พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ‘น้ำใบบัวบก’ ทำตาใสปิ๊ง!

    Daily News Online > โทรโข่ง > หน้ามุมสุขภาพ > ‘น้ำใบบัวบก’ ทำตาใสปิ๊ง!

    [​IMG]

    อย่าเข้าใจว่า ‘ใบบัวบก’ มีไว้ ‘แก้ช้ำใน’ อย่างเดียว เพราะสรรพคุณทางยาตัวอื่น ๆ ที่อยู่ในผักใบเขียว ‘ใบบัวบก’ ยังมีอีกเพียบ อาทิ บำรุงสายตา บำรุงสมอง ควบคุมระดับแรงดันโลหิตให้เป็นปกติ ลดภาวะความเป็นหมัน ช่วยชะลอความแก่ ช่วยป้องกันร่างกายด้วยการกำจัดสารพิษตกค้างในร่างกาย แก้ช้ำใน บำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า ขับปัสสาวะ แก้อาการเริ่มเป็นบิด ท้องร่วง เป็นยาขจัดเลือดเสีย แก้โรคผิวหนัง แก้พิษงูกัด ระดูขาว ดับพิษไข้ แก้อาเจียนเป็นเลือด และดีซ่าน เป็นต้น

    บัวบก เป็นพืชปลูกง่าย มีประวัติการใช้ประโยชน์ทางยามานาน มีใช้ทั้งในตำราอายุรเวทของประเทศจีนและแพทย์แผนไทย พบมากในประเทศแถบยุโรป แอฟริกา อินเดีย ปากีสถาน และศรีลังกา พบว่า ส่วนสำคัญที่มีคุณสมบัติพิเศษอยู่ที่ ส่วนของใบและราก

    ศุกร์นี้ ‘กินดี’ จึงหยิบเมนูสุขภาพทำได้ไม่ยากมาให้ลอง เมนูที่ว่าคือ น้ำใบบัวบก เตรียมส่วนผสม 3 อย่างคือ ใบบัวบก 10 กรัม, น้ำเปล่าต้มสุก 240 กรัม และน้ำเชื่อม 15 กรัม น้ำเชื่อมจะใส่มากใส่น้อย หรือไม่ใส่ก็ตามชอบ

    มาถึงวิธีทำ ล้างใบบัวบกให้สะอาด นำใส่เครื่องปั่นเติมน้ำต้มสุกเล็กน้อย แล้วปั่นจนละเอียด คั้นกรองเอาแต่น้ำ เติมน้ำเชื่อมปรุงรสตามใจชอบ

    เมนูอร่อยเพื่อสุขภาพ ท้าให้ลอง
    takecaredd@gmail.com

    http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=457&contentId=68247

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • eat_url.jpg
      eat_url.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.3 KB
      เปิดดู:
      117
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ประโยชน์ของน้ำสมุนไพร

    Daily News Online > โทรโข่ง > หน้าเกร็ดความรู้ > ประโยชน์ของน้ำสมุนไพร

    [​IMG]

    สมุนไพรหลายชนิดนิยมนำมาทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีประโยชน์ของน้ำสมุนไพรแต่ละชนิดมาบอก....

    - น้ำใบบัวบก : น้ำใบบัวบกมีวิตามินเอสูงมาก เหมาะสำหรับคนที่ต้องใช้สายตาทำงานหนักอยู่เป็นประจำ เพราะจะช่วยบำรุงสายตา และยังมีแคลเซียมและวิตามินบี1 สูงกว่าผักชนิดอื่น ส่วนประโยชน์อื่นๆ ของน้ำใบบัวบก คือ ใช้แก้ช้ำใน แก้ฟกช้ำดำเขียว แก้ร้อนใน บำรุงสมอง บำรุงหัวใจ ถ้าดื่มทุกวันเป็นเวลา 1 อาทิตย์จะช่วยลดความดันโลหิต แก้แผลอักเสบและรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ทำให้เลือดแข็งตัวเร็ว ช่วยขับปัสสาวะ

    - น้ำว่านหางจระเข้ : ประโยชน์ของว่านห่างจระเข้อยู่ที่วุ้น ถ้ารับประทานจะช่วยบำรุงร่างกาย ทำให้หายอ่อนเพลีย ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ ว่านหางจระเข้จะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อใช้สดๆ ดังนั้นเมื่อตัดออกมาแล้วควรใช้ทันที อย่าวางทิ้งไว้ และก่อนใช้ควรล้างยางสีเหลืองๆ ออกให้หมดก่อน เพื่อไม่ให้เกิดอาการคันหรือแพ้ในภายหลัง

    - น้ำลูกเดือย : เป็นเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยฟอสฟอรัส จึงช่วยบำรุงกระดูกได้ดี เหมาะสำหรับเด็กที่กำลังเจริญเติบโต นอกจากนี้ยังมีวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตา ช่วยให้เจริญอาหารและเหมาะที่เป็นอาหารสำหรับผู้ป่วยที่กำลังพักฟื้น ส่วนคนสมัยก่อนใช้น้ำลูกเดือยเป็นยาขับปัสสาวะ แก้ร้อนใน บำรุงไต บำรุงกระเพาะอาหารและม้าม แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน และโรคท้องร่วง

    - น้ำขิง : อุดมไปด้วยแคลเซียมที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ส่วนสารเบต้าแคโรทีนในน้ำขิงสามารถช่วยต้านมะเร็งได้ และยังเป็นยาแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับเสมหะ คลื่นไส้อาเจียน เมารถหรือเมาเรือ ลดการจับตัวของลิ่มเลือด ช่วยเพิ่มการหลั่งน้ำดีและน้ำย่อย ทำให้ระบบย่อยทำงานได้ดีขึ้น

    รู้อย่างนี้แล้ว ลองหันมาดื่มน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพกันดีกว่า.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • n300.jpg
      n300.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.5 KB
      เปิดดู:
      124
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แนะวิธีขับรถบนทางโคลน

    Daily News Online > หน้ากทม. > เดินหน้าเลี้ยวซ้าย > แนะวิธีขับรถบนทางโคลน

    กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แนะวิธีขับรถผ่านเส้นทางโคลน
    คุณอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า การขับรถในช่วงฤดูฝน ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากในช่วงที่ฝนตกใหม่ ๆ น้ำฝนจะผสมกับขี้ฝุ่นกลายสภาพเป็นดินโคลนบาง ๆ ฉาบผิวหน้าถนน ทำให้ถนนลื่นกว่าปกติ โดยเฉพาะถนนที่เป็นลูกรังหรือทางดิน หากฝนตกหนัก จะเปลี่ยนสภาพเป็นบ่อโคลน ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น เพื่อความปลอดภัยผู้ขับขี่ควรปฏิบัติ ดังนี้

    การขับรถบนทางโคลน ควรเลือกใช้ยางแบบดอกใหญ่ เพื่อให้ ยางสะบัดโคลนออกจากล้อได้ง่าย และควรหยุดรถประเมินสภาพเส้นทาง และเลือกวิ่งในทางที่ตื้น เคลื่อนตัวโดยรักษาความเร็วให้สม่ำเสมอ บังคับพวงมาลัยให้อยู่บนทางเดิม ไม่ควรเปิดทางใหม่โดยไม่จำเป็น เนื่องจากพื้นดินในทางเดิมจะถูกบีบอัดจนแน่น ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างสะดวก

    กรณีขับแล้วรู้สึกหนืด ให้ขยับพวงมาลัยไปมาอย่างช้า ๆ เพื่อให้ล้อเกาะพื้นดินใหม่ จะช่วยให้รถเคลื่อนที่ได้ แต่ห้ามหมุนล้อเร็วเกินไป เพราะทำให้ระบบบังคับเลี้ยวพัง กรณีรถเคลื่อนตัวไม่ได้ ให้ใช้เกียร์ 1 พร้อมเหยียบคันเร่งเป็นจังหวะ จะช่วยให้ล้อไม่ปั่นฟรี และควบคุมรถได้ง่ายขึ้น หากรถไม่เคลื่อนที่ ให้เหยียบคันเร่งเบา ๆ หรือเร่งเป็นจังหวะ แต่ถ้าเป็นโคลนเละมาก ๆ ให้ใช้เกียร์ 2 จะทำให้ความเร็วของล้อเพิ่มมากขึ้น ห้ามขับลงบ่อโคลนหรือบ่อน้ำอย่างแรง เพราะโคลนอาจเข้าไปอุดตันในเครื่องยนต์ รังผึ้งหม้อน้ำ ทำให้ไม่สามารถระบายความร้อนของเครื่องยนต์ได้ เมื่อขับผ่านถนนที่เป็นโคลนแล้ว ให้ทำความสะอาดผ้าเบรก และวงกระทะล้อ ซึ่งอาจทำให้ล้อหมุนไม่สมดุล หรือเกิดอาการสั่นในขณะวิ่งได้

    กรณีรถจมโคลนหรือติดหล่ม ไม่ควรเร่งเครื่องยนต์ เพราะจะทำให้ล้อจมลึกมากขึ้น ให้ใช้ก้อนอิฐหรือเศษไม้มาวางด้านหน้ายางรถยนต์ โดยเฉพาะล้อหลัง จะช่วยให้ยางยึดเกาะพื้นถนนจนเคลื่อนออกจากหลุมได้ หรือใช้รถที่มีกำลังสูงกว่ามาลากจูง การขับรถบนเนินเขาชัน ควรเลือกใช้รถให้เหมาะสมกับสภาพถนน โดยเฉพาะเส้นทางที่ลาดชันและลื่นมาก ควรขับเป็นแนวตรง ไม่ควรขับเป็นแนวทแยง เพราะเสี่ยงต่อการพลิกคว่ำสูง อีกทั้งควรใช้เกียร์ต่ำ

    การขับรถข้ามสิ่งกีดขวาง ผู้ขับขี่ควรจับพวงมาลัยให้มั่นและบังคับไปในทิศทางเป็นมุมเฉียงกับสิ่งกีดขวาง และข้ามทีละล้ออย่างช้า ๆ โดยเลือกข้ามในมุมหรือขอบของสิ่งกีดขวาง ใช้เกียร์ต่ำในการขับเคลื่อน พร้อมกับพยายามเร่งเครื่องและเบรกเป็นจังหวะ เพื่อลดแรงกระแทกระหว่างล้อกับพื้นถนน พร้อมทั้งจับพวงมาลัยให้มั่น เพื่อป้องกันพวงมาลัยสะบัด

    ที่สำคัญ ไม่ควรขับข้ามสิ่งกีดขวางไปตรง ๆ ตามแนวยาวของ ตัวรถ เพราะอาจทำให้ช่วงล่างเสียหาย.
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระไพศาลเตือนสติคนไทย




    พระไพศาลเตือนสติคนไทย


    http://hilight.kapook.com/view/49057


    [​IMG]


    พระไพศาลเตือนสติคนไทย “ถอนพิษความทรงจำเลวร้าย-เปิดรับความสุขด้วยปัญญา”
    (ไอ เอ็น เอ็น)


    ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบัน ถ้าเราจำไม่เป็นก็จะเจ็บปวด เคียดแค้น ขณะเดียวกันคนไทยก็ยังมีทางเลือกที่จะมีความสุข ซึ่งไม่ได้หมายถึงการละเลยหรือหลงลืม แต่หมายถึงความสามารถจดจำเหตุการณ์ร้ายๆได้โดยไม่เจ็บปวด โดยการรู้จักเก็บเกี่ยวบทเรียนและฉลาดถอนพิษจากความทรงจำที่เลวร้าย

    พระไพศาล วิสาโล พระนักพัฒนา เจ้าของรางวัลศรีบูรพา 2553 กล่าวปาฐกถา “สุขแท้ด้วยปัญญาท่ามกลางความขัดแย้งของสังคม” ในงานมอบรางวัลคลิปวีดีโอสุขแท้ด้วยปัญญา ของเครือข่ายพุทธกิกา โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา 16 สี่แยกคอกวัว เมื่อเร็วๆนี้ ท่านเตือนสติคนและสังคมไทยว่าเหตุการณ์ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา ให้บทเรียน 4 ประการ ซึ่งถ้าเข้าใจก็จะเป็นต้นทุนสร้างสุข หรืออย่างน้อยป้องกันไม่ให้เกิดความทุกข์ซ้ำรอยอีก

    [​IMG] ข้อแรก-คนเราเมื่อหลงติดในตัณหา มานะทิฐฐิ เต็มไปด้วยความโกรธ เกลียด ก็ทำอะไรได้ทั้งนั้น รวมทั้งทำร้ายซึ่งกันและกัน ตัณหาก็คือความยึดติดในผลประโยชน์ ทิฐฐิคือความถือตัว และมานะคือถือว่าตัวเองสูงกว่าดีกว่าคนอื่น
    [​IMG] สอง-เมื่อมีการใช้วิธีการรุนแรง ทุกฝ่ายก็ต่างพ่ายแพ้ด้วยกันทั้งนั้น

    [​IMG] สาม-เมื่อไม่มีฝ่ายไหนถอย ย่อมเกิดความพินาศ

    [​IMG] สี่-ความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรมทางสังคม นำไปสู่ความแตกแยก


    “จึงน่าจะจำบทเรียนจากเหตุการณ์นี้ เพื่อนำชีวิตและสังคมไทยให้พ้นขวากหนาม และกับดักแห่งความรุนแรง ไปสู่ความสุขทางปัญญา เผชิญหน้าความจริง ไม่ใช่เรียกร้องให้สามัคคีด้วยคำขวัญ หรือให้หลงลืมอดีต นี่เป็นการสร้างความสุขระดับสังคม ประเทศชาติ”

    ส่วนความจริงเฉพาะหน้าคือผู้คนทั้งหลายมีความทุกข์มาก ใจยังปิดรับความสุขเพราะมีภูเขาขวางกั้นคือความโกรธเกลียดฝังแน่นทำให้เร่าร้อน เห็นอีกฝ่ายเป็นคนเลว ปิศาจ เดรัจฉาน ติดป้ายตีตรากัน ถ้าเราเห็นทุกคนเป็นมนุษย์ ศัตรูแท้จริงคือความโกรธเกลียดพยาบาทโลภเห็นแก่ตัว ก็จะหันมาใช้ความรัก เมตตา ดีต่อกัน ส่วนใครที่มีความเห็นต่าง ซึ่งเรามักจะผลักเขาออกไปกระทั่งกลายเป็นศัตรู ถ้ามีปัญญาเห็นว่าความแตกต่างเป็นเรื่องธรรมดา จะทำให้เกิดขันติอดทนต่อกัน ใจกว้าง และคลายความโกรธเกลียดลง

    “ปัญญายังทำให้เห็นว่าไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน คนที่เกลียดโกรธกันวันนี้ พรุ่งนี้อาจรักกัน คนที่เคยเข่นฆ่ากันเมื่อ 30 ปีที่แล้ว 6 ตุลา 19 ฝ่ายหนึ่งเป็นรัฐ อีกฝ่ายคอมมิวนิสต์ วันนี้อยู่พรรคการเมืองเดียวกัน ถ้าเรามีปัญญาเห็นความจริงในมุมที่กว้างไกล รู้เท่าทัน ก็จะรู้ว่าจะเข่นฆ่ากันไปทำไม”

    คนจำนวนมาก ล้วนมีความเจ็บแค้นเศร้าโศกเพราะสูญเสียสิ่งรัก คนรัก ไม่ว่าสีเหลือง แดง ไม่เหลือง ไม่แดง การได้เห็นความทุกข์ของผู้อื่นว่าเหมือนเราหรือมากกว่า เปิดใจรับรู้ก็จะเปลี่ยนมุมมองจากที่คิดว่าเขาเป็นฝ่ายกระทำ-เราถูกกระทำ เป็นเราต่างกระทำสร้างความทุกข์ให้แก่กัน และต่างได้รับผลพวงจากความทุกข์เสมอหน้า เมื่อเห็นคนอื่นเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ก็จะคลายความเจ็บปวดคับแค้น การให้อภัยก็เกิดขึ้นได้

    ภูเขาขวางกั้นอีกลูกคือ ความหดหู่เศร้าหมอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้บางคนท้อแท้สิ้นศรัทธาในมนุษย์ หมดหวังกับบ้านเมือง แต่บ้านเมืองไม่ใช่เพิ่งเจอเหตุการณ์แบบนี้ คนไทยหลายคนก็เคยรู้สึกเช่นนี้ในเหตุการณ์ 6 ตุลาที่ฝ่ายซ้ายขวาสู้กันอย่างถึงที่สุด แต่ก็กลับมามีศรัทธา ความหวัง สร้างสรรค์ความดีงามได้

    “คนชอบหลงลืมและทำซ้ำรอยอดีต ไม่ถึง 20 ปีมีพฤษภาทมิฬ ไม่กี่ปีมีเหตุการณ์ 10 เมษา ถ้าเรามีทัศนะที่กว้างไกลเชิงประวัติศาสตร์ ก็เริ่มอนาคตที่สดใสได้”

    ถ้าจัดการกับสิ่งต่างๆข้างต้นได้ ใจจะเปิดรับความสุข บ้านเมืองจะมีความหวังขึ้นใหม่ เมื่อเยียวยาจิตใจตัวเองได้แล้วก็ออกมาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ไม่ว่าสีใด อุดมการณ์ใด อย่างน้อยอย่าไปซ้ำเติมให้เขาเจ็บปวดเคียดแค้นมากขึ้น มากกว่านี้คือรับรู้เข้าใจความทุกข์เขา ถ้าช่วยเยียวยาด้วยการกระทำยิ่งดี

    ผลักดันให้คนทำร้ายกัน ทำให้เกิดความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ตอนนี้เชื้อความรุนแรงระบาดมา 73 จังหวัดที่เหลือ เราจึงต้องใช้ปัญญาเห็นถึงรากเหง้าที่อยู่ในใจเรา และในโครงสร้าง

    “อยากจะย้ำว่า ความสุข ไม่ว่าระดับบุคคลหรือสังคม ต้องใช้ปัญญา และถ้ามีเมตตา กรุณา เข้ามาประกอบด้วย ก็จะช่วยให้แก้ปัญหาได้ตรงจุด และดึงพลังปัญญาออกมาเป็นพลังสร้างสรรค์”
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พบแชมพูครีมนวด มีแบคทีเรียสูงเกินมาตรฐาน


    [​IMG]



    พบแชมพูครีมนวดมีแบคทีเรียสูงเกิน (ไทยโพสต์)

    กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยผลตรวจวิเคราะห์แชมพู-ครีมนวดผม-ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม พบผิดมาตรฐาน ปนเปื้อนแบคทีเรียและจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคถึงร้อยละ 25

    นพ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ทำความสะอาดหรือบำรุงเส้นผม ประเภทแชมพู ครีมนวดผม โลชั่น และเซรั่มบำรุงเส้นผม โดยทั่วไปมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักถึงร้อยละ 70-80 และมีส่วนประกอบอื่น ๆ ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน เช่น แชมพูจะมีสารชำระล้างร้อยละ 12-25 ส่วนครีมนวดผม โลชั่น เซรั่มบำรุงเส้นผม จะมีส่วนประกอบพื้นฐานคล้ายคลึงกับแชมพู แต่ครีมนวดผม โลชั่น และซีรัมบำรุงผมจะไม่มีสารชำระล้างในปริมาณมาก แต่มีสารอื่นเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นและอ่อนนุ่มให้แก่เส้นผม ทำให้หวีง่ายหรือมีน้ำมันที่ใช้หล่อลื่นเส้นผม เป็นต้น

    พ.จักรธรรมกล่าวว่า การที่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก หรือมีปริมาณ water activity (aw) สูง ทำให้จุลินทรีย์สามารถเจริญได้ดี และผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่มีการบรรจุในภาชนะที่มีปริมาณมาก จึงมีความเสี่ยงสูงที่ทำให้จุลินทรีย์เจริญเติบโต และเพิ่มจำนวนระหว่างการใช้งานได้ ซึ่งตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 40) พ.ศ.2548 ได้กำหนดให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมีจำนวนแบคทีเรีย ยีสต์และราที่เจริญโดยใช้อากาศต้องน้อยกว่า 1,000 โคโลนี/กรัม หรือ 500 โคโลนี/กรัม กรณีที่เป็นเครื่องสำอางสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี และต้องไม่พบเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค ได้แก่ Pseudomdnas aeruginosa, Staphylococcus aureus, Candida albicans และกรณีที่เป็นเครื่องสำอางผสมสมุนไพรจะต้องไม่พบ Clostridium spp.

    อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการเฝ้าระวังและตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ซึ่งได้มีการเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจำนวน 119 ตัวอย่าง พบว่ามีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐานจำนวน 30 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 25 จำแนกเป็นแชมพูจำนวน 17 ตัวอย่าง จาก 74 ตัวอย่าง ครีมนวดผมจำนวน 8 ตัวอย่าง จาก 22 ตัวอย่าง และผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม 5 ตัวอย่าง จาก 23 ตัวอย่าง โดยมีปริมาณการปนเปื้อนของแบคทีเรีย ยีสต์และราสูงเกินกำหนด คืออยู่ในช่วง 1,200 ถึง 63,000,000 โคโลนีต่อกรัม ในจำนวนนี้ยังพบการปนเปื้อนร่วมของ Pseudomonas aeruginosa ในแชมพูและผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมชนิดละ 1 ตัวอย่าง Clostridium perfringens ในผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม 1 ตัวอย่าง

    นางหรรษา ไชยวานิช ผู้อำนวยการสำนักเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีการปนเปื้อนแบคทีเรียหรือเชื้อจุลินทรีย์ดังกล่าว จะทำให้ผลิตภัณฑ์เสื่อมสภาพเร็ว เช่น มีลักษณะเหลวผิดปกติ สีเปลี่ยน มีกลิ่นเหม็น หากนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปใช้ อาจทำให้เชื้อจุลินทรีย์เข้าสู่ร่างกายผ่านทาง ผิวหนังที่อักเสบเป็นสิว แผล ซึ่งทำให้ผู้บริโภคเกิดการติดเชื้อได้

    เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ก่อนซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ควรเลือกซื้อเครื่องสำอางที่มีฉลากภาษาไทย และมีข้อความตามที่กฎหมายกำหนดอย่างครบถ้วน ได้แก่ ชื่อ และประเภทสารที่ใช้เป็นส่วนผสม วิธีใช้ ชื่อและสถานที่ตั้งผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ครั้งที่ผลิต เดือน-ปีที่ผลิต ปริมาณสุทธิ และควรซื้อจากร้านค้าที่เชื่อถือได้ มีหลักแหล่งแน่นอน รวมทั้งมีหลักฐานการซื้อขายที่ระบุที่ตั้งผู้ขายอย่างชัดเจน

    เตือนภัย แชมพู ครีมนวดผม มี แบคทีเรีย สูงเกินมาตรฐาน
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    นิ ต ย ส า ร ร า ย ส ะ ด ว ก
    สิ่งพิมพ์ออนไลน์ จัดทำโดยเว็บไซต์ศาลานกน้อย ปีที่ ๑๓ : วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓ : ราคา ๐ บาท

    [​IMG]

    ...การมีความรู้เพียงแค่น้ำบ่อน้อยไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจในตัวของมันเอง แต่การปฏิเสธว่าไม่มีทะเลไกล-กลางสมุทรและไม่ยอมเรียนรู้ต่างหากที่ส่อให้เห็นว่านั่นคือ "กบในกะลา" และอาจบั่นทอนความก้าวหน้าของนักเขียน...
    รู้น้อยว่ามากรู้ เริงใจ

    กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย

    ไป่เห็นชเลไกล กลางสมุทร

    ชมว่าน้ำบ่อน้อย มากล้ำลึกเหลือ


    พวกเราจำนวนมากคงเคยได้ยินได้ฟังได้ผ่านตากับโลกนิติคำโคลงบทนี้กันแล้ว และคงรู้จักความหมายของคำโคลงเป็นอย่างดี

    กล่าวง่าย ๆ คือ เป็นโคลงเปรียบเทียบคนที่มีความรู้เพียงเล็กน้อย (หรือมีโลกทัศน์อันคับแคบเหมือนสระน้ำเล็ก ๆ) แล้วหลงภูมิใจว่าตนมีความรู้มากหรือมีโลกทัศน์อันกว้างขวาง โดยหารู้ไม่ว่า นอกเหนือจากกรอบความรู้ของตัวเองแล้ว ยังมีโลกอันกว้างใหญ่อยู่ข้างนอก (ชเลไกล-กลางสมุทร)

    ซึ่งบ่อยครั้งความทะนงตนหรืออัตตาเช่นนี้นำมาซึ่งความสมเพชเวทนาของคนที่เห็นโลกมามากกว่า มีประสบการณ์สูงกว่า จนต้องมีการเปรียบเทียบคนที่มีความคิดแคบ ๆ เช่นนี้ว่า เหมือน "กบในกะลาครอบ"

    เป็นการนำธรรมชาติของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำมาเปรียบเทียบกับนิสัยของมนุษย์ที่คมคายอย่างยิ่ง

    ที่จริงแล้วกบไม่ได้มีความผิดอะไร มันเพียงแต่ดำรงชีวิตไปตามวิถีของมัน มันจะรู้จักแค่น้ำบ่อน้อยก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน

    แต่มนุษย์มีสิ่งท้าทายในชีวิตมากกว่ากบ และมนุษย์ไม่ควรถูกจำกัดด้วยกะลาแคบ ๆ เพราะเรามีศักยภาพที่จะเรียนรู้ได้มากมายนัก

    ในโลกของนักเขียนนั้น ฉันเชื่อว่านักเขียนทุกคนต่างก็ต้องการจะมีมุมมองแบบ "ชเลไล-กลางสมุทร" ด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครอยากได้ชื่อว่าเป็นกบในกะลาครอบ แม้ในงานเขียนที่เจาะลึกในประเด็นที่เล็กที่สุด ก็ยังต้องการความรู้ที่แตกฉานในประเด็นนั้น ความรู้นี้อาจจะมาจากการศึกษาเล่าเรียน จากประสบการณ์ชีวิต และจากการสังเกตอย่างคมคายของนักเขียน

    แต่เรารู้แน่หรือว่า สิ่งที่เราเชื่อว่าเป็นมหาสมุทร (วิธีคิด ความรู้ ข้อมูล การนำเสนอ) นั้นไม่ใช่แค่น้ำในบ่อน้อย? ไม่ใช่การสะท้อนในลักษณะของกบในกะลา?

    เราจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อได้ฟังเสียงสะท้อนจากผู้อื่น ได้รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง และรู้จักเปิดกว้างทางความคิด รู้จักศึกษาค้นคว้า

    การจะเปิดกว้างได้ต้องใช้ความถ่อมตนอย่างยิ่ง ถ่อมตนว่าเราไม่ได้รู้ไปเสียทั้งหมด ไม่ได้เก่งอยู่คนเดียว ไม่ได้ถูกอยู่คนเดียว และยินดีรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างด้วยใจเบิกบาน

    การจะแง้มกะลาออกมาสู่ชเลไกลนั้นก็ต้องการความกล้าหาญอย่างยิ่ง เหมือนกับการก้าวออกจากโลกที่เคยชิน อบอุ่น ปลอดภัยของบ่อน้อยมาเจอกับสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นเคย ที่ไม่รู้จัก

    นักเขียนจะเรียนรู้ปรับปรุงงานเขียนของตัวเองได้หลายวิธี-หลายเส้นทาง สำหรับฉันเห็นว่ามีสองเส้นทางที่สำคัญแห่งการเรียนรู้ (ในหลาย ๆ เส้นทางที่เป็นไปได้)

    ประการแรกคือ ตัวนักเขียนเองว่ามองเห็นผลงานของเองเช่นไร และรู้จักตัวเองดีแค่ไหน คือ การรู้จากภายใน

    ประการที่สอง คือ เสียงสะท้อนที่นักเขียนได้รับจากครูอาจารย์ เพื่อนนักเขียน และนักอ่าน คือ การรู้จากภายนอก

    การเรียนรู้จากภายในต้องการความจริงใจและความเคารพตัวเองของนักเขียน ส่วนการเรียนรู้จากภายนอกต้องการความถ่อมตนและศิลปะในการรับฟังอย่างไม่เข้าข้างตัวเอง

    การมีความรู้เพียงแค่น้ำบ่อน้อยไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจในตัวของมันเอง แต่การปฏิเสธว่าไม่มีทะเลไกล-กลางสมุทรและไม่ยอมเรียนรู้ต่างหากที่ส่อให้เห็นว่านั่นคือ "กบในกะลา" และอาจบั่นทอนความก้าวหน้าของนักเขียน

    วันนี้ ฉันเห็นท่าจะต้องลองแง้มกะลาของตัวเองออกไปดูโลกภายนอกเสียบ้าง

    ภาพประกอบ "Frog Peeking From Pond" โดย Ariel Matzuk

    บรรณาธิการรจนา

    จากใจ..บรรณาธิการ,
    ๐๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“สมเด็จพระสังฆราช” ประทานพระโอวาทวันวิสาขบูชา
    Quality of Life - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>28 พฤษภาคม 2553 11:18 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=354 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=354>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> “สมเด็จพระสังฆราช” ประทานพระโอวาท เนื่องในวันวิสาขบูชา เราทั้งหลายควรทำการบูชาและน้อมรำลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ เพื่อน้อมนำมาเป็นที่พึ่งของตน เป็นแนวทางในการปฏิบัติดำเนินชีวิต เพื่อความสวัสดีและความสงบร่มเย็นแก่เพื่อนร่วมโลกสืบไป

    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระโอวาท เนื่องในวันวิสาขบูชา พุทธศักราช 2553

    “วันวิสาขบูชา เป็นวันที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เพราะเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน พระองค์ทรงเป็นพระบรมศาสดาผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระคุณอันประเสริฐ 3 ประการ คือ พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณต่อทวยเทพ มวลมนุษย์ และสรรพสัตว์ เนื่องด้วยพระพุทธศาสนามีคุณูประการอันใหญ่หลวง ซึ่งอำนวยประโยชน์เกื้อกูลความเจริญรุ่งเรือง และความสงบร่มเย็นแก่นานาอารยชนมาตลอดระยะเวลากว่า 2500 ปี เมื่อวันวิสาขบูชามาถึง ควรที่เราทั้งหลายจะได้ทำการบูชาและน้อมรำลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมทั้งพระธรรม และพระอริยสงฆ์ เพื่อน้อมนำมาเป็นที่พึ่งของตน เป็นแนวทางในการปฏิบัติดำเนินชีวิต เพื่อความสวัสดีและความสงบร่มเย็นแก่เพื่อนร่วมโลกสืบไปขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และบุญกุศล อำนวยให้ท่านเจริญด้วยสุขสิริสวัสดิ์พิพัฒนชัยมงคลตลอดไปโดยทั่วกัน”
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431

    [​IMG]

    สวัสดีเช้าวันเสาร์ครับ... เมื่อคืนไปเวียนเทียนที่ไหนกันมาครับ ?

    สำหรับกิจกรรมวันวิสาขบูชา(เมื่อวาน)ของผมมีดังนี้

    วัดแรกที่วัดถ้ำอินทนิล ราวหกโมงเย็น ทำบุญ...ดังนี้
    1. พระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
    2. พระธาตุพระมหากัสสปะมหาเถระเจ้า
    3. พระสรีรังคารหลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า
    4. พระบูชาหลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า ขนาด 9 นิ้ว
    5. พระพิมพ์วังหน้า - ปัจจัย
    ผมคุยกะท่านเจ้าอาวาส เรื่องการขอถวายกล่องแสตนเลสบรรจุพระพิมพ์,พระบูชา เพื่อการบรรจุกรุ ท่านรับปากว่าสามารถถวายได้ จักทำการบรรจุกรุให้หลังจากที่มีการสร้างพระเจดีย์โดยเรียบร้อยแล้ว
    ในความเห็นผมที่วัดนี้เหมาะสมดีมากครับ

    วัดที่สองที่วัดตรีรัตนาราม (เจ้าคณะจังหวัด) - ราว 2 ทุ่ม เวียนเทียน ทำบุญ..ดังนี้
    1. พระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
    2. พระบูชาศิลปะอู่ทอง ขนาด 9 นิ้ว
    3. พระพิมพ์วังหน้า - ปัจจัย

    โมทนาสาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1140667.jpg
      P1140667.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.4 KB
      เปิดดู:
      416
    • P1140668.jpg
      P1140668.jpg
      ขนาดไฟล์:
      85.7 KB
      เปิดดู:
      66
    • P1140669.JPG
      P1140669.JPG
      ขนาดไฟล์:
      85.1 KB
      เปิดดู:
      65
    • P1140673.JPG
      P1140673.JPG
      ขนาดไฟล์:
      75.7 KB
      เปิดดู:
      71
    • P1140702.JPG
      P1140702.JPG
      ขนาดไฟล์:
      92.9 KB
      เปิดดู:
      70
    • P1140704.JPG
      P1140704.JPG
      ขนาดไฟล์:
      98.2 KB
      เปิดดู:
      77
    • P1140706.JPG
      P1140706.JPG
      ขนาดไฟล์:
      66.1 KB
      เปิดดู:
      79
    • P1140710.JPG
      P1140710.JPG
      ขนาดไฟล์:
      67.3 KB
      เปิดดู:
      81
    • P1140714.JPG
      P1140714.JPG
      ขนาดไฟล์:
      103.8 KB
      เปิดดู:
      76
    • P1140718.jpg
      P1140718.jpg
      ขนาดไฟล์:
      115.3 KB
      เปิดดู:
      408
    • P1140720.jpg
      P1140720.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.2 KB
      เปิดดู:
      77
    • P1140657.jpg
      P1140657.jpg
      ขนาดไฟล์:
      103.7 KB
      เปิดดู:
      606
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2010
  9. พรสว่าง_2008

    พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    _/|\_

    .....โมทนาสาธุทุกประการครับ......
     
  10. พรสว่าง_2008

    พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    _/|\_


    โมทนาสาธุทุกประการครับ
     
  11. พรสว่าง_2008

    พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    _/|\_

    ...โมทนาสาธุครับ....
     
  12. พรสว่าง_2008

    พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    ...เมื่อคืนนี้ พาครอบครัวไปทำวัตรเย็น และเวียนเทียนที่วัดป่าภูผาผึ้ง(หลวงปู่อ้ม) เอาบุญมาฝากทุกๆ ท่านครับ...โมทนาสาธุครับ...
     
  13. jirautes

    jirautes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +575
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ psombat
    สำหรับกิจกรรมวันวิสาขบูชา(เมื่อวาน)ของผมมีดังนี้


    วัดแรกที่วัดถ้ำอินทนิล ราวหกโมงเย็น ทำบุญ...ดังนี้
    1. พระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
    2. พระธาตุพระมหากัสสปะมหาเถระเจ้า
    3. พระสรีรังคารหลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า
    4. พระบูชาหลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า ขนาด 9 นิ้ว
    5. พระพิมพ์วังหน้า - ปัจจัย
    ผมคุยกะท่านเจ้าอาวาส เรื่องการขอถวายกล่องแสตนเลสบรรจุพระพิมพ์,พระบูชา เพื่อการบรรจุกรุ ท่านรับปากว่าสามารถถวายได้ จักทำการบรรจุกรุให้หลังจากที่มีการสร้างพระเจดีย์โดยเรียบร้อยแล้ว
    ในความเห็นผมที่วัดนี้เหมาะสมดีมากครับ

    วัดที่สองที่วัดตรีรัตนาราม (เจ้าคณะจังหวัด) - ราว 2 ทุ่ม เวียนเทียน ทำบุญ..ดังนี้
    1. พระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
    2. พระบูชาศิลปะอู่ทอง ขนาด 9 นิ้ว
    3. พระพิมพ์วังหน้า - ปัจจัย

    :cool:โมทนาสาธุทุกประการครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พี่เปี๊ยกครับ

    คราวหน้า กระซิบกันก็ได้นะครับ

    ครั้งนี้ ผมว่า เต็มพิกัดสำหรับพี่แน่นอน อิอิ

    แต่ผม เหนื่อยจริงๆ เหอๆๆๆ

    หากท่านใดอยากทราบเรื่อง หลังไมค์ครับ ผมไม่ออกอากาศ เดี๋ยวมีซ้ำรอย หุหุหุ


    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    วันพรุ่งนี้ ถึงเวลาที่ต้องมานั่งคัดแยกพิมพ์ที่อยู่ในชุด 2408 (ฝีพระหัตถ์พระปิ่นเกล้า) (ที่เนื้อองค์พระผสมพระธาตุ , น้ำประสาน)

    ซึ่งปกติพิมพ์2408 (ฝีพระหัตถ์พระปิ่นเกล้า) ในชุดนี้ จะมี 8 พิมพ์ และยังมีพระสมเด็จ , พระรอด , ซุ้มกอ , นางพญา และ ผงสุพรรณ

    ชุดนี้ เนื้อหาของพระชุดนี้ ผมยอมรับว่า สวยมากครับ

    ผมคิดว่า จะนำไปแจกสำหรับท่านที่ไปในงานบุญของกองทุนหาพระถวายวัดสำหรับเดือนมิถุนายน 2553 (ครั้งแรก) นี้ ผมจะแจกท่านละ 1 องค์

    ส่วนงานบุญของกองทุนหาพระถวายวัดสำหรับเดือนมิถุนายน 2553 (ครั้งที่สอง) ผมจะหาพิมพ์อื่นมามอบให้ครับ

    แต่สำหรับท่านที่อยู่ไกล เช่น คุณพรสว่าง_2008 , คุณtawatd , คุณpsombat , คุณณฑนน เป็นต้น ผมตั้งใจจะเตรียมชุด 2408 มามอบให้ทั้งชุด เนื่องจากว่า ทุกๆท่านที่ผมเอ่ยนามมานี้ เป็นผู้ที่ตั้งใจมากกว่าท่านอื่นๆที่อยู่ในกรุงเทพฯ หรือ ปริมณฑล เพราะต้องเดินทางไกล ต้องมีกำลังใจที่มากครับ


    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    มาแจ้งเรื่องที่จัดชุดครับ

    สำหรับพิมพ์ 2408 (ชุด 8 พิมพ์) เท่าที่ตรวจสอบดู ปรากฎว่า มีเพียง 4 พิมพ์ ซึ่งผมจะจัดชุดให้สำหรับท่านที่อยู่ไกล และมาร่วมในงานบุญของกองทุนหาพระถวายวัด ตามนี้
    1.คุณpsombat
    2.คุณพรสว่าง_2008
    3.คุณtawatd
    4.คุณjirautes
    5.คุณnarin96

    ทั้ง 5 ท่านผมจะเตรียมให้พิมพ์ละ 1 องค์ จำนวน 4 องค์
    ส่วนท่านที่มาร่วมงานผมจะทยอยแจกให้ครั้งละ 1 องค์ครับ


    ส่วนพิมพ์อื่นมีดังนี้
    1.พิมพ์แหวกม่าน
    2.พิมพ์ประทานพร
    3.พิมพ์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี

    4.พิมพ์ซุ้มกอ
    5.พิมพ์พระรอด
    6.พิมพ์นางพญา
    7.พิมพ์ผงสุพรรณ

    ทั้ง 7 พิมพ์นี้ บางส่วนผมจะมอบให้กับสมาชิกกองทุนหาพระถวายวัด , สมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า และ สมาชิกคณะพระวังหน้า ที่ร่วมทำบุญ 1,000 บาท ร่วมทำบุญกับกองทุนหาพระถวายวัดครับ

    .

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2010
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ฟุตบอลโลกหน 3 ในชีวิต และความสัมพันธ์ "เกาหลีใต้-เกาหลีเหนือ" จากมุมมองของ "พาร์ค จี ซอง"

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    ภาพจากเอพี

    [​IMG]


    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>เมื่อปี ค.ศ.2002 "พาร์ค จี ซอง" คือนักเตะดาวรุ่งวัยหนุ่มที่ซัดประตูชัยเหนือทีมชาติโปรตุเกส จนส่งผลให้ทีมเจ้าภาพร่วมอย่าง "เกาหลีใต้" สามารถฉลุยเข้ารอบสองในการแข่งขันฟุตบอลโลกได้สำเร็จ ก่อนที่ทีมโสมขาวจะจบทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวด้วยอันดับ 4 ซึ่งถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดเท่าที่ชาติจากเอเชียเคยทำได้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก

    ปัจจุบัน พาร์ค มีสถานะเป็นทั้งกัปตันทีม ที่ปรึกษา และผู้เล่นที่ดีที่สุดของทีมชาติเกาหลีใต้ชุดลุยศึกฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้ ขณะที่สถานีโทรทัศน์ของประเทศญี่ปุ่นก็ระบุว่า เขาคือผู้เล่นหมายเลขหนึ่งของทวีปเอเชีย

    เมื่อได้ไปโลดแล่นอยู่กับสโมสรฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกสโมสรหนึ่งอย่าง "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" พาร์คก็ยิ่งมีชื่อเสียงและต้องแบกรับความกดดันมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เขากลับก้าวข้ามกับสิ่งเหล่านั้นได้ไม่ยากนักด้วยความเห็นที่ว่า "แน่นอน ผมเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ผู้รู้สึกกดดันกับทุกความคาดหวังที่มีต่อตัวผม แต่ผมก็รู้สึกมีความสุข เพราะเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ผมต้องการจะเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ ครั้นมาถึงปัจจุบัน ทุกคนก็คาดหวังให้ผมทำในสิ่งที่ดีกว่านั้น ด้วยเหตุนี้ ผมจึงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก"

    ขณะที่พาร์คกำลังเตรียมตัวลงแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่สามในชีวิต เกาหลีใต้ก็กำลังมีปัญหาทางการเมืองกับเกาหลีเหนือ

    ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชียรอบสิบทีมสุดท้าย พาร์คสามารถยิงประตูทีมชาติอิหร่าน ส่งผลให้เพื่อนร่วมกลุ่มอย่างเกาหลีเหนือต้องการเพียงแค่ยันเสมอกับซาอุดิอาระเบียเท่านั้น ก็จะได้ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เมื่อเกาหลีเหนือทำสำเร็จ ผู้เล่นของทีมโสมแดงบางคนจึงได้กล่าวคำขอบคุณต่อกัปตันทีมชาติเกาหลีใต้ ผู้มีนามว่า พาร์ค จี ซอง

    พาร์คแสดงความเห็นว่า เขารู้สึกดีใจที่พบว่าฟุตบอลสามารถสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวระหว่างเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสภาวะปัจจุบัน ที่ทั้งสองประเทศกำลังขัดแย้งกันอย่างหนัก เพราะเกาหลีใต้เชื่อว่าเกาหลีเหนือมีส่วนในการทำลายเรือรบของตนเอง ส่งผลให้มีลูกเรือเสียชีวิตถึง 46 ราย

    แม้นี่จะเป็นช่วงเวลาแห่งความระหองระแหง แต่กัปตันทีมชาติเกาหลีใต้กลับมองโลกในแง่ดีว่า ในขณะเดียวกัน ชาวเกาหลีใต้ก็มีความภาคภูมิใจอย่างแท้จริง ที่จะได้เห็นสองทีมจากคาบสมุทรเกาหลีไปร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกพร้อมกัน นอกจากนั้น ยังเป็นเรื่องที่น่าติดตามว่าเกาหลีเหนือจะสามารถต่อกรกับเพื่อนร่วม "กลุ่มแห่งความตาย" อย่างบราซิล ไอวอรี่โคสต์ และโปรตุเกส ได้ดีเพียงใด

    "มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ผมจะดูเกาหลีเหนือลงแข่งทุกนัด คนเกาหลีเหนือและคนเกาหลีใต้พูดจาภาษาเดียวกัน และแท้จริงแล้วเราก็มาจากประเทศเดียวกัน นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองทีมมีโอกาสได้ลงแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายพร้อมกัน เกาหลีเหนือต้องอยู่ในกลุ่มที่หินมาก ๆ อย่างไรก็ตาม พวกเขาเองก็เป็นทีมที่แข็งแกร่งเช่นกัน จนยากที่จะมีใครสามารถเอาชนะหรือยิงประตูพวกเขาได้ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย ผมต้องการดูว่าเกาหลีเหนือจะรับมือกับยอดทีมระดับโลกได้ดีเพียงใด" นักเตะเกาหลีใต้ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงทรรศนะ

    "ทุกคนล้วนคิดตรงกันว่าเกาหลีเหนือจะไม่สามารถผ่านเข้ารอบสองในการแข่งขันฟุตบอลโลกหนนี้ แต่พวกเขาสามารถเป็นตัวแปรสำคัญของกลุ่มแห่งความตายได้ เพราะผมเชื่อว่าเกาหลีเหนือจะไม่แพ้สามนัดรวด บางทีพวกเขาอาจเก็บคะแนนมาได้สักหนึ่งแต้มหรือมากกว่านั้น ซึ่งจะส่งผลให้ยอดทีมระดับโลกที่อยู่ร่วมกลุ่มกับพวกเขาต้องเผชิญงานหนักยิ่งขึ้นกว่าจะสามารถผ่านเข้ารอบสองได้" พาร์ค วิเคราะห์

    แม้ความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างสองประเทศแห่งคาบสมุทรเกาหลีจะยังคงย่ำแย่ แต่ก็มีความพยายามจะฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศผ่านทางกีฬาฟุตบอล ประธานคณะทำงานเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี ค.ศ.2022 ของเกาหลีใต้ ระบุว่าหากประเทศของตนได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งดังกล่าวจริง ก็จะมีการโยกโปรแกรมการแข่งขันบางนัดไปที่กรุงเปียงยาง นครหลวงของเกาหลีเหนือ ซึ่งนักฟุตบอลที่ดีที่สุดของทีมโสมขาวในยุคปัจจุบันมีความเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง

    "ฟุตบอลสามารถสร้างสรรค์บางสิ่งบางอย่างได้มากกว่าที่พวกเราคาดคิด และบางทีเรากับเกาหลีเหนืออาจใกล้ชิดกันมากขึ้นผ่านการร่วมเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ฟุตบอลสามารถนำไปสู่สิ่งที่แตกต่าง กีฬาชนิดนี้สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ทั่วโลก ผมหวังว่าฟุตบอลจะสามารถสร้างสรรค์บางสิ่งบางอย่างให้แก่เกาหลีได้" กัปตันทีมชาติเกาหลีใต้ เปิดเผยถึงความคาดหวังของตนเอง

    ที่มา Matichon Online: ˹ѧ
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วิธีลดความเครียด

    สำหรับใครที่กำลังเครียดกับปัญหาต่างๆ วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีลดความเครียดด้วยตัวเองมาบอก

    -คิดอย่างมีเหตุผล
    ไม่ด่วนเชื่อหรือสรุปอะไรง่ายๆ ให้พยายามใช้เหตุและผลตรวจสอบข้อเท็จจริง และไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อน

    -คิดหลายๆแง่มุม คือ การมองหลายๆด้าน เพราะทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสียประกอบกันทั้งสิ้น จึงไม่ควรมองด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียว

    -คิดในแง่ยืดหยุ่น คือ อย่าเป็นจริงเป็นจัง และตัดสินถูกผิดตัวเองหรือผู้อื่นตลอดเวล ลด ควรรู้จักการให้อภัยซึ่งกันและกัน ก็จะทำให้ชีวิตมีความสุขขึ้นและความเครียดก็จะน้อยลง

    -คิดแต่เรื่องดีๆ เพราะหากคิดแต่เรื่องร้ายๆ อย่างเช่น ความล้มเหลว ผิดหวัง ก็จะทำให้เครียดมากขึ้น

    -คิดถึงคนอื่น อย่าหมกมุ่นแต่เรื่องของตัวเองเพียงอย่างเดียว ลองเปิดใจให้กว้างรับรู้ความรู้สึกและความเป็นไปของคนอื่นและคนใกล้ชิดบ้าง

    เพียงเท่านี้ ความเครียดก็จะค่อยๆลดลง.


    .
    ที่มา เดลินิวส์
    Daily News Online > โทรโข่ง > หน้าเกร็ดความรู้ > วิธีลดความเครียด
    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    11ข้อ-มติปฏิญญากรุงเทพฯ ส่งท้ายประชุมพุทธนานาชาติ



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>การประชุมวิสาขบูชาโลก พ.ศ.2553 ได้เสร็จสิ้นลงไปแล้วอย่างสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 ถือเป็นโอกาสสำคัญอีกครั้งที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมวิสาขบูชาโลก จนเป็นที่ยอมรับของชาวพุทธทั่วโลก

    พิธีเปิดการประชุม เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2553 ณ ห้องประชุม มวก.48 พรรษามหาวชิราลงกรณ์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จ.พระนครศรีอยุธยา

    ภายใต้หัวข้อ "การฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ของโลก ตามทัศนะชาวพุทธ" มีผู้นำชาวพุทธจากนานาชาติเข้าร่วมงาน 83 ประเทศ จำนวน 1,700 รูป/คน

    สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กล่าวสัมโมทนียกถาต้อนรับผู้นำชาวพุทธนานาชาติ ว่า การมีผู้เข้าร่วมประชุมตั้งแต่ระดับสมเด็จพระสังฆราช ประมุขสงฆ์ มหาเถระ นักปราชญ์ ซึ่งเป็นที่นับถือของแต่ละประเทศ เป็นการแสดงให้เห็นว่า ชาวพุทธมีความสามัคคี ทั้งนี้ การที่มีระดับผู้นำชาวพุทธมาร่วมเป็นจำนวนมาก ถือเป็นมหาสมาคมจะส่งผลให้เกิดเป็นมหากุศลอย่างยิ่ง

    จากนั้น เวลา 14.00 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทรงเปิดการประชุมชาวพุทธนานาชาติ เนื่องในวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ประจำปี 2553 <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชดำรัสใจความตอนหนึ่ง ว่า "พระพุทธศาสนานั้นมีลักษณะพิเศษ ในประการที่อาศัยเหตุและผลอันเที่ยงแท้ตามเป็นจริงเป็นพื้นฐาน แสดงคำสอนที่บุคคลสามารถใช้ปัญญาไตร่ตรอง และหยิบยกขึ้นปฏิบัติ เพื่อความสุข ความเจริญ และความบริสุทธิ์ได้ตามวิสัยของตน ท่านทั้งหลายผู้ตั้งใจอุทิศแรงกายแรงใจของตนเพื่อพระพุทธศาสนา จึงชอบที่จะเผยแผ่พุทธธรรมโดยยึดหลักของเหตุผล แนะนำส่งเสริมให้บุคคลใช้ปัญญาพิจารณาปัญหา และสิ่งดีชั่วต่างๆ ให้รู้ให้เห็นตามทาง และวิธีที่ถูกต้องด้วยตัวเขาเอง เมื่อบุคคลรู้จักเหตุรู้จักผล สามารถใช้ปัญญาพิจารณาเรื่องทั้งปวงได้ด้วยตนเอง ย่อมจะเกิดศรัทธาความเชื่อในพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง มีความเข้าใจในพุทธธรรมอย่างกระจ่าง และปฏิบัติตามหลักธรรมได้โดยถูกถ้วน"

    วันที่ 25 พ.ค. ที่ศูนย์การประชุมองค์การสหประชาชาติ เป็นพิธีปิดการประชุมชาวพุทธนานาชาติ เนื่องในวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลโลก ประจำปี 2553 โดยมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานปิดการประชุม <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    จากนั้น พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย แถลงถึงผลการประชุมในครั้งนี้ว่า ที่ประชุมได้มีมติออกปฏิญญากรุงเทพฯ ดังนี้

    1.เน้นความพยายามที่จะฟื้นฟูศีลธรรมในจิตใจของมนุษย์ โดยอาศัยกฎธรรมชาติของการอยู่ร่วมกัน ที่จะช่วยให้การฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ของโลกเป็นไปอย่างยั่งยืน

    2.ขอสนับสนุนประ ชาคมโลกส่งเสริมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ขอเรียกร้องให้ผู้นำทางศาสนาและผู้นำทางการเมืองทั่วโลก จัดให้มีการเจรจาพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด และการกระทบกระทั่ง ระหว่างวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน

    3.พัฒนากระบวนการแก้ปัญหาอย่างสันติ ที่ตั้งอยู่บนทางสายกลาง อาศัยการสื่อสารอย่างอดทน การเข้ามามีส่วนร่วม และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

    4.ส่งเสริมสุขภาวะทางด้านจิตใจและอารมณ์ และการพัฒนาทางด้านจิตใจของมวลมนุษยชาติ โดยอาศัยหลักจริยธรรมทางด้านศีลธรรม การปฏิบัติกรรมฐาน รวมทั้งย้ำให้เห็นว่าภาวะของจิตใจที่เห็นแก่ตัวเป็นอันตรายต่อสังคม และให้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมในวงกว้าง

    5.ใช้เรื่องพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องมือช่วยบรรเทาผลกระทบวิกฤตการณ์เศรษฐกิจโลก ทั้งในระดับบุคคลและระดับชุมชน

    6.ส่งเสริมการตระหนักรู้ความเชื่อมโยงกันระหว่างพระพุทธศาสนา นิเวศวิทยา และทัศนคติที่ดีต่อธรรมชาติ อีกทั้งมีการลงนามสร้างเครือข่าย "พุทธนิเวศ"

    7.จัดสร้างพุทธอุทยานโลก โดยใช้กองทุนพุทธอุทยานโลก ที่จังหวัดปราจีนบุรี ประเทศไทย

    8.ส่งเสริมให้สาธารณชนเข้าใจหลักธรรมทางพระพุทธศาสนายิ่งขึ้น โดยใช้พระไตรปิฎกฉบับสากล

    9.สนับสนุนโครงการอิเล็กทรอนิกส์จัดสร้างตำราทางพระพุทธศาสนานานาชาติ

    10.จัดประชุมสมาคมมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนานานาชาติ ครั้งที่ 2 ในเดือนธันวาคม 2554 ณ มหาจุฬาฯ

    11.จัดงานวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ประจำปี 2554 ณ มจร. อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา และศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร และพุทธมณฑล จ.นครปฐม ประเทศไทย เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2554

    ปิดฉากการประชุมอย่างสมบูรณ์


    .
    ที่มา ข่าวสด
    .
    ˹ѧ

    http://www.khaosod.co.th/view_news....ionid=TURNd053PT0=&day=TWpBeE1DMHdOUzB6TUE9PQ==
     

แชร์หน้านี้

Loading...