เมื่อ"ฆราวาสโสดาบัน"ถามปัญหา"หลวงปู่สิมอรหันต์"

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 20 กันยายน 2009.

  1. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านครับ ความจริงย่อมหนีความจริงไม่พ้นหรอกครับ
    ผมขอยกนิ้วให้ด้วยใจจริง ที่พยายามปัดให้พ้นตัว

    [​IMG]

    ซูโก้ย......โบ้ยแหลก

    ;aa24
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านครับ ผมไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมท่านจึงยกมือไหว้หัวตอดีกว่าไหว้ผม
    เพราะหัวตอมันเถียงท่านไม่เป็น ท่านจะพูดมั่วอะไรออกไปก็ได้ใช่มั้ยครับ?

    ใครกันแน่ครับที่ สมาธิสั้นเอามากๆ ท่านเองพยายามบอกอยู่เสมอว่า
    ศีลมีไว้กำกับกาย วาจา เท่านั้น แสดงว่า กาย วาจา เป็นผู้รักษาศีล

    ซึ่งผมแย้งว่า ต้องรับศีลมากำกับจิตแล้ว เมื่อจิตมีเจตนาที่จะงดเว้น
    จึงจะไปควบคุมกาย วาจา ให้แสดงออกมาอีกที

    ท่านก็พยายามดันทุรังเพื่อชนะเท่านั้น โดยที่มีท่านอื่นมาเตือนแล้วก็ตาม


    ท่านเองก็เถียงคอเป็นเอ็นว่า ไม่เกี่ยวข้อกับจิตเลย ดูหลักฐานเอานะครับ

    เชิญดูหลักฐานได้เลยครับ

    ;aa24
     
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านธรรมภูติ มีตอนไหนครับที่ผมบอกว่า กายเป็นผู้รักษาศีล นี้และน่าที่
    บอกว่าความจำสั้น สอนของใหม่ก็ลืมของเก่า ผมไปเอากระทู้เก่าที่เราเคย

    เถียงกันไว้เมื่อตอนสนทนากันครั้งแรก ผมบอกว่า กาย วาจาต้องมีศีล
    คอยกำกับครับ ไม่ใช้อย่างที่ท่านว่าซักหน่อย เชิญดูหลักฐาน
    ....ผมยกมาให้ท่านดูที่คคห.ที่๔๙ ท่านพอจะรู้แล้วนะครับว่าใครกันแน่ที่ความจำสั้น สอนของใหม่ก็ให้ลืมของเก่า ท่านครับแล้วต่างกันตรงไหนที่ว่า มีศีลคอยกำกับกาย วาจา ไม่ใช่กำกับจิต เพื่อให้จิตมาควบคุมกาย วาจาอีกที ที่ท่านคิดก็แสดงออกมาชัดเจนแล้วว่า กาย วาจามีศีลกำกับและทำตาม ก็แสดงว่า กาย วาจาเป็นผู้รักษา ไม่ใช่จิต อย่าปฏิเสธอีกหละ หลักฐานมีอยู๋ทนโท่....ท่านธรรมภูติครับ ถ้ามีใครมาบังคับให้ผมยกมือไหว้ ระหว่างตัวท่านกับหัวตอ ผมเลือกยกมือไหว้หัวตอดีกว่าครับ
    ....เห็นหลักฐานแล้วใช่มั้ย? ท่านยกมือไหว้ผมด้วยความเต็มใจได้แล้วใช่มั้ยครับ ยังไงผมก็ดีกว่าหัวตออยู่วันยังค่ำ เพราะไม่ปล่อยให้ท่านพูดเหลวไหลอะไรออกมาง่ายๆ....แล้วไอ้คำพูดของท่านที่ท่านย้อนถามผมว่า"แบบนี้คนตายก็รับศีลรักษาศีลได้สิ" ทำมั้ยทำไมมันตลกสิ้นดี ย้อนถามได้ไร้เดียงสาจัง....ท่านครับตลกตรงไหนครับ ในเมื่อท่านเชื่อว่าศีลมีไว้กำกับกาย วาจาเท่านั้น ไม่ใช่มีไว้กำกับจิตใจ ผมถึงต้องถามไปหละครับว่า ทำไมถึงกำกับคนตายไม่ได้หละ? เพราะคนตายนั้น จิตออกจากร่างไปเสียแล้วใช่มั้ย???....

    ;aa24<!-- google_ad_section_end -->
     
  4. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ไปได้น้ำขุ่นๆนะครับ การกระทำที่ไม่เอาไหนของคนบางคนที่มีต่อครูบา
    อาจารย์....ท่านพูดได้ถูกต้องแล้วครับ กระทำที่ไม่เอาไหนของคนบางคนที่กล่าวหาว่าครูบาอาจารย์สอนธรรมคลาดเคลื่อน...ไม่มีใครเขาอยากฟื้นฝอยหรอกครับ มันบาป คำพูดเหล่านั้น
    สมควรลงถังขยะครับ ตัวท่านบอกท่านแย้งได้ ผมทั้งแย้งพร้อมยกตัวอย่างให้
    ท่านดูก็โดนท่านด่ากลับมาทุกที่....ท่านครับ แบบนี้หรือครับที่บอกว่าไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ ผมว่าสมควรโยนลงถังขยะเพราะว่ากล่าวร้ายครูบาอาจารย์ฝ่ายปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนาเป็นประจำ มันบาป ส่วนคำพูดท่านที่โดนผมโต้แย้งกลับมานั้น เพราะมันขาดเหตุผลสิ้นดี อย่าใช้คำว่าด่าเลยครับ มันรุนแรงเกินจริงไปครับ... หรือท่านต้องการหลักฐานอีก ผมจะได้ไปหามา วิธีปฏิบัติที่ท่านได้เที่ยวตะโกนบอกใครว่าผมคิดแต่เรื่องอกุศล ต้อง
    อย่างท่านมั่นรักษาจิตให้บริสุทธิ์ เรื่องอกุศลอย่าได้กลายใกล้ แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม....ท่านครับหรือว่าไม่จริง ท่านก็พูดเองเสมอๆว่า อกุศลจิตท่านห้ามมันไม่ได้ ก็แสดงว่าในหัวท่านนั้นคิดแต่เรื่องอกุศลใช่มั้ยครับ??? เพราะกุศลจิตท่านห้ามมันได้นิครับ....
    <!-- google_ad_section_end -->ท่านครับ เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือครับที่ว่า รักษาจิตให้บริสุทธิ์ เรื่องอกุศลอย่าได้กลายใกล้
    ส่วนการกระทำนั้น ผมก็บอกไปแล้วว่าทำไปในฐานะพุทธบุตรที่ดีเท่านั้น ในเมื่อมีคนบอกว่าเมื่อพบพระพุทธเจ้าให้ฆ่าซะ ผมจะยอมได้ยังไงหละครับ? เป็นท่านๆจะยอมหรือครับ???....

    ;aa24
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    [​IMG]

    เอานะ...คุณ"กบฏศาสนาร่วมพัฒนาชาติไทย" คุณก็อ่านใหม่ให้ดีๆสิ ในประโยคที่
    คุณ kengkenny เขาคัดมาจากหนังสือ

    ใครๆก็ทราบว่า ตัวตัณหาคือ สมุทัย .....แต่ในประโยคเขียนว่า จิตส่งออกนอกเป็น
    สมุทัย ประโยคนี้หากสังเคราะห์ออกมา ประธานของประโยค เป็น จิต

    คุณพี่"กบฏศาสนาร่วมพัฒนาชาติไทย" ลองตรึกถึง จิต(เรา) ในแบบของพี่ก็ได้ว่า
    พี่"กบฏศาสนาร่วมพัฒนาชาติไทย"จะยอมรับไหมว่า จิต(เรา)อะไรของพี่หนะมัน
    เป็น สมุทัย .......

    แน่นอนเลยว่าคุณพี่"กบฏศาสนาร่วมพัฒนาชาติไทย" ต้องไม่ยอมรับแน่ๆว่า จิต(เรา)
    ที่คุณพี่"กบฏศาสนาร่วมพัฒนาชาติไทย"อบรมไว้ดีแล้วมันจะเป็น สมุทัย ได้ หรือยัง
    เป็นจิต(เรา)ที่คุณพี่อบรมไว้แล้วมันยังกลายเป็น ตัณหา ได้อีก

    เห็นไหมว่า คุณพี่"กบฏศาสนาร่วมพัฒนาชาติไทย"เองก็ต้องปฏิเสธ แต่ทำไม่คราวนี้
    ลืมหลักกูของตัวเองไปเสีย แล้วหน้ามืดไปเห็นดีกับการกล่าวหา"พวกดูจิต"ทั้งกระบิ

    ดังนั้น พระท่านให้อรรถาอธิบายว่า จิตตัวมันไม่ใช่สมุทัย แต่เป็นเพราะกิเลสตัณหาที่
    จรเข้าไปในจิต ไปปรุงจิตต่างหาก ...จิตที่ปรุงได้...และถูกปรุงได้..ส่งออกนอกตาม
    แรงตัณหาผลักไป..ตัวมันเองจึงเป็นตัวทุกข์

    แต่ขอโทษนะ พอบอกว่าจิตเป็นตัวทุกข์ ด้วยหลักกู จิต(เรา) ของคุณพี่"กบฏศาสนาร่วม
    พัฒนาชาติไทย" เห็นเข้าก็ปฏิเสธอีกแหละ เพราะจิต(เรา)ตามหลักดูของ คุณพี่"กบฏ
    ศาสนาร่วมพัฒนาชาติไทย"นั้นมันอบรมดีแล้ว

    พูดซื่อๆ คือไม่ว่าพระท่านนี้ หรือ พระท่านนั้น กล่าวอธิบายโศลกธรรมบทของหลวงปู่
    ดูลย์ออกมาแล้ว หลักกู จิต(เรา)ของคุณพี่"กบฏศาสนาร่วมพัฒนาชาติไทย" ก็ปฏิเสธ
    หมด.....ปฏิเสธมากกว่าพระท่านอธิบายเสียอีก

    แต่แปลกนะ ถึงแม้ว่าใครจะกล่าวหาว่า พระท่านนั้นปรามาสโศลกบทของหลวงปู่ดูลย์
    ว่าผิด แต่พระท่านนั้นก็ยังใช้รูปประโยค โศลกบทตามเดิม ไม่ได้แก้ไขอะไรเลย ในทาง
    การประพันธ์หรืองานเขียน แบบนี้เขาเรียกว่า ให้ความเคารพ ครับ ถ้าพระท่านนั้นไม่ให้
    ความเคารพจริงอย่างที่ถูกกล่าวหา พระท่านก็ต้องเปลี่ยนรูปประโยคไปเลย

    [​IMG]

    ตัวอย่างเช่น ทำแบบคุณพี่"กบฏศาสนาร่วมพัฒนาชาติไทย"

    "จิต(เรา)ที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
    ผลอันเกิดจากจิต(เรา)ที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
    จิต(เรา)เห็นจิต(เรา)อย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
    ผลอันเกิดจากจิต(เรา)เห็นจิต(เรา) เป็นนิโรธ"

    ถ้าแทนที่แบบเบ็ดเสร็จตามหลักกู ของคุณพี่"กบฏศาสนาร่วมพัฒนาชาติไทย" ก็จะเป็น

    "เราที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
    ผลอันเกิดจากเราที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
    เราเห็นเรา อย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
    ผลอันเกิดจากเราเห็นเรา เป็นนิโรธ"

    ขอโทษนะ ทันทีที่แทนที่คำด้วยหลักกูของคุณพี่ "กบฏศาสนาร่วมพัฒนาชาติไทย"
    จะเห็นทันทีเลยว่า เป็นนิพพานพรหม


    * * ** * * *

    ปกิณกะ :

    พระท่านหนึ่ง ได้รับหนังสืออนุสรณ์ในงานศพเป็นหนังสือธรรมะเล่มหนึ่ง ซึ่งเนื้อหา
    ของหนังสือเล่มนั้นทั้งเล่มเป็นประวัติของพระท่านหนึ่งซึ่งคงเป็นที่เคารพของบุคคล
    ผู้เป็นเหตุให้มีงานศพในครั้งนั้น ...แล้วเผอิญปกในท้ายหนังสือ มันว่าง จึงได้มีการ
    พิมพ์ธรรมบทของหลวงปู่ดูลย์ไว้สั้นๆ ปราศจากคำอธิบาย ....พระท่านนั้นได้เห็น
    ธรรมบทนั้นก็เกิดระลึกทางธรรมได้...จึงได้เป็นย่างก้าวแรกที่ทำให้พระท่านดั้นด้น
    ไปหาหลวงปู่ดูลย์

    พูดตามหลักการ ธรรมบทที่เป็นตัวหนังสือสี่บรรทัดนั้น คือ สรณะธรรม ที่เป็นพ่อแม่
    แท้จริงของพระท่านนั้น ....โดยมีสังฆสรณะหลวงปู่ดูลย์เป็นผู้บรรยายให้เข้าใจทาง

    "จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
    ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
    จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
    ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต เป็นนิโรธ"

    ธรรมบทนี้จึงปรากฏทุกที่ ทุกเวลา ที่พระท่านนั้นเทศน์ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ประโยคนี้
    จะถูกดัดแปลง หรือ ถูกกล่าวหาว่าผิดในเมื่อประโยคนี้เสมือน พ่อแม่ แท้จริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2009
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อ้ออีกนิด คุณพี่ธรรมภูติ"กบฏศาสนาร่วมพัฒนาชาติไทย" ได้ฟังเทศน์ชุดใหม่
    ของพระท่านนั้นที่คุณพี่ไปอาศัยความบริสุทธิ์ของท่านมาเป็นเครื่องมือของตน...หรือยัง

    มีบางช่วงน่าสนใจนะ

    พระท่านนั้นพูดเสียงดังฟังชัดว่า "สัมมาสมาธิ ไม่ใช่ ฌาณ เชน อะไร" รายละเอียด
    เป็นอย่างไรไปหาฟังเอาเอง เพราะคุณพี่"กบฏศาสนาร่วมพัฒนาชาติไทย" ชอบ
    พูดเหลือเกิดว่า ฌาณคือส่วนนิโรธน..คือมรรค..คือสัมมาสมาธิ...แต่ทำไมพระ
    ท่านที่เทศนดงฟังชัดกลับบอกว่า สัมมาสมาธิไม่ใช่ฌาณ !?

    ด้วยความจำกัดและสะดวกต่อระบบผมไม่อาจนำมาแสดงทั้งหมดได้ ดังนั้นอย่าตำหนิ
    ผมเลยว่า ผมเอามาแสดงแค่บางส่วน ของแบบนี้ต้องเข้าใจกันนะ ไม่ใช่ผมแสดง
    แค่บางส่วนพี่ก็มั่วซั่วมาต่อว่าผม...เหตุเพราะผมแสดงไม่ครบ.....แบบนี้มันคนไม่รู้โลก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2009
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คำว่า จิตส่งออกนอก เป็นสมุทัย นั้น กินความลึกซึ้งไปจนถึงอวิชชา
    หมายความว่า เมื่อเผลอส่งจิตออกนอก เมื่อใดย่อมเป็นเหตุแห่งทุกข์

    แต่ ให้สังเกตุให้ดีอย่างหนึ่งว่า การพิจารณาสิ่งใดๆ ก็ตามที่เกิดกับตนนั้น ไม่ใช่การส่งจิตออกนอก แต่ นั้นแหละ คือ ความมีสติวกกลับเข้าสู่ การพิจารณาสมุทัย เป็นอริยสัจ ซึ่งเรียกว่า ธรรม

    ไม่ใช่ไปกลัวว่า อะไรๆ ก็สมุทัยไปทั้งหมด
    เรื่องนี้ เราต้องหมั่นสังเกตุ แยกกองกิเลส กับกองธรรม ออกจากใจให้ดี

    ผลอันเกิดจากใจที่ส่งออกนอกเป็นทุกข์ นั้นเพราะว่า อวิชชาเป็นตัวกระทำ

    จิต เผลอ กับ มีความคิดต่างกัน จิตตั้งมั่น แต่คิดพิจารณา แบบนี้เรียกว่า จิตไม่ออกนอก
    แต่ ถ้าจิตเผลอ จิตไม่ตั้งมั่น แม้ดูจิตอยู่ ก็ยังถือว่า ส่งจิตออกนอก เพราะมันดูแบบเหม่อๆ ก็ได้

    การเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง นั้นหมายความว่า เราทราบดีแล้วว่า จิตนี้ออกไปด้วยอกุศล หรือ จิตนี้มีพฤติจิตด้วยกุศล จิตนี้สงบ จิตนี้ตั้งมั่น จิตนี้กำลังกระสับกระส่าย นี่เรียกว่า เห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง ซึ่งแน่นอนว่า พระอริยบุคคลเท่า่นั้นที่จะเห็นได้

    เมื่อ เห็นจิตแห่งความแปรปรวนตัวสุดท้ายดับลง ก็เรียกว่า นิโรธ แต่ผู้เห็นนิโรธ นั้นไม่ดับ
    เรียกว่า ฐีติจิต
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ทุกข์ ของพระอริยะเจ้า จะตัดสมมติไป
    เช่น ทุกข์ของคนธรรมดา สูญเสียคนรัก นี้ คือ ทุกข์ของปุถุชน
    แต่ ของพระอริยะเจ้า จะย่นเข้ามา เช่นว่า ขณะนี้ จิตนั้นมีอารมณ์อย่างไร
    ย่นเข้ามา ว่า จิตนั้นสัมผัสกับอะไร
    ย่นเข้ามา ว่า จิตนั้นมีเรื่องราวอะไร
    ย่นเข้ามาว่า จิตนั้นโง่อะไร
    แล้ว ดับ

    ดังนั้น เหตุการณ์ภายนอก ไม่ได้มีผลต่อพระอริยเจ้า เพราะท่านดับ สมุทัย ได้ตรงเป้า แล้วย่นมาเรื่อยๆ จนดับทั้งหมด ดังนั้น กองสังขารแห่งทุกข์ ก็ดับไปทั้งหมด

    นี่ อ่านแล้วทบทวนให้ดี
     
  9. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เหตุภายนอก เป็นสมมติไหม ถ้าเป็นสมมติ นั่นแปรปรวน ก็ตัดทิ้ง
    มองให้เห็นความจริงเป็นลำดับ แล้วจะเห็นความจริงที่ยิ่งกว่าเดิมนั้น แปรปรวน อีกก็ตัดทิ้ง
    ย่นเข้ามาเรื่อยๆ

    ดังนั้น การพิจารณา สิ่งต่างๆ ต้องพิจารณาให้เกิด สภาพ ธรรม คือ ยอมรับธรรมเข้ามาในจิตในใจว่า สิ่งนั้นสิ่งนี้ เป็นจริง จนเรายอมรับ

    ปัญหาคือ มันไม่ยอมรับ นั่นเพราะว่า ธรรมยังไม่ลงสู่ใจ การทำให้ธรรมลงสู่ใจ คือ ต้องอาศัยปัญญา ทบทวน ตามความจริง แล้วใจนี้กับธรรมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จึงเรียกว่า
    บรรลุธรรม
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    การเหม่อดูจิต คือ สีลพตรปรามาส เรียกว่า ดูไปอย่างนั้น เพราะว่า เชื่อคนอื่นมาว่า ดูแล้วจะเห็น แล้วมันจะดับไปเอง

    นี่เรียกว่า ฟังเขามา แล้วปักใจไป

    สมุทัย ต้องสืบสาวราวเรื่องให้เจอว่า โง่อย่างไร นั้นแหละ จึงเรียกว่า เจอธรรม

    เช่น คนกลัวสัมภาษณ์งาน ก็ให้ทำจิตให้ตั้งมั่น แล้วค้นหาว่า เรากลัวอะไร เขาจะมาฆ่าเราหรือ หาว่า ตัวกลัวนี้มันตั้งตรงไหนในจิตใจเรา แล้วมันเกิดจากอะไร
    มันจะเห็นถึงความไร้สาระทันที แล้วหมั่นพิจารณาเรื่อยๆ จิตจะค่อยๆ ยอมรับธรรม เป็นอัตโนมัติ เหมือน พ่อแม่สอนเด็ก แต่นี่เราสอนใจตัวเอง ใจเราเองนี้ต้องซักฟอกให้มันฉลาดขึ้น ให้มันเห็นจริง
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ใครจะดูจิต ก็ดูไป เป็นการเริ่มต้นที่ดี
    แต่เมื่อ จิตใจมีสมาธิแล้ว ให้พิจารณาด้วย
    ศึกษาด้วย ทำสมาธิ ด้วย จึุงจะผ่านกองทุกข์ไปได้

    เมื่อมีทุกข์ใดๆ เข้ามา แล้ว เมื่อหลุดพ้นกองนรก แล้ว ทุกข์ใดๆ เข้ามาจะเป็นเพียงผัสสะ
    แล้วดับลงไปทันใด เพราะ อำนาจตัณหา และ ภพชาติ นั้นไม่มี มีแต่ตัวปัญญาที่มองเห็นความจริง

    ขอตัว
     
  12. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    เอานะ...คุณ"กบฏศาสนาร่วมพัฒนาชาติไทย" คุณก็อ่านใหม่ให้ดีๆสิ ในประโยคที่
    คุณ kengkenny เขาคัดมาจากหนังสือ....เอานะ....ท่านแสง "กบฏศาสนาที่ไม่ร่วมพัฒนาชาติไทย" ผมจะอ่านไปเพื่ออะไรครับ??? ทุกครั้งที่โดนจับได้ก็โบ้ยไปให้ว่าคนอื่นทำทุกที...

    ใครๆก็ทราบว่า ตัวตัณหาคือ สมุทัย .....แต่ในประโยคเขียนว่า จิตส่งออกนอกเป็น
    สมุทัย ประโยคนี้หากสังเคราะห์ออกมา ประธานของประโยค เป็น จิต....ท่านครับตัณหาเกิดขึ้นที่ไหน??? ที่จิตใช่มั้ย เพราะจิตโดนอวิชชาครอบงำ จึงเกิดตัณหา(สมุทัย)ที่ชอบแส่ส่ายออกไปหาอารณ์...ตอนนี้ท่านแสงมีประธานของประโยคได้แล้วหรือครับ?...ปรกติที่เห็นๆไม่เคยมีประธานของประโยคเลยนิครับท่าน....

    คุณพี่"กบฏศาสนาร่วมพัฒนาชาติไทย" ลองตรึกถึง จิต(เรา) ในแบบของพี่ก็ได้ว่า
    พี่"กบฏศาสนาร่วมพัฒนาชาติไทย"จะยอมรับไหมว่า จิต(เรา)อะไรของพี่หนะมัน
    เป็น สมุทัย .......ท่านแสง "กบฏศาสนาที่ไม่ร่วมพัฒนาชาติไทย" จิตที่ส่งออกเป็นเหตุแห่งทุกข์เพราะมีอวิชชาครอบงำ ตัวมันเองถ้าไม่ถูกอวิชชาครอบงำ...ก็เป็นเพียงธาตุรู้เท่านั้น

    แน่นอนเลยว่าคุณพี่"กบฏศาสนาร่วมพัฒนาชาติไทย" ต้องไม่ยอมรับแน่ๆว่า จิต(เรา)
    ที่คุณพี่"กบฏศาสนาร่วมพัฒนาชาติไทย"อบรมไว้ดีแล้วมันจะเป็น สมุทัย ได้ หรือยัง
    เป็นจิต(เรา)ที่คุณพี่อบรมไว้แล้วมันยังกลายเป็น ตัณหา ได้อีก....ท่านแสง"กบฏศาสนาที่ไม่ร่วมพัฒนาชาติไทย" ถูกต้องแน่นอนครับ...จิตที่อบรมไว้ดีแล้วเป็นอมตะธาตุ อมตะธรรม...จะเป็นสมุทัยกลายเป็นตัณหาได้อย่างไร??? ไม่เหมือนของท่านแสงหรอกครับที่จิตอบรมไม่ได้ เมื่ออบรมไม่ได้ก็ต้องเป็นสมุทัยใช่มั้ยครับ....

    เห็นไหมว่า คุณพี่"กบฏศาสนาร่วมพัฒนาชาติไทย"เองก็ต้องปฏิเสธ แต่ทำไม่คราวนี้
    ลืมหลักกูของตัวเองไปเสีย แล้วหน้ามืดไปเห็นดีกับการกล่าวหา"พวกดูจิต"ทั้งกระบิ....ท่านแสง "กบฏศาสนาที่ไม่ร่วมพัฒนาชาติไทย" ผมต้องปฏิเสธแน่นอนครับ ถ้ายังมีตัวกูของกูอยู่ ก็ยังยึดอยู่ สอนไม่รู้จักจำ เราต้องฝึกฝนอบรมจิตให้มีสติ(ไม่ใช่ปล่อยให้สติเกิดเอง) ผมไม่ต้องหน้ามืดหรอกครับ มีคนหน้ามืดยิ่งกว่าผมอีกใช่มั้ยท่านแสง(ผู้หน้ามืด)...


    ดังนั้น พระท่านให้อรรถาอธิบายว่า จิตตัวมันไม่ใช่สมุทัย แต่เป็นเพราะกิเลสตัณหาที่
    จรเข้าไปในจิต ไปปรุงจิตต่างหาก ...จิตที่ปรุงได้...และถูกปรุงได้..ส่งออกนอกตาม
    แรงตัณหาผลักไป..ตัวมันเองจึงเป็นตัวทุกข์....ท่านแสงครับ ท่านเองก็พูดแบบเดียวกับที่ท่านกล่าวหาหลวงปู่ดูลย์ว่ากล่าวธรรมคลาดเคลื่อน จิตที่ไหนครับเป็นตัวทุกข์ เลิกพูดมั่วแบบท่านได้แล้วครับ อุปทานขันธ์๕นั้นเป็นตัวทุกข์ เมื่อจิตไปยึดมั่นถือมั่นก็เป็นทุกข์ไปกับมันด้วย...ถ้าไม่ออกไปยึดมั่นถือมั่นจะเป็นทุกข์ได้อย่างไร??? ทุกข์มันมีคู่โลกอยู่แล้ว จิตใครที่ออกไปยึดก็เป็นทุกข์...ถ้าจิตไม่ออกไปยึด ก็ไม่ทุกข์ ฉนั้นจิตไม่ใช่ตัวทุกข์!!!...

    แต่ขอโทษนะ พอบอกว่าจิตเป็นตัวทุกข์ ด้วยหลักกู จิต(เรา) ของคุณพี่"กบฏศาสนาร่วม
    พัฒนาชาติไทย" เห็นเข้าก็ปฏิเสธอีกแหละ เพราะจิต(เรา)ตามหลักดูของ คุณพี่"กบฏ
    ศาสนาร่วมพัฒนาชาติไทย"นั้นมันอบรมดีแล้ว....ท่านแสง "กบฏศาสนาที่ไม่ร่วมพัฒนาชาติไทย" แน่นอนครับเห็นเข้า ผมย่อมต้องปฏิเสธแน่นอน จิตที่ไหนเป็นตัวทุกข์ ถ้าจิตเป็นตัวทุกข์ เราดับจิตซะเลยสิ ทุกข์ก็จะหมดไปเองใช่มั้ยครับ??? เป็นไปไม่ได้ จิตจะเป็นทุกช์ก็ต่อเมื่อยึดเอาอารมณ์มาเป็นตัวกูของกูจึงป็นทุกข์ ถ้าไม่ออกไปยึดจะเป็นทุกข์มั้ย???....

    พูดซื่อๆ คือไม่ว่าพระท่านนี้ หรือ พระท่านนั้น กล่าวอธิบายโศลกธรรมบทของหลวงปู่
    ดูลย์ออกมาแล้ว หลักกู จิต(เรา)ของคุณพี่"กบฏศาสนาร่วมพัฒนาชาติไทย" ก็ปฏิเสธ
    หมด.....ปฏิเสธมากกว่าพระท่านอธิบายเสียอีก....ท่านแสง "กบฏศาสนาที่ไม่ร่วมพัฒนาชาติไทย" ผมจะปฏิเสธอะไรก็ตาม เพราะสิ่งนั้นที่พูดออกมาเป็นการขาดเหตุผล...ไม่ใช่แบบท่านแสงนิครับ ท่านจะปฏิเสธทุกอย่างที่พูดไม่เหมือนท่านอาจารย์ของกู.....

    แต่แปลกนะ ถึงแม้ว่าใครจะกล่าวหาว่า พระท่านนั้นปรามาสโศลกบทของหลวงปู่ดูลย์
    ว่าผิด แต่พระท่านนั้นก็ยังใช้รูปประโยค โศลกบทตามเดิม ไม่ได้แก้ไขอะไรเลย ในทาง
    การประพันธ์หรืองานเขียน แบบนี้เขาเรียกว่า ให้ความเคารพ ครับ ถ้าพระท่านนั้นไม่ให้
    ความเคารพจริงอย่างที่ถูกกล่าวหา พระท่านก็ต้องเปลี่ยนรูปประโยคไปเลย....ท่านแสง "กบฏศาสนาที่ไม่ร่วมพัฒนาชาติไทย" ท่านไม่แปลกใจหรือครับว่าทำไมท่านจึงไม่กล้าเปลี่ยนทั้งประโยคเพราะอะไร ใครๆก็รู้ว่าหลวงปู่ดูลย์นั้นท่านเป็นพระอริยเจ้าชั้นสูง ขืนไปเปลี่ยนทั้งประโยคจะโดนหนักกว่านี้อีก เพียงกล่าวหาว่าหลวงปู่กล่าวคลาดเคลื่อนจากธรรม เท่านี้ก็เป็นการอกตัญญูต่อผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นครูบาอาจารย์แล้ว....ไม่เข้าใจท่านทำไปเพื่ออะไร??? หรือต้องการเด่นดังโดยอาศัยครูบาอาจารย์เป็นบันไดมั๊ง???...


    เวลาหมด หมดเวลา ที่เหลืออยู่ มีเวลาจะมาตอบครับ....ยังมีที่ท่านกล่าวหาผมไว้อยู่อีกหลายแห่ง....

    ;aa24
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    แป่ว...นี่พี่ ภูติ ถามจริง อ่านบทคัดย่อที่พี่ kengkenny เอามาแสดงหรือยัง

    อ่านหน่อยสิ

    อ่านดูก็เห็นแล้วว่า ไม่มีคำกล่าวหาว่า หลวงปู่ท่านคลาดเคลื่อน อ่านภาษาไทย
    ให้ออก อ่านให้แตกฉานดูสักหน่อยนะ ...แล้วจะพบว่า มันมีความเข้าใจผิดใน
    ตัวภาษาเขียน

    แล้วที่ผมพูดมา ก็จะเห็นแล้ววว่า แม้แต่พี่ ภูติ ก็ปฏิเสธข้อความ

    "จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย" คือ ตัวจิตไม่ใช่สมุทัย ของพระท่าน
    ท่านอธิบายว่า ความที่มันส่งออกจึงจะเป็นสมุทัย ของพี่ภูตก็อธิบาย
    ปฏิเสธเหมือนกันแต่ใช้ อวิชชาครอบงำ เป็นเหตุปัจจัย

    ก็นี่ไง แม้แต่พี่เองก็ปฏิเสธเหมือนกัน ไม่ต่างจากพระท่านทำแต่อย่างใด

    ช่วยพิจารณาให้ดี

    แล้วจะเข้าใจว่า ผมพาให้คุณทำอะไร....

    ใช้ไหมที่คุณเองก็กำลังทำเหมือน พระท่าน
     
  14. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    คุณธรรมภูต ครับต้องปริ้นหน้าปกด้วยไหมครับ คุณจะเถียงกันและใส่ร้ายพระเจ้าไปหาพระแสงอะไรไม่ทราบ ผมไม่ได้คัดมาจากหนังสือท่านแสงอะไรนั้นเลย ผมไม่รู้จักด้วย ก็ไหนว่าเชี่ยวชาญเรื่องนี้ไง เป็นผู้แตกฉานในการดูจิต แต่เรื่องง่ายๆที่คนสอง สาม หรือ สี่คนพูดโดยมองไม่เห็นความจริงกลับคิดไม่ออกว่า ก่อนจะยกเรื่องไหนมากล่าวยิ่งเป็นเรื่องร้ายแล้วนั้นต้องมีข้อมูลมากๆ และมีทุกอย่างที่สามารถหักล้างคำเหล่านั้นได้ แต่ที่สำคัญคือ เพื่ออะไร คนเราทุกคนความจริงนั้นพูดคุยกันได้โดยเฉพาะ พระสงฆ์องค์เจ้าสายปฏิบัติ ทั้งหลายเพราะเรื่องเหล่านี้ละเอียดลึกซึ้งเกินกว่าคนธรรมดาจะเข้าใจได้แจ่มแจ้ง ลองโหลดอ่านดูแล้วกันเพราะผมโหลดมาอ่านได้สักพักหนึ่งแล้ว หลายเดือนแล้วมั้ง ผมถึงสรุปว่าหลวงปู่ท่านกล่าวถูกไม่ผิดเลย ก็ช่วงที่เถียงกับพี่ธรรมฑูตแรกๆนั้นแหละ ผมถึงเน้นว่าพี่ไม่ปฏิบัตินี่นาเอาแค่อ่านให้รู้แล้วเอามาเถียง ทีนี้พอมาเจอคนที่เขาปฏิบัติแล้วรู้จริงเห็นจริงพี่ก็ยังไม่ยอม ทีนี้การดูอะไรนั้นไม่ยาก โดยมากคนที่เขาปฏบัตินั้นถ้าถึงระดับหนึ่งล้วนมีปัญญา ไตร่ตรองวินิจฉัยสิ่งต่างๆได้อย่างอัตโนมัตและน่าอัศจรรย์ทุกท่าน มากน้อยก็แตกต่างกันไปตามกำลังและฐานะ
    แก่นพระศาสนาคืออะไร ผมจะขอยกมาจากหนังสือเล่มหนึ่งให้อ่านกันแล้วก็ปรุงให้มันเป็นเรื่องดีก็พอนะ
    ๑ ลาภสักการะ เปรียบเป็นแค่ กิ่งและใบของพระศาสนา
    ๒ ศีล เปรียบเป็นสะเก็ดของพระศาสนา
    ๓ สมาธิ เปรียบเป็นเปลือกของพระศาสนา
    ๔ ญาณทัศนะ หรือ ปัญญา เปรียบเป็นกระพี้ของพระศาสนา
    สุดท้าย
    อาสาวักขยญาณ หรือ วิมุติ(หลุดพ้นจากกิเลส) ที่ไม่กำเริบอีก เปรียบเป็นแก่นของพระศาสนา

    เพราะคนเรามักสำคัญตนผิดก็ธรรมดาจึงควรไตร่ตรองและให้แน่ใจก่อนจะกล่าวอะไร ผมมีทั้งหนังสือเรื่องหลวงปู่ฝากไว้มีลายมือหลวงปู่เขียนไว้ด้วย ก็ออกมาในทำนองเดียวกัน แต่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ เป็นหนังสือเล่มนี้แหละที่ผมคัดส่งไป ลองโหลดไปอ่านดูนะครับทุกท่าน หน้าที่ ๓๖
    พี่ธรรมภูตเลิกพาคนอื่นเขาไขว่เขวได้แล้วครับเรื่องการดูจิตอะไรนั้น แค่อ่านตำราอย่างเดียว หรืออ่านพระสูตรอย่างเดียว หรือฝึกแบบงูๆปลาๆ ไปเรื่อยเข้าวัดโน้นออกวัดนี้ แล้วบอกว่าตัวเรานี้ช่ำชองเหลือเกิน แค่นี้ผมก็เห็นกิเลสล้นหัวออกมาแล้ว ผมเลยทักตั้งแต่ทีแรกไง ใครอีกหลายคนก็เป็นคล้ายๆกับพี่ธรรมภูตินั้นแหละ แต่พี่ธรรมภูติสะสมเนื้อหาได้ดีกว่าและเหลือแค่ตัดกังวลบางอย่างออก ก็จะมองเห็นความจริงของจิตที่พี่เห็นว่าจริงๆแล้วมันเป็นอะไรกันแน่ จะได้ช่วยกันแก้ไขเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้มันสมบูรณ์ต่อไป ทั้งยังต่ออายุพระศาสนาได้อย่างแท้จริง ลองดูนะครับว่าถ้าปฏิบัติตามพระศาสดาหรือคำสอนของครูบาอาจารย์จริงๆแล้วจะมีอะไร บัญญัติใดให้เคลือบแคลงสงสัยกันอีก
    ฝากไว้แค่นี้ครับ
    ลองโหลดไปอ่านดูนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2009
  15. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ผมว่าพี่ธรรมภูตสำคัญผิดมาตั้งแต่เริ่มแล้ว จนคนอื่นเขาหลงทางเข้าคูเป็นบ้าก็มากโขนะ
    งั้นเอาจิตคือพุทธะของหลวงปู่ไปฟังนะ แต่ต้องเป็นผู้มีสมาธิขั้นสูงไง สามารถแยกความรำคาญส่วนอื่นออกไปเหลือเพียงเสียงของหลวงปู่ ผมฟังไม่จบหรอก แต่ผมรู้ของผมแล้วกันและผมก็ไม่ยึดไว้เป็นของผมด้วยไม่ว่าจะกายหรือจิตก็ตาม สำหรับผมที่เหลือมันก็เป็นเรื่องธรรมดา แถมหลวงปู่เทสน์ให้ด้วยแล้วกัน ฟังเหอะอย่าคิดว่าฟังมามากแล้ว ถึงฟังมามากแล้วก็ฟังเหอะนะครับ เอาเป็นว่าผมจะได้สบายใจที่พี่ฟังแล้ว หลายคนที่ผมให้หรือส่งธรรมะที่น่าสนใจแก่เขาไปบางคนไม่ฟังเลยไม่เข้าหูเลย คือ ไม่เข้าใจ หรือเข้าใจไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ นั้นก็ตามบุญกุศลที่เขาได้สร้างไว้ (หยอดกระปุกความดี อันมี ทาน ศีล สมาธิ)
    ลองฟังนะครับ เอาของหลวงปู่ดูลย์ก่อนนะครับ พอดีหาของหลวงปู่เทสน์ไม่เจอครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านคคห.๖๒-๖๓ ท่านเก่งท่านเอาตัวเองให้รอดก่อนนะครับ
    แค่ธรรมขั้นพื้นฐานท่านยังเอาไว้ไม่ได้ ทำตัวเป็นเด็กเลี้ยงแกะ
    แบบนี้ท่านยังจะแสดงตัวอวดตัวเพื่ออะไร
    ถ้าไม่รู้ธรรมที่ลึกซึ้งไม่ต้องแสดง ก็คงไม่มีใครว่าอะไร?
    โดยเฉพาะผมแล้ว ผมไม่เคยคิดว่าท่านเป็นคู่สนทนาที่คู่ควรเลยครับ

    [​IMG]
     
  17. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    เซ็งจังเลยคุยกับคนอย่างนี้ กล้าเข้ามาคุยในห้องอภิญญา นึกว่ากล่าว
    อะไรแค่ประโยคหรือคำสั้นๆแล้ว คงจะเข้าใจถึงที่มาของคำนั้นๆ นี่ตกลง
    ต้องมาเริ่มต้นใหม่อีกแล้ว ผมจะเริ่มต้นถึงที่มาที่ไปให้ใหม่นะหนนี้ เป็นหนสุด
    ท้ายแล้วนะ ที่เป็นอย่างนี้เพราะอ่านแต่ตำรา พอเจอคำหรือประโยครวบรัด
    หน่อยก็งง จะยกตัวอย่างให้ฟังแล้วอย่าด่ากลับมานะขอร้องละ
    ....จะขออธิบายคำว่ากำกับให้ฟังนะ สมมุติการแสดงหนังซักเรื่อง จะต้องมี
    ดารานักแสดง และมีผู้กำกับ นักแสดงจะแสดงไปตามใจชอบได้มั้ย
    ครับถ้าผู้กำกับไม่ได้สั่ง ฉะนั้นเท่ากับว่านักแสดงจะ แสดงหรือไม่แสดงต้อง
    ขึ้นอยู่กับผู้กำกับ ในที่นี้ศีลคือผู้กำกับส่วนกายคือนักแสดง
    ที่นี้มาดูว่าศีลมาได้อย่างไร เวลาที่เรามีอารมณ์อกุศลจิต นักปฏิบัติเขาจะ
    ระลึกรู้ถึงศีลด้วยสติ ไว้คอยกำกับกายไม่ให้กระทำตามอารมณ์
    .....แล้วที่ท่านอ้างท่านนิยายธรรม ท่านนิยายธรรมท่านไม่รู้ว่าประโยคที่ผม
    พูดนั้น ผมต้องการพูดประชดท่านธรรมภูตที่แสดงความเห็นก่อนหน้า แบบนี้
    เรียกว่าไม่รู้เหนือรู้ใต้
    ....ที่ผมพูดว่า จิตฆ่าคนได้ไหม ก็เพื่อย้อนคำท่านที่ว่า "เมื่อมีจิตอกุศล
    แบบนี้คนก็ติดคุกกันหมด" ผมจะชี้ให้เห็นว่าจิตอกุศลแต่อย่างเดียว ถ้ากายยัง
    ไม่ได้ทำตามจิต ก็ยังไม่เข้าข่ายการผิดศีล และสาเหตุที่กายไม่ทำตามจิตก็
    ด้วยเงื่อนไขที่อธิบายมาแล้ว
    .....จุดเริ่มต้นของการถกเถียง มันมาจากท่านเข้าใจว่า ยาม
    เมื่อมีอกุศลจิตแล้วผลที่ตามมาคือการผิดศีล ผมแย้งว่ายังไม่
    เข้าข่ายการผิดศีล จะผิดศีลต่อเมื่อกายได้กระทำตามอารมณ์
    นั้น ซึ่งมันมีเงื่อนไขต่างๆและศีลที่ได้กล่าวมาคอยกำกับอยู่
    ดังที่ได้ยกตัวอย่างให้ท่านดูไปแล้ว ผลที่ตามมาคือผมโดนท่าน
    ด่ากลับมา(คงไม่ต้องอธิบายเพราะรู้นิสัย)
    ...ยกตัวอย่างให้ดูอีกก็ได้ เอาทางโลกดีกว่า เพราะพูดทางธรรมแล้วรู้สึกว่า
    ท่านจะไม่ค่อยยอมรับซึมซับเอาเสียเลย สมมุติมีคนสองคนที่โกรธเกลียดกัน
    แทบจะฆ่ากันได้ แต่เขาไม่ทำ ทำไมไม่ทำก็เพราะกลัวทำผิดกฎหมายกลัว
    ติดคุก อารมณ์สองคนนั้นเป็นอกุศลมั้ยครับ? แล้วสองคนนี้ต้องติดคุกมั้ย
    ครับ?
    ...หรือไม่ก็ คนที่เป็นอัมพาตทั้งตัว ขณะที่ต้องนอนแช่อุจาระ ปัสสาวะตัว
    เอง ท่านว่าอารมณ์ตอนนั้นจะเป็นอย่างไรครับ กายเขาจะสนอง
    อารมณ์ของเขาได้มั้ย เขาจะเป็นคนทุศีลมั้ยครับ
    ....สรุปง่ายๆสั้นๆ มีอารมณ์แต่ยังไม่ได้ลงมือกระทำ ไม่ผิด
    ศีลและกฎหมายครับ
     
  18. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านครับ ถ้าเป็นของผมที่แท้จริงต้องออกมาเป็นแบบนี้ครับ

    "จิต(เรา)ที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
    ผลอันเกิดจากจิต(เรา)ที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
    จิต(เรา)เห็นจิต(จิตสังขารว่าไม่ใช่เรา)อย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
    ผลอันเกิดจากจิต(เรา)เห็นจิต(จิตสังขารไม่ใช่เรา) เป็นนิโรธ"

    ;aa24
     
  19. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    มิน่าละถึงได้เป็นแบบนี้ เพราะว่าไม่คู่ควรนี่เอง หากผมอวดตนก็ต้องขอโทษท่านด้วยแล้วกันครับ แต่หากท่านอวดตนในสิ่งที่ผิดๆให้คนอื่นสอนสั่งให้คนอื่นหลงผิดแปลงร่าง ไปๆมาๆ ไม่มีความจริงที่ควรมีกับตนเอง ทำให้คนอื่นขุ่นเคืองหมองใจ คงเรียกว่าทำดีสินะครับ ผมก็พึ่งเคยเห็นเหมือนกันแต่ช่างเหอะ ไม่นานก็คงต้องไปคนละทิศละทางแล้ว ผมไม่อยากคิดว่าผมนั้นเก่งมากมายหรือมีจิตเป็นตัวเป็นตนมากมายเหมือนกัน ท่านตำหนิติเตียนพระสงฆ์ผมบอกได้อย่างเดียวว่าบาปมาก และท่านก็ไม่มีวันได้ในสิ่งที่ท่านค้นหาหรอกแม้จะหลอกคนโง่ๆ หลายคนได้ คนมีปัญญาอีกหลายคนท่านก็หลอกเขาไม่ได้หรอก ท่านก็ขีดไปสิ ปัญญาท่านมีเท่านั้นก็ทำไปสิ แค่ชื่อหนังสือท่านก็มั่วไปแล้ว ท่านจะขีดไปก็ไม่ได้อะไรหรอกเดี้ยวหลวงพ่อเขาจะเชิญท่านไปซักถามเองละมั้งผมคาดว่า ถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านจะกล้าไปไหมละครับ เผื่อจะได้ไปเกิดในที่ดีๆ เรื่องเอาตัวรอดนั้นผมมีมาแต่กำเนิดครับไม่ต้องห่วง กลัวแต่ว่าผมจะถามอะไรลึกซึ้งเกินกว่าท่านจะตอบได้แล้วท่านไม่ยอมรับอะดิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2009
  20. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    มันเพี้ยนไปตั้งแต่ท่านเห็นว่าจิตนั้นเที่ยงแล้ว ท่านก็ยังไม่รู้ตัว ในเมื่อท่านไม่เห็นความจริงข้อนี้ ท่านมานั่งสาธยายให้คนอื่นฟังยกนั่นยกนี่มาอ้าง ก็ต้องย้อนกลับมาตามที่ผมเคยบอกอยู่ดี ถึงผมไม่มาเถียงท่านก็มีคนที่มีปัญญามาเถียงท่านอยู่ดี และสังเกตจากคำพูด และข้อความต่างๆ แม้สมาธิหรือสติก็ย่อมไม่มีเป็นของตัวอยู่กับตัวแน่นอน จึงมองเห็นสิ่งต่างๆนั้นไม่คู่ควรกับตน สำคัญตนผิดไปมากจริงๆ น่าสงสารจังเลยครับ ผมก็ยืนยันว่าผมเอาตัวรอดได้แน่ๆเรื่องธรรมนี้ แต่พี่ต้องเอาตัวรอดให้ได้จากกรรมที่ก่อไว้แล้วกันครับ
    ซึ่งเดี้ยวมันก็ย้อนกลับมาที่เดิมว่า จิต คืออะไรอีก สรุปคือ ย้ำเท้ากันอยู่ที่เดิมอีก ไม่เชื่อคอยดูดิ ว่าจะมาเริ่มที่จิตเป็นอะไรยังไง และก็เวียนไปหาจิตเดิมแท้อีก และก็มาเกิดๆดับๆอีก และก็มาจบที่คำสอนครูบาอาจารย์ท่านอื่นอีก เพราะแย้งพระอภิธรรมไม่ได้ เนื่องจาก พระอภิธรรมมีกำลังมากเกินกำลังท่าน เลยไม่กล้าแย้งแล้ว ส่วนพระวินัยกับพระสุตตันตะนั้นเอาไว้เป็นโล่ห์เผื่อมีใครทะเล่อทะล่าเข้ามาแทงจะได้หลบทัน อีกท่านหนึ่งชื่ออะไรนะ ไม่อยากจำเลย ทั้งสองท่านเลยใช้ชื่อหรูเหลือเกินแต่การกระทำไม่ได้เป็นไปตามชื่อเลยทั้งสองท่านเลย ไม่ต้องดุผมอีกละ ผมยอมรับว่าผมชอบพูดจากใจ ไม่ต้องสงสัยในคำพูดผมหรอกครับ ดำคือดำ ขาวคือขาว ไม่มีสีเทาครับ ในจิตใจผม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...