เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.

  1. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    น่าจะทัน

    รอเบ็นมาดูให้น่ะครับ องค์นี้เป็นยอดเกจิฯองค์หนึ่งของวิเศษฯที่เดียว อาวุโสมาก และอายุยืนยาว
     
  2. nu_wa

    nu_wa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    2,740
    ค่าพลัง:
    +10,698
    กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรงครับ
     
  3. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    กราบ ๆ ๆ หลวงพ่อทรง ครูบาอาจารย์ทุกท่าน
     
  4. โอ ท่าซุง

    โอ ท่าซุง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,291
    ค่าพลัง:
    +8,436
    กราบหลวงพ่อทรงครับ..สวัสดียามเช้าทุกท่านครับ..:cool:
     
  5. mmax

    mmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +1,119
    กราบ กราบ กราบหลวงพ่อทรง ครูบาอาจารย์ทุกท่านครับ
     
  6. นายGEET

    นายGEET เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +4,153
    กราบ กราบ กราบ ครูบาอาจารย์ทุกท่านครับ
     
  7. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรง ครับ
    สวัสดีสมาชิกบ้านเหรียญบินทุกท่าน อากาศช่วงนี้แถบลพบุรี ฝนฟ้าคะนองตอนเย็นๆ ไปไหนก็อย่าลืมพกร่มไปด้วย เดี๋ยวจะเป็นหวัด และที่สำคัญช่วงนี้ไข้หวัดใหญ่กำลังระบาด ซึ่งธรรมดาก็มากพอแล้วเจอ 2009 เข้าไปอีกจะยุ่ง ยังไงก็ออกกำลังกาย พักผ่อนกันเยอะๆนะครับ
     
  8. JLB

    JLB เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,180
    ค่าพลัง:
    +8,080
    กราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อทรง
    สวัสดีพี่น้องบ้านเหรียญบินทุกท่าน

    ช่วงนี้ เรื่องราว เกี่ยวกับตะกรุดมนุษย์ยักษ์ เป็นกระแสที่น่าติดตามมาก
    โชคดีที่มีเพื่อนที่รัก ช่วยเก็บตะกรุดไว้ให้ เนื่องจากผมต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ไม่งั้นตก ขบวนแน่

    ปล.มีท่านใดยังไม่ได้รับรูป หลวงปู่บุญศรี แจ้งผมด้วยนะครับ
     
  9. ไม่เกิด

    ไม่เกิด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,916
    ค่าพลัง:
    +9,458
    กราบหลวงพ่อทรง...ครับ
    เข้ามารายงานตัวช่วงเช้า ก่อนไปเปิดร้านครับ
     
  10. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292

    พกเบี้ยติดตัว อธิฐานพระรัตนตรัย ครูบาอาจารย์ รัศมี ๑ วารอบตัวขอป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ

    อย่าเอามือถูหน้าตา อย่าใช่แก้วร่วมกับใคร

    หนักเป็นเบาน่ะครับ
     
  11. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    เก็บไว้จาก ที่ไหนครับ คงวัดท้องไทร ...แหะๆ
     
  12. JLB

    JLB เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,180
    ค่าพลัง:
    +8,080

    ครับพี่พี ขอบพระคุณที่จัดทำนะครับ
     
  13. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ต้องกราบขอบคุณ พระเดชพระคุณหลวงพี่วัดเงิน ที่เป็นธุระให้
    น่ะครับ

    ผมแค่ผู้หาช่องทาง กับผู้ช่วย

    งานหลักๆอยู่ที่หลวงพี่ทั้งหมด ต้องกราบหลวงพี่ครับ
     
  14. ไม่เกิด

    ไม่เกิด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,916
    ค่าพลัง:
    +9,458
    มีข้อความดีๆมาให้เพื่อนสมาชิกได้อ่านกันครับ....

    ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน

    แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ

    ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี

    วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆ ของฉันมีกัน

    จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง

    พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง

    โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน

    "ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด

    ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน

    พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า

    "ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ"

    พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น

    ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้....แล้วพูดว่า

    "ผมขโมยเองครับ"

    ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง

    พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด

    จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย

    พ่อนั่งลงบนเก้าอี้

    และด่าว่าน้องชายของฉัน

    " ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก

    แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย"

    คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้

    หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด

    แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย

    กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก

    น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า

    " พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว"

    ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้

    ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ

    หลายปีผ่านไป

    แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง

    ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย

    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8ปี ส่วนฉันอายุ 11ปี
    เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น

    เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน

    ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย

    ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน

    คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน

    ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า

    " ลูกเราทั้งคู่เรียนดีเรียนดีมากนะ"

    แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า

    "แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไรในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน"

    ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า

    " ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว"

    พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่

    "ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้

    ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน

    พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้"

    คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ

    ทั่วทั้งหมู่บ้าน....เพื่อขอยืมเงิน

    ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ

    ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า

    " ต้องให้น้องได้เรียนต่อไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้"

    แต่ในขณะเดียวกัน

    ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้

    ใครจะรู้ได้ .......
    วันต่อมาในตอนเช้ามืด

    น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น

    และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว

    ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน

    ขณะฉันกำลังหลับ

    " พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ....

    ผมจะไปหางานทำ...แล้วจะส่งเงินมาให้พี่"

    ฉันนั่งอยู่บนเตียง

    อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า .......

    ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป

    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17ปี ส่วนฉันอายุ 20ปี .....

    ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน

    รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็น

    กรรมกรแบกหามที่ไซท์ก่อสร้างท่าเรือ .......

    ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3

    วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก

    เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า

    "มีชาวบ้านมาหาเธอ...อยู่ข้างนอกแน่ะ"

    ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ???

    ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่

    ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง
    ...

    ฉันถามเขาว่า

    "ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ"

    น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า

    "ก็ดูผมสิสกปรกมอมแมมออกอย่างนี้...ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ

    ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี"

    ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง

    และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ

    " พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง

    เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม"

    จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง

    เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ . เขาติดกิ๊บให้ฉัน

    แล้วพูดว่า

    "ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง"

    ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด

    ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน

    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี .

    วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก

    ฉันสังเกตเห็นว่า

    หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว

    เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก

    หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า

    "แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก

    เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ"

    แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า

    " แม่ไม่ได้จ้างหรอก...น้องชายลูกต่างหาก

    วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน

    ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ

    น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ"

    ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา

    ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ

    ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด "เจ็บมากไหม"

    ฉันถาม

    "ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ

    มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด

    แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ

    และ..."

    น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด

    เพราะฉันหันหน้าหนีเขา

    น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง

    "เพราะพี่เป็นพี่สาวของผมนี่ครับ"

    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี ส่วนฉันอายุ 26 ปี...

    หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง

    หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน...

    แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ

    ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง

    แต่เมื่อออกไปแล้ว

    ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี

    จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม

    น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป ...

    เขาบอกกับฉันว่า

    "พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง"

    สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของ ครอบครัว

    เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท
    ...
    แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้

    เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา

    วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล

    และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด

    เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล

    ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล

    น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา

    ... ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า

    " ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!!

    ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆอย่างนี้

    ดูตัวเองซิ...เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง"

    คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด

    ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา

    "พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน

    ส่วนผมมันการศึกษาต่ำถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ

    คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด"

    น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย .....

    ฉันบอกกับน้องว่า

    "แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่..."

    "ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ"

    น้องชายของฉันจับมือฉันไว้

    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26 ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี...

    เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปี

    เขาได้แต่งงานกับผู้หญิงในที่ทำงานที่เดียวกัน

    ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า

    " ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้"

    น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล "พี่สาวของผมครับ" .....

    และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้

    "ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง

    เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2ชม.

    เพื่อเดินไปเรียน...และเดินกลับบ้าน

    วันหนึ่งในวันที่หิมะตกหนักผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง

    พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง

    และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล

    เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว

    เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ .......นับจากวันนั้น

    ผมสาบานกับตัวเอง

    ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี

    และจะทำดีกับเธอ"

    เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว

    สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน

    คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก .......

    "ในโลกใบนี้คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ"

    ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้

    น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...

    จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ

    วันในชีวิตของคุณและเขา

    คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ

    แต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง

    .. ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ

    พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน

    หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม

    จบบริบูรณ์....
    ปล.ปัจจุบันผู้เป็นพี่สาวอายุ 86 ปีตำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารใหญ่บริษัทฮุนไดและในเครือกว่า 20 บริษัท

    น้องชายอายุ 83 ปีเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเล็กๆ ที่มีชื่อเป็นภาษาเกาหลีว่า

    " ซัมซุง"
     
  15. กราวใน

    กราวใน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    760
    ค่าพลัง:
    +6,266
    กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรง ครับ
    สวัสดีพี่พีและพี่น้องบ้านเหรียญบินทุกท่านครับ
     
  16. gim

    gim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,398
    กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรงครับ<!-- google_ad_section_end -->
    สวัสดี พี่พี พี่ๆน้องๆบ้านเหรียญบินทุกๆท่านครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    <!-- google_ad_section_end -->

    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  17. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    อ่านมันส์จริงๆ........

    เรื่องคล้ายๆกันแบบนี้ คนไทยน่าจะมี
     
  18. Mr.Ex

    Mr.Ex เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2009
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +3,199
    กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรงครับ
     
  19. G.sis.t

    G.sis.t เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    2,321
    ค่าพลัง:
    +11,307
    กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรง ครับ
     
  20. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
    กราบหลวงพ่อทรง หลวงปู่อั๊บ ค่ะ

    สวัสดีพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกท่านค่ะ

    เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา พอดีแฟนหยุดพัก 1 วัน moo noi ก็เลยชวนเค้าไปถวายรังนกให้หลวงปู่อั๊บ เพราะไม่ได้ไปกราบท่านมานานพอสมควร

    ไปวันนี้ดีไม่มีลูกศิษย์มากเท่าไหร่ สังเกตได้ว่าหน้าตาของหลวงปู่ดูแจ่มใส แต่ท่านก็บอกว่าเพิ่งนั่งได้วันนี้แหละ 2-3 วันก่อนนี้ จะนอนมากกว่าเพราะเหนื่อยมาก เราสังเกตว่าเท้าของหลวงปู่จะบวมด้วย จริงๆ ถ้าหลวงปู่นั่งแบบเหยียดขาได้จะดีมากกว่าที่ท่านต้องนั่งขัดสมาธิ แต่ว่าเวลามีลูกศิษย์ลูกหาไปกราบท่าน ท่านจะคงจะไม่ได้สะดวกถ้าต้องนั่งเหยียดขา

    พอถวายของให้ท่านเสร็จก็ลากลับเลย...เห็นหลวงปู่มีสีหน้าสดใส ก็รู้สึกเบิกบานใจ....(deejai)
     

แชร์หน้านี้

Loading...