a ventilator.


<small>Colleen Banton's photograph of an 'angel'. The unusual light
appeared while her daughter Chelsea was
fighting for life on a ventilator</small>

 

วันนี้ วันที่ 26 ธันวาคม 2551 ที่ จังหวัด ลำพูน ณ เวลา ตี 5 ฝนเริ่ม ตก ลงมา
ตลอดเวลา จน ณ เวลา นี้ ยังตกไม่หยุดเลย แปลกมากๆ พอมีใครช่วย แก้ข้อสงสัยได้ไหมครับ คือ นอกจากภัยภิบัติที่พวกเรา ทราบๆกันอยู่ แต่ผมรู้สึกว่า น่าจะมีอะไรมากกว่านี้ ครับ

 

ฝนกำลังจะบอกอะไรเราสักอย่าง....ใครช่วยบอกหน่อยครับ