ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

เมื่อพระอริยะปลอมหลงกันมากขึ้นๆ ก็เลยบอกว่าพระอริยะเหล่านี้มีหน้าที่จะต้องไปช่วยเหลือภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น พระอริยะปลอมเหล่านี้ก็เลยเกิดอาการกลัวตาย กลัวภัยพิบัติ กลัวว่าตนและครอบครัวจะไม่รอดจากภัยทั้งหลาย ซึ่งก็ขัดแย้งกันกับจิตของพระอริยะเจ้าจริงๆ ซึ่งท่านต้องเป็นผู้บริบูรณ์อยู่แล้วในมรณสัญญา ในมรณานุสติทุกเมื่อ
อาการของการเป็นอริยะปลอม นั่นก็คือการหลงผิด ควบคุมสติและอารมณ์ไม่อยู่ เกิดอาการหลงลืม ขาดการสำนึกรู้และแยกแยะผิดชอบชั่วดี กิเลสความชั่วทั้งหลายที่เกิดขึ้นแก่จิตถูกเหมารวมเอาเป็น “เวพ”(คือกิเลส) และไม่รับผิดชอบ (คือขาดการพิจารณา) และอริยะปลอมทั้งหลายก็จะวันๆไม่ทำอะไร ไม่ขวนขวายกิจการงานทั้งหลาย ไม่รู้ว่าสิ่งใดควรทำและไม่ควรทำ ไม่รู้ว่าสิ่งใดเป็นคุณและเป็นโทษ ไม่รู้ว่าสิ่งใดเป็นบุญและเป็นปาป เพราะไม่ยอมเข้าไปรับผิดชอบ (คือขาดมนสิการ)ทุกอย่างมัวแต่นั่งคอยรอ”ให้มีอารมณ์เกิดขึ้นและให้มันผลักดันเอง”

นิวรณ์ธรรม 5ประการเป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ให้ทรงละ สอนชี้ชัดว่านี่เป็นโทษ เป็นอุปสรรคขัดขวางในการปฎิบัติธรรม แต่อริยะปลอมเหล่านี้กลับถูกสอนว่านี่เป็น”งาน” ต้องใช้นิวรณ์5ทำงานและจะละไม่ได้ กรรมชั่วก็ย่อมยังเกิดขึ้นอยู่นั่นเองอย่างไม่รู้จักจบสิ้น ซึ่งตามพระไตรปิฎกว่า วิจิกิจฉา (และกามฉันทะอย่างอุกฤษฎ์) ในนิวรณ์5นั้น จะต้องละไปตั้งแต่ปฐมมรรค (โสดาปัตติมรรค) แล้ว
และแล้วอริยะปลอมก็เริ่มขาดศรัทธาในพระรัตนตรัยไปทีละน้อยๆ ขาดการอบรมปัญญาอีกต่อไป ไม่มีการบำเพ็ญภาวนาอย่างที่เคยกระทำ ไม่มีการสวดมนต์ไหว้พระ ไม่มีการบูชา ไม่มีการอบรมจิตและพัฒนา เพราะเชื่อว่าตนเองเสร็จกิจแล้ว
การต้องถูกควมคุมจิตได้โดยง่าย ต้องทำตามคำสั่ง คำบงการ มีหน้าที่จะต้องกระทำให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นการทดสอบไปเรื่อยๆ หากใครเชื่อฟังแบบฝังหัวมากขึ้นๆ ก็จะได้การอวยยศให้เป็นหัวหน้าฯ เป็นผู้มีภพชาติเหลือน้อยๆลง ซึ่งก็เชื่อกันไปได้แบบง่ายๆอย่างนั้น

 

การละอัตตาเพื่อไปสู่อาตมัน(ตัวตนที่ยิ่งกว่า)
ทฤษฎีการละวางอัตตานั้นดูหมือนกับว่ามันเป็นธรรมะของพุทธองค์ แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ เพียงแต่ถูกฉาบทาเอาไว้ด้วยธรรมะอันบริสุทธิ์ของครูบาอาจารย์ทั้งหลาย แล้วนำไปอธิบายเข้าไปสู่ทิฐิของตนเองในขั้นลึก ซึ่งเป็นการบิดเบือนพระสัทธรรมอย่างรุนแรงที่สุด เป็นปาปกรรมหนักที่สุดเท่าที่จะทำได้ในชาตินี้ นั่นก็คือ การทำลายพระรัตนตรัย
ในอนัตตลักษณะ5 (อาการ5ประการที่ไม่ใช่อัตตา)ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงกล่าวว่า...
1.ในบางครั้งพระโยคาวจรย่อมพิจารณาเห็นนามรูป สังขาร (ในขณะที่กำหนด)ว่าเป็น อัสสามิกะ คือเป็นเพียงสภาวะรรมที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ แต่กลับถูกอธิบายว่าเป็น ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา ตัวเรา แต่ “ระบบ” เป็นเจ้าของ หล่อหลอมมาตั้งแต่ไม่มีเซลล์ ยังกระทั่งเสียเซลล์
2.ในบางครั้งเห็นเป็น อนิสสระ คือเป็นเพียงสภาวธรรมที่ไม่มีใครเป็นผู้บังคับบัญชา แต่กลับถูกอธิบายว่าเป็นสิ่งที่ถูกควบคุมและสั่งการโดยระบบ โดยเวพ
3.ในบางครั้งเห็นเป็น อวสวัตติ คือเป็นเพียงสภาวธรรมที่ไม่อยู่ในอำนาจของใคร แต่กลับถูกอธิบายว่าเป็นสิ่งที่ถูกควบคุมและสั่งการโดยระบบ โดยเวพ และต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจ คำสั่ง กลไกที่ถูกบอกว่าวางเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว หรือภายในอำนาจของใครคนใดคนหนึ่งที่อ้างตนเองว่าเป็นผู้มีอำนาจควบคุมกลไกดังกล่าวนั้น
ซึ่งในพุทธธรรมได้อธิบายแยกย่อยไปอีกว่า
3.1เห็นเป็น”อนัตตา” คือเป็นเพียงสภาวะธรรม ไม่ใช่อัตตาผู้เป็นใหญ่ ไม่ใช่อัตตาผู้ตั้งอยู่ตลอดกาล ไม่ใช่อัตตาที่เดิรเหิรได้ ไม่ใช่อัตตาผู้เสวย ไม่ใช่อัตตาผู้นิรมิต
3.2เห็นเป็น” ประ” หรือคนแปลกหน้า เนื่องจากว่าไม่สามารถจะจัดแจงให้เป็นไปตามที่ตนปรารถนาได้
3.3เห็นเป็น”ริตตะ” เห็นเป็นสภาวะธรรมที่ว่างเปล่า ไม่มีความยั่งยืน ไม่มีความสุข ไม่มีความงดงงาม
3.4เห็นเป็น “ตุจฉะ” คือเป็นสภาวะธรรมที่ไม่มีเนื้อแท้และแก่นสารอะไร
3.5เห็นเป็น”สุญญะไ คือสภาวะธรรมที่ปราศจากอัตตา

 

แต่นี่เป็น”ระบบ” ผู้เป็นใหญ่ ผู้สั่งการ ผู้นิรมิตให้ทุกสิ่งเกิดขึ้น ผู้วางโครงการในชีวิตและดลบันดาลในวิบากกรรมของสัตว์ทั้งหลาย(ที่หลงเชื่อ) ซึ่งดูคล้ายๆกับพระผู้เป็นเจ้าในลัทธิทั่วไป ซึ่งโดยทั่วไปเชื่อกันว่าเป็นเจ้าชีวิต เป็นอาตมัน เป็นสัตวะ เป็นวิญญาณที่สิงสู่ตลอดกาล ซึ่งผู้คนทั้งหลายพากันยึดมั่นถือมั่นด้วยความหลงว่า เป็นเจ้าของร่างกายนี้ เป็นพระเจ้าที่สิงสถิตย์ในร่างกายนี้ เป็นผู้ออกคำสั่งให้เดิน กินเป็นต้น เป็นผู้เสวยทั้งความดี ความชั่ว เป็นพระเจ้าผู้เนรมิตทุกสรรพสิ่งให้เป็นอย่างโน้นอย่างนี้ เป็นผู้มีอำนาจบังคับให้เป็นไปตามที่ปรารถนา แต่ผู้ปฎิบัติตามแนวพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่เชื่ออย่างนั้น จะพิจารณาสภาวะธรรมที่ปราศจากอัตตาโดยสิ้นเชิง ผู้ใดแสวงหาประโยชน์จาก”อนัตตา” ผู้นั้นย่อมไม่พ้นจาก”อัตตา”

 

หากพิจารณาว่าทุกสิ่งเป็นการกำหนดเอาไว้แล้วระบบ(พระเจ้า) มีการวางโครงการเตรียมการเอาไว้โดยระบบ(พระเจ้า)
มีการกำหนดรูปแบบกรรม อุปนิสัย จิต อารมณ์ให้กับคนระบบ ทุกๆสิ่งได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว(ล่วงหน้า) อย่างแน่นอนตายตัว
พระพุทธองค์ทรงกล่าวว่าทิฐิอย่างนี้คือสัตตทิฐิ เป็นทิฐินอกศาสนา
เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำก็ไม่มี (ไม่ต้องทำ เพราะมีการกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่เราไม่รู้)
การกำราบจิต การอบรมจิตให้บริสุทธิ์ก็ไม่มี (ไม่ต้องทำ เพราะมีการกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่เราไม่รู้)
การบำเพ็ญตน การประพฤติพรหมจรรย์ก็ไม่มี(ไม่ต้องทำ เพราะมีการกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่เราไม่รู้)
การเสียสละ การอุทิศบำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่นก็ไม่มี(ไม่ต้องทำ เพราะมีการกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่เราไม่รู้)
การบำเพ็ญ ทาน ศีล ภาวนาก็ไม่มี (ไม่ต้องทำ เพราะมีการกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่เราไม่รู้)

 

การหวาดกลัวภัยพิบัติถึงขนาดโลกแตก คนตายกันเป็นพันๆล้านคน การหาทางรอดโดยเข้ายึดถือในสิ่งที่มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ และความรอดจะมีแก่ผู้ที่เชื่อ(ระบบ)เท่านั้น ทิฐิอย่างนี้เป็นลัทธิของศาสนาอื่น คล้ายๆกับศาสนาคริสต์ อิสลาม ฯลฯที่มีการกล่าวถึงวันทำลายล้างโลก วันพิพากษาโลกโดยพระเจ้า จะรอดได้ก็เพียงแต่เชื่อพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น
ไม่มีระบบ ไม่มีพระเจ้า ไม่มีโครงการใดใด ไม่มีภัยพิบัติถึงขั้นโลกแตก ไม่มีทางรอดใดใดที่แน่นอน
เราไม่พ้นจากการเกิด แก่ เจ็บตายใดใดทั้งสิ้น เราไม่ใช่คนระบบ ไม่ใช่หุ่นยนต์ระบบ ไม่ใช่ชีวิตที่ต้องถูกขับเคลื่อนด้วยคำสั่งของใคร หรือคนของตระกูลใดตระกูลหนึ่งมาผูกขาดในความคิดของเรา และหลอกล่อลวงชี้นำทางให้เราไปสู่อบายภูมิ
ขอให้ทุกท่านๆจงถึงพร้อมด้วยสัมมาสติเถิด

 

สวัสดีครับคุณเซี่ยมหล่อนั๊ง
ไม่ได้พบกันนาน ผมสบายดีและยังเหมือนเดิมครับ
คิดถึงเพื่อนๆทุกคน ที่ผ่านมามันเป็นเพียงแค่บททดสอบ
มันเป็นของมันเช่นนั้นเอง เราอย่าไปทุกข์กับมันครับ

เชิญชวนเพื่อนๆทุกคนไปร่วมงานวิทยาศาสตร์ทางจิตด้วยกันนะครับ

 

ย้ำเตือนกันอีกที คืนนี้อย่าพลาดชมนะครับ

 

ขออนุโมทนาบุญที่ดำรินำไปถวายวัดนี้ต่อไป ให้กุศลได้กับทุกท่านที่ได้มีจิตส่งเสริมพระพุทธศาสนา เข้าเรื่องเลย / วัดตูม มีองค์พระประธานชื่อว่า หลวงพ่อทองสุก ออกไปทางเส้นทางป่าโมกข์ จะผ่านพระเจดีย์สำคัญ ฯ ; อนุสาวรีย์ พระนเรศฯ เป็นวัดประวัติศาสตร์หนึ่งที่พม่าไม่สามารถเผ่าทำลายได้
ความว่า ระหว่างศึกสงคราม ไม่มีคนใดเห็นวัดนี้เพราะซ่อนอยู่ภายในดงไม้ปิดมิดชิด และการศึกสงครามใดที่ถึงเมืองอยุธยา ที่แห่งนี้จะมีการนำน้ำมนต์ (ที่ผุดขึ้นจากเศียรพระ ซึ่งเปิดชมได้ แต่ปัจจุบันคงต้องขออนุมัติจากเจ้าอาวาส เป็นกรณี ) เพื่อนำมาทำน้ำพิพัทธสัตยา หรือลับคมหอกคมดาบในสมัยโบราณ ให้เป็นขวัญกำลังใจในการสู้ศึก
เนื่องจากพระประธานเป็นพระนักรบ (ใครมาขอบนไม่ให้ติดทหาร ท่านก็เมตตา ให้เป็นตามประสงค์ คือจับได้ใบแดงถ้วนหน้า ดังนั้น อย่าลองดี) อีกทั้งใครคิดร้ายต่อแผ่นดิน ไม่ว่าสว่นของทางพระพุทธศาสนา หรือแก่แผ่นดินก็ตาม แม้แต่ผู้สร้างความเดือนร้อนให้แก่คนส่วนใหญ่ เข้าข่ายหลอกลวง หรือหลงผิด ท่านก็จะเมตตาให้เช่นกัน ให้กลับเป็นคนดีซะ ก็จะเจริญยิ่งขึ้น น้ำมนต์นี้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นมงคลแก่ตัวนำกลับไปประพรมให้เกิดสิริมงคลแก่ครอบครัวได้ไม่มีหวง ; ไม่ต้องเชื่อ แต่ก็ควรให้ความเคารพ เพราะ...องค์พระที่รอดจากศึกสงครามพม่าได้โดยไม่บุบสลายได้ ไม่ธรรมดา นะครับ แจ้งเพื่อทราบ ใครสนใจ ก็เชิญนะครับ ไหน ๆ คุณวรรณ เชิ้อเชิญผมไว้แล้ว ก็ยากปฏิเสธ ที่นี้ก็เป็นประวัติศาสตร์ของผมเช่นกัน เลยต้องตอบแทนให้หน่อยเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ

 

Astro Neemo
สมาชิก



วันที่สมัคร: Sep 2007
สถานที่: ดินน้ำลมไฟหยั่งไม่ถึง
อายุ: 39
ข้อความ: 312
Groans: 42
Groaned at 17 Times in 12 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 4,997
ได้รับอนุโมทนา 26,071 ครั้ง ใน 1,450 โพส
พลังการให้คะแนน: 331

การหวาดกลัวภัยพิบัติถึงขนาดโลกแตก คนตายกันเป็นพันๆล้านคน การหาทางรอดโดยเข้ายึดถือในสิ่งที่มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ และความรอดจะมีแก่ผู้ที่เชื่อ(ระบบ)เท่านั้น ทิฐิอย่างนี้เป็นลัทธิของศาสนาอื่น คล้ายๆกับศาสนาคริสต์ อิสลาม ฯลฯที่มีการกล่าวถึงวันทำลายล้างโลก วันพิพากษาโลกโดยพระเจ้า จะรอดได้ก็เพียงแต่เชื่อพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น
ไม่มีระบบ ไม่มีพระเจ้า ไม่มีโครงการใดใด ไม่มีภัยพิบัติถึงขั้นโลกแตก ไม่มีทางรอดใดใดที่แน่นอน
เราไม่พ้นจากการเกิด แก่ เจ็บตายใดใดทั้งสิ้น เราไม่ใช่คนระบบ ไม่ใช่หุ่นยนต์ระบบ ไม่ใช่ชีวิตที่ต้องถูกขับเคลื่อนด้วยคำสั่งของใคร หรือคนของตระกูลใดตระกูลหนึ่งมาผูกขาดในความคิดของเรา และหลอกล่อลวงชี้นำทางให้เราไปสู่อบายภูมิ
ขอให้ทุกท่านๆจงถึงพร้อมด้วยสัมมาสติเถิด
__________________

นีโม่เอ๋ย น่าจะหยุดได้แล้ว ไม่มีใครเขาอยากฟังเจ้าแล้ว กลับไปอยู่กระทู้ของเจ้าเถอะ ที่นี่ไม่มีใครต้องการเจ้าอีกแล้ว เขาอยากจะอ่านแต่เรื่องดีดี ไม่อยากให้ถ้อยคำ ไร้สาระ มาเกะกะนัยตา ควรจะรู้ตัวได้แล้วนะ เก็บความพยายามไว้ทำที่อื่นเถอะ ยิ่งแก้ตัวก็ยิ่งแสดงให้เขารู้ธาตุแท้ของเจ้านะ ข้าอยากละวาง แต่อ่านคำแก้ตัวของเจ้าแล้ว มันวางไม่ค่อยลง อย่ามาเอาชนะอะไรกับที่นี่เลย เจ้าของกระทู้เขาไม่สนเจ้าหรอก อยากทำอะไร ก็ทำไปเถอะ มีกรรมร่วมกัน ก็ทำกันไป นะนะ ไปให้พ้นๆ ซะที สาธุ
กระทู้เขามีเรื่องดีๆมานาน ตามอ่านมานาน คนอ่านที่นี่ เขามีสติพอที่พิจารณาว่าสิ่งใดควรทำ ไม่ควรทำ ถ้าใครชอบเจ้า เขาก็ตามเจ้าไปเองแหละ ไปที่ชอบที่ชอบของเจ้าเถอะ ไม่ชอบที่นี่ก็ไม่มีใครเขาว่านี่นะ อย่ามาสร้างภาพอีกเลยนะจ๊ะ ({):z8

 

สาธุ สาธุ สาธุ ที่กล่าวมาทั้งหมด ล้วนชอบแล้ว ขออนุโมทนา ด้วยใจ ที่ได้แจกแจงธรรมที่ เห็นจริงตามได้ ค่อยคิด ค่อยไตรตรอง ใช้สติ +ปัญญาตน ใคร่ครวญให้ดี ว่าเห็นตามหรือไม่ ลองมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ดู ไม่เห็นด้วยไม่เป็นไร เราวิญญูชน ย่อมเห็นต่าง เห็นแย้ง ก็แสดงมาแย้งอะไร ไม่ใช่แย้งเฉยๆ อันนั้นตื่นเขินไปนะ กกก อยากฟังทัศนะบ้าง ลองหน่อยนะ กกก(k)

 

หมอ..นี่.....เป็นใคร
สมาชิกใหม่เอี่ยม (เพิ่งเกิดเลย) นอกจากปลอมปนเข้ามาอ้างสิทธิ์ ไม่สุภาพ ผิดกาละ แถมไม่แมนเลย หรือเปล่า ครับ ถ้ามีข้อท้วงติง ข้อธรรม แลก ข้อธรรมก็ยุติธรรมดี นอกเสียจากมีไม่จริง ภาพคนไม่ต้องสร้าง เป็นยังไงก็ยังงั้น แต่การสร้างภาพ ลวงๆ ในจิตให้เชื่อตาม ทั้งที่รุ้ว่าเท็จ ก็ตื่นเถอะ

 

เพราะอากาศเปลื่ยนแปลง อย่าลืมดูแลสุขภาพ
เพราะแกนโลกเอียง อย่าลืมดูแลจิตวิญญาณ

 

เซี่ยม เป็นอะไรเนี่ย ของขึ้นเหรอ หรือว่า เปลี่ยนชื่อจากนีโม่เป็นเซี่ยม เราจะเกิดใหม่ หรือ เก่า มันสำคัญ ตรงไหน เราอ่านกระทู้นี้มานาน และไม่เคยคิดจะโพสต์เลย แต่ด้วยความรำคาญ ไง จึงขอบ้าง ก็แค่นี้แหละ ทนไม่ได้หรือ ที่มีใคร ว่า สุดที่รักน่ะ

เซี่ยม เราจะพอแล้วนะ จะว่าอะไรอีก เราก็ไม่ต่อแล้ว เบื่อ เสียเวลา โตๆกันแล้ว หยุดซะที นาย ไม่หยุด เราหยุดเอง คนมีปัญญา เขาพิจาณาได้ rabbit_run_away

 

อื่มก็จริงนะ เอ้าหยุดเลย อนุมัติให้ ครับ แค่ความเห็น ไม่เห็นต้องตีโพยตีพาย ธาตุไฟใกล้แตกกระมังครับ อย่าฝึกเยอะนะ เป็นห่วง อ้อใช้แป้งเย็นตรางูสิ อาจทำให้หายร้อนก็ได้ นะครับ ผมใช้ประจำดีออก

 

เอาแป้งเย็นอีกป๋อง ผมแนะนำให้อีกคน จะได้ใจเย็นลง อารายทำไมกลายพันธุ์ ไม่รับฟังคนอื่นบ้างนิ เห็นว่าวางได้ ก็ลองของนิดเดียว เต็นซะแล้ว ว้า ไม่ work สอบตกแล้วครับ

 

จะบอกคุณอมตะนิพพาน คนธรรมดาสามัญชน เขาถือเป็นคำสูง ในทางพุทธศาสนา โดยเฉพาะ..นิพพาน.. คนมีบารมีธรรมครบ ถึงจะได้จริง ไม่สมควรจะดึงมาใช้คำแทนตัว...อะไรให้เสียหาย เพราะยิ่งอารมณ์ ขุ่นง่าย ๆ อย่างงี้ ยังอดทนไม่ได้ ลองของหน่อยเดียว สหายธรรมที่ไหนแวะเข้ามาอ่าน เขาก็มีปัญญาพิจารณา อ่านก็จะหัวเราะเอาว่า เก่งไม่จริง ของไม่แท้ เตือนด้วยตั้งใจดี เดือดทีเดียวเหรอ ถ้าคิดว่าผมเป็นตัวทดสอบ คุณก็แย่แล้ว และถ้าเป็นคนมีบารมีสูงจริงตามอ้าง แม้คนบ้ามาแกล้งก็ยังต้องเมตตาอดทนได้ ไม่ถือสา ....นี่อาราย ใช้ไม่ได้ ไปฝึกใหม่

 

มิควรกล่าววาจาจาบจ้วงบุพพการีผู้อื่น ซึ่งมิใช่ผู้เจริญควรกล่าว

ขออนุญาตมาเตือนในฐานะคนแก่ไม่มีอะไรจะทำ อันไหนดีก็บอกว่าดี อันไหนชักจะไม่เป็นเรื่องดี ก็จะมาติเตือน ติงนิดติงหน่อย

"ยายผีป่าไม่สนใจว่าพวกคุณคุ้นเคยกันอย่างไร ร่วมงานจนรู้ไส้รู้พุงกันเพียงไร ไม่เข้าข้างใคร แต่อยากจะบอกว่า

ช่วยกันอ่านกติกาของเว็บให้ดีนะคะ คนไทยด้วยกัน ขนาดในเว็บยังไล่กันปานนี้ ด่ากันถึงบุพพาการี ถามจริงๆ เป็นนักบุญแนวไหนคะนี่"

ยายผีป่าเกลียดคนด่าพ่อล่อแม่คนอื่น ประธานสภาขอให้คุณถอนคำพูดก่อน ไม่เช่นนั้นจะไม่อนุญาตให้อภิปรายต่อ!


ส่วนคุณดิจิตอลนั้น หรือใครก็ตามที่มีปัญหากัน ขอให้ย้อนไปดูที่มาที่ไป ย้อนไปตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้ามาทำความรู้จักกันนะคะ เอาสิ่งเหล่านั้นมาทบทวน แล้วคิดว่า ตอนนั้นมีเสียงจิ้งจกทักไหม

ทุกสิ่งล้วนมีที่มาที่ไป เลือกเอาจะไปไหน

 

[FONT=&quot]

ความตั้งใจแต่ทีแรกก็คือ ให้เกียรติแต่ละท่านให้ใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองตามเหตุตามผล ตามกลไก ตามความเข้าใจของแต่ละท่าน เพื่อยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากความเห็นที่ไม่ตรงกันนี้[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]ขอให้แต่ละท่านทำความเข้าใจให้ตรง มองให้เห็นความเป็นเช่นนั้นเองของธรรมชาติมนุษย์ แล้วท่านจะเข้าใจ ท่านจะให้อภัย และเลิกราต่อกัน

แต่กลับไม่มีการให้อภัยกันและกัน ในสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม
[/FONT]<o></o>
[FONT=&quot]ดังนั้น จึงขอเรียนท่านทั้งหลายด้วยความเคารพว่า[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]สิ่งที่บุคคลท่านนี้ ได้กล่าวมาทั้งหมด ก็ด้วยความห่วงใย ความปรารถนาดี ที่มีต่อเพื่อนสมาชิกท่านอื่น ๆ นั้น ด้วยเกรงว่าจะผิดทาง จึงได้ออกมาเตือนด้วยความหวังดี

[/FONT][FONT=&quot]ซึ่งต้องขออนุโมทนา ในความหวังดีนี้ด้วยอย่างยิ่ง[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]ซึ่งความเป็นห่วงเป็นใยเช่นนี้คนอื่น ๆ เหล่านี้ กลุ่มอื่น ๆ เหล่านี้ มิใช่เป็นครั้งแรกของท่าน เพื่อนสมาชิกก็ได้เคยพบเห็นความห่วงใยของท่านผู้นี้มานานนับไม่ถ้วนแล้ว ในการมองเห็นการปฏิบัติของกลุ่มต่าง ๆ แล้ว ไปห่วงใยพวกเขาเหล่านั้น ไปมองว่าผิดทาง ไปมองพวกเขาเหล่านั้น ว่ายังหลงยึดในสิ่งที่เป็นตัวตน ว่ายังหลงยึดในสิ่งที่ไม่ได้ปล่อยวาง ยึดในพลังต่าง ๆ ยึดในวัตถุต่าง ๆ จนเป็นการพอกพูนตัวตนมากขึ้น<o></o>[/FONT]
<o></o>
[FONT=&quot]ความ ห่วงใยในสิ่งเหล่านี้ มีมานับครั้งไม่ถ้วน ในการมองเห็นการปฏิบัติของกลุ่มต่าง ๆ ว่าไม่ตรงดังที่ท่านได้ปฏิบัติตามแนวทางละวางอัตตา[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]ซึ่งในขณะนั้น อยู่ในกลุ่มของเขากะลา แล้วจึงมองเห็นว่ากลุ่มอื่นปฏิบัตินั้น มันไม่ใช่ มันไม่จริง ของเราจริงสุด[/FONT]


<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Cboss%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]ซึ่งระบบได้อธิบาย ขยายความ หลายครั้งแล้วว่า ให้มีความเข้าใจในกลไกของเขาเหล่านั้น เขาเป็นอย่างนั้นก็ถูกต้องตามความเข้าใจของเขา อย่าได้ไปเปรียบเทียบใด ๆ เลย ให้มองขันธ์ห้าของตนเป็นหลักดีกว่า ความทุกข์จะได้ไม่เกาะกิน[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]ดังนั้น การไปกล่าวหาว่ากลุ่มนั้นผิดทาง กลุ่มนั้นไม่ถูกทาง กลุ่มนั้นยังยึดมั่นถือมั่นอยู่ ก็ยังคงมีให้เห็น แม้แต่การไปชี้ผิดชี้ถูก กลุ่มอื่น ๆ ทางภาคเหนือ จนทำให้สมาชิกส่วนหนึ่ง เกิดความไม่พอใจตอบโต้กันไปมา จนเกิดการกล่าวหา เกิดการพิพากษา เกิดความร้อนแรงขึ้นภายในกระทู้แห่งนี้ ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว [/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]จนต้องมีการออกมาขอขมากรรมกัน.....จนเป็นเรื่อง เป็นราวขึ้นมา [/FONT]<o></o>

ก็ต้องบาดเจ็บกันไปในความมีตัวตนนั้น ๆ
<o></o>
[FONT=&quot]นั่นก็เพราะไปยึดว่า ธรรมะของเขากะลา ดีกว่าของเขาเหล่านั้น [/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]คือมีของเราดีกว่าของเขา เรารู้มากกว่าเรา หรือเราเหนือเขา จึงได้ไปกล่าวพาดพิงดังนั้น[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]โดยไม่เข้าใจในกฎของธรรมชาติอันควรจะเป็น [/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]ว่า แต่ละคนมีความเข้าใจไม่เท่าเทียมกัน แต่ละคนมีปัญญาไม่เหมือนกัน แต่ละคนมีกรรมวิบากกรรมแตกต่างกัน[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]ดังนั้น แม้แต่พระพุทธองค์ ยังได้จำแนกบัวเป็น 4 เหล่าเลย
[/FONT]<o></o><o></o>
[FONT=&quot]นั่นคือถูกตรง ในทุก ๆ การปฏิบัติของแต่ละกลุ่ม แต่ละจุดตามเหตุปัจจัยของเขาเหล่านั้นอยู่แล้ว<o></o>[/FONT]
<o></o>
[FONT=&quot]การไปชี้ผิด ชี้ถูก นั่นไม่ใช่แนวทางที่ระบบได้กล่าวไว้ <o></o>[/FONT]
<o></o>
[FONT=&quot]เพราะ ระบบจะกล่าวไว้เสมอว่า อย่าได้มองออกไปไกลจากขันธ์ห้าของตนเอง เพราะจะทำให้ท่านนั่นแหละที่เป็นทุกข์ เพราะไปรับเอาเรื่องที่คิดเอาเองว่าน่าจะใช่ มาทำให้ตัวเองเป็นทุกข์[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]จึงมุ่งเน้นให้มีสติดูแต่ขันธ์ห้าของตนเอง ดูเข้าไปในความคิด ในอารมณ์ ในการปรุงแต่งที่เกิดขึ้น แล้วกำลังทุกข์อยู่ขณะนั้น[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]ถ้าท่านเห็นได้ ท่านก็ดับทุกข์ได้ในปัจจุบัน[/FONT]
<o></o>

<table class="tborder" id="post2477415" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="border-style: solid; border-color: rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;">
</td><td class="thead" style="border-style: solid; border-color: rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right">
</td></tr><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-style: solid; border-color: rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175">
</td><td class="alt1" id="td_post_2477415" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);">
</td></tr></tbody></table>

 

[FONT=&quot]ในครั้งนี้ หากจะมีการมองว่า กลุ่มนี้ผิดทาง กลุ่มนี้เป็นลัทธิใหม่ ไม่ใช่ของจริง[/FONT]

[FONT=&quot]ก็เป็นแค่อีกครั้งหนึ่ง ของมุมมองของคนคนหนึ่งเท่านั้น[/FONT]
[FONT=&quot]และก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร<o></o>[/FONT]
<o></o>
[FONT=&quot]เพราะมีคนมากมายที่เรียกกลุ่มนี้ว่า พวกลัทธิมนุษย์ต่างดาว[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]พวกบ้า พวกเพี้ยน หรืออะไรต่อมิอะไร[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]ตามความเข้าใจของแค่ผู้ผ่านมา[/FONT]<o></o>
[FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]แล้วกล่าวหา ก็เป็นเรื่องปกติของเขาเหล่านั้นมิใช่หรือ ?[/FONT]
[FONT=&quot]กฎสัจธรรม ไม่ได้อยู่ที่ความคิดใคร ไม่ได้อยู่ที่ความน่าเชื่อถือของใคร ไม่ได้อยู่ที่ความน่าจะเป็นอย่างไร[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]แต่มันเป็นความจริง ที่พิสูจน์ได้ด้วยตนเอง ด้วยสติปัญญาของแต่ละท่านเอง[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]เหมือนคนที่ 1 เห็นพระอาทิตย์ขึ้น บอกว่าขึ้นทางทิศตะวันออก[/FONT]<o></o>
[FONT=&quot]อีกคนหนึ่ง บอกว่า ขึ้นทางทิศตะวันตก[/FONT]<o></o>
[FONT=&quot]อีกคนหนึ่ง บอกว่าไม่ใช่ เขาเรียกทิศใต้[/FONT]<o></o>
[FONT=&quot]อีกคนหนึ่ง บอกว่า ไม่ใช่ ขึ้นทางทิศเหนือ[/FONT]<o></o>

[FONT=&quot]ต่างคนต่างทุ่มเถียงกัน ด้วยมีคนบอกว่า ทิศนี้เรียกอย่างนี้ ทิศนี้เรียกอย่างนี้ ต่อ ๆ กันมา[/FONT] <o></o>
[FONT=&quot]ทุ่มเถียงกันไม่สิ้นสุด ด้วยความเชื่อที่ตนเองได้ยินมา[/FONT]<o></o>
[FONT=&quot]แต่ไม่ว่าจะเรียกว่าขึ้นทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก [/FONT]<o></o>
[FONT=&quot]พระอาทิตย์ก็ยังคงขึ้นทางทิศนั้น ไม่ว่าใครจะเข้าใจว่าเป็นทิศอะไรก็ตาม[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]นี่คือธรรมชาติ ที่มันไม่ได้ไปเปลี่ยนแปลงตามความเชื่อ ความเข้าใจของใครทั้งสิ้น[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]แต่คนที่เห็นจริง รู้จริง <o></o>[/FONT]
<o></o>
[FONT=&quot]ก็จะบอกว่า จะเรียกทิศอะไรไม่รู้ แต่มันขึ้นด้านนี้ ไปตกด้านนั้น เป็นอย่างนี้ทุก ๆ วัน[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]คนที่รู้จริง เห็นจริง ก็จะอยู่เหนือสมมุติ ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าพระอาทิตย์ต้องขึ้นในชื่อสมมุติว่าทิศอะไร แล้วตกในสมมุติว่าทิศอะไร [/FONT]<o></o>
[FONT=&quot]แต่จะรู้จริงว่า มานั่งรอตรงนี้นะ เดี๋ยวพระอาทิตย์จะขึ้นตรงนี้ เวลานี้ แล้วตอนใกล้ค่ำ ไปรอตรงนู้นนะ เดี๋ยวพระอาทิตย์เขาจะตกตรงนั้น[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]ถ้าใครจะทุกข์เพราะพระอาทิตย์ เพราะไปยึดว่าต้องชื่อทิศนี้ แล้วเถียงสู้เขาไม่ได้ หลายคนรวมกันบอกว่าเป็นทิศอื่น ก็ต้องทุกข์ไป[/FONT]<o>

</o>[FONT=&quot]คนที่เถียงเก่ง ก็ใช่ว่าจะรู้จริง อาจจะใช่หรือไม่ใช่ ก็ไม่รู้ เพราะทุกอย่างถูกสมมุติ แม้แต่ทิศก็เป็นการสมมุติในภาษาของประเทศนั้น ๆ ให้เข้าใจตรงกันเท่านั้น[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]กฏสัจธรรม ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
[/FONT]<o></o><o></o><o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]ดังนั้น ในวันนี้ หากจะมีผู้ที่มองอีกครั้งว่าพวกนี้ผิดทาง มิจฉาทิฎฐิ ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องใหม่ และมิใช่เรื่องแปลกอะไร[/FONT]<o></o>
[FONT=&quot]เพราะการมองเห็นว่าสิ่งที่ตนเองคิดนั้นถูกต้อง ก็มีมาตลอดอยู่แล้ว[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]การที่ให้คนอื่นเขาว่าเราบ้าบ้าง ผิดทางบ้าง ก็ถือว่าเป็นการทดสอบที่ดี หากท่านไม่มีปฎิฆะขุ่นเคืองเกิดขึ้น[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]นั่นคือ ท่านผ่านการทดสอบ ด้วยการไม่เอาตัวตนออกไปรับ ให้เกิดตัวกู ของกูขึ้นมานั่นเอง[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]ซึ่งหลาย ๆ ท่าน ยังคงนิ่งอยู่ได้ นี่ไม่ใช่การอดทน ไม่ใช่การกดข่ม แต่เพราะเห็นความเป็นอย่างนั้นเองของทุกสรรพสิ่ง[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]จึงไม่ได้ต้องอดทนกับอะไร[/FONT] [FONT=&quot]?[/FONT]<o>

</o>[FONT=&quot]นี่คือเรื่องของอริยสัจ 4 ที่เกี่ยวกับ ทุกข์ และการดับทุกข์ โดยตรง[/FONT]<o>

</o>[FONT=&quot]หากยึดมาก ก็ทุกข์มาก หากยึดน้อย ก็ทุกข์น้อย หากไม่ยึด ก็ไม่ทุกข์[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]หากมีตัวตนมาก ก็ทุกข์มาก หากมีตัวตนน้อย ก็ทุกข์น้อย [/FONT]<o></o>
[FONT=&quot]หากพ้นจากอุปาทานว่าเป็นตัวตนของตนแล้ว ทุกข์จะเกิดจากไหน ?<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]แต่<o></o>[/FONT]
<o></o><o></o><o></o>
[FONT=&quot]กฎไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา [/FONT]<o></o>
[FONT=&quot]ความไม่เที่ยง [/FONT]<o></o>
[FONT=&quot]ความเป็นทุกข์ ความทนอยู่ไม่ได้ [/FONT]<o></o>
[FONT=&quot] และมันไม่ใช่ตัวตน ของตน<o></o>[/FONT]
<o></o>
[FONT=&quot]ด้วยมันเป็นธรรมชาติ ไม่ได้เป็นตัวใคร ไม่ได้เป็นของใคร [/FONT]<o>

</o>[FONT=&quot]มันจึงบังคับบัญชาไม่ได้นั่นเอง[/FONT]<o></o>
[FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]แม้ว่าความเข้าใจ อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเข้าใจของแต่ละบุคคล[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]กฏของธรรมชาติไม่เคยเปลี่ยนแปลง ยังคงหมุนเวียนเปลี่ยนไปตลอดเวลา [/FONT]<o></o>
<o></o><o></o>
[FONT=&quot]ดังนั้น การเห็นความเป็นจริงของขันธ์ห้า แล้วเพียรละการยึดมั่นถือมั่น ในอุปาทานขันธ์ห้าเหล่านั้น[/FONT]<o></o>
<o></o>
[FONT=&quot]เพื่อออกจากสังสารวัฎอันยาวนาน เป็นสิ่งเดียว ที่เป็นประโยชน์ตน ที่ควรทำให้ได้ในปัจจุบัน[/FONT] <o></o>

 

ขออนุญาตแจ้งเรื่องเงินที่มีคนบริจาคมานะคะ เราต้องดูว่าเขาบริจาคมาเพื่อวัตถุประสงค์อะไร หากเขาตั้งจิตให้มาว่า แล้วแต่จะนำไปใช้ตามเหมาะสม อันนี้ไม่น่ากลัวเท่า เขาระบุมาว่า ให้นำไปใช้เจาะจง เมื่อไม่ได้นำเงินก้อนนั้นไปใช้ตามที่บอก มีทางเลือกคือ


๑. แจ้งการยกเลิกการขอรับบริจาคเพื่อการนี้ แล้วแจ้งบอกว่า โครงการนี้ยุติ ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ ผู้ที่บริจาคร่วม ต้องการให้นำปัจจัยของท่านทำอะไร บางท่านขอคืน (ก็ต้องคืนเขา) บางท่านไม่สนใจเข้ามารับรู้ บางท่านบอกว่า แล้วแต่เงินไม่มาก ไม่วอรี่ อันนี้เรามาพิจารณาว่า เอาไปทำอะไรให้เกิดประโยชน์ที่สุดทางบุญกุศล

ส่วนกรณีเอาไปทำตามแต่กรรมการหรือหัวหน้าผู้ดูแลตัดสินใจ ขอบอกว่า ถ้าเจ้าของเงินไม่รับทราบ เป็นหนี้สงฆ์นะคะ ต้องแจ้งบอก ไม่เช่นนั้น มีทางเดียวคือ ถวายเป็นมหาสังฆทานชำระหนี้สงฆ์ไปเลย แต่เชื่อไหมว่า สิ่งที่ยายผีป่าอยากแนะนำก็คือ ถวายเข้าโครงการของในหลวง บุญใหญ่จริงๆ ใครทำบุญกับในหลวงขอบอกว่าได้กุศลเหมือนทำบุญกับพระอรหันต์ประจำกาย คือพ่อกับแม่ ทำบุญกับพ่อกับแม่ บุญมากกว่าทำบุญกับใครๆ (อันนี้ความเห็นส่วนตัว จากคำสอนของอาจารย์ใหญ่ท่านบอกมา ว่า แห่กันไปทำบุญจนลืมพ่อลืมแม่ปู่ย่าตายาย มันไม่เจริญแน่นอน)

.......................................


ส่วนชื่อ อมตะนิพพาน เป็นชื่อสมาชิกที่ไม่มีข้อห้าม ถ้ามีข้อห้าม ทางเว็บจะแจ้งว่าชื่อสมาชิกไม่เหมาะสม

แต่ถ้าท่านเขียนชื่อสมาชิกว่า

"ข้าบรรลุอรหันต์แล้ว" ทำนองนี้ ถือว่า ไม่เหมาะสม

การพยากรณ์ภพชาตินี่หาดีไม่ ยิ่งการพยากรณ์การบรรลุมรรคผลของบุคคลอื่นนั้น หาใช่วิสัยของเราทั้งหลายไม่ ส่วนมากจะหลอนและหลอกตัวเองมากกว่า หลอกตัวเองยังไม่พอ ยังพาลไปหลอนหลอกลวงให้ผู้อื่นงมงายตามไปด้วยว่า ผู้นั้นบรรลุธรรมนั้นแล้ว ผู้นี้เป็นระดับนี้แล้ว

ในพระไตรปิฎกก็มีกล่าวไว้ ไปค้นหาเสียนะ ว่า มันมิควรพยากรณ์

ขนาดที่สุรินทร์ เพื่อนยายผีป่าชมยายผีป่าว่า "เธอบรรลุอเวจีผลแล้ว" ยายผีป่ายังบอกว่า "อย่ายกยกเกินไป ข้าน้อยมิอาจเอื้อม ยังดำผุดดำว่ายไปไม่กี่ขุมนรกเองเจ้าค่ะ" คนที่จะล่วงรู้ว่าผู้ใดบรรลุอะไร เขาจะต้องได้เสมอ หรือเหนือกว่า

วันงานที่บ้าน ท่านตาแพง ท่านบอกว่า "ลูกเอ้ย..ตอนนี้หาคนบรรลุเข้าถึงธรรมขั้นอรหันต์นั้นยาก ที่มันคิดว่ามันใช่ ส่วนมากจิตมันฟุ้ง แค่มีอาการ หรืออารมณ์เข้าใกล้กระแสพระนิพพานหน่อยก็ตีตนไปเสียแล้วว่าบรรลุ"


ขอเล่าเรื่องพี่ชาย(ลูกชายของป้าคนโตที่สุรินทร์) ตอนนี้แกตายแล้ว

.....................................

แกเคยเป็นนักมวย มีแพ้มีชนะ จนวันหนึ่งไปป่วยติดเชื้อร้าย จึงเริ่มกลัวตาย หันหน้ามาหาพระ เจอหลวงตาที่คุ้นเคย ไปนิมนต์ท่านมาจำวัด ทั้งๆ ที่รู้ว่า ท่านโดนข้อหาปาราชิกมาจากต่างจังหวัด แต่เห็นว่า น่าจะไม่ใช่เรื่องจริงเพราะอยู่มาไม่เคยเห็นว่าท่านจะทำเรื่องไม่ดี อาจเป็นการสร้างข่าวเพื่อให้ท่านด่างพร้อย พอหลวงตาบอกว่า ที่นี่เขาไม่ให้ฉันเป็นเจ้าอาวาสทั้งๆ ที่อยู่มานาน ฉันจะไม่อยู่แล้ว จะสึก หรือไม่ก็จะไปที่อื่นที่เขาจะให้ท่านเป็นเจ้าอาวาส

พี่ชายด้วยความศณัทธาแรงกล้า เพราะหลวงตาบอกว่า "เอ็งนี่บารมีดีมาก ถ้าตั้งใจปฏิบัติธรรม ต้องบรรลุไวแน่ ชาติก่อนเคยเกื้อหนุนกันมา เป็นพี่น้องร่วมสาบาน" เท่านั้นแหละ

พี่ชายถวายที่และเงินส่วนตัวที่มีจำนวนหนึ่งให้หลวงตามาดำเนินการสร้างวัด มีเงินจากญาติมิตรที่ศรัทธาช่วยมาอีก

ตกลงว่าวัดสร้างเสร็จ มีดาราดังหลายท่านไปร่วมงานด้วย เพราะแรงโปรโมทว่าพระรูปนี้ปฏิบัติดี รู้กรรมส่งกรรมแก้กรรมผู้อื่นได้ดี น้ำมูกน้ำมนต์นี่เลิศ ใครๆ ก็แห่กันมาเพราะหน้าม้าโปรโมทเก่งมาก

......................

อยู่ๆ ไป พี่ชายเกิดเห็นไส้เห็นพุงหลวงตา เริ่มรู้จักคิดใหม่ ว่าที่ผ่านมานั้นหน้ามืดตามัวหลงศรัทธา เลยทำการไล่หลวงตาหนี แล้วตัวเองยึดวัดไว้

สุดท้ายก็ไม่มีใครเข้าวัด ทราบมาว่า ตกบรรไดกุฏิตาย

..............................

คือเจตนาจะสร้างเป็นที่ปฏิบัติธรรม สร้างเป็นวัด กลายเป็นธรณีสงฆ์ไปแล้ว ไม่ใช่ของส่วนตัวแล้ว ต่อให้เราจะเป็นโต้โผออกเงินทองมากกว่าเขา แต่เราไม่มีสิทธิ์ครอบครองทั้งสิ้น เราต้องทำตรงนั้นให้เป็นของสงฆ์ต่อไป ไม่เช่นนั้นจะเป็นหนี้สงฆ์ อเวจีเชียวนะคะ โอเคเรายุติการก่อสร้าง หรือขับไล่ไสส่งคนที่เราไม่ปลื้มออกก็ได้ ไม่ว่าเขาจะผิดจริงหรือไม่จริง แต่ถ้าคุณมีอำนาจตามที่คิดว่าน่าจะมี เพราะเป็นเจ้าของเงินก้อนใหญ่กว่าเขา (แต่อย่าลืมว่าเงินที่บริจาคไปแล้ว ย่อมไม่ใช่ของเรา ต้องเป็นของผู้ที่เขาดำริโครงการ ยกเว้นเขาและกรรมการให้สิทธิ์เราในการตัดสินใจดูแลผลประโยชน์นะคะ)

ดังนั้นคุณผู้ถือสิทธิ์ระงับ และควคุมตอนนี้ ต้องหาหนทางว่า จำดำเนินการอย่างไร เพื่อให้สถานที่แห่งนี้เกิดคุณประโยชน์ทางธรรมมากที่สุด

ขอแนะนำให้ถวายเข้าโครงการของในหลวงอีกเช่นกัน

ไปแระ

เดี่ยวโดนด่าว่าแก่แล้วมาจุ้นทำไม