พุทธภูมิ: ปรารถนาแรงกล้า ก็อาจไม่ได้ดังฝัน...

ทุกๆท่านรู้หรือไม่ว่าดาบที่พระนเรศวรที่ใช้ฟาดฟันอริราชศัตรูคมแค่ไหน

 

ทางเก่าขรุขระยุ่งเหยิง<WBR>หยาบ

 

แสงพระขันธ์ของปัญญาของพระพุทธะ คือดาบเพชรตัดกิเลส

สาให้ขาดสะบั้น

ดาบ และ พระแสงของดาบที่ว่าคมกล้าแล้ว แต่ยังตัดกิเลสไม่

ขาด แล้วจะว่าคม ก็คมในระดับโลกียะสามัญของคนทุกคน<!-- google_ad_section_end -->

 

ไม่ทราบว่าคุณsriarayaมีเบอร์ติดต่อหรือเปล่าครับผมมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติครับหรือจะให้ผมติดต่อคุณทางpm ว่าแต่ว่าคุณsriarayaสวยหรือเปล่าครับถ้าไม่สวยผมคงคุยกับคุณไม่ได้นะครับ เพราะว่าผมแพ้คนสวย

 

พระอริยเจ้าเข้าพระนิพพานได้ พระอริยบุคคลก็เข้าพระนิพพานได้​

ช่องทางที่จะติดต่อกับผมได้ทางpmก็ได้ครับ ทางเลือกใหม่ศึกษาดูจากกระทู้
กดเข้าไปดู ใครติดขัดสมาธิอะไรก็เข้ามา​

ถ้าคุณยุทธพงษ์ ต้องการการเป็นส่วนตัวส่งมาที่กล่องจดหมายครับ​

ถ้าต้องการร่วมด้วยช่วยกันจรรโลมพระพุทธศาสนา
ก็ให้เขียนปัญหาทางปฏิบัติที่ข้องขัด หรือสงสัยอะไรก็ทิ้งคำถามไว้แล้วผมจะเข้าไปตรวจดู และ ตอบคำถามทุกคน​

ส่วนเบอร์โทร หลังจากที่เรารู้จักอุปนิสัยกันดีแล้วผมจะ
ให้ การปฏิบัติจะมามั่วปฏิบัติมันไม่ทันการณ์แล้วครับ
ใช้แสงทิพย์ยกจิตวิญญาณให้สูงกันไปเลยดีกว่าครับ​

ภายหลังมาปฏิบัติก็จะเข้าใจ และ แปลคำสังสอนของพระพุทธองค์ได้ตรงเป็นสัมาปฏิบัติ ละวิตกได้ด้วยครับคุณ yoottapong​

 

คุณยุทธพงษ์ จรัญศิริไพศาล (ปุ่ม)

จบวิทยาศาสตร์คอม มีอาการประสาททางจิตตั้งแต่เรียนปีสาม


ถ้ายังมีการขอเบอร์ไม่ว่าชายหรือหญิงไม่ว่าในทางใดๆก็แล้วแต่ เราจะแจ้งตำรวจจับคุณ ในฐานะที่คุณเคยหลอกเราไปสุรินทร์เพื่อที่จะข่มขืน คราวนั้นที่เราไม่แจ้งความเพราะเราสงสารคุณและอ.คุณบอกว่าคุณมีลูกแล้ว อายุ 3 เดือน


แต่หากคุณยังเล่นเว็บนี้โดยมีเจตนาหลอกล่อผู้อื่นอีก ทุกๆคนที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนั้นพร้อมที่จะเป็นพยานให้เราในการดำเนินคดี เพราะหากเราไม่ทำยังมีบุคคลอื่นอาจจะได้รับการกระทำสกปรกจากคุณ

แจ้งมาให้ทราบก่อน

coolz​

 

ถึงว่าละสิ ผมได้กลิ่นแปลกๆ วิญญาณที่ผ่านตัวพิมพ์อยู่ตลอด

 

อักขระก็ดี พยัญชนะก็ดี ของคนหนึ่งๆ รวมเป็นรูปประโยคที่สำเร็จขึ้นมาสัก 1ประโยค ทั้งหมดนี้คือ รูปขันธ์ อันเป็นฝ่ายอักขระศาสตร์ปฏิจจสมุปบาทธรรม

และคนหนึ่งๆนั้น ก็จะมีวิญญาณธาตุของตัวเองบรรจุลงไปในทุกๆตัวอักษรโดยที่เจ้าของตัวไม่รู้ ที่คนทั่วๆไปเรียกว่า "ความตั้งใจ ความใส่ใจ ในสิ่งที่ พิมพ์ เขียน" แต่นั้นเป็นเพียงแค่ความรู้ที่ตื้นเขิน ไม่ขออธิบายส่วนนี้เน้อ...มันจะยาว เข้าใจยาก เหอๆ ทั้งหมดนี้คือ นามขันธ์ อันเป็นฝ่ายอักขระศาสตร์ปฏิจจสมุปบาทธรรม

พอผสมปรุงแต่งสำเร็จเป็น รูปประโยค ตามดังใจประสงค์ปราถนา ก็พร้อมที่จะสื่อสาร ปรากฏกายะอักขระเพศ กายะประโยคเพศ รูปขันธ์นามขันธ์อันมีวิญญาณธาตุ(ใจ)ฝังอยู่พร้อมด้วย

ข้อนี้ท่านทั้งหลายก็จะรู้ชัดด้วยปัญญาของตนเองว่า อักขระก็ดี พยัญชนะก็ดี บทก็ดี ประโยคก็ดีของตัวหนังสือทุกๆตัว อันสำเร็จตามใจตนแล้วก็จะมีวิญญาณประจำเสียทั้งสิ้น เพราะท่านทั้งหลายยังสำคัญอยู่ว่า นี้เป็นบทความของเรา เพียงแต่ท่านทั้งหลายไม่กำหนดรู้ และปฏิเสธเท่านั้นเอง

ส่วนวิญญาณที่บรรจุใส่ลงไปในอักขระและพยัญชนะนั้น มีลักษณะอย่างไร ก็จะแสดงให้เห็นรูปวิญญาณลักษณะนั้นๆด้วย อันข้อนี้ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีจักษุมองเห็นละเอียดได้แค่ไหน ถ้าเป็นพวกทิพย์จักษุ ไม่รุ้เรื่องหรอกครับ ต้องเป็นพุทธจักษุประเภทเดียวที่เห็นข้อนี้ชัด และผู้ฝึกพุทธจักษุเท่านั้น (ข้อนี้เชิญสงสัยได้ตามอัธยาศัยนะครับ)เพราะเป็นหลักนิรุตติปฏิสัมภิทาแตกฉานในภาษาของพุทธภูมิ

ฉะนั้น เวลาที่ผู้อ่าน หรือ ผู้ที่เสพบทความหนึ่งๆนั้น
วิญญาณ(ความรู้สึก)ของทั้งสองฝ่ายก็จะเข้าใจกันได้ตามสมควร จะต่อต้าน ปฏิเสธ สมยอม ยินดี พอใจ คล่อยตามหรือลอยตาม ก็ขึ้นอยู่กับบทประโยคว่าใส่วิญญาณมาในรูปแบบไหน หรือบางทีผู้อ่านเข้าใจตามที่เขาผู้นั้นเขียนแต่เบียงเบนความเดิมก็มี ตามแต่เหตุ

ตอบท่าน Komodo ให้ฟังว่า ทุกๆตัวอักษรพยัญชนะนั้นมีวิญญาณของเราฝั่งอยู่ด้วย คือมาจากคนที่เขียนอักษรครับ

ที่จริงเรื่องอักษรศาสตร์เหล่านี้ ยังสามารถบอกสัพพธรรมในรูปจักรวาลอีกมากมาย เช่นบอกรูปคาถาประจำจักรวาลธาตุหนึ่งๆ มีปกติคำว่า นะโม พะโท เป็นต้น เป็นศัพย์ปุงลิงค์เพศชาย นะมะ ธาตุ พะทะ ธาตุ เป็นธาตุที่มีกรรม และไม่มีกรรม ตามแต่เหตุแห่งธรรม "นะ เป็นอักขระคาถาประจำธาตุน้ำ" "โม เป็นอักขระคาถาประจำธาตุดิน" "พะ เป็นอักขระคาถาประจำธาตุไฟ" "ทะ เป็นอักขระคาถาประจำธาตุลม" ก็จะเห็นได้ว่า ในสมัยนี้มักจะเอาคาถาอักขระประจำธาตุมาบริกรรมกันตามสายของตน ได้เห็นผลไปในทางด้านฤทธิ์กันบ้าง ด้านวิปัสสนาบ้าง

 

ผู้ปฏิสัมภิทา

 

ทำไงได้ครับ เป็นไม่ได้ก็จะเป็นให้ได้

 

กรรมดำกับกรรมขาวติดกันอยู่ ตั้งใจแต่จะละแต่กรรมดำ

ก็ไม่ถึงความบริสุทธิ์ของดวงจิตสักที

ลองละกรรมขาว กรรมดำก็ถือว่าได้ละไปด้วย

จิตก็เข้านิพพานเท่านั้นเอง

 

เป็นมนุษย์แค่เดินให้ตรงทางก็ยากแล้ว เพราะมีสัมภาระมากมายรกรุงรัง

 

ถึงคุณ Vera_p

" มาร- "

ในคำนี้ มีธรรมขันธ์ของผม มามากน้อย เพียงใดครับ
และธรรมขันธ์เหล่านั้น มีสัมมาทิฐิ หรือ มิจฉาทิฐิ มากน้อยเพียงใด

ขอขอบคุณมากครับ

ปล. มิใช่คำถามลองภูมิแต่ประการใด แต่เป็นความใคร่รู้

 

ขันธ์ 5 เป็นภาระอันหนัก การแบกภาระไว้ เป็นทุกข์ในโลก

 

ยิ้ม...กริ้ม...

ท่าน....ตีความเข้าโลกของท่านหมดเลยเน๊าะ

 

ผู้ที่ได้แค่ 1 ใน 4 ของวิชานี้ยังไม่เรียกว่าผู้ปฏิสัภิทาน่ะครับท่านustharos

ท่านustharosเองก็พอรู้หลักศาสตร์นี้อยู่บางไม่ใช่เหรอ ขุดขึ้นมาใช้บางก็ได้นะครับ

ก่อนอื่นผมต้องขออภัยกับคำตอบ ที่ผมจะตอบให้ท่านก่อนนะครับ มันอาจจะผิดพลาดไปบ้าง ไม่ตรงกับความรู้สึกของท่านบ้าง ผมจึงขออภัยไว้ล่วงหน้าก่อนนะครับ เพราะผมก็ไม่ได้เป็นผู้รู้ถึงขั้นขนาดใช้พุทธจักษุได้อย่างที่ท่านเข้าใจ แต่ผมก็จะขอตอบตามอำนาจแห่งทิฏฐิของผมเพื่อเป็นการศึกษาร่วมกันนะครับ


คำว่า "มาร" ที่ท่านประสงค์หมายเอา คือ ผู้ขัดขวางความดีภายในธรรมขันธ์ของท่านนั้น ผมขอตอบว่า มีไม่มากหรอกครับ ถึงมีมาก ก็เพราะท่านมีเป้าหมายคือ ที่สุดของความดี

แต่คำว่า "มาร" ในธรรมขันธ์ของท่านที่มีประจำอยู่ตอนนี้ ก็คือความเพ่งโทษตน สำรวจตรวจสอบตน(อาจจะมีเผลอแล็บออกไปตรวจสอบคนอื่นบ้างบางขณะ) ผมเรียกสิ่งนี้ว่า ศีล เพราะเป็นอีกลักษณะด้านหนึ่งของศีลแห่งสัตว์ผู้บำเพ็ญ แต่ท่านมักเรียกลักษณะความต่อต้านที่ท่านเป็นว่า "มาร" และท่านเองก็ชื่นชอบในคำว่า "มาร" เพราะท่านเองก็เห็นคุณของมาร ที่สามารถทำให้ท่านได้เรียนรู้ศึกษาในแง่มุมต่างๆโดยฐานะไม่งมงาย ไม่ไร้เหตุผล ไม่มีที่มาที่ไป

ธรรมขันธ์ของท่านลักษณะนี้ ยังไม่นับเข้าใน สัมมาทิฏฐิหรือมิจฉาทิฏฐิ ว่ามากหรือน้อยเพียงใด เพราะเพิ่งเริ่มต้นกระบวนการต่อสู้คัดเลือกเฟ้นหาธรรมทางจิตภาวะของท่าน แต่มันเป็นสัญญาณฝ่ายดี เป็นสัญญาณการศึกษาธรรมคู่ของท่าน

ขอให้ท่านพิจารณาธรรมคู่ให้แจ้งชัด โดยตั้งตัวเองเป็นฝ่ายมารค่อยตรวจสอบความดีอยู่เสมอๆนะครับ แล้วอย่าเผลอไปต่อต้านใครๆต่อใครเข้าละ มันจะเป็นมิจฉาทิฏฐิไป จะเอาคืนกลับมายาก

คนที่พูดมากในโลกเพราะความรัก1
คนที่พูดมากในโลกเพราะความโลภ1
คนที่พูดมากในโลกเพราะความโกรธ1
คนที่พูดมากในโลกเพราะความหลง1

คนที่พูดมากในโลกเพราะรู้จริง1
คนที่พูดมากในโลกเพราะรู้ไม่จริง1
คนที่ไม่พูดมากในโลกเพราะรุ้จริง1
คนที่ไม่พูดมากในโลกเพราะไม่รู้จริง1

ท่านจะเป็นคนเช่นไรในโลก นี้เป็นคำถามที่ท่านต้องเก็บไว้คิด

มาร คือ ผู้ขัดขวงความดี ในนิยามของคนอื่น แต่นิยามของนั้นท่านไม่ใช่....

ผมจะขอกระซิบบอกธรรมในนิยามของท่านอีกเล็กน้อย คำว่า"มาร" มีได้สูงสุดถึงอรหันตมรรค เชิญท่านทัศนะธรรมตามอัธยาศัยครับ

ผมตอบมากกว่าที่ท่านขอ ต้องขออภัยด้วยนะครับ ผมฟุ้งซ่านในธรรมแล้ว เวรกรรมๆ เหอๆ

 

ถึงคุณ Vera_p

สาธุ สาธุ สาธุ
สมดั่งคำอธิฐาน

" อัน กาลใดๆที่ประมาณมิได้
ถ้าข้าพระพุทธเจ้า มิได้
ตั้ง ตรง ต่อ มรรค มีองค์แปด แล้วไซร้
ขอให้ เหล่าบัณฑิต ครู อาจารย์ กัลยาณมิตรทั้งหลาย ได้โปรดจงช่วยแนะนำ
เพื่อถึงซึ่ง ที่สุดแห่งความดี " ( ดังที่ คุณ Vera_p บอกไว้)

ขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับผม

ทำให้ผมนึกถึงเพลงของคุณบอย โกสิยพงศ์ร้องไว้ครับ ( นอกเรื่องซะเลย )

" ถ้าไม่รู้สึกเจ็บปวด ก็คงไม่รู้ซึ้งถึงความสุขใจ "

ปล. หลงเข้าพกเข้าโพรงศึกษามารธรรม ไปนิด กว่าจะกลับมาได้แต่ละที คงใช้หลายกัปป์ หลายขุมอยู่ บางทีถึงหลาย พุทธันดร ก็มี
เสียดายเวลาทำงาน จริงไหมครับ คุณ Vera_p...


_____________________


บุญกุศลเหล่าใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำจัก จำได้ก็ดี จำไม่ได้ก็ดี ร้อยชาติก็ดี หมื่นชาติก็ดี อสงไขย์ชาติก็ อนันตชาติก็ดี

ข้า พระพุทธเจ้าขอนอบน้อมอำนาจพระพุทธคุณอันไม่มีประมาณแห่งองค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ทั่วทั้งอนันตจักวาล ทั้ง อดีต ปัจจุบัน และอนาคตกาล โดยมีสมเด็จ ภันเต ภควา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมเด็จองค์พระประถม องค์ พระสิริมิตร องค์พระธรรมสามี พระธรรมราชา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระ สิขี ทศพล ญาณที่1 เป็นสมเด็จองค์พระประธาน แห่งองค์พระพุทธคุณ

ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจคุณพระธรรม พระสัจธรรมคำสอนแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ อั้นไม่มีประมาณ เป็นองค์พระธรรมคุณ

ข้า พระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจแห่งองค์พระปัจเจกพุทธคุณ แห่งองค์พระปัจเจกพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ อันไม่มีประมาณ ทั่วทั้งอนันตจักวาล ทุกกาล ทุกกัปป์ ทั้ง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต เป็น องค์พระปัจเจกพุทธคุณ

ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจ แห่งคุณพระสงฆ์ พระสาวกแห่งพระผู้มีพระภาค องค์ภันเต ภควา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ทั่วทั้ง อนันตจักวาล อันไม่มีประมาณ อันหาที่สุด มิได้ เป็น พระสังฆคุณ

ข้า พระพุทธขอน้อมอำนาจ แห่งคุณพระบิดา พระมารดา พระอรหันต์ แห่งบุตร ของสรรพสัตว์ทั้งหลาย และของข้าพเจ้าทุกๆชาติ ทุกๆภพ ทุกๆภูมิ เป็น คุณแห่งบิดาและมารดา

ข้า พระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจแห่งคุณพระอาจารย์ ทุกๆรูป ทุกๆนาม ทุกๆภพ ทุกๆภูมิ ตลอด อดีต ปัจจุบัน และอนาคต มีพระคุณที่ได้ประสิทธิประสาท วิชา สั่งสอนในคุณความดี ตั้งมั่นในสัมมาทิฐิ เป็น
คุณแห่งครูบาอาจารย์

ข้า พระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจแห่งคุณของ พระพรหม และเทพ เทวดา พระยายมราช ทุกรูป ทุกนาม ทุกๆชั้นฟ้า ทั้วทั้ง อนันตจักวาล สากลพิภพ อันไม่มีประมาณ จงร่วมกันบันดาล ปกป้องรักษาและอนุโมทนา

ขอ อำนาจแห่งพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระปัจเจกพุทธคุณ พระสังฆคุณ คุณแห่งบิดา มารดา คุณแห่งครูบาอาจารย์ และ ทวยเทพเทวดาทั้ง โปรดดลบันให้....

กองกุศล ผลบุญ เหล่าใด ทั้งหมด ทั้งมวล
ได้ยังประุโยชน์ แก่ข้าพระพุทธเจ้าฉันใด
ขอให้ถึงแด่ สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกรูป ทุกนาม ทุกภพ ทุกภูมิ ฉันนั้น

ขอให้ได้ร่วมอนุโมทนา ขอให้มีส่วนร่วมในกองกุศลของข้าพเจ้า เพื่อยังผลให้ที่สุดแห่งกองทุกข์ จงหมดสิ้นไปด้วยเทอญ....

 

กว่าจะหายโง่ได้ ก็เล่นเอาเจ็บแสนสาหัสเหมือนกันครับท่าน ไม่ใช่เจ็บสาหัสอย่างเดียวหรือแค่ครั้งเดียวด้วยสิ นี้บอกได้เลยว่า นับได้เป็น แสน ครั้งของความสาหัส เหอๆ

 

ทำไม่ถึงเรียกพระพุทธเจ้า

เมื่อคุณ vera_p ไม่รู้ผมก็จะบอกให้

ที่เรียกพระพุทธเจ้า ก็เพราะในอินเดียเค้าเรียกBuddhaเจ้า มาก่อนเราแล้ว อะไรก็ตามที่มีถานะที่สูง ๆ เค้าจะเรียกพระเจ้า
อย่างคำบุตรดาเจ้า นานไป ก็เป็น พระพุทธเจ้า และ บุตรพระเจ้า

ล้วนแต่แตกคำมาจาก Buddhaเจ้า

พระพุทธเจ้าท่านไม่ขัดคอใคร[.160/B] แต่ท่านเป็นนักปฏิวัติทางความคิดที่ชาญ

ฉลาดและคล่องแคล่วโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ

ให้ศึกษาดูให้ดีท่านเข้าไปเกี่ยวข้องกับใครท่านก็จะต้องไปเปลี่ยนแนวความคิดเดิม ๆ ที่ล้าหลัง ไปสู่ความเป็นอริยเจ้า