ชมรมนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์

พี่ภราดรภาพค่ะ ว่างหรือเปล่า หนูอยากปรึษาเรื่อง บายศรี รับท่านประธาน น่ะค่ะ

ขอบคุณ ล่วงหน้า ค่ะ

 

โทรมาปรึกษาได้ครับ 081 808 6695
หากเกินความสามารถจะแจ้งให้ผู้รู้เฉพาะด้านเป็นคนตอบชี้แนะครับ

 

ขอบคุณค่ะ สะดวกเมื่อไหร่ เด๋ว จะโทรค่ะ

 

หลังจากโทรคุยกันแล้ว ถ้าวันที่ 12 ไม่ติดงานที่ Office จะไป Jam นะเจ้าค่ะ
อยากไปเจอเพื่อนๆๆ เหมือนกัน

เพิ่งกลับจากบวช 3 วันเมื่อวันวิสาขบูชา ได้แต่สมาหลับแทนที่จะเปนสมาบัติแต่ก็หนุกดี
นั่งสมาธิทีไรไม่ค่อยมีคนอื่นมานั่งข้างๆ ซ้ายขวาก็ว่างคิดแล้วก็เหงาจาย..เลยอุตริบอกว่า..เอาที่ว่าง 2 ข้างนะ มานั่งเปนเพื่อนกันหน่อยเน้อ

พอดีท่านผู้การนั่งหน้าสุดก็เดินมาเล่าให้ฟังเหมือนกันว่าตอนนั่งนะมีใครไม่รู้นับปะคำข้างๆๆ แปลกดี...เชื่อปะ...เราก็ตอบไปว่าเชื่อดิ ของเรานั่งประกบ 2 ข้างเยย..กลัวเหมือนกันแต่เราเปนคนเรียกเองโดยไม่เอ่ยชื่อ...ใครก็ได้อะนะก็ต้องทามใจ...ก็อยากเรียกเองใครก็ได้..สยองดี..เหอ..เหอ...

 

ยินดีมากครับ องค์หญิง กว่าจะเสด็จเยื้องกายมาได้นิ
ต้องจุดธูปเรียกไม่รู้กี่สิบครั้ง
555+

 

สวัสดีค่ะคุณภารดรภาพ ไม่ทราบว่ามี MSN ไหมค่ะ จะขอติดต่อทางนี้นะค่ะ

 

ติดต่อเบอร์ 081 -808 6695 เพราะการสนทนาจะทำให้ได้รับรู้พลังบารมีของคุณด้วยนะครับ

 

ท่านภราดรภาพพอจะทราบไหมว่าสัตว์แต่ละชนิดเปนบริวารของใคร?
ผึ้งหลวง, นก, จิ้งจก,งู และ หนู

 

สัตว์บริวารใครจ๊ะ มีแต่พาหนะหรือสัตว์มงคลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จริงๆ แล้วไม่ใช่เป็นสัตว์ครับ แต่เป็นเทวบุตร เทวดา จำแลง เพื่อมารับใช้พระองค์ เช่น

หนู เทวบุตร-เทวดา-จำแลง แห่งองค์พระพิฆเนศ มีพระนามว่า มุสิกะ
งูใหญ่ (นาค) เทวบุตร-เทวดา-จำแลง แห่งองค์พระนารายณ์ มีพระนามว่า อนันตราชา
งูใหญ่ (นาค) เทวบุตร-เทวดา-จำแลง แห่งองค์พระพุทธเจ้า มีพระนามว่า มุจลินทร์
จรเข้ เทวบุตร-เทวดา-จำแลง แห่งองค์พระแม่คงคา มีพระนามว่า -
หงส์ เทวบุตร-เทวดา-จำแลง แห่งองค์พระพรหม มีพระนามว่า -
นกยูง เทวบุตร-เทวดา-จำแลง แห่งองค์พระสกันธะ มีพระนามว่า -
โค เทวบุตร-เทวดา-จำแลง แห่งองค์พระอิศวร มีพระนามว่า นนทิ
สิงโต เทวบุตร-เทวดา-จำแลง แห่งองค์พระแม่อุมา มีพระนามว่า -
เสือ เทวบุตร-เทวดา-จำแลง แห่งองค์พระแม่ทุรคา มีพระนามว่า -

สำหรับ ผึ้ง จิ้งจง ตุ๊กแก อันนี้ไม่ทราบจ๊ะ
ส่วนพระนาม ที่ยังไม่ได้ระบุพระนาม หากใครทราบ ก็ช่วยหาให้หน่อยครับ

 

ร่างทรง ญาณแฝง คนมีองค์ มีจริงไหม?

ยืนยันได้ครับ ว่ามีจริง แต่จะจริงเท็จแบบไหนอีกเรื่องหนึ่ง ร่างทรงที่ดี ปฏิบัติดี มีคุณธรรม ไม่หวังลาภสักการะ ไม่หวังศรัทธา ก็มี เพียงแต่จะได้พบสักกี่คนที่เป็นอย่างนี้ นับรายได้เลยว่ามีน้อยๆ มากๆ อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรด่วนสรุป โดยที่ไม่รู้จริงหรือไม่มีประสบการณ์กับเรื่องอย่างนี้เลย


หลายครั้งหลายคราที่นักปฏิบัติธรรมต้องประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะคนมีองค์ที่เริ่มมาจับร่างใหม่ๆ เพราะร่างไม่ทราบและไม่ล่วงรู้เลยว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับตน คนที่มีองค์จับจะมีอาการแปลกๆ ที่สามารถรับรู้ได้ เช่น

- มีอาการวูบวาบทางร่างกายเวลาผ่านศาสนสถาน
- มีอาการจิตเหม่ลอย เบลอๆ ทั้งวัน
- มีอาการพูดคนเดียว หรือพูดภาษาแปลกๆ ที่ไม่คุ้นเคย
- มีอาการเจ็บป่วย โดยไม่ทราบสาเหตุ แม้ทางการแพทย์ก็ไม่สามารถวินิจฉัยได้


บางคนนั่งสมาธิเกิดอาการร่ายรำหรือโยกหรือแสดงอัตลักษณ์โดยไม่รู้ตัว จนสร้างความแตกตื่นให้แก่ญาติธรรม ทำให้เป็นที่ติเตียนจนไม่กล้าที่จะปฏิบัติธรรมต่อไป


สิ่งเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่สร้างความกังขาและความสับสนให้กับผู้ปฏิบัติทั้งสิ้น แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี ปฏิบัติอย่างไรดี แล้วจะไปหาผู้รู้หรือผู้ที่สามารถให้ความกระจ่างแก่ตนเองได้ บางคนไปหาพระหาเจ้า หาตำนักร่างทรง เพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริง แม้จะทำทุกวิถีทางก็ยังไม่สามารถค้นพบความจริงได้ อันนี้ ก็แล้วแต่วาสนาแต่ละคน


จากเหตุปัจจัยข้างต้น ทำให้ข้าพเจ้าพยามยามที่จะสื่อสารและช่วยเหลือคนเหล่านี้ ให้เข้าใจถึงสภาวะที่เกิดขึ้น นำพาให้พวกเขาเหล่านี้เข้าสู่วิถีการปฏิบัติธรรมที่เหมาะสมตามกับจริตตนเอง โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ขอเพียงแต่ให้เขาเหล่านี้เป็นคนดีในครอบครัวและสังคม


สำหรับคนใดที่ต้องการสนทนาหรือสอบถามเรื่องนี้ หรือมีอาการที่กล่าวมาตามข้างต้น แต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ ผมยินที่จะช่วยเหลือเยียวยาให้ตามกำลังบารมีตนเอง ก็ขอให้ติดต่อ 081 - 808 6695


ก็ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมมากยิ่งๆ ขึ้น

 

พูดภาษาที่ไม่เข้าใจประโยคหนึ่ง แล้วเป็นภาษาไทยประโยคหนึ่ง เป็นอาการอะไรหรือ ขอความอนุเคราะห์ช่วยชี้แนะด้วยครับ

 

ภาษาบ่งบอกอัตลักษณ์อย่างหนึ่ง สำหรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เราเรียกกันว่า ภาษาเทพเทวัญ ภาษาเหล่านี้ไม่ใช่เป็นภาษาพูดกันมนุษย์โลก เพียงแต่เป็นรากฐานให้กับภาษาพูดและอักขระ ให้มนุษย์สามารถสื่อสารกันได้ โดยมีวิวัฒนาการตามยุดสมัย บ้างก็เรียกภาษานี้ว่า ภาษากูโบ๊ต อันเป็นรากฐานของภาษาเทวะนาคี ที่พระพรหมธาดาเป็นผู้รังสรรค์ (อักษรพราหมี) และเรียบเรียงโดยพระนางสรัสวดี


ภาษาเทพเทวัญ มีทั้งภาษาสายภารตะ ภาษาจีน ภาษายีอิปต์ ภาษาทิเบต บ้างก็แบ่งภาษาออกตามระดับชั้น เช่น ภาษาเทวดา (สวรรค์โลก) ภาษาพรหม (พรหมโลก) ภาษาบาดาล (บาดาลโลก) ภาษาอริยะเจ้า เป็นต้น


อย่างไรก็ตาม ภาษาเหล่านี้เป็นการเพียงการสื่อสารผ่านทางโอษฐ์ที่สามารถรับรู้ได้ผ่านทางจิต โดยจิตจะเป็นตัวรับสัมผัสหรือรับรู้และเข้าใจด้วยจิตเอง แต่เราจะแปลความไม่ได้ เพราะเราไม่ได้ฝึกฝนมาตั้งแต่แรก แต่หากจะเข้าใจได้ ร่างสังขารจะต้องมีสัญญาเดิมหรือเจโตที่สามารถล่วงรู้จิตได้ หรืออธิฐานจิตต่อองค์บารมีให้แปลคำที่เปล่งออกมาเป็นภาษาที่มนุษย์เข้าใจได้ กล่าวคือ พูดเสร็จแปลให้ด้วยนะขอรับ เป็นต้น

บ้างก็พูดปะปนกันระหว่างภาษาเทพกับภาษาไทย บ้างก็กล่าวออกมาเป็นภาษาไทยเลย แต่กว่าภาษาไทยจะคล่องได้ต้องใช้เวลาหน่อย เพราะต้องปรับกายสังขารของร่างให้เข้ากับญาณบารมี


ส่วนใหญ่ที่ต้องพูดภาษานี้ ก้เพราะภาษานี้ภาษาที่ตายแล้ว ไม่ดิ้น ไม่บิดพริ้ว เป็นภาษาที่โกหกไม่เป็น พูดแต่เรื่องจริงๆ ทั้งนั้น หากจับใจความได้ จะฟ้องแหลกว่าร่างไปทำอะไรมาทั้งดีและไม่ดี อีกทั้งเป็นการยืนยันได้ว่า พรหม สวรรค์ นรก บาดาล นั้นมีจริง เพราะหากไม่มีจริงก็คงสนทนาเป็นภาษาเหล่านี้กันไม่ได้แน่นอน แต่น่าแปลกใจว่า ภาษานรกกลับไม่มี เข้าใจว่า ภาษานรก จิตรับรู้ระหว่างนิรบาลและเหล่าอบายภูมิได้ดีอยู่แล้ว ประมาณว่าแค่มองตาก็รู้ว่าให้ทำอะไรบ้าง ขัดขืนไม่ได้


ใครมีความเห็นเพิ่มเติมได้นะครับ

 

9) คุณวิทย์ ขอยืนยันอีกคนด้วยครับกระผม :VO

 

อ้างอิงจาก คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->bhodhithas<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3386928", true); </SCRIPT>

คำตอบที่ยกมาข้างต้นถูกหมดครับ

1. การประทับทรง การลงทรง ของเทพหรือโอปปาติกะผ่านร่างของมนุษย์ มีอยู่จริง แต่ที่พบเห็นกันส่วนมากจะไม่จริง

2. การลงประทับทรง หรือการลงทรง มีด้วยกัน 2 ลักษณะ คือ 1) การลงทรงแบบเต็มองค์ และ 2) การลงทรงแบบแฝง

3. โดยมากจะพบเห็นการลงทรงแบบแฝงเป็นส่วนใหญ่ การลงทรงลักษณะแฝง เจ้าตัวร่างทรงมีสติรู้สึกตัวตลอดเวลา และสามารถแสดงความคิดเห็นของตนเองเจือปนออกมากับองค์เทพ เวลาผ่านไปหากร่างเกิดความละโมภหลงลืมตัว หรือมีเหตุอื่นใดให้กลายเป็นร่างไม่บริสุทธิ์ องค์เทพก็จะไม่มาอีกแต่เจ้าตัวคงทึกทักเอาเองว่ายังมีองค์เทพอยู่ จึงแสดงตนเป็นองค์เทพนั้นๆเสียเอง กลายเป็นร่างทรงปลอมในที่สุด พบเห็นได้บ่อยมาก

4. องค์เทพหรือโอปปาติกะ ที่เข้ามาใช้ร่างของผู้ทรง เมื่อมนุษย์ไม่มีตาทิพย์ยังไม่เข้าถึงฌาณไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่มาประทับร่าง จึงมีบรรดาเทพชั้นผู้น้อย โอปปาติกะ สัมภเวสี ที่พอมีฤทธิ์อยู่บ้่าง แอบอ้างตนเป็นองค์เทพชั้นสูง องค์โน้นองค์นี้อยู่เป็นประจำ เกิดเป็นร่างทรงปลอมแปลงแอบอ้างแทบจะทั้งหมด มีเพียงน้อยมากๆที่เป็นองค์เทพที่กล่าวอ้างจริงๆ

5. การดูลักษณะร่างทรงที่องค์เทพจะเข้ามาใช้ร่าง หากว่าองค์เทพที่มาเป็นองค์เทพชั้นสูงแล้ว จะไม่เรียกร้องเงินทองสิ่งตอบแทนใดๆ เป็นการสร้างบุญสร้างบารมีล้วนๆ และต้องไม่มีอาหารคาวเป็นอันขาด ทั้งนี้ร่างที่เหมาะสมแท้จริงก็ต้องเป็นผู้ประพฤติปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิสวดมนต์ภาวนา ตั้งมั่นในศีลอย่างเหนียวแน่น ไ่ม่ละโมภโลภมาก มีจิตเมตตาสูง ไม่ทานเนื้อสัตว์เป็นปกติในองค์เทพสายมหายาน

เป็นความเข้าใจถูกต้องอย่างยิ่ง ที่ว่าร่างกายมนุษย์เป็นสิ่งสะสมปฏิกูลสกปรก เต็มไปด้วยซากศพสัตว์มากมายที่ประกอบขึ้นมาเป็นอวัยวะส่วนต่างๆ แม้ลมหายใจก็ยังเหม็นสุดทานทน คำพูดคำจาความประพฤติปฏิบัติตนก็ไม่สำรวม แล้วองค์เทพจะมาพิศวาสใช้อาศัยเข้าประทับเป็นร่างทรงได้อย่างไร จะมีก็แต่องค์เทพปลอมสัมภเวสีแอบอ้างเท่านั้น ที่เที่ยวได้หลอกลวงอาศัยร่างมนุษย์ให้ผู้คนหลงไหลเข้าใจผิดเพี้ยนกราบไหว้บูชาอย่างผิดๆ ทั้งนี้ก็เพื่อหวังในลาภสักการะ ทรัพย์สินเงินทอง เครื่องเซ่นของคาว สิ่งมอมเมาต่างๆ

6. บางคนอยากมีองค์มาก บางครั้งทำกิริยาหรือคำพูดแปลกๆเพื่อให้คนเข้าใจว่ามีองค์ บางคนถูกทักว่ามีองค์ก็พลอยหลงดีใจ กลายเป็นเหยื่อให้ต้องไปรับขันธ์ขึ้นครูเสียเงินเสียทองโดยใช่เหตุ ถามหน่อยเถิดว่า มีองค์ เป็นร่างองค์แล้วมีดีอะไร เพราะองค์เทพก็คือองค์เทพ ตัวเราก็คือตัวของเรา เมื่อท่านถอยตัวเราก็ไม่ใช่องค์เทพนั้น ยังต้องวนเวียนว่ายตายเกิดตามแต่ กุศล-อกุศลกรรม บรรดาลตามปกติลิขิตกฏแห่งกรรม ไม่มีมนุษย์หน้าไหนหลีกเลี่ยงได้ มีข้อควรจำอยู่ประการหนึ่ง "ของแท้มักไม่อวด ที่อวดมักไม่แท้" และ "คนที่มีมักไม่อยากมี แต่คนไม่มีกลับอยากมี"

คำตอบเกี่ยวกับเรื่องการลงทรง การประทับทรง องค์ลงร่าง ต่างๆเหล่านี้สามารถติดตามในรายละเอียดได้ในหนังสือเรื่อง "พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์พาเที่ยวเมืองนรก/บารมีพระโพธิสัตว์กวนอิม" ที่กำลังแจกฟรีอยู่ขณะนี้ในกระทู้
http://palungjit.org/threads/แจกฟรีหนังสือพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์พาเที่ยวเมืองนรก.233272/<!-- google_ad_section_end -->

 

อนุโมทนาจ้า..ขอแสดงความคิดเห็น

"...แต่หากจะเข้าใจได้ ร่างสังขารจะต้องมีสัญญาเดิม"
ยากเหมือนกันเพราะสัญญาเดิมบางครั้งก็จำไม่ได้เพราะผ่านหลายภพหลายชาติทำให้สัญญานั้นเลือนหายไป นอกจากโชคดีผ่านไปสถานที่นั้นอีก เจอ..ที่เราเคยมีพันธะสํญญากันมาก่อน เลยโดนทวง ....
"หรือเจโตที่สามารถล่วงรู้จิตได้"
ถึงแม้จะได้เจโตแต่ก็อาจเจออุปสรรคเนื่องด้วยความนิ่งของจิตไม่ดีพอ สาเหตุก็มาจากการฝึกฝนกันไม่ต่อเนื่อง เพราะคนปัจจุบันนั้นมีภาระทำมาหากินเยอะและบ้างก็ไม่อดทนเหมือนคนสมัยโบราณทำให้ภาษาที่รับรู้ด้วยจิตก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง

"...หรืออธิฐานจิตต่อองค์บารมีให้แปลคำที่เปล่งออกมาเป็นภาษาที่มนุษย์เข้าใจได้ กล่าวคือ พูดเสร็จแปลให้ด้วยนะขอรับ เป็นต้น"
การอธิฐานจิตก็ได้แค่บางครั้ง บางครั้งก็ไม่แปล..ก็จะรู้ไปทำไมล่ะจ๊ะ?..
อย่างที่เนปาล..แปลให้เพราะต้องการให้ข้าพเจ้าแก้ไขในสิ่งที่ทำผิด
อย่างที่ธิเบต...ไม่แปลให้แต่พอขอให้แปลก็ OK เพราะข้าพเจ้าอยากจะรู้ว่าพระธิเบตพยายามจะพูดอะไรกับข้าพเจ้า

"..แต่น่าแปลกใจว่า ภาษานรกกลับไม่มี เข้าใจว่า ภาษานรก จิตรับรู้..ประมาณว่าแค่มองตาก็รู้ว่าให้ทำอะไรบ้าง ขัดขืนไม่ได้.."
อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะ...ใช้จิตสื่อเปนหลัก ยกเว้นพวกที่ทุกข์ทรมานอยู่เบื้องล่างซึ่งมีแต่ความเจ็บปวดไม่มีการพูดจายกเว้นแต่เสียงโหยหวน ยิ่งลึกลงไปในทะเล...(อะไรไม่รู้เพราะไม่แน่ใจว่าเปนกรดหรือไฟลาวา) ยิ่งแย่หนักเข้าไปอีกเพราะมีแต่น้ำ...มองไม่เห็นฝั่งถ้าไปเจอก็ต้องรีบหนีเพราะพวกนี้จะพยายามฉุดขาให้จมลงไปในทะเล..

เอาเปนว่าท่านภราดรภาพไม่ต้องลงไปทดสอบดูหรอก ไปไหนก็ตายได้เหมือนกันเพราะสวรรค์ทำให้คนลืมกลับ นรกทำให้คนเดินหลง อาจโดนตรวจสอบ..ถ้าใช้เวลานานมากอาจจะตายแหงแซะก่อน..แค่เล่าก็สยองแง้ว...

 

เรื่องภรรยา 4 คน

ชายคนหนึ่งมีภรรยา อยู่ 4 คน ​

ภรรยาคนที่ 1 เขารักที่สุด ไปไหนมาไหนด้วยกัน ตามใจตลอดอยากได้อะไร ​

​

เขาหาให้ทุกอย่าง

ภรรยาคนที่ 2 เขารักมาก เขาจะทำทุกสิ่ง ทุกอย่างเพื่อภรรยาคนนี้ และจะไปหาภรรยาคนนี้เสมอ

ภรรยาคนที่ 3 เขารักรองลงมา ดูแลเอาใจใส่พอควร แวะไปหาบางเป็นครั้งคราว

ภรรยาคนที่ 4 เขาไม่เคยสนใจ ไม่เคยดูแลเอาใจใส่ ไม่เคยไปหา ไม่คิดถึงเลย ด้วยซ้ำ

ต่อมาชาย คนนี้ไปกระทำความผิดร้ายแรง และถูกจับ ต้องถูกประหารชีวิต ก่อนที่จะถูกประหาร เขาขอร้องว่า เขาขอกลับบ้าน
เพื่อไปร่ำลาภรรยาสุดที่รักซักครั้ง ผู้คุมเห็นใจจึงอนุญาต
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เขารีบตรงไปหาภรรยาคนที่ 1
เล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้ฟัง และถามภรรยา คน ที่ 1 ว่า

" ถ้าเขาต้องตายภรรยาคนที่ 1 จะทำอย่าง ไร? "

ภรรยาคนที่ 1 ตอบน้ำเสียงที่เย็นชาว่า
“ถ้าเธอตาย เราก็จบกัน”
คำตอบที่ได้รับ เหมือนสายฟ้าที่ผ่าเปรี้ยง!! ลงมาที่เขาอย่างจัง
เขารู้สึกเจ็บปวด และเสียใจเป็นอย่างยิ่ง นึกเสียดาย ว่าเขาไม่ควรทุ่มเทให้ภรรยาคนนี้เลย

จากนั้นเขาก็ ไปหา ภรรยาคนที่ 2

ด้วยอาการเศร้าโศก เล่า เรื่องราวต่างๆ ให้ ฟัง และถามคำถามเดิมกับภรรยาคนที่ 2 ว่า


" ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคน ที่ 2 จะทำอย่างไร? "

ภรรยาคนที่ 2 ก็ ตอบอย่างหน้าตาเฉย ว่า " ถ้าเธอตาย ฉันจะมีใหม่ "
เหมือนสายฟ้า!! ผ่าลงมาซ้ำที่เขา อย่างจัง เขารู้สึกเสียใจมาก และนึกเสียดายว่าที่ผ่านมา เขาไม่ควร ทุ่มเทให้ภรรยาคนนี้เช่นกัน
​

เขาเดินคอตกมาหาภรรยาคนที่ 3

เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ ฟัง และถาม ภรรยา คนที่ 3 ว่า

"ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคน ที่ 3 จะทำอย่างไร? "

ภรรยาคนที่ 3 ตอบว่า "ถ้าเธอตาย ฉันจะไปส่ง "
ทำให้เขาคลายความ เศร้าโศกขึ้นมาได้บ้าง อย่างน้อยก็ ยังมีภรรยาที่จริงใจกับเขา

ก่อนกลับไปรับโทษ เขานึกขึ้นมาได้ว่ามีภรรยาอีกคน ซึ่งไม่เคยไปหาเลย จึงไปหา ภรรยาคนที่ 4 และถามว่า

" ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคนที่ 4 จะทำอย่าง ไร?"

ภรรยาคนที่ 4 ตอบว่า " ถ้าเธอตาย ฉันจะตามไป ด้วย "
แทนที่เขาจะดีใจกลับนึกเสียใจหนักขึ้นไปอีก
เพราะ...มัน สายเกินไปเสียแล้ว ช่วงที่เขามีชีวิตอยู่ เขาไม่เคยเห็นค่าของภรรยาคนนี้ แต่ภรรยาคนนี้ไม่คิดที่จะทิ้งเขา จะติดตามเขาไปอยู่ด้วย แล้วชายคนนี้ก็กลับไปรับโทษประหาร
และเมื่อเขาตาย ภรรยาคนที่ 4 ก็ตายตามไป ด้วย.....

เราทุกคนก็ มีภรรยา 4 คน นี้

มีคำถามว่า ภรรยาทั้ง 4 คนเป็นใคร? คิดกันก่อนนะ แล้วค่อยเฉลย...

ทีนี้เรามาดูกันว่า ภรรยาคน ที่ 1, 2, 3 และ 4 เป็นใครกันบ้าง

ภรรยาคน ที่ 1

ร่างกายของเรา เพราะเวลาเรามีชีวิตอยู่ เราจะบำรุงบำเรอด้วยของสิ่งทุกอย่าง อยากได้อะไรก็หาให้ แต่พอเราตายมันกลับไม่ไปกับเรา เมื่อเราตาย ร่างกายมันก็มีค่าเท่ากับท่อนไม้ ท่อนหนึ่งเท่านั้น

ภรรยาคน ที่ 2
ทรัพย์สมบัติ เพราะเวลาเรามีชีวิตอยู่ เราจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้มันมา แต่พอเราตาย มันกลับไม่ไปกับเรา แต่ไปเป็นของคนอื่น

ภรรยาคนที่ 3
พ่อแม่ ลูกเมีย ญาติ พี่น้อง เพราะพอเราตาย เขาจะทำศพให้เรา ทำบุญไปให้ แปลว่า เขาแค่ไปส่งเราเท่านั้น

ภรรยาคนที่ 4
บุญกับบาป เมื่อเราตายไป เราไม่สามารถเอาอะไรไปด้วยได้
มีเพียงแค่บุญกับบาปเท่านั้น ที่จะตามเราไป .....

ความเห็น
เห็นไหมว่าเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับชีวิต แต่เดี๋ยวก่อนอย่าพึ่งคิดว่าเงินไม่สำคัญ สำคัญ … แต่ ไม่สำคัญที่สุดเท่านั้นเอง
อย่าลืม…ยังมีเรื่องอื่น
ที่สำคัญกว่าเงินอีกเยอะ

อ้างอิงบทความ: ผ่านทางอีเมล์
​

 

อนุโมทนา.....สาธุ

ธรรมะคือที่สุดของชีวิตแล้วครับ

และอยากขอบคุณพี่มากครับที่แนะนำ ชี้แนะให้รู้จักสิ่งที่ผมค้นหา
เกือบจะทั้งชีวิต ทำให้ผมรื้อฟื้นความทรงจำที่ผ่านมา ที่ดูเหมือนจะลืมเลือนไปแล้ว
ไม่รู้จะบรรยายยังไงให้เห็นภาพดี ความรู้สึก.... อาจจะเหมือนได้พบรัก
สมัยเรียนที่ได้รู้จักความรักครั้งแรกมั้งครับ...สุข...อิ่มเอิบ...ชุ่มชื่นหัวใจ...โอ้ชีวิตนี้...ชั่งศิวิไลจริงๆ..มีคุณค่าจริงๆ

ขอบคุณครับที่ทำให้ผมพบรักกับ...ธรรมะขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทำให้รู้ว่าสุขไหนจริง หรือจอมปลอม...

 

ขออนุโมทนา ด้วยนะครับ ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว สาธุๆ

 

ขออนุโมทนา สาธุ กับกิจกรรม ที่ คุณภารดรภาพจัดในวันนี้จ้ะ(good)

 

พี่พลังInw ว่างแวะมาคุยกันนะครับ