ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. channarong_wo

    channarong_wo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +1,510
    เปิดเวปเข้ามาเช้านี้ก็ได้บุญเลย...
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณkaticatและเพื่อนๆทั้งหมดด้วยนะครับ...ขอบคุณครับ
     
  2. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    7 มหัศจรรย์แห่งชีวิต และ 7 หลักคิดจาก ว.วชิรเมธี

    <HR SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->[​IMG]
    ว.วชิรเมธี[​IMG]



    ช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้ ใครที่กำลังเป็นทุกข์ ทั้งทางกายและทางใจ และกำลังมองหาหนทางในการก้าวไปสู่การดับความทรมานใจนั้นๆ ลองปรับทัศนะของชีวิต ด้วยแนวคิดเชิงบวก ข้อคิดดีๆ จาก พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี

    ว.วชิรเมธี พระนักเทศน์ชื่อดัง ได้ให้ข้อคิดในหลักธรรมแห่งการดำเนินชีวิต ในหนังสือชุด
     
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]



    มารดาบิดามีความเมตตากรุณาต่อบุตรธิดา ยิ่งกว่าต่อชีวิตของท่านเอง

    ความคิดที่ว่ามารดาบิดาครูอาจารย์ไม่มีบุญคุณนั้น กล่าวอย่างที่ทั่วไปเข้าใจกันก็เป็นบาปกรรม บาปกรรมก็คือกรรมไม่ดี ที่เป็นบาป และกรรมที่ไม่ดีก็เป็นผลของกรรมไม่ดี ที่เป็นผลของบาป ผู้ใดจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ความจริงก็ต้องเป็นเช่นนั้น ต้องเป็นบาปกรรม ต้องให้ผลไม่ดีเพราะเป็นผลของบาป

    ผลของบุญเท่านั้นจึงจะเป็นผลดี ผลของบาปจะเป็นผลดีไม่ได้เลยเป็นอันขาด ใครจะเชื่ออย่างไรก็ตาม สัจจธรรมนี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลง ต้องเป็นสัจจธรรมอยู่ตลอดไป

    ทำไมจึงว่าความคิดที่ว่ามารดาบิดาครูอาจารย์ไม่มีบุญคุณเป็นบาป ก็เพราะมารดาบิดาครูอาจารย์ท่านเป็นผู้มีพระคุณอย่างยิ่ง โดยเฉพาะมารดาบิดาด้วยแล้วเป็นผู้มีพระคุณต่อบุตรธิดาเป็นที่สุด

    จนพระพุทธองค์ทรงกล่าวว่า มารดาบิดาเป็นพระอรหันต์ของบุตรธิดา พระพุทธองค์นั้นก็ทรงเป็นพระอรหันต์พระองค์หนึ่ง คือพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงพระคุณเหนือท่านผู้ทรงพระคุณทั้งหลาย แต่กระนั้นก็ทรงกล่าวว่า สำหรับบุตรธิดาแล้ว มารดาบิดาเปรียบเหมือนพระอรหันต์ทีเดียว

    คือทรงพระคุณต่อบุตรธิดาเหนือท่านผู้ทรงพระคุณทั้งหลายทีเดียว เช่นนี้แล้วบุตรธิดาใดคิดหรือพูดว่ามารดาบิดาไม่มีบุญคุณต่อบุตรธิดาจึงเป็นการทำบาปกรรมเป็นอย่างยิ่ง เพียงคิดเท่านั้นไม่ต้องพึงปฏิบัติต่อท่านสถานอื่นก็เป็นบาปกรรมหนักหนาแล้ว ยิ่งถึงกับแสดงออกทางกายกรรมต่อท่านด้วยแล้ว บาปกรรมนั้นก็พ้นประมาณ ถ้าทำให้ท่านถึงกับเสียชีวิตก็เป็นอนันตริยกรรม
    การพูดก็ตาม การกระทำอื่นใดก็ตาม ที่ไม่สมควรกับมารดาบิดา ล้วนมีเหตุมาจากความคิดที่ว่ามารดาบิดาไม่มีบุญคุณทั้งสิ้น ดังนั้นจึงกล่าวว่าความคิดนั้นเป็นบาป เป็นเหตุแห่งบาปอกุศลอย่างยิ่ง ผลของบาปนั้นก็ดังได้กล่าวแล้ว เริ่มที่จิตใจของผู้เป็นเจ้าของความคิดที่ไม่ประกอบด้วยเหตุผล ไม่เป็นความจริง ไม่เที่ยงตรง เป็นความร้อนความวุ่น

    มารดาบิดาทั้งหลายก็เป็นปุถุชน ย่อมมีเวลาที่ทำสิ่งที่อาจไม่ถูกต้อง ที่เป็นการพลาดพลั้งไปได้มากบ้างน้อยบ้าง หากบุตรธิดามีความคิดว่าท่านไม่มีบุญคุณเพราะไม่ได้ตั้งใจให้บุตรธิดามาเกิด เวลาท่านพลาดพลั้งไปบ้างหนักนิดเบาหน่อย บุตรธิดาก็มีปฏิกริยาต่อท่านอย่างรุนแรง

    แต่ถ้ามีความคิดอยู่ว่ามารดาบิดาเป็นผู้ทรงพระคุณของบุตรธิดาแล้ว เวลาท่านพลาดพลั้งไปบ้างตามวิสัยปุถุชน ปฏิกิริยาที่รุนแรงก็จะไม่เกิด จะน้อยใจเสียใจก็จะเป็นไปแบบธรรมดาที่มีความเคารพรักในมารดาบิดาเป็นเหตุ ความรุนแรงอื่นๆ จะไม่ตามมา

    ทุกวันนี้ มีข่าวบุตรธิดาประทุษร้ายมารดาบิดาบ่อยๆ จนบางข่าวก็แทบจะเหลือเชื่อ คือเป็นการแสดงความอกตัญญูจนเหลือเชื่อ หรือจะกล่าวว่าเป็นการไม่กลัวบาปกลัวกรรมที่หนักหนาจนเหลือเชื่อก็ถูกเช่นกัน

    นี่ก็เป็นเพราะทุกวันนี้มีการคิดการพูดการชักชวนให้เกิดความเข้าใจว่า มารดาบิดาไม่มีบุญคุณ ไม่ได้ตั้งใจให้บุตรธิดามาเกิด ชักชวนให้เห็นไปว่ามารดาบิดาเป็นผู้เห็นแก่ตัวเท่านั้น ซึ่งที่จริงจะหาเหตุผลอะไรมายกให้เห็นว่าเป็นความจริงเช่นนั้นก็หามีไม่

    ไม่มีผู้ใดอาจหาเหตุผลมายกประกอบได้เลย ตรงกันข้าม มีเหตุผลบริบูรณ์ที่แสดงว่ามารดาบิดามีความรักความเมตตากรุณาต่อบุตรธิดายิ่งกว่ามีความรักความเมตตากรุณาต่อชีวิตของท่านเอง

    เพื่อป้องกันจิตใจตัวเองมิให้หวั่นไหวไปตามคำชักชวนที่มีค่อนข้างมากในระยะนี้ จึงควรที่ทุกคนจะพยายามหาเวลาสงบใจ ระลึกทบทวนถึงพระคุณของท่านผู้เป็นมารดาบิดา เริ่มแต่ความอดทนของท่านที่อุ้มท้องอยู่ถึง ๙ เดือน ๑๐ เดือน เป็นความหนักที่ไม่มีเวลาวางได้เลยตลอดระยะเวลานั้น

    เราถือของหนักชั่วครั้งชั่วคราวยังอยากวาง ยังต้องวาง ยังไม่ประสงค์จะหยิบขึ้นถืออีก ถ้าไม่รู้สึกว่าของนั้นเป็นสิ่งสูงค่ายิ่งนัก นอกจากนั้น ทุกคนก็คงเคยรู้สึกแล้วว่าขณะที่บุตรธิดาอยู่ในครรถ์นั้นไม่ทำให้ท่านผู้เป็นมารดาบิดามีรูปลักษณงดงามน่าดู บางคนคงจะเคยรู้สึกถึงกับว่าน่าอาย แต่ท่านผู้เป็นมารดาบิดาเองหาได้มีความรู้สึกเช่นนั้นไม่

    ความรู้สึกทั้งหมดของท่านไปรวมเป็นความรักความเมตตากรุณาในบุตรธิดา ที่แม้จะยังไม่ทันเห็นหน้าค่าตาก็ตาม นี้ประมาณได้จากการที่ท่านไม่ได้หลบหลีกปลีกตัวไปเสียที่ไหน ในระยะที่บุตรธิดาถือกำเนิดอยู่ในครรถ์ ท่านคงอยู่ในสังคมในสายตาของคนทั่วไปอย่างปรกติ และบางที่ก็อย่างภาคภูมิใจยิ่งกว่าปรกติเสียอีกด้วย

    ทั้งหมดเป็นไปด้วยอำนาจความรักและเมตตากรุณาในบุตรธิดาจริงๆ ขอให้พยายามหาเวลาสงบใจคิดทบทวนให้ลึกซึ้ง จะเป็นการบริหารจิตที่ถูกต้อง

    ความร่มเย็นเกิดจากระลึกรู้พระคุณท่าน

    การทบทวนถึงพระคุณของท่านผู้ทรงพระคุณทั้งหลาย มีมารดาบิดาเป็นต้น ซึ่งได้กล่าวมาบ้างแล้วถึงพระคุณของมารดาบิดา จะได้กล่าวต่อไป เพื่อเป็นแนวแนะให้ทุกคนผู้ล้วนมีบิดามารดา ผู้ล้วนมีบุตรหรือธิดาด้วยกันทั้งนั้น

    ได้คิดทบทวนเป็นการบริหารจิต ยกจิตให้อยู่ในระดับสูงขณะเดียวกันยังจิตให้เกิดความสงบเยือกเย็นเป็นสุขได้อย่างยิ่ง ทั้งยังเป็นเหตุให้ได้รับความสุขความเจริญอันเป็นวิบากคือผลของกรรมที่ดีสืบต่อไปอีกด้วย

    ที่จริง ทุกเวลานาทีก็ว่าได้ ที่มีสิ่งอันอาจเตือนใจให้ทุกคนได้นึกถึงพระคุณของมารดาบิดาเป็นต้นว่า การไดเห็นผู้เป็นมารดาบิดาทั้งหลายปฏิบัติต่อบุตรธิดาของตนโดยเฉพาะบุตรธิดาที่ยังเล็กไร้เดียงสาไร้ความสามารถที่จะปกป้องคุ้มครองเลี้ยงดูตัวเอง การได้เห็นภาพเช่นนั้นก็มิได้แตกต่างจากการได้เห็นภาพในอดีตของตนเอง

    เมื่อครั้งยังเยาว์ เมื่อครั้งมารดาบิดาปกป้องคุ้มครองรักษาเลี้ยงดูแบบที่กล่าวกันว่าชนิดริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ท่านต้องเสียสละเพียงใด ทั้งเหนื่อยกายทั้งเหนื่อยใจ กว่าบุตรธิดาจะเติบใหญ่นั้นแสนนาน

    และเมื่อบุตรธิดาเติบใหญ่แล้วก็ใช่ว่าความยากลำบากของท่านผู้เป็นบิดามารดาจะสิ้นสุดลง ตรงกันข้ามดูเหมือนว่าจะทวีขึ้นเป็นอันมาก โดยเฉพาะในกรณีที่บุตรธิดาเป็นผู้ไม่ว่านอนสอนง่าย ไม่อยู่ในโอวาท หรือมิฉะนั้นก็เป็นผู้ต้องเผชิญอุปสรรคต่างๆ ในชีวิต เป็นต้นว่าอุปสรรคในการเล่าเรียนศึกษาหรือในอาชีพการงานเป็นต้น

    ความขัดข้องเดือดร้อนทั้งหลายที่บุตรธิดาต้องประสบล้วนเป็นความขัดข้องเดือดร้อนของมารดาบิดาด้วยเช่นเดียวกัน และความจริงนั้นท่านจะเดือดร้อนใจยิ่งกว่าบุตรธิดาเองเสียอีกด้วย กล่าวก็ไม่ผิดถ้าจะว่ามารดาบิดานั้นรักบุตรธิดามากกว่าบุตรธิดารักตัวเอง เรารักตัวเองเพียงใดท่านผู้เป็นมารดาบิดาของเรา ท่านรักเรายิ่งกว่านั้น อย่างประมาณมิได้

    นี้เป็นความจริงที่อย่างน้อยผู้เคยมีบุตรธิดาแล้วย่อมรับรองได้ เพียงแต่ว่ารับรองในแง่ที่ว่า ตนเองรักบุตรธิดามากกว่าบุตรธิดารักตัวของเขาเอง มักไม่รับรองว่ามารดาบิดาของตนนั้น รักตนยิ่งกว่าตนรักตัวเองเหมือนกัน

    ความคิดแคบๆ เช่นนี้ เป็นความคิดที่เรียกได้ว่าเห็นแก่ตัว คำนึงถึงจิตใจตัวเองเท่านั้น น่าจะได้บริหารจิตให้ความคิดนั้นกว้างขวางออกไป จนถึงแลเห็นถึงจิตใจของท่านผู้เป็นมารดาบิดาของตนด้วย และจะกว้างขวางต่อไปถึงท่านผู้เป็นมารดาบิดาของผือื่นด้วยก็จะดีเป็นอย่างยิ่ง จะก่อให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขได้อย่างยิ่ง

    ทำไมจึงกล่าวว่า การระลึกถึงพระคุณของมารดาบิดาจะเป็นเหตุให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข คำตอบมีอยู่ และถ้าทุกคนพร้อมจะนึกดูก็จะเข้าใจ จะเห็นจริง

    เมื่อนึกถึงพระคุณของท่านผู้เป็นมารดาบิดาว่ามีแก่ตนจริงเป็นอันมาก ก็ย่อมตระหนักไปพร้อมกันว่าท่านรักเรายิ่งนัก ท่านปรารถนาจะเห็นความเจริญรุ่งเรืองของเรายิ่งนัก ความเป็นคนดีของเราจะเป็นความสุขของท่าน ในทางตรงข้ามความเป็นความไม่ดีของเราก็จะเป็นความทุกข์ของท่าน

    เมื่อความตระหนักใจเช่นนี้เกิดขึ้น ก็ย่อมจะเกิดความระมัดระวังตัวพอสมควรเป็นอย่างน้อย ที่จะทำความทุกข์ให้เกิดแก่ท่าน ซึ่งนั่นแหละจะเกิดผลโดยตรงแก่ตัวเองก่อนในทันที มารดาบิดาจะได้รับความสุขความสบายใจที่หลัง การที่คนแม้เพียงคนเดียวพยายยามทำคุณงามความดีเต็มความสามารถ อำนาจความดีนั้นก็อาจจะยังให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขแก่คนอื่นๆ ได้เป็นอันมาก

    อานุภาพของความดีเป็นสิ่งน่าอัศจรรย์ คิดให้ลึกซึ่งแม้เพียงพอสมควรจะเข้าใจ จะซาบซึ่ง และคิดให้ลึกซึ่งขึ้นอีก จะเห็นตระหนักชัดว่า คนดีทุกคนผู้สร้างอานุภาพแห่งความดีขึ้นนั้น ล้วนเป็นหนี้พระคุณของท่านผู้มีพระคุณเป็นต้นว่ามารดาบิดาครูอาจารย์ทั้งสิ้น และแม้คนไม่ดีทั้งหลายก็ตาม มีชีวิตอยู่ได้อย่างที่ตนเองรู้สึกพอใจนั่นแหละ ก็ล้วนเป็นหนี้พระคุณท่านผู้มีพระคุณดังกล่าวแล้ว เช่นกัน

    คนดีย่อมไม่เลี่ยงหนีการทดแทนพระคุณ

    ทุกคนในโลกนี้ล้วนเป็นหนี้พระคุณท่านผู้ทรงพระคุณทั้งหลาย อาทิท่านผู้เป็นมารดาบิดาครูอาจารย์ คิดให้ดีแล้วจะไม่อาจอ้างได้ว่าที่กล่าวนี้ไม่ใช่สัจจะ ไม่เป็นความจริง แต่จะเห็นด้วยว่าเป็นสัจจะ เป็นความจริง ที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปได้เลย ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างใดก็ตาม

    เป็นต้นว่า ถึงแม้เหตุการณ์ของบ้านเมือง ของชีวิตประจำวัน จะผันแปรเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จนถึงแม้ว่าจะมีผู้โฆษณาชวนเชื่อมากมายเพียงไหนให้ลบล้างสัจจะดังกล่าวข้างต้น สัจจะนั้นก็จะต้องเป็นสัจจะอยู่อย่างมั่นคงตลอดไป

    มารดาบิดาคือผู้มีพระคุณ ครูอาจารย์คือผู้มีพระคุณ เราผู้เป็นบุตรธิดาเป็นศิษยานุศิษย์คือผู้เป็นหนี้พระคุณ ยิ่งปฏิเสธพระคุณเพียงใด หนี้พระคุณก็ยิ่งใหญ่โตเพียงนั้น ความจริงย่อมเป็นเช่นนี้ น่าที่จะใช้เหตุผลพิจารณาให้เข้าใจพอสมควร เพื่อว่าจะได้สามารถทำตนให้เป็นลูกหนี้ที่ดี ที่มีโอกาสผ่อนหนี้ที่ยิ่งใหญ่ได้บ้าง

    แม้ไม่กล่าวก็เป็นที่เข้าใจกันดีแล้วว่า ผู้เป็นลูกหนี้เงินทองทั้งหลาย แม้ปฏิเสธการใช้คืนหนี้นั้น ก็มีโทษทัณฑ์ที่จะต้องใช้แทน หนี้พระคุณก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย การพยายามทดแทนหนี้พระคุณ จึงเป็นสิ่งที่คนดีมีปัญญาไม่ปรารถนาหลีกเลี่ยง แต่ยินดีที่จะทดแทนชดใช้เต็มสติปัญญาความสามารถ

    แต่ความจริงก็มีอยู่เช่นกันว่า คนกตัญญูกตเวทีคือรู้พระคุณที่ท่านทำแล้วแก่ตน และตอบสนองพระคุณท่านนั้นหายาก การจับพิจารณาถึงพระคุณของท่านผู้มีพระคุณให้จริงจัง เพื่อได้ตอบแทนพระคุณท่านให้จริงจัง จึงเป็นการบริหารจิตที่สำคัญยิ่ง

    เพราะเป็นการยกจิตให้เป็นจิตของคนดีมีกตัญญูกตเวทีที่แม้พระพุทธองค์ก็ทรงกล่าวสรรเสริญว่าเป็นบุคคลที่หาได้ยากยิ่ง

    จับพิจารณาพระคุณท่านผู้ทรงพระคุณให้จริงจัง จนเกิดความซาบซึ่งจับใจแล้วกรรมใดๆ ที่จะประกอบกระทำต่อไปจะเป็นกรรมที่ดี อันจะยังให้เกิดผลดีแก่ตัวเองยิ่งกว่าผู้ใดอื่นทั้งสิ้น

    ได้กล่าวถึงการพิจารณาพระคุณของท่านผู้เป็นมารดาบิดามาบ้างแล้วเพียงเล็กน้อย ยังมีพระคุณของท่านยิ่งกว่าที่ได้ยกมากล่าวแล้วอีกมากมายเหลือคณานับ ควรที่จะได้พยายามคิดนึกพิจารณาให้กระจ่างชัดแก่จิตใจด้วยดัยทุกคน จะไม่เป็นการเสียเวลาเปล่า จะไม่เป็นการกระทำของคนเขลาเบาปัญญา แต่จะเป็นการได้รับผลตอบแทนอย่างยิ่ง เป็นการกระทำของคนดีมีปัญญา

    : การบริหารทางจิตสำหรับผู้ใหญ่
    : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
     
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    พระพุทธเจ้าท่านสอนน้อยนิดเดียว

    ไม่ได้สอนมากหรอกสอนให้เห็นใจของตนเท่านั้นแหละเป็นพอ เรียนมากรู้มาก ถ้าไม่เห็นใจของตนเองแล้วละก็หมดเรื่อง เรียนมากรู้มาก ส่งออกไปเลยไม่รู้ตัวว่า นั่นน้ำมันซัดไป

    ผู้เรียนน้อย เรียนรู้ใจ ให้รักษาใจให้มั่นคงได้ก็เป็นพอแล้ว จะพ้นจากความทุกข์ได้ก็เพราะใจ คือ เรารักษาใจของเราไม่ให้น้ำซัดไป ถ้าหากเรารักษาใจได้จริงๆ จังๆ จะให้มันโกรธก็ได้ จะไม่ให้มันโกรธก็ได้ จะอยู่เฉยๆก็ได้

    ลองคิดดูเถอะ สบายใจไหม มันจะโกรธแล้วไม่โกรธ มันจะสบายใจไหมละ หรือว่าไม่สบาย ไฟไหม้เผาบ้านที่อยู่ของเรามันจะสบายที่ไหน เอาชนะคนอื่นมันเป็นอย่างนั้นแหละ ถ้าเอาชนะตนเองสงบนิ่งเฉยไม่มีโกรธ มีแต่สบาย ทุกคนก็สบายไปหมด

    ทำอะไรๆ ก็หาความสบายด้วยกันทั้งนั้นแหละ หาเงินหาทองข้าวของสมบัติอะไรทั้งหมด หาความสบายทั้งนั้น ทางโลกเขาว่า คนไม่รู้จักโกรธ คือ คนไม่มีจิตใจ อยู่เฉยๆ มันจะมีดีอะไร อย่าไปเชื่อคำพูดของเขา จะเสียคน

    เราเชื่อตัวของเราเองดีกว่า กิเลสเหล่านี้ คือ โลภ โกรธ หลง เป็นต้น ของเรามีเยอะแต่เราไม่เอามาใช้ เพราะมันทำให้ตนเองและคนอื่นเดือดร้อนเป็นทุกข์ เราไม่เอามาใช้ดีกว่า

    : กิเลส วัดหินหมากเป้ง ๑๒ สิงหาคม ๒๕๒๕
    : หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2009
  5. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    ร่วมบุญเดือนมกราคมค่ะ โอนเงินแล้วเมื่อวันที่ 12/1/52 เวลา 8.38 น. 522.22 บาทค่ะ

    อนุโมทนาสาธุกับทุกๆท่านด้วยค่ะ

    .
     
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    วิธีทำงานที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้คือ อิทธิบาท ๔ ได้แก่

    ๑. ฉันทะ คือความรักงาน หรือ ความเต็มใจทำ
    ๒. วิริยะ คือความพากเพียร หรือ ความแข็งใจทำ
    ๓. จิตตะ คือความเอาใจใส่ หรือ ความตั้งใจทำ
    ๔. วิมังสา คือการพินิจพิเคราะห์ หรือ ความเข้าใจทำ



    คำแปลตามความเห็นส่วนตัว หรือใครจะเห็นเป็นอย่างอื่นก็เป็นความคิดของปัจเจกบุคคลไป

    ตั้งใจทำ = มุ่งเอาผลของงาน ผลของความสำเร็จที่มุ่งมั่น
    แข็งใจทำ = ทนทำไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ เพื่อให้ถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้

    เต็มใจทำ=ทำด้วยความด้วยความเต็มใจและเอาใจใส่อย่างเต็มกำลัง
    ส่วนความเข้าใจทำ=ต้องทำด้วยความเข้าใจที่ถ่องแท้จึงเห็นผล
     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    อุบายและความแยบคาย

    คนที่เชื่อมั่นว่าใจของเรามีอยู่ตรงนี้แหละ จิตของเรามีอยู่ตรงกายนี้แหละ แล้วจงพยายามคิดค้นหาด้วยอุบายต่างๆ ตามที่ได้ศึกษาจากครูบาอาจารย์ต่างๆ แล้วจะเกิดแยบคายขึ้นมาด้วยตัวเอง แยบคายนี้แตกต่างจากอุบาย อุบายแนะนำสั่งสอนกันได้ เช่นบอกว่า จงรักษาคุณงามความดีด้วยการรักษาศีล ดังนี้เป็นต้น

    ส่วนแยบคายนั้นไม่ทราบจะบอกอย่างไงกัน มันต้องเกิดความรู้ความเห็นขึ้นมาด้วยตนเองและความรู้ความเห็นอันนั้นก็เป็นของแจ้งชัดเสียด้วย จนอุทานขึ้นมาในใจว่า อ๋ออย่างนี้หรอกหรือ

    แต่ความรู้อันนั้นจะเอาไปเผยแพร่แก่คนอื่นก็ไม่เหมือนกับที่ความรู้ด้วยใจของตนเอง จะบอกคนอื่นได้ก็เพียงแต่อุปมาอุปมัยนั้นแล้ว รวมความแล้วแยบคายเป็นความรู้พิเศษที่เกิดขึ้นเป็นปัจจัตตังเฉพาะตน

    ผู้เกิดแยบคายเฉพาะตนเช่นนั้นแล้ว เอาแยบคายอันนั้นไปสอนผู้อื่น ด้วยอุบายการอุปมาอุปมัยต่างๆ ผู้ฟังได้รับฟังคำอุปมาอุปมัยนั้นไปสอนคนอื่นต่อๆ ไป

    แยบคายนี้เมื่อเกิดเฉพาะบุคคลใดแล้ว ย่อมทำบุคคลนั้นให้สิ้นสงสัยในวิชาที่ตนได้เรียนมาก็ดี หรือตนได้ปฏิบัติมาก็ดี เป็นอันว่าจบเพียงแค่นี้ แต่มิได้หมายความว่าจบวิชาทุกๆ ประเภท เป็นแต่จบหรือสิ้นภูมิความรู้และความสามารถของตนในภูมินั้นๆ เท่านั้น

    เหมือนกับบุคคลที่นำภาระไป ผู้ใดมีกำลังมาก ย่อมนำไปได้มาก ผู้มีกำลังน้อยย่อมนำไปได้น้อย ตามกำลังของตนฉะนั้น

    : หลวงปู่เทศก์ เทศรังสี
    : จับหลักปฏิบัติภาวนา วัดหินหมากเป้ง ๒๘ มิถุนายน ๒๕๒๕


    ขอขอบคุณ

    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=4675
     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]



    วิชชา ๓ วิชชา ๘ คืออะไร

    *************************************************

    วิชชาหรือ ญาณ หมายถึง ความรู้แจ้ง ความรู้วิเศษ


    วิชชา ๓


    วิชชา คือความรู้ยิ่ง... ในธรรม
    ธรรมวิเศษเลอล้ำ ชิดใกล้
     
  9. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    ๏~* กรรมของภรรยานายเรือที่ถูกถ่วงน้ำตาย *~๏

    มีเรื่องว่าภิกษุบางพวกที่มาเฝ้าพระบรมศาสดานั้น พวกหนึ่งมาทางเรือ ในขณะที่เดินทางมานั้นเรือเกิดหยุดนิ่งเสียเฉยๆ ในกลางทะเล คนโดยสารในเรือก็จัดทำสลากขึ้นเพื่อหาคนที่เป็นกาลกิณี ภรรยาสาวของนายเรือจับได้สลากถึง ๓ ครั้ง นายเรือนั้นปกติรักภรรยามาก แต่เพื่อชีวิตของคนโดยสารอีกเป็นจำนวนมาก จึงได้จะตัดใจโยนภรรยาลงน้ำ

    แต่ไม่อยากจะเห็นภรรยาลอยคออยู่ในน้ำส่งเสียงร้องขอชีวิต จึงให้คนเหล่านั้นผูกหม้อทรายแล้วยกหม้อทรายผูกติดไว้กับคอภรรยาจับโยนลงทะเล จมลงไปในน้ำถูกสัตว์ร้ายกัดกินถึงแก่ความตาย พระภิกษุที่โดยสารมาด้วยเห็นอย่างนั้นก็คิดว่า ไม่มีใครที่จะรู้กรรมของผู้หญิงคนนี้ได้ เราจักไปกราบทูลถามพระบรมศาสดา ครั้นเดินทางไปถึงพระวิหารเชตวัน เข้าไปเฝ้าพระบรมศาสดากราบทูลเรื่องราวให้ทรงทราบแล้ว พระผู้มีพระภาคก็ตรัสว่าหญิงนั้นได้เสวยกรรมที่ตนเคยกระทำไว้ในอดีตชาติ

    พระผู้มีพระภาคเล่าว่า ในอดีตกาลหญิงนี้ได้เกิดเป็นภรรยาของคหบดีคนหนึ่งในเมืองพาราณสี ได้ทำกิจการบ้านเรือนด้วยตนเอง ในเรือนนั้นมีสุนัขอยู่ตัวหนึ่ง คอยติดตามอยู่ใกล้หญิงนั้นอยู่เสมอ แม้เวลาที่หญิงนั้นออกไปหาผักหาฟืนในป่า สุนัขก็ติดตามไปด้วย พวกหนุ่มๆ ก็ล้อเลียนว่า วันนี้นายพรานสุนัขออกไปแล้ว พวกเราคงได้กินเนื้อเป็นแน่

    หญิงนั้นเกิดความละอายไล่ให้สุนัขกลับไปบ้าน สุนัขไปแล้วก็กลับมาอีก ไม่ว่าจะถูกตีด้วยไม้หรือถูกปาด้วยก้อนหิน สุนัขนั้นก็ยังตามมาอีก ทั้งนี้ก็เพราะสุนัขนั้นเคยเป็นสามีของหญิงนั้นในอัตภาพที่ ๓ เพราะฉะนั้นจึงไม่อาจตัดความรักในหญิงนั้นได้ หญิงนั้นเห็นสุนัขติดตามตนอยู่เสมอ ไล่ก็ไม่ไปจึงโกรธคิดจะกำจัดเสีย

    วันหนึ่งเอาข้าวต้มไปให้สามีที่ทำงานอยู่ในนา ก็เอาเชือกติดไปด้วย เมื่อปฏิบัติสามีเรียบร้อยแล้ว ได้ถือหม้อเปล่าไปที่แม่น้ำแห่งหนึ่ง เอาทรายใส่หม้อจนเต็ม แล้วเรียกสุนัขที่ตามมาด้วยให้เข้ามาใกล้ สุนัขดีใจเพราะไม่เคยได้ยินเสียงเรียกมานานแล้ว เคยแต่ได้ยินเสียงไล่จึงเข้าไปหา

    หญิงนั้นเอาเชือกข้างหนึ่งผูกที่คอสุนัข อีกข้างหนึ่งผูกหม้อทรายแล้วโยนหม้อทรายลงไปในน้ำ หม้อทรายก็จมลงไปในน้ำ สุนัขก็ติดตามหม้อตกลงไปในน้ำจมน้ำตาย ด้วยผลแห่งกรรมนั้นนางต้องไปตกนรกอยู่เป็นเวลานาน พ้นจากนรกแล้วก็ยังมาถูกเขาเอาหม้อทรายผูกติดคอโยนลงน้ำอยู่อีกถึง ๑๐๐ ชาติ ด้วยอำนาจของเศษบาปที่ยังเหลืออยู่ ภรรยานายเรือก็คือหญิงที่โยนสุนัขลงไปในน้ำนั่นเอง


    Fw.mail
     
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
  12. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=big2 vAlign=bottom height=35>
    "เจ็บ"(พยาธิ)เป็น"ทุกข์"
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="98%" border=0><TBODY><TR><TD class=text2 vAlign=center width="65%" height=30></TD><TD class=text2 vAlign=center align=right></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=10 width="100%" align=center bgColor=#f4f4ff border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff height=300><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>"พยาธิทุกข์" คือทุกข์จากการ"เจ็บไข้" เพราะสังขารร่างกายแปรปรวนวิปริตด้วยประการต่างๆนี้ แม้ไม่จำต้องอธิบาย ก็ย่อมเป็นที่แจ่มแจ้งแก่บุคคลทั้งหลายที่เกิดมาแล้ว ต้องเสวยทุกขเวทนาเจ็บไข้ได้พยาธิอยู่ด้วยตัวของตัวเองอยู่แท้ทีเดียว <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff><!-- [​IMG] -->[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=30> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR class=text1><TD class=bot1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=10 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="95%" bgColor=#3399cc border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#f9f9f9><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="100%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE height="100%" cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" align=center bgColor=#cacaec border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" align=center bgColor=#f9f9f9 border=0><TBODY><TR><TD class=text2 align=left> </TD><TD align=right width="20%" height=17></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=text1 vAlign=top align=left height=20>สำหรับตัวอย่างของ"พยาธิทุกข์"ที่ชัดเจนและแจ่มแจ้งที่สุด อันเกิดจากความตั้งใจและแรงอธิษฐานของผู้อาพาธเอง ให้อาการของโรคที่เคยปรากฏอยู่ ณ ภายในได้ออกมาปรากฏที่ภายนอก ด้วยเหตุที่จะให้เป็นตัวอย่างในการศึกษาเรื่องสภาวทุกข์แห่งอริยสัจแก่มหาชนทั้งหลายสืบไป คงจะไม่มีใดเกินไปกว่ากรณีของท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต(ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ) วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานครไปได้อีกแล้ว <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=25></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=text1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=10 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="95%" bgColor=#3399cc border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#f9f9f9><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="100%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE height="100%" cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" align=center bgColor=#cacaec border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" align=center bgColor=#f9f9f9 border=0><TBODY><TR><TD class=text2 align=left></TD><TD align=right width="20%" height=17></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=text1 vAlign=top align=left height=20>แต่เดิมนั้น ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯเคยพิจารณากายทราบมาล่วงหน้าแล้วว่า มีอาการผิดปกติบางอย่างวิ่งเป็นริ้วๆที่ตับของท่านๆ จึงตั้งจิตอธิษฐานว่า หากจะต้องเป็นโรคอะไรแล้ว ก็ขอให้โรคนั้นออกมาปรากฏออกมาที่ภายนอกเถิด จะได้มองเห็นและเป็นตัวอย่างให้ศึกษากัน
    น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เมื่อท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯตั้งจิตอธิษฐานเช่นนี้แล้ว อาการที่วิ่งเป็นริ้วๆก็ได้ย้ายจากที่ตับมาอยู่ที่ลำคอของท่านแทน จนปรากฏเป็นเม็ดเนื้อร้ายปรากฏให้เริ่มสังเกตได้ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2509 (พิจารณาได้จากก้อนเนื้อที่ต้นคอของท่าน)
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=25></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=text1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=10 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="95%" bgColor=#3399cc border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#f9f9f9><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="100%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE height="100%" cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" align=center bgColor=#cacaec border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" align=center bgColor=#f9f9f9 border=0><TBODY><TR><TD class=text2 align=left></TD><TD align=right width="20%" height=17></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=text1 vAlign=top align=left height=20>แต่เดิม เนื้อร้าย(มะเร็ง)มีขนาดเพียงแค่ไข่จิ้งจก และขยายวงใหญ่โตขึ้นมาเรื่อยๆจนกระทั่งลูกพุทธาและไข่เต่าตามลำดับ โดยก่อนที่มะเร็งจะแตกออก ก็มีขนาดเท่าไข่เป็ดเลยทีเดียว ซึ่งหากเป็นคนธรรมดาสามัญโดยทั่วไป ก็คงจะต้องรีบวิ่งไปหาหมอรักษาด้วยความเกรงกลัวต่อพยาธิทุกข์และมรณภัยเป็นนักหนาอย่างมิจำต้องพักสงสัย <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=25></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=text1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=10 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="95%" bgColor=#3399cc border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#f9f9f9><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="100%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE height="100%" cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" align=center bgColor=#cacaec border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" align=center bgColor=#f9f9f9 border=0><TBODY><TR><TD class=text2 align=left> </TD><TD align=right width="20%" height=17></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=text1 vAlign=top align=left height=20>แม้จะต้องอาพาธหนักเป็นปานนี้ แต่ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกหาได้ไยดีใดๆไม่ แม้ผู้หลักผู้ใหญ่ในแผ่นดิน คือสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถจะขอให้นำแพทย์ส่วนพระองค์มาถวายการรักษา ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯก็หาได้รับพระราชทานพระมหากรุณาใดๆไม่ด้วยปณิธานอันเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว ที่จะเผชิญกับพยาธิทุกข์ด้วยความกล้าหาญ ปราศจากความยึดมั่นถือมั่นในกายสังขารใดๆ สมภูมิแห่งพระอริยะผู้อยู่เหนือโลกแล้วด้วยประการสิ้นเชิง <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=25></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=text1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=10 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="95%" bgColor=#3399cc border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#f9f9f9><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="100%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE height="100%" cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" align=center bgColor=#cacaec border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" align=center bgColor=#f9f9f9 border=0><TBODY><TR><TD class=text2 align=left> </TD><TD align=right width="20%" height=17></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=text1 vAlign=top align=left height=20>ลำพัง เป็นยอดเป็นฝีเล็กๆน้อยๆ ก็เจ็บปวดทรมานเจียนอยู่เจียนไปไม่น้อยอยู่แล้ว ก็หากเป็นกรณีอันสาหัสเช่นนี้เล่า หากเป็นสามัญปุถุชนทั่วไป ไหนเลยจะมิต้องเสวยพยาธิทุกขเวทนาอย่างบรรยายไม่ถูก จนเจ็บปวดรวดร้าวบาดลึกจนไปถึงจิตวิญญาณเห็นเพียงไร ก็คงจะไม่ยากเกินที่จะคาดเดาได้เป็นแน่.... <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=25></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=text1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=10 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="95%" bgColor=#3399cc border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#f9f9f9><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="100%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE height="100%" cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" align=center bgColor=#cacaec border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" align=center bgColor=#f9f9f9 border=0><TBODY><TR><TD class=text2 align=left> </TD><TD align=right width="20%" height=17></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=text1 vAlign=top align=left height=20>แต่สำหรับ"ยอดคน"อย่างท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกแล้ว แผลมะเร็งอันร้ายแรงเช่นนี้ หาได้ทำอะไรท่านได้ไม่ ด้วยอำนาจแห่งจิตอันฝึกฝนมาดีเยี่ยมแล้วนั่นเอง โดยท่านเจ้าคุณฯมิได้รู้สึกทรมานแต่อย่างไร นอกจากจะรู้สึกเพียง"เหมือนมีก้อนอะไรมาติดอยู่ที่คอเท่านั้น"ทั้งๆที่มิได้ทานยาฉีดยาระงับปวดใดๆแม้เพียงหลอดหรือครึ่งเม็ด น่าอัศจรรย์อย่างเหลือล้น <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=25></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=text1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=10 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="95%" bgColor=#3399cc border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#f9f9f9><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="100%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE height="100%" cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" align=center bgColor=#cacaec border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" align=center bgColor=#f9f9f9 border=0><TBODY><TR><TD class=text2 align=left> </TD><TD align=right width="20%" height=17></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=text1 vAlign=top align=left height=20>แน่นอน เมื่อแผลมะเร็งนี้แตกออก ก็ได้มีน้ำเลือดน้ำเหลืองน้ำหนองไหลส่งกลิ่นออกมาตามสภาวะอสุภะแห่งอาการ 32 เป็นธรรมดา ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯจึงอนุญาติให้"ชำระแผล"ด้วยตัวยาที่เบาบางที่สุด เพียงเพื่อดับเวทนาของบุคคลภายนอกพร้อมกับอนุญาตให้บันทึกภาพไว้เพื่อการศึกษาของผู้ปรารถนาปัญญาและความพ้นทุกข์อย่างที่ไม่เคยปรากฏมีมาก่อนสืบไป <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=25> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=text1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=10 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="95%" bgColor=#3399cc border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#f9f9f9><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="100%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE height="100%" cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" align=center bgColor=#cacaec border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" align=center bgColor=#f9f9f9 border=0><TBODY><TR><TD class=text2 align=left> </TD><TD align=right width="20%" height=17></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=text1 vAlign=top align=left height=20>ในขณะเดียวกันนั้น ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกก็ได้ใช้กระจกส่องพิจารณาแผลที่กายสังขารแห่งท่านไปพร้อมกันอย่างไม่สะทกสะท้านใดๆด้วย <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=25></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=text1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=10 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="95%" bgColor=#3399cc border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#f9f9f9><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="100%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE height="100%" cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" align=center bgColor=#cacaec border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" align=center bgColor=#f9f9f9 border=0><TBODY><TR><TD class=text2 align=left></TD><TD align=right width="20%" height=17></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=text1 vAlign=top align=left height=20> <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=25></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=text1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=10 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="95%" bgColor=#3399cc border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#f9f9f9><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="100%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE height="100%" cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" align=center bgColor=#cacaec border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" align=center bgColor=#f9f9f9 border=0><TBODY><TR><TD class=text2 align=left> </TD><TD align=right width="20%" height=17></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=text1 vAlign=top align=left height=20>และในโอกาสที่ท่านอาพาธด้วยโรคมะเร็งดังกล่าวนี้ ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯยังได้ยกอาการอาพาธของท่านเป็น Case study (กรณีศึกษา) ที่เป็นเสมือน"เทศน์กัณฑ์ใหญ่" ที่ยากจะมีใครที่ใจเด็ดและกล้าทำได้ด้"ของจริง" ที่เห็นได้กันจะๆต่อหน้าต่อตา สอนใจคนที่ไปนมัสการท่านอยู่หลายวาระว่า
    "ร่างกายนี้เป็นรังของโรค ต้องป่วยเจ็บอยู่เสมอเป็นธรรมดา เป็นเรื่องของการเกิดแก่เจ็บตาย อย่าได้เศร้าหมองตามการเจ็บป่วยนั้น ทำใจให้ปลอดโปร่ง และให้นึกเสมอว่า การเจ็บการตายเป็นของไม่แน่นอน จะมาถึงเมื่อใดก็ได้ อย่าประมาท อย่ารั้งรอต่อการทำความดีในขณะที่ยังมีโอกาสทำความดี จะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง แม้ความตายจะมาถึงในวินาทีใดก็ตาม..." <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=25></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=text1> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=10 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="95%" bgColor=#3399cc border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#f9f9f9><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="100%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE height="100%" cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" align=center bgColor=#cacaec border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" align=center bgColor=#f9f9f9 border=0><TBODY><TR><TD class=text2 align=left> </TD><TD align=right width="20%" height=17></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=text1 vAlign=top align=left height=20> หมายเหตุ , โดยส่วนตัวของ"พุทธวงศ์"แล้ว ถือว่ากรณีดังนี้ มีประโยชน์ในเชิงพุทธิปัญญาชั้นสูงมากกว่าการที่อธิษฐานให้ "หายโรค" หรือ"ศพไม่เน่า"มากมายนัก เพราะทำได้เห็นแจ้งถึงสัจจะความจริงอันเที่ยงแท้ของสรรพชีวิตทั้งหลายมากกว่า จะได้ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิตทั้งในกาลปัจจุบันและอนาคตด้วยตัวของตัวเอง อันเป็น"สาระ"อันสูงสุดสืบไปเป็นสำคัญ
    จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า "กรณีศึกษา" แห่ง "พยาธิเป็นทุกข์"ที่ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯได้ตั้งใจแสดงให้ดูโดยเปิดเผย มิได้ปิดบังอำพรางไว้ให้ต้องใหลหลงไปกับภาพลักษณ์ภายนอกทั้งหมดนี้ คงจะเป็นประโยชน์ในเบื้องปรมัตถ์แก่ทุกๆคน สมด้วยเจตนาของพระคุณท่านโดยทั่วกันทีเดียว........
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=bot2 bgColor=#f9f9f9 height=25></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=text1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=10 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="95%" bgColor=#3399cc border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#f9f9f9><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="100%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE height="100%" cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" align=center bgColor=#cacaec border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" align=center bgColor=#f9f9f9 border=0><TBODY><TR><TD class=text2 align=left> </TD><TD align=right width="20%" height=17></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=text1 vAlign=top align=left height=20>"สภาวทุกข ได้แก่ ทุกข์ตามสภาพหรือทุกข์ประจำสังขาร ในธัมมจักกัปปวัตนสูตรซึ่งเป็นปฐมเทศนาที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ปัญจวัคคี ได้ตรัสแสดงถึงทุกข์ชนิดนี้ 3 อย่าง คือ ชาติ (ความเกิด) ชรา (ความแก่) และ มรณะ (ความตาย) ที่จัด 3 อย่างนี้เป็นสภาวทุกข์หรือ ทุกข์ประจำสังขาร ก็เพราะเป็นทุกข์ที่ติดมากับสังขารร่างกายของมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร ผู้ที่เกิดมาแล้วย่อมไม่อาจหลีกหนีทุกข์ทั้ง 3 อย่างนี้ได้พ้น ข้อที่น่าสังเกตเกี่ยวกับสภาวทุกข์นี้ก็คือ ไม่มีคำว่า พยาธิ หรือพยาธิทุกข์ อันหมายถึงความเจ็บป่วยรวมอยู่ด้วย เวลาพูดกันทั่วไปก็พูดว่า ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ แต่ในสภาวทุกข์กลับไม่มีพยาธิซึ่งเป็นความทุกข์อย่างหนึ่งที่พบเห็นกันทั่วไปจนเป็นธรรมดาของมนุษย์หรือของสิ่งที่มีชีวิต
    ข้อนี้พึงทราบว่าพุทธศาสนาถือว่า พยาธิ (ความเจ็บป่วย) นั้น ไม่ใช่สภาวทุกข์หรือทุกข์ประจำสังขารแต่เป็นปกิณกทุกข์
    หรือทุกข์จรที่เกิดมีขึ้นภายหลัง แม้คนส่วนมากที่เกิดมาแล้วต้องมีการเจ็บป่วย แต่คนที่เกิดมาแล้วตายไปโดยไม่มีการเจ็บป่วยเลยก็มีอยู่ในหมู่มนุษย์ คนที่ไม่เคยเจ็บป่วยเลยเราอาจจะนึกมองไม่เห็นหรือเห็นได้ยาก ดังนั้นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยโลกนี้อยู่ไม่ได้มีแต่มนุษย์กับสัตว์โลกประเภทต่าง ๆ ที่มนุษย์สามารถรับรู้ได ้ด้วยประสาทสัมผัสเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่มนุษย์รับรู้ด้วยประสาทสัมผัสไม่ได้อยู่ด้วย เช่น เทวดา สัตว์นรก เปรต อสุรกาย (เจริญกัมมัฏฐาน ให้ได้
     
  13. คีตา

    คีตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    665
    ค่าพลัง:
    +4,309
    พอดู น้ำตาจะไหล อีกแล้ว....เฮ้อ

    นึกถึงคำครูบาอาจารย์ อีกไม่กี่ปี สมุนไพร จะรักษาได้ทุกโรค คนจะหันมาหาสมุนไพรกันมากขึ้น
     
  14. MEA

    MEA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +660
    วันนี้15/1/2552 เวลา10.25น.โอนเงินร่วมทำบุญกับพระภิกษุสงฆ์อาพาธ จำนวน
    300 บาท โมทนาบุญด้วยครับ
     
  15. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    วันนี้ผม นายพิพัฒน์ ประจญศานต์และครอบครัว
    ได้โอนเงินร่วมทำบุญประจำเดือน 200 บาท
    ตามรายละเอียดดังนี้ครับ

    16/01/2552 08:42
    สถานที่ A01305
    ลำดับที่ 3911A

    ขอโมทนาบุญกับท่านคณะกรรมการและทุกๆท่านด้วยครับ
    ผมหาโอกาสไปร่วมงานอยากไปร่วมทำบุญด้วยมากครับแต่ยังติดเรื่องเรียนอยู่ครับ

    ขออนุโมทนาสาธุกับทุกท่าน และขอผลบุญนี้ส่งให้กับตัวข้าพเจ้า เทวดาประจำตัว พ่อแม่พี่น้องบุตรภรรยา หลาน ทุกคนในครอบครัว
    และ
    เทวดาประจำตัวของทุกๆคนที่กล่าวมา
    และ
    เจ้ากรรมนายเวรที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านมา
    และเจ้ากรรมนายเวรของทุกๆคนที่กล่าวมา
    และผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าทุกๆท่าน ผู้ที่เคยร่วมบุญกันมา

    หลวงปู่พญาเม็งราย คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    พรหมเทพเทวาและสิ่งศักดิ์สิทธิ กายทิพย์ทั้งหลายที่ข้าพเจ้า
    และครอบครัวเคารพบูชา
    พรหมเทพเทวาและสิ่งศักดิ์สิทธิ กายทิพย์ทั้งหลายที่ข้าพเจ้าปกป้องรักษาขัาพเจ้าและครอบครัว
    กายทิพย์ทั้งหลายที่ติดตามวัตถุมงคลทุกประเภทที่ข้าพเจ้ามีไว้บูชา

    ขอบุญนี้บันดาลให้ทุกท่านมีความสุขกายสุขใจ
    มีหิริโอตัปปะ พร้อมทั้งความเจริญในทางโลกและทางธรรมด้วยเทอญ


    อีกทั้งและขอผลบุญนี้ส่งให้กับ
    เทวดาประจำตัวของนส.จิรานุช สถานทิพย์
    นายนฤนาท สถานทิพย์ พ่อแม่ของทั้งสอง
    เจ้าหน้าที่ศาล อัยการ ผู้พิพากษา เจ้าหน้าที่Finance ตำรวจ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

    ขอให้คลี่คลายโดยเร็วด้วยเทอญ สาธุๆๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2009
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
     
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD background=../../pic_rec/m11.gif></TD><TD width=12>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD width=12 background=../../pic_rec/m44.gif>
    [​IMG]
    </TD><TD vAlign=top>
    <TABLE width=700 border=0><TBODY><TR class=thai><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="75%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    เห็น ...กิเลสเป็นของดี ของวิเศษ...
    <HR width="100%" color=#dddddd SIZE=1>

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>

    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]

    ..แย่งกัน ด่าว่ากัน ถกเถียงกันยังไม่พอ.....
    จิตที่ผูกพยาบาทอาฆาตจองเวรไว้ตั้งแต่ครั้งก่อนโน้น
    เกิดมาในชาตินี้ก็มาหลงเอาของเก่า มาแย่งชิงกัน ด่าว่ากัน
    ฆ่าตีกันจนล้มตายมากมายเหลือหลายอยู่ในโลกอันนี้นับไม่ถ้วนเลย..

    ..คนเราเกิดมาแล้วมาแย่งมาชิงกันว่า
    กิเลสเหล่านั้นเป็นของดิบของดีวิเศษวิโส
    แย่ง แข่งดี แข่งเด่น แย่งชิงความเป็นใหญ่เป็นโตกัน
    แย่งลาภ แย่งยศ ความสรรเสริญทั้งปวง

    กลัวแต่จะไม่ได้เป็นของเรา
    แท้จริงแล้วมันเป็นของทิ้งของพระพุทธเจ้า และเหล่าพระอริยเจ้าทั้งหลาย
    พระองค์ทิ้งไปแล้ว เรายังหาว่าเป็นของดีอยู่...


    : สติควบคุมจิต
    : พระนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาจารย์ (เทสก์ เทสรังสี)

    http://www.dhammajak.net/forums/posting.php?mode=edit&f=7&p=91768
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="75%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>เทศน์รอบดึก <HR width="100%" color=#dddddd SIZE=1></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    คำเทศน์ของพระพยอม (สนุกๆ ได้แง่คิด)
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]

    มีอยู่รายการหนึ่ง เขาจัดงานหารายได้เข้ามัสยิด...
    นิมนต์พระพยอมมาช่วยเทศน์ดึงคนให้หน่อย..เพราะช่วงที่กำลังดังนี้ เทศน์ทีมีคนฟังเป็นหมื่น..พอประกาศชื่อพระพยอมคนสนใจมาก
    เขาจัดโปรมแกรมให้พระพูดตอนดึก 5 ทุ่ม
    พระก็อยากพูดเร็วๆ พูดเสร็จจะได้รีบกลับ...
    เขาบอกว่า..ไม่ได้..ถ้าท่านกลับ..คนก็กลับกันหมด..
    หอยทอด โรตี..ไก่ย่าง..ยังขายไม่หมดเลย..
    เดี๋ยวท่านรอให้ขาย หอยทอด โรตี ไก่ย่างหมดก่อน..ค่อยขึ้นเทศน์
    กรรมของพระ...ไม่ควรดังเลยเรา....

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา : โดย meepooh9639 http://www.arip.co.th/</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD background=../../pic_rec/m11.gif></TD><TD width=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=12 background=../../pic_rec/m44.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>
    <TABLE width=700 border=0><TBODY><TR class=thai><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="75%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>พระไม่เข้าใจ <HR width="100%" color=#dddddd SIZE=1></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    คำเทศน์ของพระพยอม (สนุกๆ ได้แง่คิด)
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]

    พระไม่เข้าใจ

    วันก่อนเทศน์ให้เด็กอนุบาลฟัง....100 กว่าคนตัวนิดเดียว...แต่พอฟังรู้เรื่องแล้ว..อาตมาบรรยายธรรม..พร้อมมีภาพสไลด์ประกอบ...

    เราสอนว่า..คนเราจะประสบความสำเร็จ..มันต้องตั้งใจจริง..ทำอะไรก็ต้องทำจริงๆ..ตั้งใจให้แน่วแน่ ....
    เหมือนคนตำน้ำพริก..ตาจ้องดูที่ครก ตำจริงๆ
    ไม่ใช่ตำเป๊กเดียว..แล้วเอามากิน..ต้องตำบ่อยๆ..หลายๆครั้ง...น้ำพริกถึงจะอร่อย..
    คนเราทำอะไรให้สำเร็จ..มันต้องทำบ่อยๆ

    ทันใดนั้น เหตุการณ์เหลือเชื่อก็เกิดขึ้น.....
    เด็กผู้ชายตัวเล็ก ห้าขวบ..มันลุกขึ้นยืน..แล้วพูดว่า
    พระ..พระ..พระรู้ไหม...ว่าเด็กก็ชอบดูพระพูดบ่อยๆ..แต่พระอย่าพูดธรรมะเยอะนักซิ.....เด็กมันเซ็งระเบิดเลย.... พระเอารูปให้ดูเยอะๆหน่อย

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา : โดย meepooh9639 http://www.arip.co.th/</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>คิดก่อนจึงทำ<HR width="100%" color=#dddddd SIZE=1></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    คำเทศน์ของพระพยอม (สนุกๆ ได้แง่คิด)
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]

    คิดก่อนจึงทำ

    การขยันให้ทาน...ตถาคตไม่สรรเสริญ...แต่ตถาคตสรรเสริญ..คนที่คิดใคร่ครวญดีแล้วจึงให้..
    เพราะเมื่อใคร่ครวญแล้ว จะไม่มีใครเดือดร้อนจากการให้...

    ที่สุพรรณบุรี...มีอยู่ช่วงหนึ่ง
    พระพุทธรูปในวัดหายเป็นจำนวนมาก..หลายวัด...
    เสี่ยเจ้าของโรงสี..อดรนทนไม่ได้บอก..หลวงพ่อครับ..ขโมยมันรบกวนพระเหลือเกิน...ผมสงสารท่าน....ผมขอถวายปืนให้ท่านกระบอกหนึ่ง มันโง่จริงๆ
    ไม่รู้เลยว่าอะไรควรถวายอะไรไม่ควรถวาย....ตัวมันน่ะไม่เดือดร้อน แต่พระน่ะ..ติดคุก

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา : โดย meepooh9639 http://www.arip.co.th/

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...