การจะเป็นพระอรหันต์ได้นั้นจำเป็นต้องบวชเหรอครับ

ไม่รู้มาถามถูกห้องหรือเปล่า

คือผมดูพุทธประวัติ เห็นอยู่ตอนหนึ่งที่ พระบิดาของพระพุึทธเจ้า

จะสวรรคต พระพุทธเจ้าก็มาแสดงธรรมเทศนา 7 วัน 7 คืน

จนเป็นพระอรหันต์ ถ้างั้น ถ้าคนปกติที่ไม่ได้บวชแต่ปฏิบัติธรรม

ก็สามารถเป็นพระอรหันต์ได้น่ะสิครับ หรือว่าอย่างมากก็ได้เป็นแค่เทวดา

อีกอย่างทุกวันนี้ พระดีๆ ก็น้อยมากเลย เท่าที่ผมมองดูพระเดินบิณฑบาตรตอนเช้า

แทบจะหารูปงามไม่ได้เลย คือ มองแล้วไม่เห็นความงามเลย คนธรรมดาที่ปฏิบัติธรรม ยังงามกว่าเลย

บางอย่างในข้อความบางคำอาจไม่ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ

เพื่อนก็เคยบอกมาว่าศีลของพระมีเยอะ แต่ที่ฟังมาก็เหมือนเป็นสิ่งทรมาน แต่อาจจะนำพาไปสู่ทางไม่ยึดติด แต่บางทีอยู่เป็นสามัญชนก็สามารถไม่ยึดติดได้ และถึงไม่มีศีลถึง 227 ข้อ ก็สามารถพ้นทุกข์ได้เช่นเดียวกับพระใช่หรือไม่ครับ เพราะการที่ใช้ชีวิตทางโลก เห็นจนเกิดความเบื่อหน่าย พอเบื่อหน่ายก็ละ พอละก็สุขใจ

ผมก็เพิ่งสนใจธรรมะได้ไม่นานยังไงก็ช่วยแสดงความเห็นให้ผมเข้าใจหน่อยนะครับ

 

การเป็นพระอรหันต์เป็นเพียงสภาวะจิตจ๊ะ กายจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ลองไปศึกษาแนวทางของหลวงปู่ฤาษีลิงดำ ดูให้ดีๆๆ จะเข้าใจได้ง่ายมากๆเลยจ๊ะ โมทนากับความใฝ่รู้ของท่านจ๊ะ.

 

เราก็สนใจเหมือนกัน เพราะตอนนี้ก็เริ่มสนใจศึกษาพระธรรมอ่ะ สงสัยหลายอย่างเลย ทำไมไม่มีใครมาตอบให้ชัดเจนเลย อยากรู้อ่ะ

 

ไม่จำเป็นต้องบวช เป็นฆาราวาสก็ได้ แต่ต้องปฏิบัติให้ถึง (เป็นง่ายก็พระเสียด้วย) เพราะพระท่านหนักที่ศีล (มีเยอะครับ 227 ข้อ) แต่ฆาราวาสมีศีล 5 หรือศีล 8 เท่านั้นครับ แต่ที่ยากคือการปฏิบัติให้ถึง นี้ซิยาก

 

การบวชเป็นพระ ความหมาย คือ การละซึ่งกิเลส ทำศิลให้บริสุทธ์ โดยการรักษาศีล 227 ข้อ เพื่อขจัดกิเลส และการยึดถือปฏิบัติ และเป็นศีลที่บริสุทธ์ที่สุด บุคคลทั่วไปไม่สามารถจะถือศิลเหล่านี้ได้นอกจากการบวชเป็นพระสงฆ์ การปฏิบัติของบุคคลทั่วไปแค่ปฏิบัติ ศิล ๕ ก็เพียงพอ หากศึกษาพระตรัยปิฏกฉบับประชาชน คิดทบทวนตามคำสอน แห่งพระพุทธเจ้าและ พยายามน้อมนำคำสอนนั้นมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ศึกษาและปฏิบัติสมาธิ ก็มีโอกาสสร้างบารมีให้มากขึ้นจนที่สุดเมื่อความพร้อมมาถึง อยากละกิเลส อยากบันลุเป็นพระโสดาบันก็จะต้องยินดีพร้อมกาย และใจเพื่อ พระพุทธศาสนา เมื่อนั้นก็ถึงพระอรหันต์ จากบุญบารมีที่สะสมไว้ การเป็นพระอรหันต์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากศึกษาด้วยใจใฝ่รู้ก็สามารถทำได้ด้วยบารมีที่สะสมนั้น ศึกษาว่า พระพุทธเจ้าท่านสอนอะไร ต้องการให้เราเห็นอะไรบ้างในชีวิต อ่าน แล้วคิด และทบทวบ และพิจารณาให้รู้ถึงคำสอน แล้วจากนั้นจึง สรุป แล้วคุณจะได้ข้อคิดดีๆอีกมากมายค่ะ บทสวดมนต์ก็อ่านและแปลด้วยก็จะทำไห้เราเข้าใจในพระพุทธเจ้ามากขึ้นด้วยค่ะ เรื่องที่เราจะเป็นถึงขั้นพระอรหันต์นั้นก็ต้องอยู่ที่ สัจจาอธิฐานค่ะ ที่พระบิดาของพระพุทธเจ้าบันลุได้ ก็ด้วยบารมีจากการฟังธรรมเทศนา ของพุทธเจ้า และจากการปฏิบัติศิลของพระองค์ ส่งถึงองค์พระบิดา จึงเป็นบุญที่สามารถให้ท่านบันลุได้ในที่สุด การบวชให้พ่อ แม่ จึงเป็นบุญที่สูงที่สุด สำหรับผู้เป็นบิดามารดาค่ะ ขอความสว่างแห่งองค์พระศาสดานำทางชีวิตท่าน และครอบครัวจงมีแต่ความสุขเทอญ

 

อ่านกระทู้นี้ครับ
แสดงกระทู้ - จริงๆหรือ พระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกินเจ็ดวัน • ลานธรรมจักร

ปราชญ์ขยะ - ความรู้ทั่วไปในพุทธศาสนา - ฆราวาสผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์

บาลีว่า
อคารมชฺเฌ วสนฺเตน นาม อรหตฺตํ ปตฺเตน ตํทิวสเมว ปรินิพฺพายิตพฺพํ วา ปพฺพชิตพฺพํ วา โหติ.
(องฺคุตฺตร อฏฺฐกถา, เอกนิบาต, เขมาเถรีวตฺถุ, อํ.ฐ. ๑/๒๖๖ ฉบับพม่า)
ธรรมดาว่า ผู้อยู่ครองเรือนบรรลุพระอรหัต จำต้องปรินิพพานหรือบวชเสียในวันนั้นนั่นแหละ.

 

ถูกต้องแล้วครับที่ถาม เพราะตลอดชีวิตของผม
ผมก็จะพูดถึงสิ่งนี้อยู่ๆเสมอๆ

ว่าการถือศีลไม่เป็น ก็จะได้รับทุกข์มากกว่าสุข
กลายเป็นความทุกข์ทรมาน ในวัตรปฏิบัติที่

ทำตนให้เป็นทุกข์ สู่คนที่ปฏิบัติแล้วหาแต่ความสุข
เสียก็ยังไม่ได้ เพราะไม่ทำตนให้หาบบาปกองทุกข์

ถ้าคนปกติที่ไม่ได้บวชแต่ปฏิบัติธรรม

ก็สามารถเป็นพระอรหันต์ได้ ความจริงไม่ใช่ท่านเหล่านี้ไม่บวชท่าน ถือบวชใจแม้ท่านจะไม่ได้โกนหัวบวช แต่ท่านเหล่านี้ก็บวชจิตบวชใจเอาก็สามารถเป็นพระอรหันต์ได้ อย่าไปเชื่อคนที่มาพูดว่า พระอรหันต์มีแต่นักบวชเท่านั้น นั่นแสดงว่าเค้าไม่ได้ปฏิบัติหรอกไปจำคนที่ไม่รู้จริงมาพูดต่ออีกที จนธรรมะเคลื่อนจากความเป็นจริงจนไปติดที่รูปแบบ

ไม่อ้างกาลไม่อ้างเวลา ตราบใดยังมีผู้ปฏิบัติตามมรรค
โลกจะไม่ว่างจากพระอรหันต์ไปได้

 

ค่อยเป็นค่อยไป

ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงามครับ

ทุกอย่างต้องอาศัยเหตุปัจจัย เหตุถึงเมื่อไหร่ผลก็จะตามมาครับ

ขออนุโมทนาบุญกับเด็กรุ่นใหม่ ที่มีใจใฝ่ธรรม นับว่าหาได้ยากยิ่ง นับว่าเป็นผู้มีบุญเก่าที่ทำ
มาแต่ก่อน

 

ชอบแล้ว ครับ.....อนุโมทนา

 

การที่จะบรรลุธรรมได้มันอยู่ที่สภาวะจิต ไม่เกี่ยวกับร่างกาย พิธีกรรม หรือเครื่องแต่งกายที่มีการสมมุติขึ้น แต่การบวชนั้นทำให้บุคคลที่ดำรงอยู่ในสมณะเพศมีความสะดวกในการบำเพ็ญ ศีล สมาธิ ภาวนา ซึ่งทำให้ผลของการปฏิบัติสามารถบรรลุธรรมเร็วขึ้น ซึ่งต่างจากฆารวาสที่ยังข้องเกี่ยวอยู่กับบุุคคลและสภาวะสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ถ้ากำลังใจไม่เข้มแข็งพอก็ยากที่จะบรรลุธรรมขั้นอรหันต์ได้

 

การบรรลุเป็นพระอรหันต์ ไม่จำเป็นต้องเป็นพระ
แต่บรรลุแล้วจำเป็นต้องบวชเป็นพระใน 7 วัน

 

ผมเคยอ่านเจอของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำท่านสอนไว้นะครับ (ถ้าผมจำผิดต้องขออภัยด้วยครับ)

การบรรลุเป็นพระอรหันต์

ฆราวาส
ถ้าบรรลุเป็นพระอรหันต์ ตอนกลางคืน จะต้องตายไม่เกินเที่ยงวัน
ตอนกลางวัน จะต้องตายไม่เกินเที่ยงคืน

เพราะว่า ป้องกันโทษที่เกิดจากการปรามาส จะเกิดกับบุคคลอื่น


พระ เมื่อบรรลุเป็นพระอรหันต์ ก็อยู่ตามอายุไขของท่าน

เพราะเมื่อท่านเป็นพระอยู่แล้ว บุคคลโดยทั่วไปย่อมให้ความเคารพอยู่แล้ว โทษที่เกิดจาก

ปรามาสอาจเกิดขึ้นได้น้อยกว่า หรือไม่เกิดขึ้นเลย

 

ผมมีชีวิตอยู่มาเกิน 7 วันนี้ก็อยู่มาเป็นปีๆแล้วมีความผาสุขดี

ผมก็เข้าใจว่าการที่จะบรรลุธรรมได้มันอยู่ที่สภาวะจิต ไม่เกี่ยวกับร่างกาย พิธีกรรม หรือเครื่องแต่งกายที่มีการสมมุติขึ้น แต่การบวชนั้นทำให้บุคคลที่ดำรงอยู่ในสมณะเพศมีความสะดวกในการบำเพ็ญ ศีล สมาธิ ภาวนา ซึ่งทำให้ผลของการปฏิบัติสามารถบรรลุธรรมเร็วขึ้น ซึ่งต่างจากฆารวาสที่ยังข้องเกี่ยวอยู่กับบุุคคลและสภาวะสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ถ้ากำลังใจไม่เข้มแข็งพอก็ยากที่จะบรรลุธรรมขั้นอรหันต์ได้

แต่เป็นความโชคดีของผมที่ได้บวชก่อน มีเวลามาก ที่จะค้นคว้าหาทางพ้นทุกข์ได้เพราะสามารถบริหารเวลาได้ อย่างลงตัว เพราะเสมือนมีรั้วของศีลกางกั้นจากกิเลสอย่างหยาบๆ ไปสู่ศีลปรมัตถ์ด้วยกำลังใจที่เข้มแข็งประกอบไปด้วย
ปัญญาที่ได้มาจากภาวนาล้วนๆ

 

ตามที่ผมเข้าใจมา ศีล 5 ไปได้ถึง โสดาบัน
ศีล 8 ไปได้ถึง พระ อนาคามี
ศีล 227 ไปได้ถึง พระอรหันต์

ถ้าถือศีล 5 แล้วปฏิบัติจนบรรลุ อรหันต์ แล้วไม่บวช จะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุโดยที่มีผู้กระทำ แต่ผู้ที่ทำนั้นจะไม่ได้รับความผิดคือไม่รู้ว่าใครทำ ถ้าบรรลุพระอรหันต์แล้วบวชถือศีล 227 ก็จะดำรงขันธ์อยู่ต่อได้

 

ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับพระ ที่ท่านบอกว่าพระสมัยนี้หารูปงามไม่ได้เลย สู้คนธรรมดาที่ปฏิบัติธรรมไม่ได้เลย ถ้างามในลักษณะของ
จรณะ(ความประพฤติ) ก็คงจะเป็นเช่นท่านว่า แต่ถ้าว่าตามคำที่ท่านบอกมาว่ารูปงามนั้น คงจะเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะพระสงฆ์จะงามงามที่ วิชชาจรณสัมปันโน หาใช่ที่รูปไม่ และถ้าท่านยังยึดในรูปหรือนาม ก็ไม่สามารถบรรลุถึงอรหันต์ได้เลย ส่วนที่ว่าเป็นอรหันต์ได้จำเป็นต้องเป็นพระหรือ เรื่องมีอยู่ว่าสมัยพุทธกาล พระยสกุลบุตร ตอนบรรลุอรหันต์ก็เป็นฆราวาสครับ แล้วก็ทูลขอเอหิภิกขุ ทันที ด้วยเหตุดังที่มีคนบอกมาแล้วว่า เป็นการป้องกันคนอื่นที่อาจจะมาทำไม่ดีกับท่าน(โดยไม่รู้)ซึ่งจะเป็นบาปแก่ผู้นั้น

 

ขนาดนี้กันแล้ว ก็ยังไม่ทิ้งอุปทานกันบุญญฤทธิ์ไม่ใช่อิทธิฤทธิ์ ดังนั้นเมือมีฐานของบุญญฤทธิ์อยู่แล้วใยต้องฝึกฤทธิ์อีกเท่ากับนับ1ใหม่เหนือยแทนครับ

พระอรหันต์
ทั้งหลาย ท่านจะปฏิเสธการกระทำที่เพียงดูเคร่งขรึม เมื่อเป็นอิสระจากวัฏฏจักรของสิ่ง
ทั้งหลายด้วยความพยายามของท่านเอง ท่านจึงหมดความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใดโดยประการทั้งปวง

 

คุณจะบวชหรือไม่บวชก็ได้
มันอยู่ที่ตัวคุณ
มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความตาย
อย่างที่เข้าใจให้พากันเข้าใจ
กิเลสความหลงมันตาย
ถ้าท่านจบกิจแล้วจะตาย
ก็เพราะตรวจดูหมดอายุไข
ถ้าอายุไขยังไม่หมดก็ไปไม่ได้
ยังต้องอยู่โปรดสัตว์ไปพลางๆก่อน

 

ครับ ผมเคยเห็นว่าพระพุทธองค์กล่าวเองครับว่าไม่เกิน 7 วัน หลวงพ่อที่ผมนับถือก็กล่าวเช่นนั้นครับ จริงเท็จอย่างไรผมก็ไม่อาจทราบได้ด้วยตัวครับ เพราะผมไม่ใช่อรหันต์ครับ ขอ อนุโมทนาครับ

 

เรื่องแบบนี้ไม่ใช่นิสัยพระสาวกจะกล้าระงับอธิกรณ์

ต้องเป็นพุทธภูมิด้วยกัน สิ่งที่พุทธเจ้าในดีตอธิษฐานจิตเอาไว้

จะคลายออก เพราะนี้เข้ายุคอนาคตวงค์แล้ว หน่อพระพุทธเจ้า

ทั้งหลายไม่ใช่พระสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น จึงไม่ทำตามใน

สิ่งที่เห็นว่าไม่เหมาะกับ อุปนิสัยของตน จะทำตามพระพุทธเจ้าทั้งหลายเมื่อ

เห็นชอบแล้วว่า เป็นกุศล เป็นกุศล เป็นกุศล