พระอวโลกิเตศวร

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย nopopathorn, 12 มีนาคม 2010.

  1. nopopathorn

    nopopathorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,065
    พระนามพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ หมายถึง พระโพธิสัตว์ผู้เพ่งพิจารณากระแสเสียงของโลกคนทั่วไปรู้จักในนามของ "พระกวนอิม" พระโพธิสัตว์ผู้เปี่ยมล้นด้วยมหาเมตตา มหากรุณาจิต ในพระสูตรของพระพุทธศาสนาหลายเล่มกล่าวว่า หากได้สรรเสริญเอ่ยขานพระนามของพระองค์ด้วยความศรัทธาแล้ว เมื่อทรงได้สดับรับยินก็จะประทานพระเมตตากรุณาคุณหนุนนำช่วยเหลือ และด้วยพลานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ก็จักบันดาลให้สรรพสัตว์ สมปรารถนาตามที่วอนขอ เช่นนี้พระองค์จึงทรงเป็นที่เคารพบูชาของมหาชน ผนวกกับเรื่องราวปาฏิหารย์แห่งความเมตตาของพระองค์ที่มีบันทึกสืบเนื่องมาแต่โบราณกาลถึงปัจจุบัน จึงยังให้แทบทุกครัวเรือนบูชากราบไหว้พระองค์ในรูปลักษณาการต่างๆ
    แต่เิดิมมานั้นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ทรงวิภูษณะอาภรณ์แบบมหาบุรุษตามแบบอินเดียโบราณ ตราบถึงสมัยราชวงศ์ถังแห่งแผ่นดินจีน ก็ยังคงศิลปะอินเดียแบบเปลือยพระอุระอยู่ สืบมาจนถึงสมัยราชวงศ์หยวน พระรูปกวนอิมจึงเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปเป็นสตรีเพศ สืบเนื่องจากตำนาน เรื่องขององค์หญิงเมี่ยวซ่าน ที่ทรงมีศรัทธาปสาทะ ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ทรงเปี่ยมด้วยเมตตาการุญต่ออาณาประชาราษฎร์ แม้พระบิดาของพระองค์จะนิยมชมชอบการทำศึกสงคราม ขูดรีดอาณาประชาราษฎร์ หากองค์หญิงกลับมีจิตเมตตาปลดเปลื้องทุกข์เข็ญของราษฎร ยังให้พระบิดากลับพระทัย จึงเป็นเหตุให้มีการสร้างรูปปฏิมาของพระกวนอิมโพธิสัตว์เป็นสตรีเพศอย่างที่พบเห็นในปัจจุบัน





    ธรรมกาย84ปาง(องค์กวนอิม)

    [​IMG]


    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 มีนาคม 2010
  2. nopopathorn

    nopopathorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,065
    วิธีบูชาพระโพธิสัตว์กวนอิม

    ให้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย บูชาพระโพธิสัตต์กวนอิมทุกวัน จัดน้ำสะอาดถวาย 1 แก้ว ทุกเช้า และ
    - ในวัดเกิดประจำสัปดาห์ เช่น คนเกิดวันอังคาร ทุกวันอังคารจัดผลไม้สองสิ่งถวาย (ทั้งนี้ยกเว้น มังคุด,ละมุดและพุทรา)
    - ในวันพระ จัดดอกบัวถวาย 5 ดอก จุดธูปบูชา 5 ดอก
    - ในพิธีต้องการสิริมงคล ควรกินเจในวันนั้นเป็นการอุทิศถวาย พร้อมรักษาศีลภาวนา ถ้าต้องการน้ำมนต์ ให้นำน้ำสะอาดบริสุทธิ์ตั้งหน้าที่บูชา และอธิษฐานขอเป็นน้ำมนต์ดื่มกิน ถ้าต้องการนำไปประพรม จงใช้กิ่งหลิวหรือกิ่งทับทิมจุ่มลงไปในน้ำมนต์ใช้ประพรม เฉพาะการเลือกกิ่งทับทิมเพื่อใช้พรมน้ำมนต์นั้น ผู้เคร่งครัดมักเลือกชนิดกิ่งทับทิมจากต้นที่มีลักษณะเป็นอั้งเสี่ยวลิ้ว กล่าวคือ เวลาผลิใบอ่อนแตกยอด ทับทิมชนิดนี้ผลิใบอ่อนเป็นสีแดง มิใช่จากต้นทับทิมที่ผลิใบอ่อนเป็นสีเขียว อันเรียกว่า แชเสี่ยวลิ้ว

    - วันเกิดของตนเอง วันหนึ่งในรอบปีที่จะเจริญวัยเพิ่มขึ้นอีกปีหนึ่งๆ นอกจากจัดของบูชาพิเศษแล้ว ควรถือศีลกินเจ บำเพ็ญทานและฟังธรรม
    - วันสำคัญของพระโพธิสัตต์กวนอิมก็เช่นกัน ที่ควรบำเพ็ญกุศลเป็นพิเศษ วันที่เชื่อกันว่าเป็นวันสำคัญของพระโพธิสัตต์กวนอิม คือ วันทั้งสามของปฏิทินจันทรคติจีน ดังต่อไปนี้
    วันที่ 19 เดือนยี่ ถือเป็นวันประสูติ
    วันที่ 19 เดือนหก ถือเป็นวันบรรลุธรรม
    วันที่ 19 เดือนเก้า ถือเป็นวันนิพพาน

    - วันที่ควรถือการกินเจเป็นการถวายแด่พระโพธิสัตต์กวนอิมด้วย คือ เทศกาลกินเจเดือน 9 เรียกว่า เก๊าอ๊วงเจ หรือ กิวอ๊วงเจ
    ข้อควรระวัง หากมีองค์รูปเหมือนไว้บูชา ไม่ควรนำไปปลุกเสกหรือเจิมตามตำหนักต่างๆ หากนำไปเจิมมาแล้ว ควรหาน้ำมนต์จากวัดพระแก้วหากอยู่กรุงเทพฯ หรืออยู่ต่างจังหวัดก็ไปนำน้ำมนต์ที่ทำในอุโบสถส่วนมากจะเป็นวัดประจำจังหวัด มาสรงทำความสะอาดเพื่อมิให้คลื่นที่ไม่บริสุทธิ์แปลกปลอมเข้าสถิตย์อยู่ในองค์รูปเหมือนนั้นๆ
     
  3. nopopathorn

    nopopathorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,065
    พระโพธิสัตว์โปรดพระโอวาทพระโพธิสัตว์กวนอิม จากหนังสือ ต่างกันในกาย ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาผู้คนในโลกนี้ชอบกินเนื้อผู้อ่อนแอกว่า คนชอบแก่งแย่งกัน สัตว์เดรัจฉานก็เช่นเดียวกัน เนื่องจากคนไม่ยอมปล่อยสัตว์ กินเลือดกินเนื้อสัตว์เพื่อดำรงชีวิต ดังนั้น นิสัยคนและสัตว์จึงผสมกัน เลือดลมของคนและสัตว์ไม่อาจเข้ากันได้ จึงเป็นบ่อเกิดของโรคต่าง ๆ... ดังนั้น คนที่กินเนื้อสัตว์ สัญชาติของคนและสัตว์จึงปะปนกัน ไปทำลายจิตใจจนคนไม่เหมือนเก่า จึงพบหน้าคนใจสัตว์เต็มไปหมด จะเห็นได้จากคนที่เจริญแล้วในสังคม แต่กระทำในสิ่งที่ป่าเถื่อน บาปกรรมสร้างสมกันมา คนก็เริ่มเบียดเบียนถิ่นที่อยู่ของสัตว์ ทำอันตรายต่อชีวิต ดังนั้น คนจึงลดฐานะลงจนจิตใจอยู่ในระดับเดียวกับพวกสัตว์ ยังความห่างไกลจากหนทางสู่ความสำเร็จของพุทธะไป... หากต้องการกลับไปสู่หนทางของพระอริยะเจ้าก็ต้อง ถือศีล กินเจ ปลดปล่อยชีวิตสัตว์ เพื่อชำระจิตใจให้สะอาด และยังต้องช่วยเหลือให้สัตว์เหล่านั้นสำเร็จธรรมด้วย หากกระทำเช่นนี้ได้ แน่นอนทีเดียวเราก็ใกล้สำเร็จความเป็นพระได้เช่นกัน... ข้อ ๑. งดการฆ่าสัตว์มีวิญญาณ มีเลือดเนื้อน้ำตา มีเจ็บปวดทรมานและมีจิตใจ โดยใช้จิตเมตตาธรรมและความกรุณา จึงทนดูการฆ่า ไม่ได้ ปราชญ์เมิ่งจื้อกล่าวว่า “สุภาพชนต้องอยู่ห่างครัวไฟ” นั่นคือไม่อยากให้มีการฆ่า ไม่อยากเห็นการฆ่า...มนุษย์มีจิตรักสัตว์ ระหว่างคนด้วยกันจะไม่มีการต่อสู้ฆ่าฟันกัน ฉะนั้น การงดเว้นการฆ่าสัตว์จึงเป็นพื้นฐานหล่อเลี้ยงจิตใจคนให้เกิดความเมตตากรุณา... ข้อ ๒. งดการกินเมื่อไม่ฆ่าแล้วก็ต้องไม่กิน เนื่องจากไม่กินเป็นผลให้คนฆ่าน้อยลงหรือเลิกฆ่า พวกพืชผักมีคุณค่าเพียงพอสำหรับมนุษย์และไม่มีอันตราย เนื่องจากพวกสัตว์ไม่มีการชำระร่างกาย พวกเชื้อโรคจึงเข้าอาศัยอยู่ได้ง่าย คนที่กินเนื้อก็จะได้รับเชื้อโรคทำให้เกิดโรคร้ายเนื้องอก มะเร็งต่างๆ ได้สารพัด แพทย์ก็จนปัญญาที่จะรักษา ในที่สุดก็ต้องทิ้งสังขารนี้ไป... ยิ่งไปกว่านั้น คนที่กินเนื้อก็มักจะได้รับการก่อกวนจากวิญญาณสัตว์ ทำให้จิตของคนทุกวันนี้ไม่ปกติสุข ซึ่งทำให้โรคภัยไข้เจ็บทวีขึ้น จึงอยากให้ชาวโลกเลิกทานเนื้อสัตว์ หันมากินพืชผักธรรมชาติ ถึงแม้อยู่ในทำเลที่ไม่สะดวก การกินอาจจะขัดสน แต่จิตใจก็ไม่หลอกลวงทุจริตและปล้นจี้เกิดขึ้น... ข้อ ๓. ปล่อยสัตว์เมื่อสามารถงดเว้นการฆ่าสัตว์แล้ว งดการกินเนื้อสัตว์ได้แล้วแต่ก็ยังไม่พอ เพราะยังมีสัตว์พวก นก ปลา และเต่า ที่ยังถูกฆ่าอีกจำนวนมากมาย เพื่อให้จิตเกิดความเมตตา ควรซื้อหาสัตว์มาปล่อยให้มันมีชีวิตอิสระ เป็นการช่วยเหลือให้พ้นจากการถูกคุมขัง รอดจากการสังหาร สัตว์เหล่านี้จะรำลึกถึงบุญคุณโดยไม่อาจบรรยาย... การที่พวกมันต้องไปเกิดเป็นสัตว์นั้นก็ล้วนมีสาเหตุเกิดจากทำบาปหนักตั้งแต่ชาติก่อน โดยเฉพาะละเมิดศีลข้อหนึ่งคือ เว้นจากการเบียดเบียนเข่นฆ่าสัตว์ ควรได้รับโทษประหาร แต่ผู้ที่มีเมตตาจิตควรอโหสิกรรมให้พวกมันเสีย นับประสาอะไรที่มันก็ไม่ได้ทำอันตรายเราและไม่มีความสามารถด้วย... งดฆ่าสัตว์ งดกินเนื้อสัตว์ แต่ให้ปล่อยสัตว์ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นแบบฝึกฝนสำหรับผู้บำเพ็ญเพียร เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจ ชำระวิญญาณให้ใสสะอาด... วิธีช่วยให้สัตว์เดรัจฉานได้ฝึกฝนธรรมะนั้นคือ ช่วยกันพิมพ์หนังสือธรรมเผยแพร่ ทำให้คนมีความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจสัตว์ ยังสามารถรู้ถึงความรู้สึกในใจของสัตว์อีกด้วย เพื่อให้พวกเขาได้มีโอกาสสร้างความดีเพื่อลบล้างความผิด แท้จริงสัตว์ก็คือคนเวียนมาเกิดนั้นเอง เขาก็มีสิทธิที่จะมีชีวิตดำรงอยู่ในโลกเช่นเดียวกับเรา... ด้วยเหตุนี้ จึงจะระงับอารมณ์ความโหดร้ายทารุณลงได้ เพื่อให้โลกมนุษย์นี้กลับกลายเป็นสุขาวดีแดนพุทธเกษตร มนุษย์และสัตว์อยู่กับอย่างสันติสุข เพื่อเพื่อนมนุษย์เพื่อผู้อื่น เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะเกิดความร่มเย็นกันถ้วนหน้า เป็นแดนบริสุทธิ์ในโลก มนุษย์ก็เท่ากับสมความตั้งใจของโพธิสัตว์ที่จะโปรดสรรพสัตว์ให้หมดโลกก่อนเข้าสู่นิพพาน...
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    น่าสนใจมากค่ะ
     
  5. nopopathorn

    nopopathorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,065
    พระธรรมกาย ๘๔ ปาง แห่งองศ์กวนอิม
    เป็นการบรรยายคาถามนต์มหากรุณาธารณีสูตร (ไต่ปุยจิ่ว) 大(dà)悲(bēi)咒(zhòu)
    <!--colorc--><!--/colorc-->

    <!--coloro:blue-->
    <!--/coloro-->เค้ามูลคาถามนต์มหากรุณาธารณีสูตร (ไต่ปุยจิ่ว)
    อันกำเนิดจากความเมตตากรุณาอันใหญ่ยิ่ง รวมทั้งความโปรดโลกโปรดสัตว์ ปฏิบัติธรรมบรรลุพระพุทธภูมิที่สำคัญอย่างยิ่งยอด ซึ่งเป็นของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ อักษรหนึ่งและประโยคในธารณีนี้ ล้วนเป็นสัจธรรมที่จะเข้าถึงสัมมาสัมพุทธญาณ
    ธารณีนี้ เป็นส่วนสำคัญของ "มหากรุณาจิตธารณีสูตร" รวมมี 84 ประโยค โดยมีชื่อเต็มว่า "สหัสภุชสหัสเนตรอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ไพบูลย์สมบูรณ์อกิญจนมหากรุณาจิตธารณีสูตรมหากรุณามน ตร์ "
    <!--colorc-->
    <!--/colorc-->
    <!--coloro:red--><!--/coloro-->คำว่า "มหา" แปลว่า กว้างใหญ่ไพศาล
    คำว่า "กรุณา" แปลว่า ที่สุดแห่งความเมตตา
    คำว่า "มนตร์" แปลว่า การทรงไว้ สามารถทรงไว้<!--colorc-->
    <!--/colorc-->

    <!--coloro:blue--><!--/coloro-->ที่ได้ชื่อดังนี้มีที่มาว่า สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าตรัสต่อพระอานนท์ว่า " ธารณีนี้ มีชื่อต่างๆ เช่น มหาไพบูลย์สมบูรณ์หนึ่ง อกิญจนมหากรุณาหนึ่ง ปลดทุกข์ธารณีหนึ่ง อายุวัฒนธารณีหนึ่ง ดับทุกข์คติธารณีหนึ่ง กำจัดกิญจน บาปหนึ่ง สมบูรณ์ปณิธานหนึ่ง มโนมัยดิศวรหนึ่ง วิกรมอุตตรภูมิธารณีหนึ่ง "<!--colorc--><!--/colorc-->

    [​IMG]

    <!--coloro:red--><!--/coloro-->พระโพธิสัตต์องค์นี้ที่มีนามว่า สหัสภุชสหัสเนตร อวโลกิเตศวรโพธิสัตต์ นั้น ก็เนื่องจากในพุทธกาล พระสหัสประภาราชศานติสถิตตถาคตพุทธเจ้านั้นพระพุทธเจ ้าองค์นี้ได้ตรัส " มหาไพบูลย์สมบูรณ์ อกิญจนมหากรุณาธารณีแก่ประโยชน์สุขสำราญแก่สัตว์ทั้ง หลายในกษายกัปแห่งอนาคต โดยทั่วถึง ตามพระสูตรได้กล่าวไว้ว่าในขณะนั้น เมื่อพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตต์ได้ฟังมนต์คาถานี้แล้ว ก็ได้จากปฐมภูมิของโพธิสัตต์บรรลุถึงภูมิที่ 8 คืออจลภูมิ จึงได้ตั้งปณิธานว่า " ในอนาคตกาล ถ้าเราสามารถ สร้างประโยชน์สุขแก่สรรพสัตว์ได้ ขอให้ข้าพเจ้าได้มีพันกรพันเนตรในทันที "<!--colorc--><!--/colorc-->

    <!--coloro:blue--><!--/coloro-->เมื่อตั้งปณิธานแล้ว ได้เกิดมีพันกรพันเนตรในบัดดล เกิดแผ่นดินไหวทั่วทั้ง 10 ทิศ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต่างก็ส่องอมตาภา ส่องไปทั่วทศทิศอันไม่มีขอบเขต
    ส่วนมนต์คาถานี้ มีหลายชื่อก็เนื่องจาก พระศากยมุนีได้เคยตรัสแก่พระอานนท์ว่า เนื่องจากปณิธานอันใหญ่ยิ่งโดยพระโพธิสัตว์กล่าวว่า " หากว่าเหล่ามนุษย์และทวยเทพ ตั้งจิตสวดนามเรา พร้อมด้วยสวดนามพระพุทธอมิตาพุทธเจ้าแล้วสวดพระธารณี นี้ คืนละ 5 จบ ก็จะดับมหันตโทษจำนวนร้อยพันหมื่นล้านกัปได้ หากเหล่ามนุษย์ทวยเทพสวดคาถามหากรุณานี้ เมื่อใกล้ชีวิตดับ พระพุทธเจ้าทั้ง 10 ทิศ จะมายื่นพระกรรับ แล้วให้ไปจุติในพุทธเกษตรทุกแห่ง ถ้ามนุษย์ทวยเทพสวดมหากรุณานี้ จะเกิดประกอบด้วยกุศล 15 ประการ และไม่ต้องด้วยทุมรณะ 15 ประการ " คือ<!--colorc-->
    <!--/colorc-->

    <!--coloro:red--><!--/coloro-->เกิดโดยประกอบด้วยกุศล 15 ประการ คือ

    1.ที่ที่เกิดจะพบแต่กุศล 5

    2.เกิดในประเทศกุศล

    3.พบแต่ยามดี

    4.พบแต่มิตรดี

    5.ร่างกายประกอบด้วยอินทรีย์พร้อมมูล

    6.จิตเป็นธรรมโดยสมบูรณ์

    7.ไม่ผิดศีล

    8.ญาติบริวารมีความกตัญญู ปรองดองกัน มีความสามัคคีกัน

    9.ทรัพย์สมบัติ โภคทรัพย์ มีสมบูรณ์ครบถ้วน

    10.มีผู้เคารพและให้ความช่วยเหลือเสมอ

    11.ทรัพย์สินที่มีอยู่ ไม่มีใครมาปล้นชิง

    12.คิดต้องการอะไร จะได้สมความปรารถนา

    13.ทวยเทพ นาค ให้ความปกปักษ์รักษาอยู่เสมอ

    14.เกิดในที่ที่ได้เฝ้าพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์

    15.พระธรรมที่ได้ฟัง สามารถเข้าถึงแก่นสาร<!--colorc-->
    <!--/colorc-->



    <!--coloro:blue--><!--/coloro-->ไม่ต้องด้วยทุมรณะ 15 ประการ

    1.ไม่ต้องมรณะด้วยความอดอยากข้นแค้น

    2.ไม่ต้องมรณะด้วยการใส่ขื่อ กักขังและเฆี่ยนโบย

    3.ไม่ต้องมรณะด้วยศัตรูจองเวร

    4.ไม่ต้องมรณะด้วยการศึกสงคราม

    5.ไม่ต้องมรณะด้วยสัตว์ขบกิน

    6.ไม่ต้องมรณะด้วยงูพิษ แมงป่อง

    7.ไม่ต้องมรณะด้วยจมน้ำไฟไหม้

    8.ไม่ต้องมรณะด้วยยาพิษ

    9.ไม่ต้องมรณะด้วยแมลงร้ายขบกัด

    10.ไม่ต้องมรณะด้วยจิตใจว้าวุ่นเป็นบ้า

    11.ไม่ต้องมรณะด้วยตกจากภูเขา ต้นไม้และหน้าผาสูง

    12.ไม่ต้องมรณะด้วยการสาปแช่งจากภูติผีปีศาจ

    13.ไม่ต้องมรณะด้วยเทพร้ายผีสาง

    14.ไม่ต้องมรณะด้วยโรคร้ายเรื้อรัง

    15.ไม่ต้องมรณะด้วยความประมาณตนจนเกินฐานะ<!--colorc-->
    <!--/colorc-->


    <!--coloro:red--><!--/coloro-->ด้วยเหตุนี้ มหากรุณามนต์ ไม่เพียงแต่กำจัดภยันตราย และโรคภัยต่างๆดังกล่าวแล้ว ยังให้ความสำเร็จแก่การกุศลกรรมทุกสิ่งอย่าง พ้นจากความหวั่นกลัว ฉะนั้น เราจึงต้องสวดท่องด้วยความศรัทธาและจิตใจสะอาด จึงสามารถต้องด้วยมหากรุณาจิตของท่านพระโพธิสัตว์ ตนเองจะได้รับประโยชน์มากมาย สรรพสัตว์ที่จมอยู่ในไตรภูมิและทุคติ ถ้าสามารถสวดมหากรุณามนต์นี้อยู่เสมอ ไม่เพียงแต่จะรักษาโรคทางใจและทางกายได้ ยังสามารถให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด เรื่องนี้สามารถจะพิสูจน์ได้จากประวัติศาสตร์ทั้งสิ้ น<!--colorc--><!--/colorc--> <!--IBF.ATTACHMENT_20415-->
     
  6. nopopathorn

    nopopathorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,065
    [​IMG]
    บทสวดมนต์ ฮ่งไป่กวงอิม<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    (สรรเสริญกิตติคุณพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม)<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>

    ม้อเอี่ยซาผ่อออ จี้ซิมกุยเหม่งลี่<O:p></O:p>
    กวงอิมผ่อสักไต่ฉื่อปุย กิ่วโต่วจงเซ็งบ่อจิงตี้<O:p></O:p>
    จ๋อชิ่วจิบปั๊งกำโหล่วจุ้ย อิ๋วชิ่วจิบกีเอี่ยงลิวกี<O:p></O:p>
    เท้าเจี่ยเต็งจุงอยู่ไหล่ฮุก เข้าตังเสี่ยเหนี่ยมออหนี่ท้อ<O:p></O:p>
    อู่นั้งเหนียมติกกวงอิมจิ่ว ฮวยแคฮ่วยจ่อแปะโหน่ยตี๊<O:p></O:p>
    เจียวเหนี่ยมกวงซี่อิม หมอเหนียมกวงซี่อิม<O:p></O:p>
    จี่เต็กลิ้มตังกวงซี่อิม แปะโหน้ยตี๊ตังกวงซี่อิม<O:p></O:p>
    ฉิ่มเซียกิ้วโค่วกวงซี่อิม แปะโชยบ่วงเอ็กกวงซี่อิม<O:p></O:p>
    หกต่อฮุ้งตังคงลี่หิ่ง หกต่อกังโอ้วหลั่งหลีชิ้ม<O:p></O:p>
    หกต่อเอี้ยงกังกิ้วจิกโค่ว หกต่ออิมฮู่โต่วจงเซ็ง<O:p></O:p>
    หยิกยิกสี่ซี้ไหล่กิ้วโค่ว สี่ซี้กิ้วโค่วปุกหลี่ซิง<O:p></O:p>
    ง้อกิมกี๋ซิ่วไป้กวงอิม หยุ่ยหงวงกวงอิมกั้งไหล่ลิ้ม<O:p></O:p>
    ไต่ฉื่อปุยกิ้วโค่วหลั่ง นำมอเหล่งก้ำกวงซี่อิม<O:p></O:p>
    ผ่อสักหม่อฮอสัก นำมอออนี้ถ่อหุก<O:p></O:p>
    นำมอออนี้ถ่อหุก นำมอออนี้ถ่อหุก

    คำแปล บทสวดฮ่งไป่กวงอิม<O:p></O:p>
    สรรเสริญกิตติคุณพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม

    ขอนมัสการพระรัตนตรัย<O:p></O:p>
    ด้วยจิตตั้งมั่นในหลักของศาสนาที่จะเข้าถึงธรรมะ<O:p></O:p>
    ขอน้อมระลึกถึงพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมผู้ทรงมีมหาเมตตาเป็นอนันต์<O:p></O:p>
    ที่ทรงช่วยเหลือสัตว์โลกให้พ้นจากวัฏฏะโดยไม่มีขอบข่าย<O:p></O:p>
    พระหัตถ์ซ้ายของพระองค์ทรงถือแจกันน้ำอมฤตที่สามารถปราบมารได้<O:p></O:p>
    และพระหัตถ์ขวาทรงถือกิ่งหลิวอันศักดิ์สิทธิ์ไว้สำหรับประพรมน้ำอมฤต<O:p></O:p>
    บนเศียรทรงสวมรัตนมาลาที่มีสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้า<O:p></O:p>
    พระองค์ทรงหมั่นสวดมนต์ภาวนาระลึกถึงพระพุทธเจ้าอมิตาภะอยู่เสมอ<O:p></O:p>
    ผู้ใดหมั่นภาวนาพระคาถาบูชาพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมจนขึ้นใจ<O:p></O:p>
    ย่อมที่จะพ้นจากทุกข์ร้อนและได้รับความร่มเย็นเหมือนดั่งความเย็นชื่นแห่งสระบัวขาว<O:p></O:p>
    ขอน้อมจิตระลึกถึงพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมเสมอทั้งเวลาเช้าและเย็น<O:p></O:p>
    ขอน้อมจิตระลึกถึงพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมที่ทรงเร้นพระวรกายอยู่ในป่าไผ่<O:p></O:p>
    ขอน้อมจิตระลึกถึงพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมที่ทรงประทับอยู่บนดอกบัวขาวในโบกขรณี<O:p></O:p>
    ขอน้อมจิตระลึกถึงพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมที่ทรงบำบัดทุกข์ตามเสียงพร่ำเรียกของสัตว์โลก<O:p></O:p>
    ขอน้อมจิตระลึกถึงพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมที่ทรงอยู่ห่างเราเป็นหมื่นเป็นแสนโยชน์<O:p></O:p>
    บางครั้งพระองค์จะทรงปรากฏพระวรกายอยู่บนปุยเมฆเพื่อช่วยเหลือเรา<O:p></O:p>
    บางครั้งพระองค์จะทรงดั้นด้นในท่ามกลางคลื่นลมของแม่น้ำและมหาสมุทร เพื่อทรงค้นหาและช่วยเหลือเรา<O:p></O:p>
    บางครั้งพระองค์จะทรงบำบัดทุกข์ให้สัตว์โลกในมนุษยโลก<O:p></O:p>
    บางครั้งพระองค์จะทรงช่วยเหลือสัตว์ในนรกโลก<O:p></O:p>
    ทุกๆวันทุกๆเวลาขออ้อนวอนพระองค์ให้เสด็จมาทรงช่วยปลดเปลื้องทุกข์ให้แก่เรา<O:p></O:p>
    ทุกๆเวลาขอให้พระองค์เสด็จมาอยู่ใกล้ๆเราพื่อทรงขจัดทุกข์<O:p></O:p>
    ในวโรกาสนี้ข้าน้อยขอสักการบูชาพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมด้วยความเคารพยิ่งและหวังว่ากระแสแห่งการสักการบูชานี้ คงจะกระทบถึงพระองค์ให้ทรงรับทราบและเสด็จมาโปรดข้าน้อยทั้งหลายบ้าง<O:p></O:p>
    ข้อน้อมสักการในน้ำพระทัยอันล้ำลึกของพระองค์ผู้ทรงเป็นพระมหาโพธิสัตว์ซึ่งขจัดทุกข์ให้แก่สัตว์โลกได้<O:p></O:p>
    นะโมอนันตพุทธะ<O:p></O:p>
     
  7. nopopathorn

    nopopathorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,065
    คาถาสวดบูชาพระโพธิสัตว์กวนอิม
    บทสรรเสริญพระคุณ
    นะโมกวงซิอิม ผ่อสัก
    นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโคว่ กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก (กราบ)
    นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโคว่ กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก (กราบ)
    นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโคว่ กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก (กราบ)
    นำโมฮูก นำโมหวบ นำโมเจ็ง นำโมกิวโคว่ กิวหลั่ง กวงสี่อิมผู่สัก ทั่งจี้โต
    โอม เกียล้อฮวดโต เกียล้อฮวดโต เกียล้อฮวดโต ล้อเกียฮวดโต ล้อเกียฮวดโต
    ซาผ่อออ เทียงล้อซิ้ง ตี่ล้อซิ้ง นั้งลี่หลั่ง หลั่งลี่ซิ้ง เจ็กเฉียก ใจเอียง ห่วยอุ่ยติ๊ง
    นำโมม่อออป่อเยี๊ยปอล้อบิ๊ก (กราบ)
    บทมหากรุณาธารณีสูตร
    โชยชิ่ว โชยงั่ง บ่อไหง๋ ไต่ปุยซิมทอลอ นีจิ่ว (๓ จบ)
    ปึงซือออนีทอ ยูไล้ (๓ จบ)
    นำมอ ฮอลาตัน นอตอลา เหย่ เย
    นำมอ ออลีเย ผ่อลูกิดตีซอปอลาเย
    ผู่ทีสัตตอพอเย หม่อฮอสัตตอพอเย
    หม่อ ฮอเกียลูนี เกียเยงัน สัตพันลาฮัวอี
    ซูตัน นอตันเซ
    นำมอ สิดกิด ลีตออีหม่งออลีเย
    ผ่อลูกิด ตีสิด ฮูลาเลงถ่อพอ
    นำมอ นอลา กินซี
    ซีลี หม่อฮอพันตอซาเม
    สะพอ ออทอ เตาซีพง
    ออซีเย็น สะพอ สะตอ นอมอ พอสะตอ
    นอมอ พอเค มอฮัว เตอเตา
    ตันจิต ทองัน ออพอ ลูซี
    ลูเกียตี เกียลอตี อีซีลี
    หม่อฮอ ผู่ทีสัตตอ สัตพอ สัตพอ
    มอลา มอลา มอซี มอซี ลีทอยิน
    กีลูกีลูกิดมง ตูลู ตูลู ฟาเซเยตี
    หม่อ ฮอฮัว เซเยตี ทอลา ทอลา
    ตีลีนี สิด ฮูลาเย เจลา เจลา มอมอ ฮัวมอลา หมกตีลี
    อีซี อีซี สิดนอ สิดนอ ออลาซัน ฮูลาเซลี
    ฮัวซอ ฮัวซัน ฮูลา เซเย
    ฮูลู ฮูลู มอลา ฮูลู ฮูลู ซีลี ซอลา ซอลา
    สิดลี สิดลี ซูลู ซูลู ผู่ถี่เย ผู่ถี่เย ผู่ถ่อเย ผู่ถ่อเย
    มีตีลีเย นอลา กินซี ตีลีสิด นีนอ
    ผ่อเย มอนอ ซอผ่อฮอ สิดถ่อเย ซอผ่อฮอ
    หม่อฮอ สิดถ่อเย ซอผ่อฮอ สิดทอยีอี
    สิดพันลาเย ซอผ่อฮอ นอลากินซี ซอผ่อฮอ
    มอลานอลา ซอผ่อฮอ สิดลาเซง ออหมกเคเย
    ซอผ่อฮอ ซอผ่อหม่อฮอ ออสิดถ่อเย ซอผ่อฮอ
    เจกิดลา ออสิดถ่อเย ซอผ่อฮอ ปอทอมอกิดสิดถ่อเย
    ซอผ่อฮอ นอลากินซี พันเคลาเย ซอผ่อฮอ
    มอพอลี เซงกิดลาเย ซอผ่อฮอ
    นำมอห่อลาตัน นอตอลาเยเย
    นำมอออลีเย ผ่อลูกิตตี ชอพันลาเย ซอผ่อฮอ
    งันสิดตินตู มันตอลา ปัดถ่อเย ซอผ่อฮอ
     
  8. nopopathorn

    nopopathorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,065
    <TABLE id=table1 style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-LEFT-WIDTH: 0px; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; BORDER-RIGHT-WIDTH: 0px" width="100%" border=1><TBODY><TR><TD style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-BOTTOM: medium none" width="80%" colSpan=2>ปณิธาน 8 ประการของพระโพธิสัตว์</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-BOTTOM: medium none" width="19%">[​IMG]</TD><TD style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-BOTTOM: medium none" width="80%" colSpan=2 rowSpan=2>1.พระโพธิสัตว์จักต้องบำเพ็ญตนให้เป็นคุณประโยชน์ต่อปวงสัตว์โดยไม่ปรารถนารับผลตอบ แทนใด ๆ จากสัตว์ทั้งหลาย 2. พระโพธิสัตว์สามารถเสวยสรรพทุกข์แทนสรรพสัตว์ได้โดยมิย่นย่อท้อถอย
    3. พระโพธิสัตว์สร้างคุณความดีไว้มีประมาณเท่าไร ก็สามารถอุทิศให้แก่สัตว์ทั้งหลายได้ ไม่หวงแหนตระหนี่ไว้
    4. พระโพธิสัตว์ตั้งจิตอยู่ในสมถธรรมอันสม่ำเสมอในปวงสัตว์ ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ถ่อมตนไว้ไม่ลำพอง โดยปราศจากความขัดข้องใด ๆ
    5. พระโพธิสัตว์เห็นพระโพธิสัตว์ทุก ๆ องค์ ปานประหนึ่งเห็นพระพุทธองค์ อนึ่ง พระสูตรใดที่ยังมิได้สดับตรับฟัง ครั้นได้มีโอกาสสดับตรับฟังแล้วก็บังเกิดความคลางแคลง กังขาอย่างไรในพระสูตรนั้น ๆ
    6.พระโพธิสัตว์ไม่หันปฤษฎางค์ให้กับธรรมะของพระอรหันตสาวกแต่สมัครสมานเข้ากัน ได้ กับธรรมะดังกล่าวนั้น ๆ
    7.พระโพธิสัตว์ไม่เกิดความริษยาในลาภสักการะอันบังเกิดแก่ผู้อื่นและไม่เกิดความหยิ่งทะนง ในลาภสักการะ อันบังเกิดแก่ตนเองสามารถควบคุมจิตของตนไว้ได้
    8. พระโพธิสัตว์ตั้งหมั่นพิจารณาโทษของตนอยู่เป็นนิจ ไม่เที่ยวเพ่งโทษโพนทะนาโทษ ของผู้อื่นตั้งจิตมั่นคงเด็ดเดี่ยวในการสร้างบารมีโกยสัตว์โลกให้พ้นทุกข์

    </TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-BOTTOM: medium none" width="19%"> </TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-BOTTOM: medium none" width="19%"> </TD><TD style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-BOTTOM: medium none" width="80%" colSpan=2 rowSpan=3>จริยธรรม 10 ประการของพระโพธิสัตว์ 1. พระโพธิสัตว์ไม่ปรารถนาเลยว่าร่างกายจะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ( มีความเจ็บไข้ หรือโรคภัยเป็นธรรมดา )
    2. พระโพธิสัตว์ครองชีพโดยไม่ปารถนาว่าจะไม่มีภยันตราย ( มีภัยอันตรายเป็นธรรมดา )
    3. พระโพธิสัตว์ไม่ปรารถนาเลยว่า จะไม่มีอุปสรรคในการชำระจิตให้บริสุทธิ์ ( ย่อมมีอุปสรรคเป็นธรรมดา )
    4. พระโพธิสัตว์ไม่ปรารถนาเลยว่าจะไม่มีมารขัดขวางการปฏิบัติภารกิจ ( จะต้องมีมารขัดขวางการปฏิบัติโพธิจิตเป็นธรรมดา )
    5. พระโพธิสัตว์คิดว่าจะทำงานให้นานที่สุด โดยไม่ปรารถนาจะให้สำเร็จผลเร็ว ( ปล่อยวางเรื่องกาลเวลา ทำงานเพื่องาน )
    6. พระโพธิสัตว์คบเพื่อนโดยไม่ปรารถนาจะได้ผลประโยชน์จากเพื่อน ( รักผู้อื่นด้วยความบริสุทธิ์ใจ )
    7. พระโพธิสัตว์ไม่ปรารถนาเลยว่าจะให้คนอื่นต้องตามใจตนเองเสมอไปทุกอย่าง ( ไม่มีความเห็นแก่ตัว )
    8. พระโพธิสัตว์ทำความดีกับคนอื่น ไม่ปรารถนาสิ่งตอบแทน ( ต้องการให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ )
    9. พระโพธิสัตว์เห็นลาภแล้วไม่ปรารถนาว่าจะมีหุ้นส่วนด้วย ( ไม่ปรารถนาในลาภและสรรเสริญ )
    10. พระโพธิสัตว์เมื่อถูกใส่ร้ายป้ายสี ติเตียน นินทาแล้ว ไม่ปรารถนาจะได้โต้ตอบหรือฟ้องร้อง ( การใส่ร้ายป้ายสี ติเตียน นินทา เป็นธรรมดาของโลก )

    </TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-BOTTOM: medium none" width="19%">[​IMG]</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-BOTTOM: medium none" width="19%"> </TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-BOTTOM: medium none" width="99%" colSpan=3>
    จริยธรรมทั้ง 10 ประการนี้ เป็นการปฏิบัติธรรมชั้นสูงของพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ เรียกว่ามหาอุปสรรค
    หรือ เครื่องกีดขวางโพธิจิต คือ ผู้ปฏิบัติทั้งหลาย หนีไม่พ้น สิ่งแวดล้อมที่ขัดขวางอย่างแน่นอนหากไม่รู้เท่าทัน
    หรือ เตรียมพร้อมไว้ก่อนผู้ปฏิบัติธรรม จะท้อถอยหรือสูญเสียโอกาส
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. nopopathorn

    nopopathorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,065
    ปรัชญาปารามิตาหฤทัยสูตร : บาลี - สันสกฤต
    [​IMG]

    ที่มารูปภาพ : http://www.budpage.com/webboard/images/2082.jpg


    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]อริยาวโลกิเตศวาโร โพธิสัตตโว คัมภีรํ ปรัชญาปารมิตา จารยํ จารมโน วยาวโลกยาติ สมา ปัญจะ สกันธัส (ขันธะ) ตัมส จะ สว ภว ศุนยํ[/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma] [/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]-พระอวโลติเกศวรโพธิสัตว์ เมื่อปฏิบัติซึ้งในปรัชญาปารามิตาเพ่งเห็นขันธ์ 5 เป็นความว่างเปล่า จึงข้ามพ้นทุกข์ [/FONT]


    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]ปัศยาติ สมา อิหา ศารีปุตระ รูปํ ศุนยตา วะ รูปํ รูปํ นะ ปฤถัก
    ศุนยตา ศุนยตายะ นะ ปฤทัก รูปํ ยัท รูปํ สะ ศุนยตา ยะ ศูนยตายะ สะ รูปํ
    เอวัม เอวะ เวทนท สังชญา (สัญญา) สังสการา (สังขาร) วิชญานัม (วิญญาณ)
    [/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]-รูปคือความว่างเปล่า ความว่างเปล่าคือรูป รูปไม่อื่นไปจากความว่างเปล่า ความว่างเปล่าไม่อื่นไปจากรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณก็ว่างเปล่า [/FONT]


    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]อิหา ศารีปุตระ สารวะ ธารมะ ศุนยตา ลักษณะ อนุตปัณณะ อนิรุทธะ อวิมาละ อนูนะ อปาฤปูฤณะ ตัสมา ศารีปุตร ศุนยตายํ [/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]-โอ สารีบุตร ธรรมทั้งปวงว่างเปล่า ไม่มีรูป ไม่เกิด ไม่ดับ ไม่มัวหมอง ไม่ผ่องแผ้ว ไม่เพิ่ม ไม่ลด ในความว่างเปล่าไม่มีรูป [/FONT]


    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]นะ รูปํ นะ เวทานา นะ สังชญา นะ สังสการ นะ วิญญาณ
    นะ จักษุ โสรตัม นะ ฆราน ชิว กาย มน
    นะ รูป ศัพท คันธ รส ศปิสตาวยา ธารมา
    นะ จักษุ ธาตุ ยะ วัน นะ มโน วิชญาณัม ธาตุ
    [/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]-ไม่มีเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่มีรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ไม่มีจักษุธาตุ ไม่มีมโนธาตุ [/FONT]


    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]นะ วิทยา นะ วิทยา กศโย
    ยะ วัน ชรามรณัม นะ ชรามรณัม กศโย
    นะ ทุกข สมุทย นิโรธ มฤคาชณ
    นะ ชญานัม นะ ปราปติ นะ ภิศมายะ ตัสมา นะ ปราปติ
    [/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]-ไม่มีทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ไม่มีฌาน ไม่มีการบรรลุ เพราะไม่มีอะไรให้บรรลุ [/FONT]


    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]ตวัท โพธิสัตตวะ ปรัชญาปารมิตา อศฤตยา วิหาระ ตยา จิตตา วรโน
    นะ สิทธิตวัท อตรัสโต วิปา ฤยส ติ กรานโต
    นิ สถา นิรวานะ ตยา ธยา วยาว สถิตา
    สาระ พุทธา ปรัชญาปารมิตัม อศฤตยา
    อนุตตรํ สัมยักสัมโพธิง อภิสัมพุทธา
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]
    -พระโพธิสัตว์ ด้วยเหตุดำเนินตาม ปรัชญาปารามิตา จิตย่อมไม่สับสนมืดมัว เพราะจิตไม่สับสนมืดมัว จึงไม่มีความกลัว อยู่เหนือความ หลอกลวง มีพระนิพพานเป็นที่สุด
    พระพุทธเจ้าทั้ง 3 กาลด้วยเหตุดำเนินตาม ปรัชญาปารามิตา จึงได้บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาน
    [/FONT]
    [/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]ตา สมา ชญตา วยัม ปรัชญาปารมิตา มหามันตรัม มหาวิทยามันตรัม
    อนุตตรมันตรัม อสมสมา มันตรัม
    สารว ทุกขา ปรสามานัม สัตยํ อมิตยัทวัท
    ปรัชญาปารมิตายัม อุทโท มันตรา ตัทยาถา
    [/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]-จึงทราบว่า ปรัชญาปารามิตาเป็นมหาศักดาธารณี เป็นมหาวิทยาธารณี เป็นอนุตรธารณี เป็นอสมธารณี สามารถดับสรรพทุกข์ สัจจะธรรมไม่ผิดพลาด ฉะนั้นจึงประกาศ ปรัชญาปารามิตาธารณีดังนี้ [/FONT]


    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]คะเต คะเต ปาระคะเต ปาระสังคะเต โพธิ สวาหา [/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]-ไป ไป ไปสู่ฝั่งโน้น ฝั่งแห่งพุทธะ สวาหา [/FONT]
     
  10. nopopathorn

    nopopathorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,065
    ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร
    觀 自 在 菩 薩。行 深 般 若 波 羅 蜜 多 時。
    กวน จื้อ ไจ  ผู ซา่ 。 สงิ เซนิ ปอ เหร  พอ หลัว มี่ ตัว สือ 。
    พระอารยาวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เมื่อครั้งบำเพ็ญจริยาแห่งปัญญาบารมีอย่างลึกซึ้งนั้น
    照 見 五 蘊 皆 空。度 一 切 苦 厄。
    เจา้ เจี้ยน อู่ อวิ้น เจีย คง 。 ตู้ อี๋ เชี่ย ขู่ เอ้อ 。
    ได้พบว่าเบญจขันธ์ล้วนว่างเปล่า จึงได้ก้าวล่วงจากสรรพทุกข์ทั้งปวง
    舍 利 子。色 不 異 空。空 不 異 色。色 卽 是 空。
    เซ่อ ลี่ จื่อ 。 เซ่อ ปู้ อี้ คง 。คง ปู้ อี้ เซ่อ 。เซ่อ จี๋ ซื่อ คง。
    ดูก่อนสารีบุตร รูปไม่ต่างจากความว่าง ความว่างก็ไม่ต่างไปจากรูป รูปก็คือความว่าง
    空 卽 是 色。受 想 行 識。亦 復 如 是。
    คง จี๋ ซื่อ เซ่อ 。โซ่ว เสี่ยง สิง ซื่อ 。อี้ ฟู่ หรู ซื่อ。
    แลความว่างก็คือรูป อันเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็เป็นเช่นนี้
    舍 利 子。是 諸 法 空 相。 不 生 不 滅。
    เซ่อ ลี่ จื้อ 。ซื่อ จู ฝา่ คง เซี่ยง。 ปู้ เซิง ปู้ เมี่ย。
    ดูก่อนสารีบุตร สรรพธรรมทั้งปวงมีความว่างเปล่าเป็นลักษณะ มิเกิดขึ้นและมิดับสูญไป
    不 垢 不 淨 。 不 增 不 減。
    ปู้ โก้ว ปู้ จิ้ง 。 ปู้ เจิง ปู้ เจี้ยน。
    มิแปดเปื้อนและมิบริสุทธิ์ มิเพิ่มขึ้นและมิลดลง
    是 故 空 中 無 色。無 受 想 行 識。
    ซื่อ กู้ คง จง อู๋ เซ่อ 。 อู๋ โซว่ เสี่ยง สิง ซื่อ。
    ด้วยเหตุฉะนี้ในความว่างนั้น จึงไร้รูป ไร้เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
    無 眼 耳 鼻 舌 身 意。無 色 聲 香 味 觸 法。無 眼 界。
    อู๋ เหยี่ยน เอ่อ ปี้ เสอ เซิน อี้ 。อู๋ เซ่อ เซิง เซียง เว่ย ชู่ ฝา่ 。
    อู๋ เหยียน เจี้ย。
    ไร้จักษุ โสต ฆาน ชิวหา กาย และมโน ไร้รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และธรรมารมณ์ ไร้จักษุธาตุ
    乃 至 無 意 識 界。無 無 明。亦 無 無 明 盡。
    ไหน่ จื้อ อู๋ อี้ ซื่อ เจี้ย 。อู๋ อู๋ หมิง 。 อี้ อู๋ อู๋ หมิง จิ้น。
    ไปจนถึงไร้มโนวิญญาณธาตุ ไร้อวิชชาความไม่รู้ และไร้ซึ่งความสิ้นไปของอวิชชา
    乃 至 無 老 死。亦 無 老 死 盡。無 苦 集 滅 道。
    ไหน่ จื้อ อู๋ เหล่า สื่อ 。อี้ อู๋ เหล่า สื่อ จิ้น 。 อู๋ ขู่ จี๋ เมี่ย เตา้ 。
    จนถึงไร้ความชราความมรณะแลไร้ซึ่งความสิ้นไปของความชราและมรณะ ไร้ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค
    無 智 亦 無 得。以 無 所 得 故。
    อู๋ จื้อ อี้ อู๋ เต๋อ 。 อี่ อู๋ สั่ว เต๋อ กู้。
    ไร้ปัญญาญาณ และยังไร้ซึ่งการเข้าถึง (ปัญญาญาณ) ได้ และด้วยเหตุที่มิอาจเข้าถึงได้ด้วยประการทั้งปวง
    菩 提 薩 埵。依 般 若 波 羅 蜜 多 故。
    ผู ถี ซา่ ตัว 。 อี่ ปอ เหร พอ หลัว มี่ ตัว กู้。
    พระโพธิสัตว์ เพราะอาศัยปัญญาปารมิตาเป็นเหตุ
    心 無 罣 礙。無 罣 礙 故。
    ซิน อู๋ กว้า อ้าย 。อู๋ กว้า อ้าย กู้。
    ให้ในหทัยปราศจากความสงสัยเคลือบแคลง แลเมื่อปราศจากความสงสัยเคลือบแคลงแล้ว
    無 有 恐 怖。遠 離 顚 倒 夢 想。究 竟 涅 槃。
    อู๋ โหย่ว ข่ง ปู้ 。เหวี่ยน หลี เตียน เตา่ ม่ง เสี่ยง。จิ้ว จิ้ง เนี่ย ผาน。
    จึงปราศจากความตระหนกหวาดหวั่น ไกลห่างจากความคิดและความฝันที่วิปลาสผกผัน

    จนบร
     
  11. พี่เต้

    พี่เต้ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +93
    ขออนุโมทนาบุญอย่างสูงครับ

    ผมอยากให้เว็บพลังจิตรเอาข้อมูล เนื่้อหาอย่างนี้มาบ่อยจังๆๆๆ

    ขอขอบคุนอย่างสูงครับ อนุโมทนาบุญอย่างสูงสุด

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  12. ขุนกำแหง

    ขุนกำแหง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2010
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +71
    ตามสบายครับ

    ผมขอเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง และเป็นที่ตั้ง

    ผมขอน้อบน้อมผู้ที่อยู่ในข่ายนิพพานอันมีโสดาบันเป็นที่ขึ้น

    ผู้ใดสามารถพ้นทุกข์และนิพพานได้โดยบุคคลที่ยังไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าผมคงจะทึ่งน่าดู
     
  13. จิตโขง

    จิตโขง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +181
    วันี่3เมษายนเป็นวันคล้ายวันประสูติของพระโพธิสัตว์ครับ
     
  14. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    เสียงแห่งสัตบุรุษ

    [​IMG]


    โอม พระโพธิสัตว์องค์ใด ทรงยินเสียงหวนไห้ของสรรพสัตว์ในจักรวาล และเสียงของท่านนั้น เป็นเสียงแห่งทุกรูปนาม ผู้มีดวงตาสว่างเห็นแจ้งความเป็นจริงแห่งสัจธรรมสมบูรณ์ เป็นเสียงมหัศจรรย์ เสียงแห่งท่านผู้อาทรต่อการหวนไห้ของสรรพชีวิตในโลก เป็นเสียงแห่งสัตบุรุษ เสียงแห่งกระแสน้ำที่ไหลขึ้น เหนือเสียงทั้งปวงในโลก ด้วยเหตุนี้ เราขอนอบน้อมแด่พระโพธิสัตว์องค์นั้น

    ขอจิตแห่งเราทั้งหลาย จงเปิดออกรับกระแสสำเนียงนั้นเถิด
    สลัดความเคลือบแคลงทั้งหลายออกไป และดำรงสติรำลึกถึงธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ด้วยสิ่งนั้นคือที่พึ่งแห่งเราทั้งหลาย ในช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวด ความโศกเศร้า และความตายนี้

    ขอพระองค์ประกอบคุณธรรมทั้งปวงให้ถึงพร้อมแก่เราทั้งหลายเถิด ขอเราทั้งหลาย จงมองดูชีวิตทั้งหลาย ด้วยดวงตาแห่งความรักและความเมตตา รังสรรค์มหรรณพแห่งกรุณาธิคุณอันหาขอบเขตจำกัดมิได้เถิด

    เราทั้งหลาย ขอน้อมกราบคารวะเบื้องหน้าพระโพธิสัตว์เจ้าแลฯ

     
  15. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    [​IMG]
     
  16. nopopathorn

    nopopathorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,065
    ประวัติสาวกองค์พระเเม่

    พระประวัติองค์เทพเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ



    [​IMG]

    องค์พระจตุรพิธพรชัยเทพ องค์หล่าจา ซาไท้จื่อ
    องค์นาจา ซาไท้จื่อ, องค์ลี้โล้เฉี๊ย, องค์ชายสามตระกูลหลี่

    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]พระประวัติโดยย่อ[/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma] องค์พระนาจา แซ่(ตระกูล)เดิมชื่อ หลี่ ประสูติเมื่อวันที่ 9 เดือน 9 ปีผู้น้อยไม่สามารถค้นหาได้ เป็นบุตรชายคนที่ 3 แห่งตระกูลหลี่ นามว่า หลี่จิ้ง (เซียนถือเจดีย์วิเศษ) องค์พระนาจาเป็นเซียน ที่ทรงบุญฤทธิ์ และทรงอิทธิฤทธิ์มาก สามารถขับภูติผีปีศาจมารร้ายต่าง ๆ องค์พระนาจาได้สำเร็จเป็นเซียน ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์ [/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma] กล่าวกันว่า องค์พระนาจาเป็นเซียนที่คอยเป็นองครักษ์ของ องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ และเป็นแม่ทัพฟ้า บัญชาการทหารฟ้าทั้งสี่ทิศ มีธงสีเหลืองเป็นธงประจำกองทัพ[/FONT]

    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]บทสรรเสริญองค์พระนาจาซาไท้จื่อ[/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma][​IMG]
    [/FONT][FONT='MS Sans Serif',tahoma]
    นำมอ หน่าจา ซาไท้จื้อ
    นำมอ หน่าจา ซิ้งเซียงฮุก
    นำมอ หน่าจา ตงตั๊วหง่วงส่วย
    [/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]*********************************************************[/FONT] ​
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma] จากประวัติองค์พระนาจา (ลี้โล้เฉี๊ย) ที่ผู้น้อยได้รวบรวมมานั้น มีถึง 4 ตำนาน แต่ละตำนาน ก็มีความเป็นมาที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้น ผู้น้อยจึงขอเป็นตัวแทนเบื้องบน เผยแพร่พระประวัติองค์พระนาจา ดังนี้[/FONT]

    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]ตำนานแรก[/FONT] ​
    [​IMG]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma] [/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma] พระนาจา ร่างสูงเพียง 6 จ้าง เศียรมีกงจักร มีสามเศียร เก้าพระเนตร แปดพระกร มีอิทธิฤทธิ์พ่นควันพระบาทเหยียบมังกร พระกรถือกฤษฎี เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงให้นาจาลงมาจุติลงพื้นโลก เพื่อปราบมารปีศาจ โดยให้พระนาจาจุติในครรภ์ของ มเหสีของ ท้าวอัญเจดีย์ [/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma] หลังจากที่พระนาจากำเนิดออกมาแล้ว ได้ลงเล่นน้ำในทะเลตะวันออกลงไปจนถึงวังใต้น้ำ และไปเหยียบ วังเจดีย์ ของพญามังกร พญามังกรได้สั่งให้ทหารจับ แต่กลับถูกนาจาฆ่าตายหมด รวมทั้งพญามังกรเก้าตัว (ปางเก้ามังกร) ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้พญามังกรโกรธมาก และจะนำความฟ้องถึงเง็กเซียน แต่ถูกพระนาจาสกัดไว้ และใช้ธนูพระยูไลยิงตาย สื่อจี้พญามังกรเฒ่า พระราชบิดาของพญามังกร โกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง หวังจะล้างแค้น จึงได้นำทหารออกจับพระนาจา และ จะถล่มเมืองที่พ่อของนาจาปกครองอยู่ นาจาจึงตัดสินใจไม่ยอมให้โดนจับ และ ไม่ต้องการให้ชาวเมืองเดือดร้อน จึงตัดเนื้อตัวเองแล้วคืนกระดูก ให้กับพระบิดาของตน[/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma] เมื่อพระนาจาตายแล้วจึงหอบวิญญาณของตนไปพบเซียนซือจุน เซียนซือจุนเห็นว่า พระนาจามีความสามารถ ในการปราบมารปีศาจ จึงได้ชุบชีวิตให้กับพระนาจาโดยใช้ก้านบัวแทนกระดูก รากบัวแทนเนื้อ ใยบัวแทนเอ็น และใบบัวแทนอาภรณ์ขึ้นมาใหม่[/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma] ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จะเห็นว่ารูปลักษณ์ของนาจาเหยียบล้อไฟ มือถือหอกอัคคี เหาะเหินเดินอากาศได้ เหล่ามารปีศาจ ต่างก็สยบต่อพระนาจาทั้งสิ้น ต่อมาภายหลังเง็กเซียนทรงแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพแห่งสวรรค์ เพื่อปกป้อง ประตูสวรรค์ตลอดไป[/FONT]

    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]ตำนานที่สอง[/FONT] ​
    [​IMG]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma] พระนาจาเดิม คือ พระกุมารไฟมาจุติ แต่ถูกแม่ทัพหลี่จิ้ง ฆ่าตาย โดยไม่เจตนา ต่อมากลับมาจุติใหม่ในท้องมนุษย์ ซึ่งก็คือภรรยา ของ แม่ทัพหลี่จิ้งนั่นเอง แต่ด้วยความเป็นเทพมาจุติ ทำให้พระนาจาโตเร็วผิดจากคนทั่วไป ทำให้หลี่จิ้งคิดว่า พระนาจาเป็นปีศาจมาเกิด ทำให้ไม่ค่อยชอบบุตรตัวเองเท่าใดนัก[/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma] ตอนหลัง พระนาจาระลึกได้ว่า หลี่จิ้งคือคนที่ฆ่าตัวเองเมื่อชาติที่แล้ว ประกอบกับมีเรื่องกับ ลูกชายเจ้าสมุทรทะเลตงไห่ (ทะเลใต้) เจ้าสมุทรมาเอาเรื่องที่บ้าน พ่อแม่ได้ต่อว่า พระนาจาน้อยใจจึงฆ่าตัวตาย แทนคุณพ่อแม่ ต่อมาเจียงจื่อหยา ใช้รากบัวชุบชีวิตนาจา ขึ้นมาใหม่ ทำให้ฟื้นพลังกลับมาเป็นเทพ โดยมีเอี้ยมแดงใส่นั้นติดตัวมาตั่งแต่กำเนิด หลังจากนั้น ทั้งหลี่นาจา แม่ทัพหลี่ และ เจียงจื่อหยา ต่างก็ได้กลายเป็นเทพแห่งสวรรค์ทั้งหมด แม่ทัพหลี่ คือ เซียนที่ถือเจดีย์ทอง (เซียนอัญเจดีย์)[/FONT]

    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]ตำนานที่สาม[/FONT] ​
    [​IMG]

    [FONT='MS Sans Serif',tahoma] เดิมพระนาจาเป็น เทพที่อยู่บนสวรรค์มีชื่อว่า "หลินจินจื่อ" แต่ด้วยเมืองมนุษย์ มีปีศาจมาก ทางสวรรค์จึงส่งหลินจิจื่อ มาจุติยังโลกมนุษย์ เป็นบุตรของแม่ทัพหลี่ (หลี่เจ๊ง) และ นางฮึ่นสี ขณะที่ตั้งท้องอยู่นั้น แม่ทัพหลี่ ได้ถูกส่งให้ไปออกรบ ประมาณ 1 ปี กับอีก 6 เดือน เมื่อแม่ทัพหลี่กลับมา ภรรยาก็คลอดบุตรพอดี แต่กลับ เป็นลูกแก้ว จึงเข้าใจว่าเป็นปีศาจ แม่ทัพหลี่โกรธมาก จึงใช้กระบี่ฟันไปที่ลูกแก้ว เมื่อลูกแก้วแตก ก็เห็นเด็ก ที่มีหน้าตาน่ารัก นอนอยู่บนผ้าแพร และมีห่วงทอง อยู่ที่ตัวด้วย [/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma] พระนาจาเป็นเด็กที่ซนมาก และไม่กลัวใคร วันหนึ่ง พระนาจาไปเล่นน้ำทะเล ด้วยเป็นเด็กจึงเอาผ้าเหวี่ยงเล่นที่น้ำ จึงทำให้ใต้บาดาลสะเทือน เจ้าสมุทร จึงสั่งให้ ทหารออกมาดู ก็เห็นเด็กกำลังเล่นน้ำอยู่ จึงเข้าไปขู่ พระนาจาจึงใช้ผ้าเหวี่ยง เพื่อไล่ให้ไปแต่ปรากฏว่า ถูกตัวทหาร ทำให้ทหารของเจ้าสมุทรตาย [/FONT][FONT='MS Sans Serif',tahoma]ต่อมา ลูกเจ้าสมุทรเห็นว่านานแล้ว ทหารยังไม่มารายงานจึงขึ้นตามมาดูก็เห็น ทหารตายอยู่ และมีเด็ก กำลังเล่นน้ำอยู่ จึงเข้าไปขู่ แต่ก็ถูกผ้าแพรตายเช่นกัน ทหารก็ไปรายงานเจ้าสมุทร เจ้าสมุทรโกรธมาก จึงไปหา แม่ทัพหลี่ และบอกว่าพระนาจาได้ฆ่าลูกของตน และเจ้าสมุทรจะเอาน้ำทะเล มาถล่มเมือง พระนาจาได้ยินรุ่งเช้า จึงไปเมืองบาดาล และถลกเส้นเอ็นมังกรและเสกมังกรเป็นงูเขียว และเดินทางกลับบ้าน[/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma] เมื่อมาถึงบ้านแม่ทัพหลี่ ก็ดุด่าพระนาจาว่าเจ้าสมุทรโกรธมาก จะถล่มเมือง พระนาจาจึงเอาเส้นเอ็นออกมาให้พ่อดู แล้วบอกว่า เส้นเอ็นนี้ เอามาให้พ่อทำเสื้อเกาะ แล้วเจ้ามังกรก็อยู่ที่ลูก พระนาจาก็ขว้างงูเขียวออกมา เห็นเป็นเจ้าสมุทร แม่ทัพหลี่โกรธมากจึงดุด่าพระนาจา จนในที่สุด พระนาจาน้อยใจจึงแล่เนื้อคืนแม่ แล่กระดูกคืนพ่อ แล้วเข้าฝัน ให้แม่ทำ ศาลเพียงตาให้ แล้วลูกจะได้ชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ แม่ทัพหลี่ก็ตามไปทำลายศาลเพียงตา พระนาจาโกรธมาก และคิดที่ จะฆ่าพ่อ[/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma] บนสวรรค์จึงสั่งให้อาจารย์ของนาจา มาชุบชีวิตให้นาจา ด้วยรากบัว เหงาบัว ดอกบัว และ ก้านบัว ให้ทวน ล้อลม ล้อไฟ ให้นาจา[/FONT]

    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]ตำนานที่สี่[/FONT] ​

    [​IMG]

    องค์เทพเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ เป็นตำนานที่เล่าขานกันมาแต่ครั้งบุราณกาล สมัยปลายราชวงศ์เชียง ต้นรางวงศ์จิวมีจิวบุ้นอ้วงเป็นฮ่องเต้ ในยุคนั้นผู้ที่นับว่าเป็นอัจฉริยะมี "เกียงจื๋อเง้" หรือเกียงไท้กง และ "หน่าจาซาไท้จื้อ" องค์เทพเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อเป็นบุตรคนที่ 3 ของแม่ทัพหลี่เจ๋ง กับนางฮิง บุตรคนโตชื่อ "กิมจา" และคนรองชื่อ "บักจา" มารดาตั้งครรภ์หน่าจาเป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน จึงคลอด
    [​IMG]
    พระกิมจา


    [​IMG]
    พระบักจา


    [​IMG]
    พระนาจา

    หลังจากคลอดแล้ว พระนาจาแทนที่จะเป็นเด็กทารกดั่งเช่นเด็กทั่วไป กลับเป็นก้อนเนื้อทรงกลม ๆ ที่ห่อหุ้มไว้ด้วยเนื้อเยื่อและรกพันเต็มไปหมด ยังความตกใจและประหลาดใจแก่แม่ทัพหลี่เจ๋งและนางฮิง ผู้เป็นบิดา ด้วยความประหลาดดังกล่าว หลี่เจ๋งผู้เป็นบิดาจึงใช้กระบี่ฟันก้อนเนื้อ ปรากฏว่าภายในก้อนเนื้อนั้น เป็นเด็กทารกเพศชาย ซึ่งในมือขวาถือห่วงทองคำและรอบตัวพันด้วยผ้าแพรสีแดง ยังความปิติยินดีให้กับครอบครัว ขุนนางใหญ่น้อยได้มาแสดงความยินดีกับแม่ทัพหลี่เจ๋ง

    ในขณะนั้นมีนักพรตท่านหนึ่งมีนามว่า "ไท้อิกจิงยิ้ง" ซึ่งบำเพ็ญศีล ภาวนาอยู่ ณ ยอดเขาเคี่ยงง่วนซัวกิมกวงตัง หรือปัจจุบันเรียกว่า "ไท้อิกติ่ง" มาร่วม แสดงความยินดีด้วย และเมื่อได้เห็นบุคลิกลักษณะของเด็กน้อยก็เกิดความชื่นชมพร้อมกับ ได้ชี้แจงให้แม่ทัพหลี่เจ๋ง และนางฮิงทราบว่า ห่วงทองและผ้าแดงที่ติดตัวมานั้นเป็นของศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้มีบุญญาบารมีสูง อีกทั้งได้รับตัวเด็กน้อยไว้เป็นศิษย์ และตั้งชื่อให้ว่า "หน่าจา" เพื่อถ่ายทอดวิชา

    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]คุณธรรมพิเศษ[/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma] 1.เป็นเทพที่มีมีความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว
    2.มีความเสียสละและมีความกตัญญูต่อบิดามารดาเป็นที่ตั้ง
    [/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย[/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma] ชื่อเต็มของพระนาจาคือ จงตั๋นหง่วนโส่ย (เทพผู้เฝ้าประตูและคุมทหารสวรรค์) แต่คนจีนทางภาคใต้เรียกว่า ลี้โล่เฉี๊ย เทพองค์นี้ มีบทบาทสำคัญมาก ตามศาลเจ้าต่างๆ เพราะเป็นผู้คุมทหารในศาลเจ้า และดูแลพิธีกรรมต่างๆ ให้เป็นไป อย่างเรียบร้อย ลี่โล้เฉี๊ย เป็นหัวหน้าทหารธงเหลือง (อุ๋ยกี่) มีทหาร 33000 นายดูแลบริเวณราชวังสวรรค์[/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]ปางต่าง ๆ ของพระนาจา [/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma] รูปเคารพของพระนาจามีลักษณะยืนเหยียบล้อไฟ มือถือหอกอัคคีเป็นปางปกติ แต่จะมีปางเก้ามังกร และปางอื่น ๆ รวมถึง พระภาคอื่น ๆ ของพระนาจาด้วย[/FONT]
    [​IMG]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]ปางเก้ามังกร หรือ ปางปราบเก้ามังกรแห่งมหาสมุทรตงไห่[/FONT]


    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]ข้อสำคัญในการบูชา [/FONT]
    [FONT='MS Sans Serif',tahoma] 1.หากตั้งพระโพธิสัตว์ ให้ตั้งพระโพธิสัตว์ไว้[/FONT][FONT='MS Sans Serif',tahoma]ตรงกลาง
    เเละพระนาจาไว้ซ้ายหรือขวา
    [/FONT][FONT='MS Sans Serif',tahoma] 2.บูชาพระนาจาเเล้ว ห้ามบูชาเทพอัญเจดีย์ทอง ([/FONT][FONT='MS Sans Serif',tahoma]ทัวต่า)
    เพราะพ่อลูกไม่ถูกกัน
    [/FONT][FONT='MS Sans Serif',tahoma] 3.เเละห้ามบูชาเทพมังกร [/FONT][FONT='MS Sans Serif',tahoma]เพราะเป็นอริกัน[/FONT]

    [FONT='MS Sans Serif',tahoma]ภาพองค์พระนาจา[/FONT] ​
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  17. nopopathorn

    nopopathorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,065
    กำเนิด ประวัติ เรื่องราวความเป็นมา พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ - พระโพธิสัตว์ตี้จั้งหวัง - ตำนานที่ 1


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD width=10 height=10>[​IMG]</TD><TD background=../../images/pic-t-bg.gif height=10></TD><TD width=13 height=10>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=10 background=../../images/pic-l-bg.gif> </TD><TD>[​IMG]</TD><TD width=13 background=../../images/pic-r-bg.gif> </TD></TR><TR><TD width=10 height=13>[​IMG]</TD><TD background=../../images/pic-b-bg.gif height=13></TD><TD width=13 height=13>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-5530375026656530";google_ad_width = 468;google_ad_height = 60;google_ad_format = "468x60_as";google_ad_type = "text_image";google_ad_channel ="2932561251";google_color_border = "FFFFFF";google_color_bg = "FFFFFF";google_color_link = "5A1E44";google_color_url = "999999";google_color_text = "999999";//--></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 468px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 60px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 468px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 60px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><IFRAME id=google_ads_frame1 style="LEFT: 0px; POSITION: absolute; TOP: 0px" name=google_ads_frame marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-5530375026656530&format=468x60_as&output=html&h=60&w=468&lmt=1248276913&channel=2932561251&ad_type=text_image&color_bg=FFFFFF&color_border=FFFFFF&color_link=5A1E44&color_text=999999&color_url=999999&flash=10.0.42.34&url=http%3A%2F%2Fwww.phuketvariety.com%2Fbuddhism%2Fkasitikappotisatawa%2Findex.htm&dt=1268537952687&correlator=1268537952703&frm=0&ga_vid=1171147791.1268537953&ga_sid=1268537953&ga_hid=1715165814&ga_fc=0&u_tz=420&u_his=4&u_java=1&u_h=800&u_w=1280&u_ah=770&u_aw=1280&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=1259&bih=631&ref=http%3A%2F%2Fwww.google.co.th%2Fsearch%3Fsource%3Dig%26hl%3Dth%26rlz%3D1G1GGLQ_THTH370%26q%3D%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A9%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A0%25E0%25B9%258C%26meta%3Dlr%253D%26aq%3D0%26oq%3D%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A9&fu=0&ifi=1&dtd=47&xpc=NOq8DqD774&p=http%3A//www.phuketvariety.com" frameBorder=0 width=468 scrolling=no height=60 allowTransparency></IFRAME></INS></INS>​


    พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ แปลว่าพระโพธิสัตว์ผู้เป็นครรภ์แห่งแผ่นดินหรือเป็นนัยยะว่าพระองค์ ทรงสถิต อยู่ใต้พื้นพิภพ เพราะพระองค์มีมหาปณิธานว่า "ตราบใดที่ยังมีสัตว์หลงเหลือในนรกภูมิ แม้เพียงหนึ่ง พระองค์จะมิทรงเข้าสู่พุทธภูมิ " ซึ่งเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าสัตว์ในนรกนั้น มีจำนวน มากมายกว่าประชากรบนสวรรค์และโลกมนุษย์มาก เนื่องจาก คนทำชั่วมีมากกว่าคนทำดี ด้วยพระ องค์ทรงประกาศมหาปณิธานที่ยิ่งใหญ่และยากยิ่งที่จะสำเร็จได้ สาธุชน จึงสดุดีพระองค์ว่า "พระ มหาปณิธานโพธิสัตว์ " และพระวจนะหนึ่ง ของพระองค์ ที่เป็นที่ซาบซึ้ง ประทับใจ สรรพสัตว์ทั้งปวง ว่า " หากเรามิเข้าสู้นรกภูมิแล้วไซร้ ผู้ใดเล่าจะเป็นผู้เข้านรกภูมิ "
    ตามประวัติพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ทรงวิภูมิษณะอาภรณ์ประดุจมหาบุรุษ แต่ในสมัยหนึ่งเจ้าชาย เมือง "ซินหลอ" (ปัจจุบันคือ ประเทศเกาหลี) พระนามว่า " กิมเคียวกัก " ทรงเบื่อหน่ายโลกกียวิสัย แล้วเสด็จออกผนวช ธุดงค์มาถึง ประเทศจีนบนภูเขาเก้ายอด พร้อมสุนัขขาวชื่อ "ซ่านทิง" แล้วสั่ง สอนสาธุชนอยู่ ณ ที่นั้น จนเมื่อมรณภาพ ให้ปรากฏมีเปลวเพลิง พวยพุ่งออกจากหลุมพระศพเป็น อัศจรรย์ ทำให้เชื่อว่าพระองค์ เป็นนิรมาณกาย ของ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ลงไปฉุดช่วยสรรพสัตว์ นรกภูมิ ด้วยเหตุผลนี้ เราจึงเห็นพระปฏิมา ของพระองค์ เป็นภิกษุจีน แต่งกายแบบพระถึงซัมจั๋ง พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้ขรักขระทองคำ พระหัตถ์ขวาทรงดวงแก้วมณี
    มิคติความเชื่อที่มิถูกต้องยิ่งนักที่ว่า "พระกวนอิมโปรดเฉพาะคนเป็น พระตี่จั้งโปรดเพาะคนตาย" ทำให้ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ (พระตี่จั้ง) ไม่เป็นที่นิยมกราบไหว้ในครัวเรือน เพราะผู้ไม่รู้เข้าใจว่า จะเป็นการชักนำ ดวงวิญญาณ ให้ตามพระองค์เข้ามาในบ้านด้วย โดยที่แท้แล้วเมื่อครั้งพุทธกาล พระพุทธองค์ทรงแสดง อานิสงค์แห่งการบูชา พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ไว้ถึง 28 ประการคือ
    1. เทพนาคาปกปักษ์รักษาและระลึกถึงอยู่เป็นนิจ
    2. กุศลผลบุญเจริญรุ่งเรืองไพบูลย์ยิ่ง ๆ ขึ้นทุกทิวากาล
    3. เป็นการสร้างสมอริยมรรคเป็นสมุกฐาน ทั้งยังถือเป็นเหตุปัจจัยแห่งกุศลกรรม
    4. ไม่ท้อถอยในการบังเกิดโพธิจิต
    5. สมบูรณ์ด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคตลอดกาล
    6. แคล้วคลาดปราศจากโรคาพยาธิ
    7. รอดพ้นจากอุทกภัย อัคคีภัย
    8. นิราศจากโจรภัยมาเบียดเบียน
    9. เป็นที่เคารพยกย่องของนรชนไปทั่ว
    10. เทพารักษ์คุ้มครองอุ้มชูช่วยเหลืออยู่เสมอ
    11. สตรีปรารถนากลับเพศเป็นบุรุษ
    12. เกิดในตระกูลวงศาแห่งกษัตริย์และอำมาตย์
    13. มีรูปอินทรีย์ กายอินทรีย์สมบูรณ์
    14. ได้อุบัติในแดนสวรรค์
    15. ภพหน้าจะได้กำเนิดเป็นพระมหาราชาธิราช
    16. สามารถหยั่งรู้ระลึกเหตุการณ์ในอดีตชาติ
    17. คิดประสงค์สิ่งใดย่อมได้ดั่งปรารถนา
    18. ญาติและบริวารเสวยแต่ความสุขปราศจากทุกข์
    19. สิ่งอัปมงคลทั้งหลายสูญหายมลายสิ้น
    20. ไม่ต้องบังเกิดในทุคติภูมิ
    21. หากสัญจรไป ณ แห่งใดย่อมได้รับความสะดวก
    22. ในยามราตรีย่อมมีสุบินในทางศุภมงคล
    23. บรรพบุรุษและญาติวงศ์ที่ล่วงลับไปแล้วจะได้หลุดพ้นจากทุกขภูมิ
    24. กำเนิดในภพหน้าจะเป็นผู้มีวาสนาสูง
    25. ได้รับการยกย่องจากพระอริยเจ้าทั้งหลาย
    26. มีสติปัญญารอบรู้เป็นเลิศ
    27. มีจิตเปี่ยมล้นด้วยเมตตาธรรมเป็นสมุฏฐาน
    28. จะได้สำเร็จพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่สุด
    ทั้งหมดนี้คือผลที่ได้รับจากการกราบไหว้บูชาพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ซึ่งผู้มีปัญญาทั้งหลาย ควรจะพิจารณา ให้เห็นจริงตามนี้เถิด
    วันคล้ายวันโพธิสัตวสมภพคือ 30 เดือน 7 จันทรคติจีน
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=10 height=10>[​IMG]</TD><TD background=../../images/pic-t-bg.gif height=10></TD><TD width=13 height=10>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=10 background=../../images/pic-l-bg.gif> </TD><TD>[​IMG]</TD><TD width=13 background=../../images/pic-r-bg.gif> </TD></TR><TR><TD width=10 height=13>[​IMG]</TD><TD background=../../images/pic-b-bg.gif height=13></TD><TD width=13 height=13>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. nopopathorn

    nopopathorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,065
    เซ่อ ลี่ จื่อ 。 เซ่อ ปู้ อี้ คง 。คง ปู้ อี้ เซ่อ 。เซ่อ จี๋ ซื่อ คง。
    ดูก่อนสารีบุตร รูปไม่ต่างจากความว่าง ความว่างก็ไม่ต่างไปจากรูป รูปก็คือความว่าง
    空 卽 是 色。受 想 行 識。亦 復 如 是。
    คง จี๋ ซื่อ เซ่อ 。โซ่ว เสี่ยง สิง ซื่อ 。อี้ ฟู่ หรู ซื่อ。
    แลความว่างก็คือรูป อันเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็เป็นเช่นนี้
     
  19. nopopathorn

    nopopathorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,065
    ปฏิจจสมุปบาทสิบสอง คือ

    ไม่มีอวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร

    ไม่มีสังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ

    ไม่มีวิญญาณเป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป

    ไม่มีนามรูปเป็นปัจจัยให้เกิดสฬายตนะ

    ไม่มีสฬายตนะ คืออายตนะ 6 เป็นปัจจัยให้เกิดผัสสะ

    ไม่มีผัสสะเป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา

    ไม่มีเวทนาเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา

    ไม่มีตัณหาเป็นปัจจัยให้เกิดอุปทาน

    ไม่มีอุปทานเป็นปัจจัยให้เกิดภพ

    ไม่มีภพเป็นปัจจัยให้เกิดชาติ
     
  20. nopopathorn

    nopopathorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,065
    นะ รูปํ นะ เวทานา นะ สังชญา นะ สังสการ นะ วิญญาณ
    นะ จักษุ โสรตัม นะ ฆราน ชิว กาย มน
    นะ รูป ศัพท คันธ รส ศปิสตาวยา ธารมา
    นะ จักษุ ธาตุ ยะ วัน นะ มโน วิชญาณัม ธาตุ

    ไม่มีเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่มีรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ไม่มีจักษุธาตุ ไม่มีมโนธาตุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...