อยากถามเรื่องกสิณครับ

เวลาผมเพ่งเปลวเทียน เเล้วมันเกิดภาพติดตาเป็นเปลวเทียนเเต่ไม่เป็นวงกลมผิดไหมครับ เเล้วเปลวเทียนมันค่อยเปลี่ยนเป็นน้ำเงิน คล้ายกับหยดหมึกสีนำเงินที่หยดลงบนน้ำ ผิดหรือไม่ครับ

 

ไม่มีอะไรที่ผิดค่ะ เรามีแค่การรับรู้อย่างเดียวค่ะ

 

ไม่ผิดครับ ปล่อยไปสักพัก มันจะกลมเองส่วนสีที่เห็นเกิดขึ้นตามจริต บ้างก็แดง ครับ ขอให้โชคดีครับ

 

กสิณ เป็น กรรมฐานใน40 กอง
การเล่นกสิณ ต้องมีครูบาอาจารย์คอยกำกับดูแลจิต
มิฉะนั้นอาจหลงทางและเพี้ยนได้ง่ายๆ

 

กสิณไฟ

เจริญกสิณไฟ ให้มองเปลวไฟผ่านรูเล็ก ๆ เพื่อให้เห็นแค่ไฟที่ลอดผ่านรูเล็ก ๆ นั้น
อย่าเพ่งที่ไส้เทียน ห้ามเพ่งไส้เทียนโดยเด็ดขาด
นิมิตรที่เกิดขึ้นเปนดวงไฟเล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ ย่อขยายออกไป
นิมิตรที่เกิดขึ้นทั้งหลับตาและลืมตาทั้ง ๆ ที่ไม่มีเปลวไฟ ก็เรียกว่าได้กสิณไฟค่ะ


อยากแนะนำให้ฝึกกสิณดิน( ปฐวีกสิณ) ก่อน เพราะเมื่อเกิดนิมิตรของกสิณไฟ
คุณอาจไม่รู้ว่า ของจริงหรือขอปลอม
ก็จะกลัว วิ่งหนีเตลิดเปิดเปิง ดูเหมือนเปนคนเสียสติไปได้

เมื่อได้กสิณดินแล้วค่อยฝึกกสิณไฟ เพราะดินจะดับไฟได้
และกสิณดินเปนกสิณหยาบ ฝึกแล้วได้ง่ายกว่ากสิณอื่น
ทั้งกสิณดิน มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายที่อ่อนแอเปนอย่างดี
ส่วนกสิณไฟมีอานุภาพสูง เรียกว่าควรเรียนไปตามลำดับจะดีกว่า

ดิฉันอาจช่วยคุณให้ได้กสิณไวขึ้น โดยการพิจารณาจากวันเดือนปีเกิดเวลาเกิด
จะบอกได้ว่าคุณขาดอะไีรตอนฝึกกสิณ จะได้เพิ่มเติมได้
คนที่ชอบทางกสิณ มักเคยปฏิบัติมาทางนี้ก่อน เรียกว่า มาปฏิบัติต่อจากภพชาติก่อน

กสิณเปนของฝึกง่ายได้ผลเร็ว น่าฝึกอยู่ค่ะ ไม่ได้มีโทษหนักอย่างที่หลายคนเข้าใจ
ดิฉันและเพื่อนอีกหลายร้อยคน ก็ฝึกได้ปลอดภัยดี



สาธุค่ะ

 

ฝึกกสิณไฟ ก็ระวังหน่อยนะคับ

เพราะเป็นกสิณที่อันตรายต่อตาที่สุด

บอดมาก็หลายคนแล้ว

กสิณก็คือการ เล่น

กำหนดอย่างไรก็อยู่ที่จิตเรา

 

กสิณไฟผมขอแนะนำให้หาเอาท่อนไม้ที่แห้งสนิทมากองแล้วสุมไฟไม่ต้องกองใหญ่นะครับเอาแค่พอประมาณแล้วหาฉากมาบังโดยตรงกลางฉากที่บังนั้นให้เจาะเป็นรู้กลมตรงกลางนี้คือวิธีฝึกกสิณไฟในแบบที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแนะแนวทางไว้ตามที่อาจารย์ทั้งหลายได้ปฎิบัติสืบต่อกันมาส่วนเปลวเทียนนั้นท่านบอกว่ามีโทษเพราะเปลวเทียนนั้นมันเล็กและไม่นิ่งเพราะความเล็กของมันทำให้เวลาโดยลมหรืออะไรก็ตามมาโดนมันก็ไหวได้ง่ายไม่เหมาะที่จะนำมาฝึกเพราะถ้าฝืนฝึกไปนานๆจะมีโทษเกิดขึ้นได้ทางที่ดีลองเปลี่ยนวีธีฝึกดูนะครับเผื่อว่าคุณอ่านใจใครได้เร็วขึ้นนะครับ^^~

 

ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านครับ

 

กสิณที่ฝึกเหมือนกันคือพวกกสิณดิน และกสิณสี(ขาว,แดงแล้ะสีอะไรอีกจำไม่ได้แต่เด๋วจะกลับมาบอก)ส่วนกสิณน้ำก็คล้ายๆกันแต่ให้เพ่งไปที่สายน้ำธรรมชาติพิจารณาถึงการไหลคิอพูดง่ายๆก็คือว่ามห้ตัวร่วมไปกล้บธรรมชาติให้มากที่สุด กสิณดินนั้นเท่าที่ได้ศึกษามากเค้าบอกว่าให้นำดินเหนียวที่มีสีเดียว!!มาแล้วทำแบบวีิธีเดียวกัน กสิณลมให้เรานั่งสมาธิแล้วพิจารณากระแสลมที่พัดผ่านโดนอณุของร่างกายไปเรื่อยๆจนเรารู้สึกว่าร่างกายเรานั้นกระแสลมไหลผ่านไปโดยที่ไม่กระทบผ่านตัวเราแต่ๆละกสิณก็ให้คุณต่างๆกันไปนอกเหนือจากช่วยให้บรรลุได้เร็วขึ้น

 

ไม่ผิดค่ะ ทำต่อไปจากเปลวสีน้ำเงินจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว และเป็นประกายพรึก จากนั้นฝึกย่อขยาย หรืออธิษฐานจิตตามต้องการ

แต่ว่า ก่อนฝึกควรอาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และครูบาอาจารย์ช่วยคุ้มครองก่อนนะคะ กันไว้ดีกว่า

บุญรักษาค่ะ

 

กสิณไฟ

ดิฉันพยายามทำรูป วิธีง่าย ๆ ในการฝึกเตโชกสิณ เพื่อให้ท่านที่ปรารถนาจะฝึกเตโชกสิณ
ได้แนวทางบ้างตามแนวที่ดิฉันได้ฝึกมา
การมองภาพนิมิตรที่เปนสีอื่น ให้ลืมไป อย่าเอาไปอารมณ์ ให้ทิ้งเสีย
ให้มองจนภาพเปนตามกสิณที่เราฝึก

อาจจะฝึกวันละ ๑๐ นาที จนกระทั่ง หลับตาก็เห็น ลืมตาก็เห็น
นึกเมื่อไหร่ก็เห็น ทรงตัวอยู่ได้ตามที่ต้องการ
ย่อขยายได้
จนกระทั่งเตโชกสิณเปนประกายพรึกสุกสว่างสดสวย ตรงนั้น คือคุุณได้เตโชกสิณแล้ว
สามารถฝึกกสิณกองอื่น จนครบทุกกอง

การฝึกกสิณ ทำให้การทำสมาธิทรงพลัง
ผลของการฝึกก็มีหลายประการ
ถ้าต้องการมีครูบาอาจารย์ช่วยฝึก
มี ๒ แห่งที่ดิฉันรู้จัก เปนวันอาิทิตย์ บ่าย ที่
๑.วัดยานนาวา ชั้น ๔ ของอาคารที่มีพระธาตุบรรจุอยู่ สอนโดยดร.จรูญฯ
สอนกสิณสี
๒.มูลนิธิสุวรรณโคมคำ ถนนนนทรี ก่อนถึงแยกสาธุประดิษฐ์ โทร 02 681 2523
สอนปฐวีกสิณ

 

สมาทานพระกัมมฐานก่อนปฏิบัติ

บูชาพระรัตนตรัย
นะโม ๓ จบ
อาราธนากรรมฐาน

ข้าพเจ้าของสมาทานซึ่งพระกรรมฐานสมถะ และวิปัสสนากรรมฐาน
ขอให้บังเกิดมีในขันธสันดานของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะตั้งสติกำหนดไว้ที่ดวงเตโชกสิณ

ข้าพเจ้าขอระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้า
คุณครูอุปัชฌาจารย์ คุณมารดาบิดา คุณทานบารมี คุณศีลบารมี คุณเนกขัมมะบารมี
คุณปัญญาบารมี คุณสัจจะบารมี คุณอธิษฐานบารมี คุณเมตตาบารมี คุณอุเบกขาบารมี

ที่ข้าพเจ้าเคยบำเพ็ญมาแต่เล็กแต่น้อยร้อยชาติพันชาติ หมื่นชาติแสนชาติ
อสงไขกัปกัลย์ ที่ระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี

ขอบารมีทั้งหลายเหล่านี้ จงมาช่วยประคับประคอง
ให้ข้าพเจ้าปฏิบัติสมถะและ วิปัสสนาญาณให้ลุล่วงบวงมาร ได้สำเร็จ
มรรคผลนิพพาน ในอนาคตกาลเบื้องหน้านี้เทอญ

แผ่เมตตา
สัพเพ สัตตา
อะเวราโหตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ
อะนีฆาโหนตุ สุขีอัตตานัง
ปะริหะรันตุ

 

ดีแล้วปีโป้ ทำต่อไปก็แล้วกันเน้อ........

 

ผมก็ใช้แค่ไฟฉาย เปิดดูแสงสว่างเอง จำภาพ แล้วก็แค่นั่น บางทีก็รู้ลมหายใจ สบาย ๆ วูบๆวาบ ๆ เหมือนจะเข้าอรูปฌานอยู่ขอแนะนำให้ทำสบาย ๆน่ำครับ เด๋วเกิดเห็นนั่นนี้ แล้วกลัวนี่ สั่นสะท้านน่ะครับ เคยเป็นตอนจะออกจากร่าง ประสาทเครียดเลย ทำแบบสบาย ๆไป
รู้ลมหายใจเล่น ๆก็ได้ กสิณลม

 

ขอแนะนำให้เจริญสติปัฐฐานก่อนก็ได้ อยู่ในบ้านในเมือง ใจถึงค่อยบริสุทธิ์แล้วกลับมาเล่นกสิณ หาสถานที่เงียบ ๆทำเอา ไม่หลุดพ้นง่ายหรอกครับพวกกสิณ เช่นกสิณไฟ ได้มาแล้ว
ถ้าอยากหลุดพ้นจากความทุกข์ไว ๆก็ต้องเอาไฟมาเผาตนเอง แล้วกูดูจิตไป

 

ผมรู้สึกชอบกสิณลมแหะ

ชอบให้มีลมพัดผ่านกายเสมอ

อิอิ~..

 

ใช้ภาพเทียนก็ได้คับไม่ต้องจุดไฟให้เปลือง. ภาพติดใจไม่ใช่ติดตาครับ มองซัก3-5วิก็พอ แต่ถี่ๆหน่อยถ้าจำไม่ได้ เหมือนเรา นึกถึงอะไรซักอย่างเช่นนึกถึงลูกบอล เรานึกได้แปปเดียวแล้วภาพมันก็จะหายไปจากการนึกใช่ใหม่ครับ แต่เราต้องทำให้มันนึกเห็นได้อยู่ตลอดเวลา ประมาณนี้ครับ เราก็แค่นึกถึงไฟแทน ไม่ใช่จ้องให้มันเป็นดวงติดตาที่ไหนกัน. ลองฟังเทปของหลวงพ่อ เอาคับ

 

ผิดค่ะ เพราะท่านอ่านอารมณ์ก่อนทำกสิณ
เลยทราบว่า อุคหนิมิตรต้องเป็นวงกลม

อย่าไปอ่านอารมณ์ก่อนทำกสิณสิคะ

กสิณนี้ เปรียบเสมือนการเดินทางไปเชียงใหม่ ท่านใช้ได้หลายเส้นทาง และหลายวิธีในการเดินทางเช่น รถไฟ รถยนต์ เครื่องบิน เป็นต้น

หากเกิดปฏิภาคนิมิตร อุคกนิมิตร เช่นไร ก็กำหนดรู้เท่าทัน และสังเกตการณ์ แค่นั้นค่ะ ไม่ต้องหวังอะไรเลย

ติดขัดกสิณไฟ ก็ถามเพื่อนๆ ในนี้นะคะ แต่อย่าอ่านอารมณ์ก่อน เดี๋ยวจะไม่สนุกค่ะ สาธุ

 

ของ dota ถ้าเกิดนิมิตกสิณในลักษณะแบบนี้
ต้องเข้าใจไว้อย่างหนึ่งว่าตอนนี้ จากจิตเดิมแท้เรามันเป็น
ไปในลักษณะที่ใช้กสิณเป็นพื้นฐานสำหรับ
เดินปัญญาเพื่อลดละกิเลสนะ
ไม่ใช่เพื่อสร้างให้เกิดกำลังจิต
ด้วยการจะไปปั่นปฏิภาคนิมิตในกำลังสมาธิระดับสูง
และเกิดกำลังจิตจนถึงขั้น
ระดับใช้งานได้ หรือจะไปอฐิษฐานจิตโน้นนี่นั้นได้นะ
มันคนละแนวนะโปรดเข้าใจไว้ด้วย....

และถ้าจะขึ้นด้วยกสิณกลางนะครับ
ให้เรียงลำดับตามนี้ คือ น้ำ ดิน ไฟ ลมและอากาศ
พูดง่ายๆว่า ลมและอากาศมากสุดเพราะ
สองกองนี้ตัวจิตมันฟ้องว่าเคยใช้งานมาแล้วในอดีต
และ ถ้าฝึกแล้วโอกาส
จะสำเร็จสูงกว่ากองอื่นๆ ส่วนถ้าเอากสิณสี
ไม่มีอะไรเด่นเพราะเท่าๆกันทุกกอง....

ปกติถ้าฝึกแบบเกิดกำลังจิตนะแนะว่า
ไม่ต้องสนใจอะไรที่เกิดในระหว่างทาง
ไม่ว่าจะพบ จะเห็น จะเจออะไรที่อลังการงานสร้าง
ระดับโลก ระดับจักรวาล
หรือจะเกิดความสามารถอะไรพิเศษแค่ไหน
ก็ตามห้ามสนทุกกรณี
จนกว่าจะปั่นปฏิภาคนิมิตในกำลังสมาธิระดับสูงได้
ไม่ใช่แบบลืมตาเห็น แล้วหมุนเล่นได้นะ
นี่มันแค่ทำให้รู้ แต่ไม่มีประโยชน์เป็นระดับเริ่มต้น
ก่อนไปต่อ กำลังแค่อุปจารสมาธิ....

แต่ ณ ปัจจุบันนี้ หลักที่จะไปต่อได้
ก็คือ ให้ดูและสังเกตุการเปลี่ยนแปลงของนิมิต
กสิณที่เกิดขึ้น และต้องเข้าใจว่า มันจะยังไม่ได้ผล
หรือเกิดผลอะไรกับจิตนะ แต่มันจะเป็นแนวทาง
ให้มาต่อในระหว่างวัน ด้วยการนำเอาหลักตรงนี้
มาสังเกตุ การเกิดดับของอารมย์เราต่อในระหว่างวัน
สังเกตุอย่างไร ....ซึ่งปกติมันจะรู้ว่ามันเกิด
แต่มักจะไม่รู้ว่ามันดับไปตอนไหน รู้ตัวอีกทีลืมแระ...(ปกติ)

ให้มาสังเกตุว่า ในระหว่างวันทำอะไรไป พลาดอะไรตรงไหน
ก่อนที่จะหลับตานอน และก่อนที่จะลืมตาตื่นนอน.....
และสังเกตุต่อไปว่า
อารมย์มันเกิดตอนไหน......และเกิดเพราะอะไร
และอารมย์มันดับตอนไหน.....และดับเพราะอะไร
ถึงจะได้ไปต่อใน ระดับปัญญาญาน และพอกลับมา
พิจารณาสังเกตุ การเปลี่ยนแปลงการเปลี่ยนแปลง
ต่างๆของนิมิตกสิณ รวมทั้งสภาพแวดล้อมต่างๆ
ของนิมิตกสิณที่เปลี่ยนแปลง จิตถึงจะได้ผล
และลงไตรลักษณะในเรื่องอนิจจังได้ของมันเอง
ตรงนี้ต้องทำควบคู่กันนะ ถึงจะเห็นผล.ได้

ขณะพิจารณา เช่น เปลวเทียนอย่างนี้ มีอะไรเข้ามาบ้าง
มองโน้นนั่นนี่เป็นอย่างไร ฯลฯ ตัวอย่างนะ

ทริคแห่งความสำเร็จอยู่ตรงนี้นะ
''มองเห็นเปลวเทียนแต่ไม่เห็นไส้เทียน
มองเห็นไส้เทียนแต่ไม่เห็นเปลวเทียน''

ปล.กรณีนี้เป็นการแนะนำเฉพาะบุคคล
ตามเนื้อหาเดิมแท้ของจิตที่ขึ้นมา ณ ปัจจุบัน ไม่
สามารถใช้ได้กับทุกคนครับ....

ส่วนเรื่องผลต่างๆที่จะเกิดกับจิต
มันจะเกิดได้เอง และค่อยๆขึ้นมาเอง
ไม่ต้องไปเกร๊งกล้ามปั่นปฏิภาคนิมิตอะไร
ให้เสียเวลาและยุ่งยากอะไร
ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องดูด้วยว่า ผลที่ทำนั้น
มันทำให้ ตัวโทสะ โมหะ โลภะ ที่มีในจิต
มันไม่ไปดึง ลาภ ยศ สุข สรรเสริญเข้ามามันลดน้อยลงไหม
และในเวลาปกติ จิตสามารถคล้ายตัวได้เอง
โดยไม่ใช้ความชำนาญ หรือวิธีการใดๆได้ด้วยนะครับ

 

ฮาเลลูยา...