พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขออนุญาตไปสอบถามผู้รู้นะครับ สำหรับเรื่องพระสมเด็จ หลังเบี้ย หลังประทุน

    ส่วนที่ผมคิดว่า น่าจะกันได้ จะเป็นรุ่นที่หลวงปู่พระโสณะเถระเจ้า อธิษฐานจิตครับ

    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 47 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 43 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, :::เพชร:::+, jirautes, nongnooo+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ผมมาแจ้งเรื่องที่น่ายินดีมาก สำหรับในวันงาน ล้างและบรรจุพระวังหน้าลงกล่องสเตนเลส

    ในวันงาน หลวงปู่ท่านเมตตามา(โมทนาบุญ) กับลูกหลานท่าน ในงานบุญดังกล่าว

    หลวงปู่มีพระเมตตามา 4 องค์ (หลวงปู่พระอุตระเถระเจ้า , หลวงปู่พระโสณะเถระเจ้า , หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า และหลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) ครับ

    โมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ไปในวันงานและทุกๆท่านที่ได้ร่วมบุญกับกองทุนหาพระถวายวัดครับ
    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 55 คน ( เป็นสมาชิก 7 คน และ บุคคลทั่วไป 48 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, :::เพชร:::+, guawn+, jirautes, newcomer+, nongnooo+, ปัญจ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดีก่อนนอนครับ
     
  4. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 57 คน ( เป็นสมาชิก 7 คน และ บุคคลทั่วไป 50 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>psombat, :::เพชร:::, guawn, newcomer, nongnooo, sithiphong+, ปัญจ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center><THEAD><TR><TD class=tcat colSpan=2>[​IMG] (View-All) สมาชิกที่ได้อ่านกระทู้นี้แล้ว : 834 (Set) </TD></TR></THEAD><TBODY></TBODY></TABLE>

    สวัสดีครับ มากันเยอะ อบอุ่นดีจังครับ
     
  5. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ผมนึกถึงพระสมเด็จปัสิริ หากพระองค์นั้นเน้นสีดำมากกว่าสีอื่นจะเป็นธาตุน้ำ ซึ่งเอาชนะธาตุไฟได้
     
  6. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ผมไปเพิ่มอีก 2 รายการ ผิดถูกพี่น้อง แนะนำผมด้วยนะ..

    -พระนางพญาพระธาตุพนม ทำจากเหล็กเปียกยอดพระเจดีย์พระธาตุพนม
    -พระโคนสมอ-พระซุ้มไทรย้อย-พระซุ้มไข่ปลา วังหน้า อยุธยา
     
  7. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ถึงจะมีพระดีก็อย่าประมาทในการเดินจิตเข้าฌาน1->4 และ4->1 อยู่เป็นปกติ ยังไงพลาดพลั้งก็ยังเสวยวิมุติสุขได้...
     
  8. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรียนพี่ๆ... ไม่ทราบว่า The Top1-4 หรือ 3 โลก องค์ดำ พอไหวมั๊ยครับ?

    วันนี้ราวเที่ยง พระอาทิตย์ทรงกลดที่แม่สอดสวยงามมากๆๆครับ เสียดายถ่ายรูปมาด้วยมือถือไม่ค่อยแจ่มนัก ... (แนะนำว่าอย่าถ่ายมาก เดี๋ยวเลนส์กล้องเจ๊ง)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    สงสัยว่าจะถึงเวลานำวิธีการแยกจิตออกด้วยการฝึกสมาธิของท่านพระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ(ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ) ออกเผยแพร่ให้หมู่ศิษย์ของหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรได้รับรู้ และนำไปฝึกกัน ผมได้พบจากตำรายา เอาไว้พิมพ์ในนี้วันละนิดวันละหน่อยดีกว่านะครับ...คงไม่ยกไปหน้าอื่น สนใจก็เข้ามาดูที่หมายเลขความเห็นนี้กัน มีวาสนาก็ได้พบวิธีการกันดีไม๊ครับ คุณ psombat
     
  10. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ขอจองพื้นที่เอาไว้ก่อน ให้ต่อเนื่องกับส่วนแรก ของดีไม่บอกกันมากครับ ตามแต่วาสนา ใครอ่านย้อนหลังก็ได้พบ ไม่ได้พยายามวาง search engineให้หาได้ง่าย ก็ซ่อนเอาไว้ด้วย wording ธรรมดา
     
  11. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431

    ดีครับพี่ โมทนาสาธุครับ
     
  12. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 76 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 74 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>psombat, :::เพชร::: </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เหลือเจ้าบ้านสองคน :) ผมลืม 2 องค์แรกทุกทีครับ ขออนุญาตทบทวนความจำ

    9 มหาราชของชาติไทย

    1. พระเจ้าพรหมมหาราช
    2. พญาเม็งรายมหาราช
    3. พ่อขุนรามคำแหงมหาราช
    4. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    5. สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
    6. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
    7. สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (ร.1)
    8. สมเด็จพระปิยมหาราช (ร.5)
    9. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช (ร.9)

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤษภาคม 2010
  13. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    กราบขอขมาหลวงปู่ ๕ พระองค์ และพระอาจารย์อภิชิโต

    หลวงปู่ และพระอาจารย์อภิชิโต ท่านไม่อนุญาตแล้วครับ ผมพิมพ์ตั้งเยอะ พอกด เป็นdata error ลอง back กลับ ข้อมูลที่พิมพ์ต่อ หายเกลี้ยง ออกแล้วเข้าใหม่ ๓ ครั้ง ก็เข้าไม่ได้...ดังนั้นงดลง หาอ่านเอาเองดีกว่าครับ

    เหมือนกับท่านจะบอกว่า มึงยังไม่ได้เรื่อง บังอาจจะเสือกแนะนำคนอื่น..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤษภาคม 2010
  14. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    อ่า..database error น่าเป็นช่วงเวลาเดียวกันครับ

    วาสนาผมหรือหลายๆคนยังไม่ถึงขั้น คงต้องบำเบ็ญบารมีไปก่อน ไว้ถึงเวลาพร้อมจริงๆ จะไปขอคำชี้แนะครับ

    โมทนาสาธุในจิตที่คิดจะให้ครับ
     
  15. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    [​IMG]

    1. นิหล่า : ไพลินพม่า เนื้อแพร
    2. หยกดำพม่า : เนื้อแพร
    3. หยกเขียวพม่า : เนื้อแพร
    4. ทับทิมพม่า : เนื้อแพร ไม่ได้เผา มีสตาร์

    - เนื้อแพเป็นเนื้อดีที่สุดเหมือนเนื้อลำใยนั่นแหละครับ
    - เป็นอัญมณีนำเข้าจากพม่าที่ดีที่สุดในโลก...เป็นของดีเมืองแม่สอด
    - ช่วงนี้ตลาดซบเซา เป็นเวลาดีของผู้มีทุนทรัพย์และตาดีเก็บสะสมไว้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1140606.jpg
      P1140606.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.4 KB
      เปิดดู:
      1,833
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับพระโคนสมอ-พระซุ้มไทรย้อย-พระซุ้มไข่ปลา วังหน้า อยุธยา น่าจะได้ครับ

    ถูกต้องนะครับ ถ้าทำได้

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แนะวิธีเลือกผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดอย่างปลอดภัย
    Quality of Life - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>22 พฤษภาคม 2553 11:20 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยผลตรวจผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด 62 ตัวอย่าง พบไม่เข้ามาตรฐาน 3 ตัวอย่าง ตรวจพบซิงค์ออกไซด์เกินมาตรฐาน 1 ตัวอย่าง ไม่พบสารป้องกันแสงแดดตามฉลากระบุ 1 ตัวอย่าง พบปริมาณสารป้องกันแสงแดดสูงเกินเกณฑ์ยอมรับค่าคลาดเคลื่อน 1 ตัวอย่าง แนะเลือกผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดให้เหมาะกับสภาพผิว ระบุคนผิวขาวมีโอกาสเกิดมะเร็งที่ผิวหนังมากกว่าคนผิวคล้ำ


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=259 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=259>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นพ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีการตรวจเฝ้าระวังความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2552 ได้รับตัวอย่างผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดเพื่อวิเคราะห์สารป้องกันแสงแดดที่ทำหน้าที่สะท้อนแสงและวิเคราะห์ปริมาณสารป้องกันแสงแดดที่สามารถดูดกลืนรังสี UVA หรือ UVB รวม 62 ตัวอย่าง พบว่าไม่เข้ามาตรฐาน 3 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 4.8 เนื่องจากตรวจพบ ซิงค์ออกไซด์ (Zinc oxide) เกินมาตรฐานกำหนดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข 1 ตัวอย่าง ตรวจไม่พบสารป้องกันแสงแดดตามฉลากระบุ 1 ตัวอย่าง และพบปริมาณสารป้องกันแสงแดดสูงเกินเกณฑ์ยอมรับค่าคลาดเคลื่อน 1 ตัวอย่าง

    นพ.จักรธรรม กล่าวต่อว่า แสงแดดประกอบด้วยคลื่นแสงมากมาย แต่ที่มีผลกระทบกับผิวมนุษย์มากที่สุด คือ รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ซึ่งให้ทั้งประโยชน์และโทษแก่ผิวหนัง หากได้รับมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการแดง หรือที่เรียกว่า ถูกแดดเผา ทำให้ปวดแสบปวดร้อน การถูกแสงแดดเป็นระยะเวลานาน จะทำให้ผิวหนังหนา หยาบกร้าน และมีสีคล้ำขึ้น และอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งที่ผิวหนังได้

    “โดยเฉพาะคนผิวขาวจะมีโอกาสเกิดมะเร็งที่ผิวหนังมากกว่าคนที่ผิวคล้ำ ดังนั้น จึงควรปกป้องผิวจากแสงแดดให้มากที่สุด โดยหลีกเลี่ยงการตากแดด หรือสวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารป้องกันแสงแดด ที่ผ่านมาสำนักเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย” นพ.จักรธรรม กล่าว

    นางหรรษา ไชยวานิช ผู้อำนวยการสำนักเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 46) พ.ศ.2550 เรื่อง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีสารป้องกันแสงแดดตามราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนพิเศษ 88ง อนุญาตให้มีซิงค์ออกไซด์ได้ไม่เกิน 25 % และตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 14) พ.ศ.2536 เรื่องกำหนดเกณฑ์ค่าคลาดเคลื่อนของสารสำคัญในเครื่องสำอางให้มีได้น้อยกว่าไม่เกินร้อยละ 15 หรือมากกว่าไม่เกินร้อยละ 18 ตามที่ขึ้นทะเบียนไว้

    นางหรรษา กล่าวว่า สำหรับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด ควรเลือกผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดจะมีการระบุค่า SPF ที่แสดงถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดชนิดนั้นๆ ซึ่งหากผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดมีค่า SPF เท่ากับ 15 ก็หมายความว่า เมื่อทาผลิตภัณฑ์นี้แล้วสามารถทนแดดได้นานมากกว่าเดิม 15 เท่า คนผิวขาวเมื่อถูกแสงแดดจะแดงง่ายกว่าคนที่มีผิวคล้ำ ดังนั้นคนที่มีผิวคล้ำอาจใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่มีค่า SPF เท่ากับ 6-14 ก็พอ ในขณะที่คนผิวขาว หรือคนทีเป็นกระ หรือมีรายด่างดำ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่มีค่า SPF เท่ากับ 15 หรือมากกว่านั้น และควรทาทิ้งไว้ 15-30 นาที ก่อนออกแดด

    ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดมีทั้งที่เป็นครีม โลชั่น เจล ดังนั้น คนที่มีผิวค่อนข้างมัน หรือเป็นสิว ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่เป็นโลชั่น หรือเจลจะเหมาะสมกว่า เพราะไม่ทำให้เหนียวเหนอะหนะ ส่วนคนที่มีผิวแห้งควรเลือกใช้ชนิดครีม เพราะครีมมีส่วนที่เป็นน้ำมันช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น และไม่ควรใช้ชนิดที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ผิวแห้งมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีสารที่อาจทำให้เกิดการแพ้อื่นๆ เช่น สารผสมประเภทแต่งสี แต่งกลิ่น เช่น น้ำหอม หรือส่วนประกอบน้ำมัน จึงควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์กับบริเวณ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>นั่งอย่างไร...ให้ปลอดภัย
    Motoring - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>22 พฤษภาคม 2553 15:44 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> การขับรถยนต์ให้ปลอดภัย นอกจากผู้ขับต้องมีความชำนาญแล้ว ท่าทางในการขับก็เป็นพื้นฐานที่สำคัญว่าจะเพิ่มหรือลดประสิทธิภาพในการควบคุมรถยนต์ และทัศนวิสัยในการขับ ผู้ขับหลายคนปรับเบาะได้ถูกต้องแล้ว แต่พยายามโยกตัวมาด้านหน้า เพื่อให้มองเห็นปลายของฝากระโปรงหน้า บางคนชอบปรับเบาะให้เอนมากๆ แล้วชะโงกตัวขึ้นมาโหนพวงมาลัยแผ่นหลังจึงไม่สัมผัสพนักพิงอย่างเต็มที่ ทำให้สูญเสียความฉับไวและความแม่นยำในการควบคุมรถยนต์

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=420 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=420>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> การปรับตำแหน่งเบาะ ส่วนใหญ่ปรับได้อย่างน้อย 3 จุด คือระยะของเบาะนั่ง มุมเอียงของพนักพิงและระดับสูง-ต่ำของหมอนรองศีรษะ ส่วนการปรับระดับสูง-ต่ำของเบาะนั่งหรือมุมเอียงของหมอนศีรษะ จะช่วยให้ผู้ขับขี่ปรับได้จนเหมาะสมมากขึ้น การปรับเบาะนั่งให้ได้ระยะที่เหมาะสม สำหรับรถยนต์เกียร์ธรรมดาทำได้โดยใช้ฝ่าเท้าซ้ายเหยียบแป้นคลัตช์ให้สุด (ไม่ควรใช้ปลายเท้าเหยียบคลัตช์) จากนั้นเลื่อนเบาะให้หัวเข่าซ้ายงอเล็กน้อย

    สำหรับรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ ซึ่งไม่มีแป้นคลัตช์ ให้ใช้เท้าซ้ายเหยียบลงบนแป้นพักเท้าหรือพื้นรถยนต์ และใช้ฝ่าเท้าขวาเหยียบแป้นเบรกจนสุดไว้ จากนั้นเลื่อนเบาะนั่งให้หัวเข่าขวางอเล็กน้อย สาเหตุที่ต้องปรับให้หัวเข่ายังงอขณะเหยียบเบรกจนสุด ก็เพื่อไม่ให้ร่างกายรับแรงกระแทกหากเกิดการชน แรงกระแทกจากแป้นเบรกจะดันเข้ามา หัวเข่าที่งออยู่แล้วก็จะสบัดขึ้น ช่วยลดแรงกระแทก แต่ถ้าปรับเบาะไว้ห่างเกินไป จนต้องเหยียบขาตึงเวลาเหยียบเบรก เพราะเมื่อเกิดการชน ขาที่เหยียดตรงจะรับแรงกระแทกเข้ามายังสะโพกแบบเต็มๆ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=195 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=195>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> การปรับมุมเอียงของพนักพิง แผ่นหลังแนบกับเบาะ ให้ใช้มือซ้าย-ขวา จับพวงมาลัยที่ตำแหน่ง 9 และ 3 นาฬิกา (หรือ 10 และ 2 นาฬิกา) และปรับตำแหน่งพนักพิง กระทั่งข้อศอกทั้ง 2 ข้างหย่อนเล็กน้อย แล้วลองเลื่อนมือไปจับพวงมาลัยในตำแหน่ง 12 นาฬิกา แขนต้องยังไม่ตึง โดยไม่ต้องโยกตัวขึ้นมา หรือแบมือพาดลงไปด้านบนสุดของวงพวงมาลัย ต้องอยู่บริเวณข้อมือจึงจะเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมต่อการขับมากที่สุด

    การนั่งห่างหรือปรับพนักพิงเอนมากไป ทำให้ต้องมีการโยกลำตัวขึ้น-ลงในบางจังหวะที่หมุนพวงมาลัย ทำให้ขาดความฉับไว และการทิ้งน้ำหนักที่ผิดอาจทำให้กระดูกสันหลังมีปัญาหาในระยะยาวได้ การนั่งชิดพวงมาลัยเกินไป อาจเกิดจากความต้องการมองด้านหน้าสุดของฝากระโปรงหน้า เพราะกลัวจะกะระยะไม่ถูก ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง เพราะด้านหน้าของรถยนต์ยุคใหม่มักงุ้มต่ำ บางรุ่นต้องชะโงกแบบสุดๆ ถึงจะเห็น

    ดังนั้นควรใช้วิธีกะระยะเอาเองดีกว่า ข้อศอกที่งอมากเกินไป ก็ชิดลำตัว ทำให้การหมุนพวงมาลัยไม่คล่อง อีก 2 ประเด็น ที่สำคัญคือ การนั่งชิดพวงมาลัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุ แม้คาดเข็มขัดนิรภัยก็ยังเสี่ยงต่อการอัดเข้ากับพวงมาลัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เพราะเข็มขัดนิรภัยอาจรั้งได้ไม่ทัน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> หากมีถุงลมนิรภัยแล้วนั่งชิด ก็อาจกลายเป็นถุงลมมหาภัย เพราะการพองตัวของถุงลมนั้น ทั้งเร็วและแรง หากร่างกายปะทะกับถุงลมนิรภัยยังพองตัวไม่เต็มที่ ก็เท่ากับโดนเสยกลับมา จนบางคนคอหักตาย เพราะถุงลม การปะทะกับถุงลมที่ปลอดภัย คือ ปะทะเมื่อถุงลมพองตัวเกือบหรือเต็มที่แล้ว ด้วยการนั่งให้ระยะห่างพอดี และคาดเข็มขัดนิรภัย

    หมอนรองศีรษะ ไม่ได้มีไว้ให้หนุนขณะขับ แต่ช่วยลดอาการบาดเจ็บบริเวณต้นคอหรือคอหัก หากเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการถูกชนท้าย ที่ศีรษะถูกสะบัดไปด้านหลัง

    การปรับระดับของหมอนศีรษะที่เหมาะสม ควรปรับให้ขอบบนของหมอนอยู่ระดับใบหูด้านบน ถ้าหมอนสามารถปรับระดับมุมเอียงได้ ควรปรับให้ใกล้ศีรษะมากที่สุด เพื่อลดการสะบัดของศีรษะเมื่อถูกชนท้าย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ตามให้ทันเมื่อลูก "ซนเป็นลิง" แค่เด็กซนจริงๆ หรือ !?!
    Life & Family - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>22 พฤษภาคม 2553 13:43 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=240 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=240>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นพ.ศิริไชย หงษ์สงวนศรี</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "ความซน" เป็นของคู่กันเด็ก ไม่ว่าหญิง หรือชาย ย่อมแผลงฤทธิ์ให้ปวดหัวได้เหมือนกัน จนบางครั้งพ่อแม่ถึงกับหมดความอดทน และปล่อยให้เป็นไปตามชะตากรรม ด้วยความคิดที่ว่า เด็กดื้อเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ความคิดนี้อาจกำลังนำลูกของคุณไปสู่โรคภัยที่แอบซ่อนอยู่ในตัวก็เป็นได้ โรคที่ไม่แสดงอาการความเจ็บปวดอย่าง "โรคสมาธิสั้น" ที่สามารถทำลายการใช้ชีวิตที่เป็นสุขของลูกน้อยได้

    ในเรื่องนี้ "นพ.ศิริไชย หงษ์สงวนศรี" กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลรามาธิบดี ให้ความรู้ว่า โรคสมาธิสั้น หรือไฮเปอร์เป็นโรคที่ทางการแพทย์รับรองว่า เกิดจากการทำงานของสมองในส่วนหน้าเกี่ยวกับการบริหารจัดการ (executive function) ผิดปกติ อาการเบื้องต้นที่สังเกตได้ คือสมองเรียนรู้ได้ช้า สมาธิสั้น ซนอยู่ไม่นิ่ง หุนหันพลันแล่น หรือขาดความสามารถในการควบคุมตนเอง

    จากข้อมูลสถิติทั่วโลกพบว่า เด็กชายมีโอกาสเกิดโรคสมาธิสั้นร้อยละ 10.1 และเด็กหญิงมีโอกาสเกิดโรคเฉลี่ยเพียงร้อยละ 3.3 ขณะที่อัตราความต่างเกิดโรคของเด็กชายกับเด็กหญิงมีประมาณ 3-4 เท่า แต่ถ้าเพศหญิงมักจะมีอาการรุนแรงกว่าเพศชาย แต่ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่า ฮอร์โมนเพศจะมีอิทธิพลในการเกิดโรค

    "การที่สมองส่วนหน้าของเด็กทำงานผิดปกตินั่น ส่งผลต่อการทำงาน 4 อย่าง คือ 1.การจดจำว่าจะต้องทำงาน 2. การบอกตนเองว่าต้องทำงานนั้น 3. พื้นอารมณ์ที่จะต้องทำงานนั้นๆ 4.การวางแผนและแก้ปัญหา ซึ่งทั้งหมดจะนำไปสู่ความสำเร็จของการทำงาน ทำให้เด็กสมาธิสั้นมีปัญหาทำงานไม่ทันเวลาหรือเรียกว่ามี Time blindness มีความสามารถในการบริหารจัดการตนเองได้ต่ำกว่าเด็กปกติประมาณร้อยละ 30 หมายความว่าถ้าเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นอายุ 10 ปี จะมีความสามารถเทียบเท่าอายุ 7 ปี" นพ.ศิริไชย อธิบาย

    ขณะเดียวกัน สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคสามารถก่อตัวตั้งแต่แรกเกิดที่มีผลพวงมาจากพันธุกรรมของพ่อแม่ รวมไปถึงแม่ที่สูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์ขณะตั้งครรภ์ หรือการติดเชื้อไวรัสบางชนิดที่ส่งผลทำลายพัฒนาการของลูกตอนที่อยู่ในครรภ์ โดยเฉพาะแม่ที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสบางตัว เช่น ตะกั่ว นอกจากนั้นโอกาสเสี่ยงสามารถเกิดขึ้นในแม่ที่มีความเครียดสูง เมื่อร่างกายมีความเครียดสูงจะหลั่งสารเคมีของความเครียดผ่านรก ทำให้ลูกเกิดภาวะเครียดตามได้ ส่งผลให้พัฒนาการของลูกช้า และเกิดภาวะแทรกซ้อนในครรภ์ได้สูง เช่น ความดันสูง-ต่ำ หรือคลอดก่อนกำหนด

    อย่างไรก็ตามกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชศาสตร์เด็ก และวัยรุ่นรายนี้ ยังบอกอีกว่า อาการไฮเปอร์ไม่ได้อยู่ที่การเลี้ยงดูของพ่อแม่ หรือไม่ได้เกิดจากการที่เด็กไม่พอใจ ขับข้องใจ และมีอาการเก็บกดใดเลย แต่เกิดจากความผิดปกติของสมองส่วนหน้าที่มีขนาดเล็กกว่าเด็กปกติ และการที่สมองมีขนาดเล็กไม่ได้แปลว่า เด็กคนนั้นจะไม่ฉลาด ตรงข้ามอย่างเช่น เด็กที่เป็นโรคออทิสติกมีเนื้อสมองที่ใหญ่กว่าเด็กปกติ ซึ่งเป็นขนาดที่ใหญ่ของเซลส์สมองที่ผิดปกติ ถึงแม้ว่าโรคนี้จะทราบสาเหตุได้ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในครรภ์ แต่ก็มีเด็กบางคนที่ไม่แสดงอาการอย่างชัดเจน ฉะนั้นพ่อแม่สามารถสังเกตความเสี่ยงที่ลูกจะป่วยเป็นโรคสมาธิสั้นได้เบื้องต้นดังนี้

    1. ไม่สามารถทำงานที่ครู หรือพ่อแม่สั่งจนสำเร็จ
    2. ไม่มีสมาธิในขณะทำงานหรือเล่น
    3. ดูเหมือนไม่ค่อยฟังเวลาที่คนอื่นพูดด้วย
    4. ไม่สามารถตั้งใจฟัง และเก็บรายละเอียดของเรื่องราวต่างๆ ได้ ทำให้ทำงานผิดพลาดบ่อยๆ
    5. ไม่ค่อยมีระเบียบ วินัย เรียบร้อย
    6. มีปัญหาหรือพยายามหลีกเลี่ยงงานที่ต้องใช้ความคิดหรือสมาธิ
    7. วอกแวกง่าย เช่น เด็กอนุบาล 3 จะเริ่มมีพฤติกรรมนิ่งอยู่กับที่แล้ว แต่ถ้าเป็นเด็กไฮเปอร์ แม้จะเรียนอยู่ชั้นประถมก็ไม่สามารถอยู่นิ่งๆ ได้ จะลุกเดินไปเดินมาตลอดเวลา
    8. ทำของใช้ส่วนตัวหรือของใช้ที่จำเป็นสำหรับงานหรือการเรียนหายอยู่บ่อยๆ
    9. ขี้ลืมบ่อยๆ


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นอกจากนั้นเด็กสมาธิสั้น ยังไม่สามารถรอคอยอะไรนานๆ ได้ เวลาที่เพื่อนๆ เล่นของเล่นกันอยู่นั้น ถ้าเขาต้องการเล่น เขาก็จะเข้าไปแย่ง ทำให้เขาดูเหมือนเป็นเด็กก้าวร้าวใช้ความรุนแรง ไม่สามารถเข้ากับคนอื่นได้ เพื่อนก็อาจจะไม่เล่นด้วย สร้างความวุ่นวายให้กับคนรอบข้าง ซึ่งส่งผลรอบด้านทั้งการเรียน การเข้ากับเพื่อน การเข้ากับพ่อแม่ผู้ปกครอง อีกทั้งเด็กที่ป่วยเป็นโรคสมาธิสั้นจะรู้สึกว่าตัวเองมีปมด้อย ส่งผลให้บางครั้งเด็กจะซน ดื้อต่อต้าน ซึ่งจะแสดงออก 2 แบบ คือ การแสดงออกโดยการโทษผู้อื่น และการแสดงออกโดยการโทษตัวเอง ว่าตัวเองไม่ดี ซึมเศร้า จะคิดว่าตัวเองทำอะไรก็ไม่สำเร็จ การใช้ชีวิตจึงไม่มีความสุข ถูกผลักออกจากสังคมโดยอัตโนมัติ เพราะไม่สามารถอยู่ร่วมกับเด็กปกติได้ จึงหันไปพึ่งยาเสพติด เพราะเขาจะคิดว่าเป็นทางออกที่ดี

    ถึงแม้ว่าโรคสมาธิสั้นมันจะเป็นอาการที่ไม่ทำให้เจ็บปวดทางร่างกาย แต่ส่งผลเสียต่อการดำรงชีวิตของเด็กไม่น้อยเลย กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น แนะนำว่า คุณพ่อคุณแม่ที่มีความกังวลว่าลูกจะอยู่ในภาวะเสี่ยงของกลุ่มไฮเปอร์ สามารถพาลูกไปตรวจเช็กหรือคำปรึกษากับจิตแพทย์ เพื่อหาทางแก้ไขและเป็นการเตรียมรับมือในการรักษาก่อนที่อาการจะรุกลามยากต่อการบำบัดรักษา เพราะเป็นโรคที่ต้องใช้ระยะเวลาในการดูแลอย่างต่อเนื่อง

    แต่ถึงกระนั้น เมื่อรู้ว่าลูกเป็นโรคสมาธิสั้น สิ่งแรกที่คุณพ่อคุณแม่ควรกระทำ คือ

    1.ทำบ้านให้มีระเบียบ บ้านที่รก ข้าวของเก็บไม่เป็นที่เป็นทาง ของเล่นปะปนไปทั่วห้อง รวมทั้งการบ้าน หนังสือเรียนที่กระจัดกระจายไปทั่ว ไม่เอื้ออำนวยต่อการสร้างสมาธิหรือการฝึกฝนทักษะใหม่ๆ ของลูก มีการจัดตารางเวลาให้ชัดเจนว่าช่วงเวลาไหนลูกจะต้องทำอะไรบ้าง

    2. สร้างบรรยากาศสงบ ห้องทำงานที่เงียบ การพูดคุยที่อยู่ในเหตุผล ไม่ก้าวร้าว โวยวาย ท่าทีที่เรียบง่าย ให้เกียรติซึ่งกันและกัน รวมทั้งการจัดห้องทำงานให้แยกจากเสียงที่รบกวนสมาธิ โดยเฉพาะเสียงโทรทัศน์ วิทยุ วีดีโอเกมหรือของเล่น ทั้งหมดจะช่วยให้การทำงานของลูกดีขึ้น

    3. หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่วุ่นวาย ลดการพาไปในที่วุ่นวาย มีแสง เสียง ผู้คนมากมาย เช่น ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า งานเลี้ยง ฯลฯ เพราะจะทำให้เด็กควบคุมตัวเองได้ลำบาก

    4. ลดระยะเวลาดูโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์หรือการเล่นเกม

    เห็นได้ว่า "สมาธิสั้น" สามารถป้องกันได้ เริ่มตั้งแต่พ่อแม่หมั่นดูแลสุขภาพของตัวเองก่อน เพื่อเป็นรากฐานการมีสุขภาพที่ดีให้กับลูก อย่างไรก็ตามทีมงานขอแนะนำคุณพ่อคุณแม่ที่สงสัยว่าลูกจะอยู่ในภาวะเสี่ยงโรคสมาธิสั้นให้รีบไปปรึกษาแพทย์ เพื่อตวรจเช็กระบบการทำงานของสมอง เพื่อสร้างคุณภาพที่ดีให้กับลูกน้อยในอนาคต
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

แชร์หน้านี้

Loading...