เมื่อ"ฆราวาสโสดาบัน"ถามปัญหา"หลวงปู่สิมอรหันต์"

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 20 กันยายน 2009.

  1. wintakarukae

    wintakarukae Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +31
    งูตัวที่มันเร็วหน่อย หัวมันก็อาจจะเห็นหัวมันได้อย่างที่ว่าอะนะ
    แต่งูที่มันไม่มีสมาธิ มันจะไปเห็นหัวมันทันได้ยังไง อย่างเก๋งมันก็เห็นแค่หางไหวอยู่แว่บๆ อย่างว่านั่นแหล่ะ :)
     
  2. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ม่ายได้บ่นครับ มาดูความคิดของคุณตัวผู้ใหญ่ว่า อ่านมาหรือคิดมาหรือปฏิบัติมาครับ ม่ายมีอารายจริงๆ เลย 555+ จิตเป็นงู แล้วก็จิตมีตามีสัณฐาน อะไรน้าทำให้เห็นว่าจิตมีสองดวง หรือจิตมีตา มีสัญฐาน (คนโง่ที่ไหนมันจะไปชกตัวเอง ถ้าคนโง่นั้นมันไม่บ้าด้วย)555+:p(good)
    จิตไม่เหมือนงูหรอก เมื่อไรก็ตามไม่มีอะไรมากระทบก็ไม่เห็นหรอกว่าจิตคืออะไร แค่นี้เข้าใจไหมครับ ช่างมันเถอะนะครับ อย่าไปเข้าใจเลย ไม่มาตอบแล้วครับ ลืมไปว่าจะมาดูอย่างเดียว ขอโทษทีครับคุณคนผู้ใหญ่ทุกท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2009
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านครับ ท่านลองถามตัวเองซะก่อนว่า ใครกันแน่ที่เป็นตลกคาเฟ่
    มีแต่เด็กๆเท่านั้นที่เมื่อโดนถามไปแล้ว ไม่รู้จะตอบยังไง ก็กล่าวร้ายคนอื่นผิดไว้ก่อน

    ท่านว่าจิตเป็นอนัตตา ท่านก็ยกเอาพระพุทธพจน์มารับรองสิครับ
    ผมไม่เคยเห็นในพระบาลีกล่าวไว้ตรงไหนเลยว่า "จิตเป็นอนัตตา"
    แสดงว่าท่านคิดเองเออเองเก่งยิ่งกล่าว พระบรมศาสดาเสียอีก

    ใช่ครับจิตมีดวงเดียว มีพระบาลีรับรองไว้ว่า "เอก จรํ"
    ผมเอาหลักฐานมาให้ดู ท่านยังไม่ยอมรับเลย

    ส่วนจะให้ใครตัดสินนั้น มีพระพุทธพจน์กล่าวไว้ขัดเจนแล้วครับ
    ในมหาประเทส๔ ก่อนพระพุทธองค์จะทรงปรินิพพานตรัสว่า
    "เมื่อเราล่วงไปแล้ว ให้เอาพระสูตรและพระวินัยเป็นศาสดาแทนเรา"

    คนที่ชอบเถียงพระบรมศาสดา นั่นแหละเป็นคนขาดวุฒิภาวะแท้จริงครับ....

    ;aa24
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เอาน่า รู้ทางเดินแร้ว ก็เดินบ่อยๆ เห็นหางตัวเองบ่อยๆให้มันทันอยู่เนืองๆ
    ถ้ายังไม่ได้เรื่อง ก็ให้มันรู้ๆ กันไป

    เราสมัครใจอยู่พรรคบัวขาวนินา ไม่ได้เลือกอยู่พรรคบัวหลวง...เน้อ

    [​IMG]
     
  5. wintakarukae

    wintakarukae Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +31
    โทษทีครับ บัวขาว บัวหลวง แปลว่าไร???
    ไม่ใช่คนแถวนี้ ไม่ค่อยเก็ตแสลง :)
     
  6. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านครับ ผมขอถามท่านตรงๆเลยนะครับ
    ท่านเคยภาวนาจนกระทั่งจิตรวมลง ไม่ว่าจะรวมเล็กหรือรวมใหญ่หรือไม่???
    จากที่ท่านตอบมาเป็นปัญญา(สัญญา)ที่ท่านคิดจนตกผลึกแล้วได้อย่างนั้นครับ
    ถ้าท่านเคยภาวนากรรมฐาน ท่านย่อมต้องรู้จักฐานแห่งการงานที่หลวงปู่เคยกล่าวไว้

    เมื่อหัดประคองจิตอยู่ที่ฐานใหม่ๆนั้น จิตยังไม่สงบ(เชื่อง) จิตชอบแลบหนีออกไปหาอารมณ์เป็นธรรมดา
    เมื่อเผลอออกไปหาอารมณ์ จิตย่อมหวั่นไหวซัดส่ายไปตามอารมณ์เหล่านั้นที่เข้ามาปรุงแต่งจิต
    ที่เราเรียกว่า จิตสังขารบ้างหละ อาการของจิตบ้าง เจตสิกบ้างหละ
    จะเรียก จิตที่ถูกอารมณ์ปรุงแต่งนั้น เป็นดวงจิตนั้นหรือเรียกว่าชนิดของจิตนั้นๆก็ได้

    เมื่อเราฝึกฝนอบรมจิต จิตย่อมมีสติระลึกได้ จะช้าหรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับความเพียรของตนเองเป็นหลัก
    จากการที่ฝึกฝนอบรมจิตให้มีเจตนาที่จะปล่อยวางอารมณ์ เมื่อระลึกว่าขณะนี้จิตเผลอออกไปอยู่กับอารมณ์
    เรา(จิต)มีสติก็ดึง จิตที่ผสมอยู่กับชนิดอารมณ์นั้นๆ
    (หรือเรียกว่าเพิกจิตออกจากอารมณ์นั้นก็ได้)
    กลับมาสู่ภาวนากรรมฐาน(ฐานที่ตั้งแห่งการงานของจิต)
    จิตย่อมตั้งมั่นไม่หวั่นไหวต่ออารมณ์นั้น นี้แหละที่เรียกว่ามรรค(ทางเดินของจิต)

    ท่านครับ ต้องใช้จิตที่แท้จริง(ที่ได้รับการอบรมแล้ว) คือจิตเดิมแท้ ที่มีสภาพรู้(มีสติกำกับ) มองเห็นจิตที่ถูกอวิชชาครอบงำ ชอบส่งออกไปหาอารมณ์นั้นอยู่เป็นประจำ
    เมื่อเห็นสภาพจิตสังขาร(จะเรียกว่าอาการของจิตหรือเจตสิกก็ได้) ที่เป็นพระไตรลักษณ์นั้น
    นี่หละครับทางเดินของจิต เมื่อเห็นว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตนของเรา
    เราก็ดีงจิตให้(ทางเดิน)กลับมารู้อยู่ที่ฐานที่ตั้งของสติครับ....

    หมดเวลา เวลาหมด ท่านทั้งหลายกรุณาใจเย็นๆไม่ต้องรีบร้อนฟลัดกระทู้ครับ
    ผมยืนดีตอบข้อข้องใจอยู่แล้ว แต่ต้องใจเย็น หยุดให้เป็นก็เย็นได้ครับ..

    ;aa24
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2009
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เอามาประกอบการพิจารณา (ลืมไปชอบพูดเองรู้เองอยู่คนเดียว เหอๆ)

    สมถะหรือวิปัสสนาก่อน

    ปัญหา การเจริญกรรมฐานมี ๒ อย่างคือ สมถะ และวิปัสสนา ใน ๒ อย่างนี้ จะเจริญสมถะก่อนหรือวิปัสสนาก่อน ? จะเจริญควบคู่กันไปจะได้หรือไม่ ?

    พระอานนท์ตอบ ว่า “....ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เจริญวิปัสสนามีสมถะเป็นเบื้องหน้า (หรือ).... เจริญสมถะมีวิปัสสนาเป็นเบื้องหน้า (หรือ).... เจริญสมถะและวิปัสสนาควบคู่กันไป.... มรรคย่อมเกิด เธอย่อมเสพเจริญ กระทำให้มากซึ่งมรรคนั้น เมื่อเธอเสพ เจริญกระทำให้มาก ซึ่งมรรคนั้น ย่อมละสังโยชน์ทั้งหลายได้ อนุสัยย่อมสิ้นสุด....”

    ปฏิปทาวรรค ที่ ๒ จ. อํ. (๑๗๐)

    <!-- / message -->


    เจริญวิปัสสนามีสมถะเป็นเบื้องหน้า จัดเป็นบัวหลวง คือได้รูปฌาณ4แล้วเจริญวิปัสสนา

    เจริญสมถะมีวิปัสสนาเป็นเบื้องหน้า จัดเป็นบัวขาว คือไม่ได้ฌาณมีสมาธิระดับขณิก ก็ด้นสดเลย

    เจริญสมถะและวิปัสสนาควบคู่กันไป จัดเป็นบัวอะไรจำไม่ได้แระ

    จำเขามาอีกที แต่จำไม่ได้ว่าใครบอกมา ไม่รู้ถูกหรือผิด พิจารณาดูเอง แล้วถ้าถ้าเห็นว่าไม่ถูก
    ช่วยบอกหน่อย ถ้าเราชอบใจคำตอบจะได้อัพเดตข้อมูลให้ลิงมันใหม่

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2009
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]
     
  9. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    คนที่ผมกำลังเถียงอยู่เป็นท่านนะครับ สภาวะจิตท่านตอนนี้ผมว่าไปกันใหญ่
    แล้วนะครับ นี้กล้าขนาดยกตนไปเทียบพระบรมศาสดาเลยหรือครับ
    .....ตามความเข้าใจของผมเรากำลังถก เรื่องการปฏิบัติธรรมของตัวเองอยู่นะ
    ครับ ซึ่งตามหลักการแล้วเราจะต้องนำวิธีและผลที่ได้ของการปฏิบัติ และที่
    กล่าวมานั้นต้องเกิดกับเราจริงๆ มาพูดคุยกัน แต่เท่าที่พูดคุยกับท่านมาดู
    เสมือนว่า กำลังคุยกับตอไม้ที่มีเครื่องซีดีบันทึกบทอาขยาน ซ่อนอยู่ใน
    ตอไม้นั้น คุยกันไปคุยกันมาก็ย้ำคิดย้ำทำอยู่ที่เดิม ถามมาแต่ละเรื่องก็ตอบให้
    สู้อุตสาห์ไปค้นถึงที่มาที่ไปมาให้ดูมาอธิบาย แต่กลับไม่สนใจ
    ยังเอาอีก ตอบมาๆๆๆๆๆๆ ทำไมๆๆๆๆๆๆๆ ยังไม่ตอบๆๆๆๆๆๆๆๆ
    เถียงพุทธพจน์ๆๆๆๆๆๆๆ เถียงศาสดาๆๆๆๆๆๆ เฮ๋อ! อยากจะบ้าตาย
    อาการแบบนี้มันติดต่อกันได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ชักกลัวแล้วซิ
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อะจ๊าก...ขอคั่นรายการด้วยโฆษณา หน่อยนะ (ต้องขออภัยท่านผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย)

    หูย.... ท่านนิวอน ข้าพเจ้าเพิ่งจะเก็ต..."กบฏศาสนาที่ร่วมพัฒนาชาติไทย"


    [​IMG]
    ดูลายเซนต์แล้ว สะดุ้ง เยย...
    ________________________

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) --><!-- google_ad_section_end -->
     
  11. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ผมขออนุญาติ เอาคำท่านนิวรน์มาโพสครับ พอดีท่านนิวรน์โพสถามสมาชิกคนอื่นไว้
    ท่านธรรมภูติช่วยอธิบายเรื่อง จิตเดิมแท้ไปดูจิตอวิชาให้ฟังหน่อย
     
  12. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ผมก็ว่าไปตามที่เห็นหน่ะครับ

    ดูเหมือนคุณเก่งจะพยายามบอกว่า อาจเป็นลูกศิษย์ปรับถ้อยคำใหม่ให้สละสลวยขึ้น เป็น"จิตที่ส่งออกนอกเป็นสมุทัย" แล้วผู้เขียนจึงบอกว่าอาจคลาดเคลื่อนจึงปรับใหม่ให้ถูกต้อง เป็น"ความส่งออกนอกของจิต เป็นสมุทัย"

    แล้วที่หลวงปู่กล่าวไว้ แท้จริงแล้ว เป็นอย่างไรกันแน่เนี่ย หุๆๆๆๆ
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    หงะ...

    จะฟังอีกหรือพี่ แค่ของพี่ วินทะลุแก หัวงูเห็นหางงู นี่ก็มึนแล้ว แต่ก็จะไป
    ตำหนิก็ไม่ได้ เพราะเขาพอใจจะสมมติอาการเห็นเป็นแบบนั้น

    ส่วนแบบของพี่ภูติหนะ ผมว่า อย่าไปฟังของแกดีกว่า เอาแน่เอานอนไม่ได้

    ขนาดไปฟังหลวงพ่อที่พูดเร็วๆ ผมก็ว่า พระท่านนั้นเทศน์ไว้ตั้งหลายหนว่า
    สุดท้ายนะไม่มีจิต พี่ภูติของผมก็รับไม่ได้ แล้วตีความว่าเป็น จิตสังขาร ไปนู้น

    ศีล สมาธิ ปัญญา แม้พระท่านนั้นจะพูดว่า ทำได้ สร้างได้ สะสมได้ แต่เวลา
    ท่านพูดถึงฉากจบท่านบอกว่า เหล่านี้มันแค่เหตุปัจจัยเท่านั้น ส่วนเรื่อง สภาวะ
    ธรรมจริงๆที่เป็นธรรมธาตุนั้น มันต้องพอดีเหมือนเกลียวน๊อตของมันเอง มรรค
    สมังคเองโดยปราศจากใครไปบังคับบัญชา เป็นอนัตตา ธรรมสุดท้ายนั้น
    เป็นอนัตตา พูดโจ้งๆแบบนี้ ก็ไม่เข้าหูอยู่อีก แปลกแต่จริง

    หากไปอ่านของหลวงปู่ดูลย ท่านอธิบายชัดเจนเลยว่า ศีล สมาธิ ปัญญา นั้น
    ล้วนเป็นกองขันธ์ แม้แต่ จิต ท่านก็เรียกว่า จิตขันธ์ นามขันธ์ เวลา
    ปรินิพพาน พระไหนๆ ก็แล้วแต่ท่านก็เทศน์เหมือนกันหมด อะไรที่เรียกว่าขันธ์
    ต่อท้ายนั้น ดับหมด คืนหมด .....

    แต่พี่ภูติของผมก็คงไม่ยอมหละ เหตุผลคงไม่ต้องพูดเพราะว่าพี่ภูติแกไม่เคย
    ปล่อย "ความรู้" ยึดความรู้ กลัวเหลือเกินว่าจะไม่รู้ .......
     
  14. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ถึงพี่วิมุติ
    ผมไม่แน่ใจนักหรอกครับเรื่องลูกศิษย์ของหลวงปู่รูปไหนท่านไหนที่แก้ไขข้อความของหลวงปู่ แต่คงไม่เหมาะสมที่จะกล่าวในที่สาธารณะ ความจริงผมก็ไม่รู้เรื่องภายในพวกนี้หรอกครับ ผมก็อ่านตามนั้นเหมือนกันเพราะทั้งหัวข้อระบุอย่างนั้น จึงไม่สมควรจะว่าใครในเรื่องเหล่านี้ครับ หากอยากทราบว่าใครที่แก้ไขนั้นก็คงต้องไปหาข้อมูลจากตัวหลวงพ่อปราโมทย์ หรือไม่ก็เจ้าอาวาสวัดบูรพารามที่สุรินทร์ตอนนี้ครับ
    เท่าที่ผมรู้ก็ฟังจากเสียงหลวงปู่นั่นแหละครับ
     
  15. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    มีแผนไว้ว่า จะเอาเด็กมาให้ช่วยดูแลสั่งสอนหน่อย ตัวผมท่าจะเอาไม่อยู่
    อบรมสั่งสอนที่ไรเถียงคำไม่ตกฟาก ยังไงท่านนิวรณ์ช่วยรับไปดูแลแทนที่
    จะเฆียนจะตีก็ไม่ว่า เด็กอาไรหัวดื้อหัวรั้นเป็นที่หนึ่ง
     
  16. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
     
  17. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านธรรมภูติ ข้อความคำพูดของผมข้างบน เป็นการอธิบายความในส่วนที่
    ผมบอกว่า อกุศลจิต(โลภ,โกรธ,หลง)มันเป็นอนัตตา มาเองบังคับไม่ได้
    แต่ท่านบอกว่า ถ้าเช่นนั้นคุกก็ไม่พอขังคน ผมก็ว่า ใช่ศีลกำกับกาย....ท่านครับ อกุศลจิตในเมื่อมันมาของมันเองได้โดยไม่มีเจตนาคิดถึงมันๆจะมาเองได้อย่างไรครับ??? เพราะมีเจตนาจึงมีเหตุ เมื่อมีเหตุย่อมมีผล มันเป็นปัจจยการครับ ท่านชอบพูดว่าใช้ศีลกำกับกาย...มันเป็นไปได้ที่ไหน...จิตต่างหากที่กำกับกาย และศีล(เจตนาการงดเว้น)กำกับจิตอีกที...เพื่อให้จิตมาควบคุมกายอีกที...ท่านก็จะเถียงเพื่อเอาชนะให้ได้ เด็กอาไรหัวดื้อเป็นบ้า
    ....ฉะนั้นพอสรุปคำพูดของเราทั้งสอง ความหมายคำพูดของท่านคือ เมื่อ
    คนเรา มีอกุศลจิตแล้วย่อมผิดศีลแล้ว(กรุณาย้อนกับไปดูคำของท่านที่ว่า คุก
    ไม่พอขังคนหรอก) ในส่วนของผมว่า ต่อเมื่อกายไม่ได้ลงมือทำตามอารมณ์
    ก็ยังไม่เข้าข่ายการผิดศีล (อย่ายกใจเป็นนายกายเป็นบ่าวมาอีกละ เด็กก็รู้ว่า
    กายทำอะไรเองไม่ได้ เขาจึงละไว้ไม่อธิบาย)เอาอธิบายเพิ่มให้หน่อย ตัวที่
    คอยกำกับกายไม่ให้กระทำตามอารมณ์ก็คือ สติ สติจะไประลึกถึงศีลหรือ
    กฎหมายครับ ผมขอแนะครับว่า ที่ตัวท่านคิดว่ากายต้องทำตามอารมณ์เกิด
    จากความเชื่อของท่านที่ว่า จิตเที่ยงจิตมีดวงเดียวครับไม่เกิดดับ....ท่านครับพูดไปก็วนไปเวียนมา ตกลงท่านตอบผมมาตรงๆซึ่งจะเป็นเรื่องง่ายกว่านะครับ ที่กายไม่ทำตามอารมณ์นั้นเพราะสติ แล้วสติตั้งลงที่ไหน อย่าบอกนะว่าที่เดียวกับจิต ถ้าท่านตอบแบบนี้ท่านต้องบอกให้ได้ด้วยว่าที่ไหน เช่นเดียวกับการรับศีล(เจตนางดเว้น) การรับศีลกายหรือจิตเป็นผู้รับศีลกันแน่ครับ ขอให้ตอบแบบตรงไปตรงมาสิครับ อย่าทำตัวเป็นเด็กดื้อสอนยากอีกเลยครับ...ส่วนเรื่อจิตนั้นต้องมาว่ากันยาวอีกที กระทู้หน้าที่ผมจะโพสท์เรื่องจิต เชิญท่านล่วงหน้าเลยนะครับ....

    ;aa24
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456

    [​IMG][​IMG][​IMG]
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ....ท่านธรรมภูติท่านเข้าใจคำว่า วิเคราะห์หรือสังเคราะห์ไหมครับ บางช่วง
    บางตอนเป็นการอธิบายคำหรือประโยคสั้นๆให้ท่านเข้าใจ อย่างเช่นผมยกคนที่

    เป็นอัมพาตมา ก็เพื่อชี้แย้งกับประโยคที่ท่านเข้าใจว่า เมื่อมีอกุศลจิตย่อมผิด
    ศีลแล้ว คนที่เป็นอัมพาตเราๆท่านๆคงเข้าใจ อารมณ์เขาจะเป็นเช่นไร
    เขาไม่สามารถให้กายทำตามอารมณ์ได้ แล้วเราจะไปชี้ว่าคนเป็นอัมพาตนั้น
    ผิดศีลแล้วหรือครับ....ท่านครับก็ท่านไม่คิดให้รอบคอบเองนิครับ คนเป็นอัมพาตนั้น
    ถึงกายจะตอบสนองอารมณ์บ้างอย่าง แต่ก็ไม่ได้บอกว่าทำชั่วไม่ได้นิครับ ถ้าลองมีเจตนาที่คิดไม่ดีอยู่...ย่อมทำผิดได้เสมอเช่นกัน ท่านคิดแต่เพียงว่าทำผิดศีลนั้นต้องกายไปทำเท่านั้น แล้ววาจาหละ??? ผิดศีลไม่ได้หรือไง....รู้จักมั้ยเจตนาที่จะงดเว้น(ศีล)....
    ....เช่นกันครับ คนที่มีความแค้นชิงชังคนอื่น เมื่อเขายังไม่ได้ทำอะไรอีกฝ่าย
    เพราะกลัวติดคุกหรือกลัวอีกฝ่ายสู้ เขาได้ชื่อว่าทำผิดกฎหมายหรือ ในขณะที่
    เขาไม่ได้ทำอะไรท่านลองไปถามเขาดูซิว่า เขาหายโกรธแล้วหรือ คำตอบ
    ของเขาก็คงเป็นอย่างนี้ครับ "ยังอยากจะฆ่ามันจะตาย แต่กลัวติดคุก"
    ....แล้วที่ว่ารู้ได้อย่างไรต่อไปจะไม่ทำ อันนี้ผมไม่รู้ครับมันเป็นอนาคต แต่
    ที่รู้แน่ๆ จะทำหรือไม่ทำมันขึ้นอยู่กับสติปัญญาของแต่ละคนไป....ท่านครับ ถามสั้นๆก็แล้วกัน คำถามเดิมๆ สติและปัญญาเกิดขึ้นที่ไหน??? อย่าตอบแบบแถๆอีกหละว่าเกิดขึ้นที่เดียวกับจิต หัดเป็นคนอาจหาญหน่อย รู้จักตอบแบบตรงไปตรงมาบ้าง การปฏิบัติธรรมจะได้ก้าวหน้าเพราะรู้เห็นตามความเป็นจริง ดีกว่าหลอกตนเองไปวันๆ ศึกษาศาสนาพุทธหัดอ่านพระวินัยสงฆ์บ้างจะได้รู้ว่า เพียงแค่คิดอกุศลก็ต้องอาบัติหนักแล้วครับ....

    หมดเวลา เวลาหมด ไปละ

    ;aa24


     
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    “จะพ้นทุกข์ได้ก็ต่อเมื่อรู้ จิตหนึ่ง”

    ปรารภธรรมะให้ฟัง หน้า๓๓
    ถ้ายังประมาทอยู่ ก็นับว่ายังไม่ได้รับรสชาติของพระศาสนาแต่ประการใดเลย
    เพราะสิ่งเหล่านี้ยังเป็นของภายนอกทั้งนั้น

    เมื่อพูดถึงประโยชน์ ก็เป็นประโยชน์ภายนอก
    คือ เป็นไปเพื่อสงเคราะห์สังคม เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่น
    เพื่อสงเคราะห์อนุชนรุ่นหลังหรือเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาวัตถุ

    ส่วนประโยชน์ของตนที่แท้จริงนั้น คือความพ้นทุกข์
    “จะพ้นทุกข์ได้ก็ต่อเมื่อรู้ จิตหนึ่ง”

    เอาธรรมะดีๆของหลวงปู่ ฝากให้อ่านก่อนนอนครับ

    ;aa24 ไปละ(จริงๆ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...