พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไข้หวัด 2009 ใกล้ตัวกว่าที่คิด

    ไข้หวัด2009 ไข้หวัดใหญ่ ใกล้ตัวกว่าที่คิด


    [​IMG]


    ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จากศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา

    1. ทำไมต้องระวังไข้หวัดใหญ่ 2009

    [​IMG] ไข้หวัดใหญ่ 2009 ติดต่อง่าย เร็ว ดี เก่งมาก อาจจะเก่งกว่าไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล

    [​IMG] ไข้หวัดใหญ่ 2009 โจมตีทุกกลุ่มอายุ ไม่เฉพาะเด็กต่ำกว่า 5 ขวบหรือคนแก่อายุมากกว่า 65 ปี หรือกลุ่มเสี่ยงได้แก่ ผู้มีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด หลอดลมอ่อนแอ ความดันเลือดสูง เบาหวาน ไตไม่ดี เป็นต้น แต่ยังติดได้ดีในเด็กโต วัยรุ่น จนถึงผู้ใหญ่ที่แข็งแรง 20-50 ปี ที่ไม่มีโรคประจำตัวด้วย

    2. จริงหรือไม่ที่ไข้หวัดใหญ่ 2009 จะเกิดโรคที่รุนแรงเฉพาะในคนที่มีโรคประจำตัว

    ไม่จริงครับ รายงานการวิเคราะห์ไข้หวัดใหญ่ 2009 จากประเทศเม็กซิโกในช่วงหนึ่งเดือนของการระบาด พบว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของคนไข้ที่มีอาการรุนแรง ไม่มีโรคประจำตัวทั้งสิ้น และเกิดปอดบวมต้องใส่เครื่องช่วยหายใจจนถึงเสียชีวิต

    3. การรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด มีประโยชน์หรือไม่

    ไม่มีประโยชน์ใดๆ เพราะไข้หวัดใหญ่ 2009 มีอาการตั้งแต่ อาการ ไอ จาม ครั่นเนื้อครั่นตัว โดยไม่มีไข้ก็ได้ การเฝ้าดูสถานการณ์ ต้องดูที่ผู้ป่วยที่มาด้วยไข้หวัดใหญ่จริงๆ และเริ่มมีอาการมากขึ้นจากไข้หวัดธรรมดา เช่น ปวดเมื่อยทั้งเนื้อทั้งตัว ไข้สูงขึ้นเรื่อยๆ หลังจาก 2-3 วัน มีอาการของระบบอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น อาเจียน ท้องเสีย หรืออาการทางสมอง เช่น ซึม นอนมากขึ้น ปวดศีรษะ เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้ อาจดำเนินรุนแรงขึ้น จนมีปอดบวม หายใจไม่ได้ จนต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และเสียชีวิต

    4. การเฝ้าดูสถานการณ์ของผู้ป่วยอาการมากขึ้นเช่นนี้มีประโยชน์อะไร

    มีประโยชน์ในการดูความเก่งกาจของไวรัสในการยกระดับ และแนวโน้มที่จะระบาดเป็นระลอกสอง เช่นไข้หวัดใหญ่ลามโลก ปี 1918 (H1N1) ปี 1957 (H2N2) และปี 1968 (H3N2) ซึ่งในระลอกสอง อาจพบความรุนแรงมากขึ้นจากอัตราเสียชีวิต 5-15% กลายเป็น 60-80% ทั้งนี้โดยเทียบอัตราการตายในกลุ่มที่เริ่มมีอาการรุนแรง ไม่ใช่นับรวมผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อยเข้าไปด้วย นอกจากนั้น การติดตามจำนวนของผู้ป่วยในแต่ละวันที่มีอาการมาก แม้ไม่ถึงขนาดปอดบวมหรือต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ก็จะช่วยทำให้ประเมินสถานการณ์ได้ดีขึ้น ประโยชน์ที่จะได้อีกประการหนึ่งคือการปรับตัวของโรงพยาบาลในการเตรียมพร้อมรองรับการรักษาพยาบาลผู้ป่วย การเตรียมยา จัดสถานที่อุปกรณ์ และบุคลากรในการดูแลผู้ป่วย

    5. มาตรการที่ต้องพิจารณาในสถานการณ์ปัจจุบัน ควรเป็นอย่างไร

    [​IMG] สร้างความชัดเจนในประเด็นต่างๆ ที่จะสื่อถึงประชาชน ในการขอความร่วมมือไปจนถึงการกำหนดมาตรการภาคบังคับ

    [​IMG] ป้องกันผู้มีโอกาสแพร่เชื้อ ไม่ให้มีโอกาสแพร่ไปสู่ผู้อื่น คนที่มีอาการ ไอ จาม น้ำมูกไหล หวัดแบบไหนก็ตาม ต้องใส่หน้ากากอนามัย ต้องอยู่บ้าน ในบ้านต้องจัดสัดส่วนแยกเท่าที่จะทำได้ ทุกคนในบ้านต้องใส่หน้ากาก ล้างมือแบบถูกต้องเป็นประจำ แยกถ้วยชามแก้วน้ำ ใช้ช้อนกลาง และเฝ้าดูอาการ หากอาการมากขึ้นต้องนำส่งโรงพยาบาล

    [​IMG] เมื่อหยุดงาน หยุดเรียน ปิดสถานที่มีการระบาดตามระยะเวลาที่เหมาะสม เช่น 7 วัน ซึ่งนับรวมระยะที่คนที่ติดเชื้อจะสามารถแพร่ให้คนอื่นได้ตั้งแต่ยังไม่แสดงอาการจนมีอาการแล้ว (แต่ถ้ามีอาการแทรก เช่นปอดบวมระยะแพร่เชื้อก็จะนานกว่านั้น) ที่สำคัญ ต้องกำชับที่การหยุดนั้น ให้คนหยุดอยู่บ้าน ไม่ใช่ไปดูหนัง เดินช้อปปิ้ง

    [​IMG] การล้างมือ ถ้าไม่มีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ใช้น้ำและสบู่ได้ เชื้อที่อยู่ในละออง ฝอยจากการไอจามสามารถอยู่บนพื้นผิวเครื่องใช้ได้นานถึง 2 ชั่วโมง

    6. อาการสำคัญของไข้หวัดใหญ่ 2009

    อาการมีได้ทั้งระบบทางเดินหายใจแบบน้อยๆ ไอ น้ำมูกไหล เจ็บคอ ไม่มีไข้ก็ได้ จนถึงเหนื่อยหอบหายใจเร็ว และปอดบวม แต่อาจพบอาการแบบอื่นๆ โดยไม่มีไอหรือน้ำมูกไหล แต่ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีกล้ามเนื้ออักเสบ ปวดกระดูกร่วมกับไข้หรือมีอาการปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ความดันต่ำ หน้ามืด หรือมีแต่อาการทางสมอง ซึม ไม่รู้ตัวก็ได้

    7. ใครที่ควรต้องตรวจหาเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009

    เนื่องจากไข้หวัดใหญ่ 2009 ในขณะนี้ส่วนใหญ่หายเองได้ จึงควรตรวจใน

    [​IMG] ผู้มีโรคประจำตัว โรคปอด หลอดลม เบาหวาน ความดันเลือดสูง โรคไต อัมพฤกษ์ ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน ที่มีอาการทุกระดับ ไม่จำกัดความรุนแรง

    [​IMG] เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้ใหญ่อายุมากกว่า 65 ปี ไม่จำกัดความรุนแรง

    [​IMG] เด็กอายุมากกว่า 5 ปี และผู้ใหญ่อายุน้อยกว่า 65 ปี เฉพาะที่มีอาการรุนแรงมากขึ้น

    [​IMG] แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางสาธารณสุข ไม่จำกัดความรุนแรง เพราะจะเป็นตัวการแพร่เชื้อแก่ผู้ป่วยในโรงพยาบาล ในการระบาดที่เม็กซิโก พบว่า ในโรงพยาบาลโรคปอดแห่งหนึ่งในเดือนแรก มีหมอ พยาบาลติดเชื้อถึง 22 ราย

    [​IMG] การตรวจไม่ควรเจาะจงเฉพาะไข้หวัดใหญ่ 2009 ต้องแยกว่า ผู้ป่วยมีอาการจากแบคทีเรียไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ไข้หวัดนกหรือไข้หวัดใหญ่ 2009 ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการให้ยา Tamiflu และประเมินสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009 ลามประเทศ

    8. การปิดโรงเรียน ปิดสถานที่ทำงานที่มีคนติดเชื้อ มีประโยชน์หรือไม่

    มีประโยชน์ เนื่องจากไข้หวัดใหญ่ 2009 มีความสามารถสูงในการแพร่จาก 1 คน ไปยังอีก 2-3 คน และคนที่ได้รับเชื้อยังแพร่ให้ผู้อื่นได้ในช่วง 2-3 วันแรกที่ยังไม่แสดงอาการ ดังนั้น แม้ดูอาการปกติก็ยังสามารถถ่ายทอดเชื้อได้ เพราะฉะนั้น เมื่อปิดโรงเรียน ที่ทำงาน นักเรียน คนในที่ทำงานนั้นๆ ต้องอยู่บ้านโดยเคร่งครัด อยู่บ้านเป็นสัดส่วน อย่างน้อย 7 วัน จนแน่ใจไม่ใช่ใช้ช่วงเวลานั้นไปเที่ยว เพราะมีโอกาสแพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัวได้สูง

    9. ยา Tamiflu จะให้บุคคลใดบ้าง

    ผู้มีอาการน้อยจนเหมือนหวัดธรรมดา เช่น ไข้ นํ้ามูกไหล เจ็บคอ ไม่ต้องใช้ยา แต่ถ้าอาการรุนแรงขึ้น คือไข้สูงไม่ลด พาราเซตามอล เอาไม่อยู่ตามรายละเอียดในข้อ 3. จึงจำเป็นต้องได้ยา การให้ยาโดยไม่จำกัด นอกจากจะมีผลข้างเคียง ซึ่งมีอันตราย เช่น มีอารมณ์ผิดปกติจนถึงฆ่าตัวตายได้ เป็นต้น ที่สำคัญคือยังทำให้เชื้อดื้อยาเร็วขึ้น หากมีการระบาดจริง และรุนแรงจะเป็นปัญหาอย่างมาก

    10. ถ้าไม่มีเงินซื้อหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ จะทำอย่างไร

    การใช้ผ้าเช็ดหน้า กระดาษทิชชู่ ปิดปาก จมูก เมื่อมีอาการหวัดอย่างเคร่งครัด ล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ เป็นทางออกที่ดี ไม่ต้องสิ้นเปลืองเพิ่ม ไวรัสจะถูกปล่อยออกมาพร้อมกับละอองฝอยซึ่งทั่วไปมีขนาดมากกว่า 8 ไมครอน และการปิดปากด้วยผ้าหรือกระดาษสามารถลดการแพร่ได้ระดับหนึ่ง ที่สำคัญอีกประการคือ ต้องพยายามละเว้นนิสัยเอามือที่ไม่ได้ล้าง และสัมผัสโต๊ะ ลูกบิดหรือเครื่องใช้ที่มีเชื้อไปป้ายตา จมูก ปาก จนทำให้ติดเชื้อได้

    11. การอยู่ในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ ปลอดภัยหรือไม่

    มีการศึกษาพบว่า ถ้าเครื่องปรับอากาศมีการหมุนเวียนจากอากาศภายนอก 100% มีโอกาสติดเชื้อเพียง 1.8% ถ้าใช้อากาศภายนอก 30-70% มีโอกาสติดเชื้อสูงขึ้นเป็น 13-16%


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Information Center for Emerging Infectious Diseases, Faculty of Medicine, Chulalongkorn University - Home
     
  2. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    หน้าตาของเชื้อไข้หวัด 2009
    รู้จักกับไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ของโลก

    ดร.แนนซี่ ค็อกซ์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยไข้หวัดใหญ่ ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐ กล่าวว่า ไวรัสไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ชนิด A H1N1 นี้ มีลักษณะพันธุกรรมหรือยีน ที่ประกอบด้วยเชื้อไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์รวมอยู่ด้วยกัน ได้แก่ เชื้อไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์ เชื้อไข้หวัดนกที่พบในทวีปอเมริกาเหนือ และ เชื้อไข้หวัดหมูที่พบบ่อยในทวีปยุโรปและเอเชีย


    [​IMG]


    โดยสันนิษฐานเบื้องต้นว่า เชื้อไข้หวัดพันธุ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม หรือ Antigenetic Shift โดยมีหมูที่เป็นพาหะนำโรค โดยการถูกเชื้อไวรัสไข้หวัดนก ไข้หวัดหมู และไข้หวัดใหญ่ เข้าไปอยู่ในตัว ต่อมาเซลล์ในตัวหมูถูกไวรัสตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปโจมตี ทำให้หน่วยพันธุกรรมไวรัสดังกล่าวผสมปนเปกันระหว่างการแบ่งตัว กลายเป็นเชื้อพันธุ์ใหม่ขึ้นมา

    ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานว่า นายเอเดรียน กิบส์ ผู้มีส่วนร่วมในการวิจัยพัฒนายาต้านไวรัส ทามิฟลู ของบริษัทโรช และเป็นผู้ศึกษาวิวัฒนาการของเชื้อโรคมาเป็นเวลานานถึง 40 ปี เป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์รายแรกๆที่วิเคราะห์ส่วนประกอบทางด้านพันธุกรรมเปิดเผยว่า เขาตั้งใจที่จะตีพิมพ์รายงานที่มีข้อมูลบ่งชี้ว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ จากไข่ที่นักวิทยาศาสตร์ใช้เพาะไวรัสและบริษัทยาได้นำไปใช้เพื่อผลิตวัคซีนก็เป็นได้

    โดยนายกิบส์กล่าวว่า การชี้เบาะแสของต้นตอไวรัสอาจจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ทำความเข้าใจไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้ดีขึ้น ทั้งในเรื่องของการแพร่เชื้อและสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย ซึ่งขณะนี้องค์การอนามัยโลกอยู่ในระหว่างการพิจารณารายงานฉบับนี้
     
  3. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    ใครๆ ก็เรียก ท่านปาทาน คุณหนุ่ม ครับ หุ หุ
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ต้องระมัดระวังเรื่องของสุขภาพกันให้ดีๆนะครับ

    ผมพึ่งไปรับ วิตามินซี ที่ผมฝากน้องหมอซื้อ และ วิตามินรวม ที่จะถวายพระอาจารย์นิล ในวันประชุมชมรมรักษ์พระวังหน้า กันครับ

    .
     
  5. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583
    ตกลงผมจาขับคันนี้ไปนะครับถ้าเห็นรถคันนี้ขอบอกว่าใช่เลยครับผมแน่นอนไม่ผิดตัวครับ ฮิฮิฮิฮิฮิฮิ he llo _car
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • c509d55.jpg
      c509d55.jpg
      ขนาดไฟล์:
      164.3 KB
      เปิดดู:
      76
  6. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    หุ..หุ.. เขาหนุ่มเสมอ แต่อีก ๕ ปี เขาจะเป็นแบบนี้ อิ..อิ...

    [​IMG]

    รูปที่ 1 ภาพตัวอย่างโปรแกรม “กระจกวิเศษ” ของบริษัทแอคเซ็นเจอร์เทคโนโลยีแสดงให้เห็นว่าถ้ายังคงสูบบุหรี่และมีพฤติกรรมเสี่ยงทางสุขภาพต่อไป ในอนาคตอีกเพียง 5 ปีข้างหน้าจะมีหน้าตาเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง


    เรียนคุณ สิทธิพงศ์
    เกี่ยวกับเรื่อง สูบบุหรี่ ยอมรับครับผมสูบวันละซองเครียดกับงานประจำเลยยอมรับครับว่ายังไม่สามารถเลิกได้เคยเลิกไปครั้งหนึ่งประมาณ 3 ปีเครียดมากก็เลยสูบอีกทุกวันนี้เลยมีอาการไอตลอดไปตรวจทีไรหมอบอกให้เลิกแต่เนื่องจากผมเป็นคนหัวดื้อก็เลยไม่ค่อยเชื่อหมอครับหมอว่าน่าจะเป็นถุงลมโป่งระยะแรกครับไปคราวนี้ผมก็เลยว่าจะหาผ้าปิดจมูกไปด้วยครับเพื่อความสบายใจครับ
    แต่ที่ทำงานผมไม่คยใช้ไม่ว่าจะประชุมกับระดับผู้บริหารของบริษัททุกสาขาเพราะผมเป็นคนแข็งแรงและไอเพราะคันคอมาเกือบ 5 แล้วครับ
    เพื่อความสบายใจเมื่อเช้าผมเลยให้หมอตรวจสุขภาพผลคือ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น แต่ช่วยเลิกสูบบุหรี่ก็จะดีมาก คิดว่าจะพยายามเพื่อหมอครับ ฮิฮิฮิฮิ(smile)
     
  7. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    เหมาะสมกับท่านผู้บริหารอย่างคุณมูริญโญ่ มากๆเลย ครับ:cool:
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมจะได้ไปขอนั่งมั่งครับ หุหุหุ

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    11 คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

    ไข้หวัด2009 11 คำถามที่พบบ่อยใน ไข้หวัดใหญ่


    [​IMG]



    ข้อมูลไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 (สำนักจัดการความรู้ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข)


    [​IMG] 1. หากเรามีอาการป่วยสงสัยจะเป็นไข้หวัดใหญ่ เราควรรีบไปพบแพทย์ทันทีหรือไม่?

    ตอบ
    หากเรามีอาการป่วยสงสัยจะเป็นไข้หวัดใหญ่ให้ตรวจสอบว่าเราจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ นั่นคือ เราเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอดเรื้อรัง โรคหลอดเลือดหัวใจ หอบหืด เป็นต้น

    * ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ติดเชื้อเอ็ชไอวี ผู้ป่วยโรคเลือด ผู้ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน เป็นต้น
    * หญิงตั้งครรภ์
    * ผู้ที่เป็นโรคอ้วน
    * กลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปี
    * เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี

    เราเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่โรคจะรุนแรง เราควรรีบไปพบแพทย์

    หากเราไม่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เรายังไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ในทันที เราสามารถพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านได้ รับประทานยาตามอาการ เช่น ถ้ามีไข้ ก็ให้รับประทานยาพาราเซตตามอล และเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น หรือถ้ามีอาการไอมาก ก็ให้ดื่มน้ำมากๆ เป็นต้น หากไข้ไม่ลด อาการไม่ดีขึ้นภายใน 3 วัน หรือเริ่มมีอาการที่บ่งว่าจะมีอาการรุนแรง (เช่น ผู้ป่วยที่หายใจเร็ว (อายุน้อยกว่า 2 เดือน หายใจเร็วกว่า 60 ครั้งต่อนาที อายุ 2 เดือนถึง 1 ปี หายใจเร็วกว่า 50 ครั้งต่อนาที อายุ 1-5 ปีหายใจเร็วกว่า 40 ครั้งต่อนาที อายุมากกว่า 5 ปีหายใจเร็วกว่า 30 ครั้งต่อนาที) ไข้ไม่ลดใน 3 วัน อาเจียนมาก รับประทานอาหารไม่ได้ เป็นต้น) จึงควรไปพบแพทย์

    หากเราไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงจากการป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ การไปพบแพทย์จะทำให้เราเพิ่มความเสี่ยงในการรับเชื้อจากผู้ป่วยอื่นที่โรงพยาบาล และยังไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ เพิ่มเติม เนื่องจากแพทย์ก็จะแนะนำให้เรากลับมาพักฟื้นที่บ้าน ให้ยารักษาตามอาการ และแนะนำให้เราคอยเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของอาการของโรคอยู่ดี


    [​IMG] 2. เราจำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัสหรือไม่?

    ตอบ
    เนื่องจากผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้ส่วนใหญ่จะหายได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัส กระทรวงสาธารณสุข จึงไม่ได้แนะนำให้ใช้ยาต้านไวรัสในผู้ป่วยที่สงสัยจะป่วย ด้วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 การให้ยาอย่างกว้างขวางในผู้ที่ไม่จำเป็นต้องได้รับยา นอกจากจะเป็นการสิ้นเปลืองแล้ว ยังอาจจะทำให้เชื้อดื้อยาได้เร็วขึ้นอีกด้วย

    กลุ่มผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับยา ได้แก่

    1. ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่โรคจะรุนแรง ได้แก่
    * ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอดเรื้อรัง โรคหลอดเลือดหัวใจ หอบหืด เป็นต้น
    * ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ติดเชื้อเอ็ชไอวี ผู้ป่วยโรคเลือด ผู้ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน เป็นต้น
    * หญิงตั้งครรภ์
    * ผู้ที่เป็นโรคอ้วน
    * กลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปี
    * เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี

    2. ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง (เช่น ผู้ป่วยที่หายใจเร็ว (อายุน้อยกว่า 2 เดือน หายใจเร็วกว่า 60 ครั้งต่อนาที อายุ 2 เดือนถึง 1 ปี หายใจเร็วกว่า 50 ครั้งต่อนาที อายุ 1-5 ปีหายใจเร็วกว่า 40 ครั้งต่อนาที อายุมากกว่า 5 ปีหายใจเร็วกว่า 30 ครั้งต่อนาที) หายใจลำบาก เหนื่อย หอบ อาเจียนมาก รับประทานอาหารไม่ได้ เป็นต้น

    3. ผู้ป่วยที่อาการไข้หรืออาการป่วยไม่ดีขึ้นใน 3 วัน

    [​IMG]3. หากเราป่วยด้วยอาการที่คล้ายไข้หวัดใหญ่ เราจำเป็นต้องได้รับการตรวจเพื่อยืนยันเชื้อหรือไม่?

    ตอบ
    ในปัจจุบันที่เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 ได้ระบาดขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ การตรวจว่าเราติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 หรือไม่มีความจำเป็นน้อยลงมาก การตรวจหรือไม่ตรวจไม่ได้เปลี่ยนแปลงแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วย ดังนั้น ในปัจจุบันในพื้นที่ที่มีการยืนยันการแพร่ระบาดของโรคชัดเจนแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีการตรวจยืนยันการติดเชื้อก่อนให้การรักษาแต่อย่างใด


    [​IMG] 4. ในปัจจุบัน ได้มีโรงพยาบาลโดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง ได้แนะนำให้ผู้ป่วยตรวจคัดกรองการติดเชื้อ ด้วยชุดการตรวจสอบการติดเชื้อที่ให้ผลเร็ว หากเราป่วยด้วยอาการที่คล้ายไข้หวัดใหญ่ เราควรตรวจด้วยชุดทดสอบให้ผลเร็วเหล่านี้หรือไม่

    ตอบ
    ไม่จำเป็น การตรวจหรือไม่ตรวจไม่ได้เปลี่ยนแปลงแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วย นั่นคือ ไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไร แนวทางการรักษาก็ยังคงเป็นเช่นเดิม (เหมือนข้อ 1)

    นอกจากจะเป็นการสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็นแล้ว การตรวจดังกล่าวยังไม่ถือเป็นวิธีที่มาตรฐาน กล่าวคือ การตรวจยังมีความผิดพลาดค่อนข้างสูง นั่นคือ หากมีผู้ป่วยที่ป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 จริง 100 คน การตรวจด้วยชุดทดสอบให้ผลเร็วจะให้ผลบวกถูกต้องน้อยกว่า 50 คน นั่นคือ ชุดทดสอบจะบอกว่าผู้ป่วยไม่ติดเชื้อสูงถึงกว่า 50 คนทั้งที่ผู้ป่วยติดเชื้อ การให้ผลผิดพลาดที่สูงมากขนาดนี้ อาจทำให้ผู้ป่วยที่ป่วยจริงเมื่อทราบผลว่าตัวเองไม่ติดเชื้อวางใจ ไม่ดูแลรักษาตัวเองหรือไม่ติดตามเฝ้าระวังอาการของตัวเองให้เหมาะสม จนอาจเกิดอาการรุนแรงตามมาได้

    [​IMG] 5. เราควรพักฟื้นอยู่ที่บ้านนานเท่าไหร่?

    ตอบ
    ผู้ป่วยควรหยุดงานและพักฟื้นอยู่กับบ้าน หลีกเลี่ยงการพบปะ คลุกคลีกับผู้อื่นเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน หากครบ 7 วันแล้วยังคงมีอาการบางอย่างหลงเหลืออยู่บ้าง ก็ให้พักฟื้นอยู่กับบ้าน และหลีกเลี่ยงการพบปะ คลุกคลีกับผู้อื่นต่อไปอีก จนกว่าอาการจะหายสนิทแล้ว 1 วัน

    [​IMG] 6. ผู้ที่เป็นโรคอ้วนเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงหรือไม่?

    ตอบ

    ผู้ที่เป็นโรคอ้วนมีโอกาสจะเกิดอาการรุนแรงได้สูงกว่าคนปกติทั่วไปที่แข็งแรงดี ดังนั้นหากผู้ที่เป็นโรคอ้วนป่วยด้วยอาการที่สงสัยจะเป็นไข้หวัดใหญ่ ก็ควรไปพบแพทย์ทันที

    [​IMG] 7. หากเราเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรง และยังไม่ติดเชื้อ เราควรต้องป้องกันอะไรเป็นพิเศษ (เช่น การสวมใส่หน้าการอนามัย) หรือไม่?

    ตอบ

    ไม่จำเป็นต้องป้องกันอะไรเพิ่มเติมเป็นพิเศษ และไม่จำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยในที่ชุมชน เนื่องจากหน้ากากอนามัยไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ หน้ากากอนามัยเป็นเพียงเครื่องมือที่ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ (นั่นคือ ผู้ที่ควรสวมใส่คือผู้ป่วย)

    การล้างมือบ่อยๆ และการหลีกเลี่ยงการขยี้ตา แคะจมูก หรือนำนิ้วเข้าปาก

    เพื่อลดโอกาสการนำเชื้อจากมือเข้าสู่ร่างกาย เป็นมาตรการในการป้องกันโรคที่สำคัญในกลุ่มผู้ที่ยังไม่ป่วย นอกจากนี้กลุ่มประชากรกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำมากๆ ควร

    1. หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด หรือสถานที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก
    2. หลีกเลี่ยงการไปเยี่ยมผู้ป่วยที่สงสัยว่าจะป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่

    [​IMG] 8. หากเราไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง แปลว่าเราจะไม่มีโอกาสเสียชีวิตใช่หรือไม่

    ตอบ

    ไม่ใช่ผู้ป่วยที่ไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็มีโอกาสเสียชีวิตเช่นกัน แต่โอกาสที่จะมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตในกลุ่มที่ไม่ได้มีความเสี่ยงจะต่ำกว่ากลุ่มเสี่ยง ข้อมูลจากประเทศสหรัฐอเมริกา แสดงว่าร้อยละ 30 ของผู้ที่เสียชีวิตทั้งหมดเป็นผู้ที่ไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง และมีสุขภาพแข็งแรงก่อนที่จะป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1


    [​IMG] 9.ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ในไทย ขณะนี้มีพอเพียงหรือไม่

    ตอบ

    ในปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ได้สำรองยาต้านไวรัสโอโซลทามิเวียร์ไว้จำนวนหนึ่ง (ประมาณ 400,000 เม็ด) และมีแผนจะจัดซื้อเพิ่มตามความจำเป็น ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขได้สำรองยาไว้เพียงพอสำหรับการใช้กับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับยา ตามแนวทางการใช้ยาต้านไวรัสที่ได้กล่าวถึงแล้วข้างต้น (ข้อ 2)


    [​IMG] 10. สมาชิกในครอบครัวที่สบายดี ไม่ป่วย ควรใส่หน้ากากอนามัยหรือไม่

    ตอบ
    ผู้ที่ควรสวมใส่หน้ากากอนามัยคือผู้ป่วย เนื่องจากการใส่หน้ากากอนามัยสามารถป้องกันการกระจายของน้ำมูกและน้ำลายเวลาที่ผู้ป่วยไอหรือจามได้ดี กระทรวงสาธารณสุขไม่แนะนำให้สวมใส่หน้ากากอนามัยในผู้ที่ยังไม่มีอาการป่วย


    [​IMG] 11.หากมีสมาชิกในครอบครัวป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ควรนำสมาชิกคนอื่นๆ ที่ยังไม่ป่วยไปฉีดวัคซีนหรือไม่

    ตอบ

    ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 ได้ วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลไม่สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 ได้ ซึ่งคาดว่าประเทศไทยน่าจะมีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 อย่างเร็วที่สุดในช่วงปลายปี พ.ศ. 2552

    อย่างไรก็ดีการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาลก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับกลุ่มเสี่ยง แต่ต้องเข้าใจว่าการฉีดวัคซีนที่แนะนำนี้ เป็นการฉีดเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาล ไม่ใช่เพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่


    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สปส. ลดเงินสมทบ เหลือร้อยละ 3

    ��Сѹ�ѧ�� ʻ�. Ŵ ��Թ���� ��Сѹ�ѧ�� ����������� 3 ���� 6 ���͹


    [​IMG]

    สปส. ลดอัตราเงินสมทบ เหลือร้อยละ 3 งวด ก.ค.52 - ธ.ค.52 (มติชนออนไลน์)

    สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดเผย เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมว่า สำนักงานประกันสังคมได้มีมาตรการ "ลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม" เพื่อเป็นการบรรเทาภาระให้กับนายจ้างผู้ประกันตน สนองตอบต่อมาตรการบรรเทาปัญหาการเลิกจ้างของกระทรวงแรงงาน ในการลดค่าครองชีพตามมาตรการ "3 ลด 3 เพิ่ม" จากเดิมฝ่ายละร้อยละ 5 ของค่าจ้าง เป็นฝ่ายละร้อยละ 3 ของค่าจ้าง ส่วนรัฐบาลจ่ายเงินสมทบในอัตราร้อยละ 2.75 เท่าเดิม โดยจะเริ่มลดอัตราเงินสมทบ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2552 และสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2552 ซึ่งวันที่ 1 มกราคม 2553 ให้นายจ้างนำส่งเงินสมทบในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตน ฝ่ายละร้อยละ 5 เช่นเดิม

    ดังนั้น การนำส่งเงินสมทบของงวดเดือนกรกฎาคม ถึงงวดเดือนธันวาคม 2552 (6 งวด) นายจ้างจะต้องนำส่งเงินสมทบในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัด จากเดือนที่มีการจ่ายค่าจ้าง ในอัตราฝ่ายละร้อยละ 3 ของค่าจ้าง เช่น ค่าจ้างงวดเดือนกรกฎาคม 2552 นายจ้างจะต้องนำส่งเงินสมทบในอัตราฝ่ายละร้อยละ 3 ของค่าจ้าง (ฐานค่าจ้าง 15,000 บาท นายจ้างจะต้องนำส่งเงินสมทบในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตนเดือนละ 450 บาท) แต่สำหรับ ค่าจ้างงวดเดือนมกราคม 2553 นายจ้างจะต้องนำส่งเงินสมทบ ในอัตราฝ่ายละร้อยละ 5 ของค่าจ้าง (ฐานค่าจ้าง 15,000 บาท นายจ้างจะต้องนำส่งเงินสมทบในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตนเดือนละ 750 บาท) ตามเดิม

    สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 (ผู้ประกันตนโดยสมัครใจ) ได้กำหนดลดอัตราเงินสมทบ จากเดิมร้อยละ 9 ของค่าจ้าง (ฐานค่าจ้าง 4,800 บาท) ลดเหลือร้อยละ 5 ของค่าจ้างเช่นกัน ดังนั้นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ที่นำส่งเงินสมทบเดิม 432 บาท เป็นนำส่งเงินสมทบ เดือนละ 240 บาท ตั้งแต่งวดเดือน กรกฎาคม 2552 และสิ้นสุดที่งวดเดือน ธันวาคม 2552 เป็นระยะเวลา 6 งวด ทั้งนี้ งวดเดือน มกราคม 2553 ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ให้นำส่งเงินสมทบ เดือนละ 432 บาท เช่นเดิม

    หากนายจ้างและผู้ประกันตนมีข้อสงสัย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่/จังหวัด/สาขาทั่วประเทศ หรือ โทร.1506 ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง ให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุด ตั้งแต่เวลา 07.00 – 19.00 น.หรือ ติดต่อระบบโทรศัพท์ ตอบรับอัตโนมัติให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง หรือดูรายละเอียดได้ที่ sso.go.th





    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก sso.go.th
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ทลายแก๊งไต้หวัน ตุ๋น 100 ล้าน - เอทีเอ็ม

    �������������ѹ ���� 100 ��ҹ - �ͷ�����


    [​IMG]


    ทลายแก๊งไต้หวัน ตุ๋น100 ล.- เอทีเอ็ม (ข่าวสด)

    "ดีเอสไอ" บุกทลายแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติรวม 14 คน พร้อมของกลางมือถือเกือบ 100 คอมพิวเตอร์อีก 5 เครื่อง แฉเป็นพวกไต้หวัน-จีน-พม่า อ้างเป็น จนท.รัฐ-สถาบันการเงิน ตั้งสนง.ในประเทศไทย แล้วโทรศัพท์ลวงเหยื่อในจีน-ไต้หวัน รวมทั้งประเทศอื่นๆ ในเอเชียให้โอนเงินผ่านเอทีเอ็ม มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

    เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผบช.สำนักกิจการต่างประเทศ และคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ พ.ต.อ.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผกก.สน.บางนา นายสมชาย พิชิต

    สุรกิจ เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมการทุจริตเกี่ยวกับบัตรเอทีเอ็ม ธนาคารกสิกรไทย และผู้แทนจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติเป็นชาวไต้หวัน ชาวจีน และชาวพม่ารวม 14 คน

    พร้อมของกลาง ประกอบด้วย เครื่องโทรศัพท์มือถือ 70 เครื่อง, เครื่องคอมพิวเตอร์ 5 เครื่อง, อุปกรณ์ติดตั้งระบบโทรศัพท์ VOIP, เอกสารบทสนทนาที่เตรียมไว้สำหรับพูดหลอกลวงประชาชน และคำให้การกับเจ้าหน้าที่หากถูกจับกุมตัวเป็นจำนวนมาก โดยกล่าวหาเป็นบุคคลต่างด้าว หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต

    พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า กลุ่มคนร้ายแก๊งนี้ตั้งสำนักงานคอล เซ็นเตอร์ (call center) ในประเทศไทย โดยสุ่มโทรศัพท์หาผู้เสียหายที่ประเทศจีนและไต้หวัน ผ่านระบบ VOIP (Voice Over Internet Protocal) ระหว่างประเทศ โดยอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือสถาบันการเงิน หลอกลวงผู้เสียหายให้โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มเข้าบัญชีของกลุ่มผู้ต้องหาที่เปิดเตรียมไว้ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับความเสียหายจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท โดยกลุ่มผู้ต้องหาจะโทรศัพท์หลอกลวงให้โอนเงินในประเทศจีน, ไต้หวัน และประเทศในภูมิภาคเอเชียอีกหลายประเทศและมีเครือข่ายสำนักงานคอล เซ็นเตอร์ในต่างประเทศ โดยมีลักษณะเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ

    ต่อมาเมื่อวันที่ 15 ก.ค.เวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่สำนักกิจการต่างประเทศ และคดีอาชญา กรรมระหว่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.บางนา จับกุมนายเจิ้น หมิง ซวิน กับพวกรวม 14 คน ที่บ้านเลขที่ 21/753 หมู่บ้านบางนาวิลล่า ซอยบางนา-ตราด 16 แขวงบางนา เขตบางนา กทม. พร้อมของกลางจำนวนมาก

    พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นตั้งข้อกล่าวหาเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาหลอกลวงและฉ้อโกงเงินนั้น อยู่ระหว่างประสานผู้เสียหายในต่างประเทศ ทั้งนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษประสานงานกับสถานกงสุลไต้หวันและสถานเอกอัครราชทูตอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องติดตามผู้ได้รับความเสียหายในต่างประเทศและดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาที่อยู่ในต่างประเทศเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีต่อไป

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากมีพลเมืองดีแจ้งไปยังสน.บางนา ว่า บ้านพักของกลุ่มผู้ต้องหาในหมู่บ้านบางนาวิลล่า มีบุคคลต่างด้าวเข้า-ออกจำนวนมากจนน่าสงสัย สน.บางนาจึงประสานไปยังดีเอสไอสืบสวนโดยส่งสายปลอมตัวเป็นคนขับแท็กซี่ไปจอดใกล้ๆ บ้านกลุ่มต้องหา กระทั่งกลุ่มผู้ต้องหา 2 คนหลงกลเรียกใช้บริการ และพูดคุยกันเป็นภาษาจีนบนรถ โดยระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ที่แฝงตัวเป็นโชเฟอร์แท็กซี่บันทึกเสียงไว้นำไปให้ล่ามแปลกระทั่งรู้ข้อมูลนำไปสู่การจับกุมได้ดังกล่าว



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สธ.เตือน ระวัง 15 โรคร้าย มากับหน้าฝน

    สธ.เตือน ระวัง 15 โรคร้าย มากับหน้าฝน


    [​IMG]

    สธ.เตือนระวัง 15 โรคร้าย มากับหน้าฝน (ไทยรัฐ)

    รมว.สธ.เตือนคนไทยระวัง 15 โรคระบาดง่าย ในฤดูฝน ชี้อันตรายไม่แพ้หวัด 09 ปลัดฯ สธ.เผย เดือนเดียวตายแล้ว 13 ราย อธิบดีกรมควบคุมโรคแนะวิธีป้องกันตัวเบื้องต้น

    การระบาดของโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิดเอ/เอช 1 เอ็น 1 ในไทยยังควบคุมไม่ได้มีผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์เช่นนี้ ทุกคนต้องดูแลตัวเองไม่ให้ ติดเชื้ออย่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลฝ่ายเดียว ขณะเดียวกันในฤดูฝนนี้ ยังมีโรคอีกหลายชนิดสามารถแพร่ระบาดได้ง่าย รวดเร็วและมีโอกาสทำให้คนป่วยเสียชีวิตเช่นเดียวกับไข้หวัด 2009

    นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนทำให้โรคหลายชนิดแพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว โดยเฉพาะ 15 โรคสำคัญ ที่ต้องเฝ้าระวังช่วงนี้ เช่น โรคไข้เลือดออก ฉี่หนู ไข้หวัดใหญ่ มาลาเรีย อุจจาระร่วงเฉียบพลัน บิด ไข้สมองอักเสบเจอี เยื่อบุตาอักเสบ หรือ ตาแดง ปอดอักเสบและไข้หวัดนก นอกเหนือจากไข้หวัด 2009 ที่เป็นโรคอุบัติใหม่

    รมว.สาธารณสุข กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ส.ค.นี้ เป็นช่วง 90 วันอันตรายได้สั่งให้สาธารณสุขจังหวัดและโรงพยาบาลทุกแห่งเฝ้าระวังเป็นพิเศษให้แพทย์ตรวจคัดกรองผู้ป่วยโดยละเอียด รวมทั้งโรคที่ต้องติดตามและเฝ้าระวังต่อเนื่อง 2 โรค คือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ซึ่งเป็นโรคระบาดใหม่และไข้หวัด นกที่มีแหล่งระบาดมาจากสัตว์ปีกหลังไม่พบติดเชื้อในคนมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว แต่ประมาทไม่ได้

    นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ได้ออกประกาศเตือนประชาชน ป้องกันโรคติดต่อที่เกิดในฤดูฝน ส่งให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ทั่วประเทศ ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนในการป้องกัน โดยมี 5 กลุ่มรวม 15 โรค ได้แก่

    1. กลุ่มโรคติดต่อของระบบทางเดินอาหาร ที่พบบ่อย ได้แก่ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน บิด ไทฟอยด์ อาหารเป็นพิษ ตับอักเสบ สาเหตุเกิดจากกินอาหารดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค หรือ กินอาหาร สุกๆ ดิบๆ

    2. โรคติดเชื้อผ่านทางบาดแผลหรือเยื่อบุผิวหนังที่พบบ่อย คือ โรคเลปโตสไปโรซิส หรือ ไข้ฉี่หนู อาการเด่น คือ ไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ มักปวดกล้ามเนื้อบริเวณน่องและโคนขาอย่างรุนแรงและตาแดง

    3. กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจที่พบบ่อยได้แก่ โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบหรือปอดบวม อาการเริ่มจากไข้ ไอ หายใจเร็ว หรือ หอบเหนื่อย

    4. กลุ่มโรคติดต่อที่เกิดจากยุง ที่สำคัญ 3 โรค คือ ไข้เลือดออก มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งกว่าร้อยละ 80 เป็นยุงลายที่อยู่ในบ้าน ไข้สมองอักเสบเจอี มียุงรำคาญ มักแพร่พันธุ์ในแหล่งน้ำตามทุ่งนาเป็นตัวนำโรค และโรคมาลาเรีย มียุงก้นปล่องที่อยู่ในป่า เป็นพาหะนำโรค

    ทั้ง 4 โรคนี้ อาการเริ่มจากมีไข้สูง ปวดศีรษะมาก คลื่นไส้อาเจียน โดยเฉพาะโรคไข้สมองอักเสบ อาจทำให้พิการภายหลังได้

    5. โรคเยื่อบุตาอักเสบหรือโรคตาแดง ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสที่อยู่ในน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา

    นอกจากนี้ นพ.ปราชญ์ ยังเปิดเผยถึงการเฝ้าระวัง 15 โรค ที่เกิดในฤดูฝน ตลอดเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย เสียชีวิตจากปอดบวม 8 ราย อุจจาระร่วงเฉียบพลัน 3 ราย ไข้เลือดออกและไข้สมองอักเสบ อย่างละ 1 ราย สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้ ขณะเดียวกัน ในช่วงหน้าฝนต้องระวังอีก 2 เรื่อง คือ ปัญหาน้ำกัดเท้าที่เกิดจากเชื้อรา สาเหตุเกิดจากการแช่น้ำสกปรกนานๆ และอันตรายจากสัตว์มีพิษ เช่น งู ตะขาบ แมลงป่อง ที่หนีน้ำมาอาศัยในบริเวณบ้าน

    ขณะที่ นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าอาการนำของโรคติดเชื้อมีลักษณะเด่นหลักๆ คือ อาการไข้ ดังนั้น ช่วงนี้ หากมีไข้สูงและเช็ดตัวหรือกินยาลดไข้แล้วไม่ดีขึ้น หรือไข้ยังไม่ลดภายใน 3 วัน ต้องไปพบแพทย์ ไม่ควรซื้อยาปฏิชีวนะกินเอง โดยเฉพาะถ้าเป็นกับเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว

    อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่ายาลดไข้ต้องระมัดระวังการใช้กับโรคในฤดูฝน คือ ยาจำพวก แอสไพริน ห้ามกินอย่างเด็ดขาด เพราะมีอันตรายกับบางโรค ที่สำคัญ 3 โรคคือ โรคไข้เลือดออก โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคไข้ฉี่หนู ซึ่งโรคดังกล่าว ทำให้มีเลือดออกตามอวัยวะต่างๆ ในร่างกายอยู่แล้ว หากได้รับยาแอสไพริน ซึ่งมีสารป้องกันเลือดแข็งตัวเข้าไปอีก จะทำให้เลือดออกได้ง่ายขึ้นทำให้เสียชีวิตได้ง่าย

    สำหรับการป้องกันโรคในฤดูฝนนั้น นพ.มล.สมชาย กล่าวว่า ขอให้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ สวมเสื้อผ้ารักษาร่างกายให้อบอุ่น เพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรค รวมทั้งควรดื่มน้ำสะอาด รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ๆ ไม่มีแมลงวันตอมและล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาดก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ





    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ถ้ากระเป๋าใส่กล่องพระไม่เต็ม ผมจะติด พระพิมพ์ "พิมพ์หลวงพ่อปาน" แต่รุ่นนี้ยังเป็นรุ่นที่ไม่ทันสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี แต่องค์ผู้อธิษฐานจิต ก็ไม่ธรรมดาครับ

    อยากทราบองค์ผู้อธิษฐานจิต ไว้ผมนำไป อย่าลืมถามนะครับว่า องค์ผู้อธิษฐานจิตคือองค์ไหนบ้าง หุหุหุ

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ลืมบอกไปว่า ผมเองมีนิดหน่อย มีไม่เยอะครับ แค่พันกว่าองค์เท่านั้นครับ
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระวังหน้า ที่ได้ค้นพบตั้งแต่อดีตที่ท่านอาจารย์ประถม ได้พบมา จนถึงวันนี้ มีมากมายหลายพิมพ์ หลายรุ่น บางรุ่น(หลายรุ่นมากๆ)ท่านอาจารย์ประถม ก็พึ่งได้เคยพบ เคยเห็น ก็มีบ่อย

    ท่านที่สมัครชมรมรักษ์พระวังหน้า ค่อยๆทยอยศึกษากันไป ระยะเวลาผมบอกได้แต่ว่า ต้องใช้ระยะเวลาที่นานพอสมควร ต้องดูและศึกษากันให้ละเอียด ที่สำคัญ หากได้ผ่านตาทุกๆวัน จะดีมาก เพราะจะได้จำเนื้อหาทรงพิมพ์อย่างแม่นยำ ส่วนพลังพุทธคุณ(องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระเมตตาอธิษฐานจิต) และพลังอิทธิคุณ(องค์พระอรหันต์ ,พระโพธิสัตว์ และองค์อภิญญาใหญ่มีพระเมตตาอธิษฐานจิต) ที่บางท่านสามารถตรวจสอบได้ หรือ ตรวจสอบเป็น ก็ค่อยๆศึกษากันเพิ่มเติมไป

    โมทนาสาธุครับ
     
  19. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768

    ขนาดบอกไม่เยอะนะครับ

    บางคนต้องสะสมไม่รู้กี่ชาติถึงจะมีเท่าครึ่งเศษเสี้ยวของคุณหนุ่ม
     
  20. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768

    คุณหนุ่มอย่าลืมหนังสือติดไปด้วยนะครับ

    จะได้ขอนั่งศึกษาบ้างครับ

    ขอบคุณล่วงหน้าครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...