พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ยินดีครับพี่มูริญโญ่ และคุณสมบัติ

มีของดีเราพี่น้องต้องแบ่งกันอยู่แล้วครับ

 

ก็อย่างว่าแหละครับ พระท่านมีเจ้าของอยู่แล้วอะนะ เหมือนอย่างกรณีตระกรุดโสณะ-อุตร ใช่มั๊ยครับท่าน? แล้วพี่ใหญ่ได้บอกอะำไรเพิ่มเติมมั๊ยครับ ว่า ดี แรง พิเศษ อย่างไร?

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 28 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 24 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>แหน่ง, มูริญโญ่, พรสว่าง_2008, psombat </TD></TR></TBODY></TABLE>


โอ้ ช่างบังเอิญจริงๆ

หวัดดีท่าน มูริญโญ่, พรสว่าง_2008, psombat นานๆ เราสี่คนจะเข้ามมาพร้อมกันซะที

มีไร ประสบการณ์ไรดีๆๆ เล่าฟังบ้างนะครับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

 

ครับคงไม่ใช่วาสนาของผมครับ อีกอย่างคุณหนุ่มก็ไม่ได้บอกรายละเอียดอย่างอื่นนอกจากบอกว่าให้พี่ใหญ่ปิดทองให้ ผมเลยไม่รู้ข้อแตกต่างครับ
ถ้าผมพูดผิดอะไรค้องกราบขออภัยด้วยนะครับ ไม่เป็นไรครับโอกาสหน้ายังมีอีกครับผมยังเป็นสมาชิกกลุ่มอีกหลายสิบปีครับ ฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิอิ
แบบว่าอายุยังน้อยอยู่ครับ ฮิฮิฮิฮิ:z6:z6:z6:z6 สำหรับคุณแหน่งโอกาสหน้าเดี๋ยวผมแบ่งให้บ้างนะครับ

 

ตอนนี้ห้อยแล้วครับ กลักไม้ขีด มีดีแล้วค่อยเล่านะครับ

 

<table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 33 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 29 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> <center"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </center"></td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> psombat, มูริญโญ่, แหน่ง, พรสว่าง_2008</td></tr></tbody></table>
ครับผมงานนี้มากันครบทีมน้อยๆ โทษที..วันก่อนลืมทักน้องพรสว่าง_2008 คนบ้านติดกันแท้ๆเนาะ ที่จริงช่วงพักผ่อน ก็มักจะแวะไปเยี่ยมเพื่อนที่เป็นอาจารย์(คนสกลฯเคยบวชเรียนด้วยกัน)สอนที่ ร.ร.บัวขาว มาแต่งงานกะสาวน้อยผู้ไท(บ้านกุดหว้า) + ไปนมัสการหลวงปู่จาม(มุกดาหาร)อยู่เสมอนะครับ ทั้งสามท่านซำบายดีบ่ ส่วนผม ... ซำบายดีอยู่เด้อ

 

อ่ะ ท่านพี่นี่ใจร้อนจริงวุ๊ย ... กระผมยังจงรักภักดีกับ TOP4 มิมีเปลี่ยน จริงบ่ท่านแหน่ง+ท่านพี่เบิ้ม ... ที่ได้มาใหม่จะรอให้พี่เบิ้มดูเพิ่มเติมให้อีกรอบนะครับ ค่อยว่ากัน ใจเย็นๆเน้อ ...

 

ถูกต้องแล้วครับ

ผม TOP4 เหมือนเดิมครับ

ยังไม่เปลี่ยนใจและคงไม่เปลี่ยนแปลงตลอดชีพโน่นแหละครับ

โมทนาสาธุ

 

สำหรับ พระสมเด็จ กลักไม้ขีด ที่พี่ใหญ่ปิดทองให้นั้น

ผมเชื่อว่า เป็นกรณีพิเศษจริงๆ ในความเห็นของผม อาจจะเป็นพุทธดำรัสขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม กกุกสันโธ หรือ หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร หรือสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี มีพระเมตตาให้พี่ใหญ่ปิดทอง

ซึ่งผมเชื่อว่า พิเศษกว่า พระสมเด็จ กลักไม้ขีด องค์อื่นๆ และองค์นี้มีพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม ด้วย

ในพระสมเด็จ กลักไม้ขีด ที่หลังจากรุ่นแรก บางองค์จะมีพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม แต่บางองค์ก็ไม่มีครับ

โมทนาสาธุครับ

 

สำหรับ User name ชื่อ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->prawangna<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2394017", true); </SCRIPT> เป็นชื่อของผมอีกชื่อ ที่เดิมจะไว้ใช้ในเรื่องของชมรมรักษ์พระวังหน้า แต่ด้วยความขี้เกียจก็เลยไม่ค่อยได้ใช้ครับ

.

 

อนุโมทนา สาธุ สาธุ

 

หลวงปู่จามไปกราบมาแล้วครับท่านเมตตาสูงมากครับผมยี่นหัวไปให้ท่านตบแต่ท่านตบบ่าผมเบาๆหลายทีโชคดีจริงๆครับส่วนชาวบ้านที่นั่นท่านตบบ่ากับหลังแรงๆม่านอายุมากแล้วแต่ในสายตาผมท่านมีสติแจ่มใสจริงๆครับผมนับถือจริงๆครับ ลืมบอกไปครับแฟนผมก็สาวภูไทเหมือนกันครับ อยู่มุกดาหารครับลูกสาวอาจารย์ที่นั่นครับ คำชะอี

ก็อย่างที่เคยบอกครับมีสร้อยหลายเส้นแต่ไม่ได้หลายใจนะครับ วังหน้าเหมือนกัน TOP 4 กลับบ้านดึกทุกคืนครับแรงมาก เลยลองเปลี่ยนบ้างครับ
คราวหน้าคงกลับมาห้อยเหมือนเดิมครับ ลองเปลี่ยนดูบ้างครับ ไม่มีอะไรมากครับ ฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิ
catt1catt1catt1

ส่วนเพื่อนสนิทที่ทำงานก็อยู่สกลนครเหมือนกันครับอยู่ตัวเมืองพ่อแมก็เป็นอาจารย์ใหญ่ที่นั่นตอนนี้เกษียนแล้ว พระวังหน้าบางส่วนก็ได้จากที่นั่นแหละครับ
ป.ล. เวลาไปบ้านแฟนอาหารหลักของผม ข้าวใข่เจียวครับ 3 มื้อเลยครับตอนหลังดีหน่อยมีอาหารซีพีแช่แข็งมาช่วยก็เลยใช้เวปเอาครับ
และอาหารที่สำคัญขาดไม่ได้ กาแฟ ครับ ที่คุณสมบัติให้ยังไม่ได้ชิมเลยครับพอดีที่กรองที่เป็นกระดาษของที่บ้านหมด ตอนนี้เลยกินเนสโกล์แก้ขัดไปก่อนครับรสชาติใช้ได้ครับ ฮิฮิฮิฮิฮิฮิ
catt1

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ควาฟู่จู๋ยื่อ : ควาฟู่ไล่ตามตะวัน
China - Manager Online

</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>1 กันยายน 2552 18:40 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>夸父 (kuā fù) อ่านว่า ควาฟู่ เป็นชื่อเซียนผู้หนึ่งในตำนานจีน
逐 (zhú) อ่านว่า จู๋ แปลว่า ติดตาม ไล่ตาม
日 (rì) อ่านว่า ยื่อ แปลว่า ดวงอาทิตย์



</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ที่มา www.i8837.cn</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>
ในสมัยโบราณ มีเซียนวิเศษผู้หนึ่ง นามว่า ควาฟู่ เขามีความใฝ่ฝันอันแรงกล้าที่สุดคือการไล่ตามดวงอาทิตย์ให้ทัน


วันหนึ่ง ขณะที่ดวงอาทิตย์เพิ่งจะกำลังโผล่พ้นขอบฟ้าออกมาได้เพียงครึ่งดวง ควาฟู่ก็เริ่มต้นออกวิ่งจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตกพร้อมไม้เท้าคู่กายทันที โดยในวันนั้นตั้งแต่ยามเช้า เขาไม่กินไม่ดื่ม ไม่แม้กระทั่งหยุดพัก ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย ไปตามทิศทางที่เงาของแสงอาทิตย์ทอดผ่าน

เวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งถึงยามบ่ายคล้อย ควาฟู่วิ่งไล่ติดตามดวงอาทิตย์ไปจนถึงหุบเขา มุมที่ดวงอาทิตย์จะตก ณ ที่แห่งนี้เป็นประจำทุกวัน แต่ในเวลานั้นเอง เขาเกิดความรู้สึกกระหายน้ำเป็นที่สุด เนื่องจากร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรง จึงจำเป็นต้องดื่มน้ำเป็นจำนวนมากโดยเร็ว

ดังนั้นควาฟู่ จึงวิ่งไปยังริมฝั่งแม่น้ำเหลือง(ฮวงโห) เพื่อดื่มน้ำ และด้วยความกระหาย เขาจึงดื่มน้ำในแม่น้ำเหลืองหมดสิ้นจนปรากฏท้องน้ำ แต่ความกระหายยังไม่จาง จึงวิ่งไปดื่นน้ำยังแม่น้ำเว่ย จนแม่น้ำเว่ยแห้งขอดอีกเช่นกัน แต่เขาก็ยังคงไม่หมดความกระหายน้ำ รู้สึกเหมือนร่างกายแผดร้อนดุจเปลวเพลิงสุมรุม เกิดความทุกข์ทรมานยิ่งนัก

ในตอนนั้นเอง ควาฟู่ คิดขึ้นมาได้ว่า ณ ภูเขาเอี้ยนเหมินทางทิศเหนือ ยังมีทะเลสาบอยู่อีกแห่งหนึ่งที่กว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา ดังนั้นเขาจึงคิดเดินทางขึ้นเหนือเพื่อหวังใช้น้ำในทะเลสาบแห่งนั้นมาดับความกระหายของตน

ทว่า ในความเป็นจริงแล้ว ควาฟู่ กระหายน้ำจนถึงขั้นวิกฤต เกรงว่าแม่แต่การเดินตามปกติก็แทบไม่มีเรี่ยวแรงสืบเท้าแล้ว อีกทั้งทะเลสาบก็อยู่ห่างไกลนัก ยากที่จะไปถึงได้ทันท่วงที ควาฟู่แข็งใจเดินทางไปได้เพียงระยะหนึ่ง ก็หมดเรี่ยวแรง สุดท้ายก็ล้มลงสิ้นใจตายเพราะอาการขาดน้ำอย่างรุนแรงอยู่ข้างทางนั้นเอง

เมื่อควาฟู่ ล้มตัวลง ไม้เท้าที่เขาถือมาจึงหลุดจากมือในตอนนั้น ภายหลังจากที่เขาตายไปแล้ว จุดที่ไม้เท้าตก ได้กลายเป็นป่าใหญ่ แผ่กิ่งก้านปกคลุมพื้นที่นับพันๆ ลี้

ต่อมา สำนวน “ควาฟู่จู๋ยื่อ” หรือ “ควาฟู่ไล่ตามตะวัน” ถูกนำมาใช้ในความหมายทั้งทางบวกและทางลบ โดยความหมายทางบวกหมายถึง ผู้ที่มีปณิธานแรงกล้า ส่วนความหมายในทางลบ หมายถึงผู้ที่ไม่ประมาณตน ไม่รู้ขีดจำกัดของตนเอง

สำนวนนี้ใช้ในตำแหน่งกรรม(宾语) หรือส่วนขยายนาม(定语)

ตัวอย่างประโยค
他的这种夸父逐日的行为，有些人赞成，也有些人嘲笑。
พฤติกรรม ~ ของเขา มีทั้งคนยกย่อง และมีทั้งคนหัวเราะเยาะ

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 81 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 80 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong </TD></TR></TBODY></TABLE>

อ่า ไปไหนกันหมดแล้วครับ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ข่า" สมุนไพรไทยใช้ดี
Travel - Manager Online
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>1 กันยายน 2552 16:34 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> "ข่า" เป็นพืชที่ใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารไทยหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นต้มข่าไก่ ต้มยำ หรือใช้เป็นส่วนผสมในน้ำพริกต่างๆ แม้จะไม่ได้ใช้เป็นส่วนประกอบหลัก แต่อาหารหลายๆ อย่างก็หากขาดข่าไปก็จะไม่ได้รสชาติที่อร่อยเหมือนเดิม โดยเราจะใช้เหง้าของข่า หรือส่วนหัวที่อยู่ใต้ดินของข่ามาประกอบอาหาร โดยเนื้อในเหง้านี้จะมีสีขาว รสขมเผ็ดร้อน และมีกลิ่นหอมฉุนที่เป็นเอกลักษณ์ของข่า

สรรพคุณของข่า ซึ่งถือว่าเป็นสมุนไพรไทยอย่างหนึ่งนั้นก็มีหลายอย่าง โดยข่าจะช่วยไล่แก๊สในลำไส้ มีฤทธิ์ขับน้ำดี จึงช่วยย่อยอาหารได้ น้ำมันหอมระเหยในข่าจะช่วยขับลมในท้อง ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร รักษาโรคท้องร่วง โรคบิด โดยจะช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ และแก้อาการจุกเสียดได้ด้วย

คนโบราณใช้ใช้เหง้าสดตำให้ละเอียดผสมกับน้ำปูนใส รับประทานครั้งละครึ่งแก้วช่วยขับลมแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องเดินและบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน นอกจากนั้นยังมีประโยชน์อื่นๆ เช่น รักษาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน รักษาแผลสด แก้โรคหลอดลมอักเสบ อีกทั้งน้ำมันหอมระเหยจากข่ายังช่วยไล่แมลงได้อีกด้วย
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

วัดความเร็วของอินเตอร์เน็ต

ว่า แรงป่าวครับ อิอิ

Speedtest.or.th - Bandwidth Speed Test

 

คุณ สิทธิพงศ์
ผมมีข้อสงสัย เกี่ยวกับ TOP1 และ TOP4 ดังนี้ครับ
1. เนื้อขององค์พระ ใช้ มวลสารอะไรบ้างครับ
2. ท่านใดเป็นผู้ อารธนา องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า อธิฐานจิต
3. องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านเมตตา อธิฐานจิต ราวปี พศ อะไรครับ
4. เป็นพิธีหลวง หรือไม่ครับ
ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ

 

ตอบตามนี้ครับ

1.โดยปกติ พระวังหน้า จะใช้ปูนเพชร เป็นหลัก

ส่วนที่เป็นเนื้อปูนสอ เป็นการสร้างในยุคแรกๆ เนื้อปูนสอ ปัจจุบันมีผู้รู้จริงไม่มากนัก

ที่เนื้อหาต่างกันมีหลายเรื่อง เช่น ระยะเวลาในการตำมวลสาร , มวลสารที่ใช้ผสม ฯลฯ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ มีอยู่ในหนังสือวิเคราะห์พระสมเด็จ และสมเด็จเจ้าคุณกรมท่าฯ

2.สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี เป็นผู้ที่อาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ

3.เรื่องของปี ผมเองไม่ทราบ เนื่องจากการตรวจสอบในบางเรื่อง ผมเองมีความเกรงใจสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี เป็นอย่างมาก จึงไม่กล้าที่จะให้พี่ใหญ่สอบถามครับ รู้แต่ว่า ต้องสร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ.2415 แน่นอน

4.พระวังหน้า และพระวังหลวงที่สร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ.2428 นำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส แน่นอนครับ

 

มาย้ำกันว่า ปูนที่ใช้สร้างพระวังหน้า , วังหลวง , วังหลัง ,วัดระฆัง , วัดบางขุนพรหม , วัดไชโย ฯลฯ เป็นปูนเพชร ไม่ใช่ปูนเปลือกหอย หากมีคนที่พูดว่า เป็นปูนเปลือกหอย ขอให้รู้ว่า คนที่พูดนั้น รู้ไม่จริง

เช่นกัน เรื่องของรัก หากมีคนพูดว่า จุ่มรัก ขอให้ทราบว่า คนที่พูดนั้น รู้ไม่จริง

;k01

แต่สำหรับสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า และคณะพระวังหน้า ต้องทราบไว้ เนื่องจากองค์ความรู้เหล่านี้ สามารถศึกษากันได้จากแหล่งองค์ความรู้ที่เรามีอยู่ครับ
.

 

อาหารทางนี้จะออกแนวธรรมชาติมากๆครับ ขนาดผมเป็นคนอิสานแท้ๆ อาหารบางอย่างพึ่งจะมาเคยทานที่นี่อ่ะครับ ท่านพี่ต้องฝึกทานไว้บ้างซักเมนูนะครับ หุหุ ถ้าเป็นเนส ขอแนะนำ "Alta Rica" กระปุกสีม่วงนะครับ สุดยอด!