พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    บรรพบุรุธ มีความชาญฉลาดเป็นอย่างมาก นอกจากผู้ชายแล้ว ยังสร้างพระพิมพ์ให้กับผู้หญิง ซึ่งพิมพ์ที่สร้างให้ผู้หญิง จะมีขนาดที่เล็ก ส่วนพิมพ์ที่สร้างให้ผู้ชายมักมีขนาดใหญ่

    พิมพ์จุฬามณี ไม่ใช่ 1 ใน 8 พิมพ์ที่เป็นพิมพ์ฝีพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าครับ แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่า พิมพ์จุฬามณีเป็นพิมพ์ที่เป็นพิมพ์จากฝีพระหัตถ์ของพระองค์ท่านด้วยหรือไม่

    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โมทนาสาธุครับ

    โมทนาสาธุครับ

    เรื่องหนังสือปู่เล่าให้ฟัง ต้องรอผลการประชุมระหว่างชมรมรักษ์พระวังหน้า กับคุณ นายสติ ก่อนครับ

    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมมาถามสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า และคณะพระวังหน้าครับ

    จากรูป พระสมเด็จ
    [​IMG]

    คำถามมีอยู่ว่า

    1.พระสมเด็จ องค์นี้ แท้ หรือไม่ แท้
    หากตอบว่า ไม่แท้ ก็ให้ตอบปัญหาในข้อที่ 2 เพียงข้อเดียวและสิ้นสุดการตอบคำถาม แต่หากตอบว่า แท้ ก็ให้ตอบข้อที่ 3 ต่อไป
    และหากตอบว่า ไม่แท้ ขอให้ตั้งจิต ขอขมา ว่า ขอขมาหากว่า องค์พระสมเด็จองค์นี้แท้ ด้วยครับ

    2.พระสมเด็จองค์นี้ มีองค์ผู้อธิษฐานจิตเพิ่มเติมภายหลังหรือไม่

    3.พระสมเด็จองค์นี้ เนื้อปูนสอ หรือ เนื้อปูนเพชร

    4.พระสมเด็จองค์นี้ องค์ไหนเป็นผู้อธิษฐานจิต

    5.จากข้อที่ 3 มีองค์ผู้อธิษฐานจิตเพิ่มเติมภายหลังหรือไม่

    สิ้นสุดการตอบในวันที่ 11 กันยายน 2552 เวลา 18.00 น.(เวลาในเว็บพลังจิต)

    ไม่มีรางวัลนะครับสำหรับคำถามในครั้งนี้ แต่เป็นการลับสมอง ประลองปัญหาเอ้ย ปัญญา และถกปัญหากันครับ

    ขอบคุณครับ
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กรรมเพราะ "สาบาน"
    http://www.pramool.com:443/webboard/...3?katoo=C30950

    โพสโดย 0. <A onclick="pageTracker._trackPageview ('/outgoing/http_www_pramool_com_443_webboard_list_php3_disp_Kerisawa');" href="http://www.pramool.com:443/webboard/list.php3?disp=Kerisawa">Kerisawa <! 125.24.23.6x>(0)
    Note : เนื้อหาในกระทู้นี้เป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยค่ะ

    กรรมเพราะ "สาบาน"

    พระธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบรมศาสดาสอนให้ทุกคนประพฤติปฏิบัติแต่ในสิ่งที่ดี "กรรม" คนเราเกิดมาก็เพื่อรับกรรม แต่จะเป็น กรรมดี หรือ กรรมชั่ว นั้นขึ้นอยู่กับผลของการกระทำ และ "กรรม" นั้นจะต้องย้อนมาสู่ผู้กระทำเสมอ อยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น ผู้เขียนก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ไม่เคยเชื่อเรื่องกรรมมาก่อน แต่ว่าจะเชื่อก็เกือบจะสายถึงเวลาจะผ่านล่วงเลยมา ๑๐ กว่าปีแล้วก็ตาม แต่เหตุการณ์นี้ยังฝังแน่นในความทรงจำของผู้เขียนตลอดมา คล้ายกับว่าเหตุการณ์นั้นเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง และขอฝากเรื่องราวทั้งหมดนี้ไว้ในนิตยสารโลกทิพยืเพื่อเป็นวิทยาทาน และอุทาหรณ์แก่ผู้อ่าน

    เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของผู้เขียนเอง บ้านของผู้เขียนมีสมาชิกในครอบครัวทั้งหมด ๙ คน ครอบครัวมีอาชีพค้าขายของชำ และมีรถบรรทุก ๑๐ ล้อ อีก ๕ คัน แม่ดูแลทางด้านค้าขาย ส่วนพ่อนั้นดูแลทางด้านรถบรรทุกและลูกๆก็เรียนหนังสือ ขณะนั้นผู้เขียนกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ครอบครัวถือว่ามีฐานะดีกว่าครอบครัวอื่นๆ พ่อเองก็ให้ความเอื้อเฟื้อกับทุกคนเป็นอย่างดี นอกจากนี้พ่อยังบำเพ็ญประโยชน์อีกหลายอย่าง ภายในครอบครัวทุกคนอยู่กันอย่างมีความสุขพร้อมหน้าพร้อมตา เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ตลอดมา

    จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๑๖ วันหนึ่งพ่อก็พูดขึ้นว่า อายุมากแล้วหูตาไม่ค่อยดี อยากจะเลิกอาชีพขับรถ และจะหันมายึดอาชีพทำไร่ ทุกคนในบ้านก็ไม่มีใครขัด ต่อมาไม่นานพ่อก็ขายรถจนหมด และรวบรวมเงินได้จำนวนหนึ่ง เพื่อนำไปซื้อที่ดิน ซึ่งเป็นป่าใหญ่ไว้ ๑ แปลง จำนวนประมาณ ๕๐๐ ไร่ ที่ดินแปลงนี้ได้มาโดยการติดต่อและแนะนำของ นายวิลาส ซึ่งเป็นเพื่อนกับพ่อผู้เขียน เมื่อก่อนนายวิลาสมีอาชีพทำไร่ ฐานะยากจน มีที่ดินเป็นของตัวเอง ๑๐ กว่าไร่ มีรายได้ก็ไม่ค่อยจะพอใช้พอจ่าย ขัดสนอยู่ตลอดมา ยามใดลูกหรือเมียเจ็บป่วยนายวิลาสก็ไปผม้ยืมเงินเขาเพื่อนำมารักษา ดังนั้นรายได้จากการทำไร่ในแต่ละปีจึงไม่มีเหลือ แถมยังจะต้องเป็นหนี้เขาต่อไปอีก เป็นเช่นนี้อยู่ตลอดมา

    จนกระทั่งได้พบกับพ่อของผุ้เขียนด้วยความอดทนและขยันหมั่นเพียรของนายวิลาส พ่อก็ตอบแทนเขาด้วยเงินค่าแรงอย่างงาม ตั้งแต่นั้นมาครอบครัวของนายวิลาสก็มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และพ่อก็ได้ให้นายวิลาสทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคนงาน ตลอดจนทำหน้าที่ทุกอย่างแทนพ่อ นายวิลาสเป็นผู้ติดต่อหาคนงานมาทำงาน คนงานจำนวน ๕๐ คนนี้ส่วนมากจะเป็นญาติพี่น้องของนายวิลาสและตกลงกันแบบอยู่ประจำมีที่พัก อาหาร และอุปกรณ์ทำไร่ต่างๆให้พร้อม และทุกคนจะต้องรับผิดชอบเครื่องมือแต่ละชิ้นที่ตนเองใช้อยู่ ถ้ามีการสูญหายก็จะหักเงินค่าแรงตามราคาเครื่องมือ การจ่ายเงินค่าแรงก็จะจ่ายทุกๆสิ้นเดือน เมื่อทุกอย่างพร้อมทุกคนก็จะเริ่มทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง ตั้งแต่พื้นที่เป็นป่าเริ่มเตียนโล่ง และเริ่มปลูกมันสำปะหลังได้ การดำเนินงานทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ::

    จนกระทั่งถึงต้นปีพ.ศ. ๒๕๑๘ นายวิลาสเริ่มมีความเป็นอยู่ดีกว่าคนงานทั้งหมด อาจจะเป็นด้วยเหตุทั้งหมดนี้ก็ได้ที่ทำให้นายวิลาสลืมตัว ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง และแม้กระทั่งลืมความลำบากแต่หนหลังที่ผ่านมา นายวิลาสเริ่มไม่สนใจงาน กินแต่เหล้าทุกวัน เมาเช้าเมาเย็น บางวันก็ไม่มาทำงาน ปีนี้ฤดูเก็บเกี่ยวก็มาถึงอีก พอดีตรงกับช่วงโรงเรียนของผู้เขียนปิดเทอมจึงลงมาอยู่ที่ไร่กับพ่อ เมื่อได้เวลาเก็บเกี่ยวพ่อเดินทางไปตลาดแต่เช้า เพื่อติดต่อค้าขายผลผลิตกับเจ้าของโรงงานมันเส้น และรู้ข่าวมาว่านายวิลาสได้ลักลอบขนมันสำปะหลังในไร่ไปขายให้กับเถ้าแก่รับซื้อมันเช่นกัน พ่อเสียใจมากกับข่าวนี้ ไม่เคยนึกเลยว่าคนที่เคยไว้ใจและเคยช่วยเหลือมาตลอดจะคิดไม่ซื่อกับตัวเอง แต่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เพียงแต่เก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียว และคอยจับตาดูอยู่เงียบๆ

    มีอยู่คืนหนึ่ง ซึ่งเป็นคืนเดือนหงาย พ่อคิดเรื่องนี้จนนอนไม่หลับก็เลยตัดสินใจเดินออกจากที่พักพร้อมด้วยปืนพกติดตัวไปซุ่มดูอยู่แถบบริเวณท้ายไร่ สักพักใหญ่ๆก็ได้ยินเสียงรถบรรทุกวิ่งเข้ามาในไร่แล้วดับไฟหน้าพร้อมกับคนกลุ่มหนึ่งประมาณ ๒๐ คน โดยเห็นจากแสงเดือนที่ส่องสว่างอยู่เต็มดวง พวกเขาช่วยกันขนมันขึ้นรถ และมีเสียงชายคนหนึ่งคอยสั่งการ เสียงนี้พ่อจำได้แม่นยำ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนายวิลาส พ่อเลยตัดสินใจชักปืนยิงขึ้นฟ้า ๓-๔ นัด กลุ่มคนพวกนั้นก็พากันวิ่งหนีไปคนละทิศละทางด้วยความตกใจ เมื่อกลุ่มคนพวกนี้หนีไปจนหมดแล้ว พ่อก็กลับมาที่พัก เช้าของวันรุ่งขึ้นพ่อตัดสินใจแล้วว่าจะไล่นายวิลาสออก แต่ก็ไม่เห็นเขามาทำงาน ส่วนคนงานนั้นยังอยู่ครบ และงานก็ดำเนินต่อไป นับตั้งแต่วันนั้นมาพ่อก็ยังไม่เห็นหน้านายวิลาสอีกเลย

    เวลาฝ่านมาประมาณหนึ่งเดือน ในตอนเช้าของวันหนึ่งคนงานหยุดงานกันหมด ไม่ยอมทำงานเหมือนเช่นเคย พ่อเข้าไปสอบถามดู พวกคนงานเหล่านี้หาว่าพ่อจะไม่ยอมจ่ายค่าแรงให้แก่ตน เพียงแค่นี้พ่อก็เข้าใจจนหมดแล้วว่า เรื่องนี้มาจากใคร นายวิลาสใช้เล่ห์เหลี่ยมปลุกปั่นคนงานอย่างแน่นอน ทั้งๆที่พ่อก็ไม่เคยคิดที่จะคดโกงค่าแรงคนงานเลยแม้แต่น้อย

    ขณะนั้นพ่อก็พยายามอธิบายเกี่ยวกับเรื่องเงินเดือนให้คนงานฟัง แต่การเจรจาก็ไร้ความหมาย คนงานทั้งหมดยังยืนกรานที่จะไม่ทำงาน และขอรับเงินค่าแรงที่เหลือ พ่อก็ตกลง และนัดให้ทุกคนไปพบกันที่โรงพักในเช้าวันรุ่งขึ้น

    เรื่องที่เกิดขึ้นนี้พ่อท้อใจและเสียใจมากที่ทุกอย่างต้องหยุดกลางคัน ทั้งๆที่พืชไร่ก็ขนออกไปขายยังไม่หมด และในวันนั้นเองคนงานทุกคนก็ไปรวมกันที่บ้านของนายวิลาส เมื่อถึงรุ่งเช้าพ่อและตัวผู้เขียนเองก็เดินทางไปที่สถานีตำรวจ พอมาถึงก็เห็นทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา โดยมีนายวิลาสเป็นหัวหน้าและเป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องราวทั้งหมด เริ่มตั้งแต่บัญชีค่าแรงคนงาน วันนั้นผู้เขียนเป็นผู้อ่านบัญชีและจ่ายเงินตามบัญชีให้ทุกคนเรียบร้อย พ่อบอกกับตำรวจว่าคนงานทั้งหมดนี้ตอนออกมาจากที่พักนั้น ออกมาโดยไม่ได้บอกกล่าว และยังไม่ได้เอาเครื่องมือมาคืนเลยสักคนเดียว จำเป็นจะต้องให้คนงานทั้งหมดจ่ายค่าเครื่องมีอที่แต่ละคนรับผิดชอบไป แต่ความเป็นจริงแล้วคนงานนำมาคือเกือบหมดจะมีบ้างที่ยังไม่ได้เอามาคืนก็เป็นส่วนน้อย ผลสุดท้ายทางด้านคนงานก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ คือทุกคนต้องจ่ายค่าเครื่องมือ ซึ่งในขณะนั้นผู้เขียนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพ่อทำเช่นนั้นเพื่ออะไร แต่ในใจของผู้เขียนเองแล้วคิดว่า พ่อทำลงไปเพราะควาโกรธ ความเจ็บใจ และความแค้นใจมากกว่า ในการตัดสินของตำรวจพ่อเป็นผู้ถูกต้องทางกฎหมาย แต่ทางด้านศีลธรรมแล้วพ่อของผู้เขียนเป็นผู้ผิด การกระทำลักษณะนี้ก็เท่ากับเป็นการสร้างอกุศลกรรม นี่แหละคือ ทาสของความโกรธ สามารถทำให้คนทำอะไรได้ทุกอย่างโดยขาดสติยั้งคิด และปราศจากเหตุผล

    เมื่อคนงานทั้งหมดยอมจ่ายค่าเครื่องมือเรียบร้อยแล้ว แต่ทุกคนก็ยังสงสัยและแคลงใจเรื่องเครื่องมืออยู่ ก็เลยขอสาบานกับพ่อต่อหน้าพระประธานในโบสถ์ โดยมีนายตำรวจเป็นพยาน และนำสาบาน เมื่อจุดธูปจุดเทียนเสร็จ ผู้นำสาบานเริ่มต้นกล่าวว่า ถ้าข้าพเจ้าพูดความจริงก็ขอให้ข้าพเจ้าและครอบครัวจงมีความสุข ความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป แต่ถ้าหากว่าพูดเท็จก็ขอให้ครอบครัวจงมีอันเป็นไป

    หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน งานเก็บเกี่ยวก็ได้ดำเนินงานต่อไป โดยพ่อจ้างคนงานบริเวณใกล้เคียงเท่าที่พอจะหาได้ และส่งมันสำปะหลังขายให้กับโรงงานมันเส้นจนหมดในต้นปีพ.ศ. ๒๕๑๘ นั่นเอง

    อีกไม่กี่เดือนในปีเดียวกันนี้ก็มีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นกับน้องคนสุดท้องของผู้เขียน ซึ่งในขณะนั้นมีอายุเพียงแค่ ๑ ขวบ เกิดเจ็บป่วยขึ้น แม่ก็ได้นำไปรักษาที่โรงพยาบาลนานหลายเดือน แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น ในที่สุดน้องก็เสียชีวิต ทำให้ทุกคนในบ้านเสียใจมาก

    ปีพ.ศ. ๒๕๑๙ ก็มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นอีก ในปันั้นฝนตกชุกมาก ตกทั้งวันทั้งคืน ๓-๔ วัน ติดต่อกันทำให้เกิดน้ำป่าท่วมตลาด และในบริเวณตลาด แห่งนี้บ้านที่เสียหายมากที่สุดคือบ้านของผู้เขียน น้ำป่าได้พัดพาสิ่งของมีค่าไปจนหมดไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ตลอดจนสิ่งของมีค่าที่แม่ได้สะสมไว้ตั้งแต่เดิมก็สูญหายไปกับน้ำหมด ทุกคนในบ้านได้รับบาดเจ็บจากประตูบ้านที่ถูกน้ำพังและเศษแก้วเศษกระเบื้อง พวกน้องๆต้องขึ้นไปอยู่ยบนหลังคาบ้าน ส่วนแม่นั้นถ้าหากว่าช่วยพาออกมาจากบ้านไม่ทันก็คงถูกน้ำป่าพัดพาไปด้วย หลังจากน้ำลดลงทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรหลงเหลืออีกนอกจากสภาพบ้านที่หักพัง ส่วนทรัพย์สินสิ่งของอย่างอื่นนั้นน้ำป่าก็พัดพาเอาไปจนสิ้น สิ่งสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ก็คือชีวิตและความทรงจำ

    การสูญเสียครั้งนี้ทำให้แม่คิดมากและล้มป่วยอย่างหนัก ถึงแม้ว่าจะพาไปรักษาที่โรงพยาบาล แต่แม่ก็ไม่มีอาการดีขึ้น คงจะเป็นเพระแม่เสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ทำให้หมดกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไป อาการป่วยของแม่ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น แต่กลับทรุดหนักมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ในที่สุดแม่ก็เสียชีวิตไป บรรบากาศในบ้านวันนั้นมีแต่ความเศร้าหมอง สลดหดหู่ ทุกคนร้องไห้จนหน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด ตั้งแต่นั้นมาครอบครัวของผู้เขียนก็อยู่ในสภาพที่ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด พ่อทำไร่ขาดทุนเรื่อยมา บางครั้งก็ถูกเขาโกง และบางวันก็เอาแต่กินเหล้าไม่สนใจงานเหมือนแต่ก่อน ผู้เขียนก็ต้องออกจากโรงเรียนมาทำงานเพื่อให้น้องๆได้เรียน เพระรายได้น้อยกว่ารายจ่าย ส่วนพี่ของผู้เขียนนั้นก็ขายของอยู่ที่บ้านเหมือนเดิม แต่ขายพอมีกินไปวันๆเท่านั้น ทุกคนในบ้านได้พบกับความลำบากอย่างแสนสาหัส

    ปีพ.ศ. ๒๕๒๘ พ่อของผู้เขียนป่วยหนักและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในตับ ลูกๆทุกคนช่วยกันจัดงานศพให้พ่อตามอัตภาพ และในปัจจุบันผู้เขียนต้องคดีฆ่าคนตายถูกศาลพิพากษาประหารชีวิต ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างอุทธรณ์ พิจารณาระยะเวลาที่ผ่านมากรรมได้ติดตามกระหน่ำซ้ำเติมผู้เขียนและครอบครัวตลอดมาเป็นระยะเหมือนเงาตามตัว

    ผู้เขียนไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า กรรมนั้นมีจริง โชคดีที่ผู้เขียนมีพี่และน้องๆที่ไม่เห็นตัว ทุกคนรักและปรองดองกันดี และพร้อมที่จะเผชิญกับชะตากรรมทุกอย่างไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นกรารสูญสิ้นหรือความสำเร็จของชีวิต และไม่คิดย่อท้อต่ออุปสรรคต่างๆ โดยหวังว่าจะสร้างแต่กรรมดี ละเว้นจากการกระทำกรรมชั่วและขอวิงวอนท่านผู้อ่านโปรดสะสมแต่กรรมดี หมั่นสร้างแต่กุศลกรรม เพื่อจะได้เป็นการเสริมสร้างบารมีของตนเอง และครอบครัวให้ได้พบกับความสุขความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป

    ขอบคุณที่มาค่ะ : http://www.palungjit.org/board/showthread.php?p=554007#post554007


    http://palungjit.org/threads/พระวัง...โลกอุดรเสก-ถ้าต้องการที่จะได้.22445/page-1178
    หน้าที่ 1178<!-- google_ad_section_end -->
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไหว้ 5 ครั้ง
    ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( เจริญ ญาณวรเถระ )
    วัดเทพศิรินทราวาส

    [​IMG]


    คัดลอกจาก http://www.konmeungbua.com/saha/Lung...pu_armpan.html


    คัดลอกจาก http://www.konmeungbua.com/saha/Lung...pu_armpan.html

    ในวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ไม่ว่าเวลาไร ตามแต่เหมาะต้องไหว้ให้ได้ 5 ครั้งเป็นอย่างน้อย ในคราวเดียวนั้น ถ้ามีดอกไม้ธูปเทียนก็บูชา ถ้าไม่มีก็มือ 10 นิ้วและปากกับใจ ควรไหว้จนตลอดชีวิต คือ


    ครั้งที่ 1 พึงนั่งกระโหย่งเท้าประณมมือว่า

    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ 3 หน

    แล้วว่าพระพุทธคุณ คือ
    อิติปิโส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาติ ฯ

    หยุดระลึกถึงพระปัญญาคุณทรงรู้ดีรู้ชอบสิ้นเชิง พระบริสุทธิคุณทรงละความเศร้าหมองได้หมด พระกรุณาคุณทรงสงสารผู้อื่นและสั่งสอนให้ปฏิบัติตามของพระพุทธเจ้า จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ


    ครั้งที่ 2 ว่าพระธรรมคุณ คือ

    สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโน สนฺทิฆฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปนยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญญูหีติ ฯ

    หยุดระลึกถึงคุณพระธรรมที่รักษาผู้ปฏิบัติตามไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ


    ครั้งที่ 3 ว่าพระสังฆคุณ คือ
    สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ อุชุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ญายปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ สามีจิปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฐปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโยทกฺขิเนยฺโย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺสาติฯ

    หยุดระลึกถึงคุณ คือ ความปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติชอบ ของพระอริยสงฆ์ จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    นั่งพับเพียบประณมมือตั้งใจถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะไม่ถือสิ่งอื่นยิ่งกว่าจนตลอดชีวิต ว่าสรณคมน์ คือ
    พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
    ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
    สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
    ทุติยมฺปิ พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ
    ทุติยมฺปิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
    ทุติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
    ตติยมฺปิ พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ
    ตติยมฺปิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
    ตติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ

    ครั้งที่ 4 ระลึกถึงคุณมารดาบิดาของตน จนเห็นชัดแล้ว กราบลงหน 1 ฯ

    ข้า ฯ ขอ กราบไหว้คุณท่านบิดาและมารดา
    เลี้ยงลูกเฝ้ารักษา แต่คลอดมาจึงเป็นคน
    แสนยากลำบากกายไป่คิดยากลำบากตน
    ในใจให้กังวลอยู่ด้วยลูกทุกเวลา
    ยามกินพอลูกร้องก็ต้องวางวิ่งมาหา
    ยามนอนห่อนเต็มตาพอลูกร้องก็ต้องดู
    กลัวเรือดยุงไรมดจะกวนกัดรีบอุ้มชู
    อดกินอดนอนสู้ ทนลำบากหนักไม่เบา
    คุณพ่อแม่มากนักเปรียบน้ำหนักยิ่งภูเขา
    แผ่นดินทั้งหมดเอามาเปรียบคุณไม่เท่าทัน
    เหลือที่ จะแทนคุณ ของท่านนั้น ใหญ่อนันต์
    เว้นไว้ แต่เรียนธรรม์ เอามาสอนพอผ่อนคุณ
    สอนธรรมที่จริงให้ รู้ไม่เที่ยงไว้เป็นทุน
    แล้วจึงแสดงคุณ ให้เห็นจริงตามธรรมดา
    นั่นแหละจึงนับได้ ว่าสนองซึ่งคุณา
    ใช้ค่าข้าวป้อนมาและน้ำนมที่กลืนกิน ฯ

    ครั้งที่ 5 ระลึกถึงคุณของบรรดาท่านผุ้มีอุปการคุณแก่ตน เช่น พระมหากษัตริย์และครูบาอาจารย์ เป็นต้นไป จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    ข้า ฯ ขอนอบน้อมคุณแด่ท่านครู ผู้อารี
    กรุณาและปรานีอุตส่าห์สอนทุก ๆ วัน
    ยังไม่รู้ ก็ได้รู้ ส่วนของครูสอนทั้งนั้น
    เนื้อความทุกสิ่งสรรพ์ดีชั่วชี้ ให้ชัดเจน
    จิตมากด้วยเอ็นดูอยากให้รู้เหมือนแกล้งเกณฑ์
    รักไม่ลำเอียงเอนหวังให้แหลมฉลาดคม
    เดิมมืดไม่รู้แน่เหมือนเข้าถ้ำเที่ยวคลำงม
    สงสัยและเซอะซมกลับสว่างแลเห็นจริง
    คุณส่วนนี้ควรไหว้ ยกขึ้นไว้ ในที่ยิ่ง
    เพราะเราพึ่งท่านจริงจึงได้รู้ วิชาชาญ ฯ

    (บทประพันธ์สรรเสริญคุณมารดาบิดา และ ครูบาอาจารย์ของ ท่านอาจารย์ จางวางอยู่ เหล่าวัตร วัดเทพศิรินทราวาส ลิขสิทธิ์เป็นของ ท่านเจ้าคุณพระโศภนศีลคุณ (หลวงปู่หลุย พาหิยาเถร) วัดเทพศิรินทราวาส)

    ต่อไปนี้ไม่ต้องประณมมือ ตั้งใจพิจารณาเรื่อง และร่างกายของตนว่า จะต้องแก่ หนีความแก่ไปไม่พ้น จะต้องเจ็บ หนีความเจ็บไปไม่พ้น จะต้องตาย หนีความตายไปไม่พ้น จะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น มีกรรมเป็นของตัว คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นอนิจจังไม่เที่ยง ไม่แน่นอน เป็นทุกข์ลำบากเดือดร้อน เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของตน ฯ ครั้งพิจารณาแล้ว พึงแผ่กุศลทั้งปวงมีการกราบไหว้เป็นต้นนี้ อุทิศให้แก่ท่านผู้มีคุณมีมารดาบิดา เป็นต้น ตลอดจนชั้นสูงสุด คือพระมหากษัตริย์ ทั้งเทพยดามนุษย์และสัตว์ทั้งหลายว่า จงเป็นสุข ๆ อย่ามีเวรมีภัยเบียดเบียนกันและกัน รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด ฯ

    การไหว้ 5 ครั้งนี้ ถ้าวันไหนขาด ให้ไหว้ใช้ 5 ครั้งในวันรุ่งขึ้น ถ้านั่งกระโหย่งเท้าไม่ได้ ก็นั่งพับเพียบ ถ้าไม่ได้ ก็นอนไหว้ เมื่อยกมือไม่ขึ้น ก็ปากกับใจ ถ้าทำได้อย่างนี้เป็นเครื่องพยุงตนให้เป็นคนดี ไม่ให้เป็นคนชั่ว และให้ตั้งอยู่ในที่ดี ไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ถ้าผู้ใดประพฤติได้เสมอตลอดชีวิต ผู้นั้นจะอุ่นใจในตัวของตัวเอง มีความเจริญงอกงามไพบูลย์ยิ่ง ๆ ขึ้นเสมอทุกคืนทุกวัน คุ้มครองป้องกันภยันตรายปราศจากความเสียหายที่ไม่เหลือวิสัย และ ตั้งตัวได้ในทางคดีโลกและทางคดีธรรม เต็มภูมิเต็มขั้นของตน ๆ ทุกประการ จบเท่านี้ ฯ

    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( เจริญญาณวรเถระ )

    http://72.14.235.104/search?q=cache:...h&ct=clnk&cd=7

    [​IMG]

    สมเด็จพระพุทธโฆษจารย์ นามเดิม เจริญ สุขบท เกิดในรัชกาลที่ 5 เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ.2415 ที่จังหวัดชลบุรี เป็นบุตรนาย ทองสุก และนางย่าง

    เมื่ออายุ 8 ปี ได้เป็นศิษย์ของท่านเจ้าคุณชลโธปมคุณมุณี (พุฒ ปุณณกเร) ปฐมวัยอาวาสวัดเขาบางทราย เมื่ออายุ 12 ปีได้บรรพชาที่วัดเขาบางทราย

    และเข้าศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดราชบพิธอุปสมบทเมื่อวันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2435 ที่วัดเขาบางทราย จังหวัดชลบุรี พ.ศ.2439 ได้ศึกษาพระวินัยปิฎกในสำนัก สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ที่วัดเทพศิรินทราวาส

    "ตาบุญ (พระยาธรรมปรีชา) ผู้เป็นอาจารย์สอนบาลีของ
    เจ้าพระคุณสมเด็จฯ มอบช้างเผือกส่งเข้ามาให้ "

    สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยา วชิรญาณวโรรส ออกพระโอษฐ์รับสั่งเมื่อครั้งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวรเร) สอบไล่ภาษาบาลี ในมหามงกุฎราชวิทยาลัยได้ที่ 1ทุกชั้นเป็นลำดับมา

    พ.ศ.2441 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระราชาคณะที่พระอัมราภิลักขิต เป็นผู้อำนวยการศึกษามณฑลปราจีนบุรี ต่อมาได้ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสได้เลื่อนสมณศักดิ์เรื่อยมา พ.ศ.2471 โปรดให้สถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์

    พ.ศ.2476กรรมการเถรสมาคมมีมติให้ท่าน เป็นประธานกรรมการมหาเถรสมาคมบัญชาการคณะสงฆ์แทนพระสังฆราชเจ้าซึ่งสิ้นพระชนม์ ประมวลเกียรติคุณพิเศษสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวรเร)เป็นพระเถระบริหารงานพระศาสนาถึง 5 แผ่นดิน คือแต่รัชกาลที่ 5-9 เป็นพระราชาคณะแต่อายุ 28 ปี เป็นสมเด็จพระราชาคณะแต่อายุ 57 ปี นับเป็นพระเถระที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พรรษาน้อยกว่า พระเถระหลายรูปเป็นเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส แต่อายุ 28 ปี ถึง 80 ปีรวม 53 ปี นับว่ายาวนานที่สุดไม่มีใครเทียบได้
    เมื่อสอบนักธรรม หรือบาลีจะสอบได้ที่ 1 ทุกชั้นทุกประโยคเป็นรูปเดียวในสังฆมณฑล ดำรงตำแหน่งแม่กองธรรมสนามหลวง แม่กองบาลีสนามหลวง องค์เดียวกัน

    ในวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2494เวลา 10.30 น. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวรเระ)มรณภาพด้วยโรคเนื้องอกที่ตับรวมอายุได้ 80 ปี พรรษาที่ 59

    ความคิดเห็นส่วนตัวผม
    ท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถระ) ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต (ตรึก จินตยานนท์) ท่านบอกกับผู้ที่ไปกราบท่านว่า ขอให้ทุกๆวันได้ไหว้ 5 ครั้ง จะได้เป็นศิริมงคลกับตนเอง จะเหมือนกับชื่อของท่าน (เจริญ) ครับ ท่านเจ้าคุณนรเอง ก็มีความเคารพในท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ)มาก โดยท่านเจ้าคุณนรเอง เวลาเดินผ่านกุฎิของท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ)ทุกครั้ง ท่านเจ้าคุณนร ก็จะก้มลงกราบที่กุฎิอยู่ทุกครั้งครับ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอเพิ่มเติมเรื่องราว ไหว้ 5 ครั้ง
    http://www.saktalingchan.com/index.p...icle&Id=262016

    [​IMG]



    เจ้าพระคุณสมเด็จ พระพุทธโฆษาจารย์ ญาณวรเถร​

    เจ้าพระคุณสมเด็จ พระพุทธโฆษาจารย์ ญาณวรเถร
    วัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร

    1. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ได้เป็นเจ้าอาวาสพระอารามหลวงนี้ เมื่อพระคุณท่านมีอายุเพียง 27 ปี มีพรรษา 7 ยั่งยืนตลอดมาเป็นเวลาช้านานถึง 53 ปีฯ

    2. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯได้รับพระราชทานสมณศักดิ์สถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะ นั้นมีอายุเพียง 56 ปี เท่านั้น ฯ

    3. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งธรรมเนียมการเทศนาธรรมในวันอาทิตย์ขึ้นเป็นแห่งแรก เริ่มเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2471 ติดต่อกันมาถึงปัจจุบันนี้ นับเป็นเวลา 45 ปี ล่วงแล้ว ฯ

    4. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมหาเถรสมาคมบัญชาการคณะสงฆ์แทนพระองค์สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ แลบัญชาการคณะสงฆ์โดยตรงสืบต่อมาเป็นเวลา 5 ปี ( ตั้งแต่ พ.ศ. 2476 ถึง พ.ศ. 2481 ) ฯ

    5. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ได้ถวายพระธรรมเทศนามงคลวิเสสกถาติดต่อกันถึง 4 รัชกาล คือตั้งแต่รัชกาลที่ 6-7-8-9 เป็นเวลาถึง 25 ปี ฯ

    6. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ มีสัทธิวิหาริก-อันเตวาสิก มากที่สุดถึง 6,666 องค์ ฯ

    7. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ เป็นต้นกำเนิดตำราไหว้ 5 ครั้งให้ศิษยานุศิษย์ปฏิบัติตาม หากผู้ใดไหว้ครบ 1 ปี เป็นกำหนด ผู้นั้นจักได้รับรูปที่ระลึกจากองค์ท่านด้านหน้าเป็นรูปองค์ท่าน ด้านหลังเป็นรูปยันต์ภควัม จากกรึกนามองค์ท่านเป็นอักษรย่อ โดยลำดับแห่งราชทินนามนั้น ๆ กระทั่งครั้งสุดท้ายได้จารึก 3 อักษรว่า พ.ฆ.อ. ซึ่งย่อจากราชทินนามว่า พุทธโฆษาจารย์ สมเด็จพระราชาคณะ ฯ

    8. สัทธิวิหาริกของเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ที่มีอายุยืนยาวที่สุด คือ ท่านเจ้าคุณพระโศภณศีลคุณ ( หลวงปู่หลุย พาหิยเถร ) ซึ่งเป็นสัทธิวิหาริกองค์ที่ 23 ปัจจุบันอายุ 92 ปี พรรษา 67 ( เกิด 9 สิงหาคม 2426 ) ยังเดินลงโบสถ์ลงสวดมนต์ทำวัตรได้เป็นประจำทุก ๆ วัน เป็นพระเถราจารย์องค์สำคัญ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือยิ่งของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ

    9. สัทธิวิหาริกของเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ที่ประพฤติปฏิบัติยอดเยี่ยม และเป็นพระเถระองค์สำคัญที่มีเกียรติคุณโด่งดังในปัจจุบัน คือ ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ ธมมฺวิตกฺโก ซึ่งเป็นสัทธิวิหาริกองค์ที่ 1740 ฯ

    ไหว้ 5 ครั้ง ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดเทพศิรินทราวาส

    ในวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ไม่ว่าเวลาใด ตามแต่เหมาะ ต้องไหว้ให้ได้ 5 ครั้งเป็นอย่างน้อย ในคราวเดียวกัน ถ้ามีดอกไม้ ธูปเทียน ก็บูชา ถ้าไม่มีก็มือ 10 นิ้วและปากกับใจ ควรไหว้จนตลอดชีวิต คือ

    ครั้งที่ 1 พึงนั่งกระโหย่งเท้าประนมมือว่า นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสฺมพุทฺธสฺส ฯ 3 หน แล้วว่าพระพุทธคุณ คือ อิติปิ โส ภควา อรหสมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสาน&deg; พุทฺโธ ภควาติ ฯ หยุดระลึกถึงพระปัญญาคุณทรงรู้ดีรู้ชอบสิ้นเชิง พระบริสุทธิคุณทรงละความเศร้าหมองได้หมด พระกรุณาคุณทรงสงสารผู้อื่นและสั่งสอนให้ปฏิบัติตาม ของพระพุทธเจ้า จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    ครั้งที่ 2 ว่าพระธรรมคุณ คือ สฺวากฺขาโต ภควตา ธฺมโม สนฺทิฏฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปนยิโก ปจฺ จตฺต เวทิตพฺโพ วิญฺญหีติ ฯ หยุดระลึกถึงคุณพระธรรมที่รักษาผู้ปฏิบัติตามไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    ครั้งที่ 3ว่าสังฆคุณ คือ สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ อุชุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสฺงโฆ ญายปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสฺงโฆ สามีจิปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสฺงโฆ ยทิทฺ จฺตตาริ ปุริสยุคานิ อฏฐ ปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสฺงโฆ อาหุเนยฺโย ปาหุเนฺยโย ทกฺขิเณยฺโย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรฺ ปุญฺญกฺเขตตฺ โลกสฺสาติ ฯ หยุดระลึกถึงคุณ คือ ความปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติชอบของพระอริยสงฆ์ จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    นั่งพับเพียบประนมมือ ตั้งใจถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ไม่ถือสิ่งอื่นยิ่งกว่าจนตลอดชีวิต ว่าสรณคมน์ คือ

    พุทฺธสรณคจฺฉามิ
    ธมฺมสรณคจฺฉามิ
    สงฺฆสรณคจฺฉามิ ฯ
    ทุติยมฺปิ พุทฺธสรณคจฺฉามิ
    ทุติยมฺปิ ธมฺมสรณคจฺฉามิ
    ทุติยมฺปิ สงฺฆสรณคจฺฉามิ ฯ
    ตติยมฺปิ พุทฺธสรณคจฺฉามิ
    ตติยมฺปิ ธมฺมสรณคจฺฉามิ
    ตติยมฺปิ สงฺฆสรณคจฺฉามิ ฯ

    ครั้งที่ 4 ระลึกถึงคุณมารดาบิดาของตน จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    ครั้งที่ 5 ระลึกถึงคุณของบรรดาท่านผู้มีอุปการคุณแก่ตน เช่น พระมหากษัตริย์ และครูบาอาจารย์เป็นต้นไป จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    ต่อนี้ไปไม่ต้องประนมมือ ตั้งใจพิจารณาเรื่องและร่างกายของตนว่า จะต้องแก่ หนีความแก่ไปไม่พ้น จะต้องเจ็บ หนีความเจ็บไปไม่พ้น จะต้องตาย หนีความตายไปไม่พ้น จะต้องพลัดพราก จากของรัก ของชอบใจทั้งสิ้น มีกรรมเป็นของตัว คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงไม่แน่นอน เป็นทุกข์ลำบากเดือดร้อน เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของตน ฯ ครั้นพิจารณาแล้ว พึงแผ่กุศลทั้งปวงมีการกราบไหว้เป็นต้นนี้ อุทิศให้แก่ท่านผู้มีคุณ มีบิดามารดาเป็นต้น ตลอดจนชั้นสูงสุด คือ พระมหากษัตริย์ ทั้งเทพดามนุษย์และสัตว์ทั้งหลายว่า จงเป็นสุข ๆ อย่ามีเวรมีภัยเบียดเบียนกันและกัน รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด ฯ

    การไหว้ 5 ครั้งนี้ ถ้าวันไหนขาด ให้ไหว้ใช้หนี้ 5 ครั้งในวันรุ่งขึ้น ถ้านั่งกระโหย่งเท้าไม่ได้ ก็นั่งพับเพียบ ถ้าไม่ได้ ก็นอนไหว้ เมื่อยอมือไม่ขึ้นก็ปากกับใจ ถ้าทำได้อย่างนี้ เป็นเครื่องหยุดตนให้เป็นคนดีไม่ให้เป็นคนชั่ว และให้ตั้งอยู่ในที่ดีไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ถ้าผู้ใดประพฤติได้เสมอจนตลอดชีวิต ผู้นั้นจะอุ่นใจในตัวของตัวเอง มีความเจริญงอกงามไพบูลย์ยิ่งๆ ขึ้นเสมอทุกคืนทุกวัน คุ้มครองป้องกันภยันตรายปราศจากความเสียหายที่ไม่เหลือวิสัย และตั้งตัวได้ในทางคดีโลกและทางคดีธรรม เต็มภูมิเต็มชั้นของตน ฯ ทุกประการ จบเท่านี้ ฯ

    ปัจฉิมโอวาท
    ของ
    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ญาณวรมหาเถระ
    วัดเทพศิรินทราวาส

    ไม่ตายควาวนี้ ก็ตายคราวหน้า อย่างเศร้าโศก เสียทีที่ศึกษาปฏิบัติมา ร้องให้เศร้าโศก ก็ร้องไห้เสร้าโศกสังขารที่
    เกิดแก่เจ็บตายนั้นเอง ที่ไม่ร้องไห้เศร้าโศกนั้นมิใช่จะเป็นคนใจไม้ใส้ระกำอะไร

    ธรรมของพระก็คือ
    สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา
    สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา
    สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา
    ย่นลงก็ สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา
    สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา แล้วปรินิพพาน
    ไม่ต้องเกิดมาแก่ มาเจ็บ มาตายอีก

    (มีบัญชาให้บันทึกไว้เมื่อเช้าวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๙๔)
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [​IMG]

    [​IMG]

    "บุญเราไม่เคยสร้าง...ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า"..!

    "ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด
    เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเองคือบารมีของตนลงทุนไปก่อน
    เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่ว ย
    มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สิน ในบุญบารมี
    ที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว... เมื่อทำบุญทำกุศลได้
    บารมี ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว..
    แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้..แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง"...!

    "จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้....
    ครั้นถึงเวลา...ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่..
    จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดินเมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลยจะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า..."

    นี่คือคำเทศนา ของเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรมรังษี ที่ได้โปรดชี้ธรรมไว้ในนิมิตหลังจากที่ท่านล่วงลับไป แล้วเมื่อ 100 กว่าปี อันเป็นปฐมเหตุที่ต้องสร้างความดีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เปลี่ยนอีกแล้ว ป้ายทะเบียน เพิ่มเลขนำอักษรคู่

    �����¹ö �����¹�ա���� ���·����¹ ������Ţ���ѡ�ä��


    [​IMG]

    ป้ายทะเบียนรถ​


    เปลี่ยนอีกแล้วป้ายทะเบียน เพิ่มเลขนำอักษรคู่ เหตุรุ่นปัจจุบันใช้ได้อีกไม่เกิน 3 ปี (ไทยรัฐ)

    กรมการขนส่งทางบกเตรียมแก้กฎหมายออกป้ายทะเบียนรุ่นใหม่ เพิ่มตัวเลขนำอักษรคู่ ตามด้วยเลขทะเบียนแทนของเก่า ที่หมวดอักษรใกล้จะหมดแล้ว โดยเก๋งจะหมดภายใน 3 ปี ส่วนกระบะ 2 ปีครึ่ง..

    รายงานข่าวจากกรมการขนส่งทางบก แจ้งว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ขนส่งได้เสนอร่างกฎกระทรวงเกี่ยวกับการกำหนดลักษณะแผ่นป้ายทะเบียนแบบใหม่ เพื่อทดแทนป้ายทะเบียนแบบเดิมที่ใช้ในปัจจุบัน ให้กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเห็นชอบตามลำดับ เนื่องจากหมวดอักษรที่นำมาจดทะเบียนใกล้จะหมดแล้ว โดยเฉพาะป้ายทะเบียนรถเก๋งจะหมดภายใน 3 ปี ส่วนรถปิกอัพ จะหมดภายใน 2 ปีครึ่ง สำหรับแผ่นป้ายทะเบียนรูปแบบใหม่จะใช้ตัวเลขนำหน้าตัวอักษร 2 ตัว และตามด้วยหมายเลขทะเบียน เช่น 1 กก-1 ถึง 1 กก-9999 แล้วขึ้นหมวดใหม่เป็น 1 กข-1 ถึง 1 กข-9999 ไล่ไปจนครบหมวดอักษรซึ่งจะเรียงหมวดอักษรจาก ก-ฮ ยกเว้นคำที่มีความหมายไม่สุภาพจะไม่นำมาใช้ ขนาดของแผ่นป้ายทะเบียนความยาวจะเพิ่มขึ้น 2 ซม. ส่วนความกว้างเท่าเดิม

    รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่หมายเลขทะเบียนรถหมดเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ เนื่องจากขนส่ง อนุญาตให้นำป้ายทะเบียนรถรุ่นเก่า ซึ่งมีตัวเลขนำตัวอักษร เช่น 1 ก-101 เปลี่ยนมาใช้ทะเบียนแบบใหม่ที่ใช้ในปัจจุบัน โดยการใช้เทียบหมวดอักษรได้ด้วย จึงทำให้หมวดอักษรหมดเร็วขึ้น บางหมวดอักษรที่มีความหมายไม่สุภาพก็จะไม่นำมาจด


    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จาก pm ผมครับ

    ไม่ได้รบกวนครับ

    แต่ผมจะตอบให้ที่กระทู้ พระวังหน้า ฯ นะครับ
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ผมมีพระวังหน้า ที่เป็นรูปเหมือนองค์หลวงปู่อิเกสาโร เป็นเนื้อดิน รูปผมจะไม่ลงบนบอร์ด
    และพระวังหน้า ไม่สามารถไปซื้อขายในวงการพระเครื่องไทยได้

    ผมให้ทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง (ตามลายเซ็นผมด้านล่าง) จำนวน 500 บาท ผมมอบให้ 1 องค์ครับ

    รุ่นนี้ หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า (หลวงปู่อิเกสาโร) และหลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า (หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า หรือหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา) อธิษฐานจิต ส่วนการสร้างนั้น ทราบแต่เพียงสร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ.2428 เท่านั้นครับ

    โมทนาสาธุครับ
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สิงหนาท
    พอมีสมเด็จที่ให้บูชาตามที่ลงในเว็บบอร์ด(พระวังหน้าบรมครู ฯ)ไหมครับเหลืออยู่ไหมครับ พอดีเพิ่งสึกออกมาเลยอยากมีไว้ห้อยคอซักองค์ครับ

    ขอทราบด้วยนะครับว่าสร้างเมื่อใด สร้างที่ไหนครับ

    ขอบคุณครับ

    ขออภัยที่มารบกวนครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    จาก pm ผมครับ

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สิงหนาท
    พอมีสมเด็จที่ให้บูชาตามที่ลงในเว็บบอร์ด(พระวังหน้าบรมครู ฯ)ไหมครับเหลืออยู่ไหมครับ พอดีเพิ่งสึกออกมาเลยอยากมีไว้ห้อยคอซักองค์ครับ

    ขอทราบด้วยนะครับว่าสร้างเมื่อใด สร้างที่ไหนครับ

    ขอบคุณครับ

    ขออภัยที่มารบกวนครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ไม่ได้รบกวนครับ

    แต่ผมจะตอบให้ที่กระทู้ พระวังหน้า ฯ นะครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ส่วนพระสมเด็จ ผมให้ทำบุญ 500 บาทเช่นกัน แต่พระสมเด็จที่ให้ทำบุญ เป็นพระวังหน้า ที่สร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ.2415 สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี อธิษฐานจิต

    แต่พระสมเด็จที่ผมให้ทำบุญ ผมไม่ลงรูปบนเว็บบอร์ด และผมไม่เคยนำรูปลงเว็บบอร์ด ผมจะเป็นผู้ที่เลือกให้เอง

    โดยทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ตามลายเซ็นผมด้านล่างครับ

    โมทนาสาธุครับ
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จาก pm ผมครับ

    พระสมเด็จ วังหน้า เป็นพระที่ไม่สามารถนำไปซื้อขายในวงการพระเครื่องของเมืองไทยได้ แต่สร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ.2415 สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี อธิษฐานจิตเดี่ยวที่ พระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส วังหน้า

    หากจะร่วมบูชา ก็ให้ร่วมทำบุญ ร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง (ตามลายเซ็นผมด้านล่าง) เมื่อโอนเงินร่วมทำบุญแล้ว ก็มาแจ้งในกระทู้พระวังหน้าฯ หรือ กระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งฯ แล้วก็ส่งชื่อ - นามสกุล และที่อยู่มาให้ผม ทาง pm ผมจะจัดส่งพระสมเด็จ วังหน้าไปให้ และหากต้องการผ้ายันต์ครอบจักรวาล หลวงปู่สุภา กันตสีโล ก็ให้แจ้งมา ผมจะได้จัดส่งให้ในครั้งเดียวกัน ซึ่งผมมอบเพิ่มให้ครับ

    โมทนาสาธุครับ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ดึงนักท่องเที่ยวมาอร่อยในไทย กับงาน “มหัศจรรย์อาหารไทย”</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>8 กันยายน 2552 18:30 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>อาหารไทยน่ากินๆ ที่ชาวต่างชาติชื่นชอบ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ททท.จัดโครงการ “มหัศจรรย์...อาหารไทย” (Amazing Tastes of Thailand) ประชาสัมพันธ์อาหารไทยอันเป็นเอกลักษณ์เด่นของ 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และภาคตะวันออก ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากยิ่งขึ้น ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ และกระตุ้นให้อาหารไทยเป็นสินค้าทางการท่องเที่ยวที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้

    อาหารและเครื่องดื่มของไทย เป็นสินค้าทางการท่องเที่ยว ที่มีความหลากหลายและ มีเอกลักษณ์เด่นเฉพาะท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาคของประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศได้เน้นถึงความ เป็นเอกลักษณ์ ของอาหารไทยในแง่มุมของความพิเศษว่าอาหารเป็นปัจจัยที่สำคัญในการดำรงชีวิต คืออาหารไทยเปรียบเสมือนอายุวัฒนะ เนื่องจากเครื่องประกอบปรุงอาหารไทยส่วนใหญ่ เป็นพืชผักสมุนไพร ที่มีสรรพคุณทางยามีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ จึงทำให้อาหารไทยได้รับความนิยม มีการเปิดกิจการร้านอาหารไทยขยายตัวไปทั่วทุกภูมิภาคของโลกอย่ารวดเร็ว ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่กับสินค้าทางการท่องเที่ยวประเภทอื่นเสมอมา

    ดังนั้นเพื่อเป็นการมุ่งเน้นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมสนับสนุนให้อาหารไทยเป็นสินค้าทางการท่องเที่ยว ที่มีความหลากหลาย ให้ชาวต่างชาติได้รู้จักประเทศไทยในเรื่องอาหารไทยที่เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังเป็นการกระตุ้น รณรงค์ สร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ให้เกิดความคึกคักมากขึ้น และจะนำไปสู่การขยายผลต่อตลาดต่างประเทศ ททท. จึงกำหนดโครงการมหัศจรรย์...อาหารไทย(Amazing Tastes of Thailand) ขึ้นในวันที่ 25-27 กันยายน 2552 เวลา 16.00-22.00 น. ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

    สำหรับกิจกรรมภายในงานมีการจัดแสดงและจำหน่ายอาหาร จากร้านสุดยอดอาหารไทยทั้ง 5 ภูมิภาคท่องเที่ยวทั่วประเทศ และจากร้านอร่อย 50 เขต ในกรุงเทพมหานคร รวม 70 ร้าน มีการจำหน่ายสินค้าประเภทอาหารสำเร็จรูป อาหารแช่แข็งประเภทส่งออก สินค้าอาหารในเครือเจริญโภคภัณฑ์ น้ำพริกเผาแม่ประนอม สินค้าประเภท OTOP เป็นต้น ชมการแข่งขันทำอาหารประจำท้องถิ่นกับดาราคนโปรด เพื่อเป็นตัวแทนเรื่องการท่องเที่ยวของจังหวัดนั้นๆ กิจกรรมการแสดงทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และการแสดง Mini-Concert จากศิลปิน Jazz ที่มีชื่อเสียง เช่น โก้ มิสเตอร์แซกแมน

    ชมการจัดนิทรรศการ “มหัศจรรย์...อาหารไทย” เช่น เครื่องปรุงไทย ร สชาติมหัศจรรย์คู่ครัวเรือน ตำนานอาหารไทย น้ำพริกไทย น้ำจิ้มคู่ชาติ อาหารไทยยอดนิยมในต่างแดน มหัศจรรย์ข้าวไทย สุดยอดอาหารไทย สุดยอดอาหารสุขภาพ ชมการสาธิตการทำอาหารไทย หรือการให้ความรู้เรื่องการรับประทานอาหารไทยแท้แบบดั้งเดิม การเผยแพร่ความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทย โดยสถาบันราชภัฏสวนดุสิต ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการทำอาหารที่ไปสู่ระดับนานาชาติ อีกทั้งยังมี Chef หรือ Celebrity ที่มีชื่อเสียง มาแลกเปลี่ยน บอกเล่าประสบการณ์การเปิดร้านอาหารไทย หรือสาธิตการประกอบอาหารไทย เชิญเชฟชาวต่างชาติที่หลงใหลเสน่ห์อาหารไทย มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ เช่น นอร์เบิร์ต คอสเนอร์ จากโรงแรมโอเรียลเต็ล เชิญเชฟชื่อดังที่เป็น Opinion Leader หรือ Celebrity ในต่างประเทศมาร่วมงานและแสดงการทำอาหารไทยซึ่งได้รับความนิยมในต่างประเทศ เช่น นักชิมชาวฮ่องกง(Gourmet King) Leung Man To

    นอกจากนั้นยังมีโครงการ “เชฟกระทะเหล็กไทย...ทั่วโลก” (Amazing Tastes of Thailand) โดยทาง ททท.ได้เชิญกลุ่มเจ้าของร้านอาหารไทย เชฟร้านอาหารไทยในต่างประเทศ และสื่อมวลชนด้านอาหารเดินทางไปทัศนศึกษายังสถานที่ที่สำคัญและน่าสนใจในประเทศไทย อาทิ แหล่งผลิตวัตถุดิบอาหาร แหล่งผลิตสินค้าตกแต่งร้านอาหารและแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย และเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมในงาน “มหัศจรรย์...อาหารไทย” (Amazing Tastes of Thailand) เพื่อนำข้อมูลใหม่ๆให้สื่อมวลชนนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในต่างประเทศ อันจะส่งผลโดยตรงต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทยอีกด้วย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    Travel - Manager Online<!-- google_ad_section_end -->
     
  14. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่ะ....ทดสอบอีกแล้วนะครับ ตอบแบบไม่ต้องกลัวหน้าแตกครับ
    1.ไม่แท้
    2.ไม่มีพลังเลยครับเข้าใจว่าไม่มีผู้ใดอธิษฐานจิตครับ
    หุ หุ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>บทบาทใหม่ของ"เงินหยวน" บนเวทีการเงินและเศรษฐกิจโลก
    Mutual Fund - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>9 กันยายน 2552 10:54 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เมื่อวันศุกร์ที่ 4 กันยายน 2552 ที่ผ่านมา มีการเปิดเผยรายละเอียดของข้อตกลงระหว่างทางการจีนกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เกี่ยวกับการซื้อพันธบัตรที่ออกโดย IMF ของทางการจีน มูลค่า 5.0 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ พันธบัตรที่ออกโดย IMF ในล็อตนี้ อยู่ในรูป SDRs (Special Drawing Rights: SDRs) ซึ่งทางการจีนเปิดเผยว่า จะทำการชำระเงินค่าพันธบัตรดังกล่าวในรูปสกุล “เงินหยวน” แทนที่จะเป็นสกุล “เงินดอลลาร์สหรัฐฯ” ตามที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ในช่วงก่อนหน้า

    โดยของข้อตกลงซื้อพันธบัตรที่ออกโดย IMF ของทางการจีนได้เเเก่ จีนตกลงที่จะซื้อพันธบัตรในรูป SDRs มูลค่า 5.0 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก IMF แต่จะชำระเงินค่าพันธบัตรดังกล่าวในรูปของ “เงินหยวน” โดยจะอ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2552 ซึ่งจะทำให้จีนต้องชำระค่าพันธบัตร SDRs ที่ออกโดย IMF ครั้งนี้ เป็นมูลค่าประมาณ 3.412 แสนล้านหยวน

    โดยการซื้อพันธบัตรที่ออกโดย IMF ของทางการจีนครั้งนี้ เป็นข้อตกลงต่อเนื่องจากการประชุมของกลุ่มประเทศที่ร่ำรวยและเกิดใหม่ 20 ประเทศ (กลุ่มประเทศ G-20) เมื่อเดือนเมษายน 2552 ที่ผ่านมา ซึ่งในการประชุมครั้งนั้น กลุ่มประเทศ G-20 ได้ประกาศเพิ่มเงินทุนสมทบให้กับ IMF อีก 5.0 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุนให้กับ IMF และเพื่อเพิ่มทรัพยากรเงินทุนให้กับ IMF สำหรับนำไปจัดสรรช่วยเหลือให้แก่ประเทศสมาชิกที่กำลังเผชิญกับผลกระทบเกี่ยวเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินโลกในรอบนี้

    ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2552 ที่ผ่านมา Board of Directors ของ IMF ได้มีมติเห็นชอบในการออกพันธบัตรในรูป SDRs สำหรับกู้เงินจากประเทศสมาชิก 186 ประเทศ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่ IMF ดำเนินการจัดหาเงินทุนเพิ่มเติมผ่านการออกขายพันธบัตรให้แก่ประเทศสมาชิก ทั้งนี้ พันธบัตร SDRs ที่ออกโดย IMF ดังกล่าว จะมีการจ่ายดอกเบี้ยเป็นรายไตรมาส โดย IMF ไม่ได้ทำการกำหนดเพดานสำหรับการออกพันธบัตรกู้เงินจากประเทศสมาชิกไว้ในเบื้องต้น ทั้งนี้เพื่อเอื้อโอกาสให้ IMF มีความยืดหยุ่นในการระดมเงินทุนสำหรับการดำเนินการของตน อนึ่ง IMF ได้กำหนดเงื่อนไขสำหรับประเทศสมาชิกที่สามารถซื้อพันธบัตรที่ออกโดย IMF ว่า จะต้องเป็นประเทศที่มีฐานะดุลการชำระเงินที่แข็งแกร่ง

    ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ข้อตกลงซื้อพันธบัตร SDRs ที่ออกโดย IMF ระหว่างทางการจีนกับ IMF ในครั้งนี้ ทำให้เกิดประเด็นที่น่าสนใจ ซึ่งอาจมีนัยต่อการผลักดันบทบาท “SDRs” และ”เงินหยวน” ในเวทีระดับโลก และต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบสกุลเงินสำรองของโลกในระยะถัดไป โดยจากการสังเกตและวิเคราะห์ในเบื้องต้นจะพบว่า ในกระบวนการซื้อพันธบัตรที่ออกโดย IMF ของทางการจีนภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวข้างต้น อาจจะส่งผลทำให้บทบาทของเงินดอลลาร์ฯ หายไปใน 4 ขั้นตอน

    ขั้นตอนแรก คือ การผลักดัน “SDRs” ให้มีบทบาทมากขึ้นในฐานะสกุลเงินหนึ่งที่รองรับการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศ

    ขั้นตอนที่สอง คือ การใช้ “เงินหยวน” แทน “เงินดอลลาร์ฯ” ชำระค่าพันธบัตร SDRs ที่ออกโดย IMF ก็เท่ากับว่าเป็นการลดบทบาทของ “เงินดอลลาร์ฯ” ในการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศลงอีกทางหนึ่งด้วยเช่นกัน

    ขั้นตอนที่สาม คือ พันธบัตร SDRs ที่ออกโดย IMF อาจเป็นตัวเลือกหนึ่งสำหรับกระบวนการกระจายทุนสำรองระหว่างประเทศของธนาคารกลางต่างๆ ออกจาก “สินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ฯ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก IMF ทำการระดมเงินทุนด้วยการออกพันธบัตร SDRs อย่างต่อเนื่องในอนาคต

    และขั้นตอนสุดท้าย คือ IMF อาจใช้ “เงินหยวน” ที่ได้รับชำระค่าพันธบัตร SDRs จากทางการจีน ไปทำการปล่อยกู้ และ/หรือให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินแก่ประเทศสมาชิกที่ประสบปัญหา ซึ่งเท่ากับเป็นการทำให้เงินหยวนเข้าไปอยู่ในทุนสำรองของประเทศที่ขอรับความช่วยเหลือจาก IMF โดยปริยาย (และเป็นการลดบทบาทของเงินดอลลาร์ฯ ในอีกทางหนึ่ง)

    อย่างไรก็ตามว่า นัยสำคัญของการใช้เงินหยวนในการซื้อพันธบัตร SDRs ที่ออกโดย IMF นับได้ว่าเป็นกระบวนการต่อเนื่องหนึ่งของทางการจีนในการเพิ่มบทบาทให้กับ “สกุลเงินหยวน” ในระดับสากล หลังจากที่ได้ผลักดันประเด็นของการใช้ “ระบบ SDRs” เป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลกแทน “เงินดอลลาร์ฯ” ในช่วงการประชุมต้นเดือนเมษายน 2552 ของกลุ่มประเทศ G-20 มาแล้ว เนื่องจากปัจจัยลบพื้นฐานของเงินดอลลาร์ฯ จากภาระทางด้านการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ และนโยบายการเงินในเชิงที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งที่นำไปสู่การด้อยค่าของสินทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์ฯ ในทุนสำรองระหว่างประเทศของจีน และธนาคารกลางหลายๆ ประเทศ

    นอกจากนี้ การที่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่รายใหญ่ อาทิ จีน รัสเซีย และบราซิล ต้องการเพิ่มเงินทุนให้กับ IMF ในรูปของการซื้อพันธบัตรที่ออกโดย IMF แทนที่จะดำเนินการในรูปแบบเดิมๆ (ซึ่งเงินทุนของโครงการเงินกู้ของ IMF ได้มาจากการชำระเงินค่าโควต้าของประเทศสมาชิกเป็นสำคัญ) นั้น อาจมีวัตถุประสงค์แฝงในการเพิ่มอำนาจการต่อรองในเวที IMF โดยรายงานข่าวในช่วงการประชุม G-20 ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 4-5 กันยายน 2552 ที่ผ่านมา ระบุว่า กลุ่มประเทศ BRIC ประกอบด้วย ประเทศบราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) และจีน (China) ได้เสนอให้เพิ่มโควต้าใน IMF สำหรับประเทศกำลังพัฒนา 7% เพื่อให้สอดคล้องกับความแข็งแกร่งของกลุ่มประเทศ BRIC ในระบบเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ สัดส่วนดังกล่าวมากกว่าข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่เสนอให้เพิ่มเพียง 5%

    ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาในระยะอันใกล้นี้ ก็คือ ข้อตกลงในการซื้อพันธบัตร SDRs ที่ออกโดย IMF ระหว่าง IMF กับนักลงทุนรายอื่นๆ อาทิ ประเทศบราซิล และรัสเซีย ซึ่งได้แสดงเจตจำนงในการซื้อพันธบัตร IMF รายละ 1.0 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (อินเดีย ก็ได้เคยประกาศว่า จะซื้อพันธบัตรที่ออกโดย IMF ด้วยเช่นกัน) ว่าจะมีการชำระเงินในรูปสกุลเงินอื่นใดนอกเหนือจากเงินดอลลาร์ฯ หรือไม่ ขณะที่ แนวทางการบริหารเงินหยวนที่ได้รับชำระค่าพันธบัตร SDRs ของ IMF ก็เป็นประเด็นที่น่าติดตามด้วยเช่นกัน เนื่องจากบทบาทของ IMF ในฐานะที่เป็นองค์กรระดับโลกที่สามารถกระจายความช่วยเหลือด้านเงินทุนให้กับประเทศสมาชิกถึง 186 ประเทศทั่วโลก อาจทำให้บทบาทของเงินหยวนในเวทีระดับโลกสามารถขยายตัวออกไปได้เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

    สำหรับประเทศไทย การที่ ”เงินหยวน” มีบทบาทมากขึ้นในธุรกรรมระหว่างประเทศนั้น อาจทำให้ผู้ส่งออกของไทยต้องเล็งเห็นความสำคัญของการกระจายรายได้จากการส่งออกเป็นสกุลเงินอื่นๆ (นอกเหนือจากเงินดอลลาร์ฯ) อาทิ เงินหยวน เพิ่มมากขึ้น ซึ่งประเด็นดังกล่าว ก็เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับประเด็นที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้แนะนำมาโดยตลอด ประกอบกับในขณะนี้ ก็ได้มีรายงานข่าวเกี่ยวกับการที่ธปท.กำลังทำการศึกษาถึงข้อดี-ข้อเสียของการทำข้อตกลง สว็อปสกุลเงินหยวนในระดับทวิภาคีกับทางการจีน ซึ่งสำหรับประเทศไทยแล้ว ธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศในรูปเงินหยวนก็อาจมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในระยะถัดไปตามการเติบโตของการค้าระหว่างไทย-จีน ซึ่งได้กลายมาเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญลำดับที่ 3 ของไทยแล้วในขณะนี้

    หมายเหตุ - ส่วนประกอบของสกุลเงินหลักในตะกร้า SDRs ที่ได้มีการทบทวนล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2549 ซึ่งอิงตามบทบาทความสำคัญของแต่ละสกุลเงินในระบบการค้าและการเงินโลกนั้น ประกอบด้วย เงินยูโร (34%) เงินเยน (11%) เงินปอนด์สเตอริงก์ (11%) และเงินดอลลาร์ฯ (44%) โดย IMF จะทำการประกาศค่าของ SDRs เป็นรายวันผ่านทางเว็บไซต์ของ IMF ทั้งนี้ IMF จะมีตารางทบทวนส่วนประกอบของสกุลเงินหลักในตะกร้า SDRs ครั้งต่อไปในช่วงปลายปี 2553 อนึ่งในปัจจุบัน SDRs ทำหน้าที่เป็นหน่วยทางบัญชีมากกว่าจะมีบทบาทในรูปสกุลเงินระหว่างประเทศ

    ที่มาศูนย์วิจัยกสิกรไทย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ผมมาถามสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า และคณะพระวังหน้าครับ

    #33546

    จากรูป พระสมเด็จ
    [​IMG]

    คำถามมีอยู่ว่า

    1.พระสมเด็จ องค์นี้ แท้ หรือไม่ แท้
    หากตอบว่า ไม่แท้ ก็ให้ตอบปัญหาในข้อที่ 2 เพียงข้อเดียวและสิ้นสุดการตอบคำถาม แต่หากตอบว่า แท้ ก็ให้ตอบข้อที่ 3 ต่อไป
    และหากตอบว่า ไม่แท้ ขอให้ตั้งจิต ขอขมา ว่า ขอขมาหากว่า องค์พระสมเด็จองค์นี้แท้ ด้วยครับ

    2.พระสมเด็จองค์นี้ มีองค์ผู้อธิษฐานจิตเพิ่มเติมภายหลังหรือไม่

    3.พระสมเด็จองค์นี้ เนื้อปูนสอ หรือ เนื้อปูนเพชร

    4.พระสมเด็จองค์นี้ องค์ไหนเป็นผู้อธิษฐานจิต

    5.จากข้อที่ 3 มีองค์ผู้อธิษฐานจิตเพิ่มเติมภายหลังหรือไม่

    สิ้นสุดการตอบในวันที่ 11 กันยายน 2552 เวลา 18.00 น.(เวลาในเว็บพลังจิต)

    ไม่มีรางวัลนะครับสำหรับคำถามในครั้งนี้ แต่เป็นการลับสมอง ประลองปัญหาเอ้ย ปัญญา และถกปัญหากันครับ

    ขอบคุณครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ่า มาตอบ หรือ มาป่วนครับเนี่ย

    (||)(||)(||)(||)(||)

    .
     
  17. littlelucky

    littlelucky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +1,938
    ขอร่วมตอบครับ
    คำถามมีอยู่ว่า

    1.พระสมเด็จ องค์นี้ แท้ หรือไม่ แท้
    หากตอบว่า ไม่แท้ ก็ให้ตอบปัญหาในข้อที่ 2 เพียงข้อเดียวและสิ้นสุดการตอบคำถาม แต่หากตอบว่า แท้ ก็ให้ตอบข้อที่ 3 ต่อไป
    และหากตอบว่า ไม่แท้ ขอให้ตั้งจิต ขอขมา ว่า ขอขมาหากว่า องค์พระสมเด็จองค์นี้แท้ ด้วยครับ
    ไม่แท้ครับ
    2.พระสมเด็จองค์นี้ มีองค์ผู้อธิษฐานจิตเพิ่มเติมภายหลังหรือไม่
    ไม่มีแน่นอนครับ
    หากผิดพลาดประการใด ผมขอขมาพระรัตนตรัย ขออดโทษให้ผมด้วย ตราบบัดนี้จนกว่าจะเข้าพระนิพพานครับ สาูธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2009
  18. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    วันนี้เพิ่งคุยกับคุณหนุ่มเรื่องพระพิมพ์จุฬามณีเอง (หรือเรียกจุฑามณีก็ไม่ทราบ ท่านใดทราบก็ขอทราบความหมายด้วยครับ จะได้ไม่เรียกกันผิดๆอีก) ให้พี่ท่านหนึ่งไป ก็เลยต้องรบกวนคุณหนุ่มอีกแล้ว...

    พี่ท่านหนึ่งได้ตรวจสอบทางฌานสมาธิแล้ว ท่านบอกว่า พิมพ์นี้ท่านเรียกว่าพิมพ์เกศแก้วจุฬามณี การเรียกนี้เกิดจากในสมาธิเนื่องจากว่า เขาไม่เคยเห็นพระของจริงว่ามีหน้าตาอย่างไรมาก่อน แต่เห็นในสมาธิว่าให้มาเอา"พระเกศแก้วจุฬามณี"ที่ผม(ผมได้จากร้านขายของเก่าราว ๑๐ ปีมาแล้ว) แล้วพูดพลางเขียนภาพให้ผมดู ปรากฎเป็นพระพิมพ์นางพญาประทับเหนือฐานสิงห์ ๓ ชั้น พิมพ์นี้ในปัจจุบันมีผู้นำไปจัดสร้างกันหลายที่ แต่ไม่มีที่ใดเลยที่มีความสวยงามเท่างานของวังหน้า ทั้งช้อย ทั้งงดงาม เนื้อหาทรงพิมพ์ก็งดงามเกินบรรยาย เอาเป็นว่าดูเป็น ๓ มิติได้ ไม่ใช่มิติเดียว หรือ ๒ มิติที่สร้างกัน ฝีมือห่างกันมาก.......

    ผมทดสอบนำองค์ที่สร้างในปี ๒๔๕๑ ให้พี่เขาไป เขากลับรู้ว่า ไม่ใช่องค์ที่ต้องการ ท้ายสุดบังเอิญค้นเจอ เลยต้องยอมเขามอบให้พี่เขาไป เพราะคิดว่าคุณหนุ่มน่าจะเป็นที่พึ่งในยามคับขันนี้ได้..หุ..หุ.....
     
  19. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    55555
    ตื่นมาตอนเช้า ทำไมถึงมีพลังแล้วไม่ทราบครับแต่ไม่แรงเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นกลับคำให้การครับ หุ หุ
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ควรจะเรียกว่า พิมพ์จุฬามณี ตามชื่อพระเจดีย์จุฬามณีบนสวรรค์ครับ

    อย่างไรก็แล้วแต่ จะพยายามหาให้นะครับคุณเพชร เนื่องจากพิมพ์นี้ วาระในการได้มา นานมากแล้วครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...