พญานาคราช 4 ตระกูล นครคำชะโนด

พี่อุ้ม และีพี่ๆน้องๆท่กท่าน จะไปทำบุญที่วัดป่าเล่ไล เมืองหาดทรายฟอง สปป.ลาว ออกพรรษานี้ไหม 23 ตุลาคม 53 อยู่หนองกระแส เขตโขงมีสัญญาณโทรศัพท์ไทยด้วย ติดแม่น้ำของ ตรงข้ามกับฝังอำเภอท่าบ่อ หนองคายเลย เลยครับวัดนี้

 

แล้วองค์ที่กายเป็นแก้วละท่านสิทธา

 

พี่อยากไปนะยา แต่ท่านชายของพี่จะมีปัญหาป่าวไม่รู้ เรื่อง he เยอะ 555 เด๋วลองคุยดูก่อน

 

ไม่แน่พี่อุ้มอาจจะได้ไปจ๊ะ

 

มีความเชื่อว่า........
พญานาคราช ระดับชนชั้นปกครอง มีมากมายกว่า ๙ พระองค์
แล้วแต่จะปกครองสถานที่ใด เหมือนอาณาจักรต่างๆในสมัยก่อน
พญานาคราช ระดับ นาคาธิบดี ก็เคยได้ยินแต่
พญานาคาธิบดีศรีสุทโธวิสุทธิเทวา เป็นพญานาคราชประจำพระอินทร์
ปกครองฝั่งไทย ลุ่มแม่น้ำโขง โดยเฉพาะอิสาน ซึ่งพวกเรารู้จักกันดีอยู่แล้ว
กับ พญานาคาธิบดีศรีสัตตนนาค เป็นพระอนุชาของ ปู่ศรีสุทโธฯ
ปกครองฝั่งลาวทั้งหมด

ส่วน ท่านอื่นๆ พวกเราก็พอรู้จักกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ เช่น ที่เกี่ยวกับเทพ
พญาอนันตนาคราช พญานาคราช ประจำองค์พระนารายณ์
(ถ้าอยู่ในประเทศไทย จะปรากฏบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาจนถึงอ่าวไทย
และที่สำคัญ เป็นพญานาคราช ประจำพระมหากษัตริย์ไทย)
พญาอเนกชาติภุชงค์ พญานาคราช ประจำองค์พระอิศวร
พญามุจลินทร์ พญานาคราช ประจำพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
(ถ้าอยู่ในประเทศไทยจะปรากฏบริเวณแม่น้ำปิง จ.ตากลงมา)
พญาจันทราคุปต์นาคราช พญานาคราช ประจำองค์พระพิฆเนศ
ยังมีมเหสีของพญานาคราชแต่ละพระองค์อีก ไม่ขอกล่าวถึง

นอกจากนี้พญานาคในดินแดนสุวรรณภูมิ ก็มีอาณาเขตปกครองดินแดนของตน
แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นลุ่มแม่น้ำ หรือเทือกเขาที่สำคัญ เช่น

พญาเกล็ดแก้วนาคราช พญานาคราช
ปกครองดูแลส่วนภาคตะวันออกของประเทศไทย

พญานาคเสนนาคราช ปกครองดูแลลุ่มแม่น้ำ เจ้าพระยาและลุ่มแม่น้ำภาคกลาง

พญากือหลวงภุชคินทร์นาคราช ปกครองดูแลแถบแม่น้ำวัง ลำปาง

พญาพิงคอัฆคินทร์นาคราช ปกครองดูแลแม่น้ำปิง ถึงเมืองเชียงใหม่

พญาภุชครินทร์นาคราช พญานาคที่ดูแลแถบสุโขทัย พิษณุโลก
ประมาณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน
เป็นพญานาคราชที่เป็นพ่อบุญธรรมของพระสังข์(สังข์ทอง - รจนา)
ผู้ประทานคาถา มนต์จินดามณี ซึ่งหลายๆท่านก็รู้จักดีอยู่แล้วนี่ครับ
เป็นคาถาที่หลายๆคนที่มีเพชรพญานาค หรือ ลูกแก้วพญานาค
นำไปสวดเพื่อเสริมบารมีและศิริมงคล โชคลาภ

พญาสุวรรณนาคราช ปกครองดูแล ลุ่มแม่น้ำน่าน - ยม
พระองค์นี้เป็นศัตรูกับพญานาคาธิบดีศรีสุทโธฯ
(หวังว่าคงไม่มีลูกหลานปู่สุวรรณนาคราชมาอ่านกระทู้นี้นะครับ
แต่อ่านก็ไม่เป็นไร เรื่องราวตำนานในอดีตเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ผ่านไปแล้ว)
แต่ก่อนทั้งสองท่านก็เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่ ภายหลังกลายเป็นศัตรูกัน
ไม่รู้ว่าท่านทั้งสอง จะคืนดีกันรึยัง
ขนาดน้ำในแม่น้ำน่านมาเทใส่ขวดผสมกับน้ำจากแม่น้ำโขง
ขวดยังแตกเลยครับ....อันนี้ไปพิสุจน์เอาเอง

การใช้คำว่า "ปกครอง" จะเข้าใจง่าย
แต่จริงๆแล้ว หมายถึง "มักจะปรากฏบริเวณนั้นๆ บ่อยๆ"
เพราะแต่ละพระองค์มีอิทธิฤทธิ์ที่จะสามารถเนรมิตกายไปยัง ณ ที่ใดก็ได้

ทุกอย่างที่เล่ามาเป็นเพียงความเชื่อ จะเชื่อก็ได้ จะไม่เชื่อก็ได้
สุดแล้วแต่ท่าน....

 

ไปด้วยจิ เอิ้กๆ > <

 

ท่านสิทธาลืมคำถามเค้าอะ นอกจากองค์เพชรภัทรนาคราชมีองค์อื่นที่กายเป็นแก้วอีกหรือไม่

 

นาคทั้งสี่ตระกูล มีวรรณะเสมอกันฤาไม่?​

นาคทั้งสี่ตระกูล ต่างตนต่างอยู่ร่วมกับเฉพาะตระกูลของตนฤาไม่?​

นาคตระกูลฉัพพยาปุตตะสามารถมีวรรณะอภิสิทธิ์ชนชั้นมากกว่าหรือเทียบเท่ากับนาคตระกูลวิรูปักษ์ได้ฤาไม่ !?!​

 

จากความเชื่อที่มี ต้องขออภัยท่านที่ไม่สามารถตอบได้
พระนาม ของพญาเกล็ดแก้วนาคราช เป็นเพียงพระนาม
จึงไม่สามารถบอกได้ว่า มีพญานาคองค์ใดที่มีลักษณะพระวรกายเป็นแก้ว
เพราะพญานาคราช ท่านมีอิทธิฤทธิ์สามารถแสดงองค์ได้ สุดแล้วแต่ท่านเอง
อย่างแม้กระทั่ง พระองค์เกล็ดแก้วเทพฤทธิ์นาคราช
ก็เป็นพญานาคราชตระกูลเอราปัถถะ มีสีเขียว เศียรสีแดง
ยังไม่ปรากฏว่าพระองค์มีพระวรกายเป็นแก้วเลย

สุดแล้วแต่จะเชื่อ สุดแล้วแต่จะคิดเถอะครับ.....

 

แค่อยากรู้นะท่าน เพราะเคยฝันถึงพญานาคที่มีกายเป็นแก้ว ยังไม่ทันได้พูดคุยตื่นซะก่อน แต่ท่านสวยมากเลยนะ

 

มีความเชื่อว่า......
นาคทั้งสี่ตระกูลไม่มีตระกูลใดมีอภิสิทธิ์ชนชั้นเหนือกันและกัน
การมีตระกูลของนาค เป็นเพียงแค่ การจัดหมวดหมู่ ของสีกายนาค ให้ชัดเจน
และจะได้รู้ว่า พญานาคหรือนางพญานาคี พระองค์นั้นๆ อยู่ในตระกูลใด

ส่วนใครจะสูงสุดนั้นขึ้นอยู่กับว่าพระองค์นั้นมีฐานันดรอย่างไร
ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่า ท้าววิรูปักเขมหานาคราชเจ้า
เป็นพญานาคราชชั้นปกครอง พญานาคราชทั้งปวง
ซึ่งพระองค์อยู่ในตระกูลวิรูปักขะ ตระกูลสีทอง
หลายท่านจึงคิดไปว่า ตระกูลนี้ยิ่งใหญ่กว่าตระกูลอื่นๆ ซึ่งพออณุโลม

ส่วนการอยู่ร่วมกันของแต่ละตระกูลนั้น ลองคิดเอาว่า
ฝรั่ง(คอเคซอยด์) ยังแต่งงานกับ สาวชาวไทย(มองโกลอยด์) ได้เลย
พญานาค ก็เฉกเช่นเดียวกัน

จะเชื่อก็ได้ ..... ไม่เชื่อก็ได้ ..... แล้วแต่จะพิจารณา

 

ไปไหนอะครับ ไปทำบุญที่ สปป.ลาวใช่ไหมครับ ยินดีต้อนรับครับ

 

ข้อมูลคุณสิทธา แน่นมากเลยค่ะ ยอมรับ ดีค่ะมาให้ความรู้บ่อยๆนะค่ะ กระทู้เราจะได้มีเนื้อหาและสาระที่เกี่ยวกับพญานาคให้ทุกคนที่นับถือและศรัทธาต่อองค์ท่านอย่างแท้จริงได้เข้ามาศึกษา ขอบพระคุณมากเลยค่ะ อ่านแล้วได้ความรู้ดีมากเลย จากที่ไม่เคยรู้มาก่อน แต่ก็คงจะจำไม่ได้ทั้งหมด ต้องอ่านทบทวนบ่อยๆค่ะ

 

อยากไปไหนฤา ถ้าอยากไปทำบุญที่ลาวก็ไปกับน้องยา แต่ถ้าอยากไปคำชะโนด ก็ตัวใครตัวเผือก ไปเจอกันที่นั่นนะค่ะ อิอิอิ เพราะว่าจะไปแน่แต่ไม่รู้วันที่ๆแน่นอนเลย

 

มีศัตรูเป็นบัณฑิต ดีกว่ามีมิตรเป็นงูเห่า

มีศัตรูเป็นบัณฑิต ก็คือแม้บัณฑิตจะเป็นศัตรู เค้าก็ยัง
เป็นคนที่มีจิตใจเมตตากรุณา มีสัมมาในทุกอย่าง
เมื่อเค้าเป็นศัตรูกับเรา เค้าก็ยังมีเมตตากับเรา ไม่ฆ่าเราให้ตาย
แต่มีมิตรเป็นงูเห่า
ดีกับมันยังไง มันก็มาฉกกัดเราได้ทุกเมื่อ
เพราะฉะนั้น เลือกคบมิตร มิตรงูเห่า ไม่ต้องคบ

เป็นคำสอนของท่านพุทธทาส

 

ใครดีดีตอบ ใครชอบตอบแทน ใครร้ายร้ายแสน ให้เหมือนแม้นที่มันทำ

จะร้ายกันยังไงก็ขอให้ร้ายแบบบัณฑิตกันนะจ๊ะ

 

ท่านสิทธา พญานาคที่กายสีขาวเรื่อๆผสมสีเขียวท่านมีชื่อเสียงเรียงนามมะค่ะ อยู่ตระกูล ฉัพยาปุตตะ ใช่ปะคะ

 

มีความเชื่ออย่างนี้ว่า พญานาคที่มีพระวรกายเป็นแก้ว ส่วนใหญ่
น่าจะอยู่ในตระกูลฉัพพะยาปุตตะ
เพราะเมื่อมองผ่านลำองค์เป็นแก้วลงไปแล้ว จะมองเห็นสีรุ้ง
ส่วนจะสีของพระองค์ใดชัดเจนนั้น ก็แล้วแต่ละพระองค์ มีให้เห็นเกือบทุกสี
เช่น องค์สีแดง เหลือง ชมพู แสด ฟ้า/น้ำเงิน ม่วง ขาว

 

ทุกเวลาคือ“การภาวนา”(ของฝากจากหลวงปู่เณรคำ)​

การ บำเพ็ญเพียรภาวนาของหลวงปู่เณรคำสมัยตอนเป็นสามเณร.. จะไม่รอโอกาส ไม่รอเวลา จะไม่เอาเรื่องใหญ่มาเป็นข้อพิจารณา แต่เราจะเริ่มจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราดำรงชีวิตอยู่ในปัจจุบันนี้เองทุกอย่าง เมื่อเรามีการเข้าไปสัมผัสรู้ รับรู้ในสิ่งนั้น โดยใช้อำนาจของสติ ความระลึกได้ มีความตั้งมั่นพินิจพิจารณาใคร่ครวญสิ่งนั้นให้ดี จับมันยกขึ้นมา สิ่งนั้น แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ผลที่ได้มหาศาลมาก

เรา ทุกคนอาจจะเข้าใจว่า การบำเพ็ญเพียรภาวนานั้น ฉันต้องรอนั่งสมาธิ ๑ ชม. ๒ ชม. หรือว่าการบำเพ็ญภาวนา ฉันต้องเดินจงกรม ๓๐ นาที กำหนดอิริยาบถท่าทางไปตามสภาวะ ผลมันถึงจะเกิดกับฉัน การคิดอย่างนั้นก็ถูกต้อง อันเป็นแนวทางดั้งเดิม

แต่แนวทางใหม่ เหมือนกับที่เราต้องเข้าใจว่า ระบบเดิมมันต้องรอเวลา มันต้องรอโอกาส เดี๋ยวก็ต้องรอเวลาว่างจากการทำงาน เดี๋ยวก็ต้องรอเวลาว่างจากการปฏิบัติภารกิจในแต่ละวัน ในการปฏิบัติของหลวงปู่ไม่เคยมีการรอคอยเวลา ทุกเวลาเป็นการภาวนาไปหมด ทุกความรู้สึก ทุกสัมผัส จะเป็นสภาวะที่เราจะเข้าไปทำการเจริญสติ ณ จุดนั้นให้ได้

อย่าง ที่สมัยตอนเป็นสามเณรบำเพ็ญอยู่ พอออกจากที่นั่งสมาธิ ไปเดินจงกรมเสร็จเรียบร้อย ยืนทำสมาธิเสร็จ ก็ไปทำภารกิจอื่นๆ อย่างเช่น กวาดใบไม้ มือที่จับด้ามไม้กวาด เราก็รู้ว่าเราจับด้ามไม้กวาด บางทีเห็นผมร่วงลงสู่พื้น เราก็พิจารณาเส้น ผมนั้น สัมผัสรู้ในสิ่งที่มันหลุดร่วงออกมา มดกัด ยุงกัด หรือว่าลมพัดกระทบผิว แม้กระทั่งความคิดที่มันคิดอยู่ในปัจจุบัน ขณะเราคิดอะไรอยู่ เราก็ไปจับรู้ในความคิดอันนั้นเสีย รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นี้ทรงคุณค่ามาก

ผลที่ได้เข้าไปกำหนดรู้อันนั้นนี่ มันจะรวมกันเป็นหนึ่งในใจของเรา คือ ความเป็นผู้ที่มีความระลึกได้ในทุกสภาวะ ทุกอาการที่เกิดขึ้น พุทธศาสนิกชนทุกคนนี่ จึงสามารถที่จะบำเพ็ญโดยวิธีนี้ได้ โดยท่านไม่ต้องมาอ้าง ไม่ต้องมีข้อแม้ว่า ไม่มีเวลาปฏิบัติ ทุกคนมีเวลา เพราะฉะนั้น ข้ออ้างนั้นก็คือ เป็นการสนองกิเลส มันไม่ใช่ สิ่งที่จะทำให้จิตใจของเราเข้าสู่มรรคผลนิพพานได้ อย่างหลวงปู่กำลังนั่งบรรยายธรรมอยู่ที่นี่ก็เหมือนกัน หลวงปู่มีความระลึกได้อย่างสม่ำเสมอคงเส้นคงวา มีความสัมผัสรู้อยู่ตลอดเวลา แล้วก็มีสติต่อเนื่องตลอดเวลา สมาธิต่อเนื่อง ปัญญาก็ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แต่ธรรมะอาจจะให้ความหลากหลายแก่ท่านพุทธศาสนิกชน ที่สำคัญที่สุดก็คือ เราเข้าใจกันแล้วว่า สิ่งละเอียดเล็กน้อย มันมีคุณค่า


ในสากลกายนี้ ที่มีเนื้อ หนัง เอ็น กระดูก หรือว่าในเวทนา ทุกสัมผัสที่มันเกิดขึ้น หรือว่าในจิตในธรรมทั้งหลาย ทุกอย่างที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้ มีความสัมพันธ์กันหมด พอหลวงปู่ไม่รู้ ผู้แนะนำไม่มี ก็เลยมานั่งสมาธิ กำหนดจิตให้เข้าสู่ความสงบนิ่ง เจริญปัญญาวิปัสสนา ก็คือ การบำเพ็ญของหลวงปู่ ความหยั่งรู้แจ่มแจ้งในความเป็นจริงของชีวิตมันมีมากอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ความหยั่งรู้ตรงนี้มันชัดเจนแจ่มแจ้งมาก สิ่งที่มันรู้ในกายในใจก็ไม่มีข้อสงสัยแล้ว โลกธรรมทั้งหมดเราก็ไม่สงสัย


แล้ว นับประสาอะไรกับเครื่องคอมพิวเตอร์ พอสงสัยอะไร ก็นั่งสมาธิดู ปรากฏว่าเห็นโปรแกรมขึ้นมา มันมหัศจรรย์มาก มันให้รายละเอียดอะไรต่างๆ มากมาย พอจับจุดมันได้ก็พบว่ามันก็มีสาระแก่นสารของมัน เหมือนกับจิตผู้ที่ปฎิบัติธรรมกรรมฐาน เราอย่ามองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่มันปรากฏอยู่ในทุกขณะจิตในปัจจุบัน สรุปแล้วก็เลยใช้คอมพิวเตอร์ได้จากการนั่งสมาธิ ตั้งแต่เด็กไม่เคยจับมาก่อนเลย มหัศจรรย์มาก แปลว่า ผลของการปฏิบัติธรรมที่เราทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าก็ให้อะไรหลากหลายมากมาย เป็นสิ่งที่เรารับรู้ ค้นคว้า แล้วนำมาปฏิบัติ



-----------------
พิมพ์คัดลอกมาจากหนังสือ ชาติหน้าไม่ขอมาเกิด 2
หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก
จาก หน้า ๑๙๙ - ๒๐๒<!-- google_ad_section_end -->

 

ป ฏิ บั ติ ธ ร ร ม
ฃพระสุทธิธรรมรังสี คัมภีรเมธาจารย์ (พระอาจารย์ลี ธมฺมโร)
วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ

ผู้ปฏิบัติธรรม
จะต้องมีการเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว

บุคคลใดมีธรรมอันพอ
จะช่วยให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นได้ แต่ไม่ช่วย

พระพุทธเจ้าย่อมไม่ทรงสรรเสริญบุคคลชนิดนั้น
และตัวเราเองก็ติเตียน

ถ้าหากเราจะทำอย่างนั้นบ้าง
เราก็สบายไปนานแล้ว
ไม่ต้องมาลำบากอย่างนี้
ทุกสิ่งที่อย่างที่ทำไปนี่
ก็เพราะเห็นแก่ศาสนาส่วนใหญ่



(คัดลอกบางตอนมาจาก “อาณาปานานุสรณ์ตอนต้น”
ใน แนวทางปฏิบัติวิปัสสนา-กรรมฐาน เรียบเรียงจาก โอวาท ๔ พรรษา
ของ พระสุทธิธรรมรังสี คัมภีรเมธาจาย์ (พระอาจารย์ลี ธมฺมโร)
วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ, หน้า ๓๐๑)<!-- google_ad_section_end -->