เมื่อ"ฆราวาสโสดาบัน"ถามปัญหา"หลวงปู่สิมอรหันต์"

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 20 กันยายน 2009.

  1. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ท่านครับการที่มา ว่ากล่าวผมว่า พวกมากลากหรือถอดบล็อกมา ผมว่า
    ท่านออกจะกล่าวผิดจากความเป็นจริง การที่มีสมาชิกมาถกเถียงกับท่านมาก
    โดยมีตัวท่านเพียงคนเดียวณ.ขณะนี้ ก็เพราะว่าสมาชิกท่านเน้นปฏิบัติ และ
    ผลของการปฏิบัติมันออกมาเหมือนกัน สมาชิกเหล่านี้จึงให้เหตุผลมาเป็นทาง
    เดียวกันครับ ไม่ใช่พวกมากลากไป
    ....ส่วนเรื่องถอดบล็อก คำว่าบล็อกนี้ถ้าท่านหมายถึงครูบาอาจารย์ ผม
    ขอบอกคุณไว้ จะได้เกิดความสำเหนียกว่า วิธีการสอนของครูอาจารย์ท่าน
    ไม่มีบล็อกครับ ท่านมีแต่ดินเหนียวให้ แล้วให้ลูกศิษย์ปั้นด้วยมือตัวเอง
    ....วิธีการของท่าน มีแค่ จิตเป็นกุศลก็ให้รู้ว่าเป็นกุศล จิตมีอกุศลก็รู้ว่ามี
    อกุศล จะกล่าวก็เหมือนกับให้เคล็ดวิชาไว้แล้วให้ไปปฏิบัติกันเอง นับได้ว่า
    เรื่องการปฏิบัติแล้วท่านสอนไว้สั้นมาก สิ่งที่ท่านจะสอนนานและยาวก็เป็น
    เรื่องที่เกี่ยวกับพระไตรปิฎกครับ
    .....คราวนี้ย้อนกลับมาดูคำว่าถอดบล็อกใหม่ ผมว่าคำๆนี้ควรใช้กับท่าน
    นั้นแหละจะเหมาะสมที่สุด เพราะคำพูดทุกคำที่ท่านพูด(ยกเว้นคำด่า)ท่านก็ยก
    มาจากตำรา ใครอื่นที่คุยกับท่านซึ่งเป็นภาษาพูด ท่านเห็นผิดไปจาก
    ภาษาเขียนเป็นตัวอักษร ท่านก็จะว่ากล่าวว่าผิด ซึ่งในความเป็นจริงภาษา
    พูดและเขียนสิ่งที่สื่ออาจไม่เหมือนกัน แต่ความหมายมันเหมือนกันครับ
    ....เอาเป็นว่าท่านอ่านคำของผมแล้ว ลองเอาไปคิดดู(อุ๊ย! ขอโทษพูดผิด)
    ท่านลองไปเปิดตำราดูซิว่า ใครกันแน่ที่ถอดบล็อกมา
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
     
  3. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ท่านบุญพิชิตครับ อย่าละลายน้ำพริกลงแม่น้ำเลยครับ เปล่าประโยชน์ครับ ผมว่าคนเราเมื่อปักจิตปักใจเชื่ออะไรโดยไม่พิจารณาโยนิโสมนสิการ อย่างแยบคายและเห็นจริงแล้ว มันก็ย่อมมีความเห็นที่แตกต่างกันไปครับ เพราะระดับการมองเห็นมันแตกต่างกันครับ หลวงปู่เคยกล่าวไว้แล้วเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ เพียงแต่คนบางคนเขาไม่เข้าใจเอง เขาเหมาตีความไปเอาเอง เขามองไปที่คำตอบสุดท้ายเลย แต่เขาไม่มองเหตุของคำตอบนั้น หลายคนในนี้รวมทั้งผมก็เคยเจอมาแล้วถ้าเขาตอบไม่ได้ก็เลี่ยงไปพูดเรื่องอื่น ถ้ามีข้อมูลหลักฐานชัดเจนเขาก็อ้างพุทธพจน์ อย่าไปเสียเวลากับคนๆนี้เลยครับ และเตือนท่านทั้งหลายที่กำลังฝึกปฏิบัติ การปฏิบัติคือการปฏิบัติไม่ใช่การเปิดอ่านหนังสือหรือตำรา มาโชว์ภูมิหรือพลังแต่อย่างใดหากไม่เข้าใจอย่างท่องแท้แล้วนั้น ก็เหมือนกับโชว์ความโง่ให้คนที่เขารู้แล้วดูอยู่ร่ำไปครับ
    เลิกตอแยกับเขาเถอะครับ ท่านบุญพิชิต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2009
  4. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ให้ท่านบุญพิชิต

    พระพุทธพจน์

    หลวงปู่ว่า ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ ตราบนั้นย่อมมีทิฏฐิและเมื่อมีทิฏฐิแล้วยากที่จะเห็นตรงกัน เมื่อเห็นไม่ตรงกัน ก็เป็นเหตุให้โต้เถียงวิวาทกันอยู่ร่ำไป สำหรับพระอริยะเจ้าผู้เข้าถึงธรรมแล้วก็ไม่มีอะไรสำหรับมาโต้แย้งกับใคร ใครจะมีทิฏฐิอย่างไรก็ปล่อยเป็นเรื่องของเขาไป ดังพุทธพจน์ตอนหนึ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า

    "ภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดอันบัณฑิตทั้งหลายในโลกกล่าวว่ามีอยู่ แม้เราตถาคตก็กล่าวสิ่งนั้นว่ามีอยู่ สิ่งใดอันบัณฑิตทั้งหลายในโลกกล่าวว่าไม่มี แม้เราตถาคตก็กล่าวสิ่งนั้นว่าไม่มี ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเราย่อมไม่วิวาทโต้เถียงกับโลก แต่โลกย่อมวิวาทโต้เถียงกับเรา"

    หมายเหตุ ข้าพเจ้าตีความคำว่าบัณฑิตทั้งหลายหมายถึงผู้รู้ผู้เห็นธรรมทั้งหลาย อันมีพระอริยะสงฆ์องค์อรหันต์ทั้งหลาย
    (แต่โดยความเป็นจริงแล้ว พระอริยะสงฆ์ขั้นอื่นก็เห็นและทราบเช่นกันแต่ไม่ชัดเจนแจ่มแจ้งเท่าพระอรหันต์ เพราะยังมีมลทินอยู่บ้าง)

    อนุโมทนาครับ
     
  5. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    อกุศลจิตหรือกุศลจิตมันเป็นอารมณ์นะครับ ส่วนคำว่าเจตนาคิดของท่านนั้น
    นะผมว่ามันไปอยู่ในสังขารขันธ์ ท่านกำลังไปปรุงแต่งจิตจนเละเทะ บอกให้
    อยู่กับปัจจุบัน นี่ดันสร้างจินตนาการไปไกลถึงดาวเคราะห์แคระแล้ว
    ....ท่านว่าอารมณ์กุศลและอกุศลนี้ต้องมีเจตนาจึงจะเกิด ตามจริงแล้วมันไม่ได้
    อยู่ในบังคับบัญชาของเราเลย มันขึ้นอยู่กับผัสสะที่มากระทบ สมมุติว่าท่าน
    ปฏิบัติตามวิธีของท่าน ทำใจบริสุทธิ์ผ่องแผ่ว คือให้ท่านเจตนาคิดไปเลยว่า
    วันนี้จะไม่โกรธ แล้วให้ท่านเดินมานอกบ้าน ขณะเดินไปเหยียบขี้หมาเข้า ผม
    อยากทราบว่าอารมณ์ที่รู้ว่าเหยียบขี้หมาเข้า อารมณ์ท่านเป็นอย่าง
    ไรครับ อารมณ์ท่านยังเป็นกุศลผ่องแผ่วเหมือนเดิมที่ตั้งใจไว้มั้ย ผมได้แต่หวัง
    ว่าท่าน คงไม่ถึงกับขอบอกขอบใจไอ้หมาบ้าตัวนั้นนะครับ
    .....ท่านครับไปได้ธรรมใหม่มาครับ"อย่ารู้สึกเบื่อผู้ไม่รู้และอย่ารู้สึกโกรธผู้...."
    ผมจะอธิบายกายกับศีลด้วยกุศลจิตอีกทีนะครับ
    .....คำพูดทุกคำของท่านผมอ่านแล้วผมนะเข้าใจดี ว่าท่านต้องการจะสื่อถึง
    อะไร เพียงแต่ว่ามันไม่ใช้แนวทางปฏิบัติของผม กลับกันถ้าท่านใช้ปัญญา
    เพียงแค่หนึ่งองคุลี ท่านย่อมเข้าใจว่าคำตอบของผมย่อมต้องไม่เหมือนของท่าน
    เอาละบอกอีกทีสั้นๆ
    ...ในความคิดของผม จิตเป็นอนัตตาเกิดดับตลอดเวลา สติตัวระลึกรู้เกิดและ
    ดับพร้อมกันกับจิต ศีลคือข้อห้ามหรือเขื่อนไขมิให้ปฏิบัติ
    ขณะที่เกิดอกุศลในจิต ซึ่งเป็นจิตที่เกิดดับต่อเนื่องหลายดวง ก่อนที่กายจะทำ
    ตามอารมณ์หรือจิตในขณะนั้น จิตดวงใหม่ที่มีสติแล้วไประลึกรู้ศีลแล้วก็เกิด
    จิตดวงใหม่อีกที่มีอารมณ์ที่เป็นความกลัวอยู่ มันเวียนอยู่อย่างนี้จนกว่าจะเกิด
    ผัสสะใหม่มา ความเห็นเรื่องศีลเรื่องกายมีสั้นๆแค่นี้ แล้วก่อนที่จะสวนอะไรกลับ
    มา ควรคำนึงถึงด้วยว่าจิตท่านเป็นอย่างไรผมเป็นอย่างไร
    กรุณาอย่าเอาการเข้าใจในตัวอักษรของท่านมาเถียงกับผมมันปวดหัว
     
  6. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    อนุโทนาครับท่านเค็ง ในการสนทนาผมมีเขื่อนไขถ้าคู่สนทนา
    จาบจ้วงครูบาอาจารย์ตรงๆหรือมีท่านอื่นมาห้ามก็จะหยุด
    เห็นท่าต้องหยุดละครับ
    ....กับท่านธรรมภูตอย่าไปถือสาท่านเลยครับ ท่านก็เป็นของท่าน
    แบบนี้เสมอต้นเสมอปลาย อย่าเห็นว่าผมทะเลาะกับท่านธรรมภูตนะครับ เป็นการคุยกันครับสนุกดี
     
  7. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2009
  8. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านครับไปได้ธรรมใหม่มาครับ"อย่ารู้สึกเบื่อผู้ไม่รู้และอย่ารู้สึกโกรธผู้...."
    ผมจะอธิบายกายกับศีลด้วยกุศลจิตอีกทีนะครับ
    ....ท่านครับ ดีแล้วครับที่ "อย่าเบื่อสำหรับผู้ไม่รู้และอย่าโกรธถูกต้องครับ แต่สำหรับผู้ที่รู้ว่าผิดแล้วไปยอมรับนี้สิครับ น่าคิด".....คำพูดทุกคำของท่านผมอ่านแล้วผมนะเข้าใจดี ว่าท่านต้องการจะสื่อถึง
    อะไร เพียงแต่ว่ามันไม่ใช้แนวทางปฏิบัติของผม กลับกันถ้าท่านใช้ปัญญา
    เพียงแค่หนึ่งองคุลี ท่านย่อมเข้าใจว่าคำตอบของผมย่อมต้องไม่เหมือนของท่าน
    เอาละบอกอีกทีสั้นๆ
    ...ในความคิดของผม จิตเป็นอนัตตาเกิดดับตลอดเวลา สติตัวระลึกรู้เกิดและ
    ดับพร้อมกันกับจิต ศีลคือข้อห้ามหรือเขื่อนไขมิให้ปฏิบัติ
    ขณะที่เกิดอกุศลในจิต ซึ่งเป็นจิตที่เกิดดับต่อเนื่องหลายดวง ก่อนที่กายจะทำ
    ตามอารมณ์หรือจิตในขณะนั้น จิตดวงใหม่ที่มีสติแล้วไประลึกรู้ศีลแล้วก็เกิด
    จิตดวงใหม่อีกที่มีอารมณ์ที่เป็นความกลัวอยู่ มันเวียนอยู่อย่างนี้จนกว่าจะเกิด
    ผัสสะใหม่มา ความเห็นเรื่องศีลเรื่องกายมีสั้นๆแค่นี้ แล้วก่อนที่จะสวนอะไรกลับ
    มา ควรคำนึงถึงด้วยว่าจิตท่านเป็นอย่างไรผมเป็นอย่างไร
    กรุณาอย่าเอาการเข้าใจในตัวอักษรของท่านมาเถียงกับผมมันปวดหัว....ท่านครับ ท่านว่าจิตเป็นอนัตตา เกิด-ดับๆตลอดเวลา สติก็เป็นอนัตตา และเกิด-ดับพร้อมจิต ทั้งๆที่จริงๆแล้วสติเป็นมรรค พระพุทธพจน์ไม่มีกล่าวไว้ว่าจิตและสติเป็นอนัตตาเลย เป็นการคิดเองเออเอง ท่านเคยได้ยินมั้ยครับว่า พระอรหันต์มีสติเป็นชาคโร(จิตมีสติระลึกรู้แบบต่อเนื่องไม่ขาดสาย) ในปุถุชนเค้าเรียกว่าขาดสติหรือเผลอสติ ไม่ใช่สติเกิด-ดับ ถ้าจิตเกิด-ดับจริง อวิชชาที่ครอบงำอยู่ที่จิตก็ต้องเกิด-ดับตามจิตไปด้วย ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยครับ อวิชชาจะดับได้ก็ต่อเมื่อสิ้นอาสวะกิเลสไปเท่านั้น เมื่ออวิชชาดับไปพร้อมจิต ก็หมดกิจแล้วสิครับ อย่าเอาเรื่องเป็นไปไม่ได้มาพูดให้เสียเวลาครับ ผมถามนะครับ และช่วยตอบตามตรง อย่าแถนะครับ
    ตอนที่บอกว่าจิตเกิด-ดับรู้มั้ย???
    แล้วกรรมดี-กรรมชั่วบันทึกลงที่จิตดวงไหน???
    เวลาจะสำรวมจิต ควรจะสำรวมจิตดวงไหน???
    จิตดวงใหม่ที่เกิดขึ้นมารู้มั้ยว่าจิตดวงเก่าดับไป???
    เวลาต้องชดใช้กรรมดี-กรรมชั่ว จิตดวงไหนชดใช้???

    ;aa24
     
  9. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    พุทโธเป็นอย่างไร หน้า๑๗
    <O:p
    ความรู้ที่ออกจากจิตที่สงบนั่นแหละเป็นความรู้ที่ลึกซึ้งถึงที่สุด
    ให้มันรู้ออกจากจิตเองนั่นแหละมันดี คือจิตมันสงบ <O:p
    ทำจิตให้เกิดอารมณ์อันเดียว อย่าส่งจิตออกนอก
    ให้จิตอยู่ในจิตและให้จิตภาวนาเอาเอง
    ให้จิตเป็นผู้บริกรรมพุทโธ พุทโธ อยู่นั่นแหละ
    แล้วพุทโธนั่นแหละจะผุดขึ้นในจิตของเรา
    เราจะได้รู้จักว่า พุทโธ นั้นเป็นอย่างไร แล้วรู้เอง เท่านั้น แหละไม่มีอะไรมากมาย(ถอดจากเทป)

    เอาธรรมะของหลวงปู่มาฝากให้คิดครับ

    ปล.ถ้าจิตเกิด-ดับ จิตจะสงบตั้งมั่นได้อย่างไร???
    เดี๋ยวๆก็เกิด เดี๋ยวก็ดับ เอาเวลาที่ไหนมาสงบตั้งมั่น

    ;aa24
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2009
  10. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ถึงท่านบุญพิชิตครับ
    หลวงปู่สอนไว้ดีแล้วครับปฏิบัติต่อไปครับ ความเกิดดับของจิตมีครับเป็นเพียงสภาวะ หลวงปู่สอนไว้ดีแล้วครับ ผมฟังจากเสียงของหลวงปู่ในเทปแล้วครับว่า หลวงปู่กล่าวไว้แล้วครับ และเหตุผลต่างๆหลวงปู่ก็กล่าวไว้ชัดเจนแจ่มแจ้งดีแล้วครับ ส่วนใครจะใช้ความคิดแทนการปฏิบัติ หรืออ่านแบบลวกๆ หรือฟังแบบลวกๆ ก็ปล่อยเขาไปเถอะครับ เพราะสิ่งที่ผมได้ยินนั้นเป็นเสียงของหลวงปู่ดูลย์ ซึ่งเป็นบูรพาจารย์ของท่านและผมไม่ผิดเพี้ยนแน่นอน แต่ผมไม่ได้เจอท่านหรอกครับ แต่จิตผมก็น่าจะหรือคิดว่ามีความเป็นสัมมาทิฐิในตัวเองเป็นอย่างดีครับ
    อนุโมทนาสาธุครับ ท่านบุญพิชิต
    อย่างไรก็ดาวโหลดไปฟังดูนะครับ จิตคือพุทธะ ของหลวงปู่หากฟังแล้ว ฟังดีแล้วผมก็ขออนุโมทนาด้วยครับ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...