แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. siwarit

    siwarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,159
    ค่าพลัง:
    +6,173
    บ้านเราขาดแผนการอพยพครับพี่หนุ่ม เพราะเราไม่ค่อยมีภัยธรรมชาติเท่าไหร่ เราเจอแต่ภัยมนุษย์กับภัยเหนือธรรมชาติ ทุกบ้านเลยเตรียมแต่ปืน กับ วัตถุมงคล พระเครื่อง...

    แม้กระทั่งการหนีไฟ โรงเรียนต่าง ๆ ไม่เคยมีเตรียมฝึกซ้อมกรณีเกิดไฟไหม้ในโรงเรียน หรือโรงพยาบาล หนีไปตรงไหน ใครจะต้องเป็นคนนำทาง ผมเคยทำงานกับฝรั่ง แต่ด้วยความที่เป็นคนไทย ไม่ค่อยสนใจเลยไม่รู้ว่าจุดนัดพบหลังจากไฟไหม้อยู่ตรงไหน คราวนี้ผู้จัดการต้องการทดสอบว่าพนักงานรู้หรือไม่ เลยปล่อยสัญญาณไฟ ไม่แจ้งล่วงหน้ากับพนักงานแต่ผู้จัดการกับหัวหน้างานรู้กันหมด ไม่ต้องทายครับ ทุกคนรอผมประมาณ 30 นาที เพราะผมหาทางไม่เจอว่าไปตรงไหน ถ้ามีไฟจริง ๆ ได้กินหมูปิ้งครับ ตั้งแต่นั้นมาผมจะให้ความสำคัญตลอด ไปโรงแรมก็จะคอยดูว่าทางหนีไฟอยู่ไหน

    ที่ตลก (ร้าย) คือ ผมเคยไปทำแผนฟื้นฟูสึนามิที่กระบี่ ไปนอนโรงแรมในเมืองครับจำไม่ได้ว่าโรงแรมอะไร วันนั้นมีข่าวแผ่นดินไหวที่สุมาตรา กลางดึกโทรทัศน์ออกข่าวว่าสึนามิอาจจะมาที่กระบี่ พังงา ภูเก็ตแถบนั้น ทุกคนก็วิ่งมาปลุกเพื่อน ๆ ขนาดผมว่าผมเป็นคนนิ่งแล้ววินาทีนั้นตัวเย็นวาบเลยครับ แต่ก็ตั้งสติได้ ช่วงนั้นเราคุยกันว่าจะไปไหนกันดีระหว่างอยู่ในโรงแรม ประมาณ 8 ชั้น หากน้ำมาจริงค่อยไปดาดฟ้า กับแผนสองขึ้นภูเขาซึ่งต้องนั่งรถออกไป ผมและเพื่อนบางคนเลือกอยู่ในโรงแรม มีสองสามคนขึ้นเขา ผมไม่ไปเพราะว่าเกิดน้ำมาพอดีตอนรถกำลังวิ่งก็หนีไม่ทันครับ เลยรออยู่บนโรงแรม คอยฟังข่าวตลอด โทรศัพท์ไปบอกที่บ้านไว้ก่อนว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ต้องห่วง ช่วงนั้นเราก็เดินสำรวจกัน ไปดูทางหนีไฟครับ เพื่อหาทางหนี ปรากฎว่าทางหนีไฟสุดแค่ชั้น 2 ถ้าจะลงไปก็ต้องกระโดดลง ซึ่งก็หนักพอ ๆ กัน ไม่รู้ว่าจะทำไว้ทำไม หรือทุนหมดก็ไม่รู้ครับ แต่ดีที่วันนั้นไม่มีอะไร แค่ทำให้รู้ว่าเวลาตื่นเต้นตกใจนี่ทำอะไรไม่ถูกจริง ๆ ครับ แทบจะวิ่งออกมาทั้งชุดนอนเลยครับ

    ถ้าเป็นฝั่งอเมริกา เค้าจะมีการอบรมครอบครัวครับ ให้เตรียมกระเป๋าเดินทางครับ ในนั้นมีอาหารแห้ง เครื่องดื่ม ยารักษาโรค มีด ไฟฉาย ไฟแช็ค อุปกรณ์ดำรงชีวิตระยะสั้นครับ เชือกไนล่อน และของจำเป็นครับ ถึงเวลาไม่ต้องขนของแล้วครับ วิ่งคว้ากระเป๋าไปก่อนเลย แต่ก็จะมีรอบระยะเวลาเช็ควันหมดอายุของของที่เตรียมไว้เรื่อย ๆ ครับ ผมก็ตั้งใจว่าจะทำไว้เหมือนกัน บางคนติดไว้ในท้ายรถตลอดเวลาเลยครับ บางทีเราก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิด การเตรียมตัวไว้ก่อนก็ดีครับ
     
  2. PITINATTH73

    PITINATTH73 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    2,991
    ค่าพลัง:
    +9,624
    ผมขอตัวพักผ่อนก่อนครับ ญาติธรรม ชมรมคนรักพี่หนุ่มเมืองแกลง ทุกๆท่าน ราตรีสวัสดิ์ ครับ
     
  3. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,748
    ตอนนี้ราคาพันอัพแล้วครับ
    ผมสังเกตดูหลายๆ ที่ ต้นทุนไม่น่าจะเท่าไร
    ต่อได้ก็ต่อครับ...55
     
  4. CheKuvara

    CheKuvara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,460
    ค่าพลัง:
    +19,341
    เรื่องภัยพิบัติผมเชื่อว่าเกิดแน่ครับ แต่ผมไม่เชื่อคำทำนายของ ดร.สมิทธ เท่าที่ติดตามการเสวนาของแก ออกจะเกินเลยไปนิด แกทำนายมาแต่ละที มาตรการรองรับมีอย่างเดียวคือเตือนภัยและอพยพประชาชน มีอยู่ครั้งแกทำนายว่าน้ำจะท่วมจากกรุงเทพไปถึงลพบุรีโน่น การทำนายบางครั้งต้องคำนึงถึงในเรื่องการข่าวหากให้ข่าวเกินจริงประชาชนก็จะเสียขวัญ หากไม่เกิดจริงประชาชนก็จะไม่เชื่อ และเท่าที่ดูข้อมูลต้องมาจากหลายๆด้าน ไม่ใช่ของ ดร.ท่านเดียว ในเรื่องแผ่นดินไหวไม่มีใครทำนายได้อย่างแน่นอนว่าจะเลื่อนเมื่อไร จะไหวเมื่อไร เขื่อนศรีสวัสดิ์ที่กาญฯมีคนพูดกันบ่อย เจ้าหน้าที่ของเขื่อนก็ออกมายืนยัน ว่ารองรับได้แต่ผมไม่เชื่อครับลองไหวซัก 7 ริกเตอร์เต็มๆที่กาญฯ เขื่อนรับไม่ได้หรอก โครงสร้างทางวิศวกรรมบ้านเราไม่ได้ออกแบบเพื่อรองรับการเกิดแผ่นดินไหว เพราะเค้ามองกันว่าเป็นการสิ้นงบประมาณโดยใช่เหตุ พึ่งจะมาตื่นตัวกันเมื่อเกิด tsunami นั่นละครับ แถวบ้านผมก็ติดกับรอยเลื่อนสองรอย คือรอยเลื่อนเถิน กับรอยเลื่อนอุตรดิตถ์ผมเคยไปพูดให้ชาวบ้านฟังไม่มีใครเชื่อหรอกครับ ทั้งๆที่ใต้เจดีย์ วัดชวนชมมีการสำรวจพบหลักฐานว่าเกิดแผ่นดินไหว ตอนนี้น้ำเหนือกำลังลงไป คาดว่าปลายอาทิตย์น่าจะไปรอกันไว้ที่กรุงเทพ หากพายุฝนเกิดขึ้นมาอีกซักชุดสองชุดกรุงเทพก็น่าจะมีปัญหา และเมื่อไรที่น้ำทะเลหนุนอีกทีก็น่าจะนองไปทั่ว แต่คงไม่เกิดสตอร์มเซิช อย่างที่ว่า ปีนี้ผมว่ายังไม่น่ามีปัญหาเท่าไร อีกประมาณ 2 -3 ปีโน่นละ น่าจะได้เห็นฤทธิ์ของสภาวะโลกร้อน ผมคิดว่าเกิดดับเป็นอยู่ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวก็คือเราทำสิ่งดีๆเก็บไว้ให้สังคมมากกว่า ฝันดีทุกท่าน เสรีภาพสัญจรครับ
     
  5. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,748
    ปกตินี่ถ้า 10x แท้ ก็แทบจะชัดทุกรูขุมขนแล้วครับ
    ถ้า 20x จะเจาะมากๆ แต่มุมมองการเห็นจะแคบมาก
    ต้องขยับไปมาหาที่ดูเรื่อยๆ ถ้าไม่พอใจ 10x ก็มี 14x 15x ไว้ให้เป็นตัวเลือกครับ
    แต่ผมเห็นบางท่าน สั่งเลนส์นอกมา แล้วประกอบบอดี้เองก็มี
    แต่ก็ยังไม่วายมีของปลอม บอดี้แท้ เลนส์เทียมมาซะอีก คนเรานี่ก็นะ..
    แต่เรื่องปวดตา เมื่อก่อนผมส่อง นึกว่าพระเขาแรง เล่นซะมึนหัว
    ที่ไหนได้ กล้องเขาแรงนี่เอง หาโฟกัสไม่ได้ ตรงกลางชัด รอบข้างหม่นหมอง
    ของดีๆ เวลาส่องจะใสปิ้ง...เหมือนสาวๆ วัยใส (เปรียบซะนึกภาพตาม)
    ทั้งนี้ทั้งนั้น อยู่ที่ความชอบของเราครับ ควรไปหาลองส่องดูก่อน
    ราคาแพงจริงแต่เราอาจจะไม่ชอบแนวนี้ก็ได้..
     
  6. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,748
    ไม่หน่อยมั้งครับ...55
    แต่ดีไซน์ล้ำจริง...ขอบอก
    swarovski กล้องอันเป็นที่หมายปองต้องตาของใครหลายๆ คน..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • swarovski.jpg
      swarovski.jpg
      ขนาดไฟล์:
      7.3 KB
      เปิดดู:
      72
  7. siwarit

    siwarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,159
    ค่าพลัง:
    +6,173
    ผมว่ามีส่วนนะ ผมคนหนึ่งที่จะงดต่อว่า หรือตำหนิพระที่อยู่ในผ้าเหลืองแม้ว่าท่านจะทำผิดหรือปาราชิก ด้วยเหตุผลที่ว่า ขณะที่ท่านอยู่ในผ้าเหลือง ท่านมีศีลมากกว่าผม (อันนี้ความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ) แต่ถ้าสึกแล้วเป็นทิดแล้วอันนี้ว่าได้

    ผมเคยเห็นคนชุมชนหนึ่ง ที่ติดวัด อาศัยอยู่ที่วัด หลวงพ่อก็ใจดีให้อาศัยพอถึงเวลาวัดต้องใช้พื้นที่ คนเหล่านั้นก็ไม่ยอม หาเรื่องให้ร้ายหลวงพ่อ เอาอุจจาระไปป้าย ไปปากุฎิหลวงพ่อ ผมได้ยินคนพูดว่าคอยดีให้ดีไอ้พวกนี้ กรรมจะตามทัน เชื่อไหมครับ คนที่ร่วมขบวนการด่าว่าพระ ให้ร้าย ทำให้เดือดร้อนใจ ตายโหงแบบคอหักทุกคน (อันนี้ก็โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ)

    สองปีก่อน แถวบ้านแม่ยายผม มีวัยรุ่นไปต่อยพระ เพราะพระห้ามไม่ให้ทำบาปในวัด พอผมรู้เรื่อง เพราะชาวบ้านไปแจ้งความและให้พ่อตาผมไปเป็นพยานในการเจรจา ผมแอบกระซิบบอกที่บ้านแม่ยายว่า ไม่ต้องทำอะไรหรอกไม่เกินเดือนกรรมตามทัน จริง ๆ ครับไม่นานนัก แม่ยายโทรมาบอกว่า ไอ้คนนั้น ขี่รถเครื่องล้ม คอหักคาที่ ยิ่งทำให้ผมเชื่อมากขึ้นครับ

    แต่อย่างไรโปรดใช้วิจารณญาณนะครับ
     
  8. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    คำทำนายของ ดร.สมิทธ มักจะเกินขอบของความพอเหมาะพอดีไปบ้างครับ เอาแค่แนวทาง อย่าเน้นเอาจุดนี้ไปขยายผล จะได้ไม่ตื่นข่าวมากไป แต่สำคัญที่เราจะเอาสิ่งที่เป็นผลกระทบมาดูเท่านั้น การเกิดภัยธรรมชาติต่างๆต้องมีสาเหตุจากธรรมชาติของระบบ ที่นอกเหนือการควบคุม
    มาวิเคราะห์สาเหตุที่เกิด ต้นเหตุ ผลลัพธุ์ที่เป็นลูกโซ่ของความเสียหาย จะบอกอะไรได้มากกว่าแค่ที่เห็นครับ ลองเอาลูกโลกจำลองมาตั้งแกนให้เหมือนปัจจุบัน แล้วหมุนแกนให้เอียงผิดไปสักสององศา ดูผลกระทบจากภูมิศาสตร์ได้เลยครับ จากขั้วเหนือ ยันขั้วใต้ มีผลมากที่สุด แล้วความเสียหายมารวมลงตรงใหนมาก ก็ตรงใกล้เส้นศูนย์สูตรอีกนั่นแหละ ลองดูแผ่นเปลือกโลกแต่ละแผ่น เมื่อแกนโลกขยับ และแต่ละแผ่นเผยอห่างออกจากไหล่ทวีปสัก 3-5 cm ผลที่สุด แรงกดมหาศาลจะตกอยู่ที่ทวีปใดมากที่สุด ธรรมชาติไม่โกหกและไม่สนใจสินบน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ลงโทษทุกคนบนโลกเหมือนกัน
     
  9. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    ช่วยตอบครับ

    - ตะกรุดจักรพรรดิไม่ทราบครับ

    - สมเด็จกรรมฐาน ลป.ดู่ ดีแน่ครับ ครอบคลุมทุกทาง ข้อมูลจากศิษย์รุ่นเก่าเล่าให้ฟังว่าสมัยนั้นใครไปกราบหลวงปู่และขอเรียนกรรมฐานกับท่าน ท่านจะมีพานไว้พานนึงมีแล้วในนั้นจะมีแต่พระพิมพ์สมเด็จ ท่านจะให้หยิบไปคนกี่องค์ก็ได้ เพื่อเอาไปกำนั่งสมาธิ ถ้านั่งเสร็จแล้วจะคืนท่านหรือจะเอากลับบ้านก็ได้ครับ หลวงน้าสายหยุดท่านเคยบอกผมว่าหลวงปู่ทำพระไม่เหมือนสำนักอื่นเพราะในพระของท่านมีนิพพานอยู่ในนั้น หากคนทำเป็นจริงก็จะได้เจอของจริงครับ ปัจจุบันหากหลวงน้าสายหยุดไม่อาพาธซะก่อน ใครไปกราบท่านก็จะได้พระสมเด็จกรรมฐานแท้ๆของหลวงปู่ดู่จากมือท่านฟรีๆเลยครับ สร้างประมาณปี 27 ครับเป็นพระในไห
     
  10. siwarit

    siwarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,159
    ค่าพลัง:
    +6,173
    พี่หนุ่มครับ ผมเจออีกเรื่องหนึ่งที่แสดงถึงพระปรีชาของในหลวงครับ ท่านรู้ล่วงหน้าแต่ท่านไม่เคยคิดที่จะแทรกแซงครับ (ผมอ้างอิงมาโดยมิได้ทำการดัดแปลงครับ)

     
  11. siwarit

    siwarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,159
    ค่าพลัง:
    +6,173
    อันนี้เป็นคำทำนายอีกเรื่องครับ

    มีผู้วิเคราะห์ต่อถึงแนวทางรอดของพวกเรา

    กับการวิเคราะห์ต่อไปติดตามได้จาก

    http://palungjit.org/threads/ตามรอย-พระมหาชนก.248273/page-8
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2010
  12. chai wong

    chai wong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    297
    ค่าพลัง:
    +1,366
    การเข้ามาร่วมกระทู้นี้ของพวกเรา ไม่ใช่เรื่องบังเอิญและไม่ใช่หลงเข้ามาแน่นอน ในอีกไม่นานนี้ คนที่ร่วมกลุ่มสร้างกุศลและปฏิบัติธรรมจะมีมากขึ้น คนที่รวมกลุ่มสร้างกรรมเลวก็จะมีมากเช่นกัน จะมีการคัดแยกกลุ่มคนโดยวิธีการของธรรมชาติอย่างหนึ่ง จะมีคนรอดหมู่ หรือตายหมู่มากขึ้น คอยดูกันไปอีกไม่นานหรอกครับ ฟ้าสีเลือดเหนือเอเซีย

    โลกเรามาถึงจุดเสื่อมของจักรวาลแล้ว เวลานี้ถึงทางสามแพร่งของชะตากรรมมนุษย์ชาติ ที่ล้วนถูกธรรมชาติลงโทษ รอดูอีกแค่ปี-สองปีนี้ จะได้เห็นและเข้าใจมากขึ้น เร่งสร้างกุศลกันไว้บ้างนะครับ


    พี่หนุ่มครับ ช่วยขยายความหน่อยได้ไหมครับ คล้ายๆกับที่ผมเคยได้ยินว่าระวังปีมะโรง
     
  13. ton3170

    ton3170 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    239
    ค่าพลัง:
    +1,372
    คุณ siwarit ระวังหลงคำของคนไม่หวังดีโดยไม่รู้ตัวนะครับ ในรอบ 2 ปีมานี้มีบางฝ่ายพยายามตีความแบบบิดเบือน ถึงขั้นนั่งเทียนคำสอนครูบาอาจารย์ และบันทึกหนังสือต่างๆ เพื่อยุแยงให้เกิดความแตกแยกและล้ม....

    ส่วนตัวผมเชื่อตามคำหลวงปู่มั่น
    "พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ในประเทศใด ประเทศนั้นจะไม่ว่างจากพระอริยบุคคล พระอริยบุคคลมีอยู่ในประเทศใด ประเทศนั้นจะไม่ฉิบหายด้วยภัยแห่งสงคราม"

    และของหลวงพ่อฤาษี
    "พระมหากษัตริย์จะยังคงมีอยู่คู่กับชาติไทยตลอดไปอีกนาน มิใช่เพียงแค่ ๑๐ พระองค์เท่านั้น แต่ที่พยากรณ์ไว้เพียงแค่นั้นก็เพราะว่าเริ่มตั้งแต่รัชกาลที่ ๑๐. เป็นต้นไป บ้านเมืองจะมั่งคั่งสมบูรณ์ ร่มเย็นผาสุก ประชาชนในชาติจะร่ำรวย ประเทศไทยจะเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่ง ซึ่งจะมีแต่ความเจริญตลอดไป ไม่ล้มลุกคลุกคลานดังที่แล้วมา จึงไม่จำเป็นจะต้องพยากรณ์ต่อไปอีก”
     
  14. ศิษย์หลวงปู่กวย009

    ศิษย์หลวงปู่กวย009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,867
    ค่าพลัง:
    +17,327
    คำทำนาย ถูก มา 9 รัชกาล แล้ว ต้องรอดู ข้อต่อไปว่าจะเป็นจริงมั้ย


    ในหนังสือ "ปัญญาไทย 1" ที่เขียนบันทึกเกี่ยวกับประวัติ ผลงานอภินิหาร และ เกียรติคุณ ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต ) พรหมรังษี ของ มหาอำมาตย์ ตรีพระยาทิพโกษา ( สอน โลหะนันท์ ) ซึ่งเป็นฉบับที่ ม.ล.พระมหาสว่าง เสนีย์วงศ์ รวบรวมในปี พ.ศ.2493 โดยไม่มีการแก้ไขข้อความเดิม ในหน้า 27 มีการพยากรณ์ ถึงชะตาเมือง ไว้อย่างน่าสนใจดังนี้




    หลังจากที่ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต ) พรหมรังษี ได้มรณภาพลง เมื่อวันเสาร์แรม 2 ค่ำ เดือน 8 ซึ่งตรงกับ วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2415

    ตอนเที่ยงคืน เช้าวันรุ่งขึ้น นายอาญาราช ( อิ่ม ) ศิษย์ก้นกุฏิ ของเจ้าประคุณสมเด็จ เข้าไปเก็บกวาด ในกุฏิของท่าน ขณะทำความสะอาดพื้นกุฏิ นายอาญาราชได้พบ เศษกระดาษชิ้นหนึ่งซุก อยู่ใต้เสื่อเป็นลายมือของเจ้าประคุณสมเด็จ เขียนสั้นๆ โดยสังเขป เป็นคำทำนายชะตาเมือง มีความว่า

    “มหากาฬ พาลยักษ์ รักมิตร สินทธรรม จำแขนขาด ราษฎร์จน ชนร้องทุกข์ ยุคทมิฬ ถิ่นกาขาว ชาววิไล”

    ห ม า ย เ ห ตุ คำทำนายของสมเด็จข้างต้นนี้หาอ่านได้จากหนังสือ " NOSTRADAMUS นอสตราดามุส"

    คำพยากรณ์ที่ว่าเป็นปริศนา คือ พูดให้คิดกันไปเอง มีด้วยกัน ๑๐ ข้อ ดังนี้

    ๑. มหากาฬ ๒.พาลยักษ์ ๓.รักมิตร (รักบัณฑิต) ๔. สนิทธรรม ๕. จำแขนขาด ๖.ราษฎร์โจร (ราชโจร) ๗.ชนร้องทุกข์ ๘.ยุคทมิฬ ๙. ถิ่นตาขาว(ถิ่นกาขาว) ๑๐.ชาวศิวิไลซ์

    ทีนี้เราจะมาว่าคำขยาย หรือความหมาย ความเป็นไป ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นมาแล้วถึง ๙ ยุค ๙ สมัย หรือ ๙ รัชกาล กันบ้างว่าเป็นอย่างไร ส่วนรัชกาลที่ ๑๐ นั้น ยังไม่เกิด ดังนั้น คำขยายความหมาย หรือเหตุการณ์ จึงเป็นเรื่องของคำพยากรณ์ ทัศนคติ หรือข้อวิจารณ์ของแต่ละคน รวมถึงข้อวิจารณ์ของผมด้วยซึ่งต้องอาศัยกาลเวลาเท่าน ั้นเป็นเครื่องพิสูจน์

    ๑. มหากาฬ ในสมัยรัชกาลที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงปราบดาภิเษก คือปราบกบฎที่ก่อความเดือดร้อนให้บ้านเมือง และสำเร็จโทษสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พระเจ้าตากสินมหาราช ที่ทรงถูกพวกกบฎจับกุมคุมขังและยึดอำนาจ ฐานวิกลจริต (กล่าวหาว่าเป็นบ้าเสียสติ)ด้วยการนำไปประหารชีวิตด้ วยท่อนจันทน์ และตั้งตนเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ในการนี้ทำให้ผู้ที่จงรักภักดีต่อพระเจ้าตาก และผู้ที่ไม่เห็นด้วย รวมไปถึงผู้ที่เสียผลประโยชน์ เกิดแข็งข้อ ไม่ยอมสวามิภักดิ์แต่โดยดี ไม่ยอมรับว่างั้นเถอะ จึงได้มีพระบรมราชโองการปราบพวกไม่เห็นด้วย หรือพวกกบฎต่อแผ่นดินใหม่ให้ราบคาบ มีการสังหารล้างโคตรกันทีเดียว ถึง ๘๒ ครัวเรือน มีการประกาศใช้กฎปราบกบถ กฎมณเทียรบาล และกฎอัยการศึก ชนิดตาต่อตา ฟันต่อฟัน ซึ่งเป็นเรื่องหวาดเสียว น่ากลัวมาก เพราะบ้านเมืองที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ (คือสร้างกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงใหม่) ยังระส่ำระสาย หาความเป็นปึกแผ่นมั่นคงไม่ได้ จึงต้องทำทุกอย่างด้วยความเฉียบขาด จึงเรียกยุคนี้ว่า "ยุคมหากาฬ" หรือ"ยุคดำมืด" เนื่องจากยังไม่แน่ใจว่า "บ้านเมืองใหม่จะอยู่หรือจะไป" ยิ่งมีสงคราม ๙ ทัพ จากพวกคุณหม่องมาสั่นประสาทชาวบ้านด้วยแล้ว ใครเกิดยุคนี้ล่ะก็ ร้องได้คำเดียวว่า "กลัวแล้วจ้า" (เพราะคนไทยยังไม่หายเข็ดกลัวพม่ายังไม่เชื่อมั่นในต ัวผู้นำและขุนนาง เพราะสร้างความเหลวแหลกไว้เยอะในตอนก่อนเสียกรุงศรีอ ยุธยา)

    ๒. พาลยักษ์ ในสมัยรัชกาลที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นยุคแห่งความวิบัติเคราะห์ร้าย ของผู้คนในแผ่นดิน เนื่องจากเกิดอหิวาตโรค (โรคห่า โรคท้องร่วง) ในปี พ.ศ. ๒๓๖๓ โรค ได้ระบาดไปทั่วเมือง มีผู้คนล้มตายลงวันละมากๆ เพราะการแพทย์ในสมัยนั้นยังไม่เจริญ ตามสุสานวัดสำคัญต่าง ๆ เช่น วัดสระเกศ , วัดบพิตรพิมุข เต็มไปด้วยซากศพผู้เสียชีวิต ในแม่น้ำลำคลองก็ยังมีซากศพลอยขึ้นอืดกันให้เกลื่อน เป็นที่อุจาดตาส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้ง น่าสะอิดสะเอียนเป็นยิ่งนัก ถนนหนทางมีแต่ความเงียบสงัดวังเวง ผู้คนต่างหลบซ่อนอยู่ภายในบ้าน บางครอบครัวก็อพยพหลบหนีโรคร้ายไปอยู่เสียหัวเมือง ในการนี้ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๒ ถึงกับรับสั่งให้ทำพระราชพิธียิงปืนใหญ่รอบกำแพง พระบรมมหาราชวัง ๑ คืน (เป็นความเชื่อที่ว่า โรคห่า เกิดจากการกระทำของยักษ์มาร ภูติผีปีศาจ จึงต้องมีพิธีการสวดมนต์ ปัดรังควาน ยิงปืนใหญ่ขับไล่ ให้มันตกใจกลัวจะได้หนีไป ทำคล้ายกับพิธีสวดภาณยักษ์ หรือสวดอาฎานาฎิยปริตร นั่นแหละครับ) ทรงให้อัญเชิญพระแก้วมรกตอันศักดิ์สิทธิ์ และพระบรมธาตุออกแห่แหน เป็นการขับไล่และปลอบขวัญพลเมือง ในที่สุดโรคร้ายก็สงบ แต่กว่าจะสงบราบคาบประมาณกันว่ามีผู้เสียชีวิตถึงสาม หมื่นคนทีเดียว นับว่าไม่น้อยเลยครับในสมัยนั้น

    ๓. รักมิตร หรือ รักบัณฑิต ในสมัยรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถมา กในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการปกครอง การค้าขายกับต่างประเทศ (รัชกาลที่ ๒ ทรงสัพยอกท่านว่า"เจ้าสัว") ได้มีการเริ่มต้นเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศอันไ ด้แก่ อังกฤษ, อเมริกา ฯลฯ โดยเริ่มต้นจากการค้านั่นเอง ดังนั้นจึงเป็นยุคที่ทรงโปรดปรานชุบเลี้ยงคนที่ตั้งใ จทำราชการอย่างจริงจัง มากกว่าพวกประจบสอพลอ

    ๔. สนิทธรรม ในสมัยรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า พระองค์ท่านทรงออกผนวชนานถึง ๒๗ พรรษา ตลอดรัชกาลที่ ๓ เลยก็ว่าได้ จะเรียกว่าบวชลี้ภัยการเมืองก็ได้ เพราะขนาดออกบวชแล้ว ยังไม่วายูกใส่ร้ายป้ายสี ว่าจะก่อการกบถเลยครับ(ดีนะครับที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๓ ท่านทรงมีน้ำพระทัยหนักแน่น เยือกเย็น ไม่หูเบา) ดังนั้นเมื่อพระองค์ท่านลาสิกขาขึ้นครองราชย์ตามคำกร าบบังคมทูลเชิญของข้าราชบริพารจึงทรงฝักใฝ่ใธรรม สนับสนุนการเผยแพร่จริยธรรม ตลอดจนการพระศาสนาต่างๆ พระองค์เองก็ทรงชุดขาวถือศีล ๘ อย่างเคร่งครัด ฟังธรรมทุกวันธรรมสวณะจึงเรียกยุคนี้ว่า"ยุคสนิทธรรม


    ๕. จำแขนขาด ในสมัยรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดเป็นยุคที่น่าเศร้าใจอีกยุคสมัยหนึ่ง เพราะเป็นสมัยที่พวกตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษ และฝรั่งเศส กำลังแข่งขันกรีฑาทัพเข้ายึดประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเซีย เป็นเมืองขึ้น หรือที่เรียกกันว่า "ยุคล่าอาณานิคม" เมืองสยามของไทยเรานั้น เป็นเมืองรักสงบ เปรียบเสมือนลูกแกะ ไม่มีเขี้ยวเล็บอะไรที่จะไปต่อกรกับชาติมหาอำนาจอย่า งกับอังกฤษและฝรั่งเศส ประเทศเพื่อนบ้านรอบ ๆ ไทยเรา ก็โดนเขากวาดเรียบไปหมดแล้ว เหลือพี่ไทยอยู่เจ้าเดียวเท่านั้น ดังนั้นในสมัยนี้ ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส จึงบีบไทยทุกด้าน หาเรื่องทุกอย่าง ที่จะเป็นเหตุยกทัพบุกยึดประเทศให้ได้ แต่ด้วยพระปรีชาญาณแห่งองค์สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง พระองค์ได้ดำเนินวิเทศโยบายอย่างรัดกุม ทรงเสด็จประพาสยุโรป ถึง ๒ หน รวมไปถึงรัสเซียมหามิตรของไทยในสมัยนั้นด้วย นับว่าเป็นผลสำเร็จอย่างดีเยี่ยมเพราะไทยเราได้เพื่อ นเอาไว้เป็นไม้กันหมา ถึงกระนั้นก็เถอะ ไทยเรายังต้องยอมเสียดินแดนส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนให ญ่เอาไว้ คือไม่ให้เกิดสงครามจนเราแพ้ต้องเสียเอกราช คือเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง (ร.ศ ๑๑๒ หรือ พ.ศ. ๒๔๓๖) แก่ฝรั่งเศส หลังจากที่ในปี พ.ศ๒๔๓๑ ได้เสียแคว้นสิบสองจุไทย ให้มันไปแล้ว (ขออนุญาตใช้คำว่ามัน เพราะพฤติกรรมเยี่ยงอันธพาล)

    ต่อมามันก็หาเรื่องอีก ได้ถอนทัพเรือไปยึดจันทบุรีเอาไว้ ไทยต้องยอมมันอีก โดยยกดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขง และเมืองหลวงพระบาง ให้เจ้าเศษฝรั่งไปครอบครอง ให้ไปร้องไห้ไปล่ะครับ ให้จนกว่ามันจะพอใจหรือไม่สามารถหาเรื่องเราได้อีกแล ้ว ต้องจำแขนขาดเพื่อรักษาชีวิต หรือผืนดินแผ่นใหญ่เอาไว้ให้ลูกหลานจนทุกวันนี้ (เรื่องของไอ้เศษฝรั่งนี่มันยังทำแสบ โดยวางแผนปลงพระชนม์รัชกาลที่ ๕ เมื่อคราวเสด็จประพาสบ้านเมืองของมันอย่างแยบยล เรื่องราวจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามอ่านในตอน "คำพยากรณ์หลวงปู่เอี่ยม กับ ร.๕"

    ส่วนอังกฤษนั้น ค่อยยังชั่วน้อยหน่อย ไม่ถึงกับพาลหาเรื่องนัก โดยในปี พ.ศ. ๒๔๕๒ ไทยเรายอมทำสัญญา ยกดินแดนหัวเมืองทางมาลายู คือ ไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู และปะลิส ให้อังกฤษ เพื่อแลกกับสิทธิสภาพนอกอาณาเขต หรือ อำนาจศาลกงสุล

    ๖. ราษฏร์โจร (ราชโจร) ในสมัยรัชกาลที่ ๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นยุคที่ไทยเรามีการนิยมของนอก มีการฟุ้งเฟ้อ เอาอย่าง เลียนแบบ วัฒนธรรมตะวันตก โดยเฉพาะในหมู่ข้าราชบริพาร ขุนน้ำขุนนางในราชสำนัก มีการแต่งตั้งยศถาบรรดาศักดิ์กันมากเกินไป จนแทบจะไม่มีความหมาย เป็นยุคเริ่มต้นแห่งภัยพิบัติในด้านเศรษฐกิจที่จะตาม มาในยุคต่อไป การกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการปล้นชาติ ปล้นแผ่นดิน ทำลายแผ่นดินทางอ้อม ในสมัยนี้มีผู้คิดปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเหมือน กัน แต่ทำไม่สำเร็จกลายเป็นกบฎไป (กบฎ รศ.๑๓๐)

    ๗. ชนร้องทุกข์ ในสมัยรัชกาลที่ ๗ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดเป็นยุคที่ผู้คนพลเมืองต้องประสบกับภาวะ "ข้าวยากหมากแพง" ผู้คนอดอยาก แร้นแค้นด้วยสภาวะเศรษฐกิจหลังสงครามโลกครั้งที่ ๑ และผลสืบเนื่องมาจากการฟุ้งเฟ้อในรัชกาลก่อน มีการปลดข้าราชการออกเพราะไม่มีเงินเบี้ยหวัด เงินปีให้ เป็นสมัยที่เริ่มให้ประชาชนมีสิทธิ์มีเสียงร้องทุกข์ แสดงความคิดเห็นจนกระทั่งมีการกระทำที่รุนแรงถึงขั้น ปฏิวัติยึดอำนาจ ให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบกษัตริย์ มาเป็นประชาธิปไตย จนในที่สุดพระองค์ต้องทรงสละราชสมบัติ และเสด็จไปสวรรคต ณ ต่างประเทศ

    ๘. ยุคทมิฬ ในสมัยรัชกาลที่ ๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล จัดเป็นอีกยุคหนึ่งที่ประวัติศาสตร์ชาติไทยต้องจารึก ไว้ไม่มีวันลืม เพราะองค์ในหลวงอันเป็นที่รักยิ่งของเรา ทรงถูกลอบปลงพระชนม์ ถึงแก่สวรรคต แม้จนกระทั่งปัจจุบันนี้ คดีก็ยังคลุมเครือ เป็นที่วิพากย์วิจารณ์ เป็นที่กินแหนงแคลงใจของคนทั่วไปถึงสาเหตุแห่งการลอบ ปลงพระชนม์ และผู้บงการ บ้านเมืองในยุคที่เริ่มเปลี่ยนแปลงการปกครองนี้ จัดเป็นยุคที่มีการแย่งชิงอำนาจ มีการปฏิวัติ รัฐประหาร เข่นฆ่าคนไทยด้วยกันเองจัดได้ว่าเป็น "ยุคทมิฬ" ยุคแห่งความเหี้ยมโหด ไร้ความปราณีและศีลธรรมอย่างแท้จริง

    ๙. ถิ่นตาขาว (ถิ่นกาขาว) ในยุคสมัยปัจจุบันแห่งองค์ล้นเกล้า ฯ รัชกาลที่ ๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระภัทรมหาราชเจ้า มีชื่อเรียกยุคนี้ว่า "ถิ่นตาขาว" ซึ่งคงจะหมายถึงพวกฝรั่งตาน้ำข้าวละกระมัง เพราะเป็นยุคที่องค์พระประมุขของเรา พร้อมด้วยองค์พระราชินี ได้เสด็จพระราชดำเนินเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะซีกโลกทางด้านตะวันตก นอกจากนั้นแล้วยังทรงต้อนรับพระราชอาคันตุกะจากประเท ศต่าง ๆ ที่มาเยือนอย่างมากมายเช่นกัน ฝรั่งตาน้ำข้าวเองก็ "อะเมซิ่งไทยแลนด์" ไม่น้อย พากันมาเที่ยวเยี่ยมเยียน ไอ้ที่ติดใจสาวไทย รสอาหารแบบไทยๆ บรรยากาศแบบไทยๆ ก็ตั้งรกรากอยู่เมืองไทยซะเลย กลายเป็นถิ่นฐานของพวกเขาไปซะแล้ว เหตุนี้กระมังจึงเรียกยุคนี้ว่า "ถิ่นตาขาว" และอีกคำหนึ่งที่เพี้ยนเสียงไปเป็น "กาขาว" ล่ะ หมายความว่าอย่างไรดี ตอนแรกนะผมนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ว่า "ตา" จะเป็น "กา" ไปได้อย่างไร แต่พอมาระยะ ๕-๖ ปีให้หลังมานี้ผมึง "บางอ้อ" ไม่ใช่พี่ไทยเลี้ยงอีกาสีขาวหรอกครับ เพราะกายังไงเสีย กาขนมันก็ดำวันยังค่ำ แต่ คนไทยเราไม่เจียมบอดี้ หรือไม่เจียมตนน่ะซิครับ ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนสมัยรัชกาลที่ ๖ ไม่ผิดเพี้ยนเลยคือมีการนิยมของนอก มีการใช้จ่ายที่เกินตัว ฟุ้งเฟ้อ เห่อเหิม อยากได้อะไรเป็นต้องได้ ขนาดลงทุนเป็นหนี้เป็นสินเขาดอกเบี้ยสูงขนาดไหนก็เอา เห็นผิดเป็นชอบ เห็นดำเป็นขาว เหมือนอีกาที่ขนดำก็อยากจะทำให้มันขาว คราวนี้แจ่มชัดหรือยังว่า ทำไมเมืองไทยถึงเป็น "ถิ่นกาขาว" หรือ"ถิ่นตาขาว" ไม่รู้ลองไปถามไอ้พวกฝรั่ง " IMF " ดู แล้วจะรู้ไปถึงก้นบี้งหัวใจ

    ๑๐. ชาวศิวิไลซ์ หมายถึงยุคที่ ๑๐ หรือรัชกาลที่ ๑๐ ซึ่งยังมาไม่ถึง มีผู้ตีความกันต่าง ๆ นานาเมื่อดูจากความหมายแล้ว คำนี้มาจากภาษาอังกฤษ หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง สงบสุขร่มเย็น ดังนั้นก็เป็นอันเชื่อขนมกินกันได้เลยว่า ในรัชสมัยต่อไป ประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเราจะต้องเจริญรุ่งเรื องก้าวหน้า มั่นคงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ประชาชนจะอยู่ร่วมกันด้วยความร่มเย็นเป็นสุข หน้าชื่นตาบานกันทุกถ้วนหน้า จริงเท็จประการใด กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์

    เรื่องปริศนาพยากรณ์ ๑๐ รัชกาลนี้ ในบรรดาสานุศิษย์ของพระเดชพระคุณพระราชพรหมยานเถระ (มหาวีระ ถาวโร) หรือที่รู้จักกันในนาม "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" ศิษย์เอกองค์หนึ่งของหลวงพ่อปานวัดบางนมโค อยุธยา ซึ่งปัจจุบันท่านได้มรณภาพไปแล้ว สรีระไม่เน่าเปื่อย บรรจุอยู่ในโลงแก้ว ณ พระวิหารวัดท่าซุงจ.อุทัยธานี คงจะได้ยินได้ฟังมาอีกแบบหนึ่งถึงที่มาของคำปริศนาพย ากรณ์ กล่าวคือในสมัยที่พระคุณท่านยังดำรงสังขารอยู่ได้เล่ าให้ศิษยานุศิษย์ฟังดังนี้

    "ในสมัยที่อาตมา (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) อยู่กับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ปีนั้นจำได้ว่าเป็นปี พ.ศ. ๒๔๘๐ หลวงพ่อปานไม่อยู่ อาตมาเป็นนักค้นแล้วก็คว้าด้วย ท่านวางอะไรไว้ที่ไหนไม่มีใครเขากล้าหยิบ แต่อาตมาคนเดียวกล้าหยิบ สันดานมันเลว เป็นลิงนี่จะให้มันเรียบร้อยได้อย่างไร ค้นไปค้นมาในกุฏิหลวงพ่อปานแล้วก็พบสมุดข่อย เป็นคำพยากรณ์ของพระอรหันต์สมัยกรุงศรีอยุธยา พยากรณ์ไว้ตั้งแต่กรุงเทพยังไม่ปรากฏ แต่สมุดข่อยนั้นเก่า ขาดกระรุ่งกระริ่ง ข้อความก็ขาด จึงไปกราบเรียนามหลวงพ่อปาน หลวงพ่อปานท่านก็บอกว่า เดิมหนังสือเล่มนี้เป็นสมบัติของหลวงปู่คล้าย แต่ทว่ามันเก่าเต็มทีก็เลยจ้างเขาเขียนไว้ในสมุดข่อย อีกเล่มหนึ่ง แล้วหลวงพ่อปานก็สั่งให้ไปหยิบหนังสือเล่มนั้นจากกุฏ ิของท่านซึ่งซุกไว้ใต้ตู้นาฬิกา เอาผ้าสีแดงห่อไว้อย่างดีเหมือนกับจะเตรียมไว้ให้เจ้ าลิงอ่าน เมื่อเปิดผ้าออกดูแล้วปรากฎว่าหนังสือเล่มนั้นดูราวก ับว่าจะมีอายุสัก ๓๐ ปีเศษ ๆ ตัวหนังสืออ่านง่าย เป็นคำทำนายของหลวงพ่อใย ซึ่งเป็นพระอรหันต์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้พยากรณ์กรุงเทพมหานครซึ่งจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า และกล่าวถึงพระเจ้าแผ่นดินของกรุงเทพมหานครไว้ด้วยดั งนี้

    ๑.มหากาฬผ่านมหายักษ์ ๒.รู้จักธรรม ๓.จำต้องคิด ๔.สนิทธรรม ๕.จำแขนขาด ๖.ราษฏร์ราชาโจร ๗.นั่งทนทุกข์ ๘.ยุคทมิฬ ๙.ถิ่นกาขาว ๑๐.ชาววิไล

    รัชกาลที่ ๑ มหากาฬผ่านมหายักษ์ หมายถึง สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกผ่านพระเจ้าตากสินไม่ใช่ฆ ่า ตามประวัติศาสตร์บอกว่า พระเจ้าตากสินถูกรัชกาลที่ ๑ สั่งปลงพระชนม์ โดยใส่กระสอบแล้วเอาท่อนจันทน์ทุบให้ตายนั้น อันนี้อาตมาเห็นทีจะต้องยอมรับ อาตมานะรับรองว่าคำสั่งก็ต้องเป็นคำสั่งจริง ๆ ประหารก็ต้องประหารจริง ๆ แต่ว่าคนที่ตายนั้นไม่ใช่พระเจ้าตากสิน เป็นคนอื่นเขาตายแทน แล้วพระเจ้าตากสินไปทางไหน ทำไมจึงต้องทำกันอย่างนั้น นี่เป็นเรื่องของการเมือง พระเจ้าตากสินทรงกู้ชาติสมัยที่กรุงศรีอยุธยาแตกในคร าวนั้นได้ตีฟันฝ่าข้าศึกออกมา จะเอาเงินที่ไหนออกมาแล้วในระหว่างกู้ชาติ จะเอาเงินทองที่ไหนมา การบริหารประเทศต้องใช้เงิน นั่งคิดดูซิความลำบากของพระเจ้าตากสินมีเพียงใด

    เรื่องนี้มันต้องมีการกู้การยืมกัน อาตมาพูดเท่านี้แหละ แต่ขอยืนยันว่าพระเจ้าตากสินไม่ได้ตาย ขอให้นักประวัติศาสตร์สืบค้นกันให้ดี แล้วจะพบจุดสำคัญของประวัติศาสตร์ จะหาว่าพระราชวงศ์จักรีเป็นกบฏต่อพระเจ้าตากสินแล้วข ึ้นเถลิงราชย์ไม่ได้ เพราะเป็นพระราชประสงค์ของพระเจ้าตากสินเอง เพื่อหวังจะให้ชาติไทยอยู่รอด ทรงความเป็นชาติไทยต่อไป และเพราะอะไรพระองค์จึงไม่ทรงสละราชสมบัติเฉย ๆ นั่นเป็นเรื่องของการเมือง ทำไม่ได้ พระเจ้าตากสินมหาราชไม่ใช่เป็นกษัตริย์ที่มีความโง่ไ ม่รู้เท่าทันคน ถ้าพระองค์มีความโง่ไม่รู้เท่าทันคนแล้ว จะทรงกู้ชาติได้อย่างไรภายในปีเดียว ขอให้ท่านพุทธบริษัททั้งหลายช่วยกันพิจารณาด้วยปัญญา ที่แท้จริง เอาระบบการเมืองเข้ามาเทียบเคียงกับความจริง แล้วจะทราบความจริงต่อไปในวันข้างหน้า เอากันแค่นี้ก็พอ

    รัชกาลที่ ๒ รู้จักธรรม ให้พระสงฆ์ทั้งหลายค้นคว้าพระธรรมวินัยกันใหญ่ รัชกาลที่ ๓จำต้องคิด พระองค์ทรงคิดหนัก ก่อนจะสวรรคตทรงมีลายพระหัตถ์ ถึงรัชกาลที่ ๔ ว่า ถ้าฉันตาย ฉันไม่ตั้งรัชทายาท เมื่อฉันตายแล้วลูกของฉันถ้าไม่ให้รับราชการ ก็ให้ลงโทษเพียงแค่เนรเทศ อย่าให้ถึง กับต้องฆ่าแกงกันเลย รัชกาลที่ ๔ สนิทธรรม ทรงผนวชถึง ๒๗ พรรษาและทรงเชี่ยวชาญด้านธรรมะ รัชกาลที่ ๕ จำแขนขาด เสียดินแดนให้แก่พวกฝรั่งเศสและอังกฤษ

    รัชกาลที่ ๖ ราษฏรราชาโจร ชาวบ้านหาว่าพระองค์เป็นโจร เอาเงินในท้องพระคลังไปใช้เสียหมด (สร้างเมืองจำลอง ดุสิตธานี, สร้างพระราชวังสนามจันทร์ นครปฐม) ความจริงพระองค์ทำเช่นนั้น เพราะต้องการให้คนไทยรู้จักคำว่าประชาธิปไตย โดยพระองค์ท่านทำทุกอย่างเพื่อให้คนทั้งหลายเห็นว่าก ษัตริย์ไม่ได้ทรงถือพระองค์เล่นโขนเล่นละครกับคนทั่ว ไปก็ได้ รัชกาลที่ ๗ นั่งทนทุกข์ ทรงเถลิงราชสมบัติในช่วงของเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ต้องให้ข้าราชการออก เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทรงสละราชสมบัติ รัชกาลที่ ๘ ยุคทมิฬ เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง และพระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์ รัชกาลที่ ๙ ถิ่นกาขาว คนไทยเห่อตามพวกฝรั่ง ทั้งแฟชั่น เครื่องแต่งกายเพลงร้อง อะไร ๆ ก็ฝรั่งทั้งนั้น ถึงจะดี รัชกาลที่ ๑๐ ชาววิไล คือยุคที่บ้านเมืองของไทยเจริญรุ่งเรืองอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้เหตุการณ์ยังมาไม่ถึง

    เป็นไงครับท่านผู้อ่านที่เคารพ ลองใช้ปัญญาพิจารณาเปรียบเทียบหาเหตุผลกันเอาเอง ผมมีหน้าที่นำเสนอ จากตำรับตำรา หนังสือวารสารต่างๆ ที่มีอยู่เท่านั้น ในขณะที่เขียนบทความอยู่นี้เราท่านทั้งหลายยังมองไม่ เห็นทางเลยนะครับ ว่าอนาคตข้างหน้าของไทยเรานั้นจะเจริญรุ่งเรืองได้อย่างไร ตราบใดที่ยังเป็น "ทาสเศรษฐกิจ" ของฝรั่งตาน้ำข้าว IMF อยู่ แม้เราท่านจะไม่รู้ไม่เห็นเหตุการณ์ในอนาคต แต่ท่านฤาษีลิงดำ ท่านเคยกล่าวเอาไว้ว่า

    "ในราวปลายรัชกาลที่ ๙ หรือรัชกาลที่ ๑๐ นี้ ประเทศไทยจะขุดพบแร่สำคัญชนิดหนึ่ง ซึ่งมีกำลังคล้ายแร่ยูเรเนียมแต่ทว่ามีกำลังสูงกว่า ถ้าใช้ทางด้านสันติจะมีความเย็นสามารถเผาโรคได้ด้วยอำนาจของความเย็น ถ้าใช้ทางด้านพลังงาน ก็จะมีพลังงานสูงมาก ถ้าใช้ฆ่าฟันกันก็จะมีพลังงานมากยิ่งกว่าแร่ที่เขาใช้ กันในปัจจุบัน เวลานี้ขุดมาได้ก็เหนื่อยเปล่า ๆ ไม่มีประโยชน์ ถึงเวลามันจะปรากฎเอง และเมืองไทยจะมีทรัพยากรต่าง ๆ ปรากฎขึ้นมาอีกมากมาย เริ่มตั้งแต่พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นต้นไป และจะค่อยๆ มีมากขึ้นอย่างเต็มที่ เมื่อกลางสมัยรัชกาลที่ ๑๐ ต่อไป ประเทศไทยจะมีความมั่งคั่งสมบูรณ์ ประเทศชาติจะร่ำรวยมาก "

    คอยดูกันนะจะถูกอีกรึป่าว ถูกมาเก้ารัชกาลแล้ว


     
  15. siwarit

    siwarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,159
    ค่าพลัง:
    +6,173
    ขอบคุณครับ น้อมรับคำเตือนครับ ผมคิดอยู่นาน และแก้หลายรอบเหมือนกันครับว่าจะตัดทิ้งหรือคงไว้ ที่ผมคงรูปไว้แม้ว่าจะสะกิดใจคนไทยหลาย ๆ คน แต่เพื่อเปรียบเทียบคำทำนายในหนังสือพระมหาชนก ผมเลือกที่จะเก็บไว้ครับ

    ผมไม่ได้ตีความเรื่องของการล้มหรือเรื่องสงครามนะครับ แต่ผมนำเสนอคำเตือนผ่านหนังสือพระมหาชนก ต่อภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น รวมไปถึงการมีศีลธรรมที่ลดลงของคนไทย เพียงแต่ที่อ้างอิงมามีคำพูดในส่วนนั้นเท่านั้นเองครับ ไม่ได้มีเจตนากล่าวล้ำถึงความขัดแย้งของสีต่าง ๆ ครับ

    อีกอย่างกระดานข่าวที่นำเสนอเรื่องนี้เค้าไม่ได้พูดถึงความขัดแย้งหรือพูดถึงการย่อยยับจากภัยสงครามครับแต่เป็นการวิเคราะห์ถึงสิ่งที่ในหลวงท่านทรงรู้ล่วงหน้าครับ (ต้องขออภัยที่ทำให้เข้าใจผิด) และสิ่งที่พูดถึงกันคือ ภัยพิบัติครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2010
  16. ton3170

    ton3170 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    239
    ค่าพลัง:
    +1,372
    เห็นพี่หนึ่งเอาคำทำนายมาลง เลยขอประชาสัมพันธ์เพิ่มเกี่ยวกับการบิดเบือนหน่อยนะครับ

    1.คำทำนายนี้มาจากหลวงพ่อฤาษี ซึ่งท่านไปพบสมุดข่อย ซึ่งพระอรหันต์ในอดีตนามว่า พระพุทธโฆษาจารย์ (ลำใย) เขียนไว้ ทำนายชะตาบ้านเมืองก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะแตกเสียอิสรภาพแก่พม่า ก่อนที่กรุงเทพฯ ยังไม่ปรากฏ ดังนั้นคำทำนายนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับสมเด็จโต แต่ประการใด (หรือคำทำนายนี้อาจจะมีเก็บไว้กับสมเด็จโตอีกชุดหนึ่ง ผมก็ไม่อาจทราบได้)

    2.มีคนเอาคำทำนายนี้ไปแต่งเป็นบทกลอนซึ่งคงผ่านตาหลายๆ ท่านไปแล้ว และบอกว่าเป็นของหลวงพ่อฤาษี ซึ่งไม่เป็นความจริง บทกลอนนี้มีการบิดเบือนแต่งเติมลายเรื่องเช่น
    "จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคทามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ"

    ของจริงเข้าไปอ่านได้ที่

    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=875
    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=680
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2010
  17. ton3170

    ton3170 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    239
    ค่าพลัง:
    +1,372
    ครับ ขอน้อมรับความคิดเห็นเช่นกันครับ

    ถ้ามีสิ่งใดทำให้ไม่พอใจกันขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยนะครับ :d:d:d
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2010
  18. ศิษย์หลวงปู่กวย009

    ศิษย์หลวงปู่กวย009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,867
    ค่าพลัง:
    +17,327

    ใช่ครับ คนบางกลุ่ม ที่คุณบอก คนพวกนั้น เค้าไม่รัก ประเทศไทย ไม่รักแผ่นดินไทย ครับ

    และที่คุณ ศิวฤทธิ์ ลง ก็เอาข้อมูลมาจาก หนังสือ พระมหาชนก ครับ เป็นสิ่งที่ พ่อหลวง ทรงรู้เหตุการณ์ ล่วงหน้า ครับ และได้ตีพิมพ์ ให้ประชาชน ได้รับรู้ เรื่อง ที่จะเกืดขึ้น ในวันข้างหน้า (ซึ่งก็เกิดขึ้นบ้างแล้ว)


    ลองดูรูปประกอบ จากหนังสือ ซึ่ง พิมพ์ ก่อนเหตุการณ์เกิดขึ้น

    ทำไม ภาพวาดจิตรกรรมไทย ถึงมี ภาพ คนใส่หมวกกันน็อค

    เป็นสิ่งที่ พระองค์ ทรงทราบล่วงหน้า และได้ สั่งให้มีการพิมพ์ ออกมา เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 30802.jpg
      30802.jpg
      ขนาดไฟล์:
      239.2 KB
      เปิดดู:
      55
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2010
  19. ศิษย์หลวงปู่กวย009

    ศิษย์หลวงปู่กวย009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,867
    ค่าพลัง:
    +17,327
    มาลองอ่าน คำทำนายอนาคตของโลก กันดูบ้าง น่ากลัวดีแท้

    นอสตราดามุสแห่งบัลแกเรีย ทำนายชะตาโลก ถึงปี 3797

    เรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องที่คิดอยู่นานเหมือนกันว่าควรนำมาเผยแพร่หรือไม่ เพราะเรื่องค่อนข้างน่าสนใจสำหรับคนไทยอย่างเรา แต่ขณะเดียวกัน ก็เห็นว่าน่ากลัวอยู่ไม่น้อย นอกจากนั้นก็ยังเป็นแนวของไสยศาสตร์ความเชื่อ และอาจจะมีเรื่องของการหลอกลวงต้มตุ๋นรวมอยู่ด้วยไม่น้อย แต่หลังจากที่ปรึกษาคนอื่นๆ และคิดเอาเองว่าชาวโอเคเนชั่น มีวิจารณญาณสูง ย่อมใช้สมองไตร่ตรองเอาเองได้ว่าอะไรถูกอะไรไม่ถูก จึงตัดสินใจนำมาเสนอครับ
    มันเป็นเรื่องการทำนายโชคชะตาของโลกตลอดช่วงหลายร้อยปีต่อจากนี้
    และผู้ทำนายก็คือวานก้า

    วานก้า หรือชื่อจริงคุณยาย วานเกเลีย ปานเดว่า กุชเตโรว่า เป็นชาวบัลแกเรีย ซึ่งตายไปเมื่อหลายปีก่อน คุณยายผู้นี้เกิดเมื่อ 31 มกราคม 1911 ! ในครอบครัวชาวนายากจนที่หมู่บ้าน สตรูมิซ่า ที่ปัจจุบันอยู ่ใน มาเซโดเนีย เมื่อคลอดออกมา คุณยายทำท่าว่าจะไม่รอดตั้งแต่หลังคลอด แต่ไม่ยักกะตาย และหลังจากมีอายุได้ 2 เดือน เด็กน้อยก็กลับมาแข็งแรงเหมือนเด็กปกติ ตอนอายุ 3 ขวบ แม่คุณยายก็เกิดมาตาย ไม่นานหลังจากนั้น พ่อก็ถูกเกณฑ์ไปรบในสงครามโลกครั้งแรก เพื่อนบ้านต้องช่วยกันดูแลเด็กน้อยแทน หลังจากพ่อกลับมา ชีวิตของท่านก็ดีขึ้น เมื่อพ่อมีเมียใหม่ แม่ใหม่ก็ไม่ได้รังเกียจลูกเลี้ยง
    พอคุณยายมีอายุได้ 12 ขวบ ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดกับตัวท่าน กล่าวคือได้เกิดพายุหมุนในหมู่บ้าน ( โดยก่อนและหลังเหตุการณ์ครั้งนั้น ไม่เคยมีปรากฏการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเลย) พายุได้หอบเอาคุณยายขึ้นไปเบื้องบน ก่อนจะปล่อยตกลงมาในภายหลัง และหลังจากนั้นตาของคุณยายก็เริ่มมองไม่เห็น หลังการผ่าตัดก็ไม่หาย และมองไม่เห็นโดยสิ้นเชิง 3 ปีหลังเหตุการณ์นั้น
    ปี 1925 คุณยายถูกส่งตัวเข้าโรงเรียนคนตาบอด และใช้เวลาอยู่ที่นี่ 3 ปี เมื่อกลับมาบ้าน ก็ต้องเจอกับชีวิตที่ยากลำบาก ทั้งความยากจน งานหนัก และโรคภัยไข้เจ็บที่เกือบจะคร่าชีวิต แต่ในช่วงนั้นเองที่คุณยายเริ่มรู้สึกตัวว่ามีอำนาจพิเศษ นั่นก็คือการมองเห็นเหตุการณ์ต่างๆทั้งจากในความฝัน พรายกระซิบ และอื่นๆ ทำให้สามารถทำนายทายทักเหตุการณ์ทั้งที่จะเกิดในอนาคต และเกิดมาแล้วได้อย่างแม่นยำมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องทหารที่สูญหายไปในแนวหน้า แต่ตอนแรก คุณยายไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับใคร กลัวจะถูกหาว่า นอกจากบอดแล้วยังบ้า
    คำทำนายครั้งแรกของคุณยาย มีขึ้นเมื่ออายุ 16 ปี คือการบอกถึงสถานที่ที่แพะของพ่อที่ถูกลักไป ถูกนำไปซ่อน คุณยายบอกว่า ท่านเห็นสิ่งนี้ในฝัน
    < SPAN lang=TH>ปี 1942 คุณยายแต่งงานกับหนุ่มที่รู้จักกันที่โรงเรียนคนตาบอด และเริ่มเป็นนักทำนายอย่างเป็นงานเป็นการตอนอายุ 30 ช่วงนี้คุณยายเริ่มโด่งดังมากขึ้น เมื่อทำนายทายทักว่า ทหารคนไหน จะกลับมาจากแนวหน้า หรือไม่ได้กลับ ทำให้ผู้คนแห่แหนกันมาหาคุณยาย ให้ช่วยทำนายทายทัก ทั้งเรื่องทหาร เรื่องโรคที่ป่วย
    จากการประเมิน เชื่อว่า มีผู้มาขอความช่วยเหลือจากคุณยายมากถึงกว่าล้านคน แต่ไม่มีหลักฐานอะไรมายืยยันเรื่องนี้ได้ เพราะไม่ได้มีการจดบันทึกใดๆทั้งสิ้น นอกจากนั้น บางคนก็ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาหรือเธอ มาขอความช่วยเหลือจากคุณยายบ้านนอกตาบอด ว่ากันว่า หนึ่งในผู้ที่มาหาคุณยาย เพื่อให้ทำนายโชคชะตาก็คือ ฮิตเลอร์
    เมื่อบัลแกเรีย กลายเป็นประเทศสังคมนิยม ทางการก็เข้ามาตรวจสอบคุณยาย แถมยังส่งคุณยายไปนอนถึงอยู่ครึ่งปี เพราะดันไปทำนายทายทักเรื่องการตายขอ! งสตาลิน แต่เมื่อเรื่องการตายเกิดขึ้นจริง พวกเขาก็ปล่อยคุณนายออกมา ฝ่ายศาสนาเองก็ไม่ชอบหน้าคุณยาย เพราะคำทำนายหลายข้อขัดแย้งกับความเชื่อทางศาสนาของกรีกออโธดอกซ์
    ในส่วนของความแม่นยำนั้น จากการทำวิจัยของนักวิทยาศาสตร์บัลแกเรียผู้หนึ่งที่ติด ตามคำทำนายมากกว่า 7 พันคำทำนายของคุณยาย ก็สรุปว่า ถูกต้องถึง 80 เปอร์เซ็นต์ โดยคำว่าแม่นในที่นี่ ระบุด้วยว่า เกินกว่าระดับที่จะถือได้ว่าเป็นการประจวบเหมาะ
    และเมื่อไม่สามารถสยบกระแสนิยมการมาใช้บริการ ทางการก็เลยหาทางทำเงินทำทองจากเรื่อง! นี้อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ ปี 1967 จนถึง 1 990 คุณยาย ถือเป็นข้าราชการคนหนึ่ง และมีการกำหนดสนนราคาการเข้ามาขอใช้บริการของคุณยายวานก้า ไว้อย่างเป็นกิจลักษณะ โดยคนจากประเทศสังคมนิยม 15 ประเทศคิดค่าบริการคนละ 10 เลียฟ (ประมาณ 2 ดอลล่าร์ ) ส่วนจากประเทศอื่นๆที่เหลือคิดคนละ 50 ดอลล่าร์ งานนี้ทางการรับเข้ากระเป๋าไปหมด ในส่วนของตัวคุณยาย ก็จะได้เงินเดือนเดือนละ 200 เลียฟ นอกจากนั้นก็ยังได้รถยนต์ บ้าน และคนรับใช้
    จากคนที่เคยถูกทางการจับ คุณยายวานก้า ได้กลายเป็น ความภาคภูมิใจของบัลแกเรียไปเสียแล้ว
    เมื่อมีคนชอบ ก็มีคนชัง คนที่ชิงชังคุณยายตาบอดรายนี้มากที่สุด ออกมาติติงคุณยายว่า ทีอันไหนทายถูกแล้วละก็ จำได้จำดี ส่วนอันไหนทายผิด ดันลืมไปหมดนานแล้ว นอกจากนั้น ก็ยังบอกว่าคุณยายทำงานประสานกับหน่วยข่าวกรองบัลแกเรียในการทำนายโชคชะตาผู้คน คือให้หน่วยข่าวกรองไปสืบข้อมูลของคนที่จะมาพบคุณยายเป็นการล่วงหน้า เขาบอกว่าหลักฐานในเรื่องนี้ก็คือหลังจากรัฐบาลคอมมิวนิสต์ล้มลง ฝ่ายข้าวกรองไม่ได้เข้ามาช่วยเหลืออีกต่อไป การทายของคุณยายก็แย่ลง

    เรือดำน้ำคูร์สค์
    ตัวอย่างการทำนายของคุณยายวานก้าที่ว่าแม่ นๆนั้น ก็อย่างเช่นเรื่องเรือดำน้ำคูร์สค์ ของรัสเซียที่ระเบิดเมื่อหลายปีก่อน ที่คุณยายทำนายไว้ตั้งแต่ปี 1980 คุณยายทำนายเรื่องนี้ว่า ' ในปี 1999 หรือ 2000 คูร์สค์ จะจมอยู่ใต้น้ำ ผู้คนทั้งโลกจะเศร้าใจกับมัน ' แต่ตอนนั้นไม่มีใครเชื่อ เพราะเมืองคูร์สค์ อยู่ไกลจากทะเล หรือแม่น้ำ และไม่มีใครฉุกคิดว่าคุณยายทำนายถึงเรื่องดำน้ำคูร์สค์
    นอกจากนั้น คุณยายวานก้า ก็ยังทำนายตั้งแต่ปี 1979 ถึงการที่สหภาพโซเวียต จะกลับคืนมาเป็นรัสเซียเหมือนเดิม เรื่องที่สหรัฐถูกผู้ก่อการร้ายโจมตี ในเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001 ตั้งแต่ปี 1989 เรื่องการลงนามในสนธิสัญญาจำกัดอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างกอร์บาชอฟกับเรแกน การเข้ามาอยู่ในกลุ่ม จี 8 ของรัสเซีย การกลับมาเป็นมหาอำนาจอีกครั้งของรัสเซีย การขึ้นม! ายิ่งใหญ่ของคนชื่อ วลาดิมีร์ และเรื่องวันตายของคุณยายเอง
    คุณยายตายเมื่อ 11 สิงหาคม 1996 เวลา 10:10 น. ตรงตามที่ทำนายเอาไว้ทั้งวันที่ และเวลา

    และต่อไปนี้คือคำทำนายถึงโลกในอนาคตครับ
    2008 - ผู้นำ 4 ประเทศถูกลอบสังหาร กรณีพิพาทในอินโดสถาน เป็นปัจจัยหนึ่งที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3
    2010 - เริ่มสงครามโลกครั้งที่ 3 ( พฤศจิกายน 2010 - ตุลาคม 2014 ) ตอนแรกก็ใช้อาวุธธรรมดา ต่อมาก็ตามด้วยนิวเคลียร์และอ! าวุธเคมี การนำอาวุธนิวเคลียร์มาใช้ ทำให้ซีกโลกเหนือ จะไม่เหลือทั้งพืชและสัตว์ จากนั้นพวกมุสลิม จะใช้อาวุธเคมีเข้าจัดการกับชาวยุโรปที่ยังหลงเหลืออยู่ ผู้คนจะป่วยเป็นฝีหนองและมะเร็งผิวหนังกันมากจากผลของอาวุธเคมี
    2016 - ยุโรปแทบจะร้างผู้คน
    2018 - จีนเป็นมหาอำนาจของโลกรายใหม่ ประเทศกำลังพัฒนา กลับกลายจากประเทศผู้ถูกกดขี่ มาเป็นผู้กดขี่เสียเอง
    2023 - วงโคจรของโลกเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
    2028 - เกิดแหล่งพลังงานใหม่ (คาดว่า น่าจะเป็น เทอร์โมนิวเคลียร์ รีแอ็คชั่น ) โลกเริ่มเอาชนะปัญหาความอดอยากได้ มนุษย์เริ่มเดินทางไปยังดาวศุกร์
    2033 - น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น
    2043 - เศรษฐกิจโลกรุ่งเรือง มุสลิมปกครองยุโรป
    2046 - มนุษย์ปลูกอวัยวะได้ทุกอย่าง การเปลี่ยนอวัยวะ เป็นวิธีการรักษาโรคที่ดีที่สุด
    2066 - สหรัฐโจมตีกรุงโรมของพวกมุสลิมด้วยอาวุธใหม่ คืออาวุธสภาพอากาศ ซึ่งทำให้อากาศหนาวเย็นลง
    2076 - สังคมไร้ชนชั้น (คอมมิวนิสต์)
    2084 - ธรรมชาติได้รับการฟื้นฟู
    2088 - เกิดโรคใหม่ โรคแก่ติดจรวด (แก่ในไม่กี่วินาที)
    2097 - เอาชนะโรคแก่ติดจรวดได้ !
    2100 - ดวงอาทิตย์เทียมให้แสงส่างกับโลกส่วนที่มืด
    2111 - มนุษย์ กลายเป็นมนุษย์ไซบอร์ก (หุ่นยนต์มีชีวิต)
    2125 - โลกได้รับสัญญาณจากอวกาศ
    2130 - โลกไปตั้งอาณานิคมใต้น้ำ (จากคำแนะนำของมนุษย์ต่างดาว)
    2164 - สัตว์ กลายเป็นสัตว์กึ่งมนุษย์
    2167 - เกิดศาสนาใหม่
    2183 - อาณานิคมบนดาวอังคารมีอาวุธนิวเคลียร์ และต้องการเป็นเอกราชจากโลก
    2187 - โลกหยุดยั้งการระเบิดของภูเขาไฟขนาดใหญ่ 2 ลูก
    2195 - อาณานิคมใต้น้ำ เลี้ยงตัวเองได้โดยสมบูรณ์ ทั้งอาหารและพลังงาน
    2196 - ชาวเอเชียผสมกับชาวยุโรปโดยสมบูรณ์
    2221 - ในการติดตามหาชีวิตนอกโลก มนุษย์ต้องเจอกับอะไร! บางอย่างที่น่ากลัว
    2256 - ยานอวกาศนำโรคร้ายกลับมายังโลก
    2262 - วงโคจรของโลกเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ดาวหางเกือบชนดาวอังคาร
    2273 - การผสมปนเปกันของคนผิวขาว ผิวเหลือง และผิวดำ ก่อเกิดเป็นคนสีผิวใหม่
    2279 - พบพลังที่ไม่ได้มาจากอะไรเลย (คาดว่าอาจจะมาจากสภาพสูญญากาศ หรือไม่ก็หลุมดำ )
    2288 - มีการเดินทางไปกับกาลเวลา กา รติดต่อครั้งใหม่กับมนุษย์ต่างดาว
    2291 - ดวงอาทิตย์เริ่มเย็นลง มีความพยายามที่จะจุดมันขึ้นมาใหม่
    2296 - เกิดระเบิดครั้งใหญ่บนดวงอาทิตย์ สถานีอวกาศและดาวเทียมเก่าเริ่มตก
    2299 - ในฝรั่งเศสเกิดการจลาจลต่อต้านมุสลิม
    2302 - เปิดกฏใหม่เรื่องความลับของจักรวาล
    2304 - พบความลับของดวงจันทร์
    2354 - เกิดความผิดพลาดกับดวงอาทิตย์เทียม ก่อให้เกิดความแห้งแล้ง
    2371 - เกิดปัญหาความอดอยากครั้งใหญ่
    2480 - ดวงอาทิตย์เทียม 2 ดวงชนกัน
    3005 - สงครามบนดาวอังคาร
    3010 - ดาวหางชนดวงจันทร์ เศษซากที่กระจาย พากันโคจรรอบโลก
    3797 - ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเหลือบนโลก แต่มนุษย์ได้ไปวางสิ่งจำเป็นพื้นฐานสำหรับ! การดำรงชีวิตบนดาวดวงอื่นแล้ว

    ลองอ่านดูมันเหมือนกับ หนังวิทยาศาสตร์เลยเนาะ 5555

    <!--IBF.ATTACHMENT_722785-->
     
  20. siwarit

    siwarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,159
    ค่าพลัง:
    +6,173
    ตอนที่เปิดให้สั่งจองหนังสือพระมหาชนก ตอนนั้นมี 2 ชุด ชุดแรกเหรียญใหญ่ผมสั่งจองไม่ทันตอนนั้นจำได้ว่า 1,000 บาทพร้อมหนังสือครับ ใส่กล่องอย่างดี ตอนนี้ในตลาดให้บูชาประมาณ 15,000 - 20,000 บาทครับ

    [​IMG]

    เนื่องจากสั่งจองไม่ทันพอมีเหรียญเล็กออกมาก็รีบบูชาทันที เพราะผมอยากได้พระของในหลวงอยู่แล้ว ยิ่งสมเด็จจิตรลดานี่อยากได้ (ได้แค่อยากครับ) แต่ไม่สามารถหามาครอบครองได้ พอเห็นเหรียญพระมหาชนก เป็นเหรียญที่ท่านทรงออกแบบด้วยครับ เลยไม่รอช้า ตอนนั้นเหรียญพร้อมหนังสือ 500 บาท ลองถามอากู๋ดูบอกตอนนี้ประมาณ 4,000 - 5,000 บาทครับ

    เดี๋ยวต้องเอาหนังสือมาอ่านบ้างแล้วครับ มีแต่ไม่เคยหยิบมาจับเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...