พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อานาปานสติครับ

    หนทางที่สั้นที่สุด ตรงที่สุด

    ที่ในกลุ่มเรียกว่า เล่นลม ครับ

    คำนี้ ได้มาจากพี่ใหญ่ครับ

    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อึ้ง!กรรมวิธีล้างจานร้านอาหาร


    แหล่งเพาะเชื้อโรคตัวดี

    [​IMG]

    เป็นข่าวคราวไปแล้วกับตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในไทย บนพื้นที่กว่า 60 ไร่ มีผู้คนเดินเลือกซื้อของนับแสน ภาย ใต้ชื่อที่คุ้นหู อย่างตลาดนัดจตุจักรว่าเป็นตลาดที่สกปรกมากที่สุดแห่งหนึ่ง ยิ่งเรื่องของอาหาร ที่ถือเป็นเรื่องหลักเพราะคือปากท้อง เพราะหลังจากเลือกซื้อหาข้าวของอิ่มหนำจุใจแล้ว เหนื่อยแล้วก็หิว หิวแล้วก็ต้องกิน แล้วกินอะไรหล่ะ?

    ร้าน อาหารในตลาดนัดจตุจักรมีทั้งที่ขายของแบบหาบเร่ แผงลอย รถเข็น หรือห้องแถวเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่เฝ้ารอจ่อคิวเลือกซื้อของกินตามความ ต้องการ ตามความอยาก อาหารที่วางขายอยู่มากมาย ของคาว ของหวาน ขนม น้ำดื่ม และผลไม้ ที่เลือกซื้อกินกันอย่างเอร็ดอร่อย เพราะด้วยความหิวหรือเพราะจำเป็น คงมีคำถามตามมาว่า “สะอาด” ไหม

    ทีมงาน M Lite ของหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ ได้ นำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการลงพื้นที่สำรวจตามร้านอาหารภายในตลาดนัด จตุจักรจนครบทั้ง 27 โครงการไว้ว่า ร้านอาหารที่ตั้งในโซนอาหารและเครื่องดื่ม เช่าพื้นที่โครงการเรียงรายกันไปตามริมทางเดิน (โครงการที่ 1, 18, 20-24 และ 26) ร้านอาหารที่อยู่ติดชิดริมรั้วตลาดนัด ตั้งอยู่บนพื้นที่เล็กๆ แคบๆ หลังโซนขายเสื้อผ้า (โครงการที่ 2, 3 และ 4) ร้านรถเข็นซึ่งตั้งอยู่ประปรายทั่วทุกโครงการ ไปจนถึงร้านริมทางรอบนอกตลาดนัด พบ ว่า การล้างทำความสะอาดภาชนะและอุปกรณ์ในการรับประทานอาหารของแต่ละร้าน ไม่ว่าจะเป็นร้านรถเข็นหรือร้านเช่าที่ถาวรก็ใช้วิธีเดียวกันคือ ล้างในกะละมัง ซึ่งขั้นตอนก็ดูปกติธรรมดา แต่หากสังเกตให้ดีจะพบว่า ทั้งกะละมังน้ำแช่จานชาม กะละมังผสมน้ำยาล้างจาน และกะละมังล้างน้ำสะอาด พนักงานแทบไม่มีการเปลี่ยนน้ำเลย ไม่ว่าน้ำจะเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน สีคล้ำ หรือมีเศษอาหารลอยขึ้นมาทักทายขนาดไหน คือส่วนใหญ่ใช้น้ำเดียวกันทั้งวันตั้งแต่เปิดร้านจนตลาดวาย หมดวันจึงเทน้ำทิ้งและทำความสะอาดกะละมัง ส่วนสภาพของสก็อตไบร์ทเองก็ผ่านศึกหนักจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้ภาชนะที่ลูกค้าใช้ดื่มใช้กินสะอาดได้!

    นอก จากนี้ยังพบเห็นพฤติกรรมการล้าง ที่กวาดล้างทุกอย่างด้วยฝ่ามือผสมน้ำยา ไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ขัดล้างใดๆ หรือบางร้านก็เก็บแก้วน้ำส้ม น้ำเก๊กฮวย ฯลฯ จากโต๊ะลูกค้าเก่าเอาไปวักน้ำเปล่าหนึ่งทีก่อนนำกลับมาคว่ำไว้อย่างเดิม รอลูกค้ารายใหม่สั่งน้ำอีกเมื่อไหร่ แก้วที่ไม่ผ่านน้ำยาล้างฆ่าเชื้อโรคเหล่านี้ ก็พร้อมจะเสิร์ฟรอยน้ำลายเก่าที่คงเหลืออยู่ก้นแก้วสู่ปากคุณ! หรือการวักน้ำเปล่าทำความสะอาดแก้วก็เป็นภาพเห็นที่ชินตา

    ผลสำรวจนี้อ่านแล้วรู้สึกตกใจและใจหายแวบ เพราะคงมีคำถามว่า เอ๊ะ! ใช่ร้านที่เราเคยซื้อ เคยไปนั่งต่อคิวเพื่อรอกินใช่ไหม คำตอบอยู่ที่ตัวคุณแล้ว

    เพราะ อะไรน่ะหรือ เหตุผลก็เพราะว่าเราทุกคนทราบดี คงปฏิเสธว่าไม่รู้ ไม่เห็นกับพฤติกรรมแบบนี้ไม่ได้อยู่แล้ว อย่างน้อยสภาพน้ำมัน กะละมังล้างจาน ภาชนะใส่ของที่วางอยู่ทั่วไปนั้น เราทราบดีว่ามันไม่สะอาด แต่เราก็ยังคงยินยอมที่จะกิน เพราะความเร่งรีบ โดยไม่ได้คำนึงถึงสุขลักษณะที่ควรเป็น ยิ่งส่งเสริม ก็ยิ่งมีให้เห็น แล้วแบบนี้ถ้าท้องเสีย หรือติดเชื้อในทางเดินอาหาร จะโทษใครได้

    งั้นมาทำความรู้จักกับโรคท้องเสียที่เกิดจากอาหารเป็นพิษกันสักนิด

    โรคท้องเสียที่เกิดจากอาหารเป็นพิษเป็นสาเหตุที่พบบ่อย โดยทั่วไปมักจะมีอาการหลังได้รับอาหาร 1 ชม. ถึง 5 วัน แล้วแต่ชนิดของแบคทีเรียนั้นๆ ซึ่งอาจจะเกิดจากตัวเชื้อแบคทีเรียเอง หรือ พิษที่แบคทีเรียสร้างขึ้น หรือเป็นพิษจากอาหารบางชนิด เช่น อาหารทะเล เห็ดป่า เป็นต้น ซึ่งอาการก็แตกต่างกันไป

    อาการ ที่มักพบได้บ่อยๆ คือ คลื่นไส้ อาเจียน, ท้องเสีย ถ่ายบ่อย อาจจะถ่ายเป็นน้ำหลายๆ ครั้ง ถ้าเกิดจากพิษของแบคทีเรีย หรือถ่ายเป็นมูกเลือด ถ้าเกิดจากเชื้อแบคทีเรียนั้นทำลายผนังลำไส้โดยตรง และปวดท้องมักจะปวดเป็นพักๆ ปวดจนตัวงอ

    ดังนั้น เมื่อท้องเสียสิ่ง สำคัญที่สุด คือการทดแทนน้ำที่สูญเสียไปกับการถ่ายอุจจาระ โดยการให้ดื่มผงน้ำตาลเกลือแร่ละลายน้ำ แต่ถ้าไม่มีผงเกลือแร่อาจจะเตรียมเองได้ โดยใช้เกลือป่าครึ่งช้อนชา กับน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ ผสมในน้ำต้มสุก 1 ขวดน้ำปลา (ประมาณ 1000 ซี ซี) โดยดื่มทดแทนตามปริมาณที่ถ่าย หรือดื่มต่อถ้ายังอ่อนเพลียอยู่ ควรรับประทานอาหารอ่อนที่ย่อยง่าย โดยเน้นอาหารที่มีข้าว หรือ แป้งเป็นหลัก เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม สำหรับยานั้น จะให้เพื่อรักษาตามอาการ อาจจะให้ยาแก้อาเจียนได้
    ถ้ามีอาการ หรือยาแก้ปวดลดไข้


    สำหรับยาหยุดถ่ายนั้น ไม่แนะนำให้ใช้ เพราะถ้ากินมากไปจะทำให้ท้องอืด ปวดแน่นท้องมาก

    แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ เพราะต้องเดินทาง หรือยังห่างไกลจากโรงพยาบาล อาจกินได้ 1-2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง แต่โดยส่วนใหญ่ท้องเสียจากอาหารเป็นพิษมักจะหายได้เองเมื่อรักษาตามอาการ

    บาง ครั้งเรื่องเล็กๆ ที่เราอาจมองข้ามผ่านความสำคัญ ก็อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่เมื่อคิดภายหลังคงเสียดายที่ไม่น่าเห็นแก่กิน หรือเห็นแก่ความง่าย โดยไม่คำนึงถึงความสะอาดอย่างที่ควรจะเป็น แม้จะยากที่การกินอาหารนอกบ้าน ต้องดูแลเรื่องความสะอาด แต่คงไม่ยากที่จะเลือกอาหารที่ปลอดภัย

    ที่มา : สุนันทา สุขสุมิตร Team Content www.thaihealth.or.th
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คนไทยป่วยอาหารเป็นพิษเพิ่มในรอบ 20 ปี

    [FONT=&quot]อันตรายสะสมเกิดมะเร็งเฉียบพลันถึงตาย[FONT=&quot][/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]สสส. จับมือ นสธ. นักวิชาการ ปฏิรูประบบอาหารปลอดภัย ชี้คนไทยป่วยอาหารเป็นพิษเพิ่มในช่วง [FONT=&quot]20 ปี อันตรายสะสมเกิดมะเร็ง ถ้าเฉียบพลันถึงตาย พบไทยนำเข้าอาหารทะลัก แต่คุมไม่ดีพอ เชื่อการค้าเสรีทำเสี่ยงเพิ่ม ชูข้อเสนอสร้างระบบอาหารปลอดภัย เพิ่มศักยภาพเทคโนโลยี กำลังคน[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot] [​IMG][/FONT]​
    [FONT=&quot]เมื่อวันที่ [FONT=&quot]7 ต.ค. ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ร่วมกับ แผนงานสร้างเสริมการเรียนรู้กับสถาบันอุดมศึกษาไทยเพื่อการพัฒนานโยบาย สาธารณะที่ดี (นสธ.) สถาบันศึกษานโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค จัดเวทีนโยบายสาธารณะ ปฏิรูปประเทศไทย ปฏิรูประบบอาหารปลอดภัย[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ศ.เกียรติคุณ นพ.ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์[FONT=&quot] ประธานกรรมการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การจัดการด้านอาหารของประเทศไทย เป็นประธานในการประชุม กล่าวว่า ประเทศไทยมีระบบและกลไกดูแลเฝ้าระวังอาหารปลอดภัยตั้งแต่ไร่นาจนถึงโต๊ะ อาหาร ([/FONT][FONT=&quot]From farm to table) แต่จากข้อมูลกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างอาหารในท้องตลาด พบ 1 ใน 3 ของตัวอย่างอาหารถูกปนเปื้อนทั้งเชื้อโรค สารเคมี และโลหะหนัก ที่เกินค่ามาตรฐานกำหนด ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพการแก้ปัญหาควรเน้นการบังคับใช้กฎหมายให้เต็ม ประสิทธิภาพ และให้ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาคประชาชน ผู้บริโภค หันมาสนใจระบบและกลไกการเฝ้าระวังความปลอดภัยของอาหารในประเทศให้เข้มแข็ง และกครอบคลุมมากขึ้น [/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]รศ.ดร.นวล ศรี รักอริยะธรรม[FONT=&quot] ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า จากการศึกษาระบบนำเข้าอาหารในประเทศไทย พบว่า ในปี [/FONT][FONT=&quot]2552 ประเทศไทยมีปริมาณการนำเข้าอาหารถึง 2 แสนล้านบาท มีอาหารทะเลนำเข้ามากที่สุดถึง 6 หมื่นล้านบาท ผลไม้ ข้าวและธัญพืช ผัก ผลิตภัณฑ์นม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ โกโก้ จากผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพอาหารนำเข้าที่ด่านอาหารและยาในภาคเหนือ ปีล่าสุด พบอาหารที่มีสารปนเปื้อนคือ 1.ผัก ผลไม้ มียาฆ่าแมลงเกินมาตรฐาน 10.81% พบมากใน ผักกาดฮ่องเต้ สลัดแก้ว เซอร์รารี่ กวางตุ้ง ถั่วลันเตา องุ่น ทับทิม สาลี่ ลูกพลับ 2.อาหารแห้ง พบสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์เกินมาตรฐาน 83.9% โลหะหนักเกินมาตรฐานเช่น ตะกั่ว ปรอท สารหนู 37.5% พบมากใน สาหร่าย เยื่อไผ่ เห็ดหอมแห้ง 3.อาหารทะเล พบสารหนูเกินมาตรฐาน 4.1% สารฟอร์มาลินเกินมาตรฐาน 33.3% และพบโลหะหนักปนเปื้อนซึ่งเกิดจากธรรมชาติมากขึ้น 4.ขนมพร้อมบริโภค พบสีสังเคราะห์เกินมาตรฐาน 20% พบมากใน ลูกอม เยลลี่ อาหารกระป๋อง และ5.ผลิตภัณฑ์นม พบเมลามีนเกินมาตรฐาน 3.3% ทั้งนี้ การเปิดการค้าเสรีมากขึ้น ปริมาณการนำเข้าอาหารก็จะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้คนไทยต้องอยู่ในภาวะเสี่ยงด้านสุขภาพเพิ่มมากขึ้น[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]“จากการสำรวจของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มการเจ็บป่วยจากสารพิษในอาหารเพิ่มมากขึ้น ทั้งเจ็บป่วยแบบเฉียบพลันและเป็นโรคเรื้อรัง เช่น สารปรอทในอาหารทะเล เมื่อสะสมมากทำให้ป่วยโรคสมองฝ่อ พิการ ส่งผลต่อระบบประสาทกล้ามเนื้อ สาร หนู ทำให้เกิดอาการเฉียบพลัน อาเจียน ท้องเสียจนถึงขั้นหัวใจล้มเหลวได้ ยาฆ่าแมลง จะทำลายประสาทส่วนกลาง เสี่ยงต่อมะเร็ง และโรคพาร์กินสัน สารหนู ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง หัวใจล้มเหลวได้”[FONT=&quot] รศ.ดร.นวลศรี กล่าว[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]รศ.ดร.แก้ว กังสดาลอำไพ[FONT=&quot] หัวหน้าฝ่ายพิษวิทยาทางอาหารและโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ใช้ค่ามาตรฐานในอาหารอ้างอิงจากองค์การกำหนดมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ ([/FONT][FONT=&quot]CODEX) ทำ ให้สารหลายอย่างไม่ถูกกำหนดให้ตรวจหาค่าความปลอดภัย เช่น สารซัคคารีน เป็นสารให้ความหวานในอาหารแห้ง เช่น บ๊วยหวาน ฝรั่งแช่อิ่ม ตรวจพบที่ด่านแม่สายสูง 80% หากได้รับสารชนิดนี้มากเสี่ยงเป็นมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ ระคายเคืองในช่องปาก และกระเพาะอาหารได้ ทั้งนี้ หากพบการฝ่าฝืน ควรมีบทลงโทษโทษอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกัน อาหารบางอย่างประชาชนไม่ทราบว่าทำให้เกิดอันตรายได้ เช่น เนื้อตุ๋น หมูตุ๋น หากตุ๋นอาหารเกิน 2 ชั่วโมงจะทำให้เกิดสารHeterocyclicamine ทำให้เกิดอันตรายต่อตับ โดยพบมากในผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป แต่สามารถแก้ได้ด้วยการเติมผักให้มาก[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ผศ.ดร.พรรัตน์ สินชัยพานิช[FONT=&quot] สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัญหาอาหารปนเปื้อนสารพิษ มา จากระบบตรวจสอบอาหารของไทยมีข้อจำกัด โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีการตรวจคุณภาพอาหาร และบุคลากรไม่เพียงพอ รัฐบาลต้องมีนโยบายที่ชัดเจนให้ความสำคัญกับหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องความ ปลอดภัยของอาหาร ทั้งงบประมาณ อัตรากำลัง ศักยภาพบุคลากร พัฒนาชุดทดสอบห้องปฏิบัติการ ให้ความรู้ประชาชน ผู้ประกอบการให้เท่าทัน ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคเองต้องให้ความสำคัญ เพื่อเป็นแรงหนุนเสริมกลไกการตรวจสอบเพื่ออาหารที่ปลอดภัยมากขึ้น[/FONT][FONT=&quot][/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot] [FONT=&quot]ที่มา[/FONT][FONT=&quot]:สำนักข่าว สสส[/FONT][/FONT]
    http://www.thaihealth.or.th/node/17352
     
  4. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    sithiphong, sittiporn.s สำหรับคืนนี้โชคดีและราตรีสวัสนะครับพี่ๆทั้งหลายรวมถึงคุณอาหนุ่มด้วยครับ อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    นับถอยหลัง 100 เดือน ก่อนโลกร้อนจนหมดทางแก้


    เราคาดการณ์ว่าอีก 100 เดือนนับจากวันที่ 1 สิงหาคม 2008 ความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศจะเริ่มเกินจุด 'ความเป็นไปได้' ที่เราจะสามารถป้องกัน ไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่เรียกกลับคืนมาไม่ได้

    คำ ว่า ‘มีความเป็นไปได้’ ในที่นี้หมายถึง คำจำกัดความของระดับความเสี่ยงที่กำหนดโดย คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ IPCC (Intergovernmental Panel on Climate Change) เป็นระดับความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกที่เมื่อสูงถึงจุดหนึ่ง จะมีโอกาสแค่ร้อยละ 66-90 เท่านั้นที่อุณหภูมิเฉลี่ยพื้นผิวโลกจะคงที่เหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม (pre-industrial level) ที่ 2 องศาเซลเซียส หากระดับความเข้มข้นสูงเกินขีดจำกัดก็จะมีความเป็นไปได้อย่างมากที่อุณหภูมิ จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 องศาเซลเซียส จนทำให้เกิดเป็นภาวะภัยพิบัติได้ในที่สุด แต่ทั้งนี้พวกเราเชื่อว่าการคาดการณ์นี้ยังพอที่จะป้องกันได้ตามเหตุผลและ ข้อสมมุติฐานเดังต่อไปนี้

    [​IMG] การเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศที่เกิดจากมนุษย์

    ในปัจจุบัน ความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งถือว่าเป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีมากที่สุด อยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 650,000 ปีที่ผ่านมา เพียงช่วงเวลา 250 ปีที่เราเผาผลาญเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ (ฟอสซิล) ที่เกิดจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม ตามด้วยการเปลี่ยนแปลงการใช้พื้นดิน อาทิ การเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของสังคมเมือง การตัดไม้ทำลายป่า เราได้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งสะสมเพิ่มขึ้นมากกว่า 1,800 พันล้านตันในชั้นบรรยากาศ ซึ่งปัจจุบัน ทุกวินาทีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 1,000 ตันจะถูกปล่อยมายังชั้นบรรยากาศของโลกจากกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์

    ก๊าซเรือนกระจกจะจับพลังงานรังสีจากดวงอาทิตย์ที่ผ่านเข้ามา หากมีก๊าซเหล่านี้ในชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้น ความร้อนจะถูกสะสมและเป็นสาเหตุที่ทำให้โลกร้อนขึ้น เมื่อความหนาแน่นของก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นจนถึงจุดหนึ่ง (หรือเรียกว่า ‘จุดแปรผันที่สำคัญ ณ อุณหภูมิ 2 องศา’) ภาวะโลกร้อนจะเกิดเร็วขึ้น ตัวเลขของการผลการสะท้อนกลับจากกระบวนการทางกายภาพของความร้อนที่ถูกกระตุ้น ส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อนและภาวะของก๊าซเรือนกระจกที่ขยายตัวมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การละลายของน้ำแข็งที่ปกคลุมทำให้ความสามารถในการสะท้อนกลับของพื้นผิวโลกลด ลง เนื่องจากพื้นผิวโลกที่มีสีเข้มจะถูกเปิด ทำให้การดูดซับความร้อนเพิ่มขึ้น หรือกระบวนการอื่น ๆ ที่สังเกตได้จากมหาสมุทรแอตแลนติกทางเหนือและใต้ ความสามารถในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ของมหาสมุทรต่าง ๆ ลดลงจากกำลังลมที่เพิ่มมากขึ้น อันเป็นผลเชื่อมโยงจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง สิ่งนี้ทำให้ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศเพิ่มสูงจนก่อให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศเพิ่มมากขึ้นตามา

    จาก ผลการสะท้อนกลับด้วยตนเองเช่นนี้ เมื่อผ่านจุดวิกฤติความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจก ภาวะโลกร้อนก็ยังคงดำเนินต่อไป ถึงแม้ว่ามนุษย์จะหยุดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นไปยังชั้นบรรยากาศแล้วก็ ตาม สภาพภูมิอากาศของโลกอาจจะเปลี่ยนไปเป็นสภาพที่แตกต่างจากเดิม (เช่น การหมุนเวียนของกระแสน้ำในมหาสมุทร ปริมาณน้ำ ฝน และลม ที่เปลี่ยนไป) พร้อมกับความเป็นไปได้ของภัยพิบัติต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก ความเปลี่ยนแปลงในสถานะของระบบภูมิอากาศเช่นนี้ มักถูกเรียกว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่ไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้

    [​IMG]






    [​IMG] 100 เดือน นับจากสิงหาคม 2008

    มีความเป็นไปได้ที่เราจะคำนวณระยะเวลาที่จะถึงจุดวิกฤติ โดยการประมาณค่าที่ดีที่สุดของความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกในปัจจุบัน อัตราการเพิ่มขึ้นของการปล่อยพลังงาน การคาดการณ์อย่างถี่ถ้วนของการสะท้อนกลับที่ทำลายสภาพแวดล้อมที่เร่งการเกิด ภาวะโลกร้อนให้เร็วขึ้น รวมถึงความเข้มข้นสูงสุดของก๊าซเรือนกระจกที่ป้องกันการเปลี่ยนแปลงของสภาพ อากาศที่เรียกคืนกลับมาไม่ได้ (irreversible climate change)

    แน่นอนว่า ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ได้เป็นตัวการเดียวที่ส่งผลต่อสภาวะอากาศ ด้วยเหตุผลนี้ ตัวเลขสถิติความเข้มข้นของชั้นบรรยากาศจากก๊าซเรือนกระจกชนิดอื่น ๆ จึงต้องนำมาพิจารณาด้วย ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขที่มีค่าเท่ากันหรือต่างจากค่าที่วัดผลได้จากก๊าซคาร์บอน ไดออกไซด์ (CO2e) ตัวเลขที่ต่างกันสำหรับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มักขึ้นอยู่กับการแสดงค่าเฉพาะ ก๊าซที่อยู่ภายใต้พิธีสารเกียวโตหรือไม่ (the Kyoto Protocol-สนธิสัญญาเกี่ยวกับภูมิอากาศของโลก) ซึ่งพิธีสารเกียวโตนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักกว้างขวาง เป็นค่าพลังงานความร้อนต่อพื้นที่ที่ส่งผลกระทบต่อปริมาณของพลังงานที่เกิด ขึ้นจากระบบสภาพภูมิอากาศให้ร้อนขึ้นหรือเย็นลง

    ค่า เทียบเท่าของคาร์บอนไดออกไซด์ คือ ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์จากผลรวมของค่าพลังงานอื่น ๆ เพื่อให้ได้ค่าเฉลี่ยของค่าพลังงานความความร้อนต่อพื้นที่โลกที่สมดุลใน ระดับที่ต้องการ โดยทั่วไป ก๊าซเรือนกระจก 6 ประเภทที่อยู่ภายใต้พิธีสารเกียวโตจะถูกนำมาคำนวณหาค่าเทียบเท่าคาร์บอน ไดออกไซด์ (CO2e.) อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่ค่าพลังงานที่อยู่ภายใต้พิธีสารเกียวโตเท่านั้น ค่าพลังงานความร้อนทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากมนุษย์ก็ถูกนำมารวมเข้าด้วยกัน กล่าวคือ การคำนวณค่าพลังงานจะสามารถกระทำได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ต้องมีการประเมินค่าล่าสุดจากรายงานจากกลุ่มผู้ทำงาน Working Group One ในเรื่องค่ารวมของพลังงานความร้อนที่เกิดจากมนุษย์ในการคำนวณค่าเทียบเท่า คาร์บอนไดออกไซด์ในปัจจุบัน จากคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งค่าประมาณนี้ได้รวมค่าพลังงานเชิงลบเข้าไปด้วย (ค่าพลังงานที่ทำให้สภาวะอากาศเย็นลงมากกว่าร้อนขึ้น แต่ส่งผลกระทบในช่วงสั้น ๆ)

    ในการคำนวณ เราใช้ความเข้มข้นที่ 400 ต่อล้านส่วนโดยปริมาตร (ppm) ในการแสดงค่าวัดที่ชัดเจนของค่าเทียบเท่าของคาร์บอนไดออกไซด์ โดยการปล่อยพลังงานในความเข้มข้นที่คงที่ ถึงจะได้ค่าความเป็นไปได้ที่การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกจะคงที่ อยู่ที่ 2 องศาเซลเซียสเหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม เมื่อเดือนธันวาคม 2007 ความเข้มข้นของค่าเทียบเท่าของคาร์บอนไดออกไซด์มีค่าประมาณต่ำว่า 377 ppm เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 383 ppm

    จากบทวิเคราะห์ เราตั้งสมมุติฐานที่อัตราการเพิ่มขึ้นของการปล่อยพลังงานที่ร้อยละ 3.3 บนพื้นฐานค่าเฉลี่ยอัตราของการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลา ตั้งแต่ปี 2000 ถึง ปี 2006 โดยให้ค่าพลังงานความร้อนอื่น ๆ คงที่ อัตราการเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ประกอบด้วยการสะท้อนกลับจากการหมุนเวียนคาร์บอน (ประสิทธิภาพของแผ่นดินและมหาสมุทรในการขจัดคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจาก มนุษย์ลดลง) และการปล่อยพลังงานที่เกิดจากมนุษย์โดยตรง อัตราการเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 3.3 และอัตราการเจริญเติบโตที่ร้อยละ 18+15 ในเวลา 1 ปีเกิดจากการสะท้อนกลับของการหมุนเวียนของคาร์บอน ขณะที่ร้อยละ 17+6 คืออัตราการเพิ่มขึ้นของความหนาแน่นของคาร์บอนของเศรษฐกิจทั่วโลก (สัดส่วนของคาร์บอนต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ 1 หน่วย – เช่น GDP) ร้อยละ 65<+>16 ที่เหลืออยู่ เกิดจากการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก ขณะที่ความเข้มข้นของค่าเทียบเท่าของคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศเพิ่มขึ้น การสะท้อนกลับของการหมุนเวียนของคาร์บอนก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

    บทวิเคราะห์ของเราแสดงให้เห็นว่า สมมุติว่าค่าพลังงานความร้อนที่เกิดจากมนุษย์คงที่ และอัตราการเพิ่มขึ้นของการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (ที่เกิดจากการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ และความเข้มข้นของคาร์บอนที่เพิ่มขึ้นของระบบเศรษฐกิจ) คงที่ เมื่อถึงสิ้นเดือนธันวาคม ปี 2016 ค่าความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศจะเกิน 400 ppmv

    ความคาดหมายของเราคือการเฝ้าระวัง เพราะการประเมินผลวัดจากวงคาร์บอนไดออกไซต์ระดับต่ำที่สุด นอกจากนี้ จากข้อมูลย้อนหลัง ระดับอุณหภูมิเฉลี่ยของพื้นผิวโลกที่แม้เพิ่มขึ้นเพียง 2 องศาเซลเซียส ก็สามาถนำไปพิจารณาถึงการป้องกันเรื่องความร้อนได้ถึง 14 ระดับ ทว่า ความก้าวหน้าของแบบจำลองลักษณะภูมิอากาศโลกแบบสามมิติที่มีความละเอียดเชิง พื้นที่ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ทราบว่า ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะ ปรากฏออกมาให้เห็นได้อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละพื้นที่ ตัวอย่างเช่น การพังสลายของแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์เป็นมากว่าแนวโน้มของผลกระตุ้นจากความ ร้อนที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นกว่า 2.7 องศา ซึ่งสอดคล้องกับการเพิ่มอุณหภูมิของโลกเฉลี่ย 2 องศาหรือน้อยกว่านั้น การแตกตัวของแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์จะสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล ถึง 7 เมตร


    Ŵ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รักษาโรคเหลอดเลือดแดงโคโรนารี

    ผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดโคโรนารีตีบตันอาจไม่มีอาการเลยก็ได้ แต่ไม่ได้แปลว่าไม่ต้องรักษา เพราะอาการจะเกิดเมื่อเกิดความไม่สมดุลของหัวใจ เหมือนคนที่ไม่หิว นอนเฉย ๆ แล้วอิ่มทิพย์ ไม่กินอาหาร ไม่ดื่มน้ำ อยู่ได้สักพักก็จะทรุดลง ในขณะที่ถ้าเราไปออกแรง เล่นกีฬา ทำงานหนัก ย่อมต้องหิวเป็นธรรมดา และอาจจะหิวมากด้วยถ้าอดอาหารมาหลาย ๆ มื้อ ดังนั้นหากผู้ป่วยไม่มีอาการ ลองสังเกตดู มักจะไม่ได้ออกแรงเลย สังคมไทยเราเป็นสังคมตะวันออก มีลูกหลานดูแลผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านทำให้ผู้สูงอายุไม่ได้ออกแรง เลยทำให้ไม่เกิดอาการ นี่เป็นสาเหตุหลักเลย ต่างจากสังคมตะวันตก เป็นสังคมเล็ก ๆ อยู่กัน 2 คนตายาย ต้องช่วยตัวเอง ทำให้สังเกตอาการได้เร็ว รู้ความเจ็บป่วยก่อนที่จะหนักเกินไปมาพบแพทย์โดยเร็ว

    ปกติสามารถรักษา อาการหัวใจขาดเลือดได้ 3 วิธีได้แก่ รับประทานยา การผ่าตัดต่อทางเบี่ยงหลอดเลือดหรือบายพาสหลอดเลือด และรักษา ผ่านสายสวนด้วยบอลลูนร่วมกับการสอดฝังขดลวดค้ำยันผนังหลอดเลือดโคโรนารี ซึ่งวิธีสุดท้ายได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากอยู่โรงพยาบาลสั้นกว่าการผ่าตัด

    หลักการรักษาเพื่อเพิ่มเลือดไปหัวใจ จะต้องคำนึงถึง 4 ปัจจัยสำคัญ ๆ คือ

    1.มีอาการเจ็บหน้าอกขณะออกแรง เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ควรจะประเมินปริมาณการออกแรงด้วย เพราะหากเจ็บหน้าอกขณะออกแรงหนัก ๆ เช่น แบกหามของหนัก จะรุนแรงน้อยกว่าหากเจ็บหน้าอกทั้ง ๆ ที่ออกแรงน้อย ๆ เช่น ขณะอาบน้ำบิดเสื้อผ้าซึ่งมักจะสัมพันธ์กับหลอดเลือดหัวใจตีบรุนแรง

    2.ตรวจพบหัวใจขาดเลือด เป็นการตรวจพิเศษเพื่อที่จะแสดงว่าหัวใจขาดเลือดจริงตรวจวัดความรุนแรงได้ เพราะเป็นการตรวจทางสรีระ เช่น การทดสอบการเดินออกแรงบนสายพาน สัญญาณว่าหัวใจ ขาดเลือด ได้แก่ พบคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ ส่วนระนาบเอสทีลดต่ำ ลง (STsegment depression) หรือตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อน ร่วมกับการออกกำลังเดินบนสายพาน (Exercise echocardiography) หรือร่วมกับการใช้ยาโดบิวทามีนซึ่งเป็นยาเร่งหัวใจ (Dobutamine echocardiography) สัญญาณที่สำคัญ ได้แก่ หัวใจส่วนที่ขาดเลือด จะบีบตัวผิดปกติจากเดิม ทำให้เราทราบความรุนแรงของโรค โดยที่ผู้ป่วยไม่มีอาการ บางรายตรวจพบว่าความดันเลือดตก ซึ่งจะบ่งชี้ความรุนแรงมากขึ้นไปอีก

    3.ตรวจพบหลอดเลือดหัวใจตีบด้วยการตรวจเอกซเรย์ความถี่สูง เช่น การตรวจ (64 slice computerizedtomography coronaryangiography) ซึ่งนิยมใช้กันมากในปัจจุบันว่า มีการตีบตันของหลอดเลือดหัวใจตรงไหน ตำแหน่งใด หรือตรวจกรองวัด ปริมาณหินปูนที่หลอดเลือด Coronary calcium scoring) ซึ่งจะบอกว่าหลอดเลือดหัวใจแข็ง สัมพันธ์กับการตีบตัน

    4.การรักษาด้วยยา ผู้ป่วยควรได้รับการรักษามาก่อนด้วยยาอย่างน้อย 3 ขนาน แล้วพบว่าไม่ได้ผล จึงจะสมควรได้รับการรักษาโดยเพิ่มเลือดที่หัวใจ ไม่ใช่ทุกรายที่ป่วยด้วยหลอดเลือดตีบที่ต้องรักษาแบบเพิ่มเลือด ยาหลัก ๆ ได้แก่ ยาแอสไพริน (aspirin) ยาต้านเบต้า (beta blocker) ยาลดไขมันชนิดสแตติน (statin) และยาลดความดันโลหิต เช่น ยาต้านเอส (ACE-inhibitor)

    หากพบว่ามีปัจจัยข้อใดข้อหนึ่งดังกล่าวแล้ว ควรต้องได้รับการรักษาแบบเพิ่มเลือดไปหัวใจ ซึ่งสามารถรักษาได้ 2 วิธีคือ การขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูนและ/หรือขดลวดและการผ่าตัดต่อทางเบี่ยงเส้นเลือด หัวใจ
    รักษาด้วยบอลลูนขดลวด

    ขดลวดที่ใช้ทำจากสเตนเลสไม่มีปฏิกิริยากับร่างกาย อยู่ติดแนบกับผนังหลอดเลือดไปตลอด เป็นวิธีที่ทำง่ายกว่า เจ็บตัวน้อย ไม่มีแผลเป็น อยู่โรงพยาบาลน้อย แต่มีข้อจำกัด คือ การตีบซ้ำ พบได้ไม่เกินร้อยละ 8-10 ยกเว้นหลังรักษารอยโรคที่รุนแรง เช่น อุดตันมานาน รอยโรคที่ตีบยาว ๆ หรือรอยโรคที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดเล็ก ๆ หรือในรายเบาหวาน จะตีบตันซ้ำบ่อยกว่า ราวร้อยละ 13-20 ทีเดียว ถึงแม้จะใช้ขดลวดแบบเคลือบยาเพื่อ ต้านการตีบซ้ำก็ตาม นอกจากนี้ยังต้องรับประทานยาต้านเกล็ด เลือด 2 ขนานนานอย่างน้อย 1 ปีด้วย

    การผ่าตัดต่อทางเบี่ยงเส้นเลือดหัวใจ

    ได้ผลดีกว่าการทำบอลลูนหากเป็นเบาหวานหรือตีบที่ขั้วซ้าย หรือตีบตัน 3 เส้นและหัวใจคราก แต่จะอยู่โรงพยาบาลนานกว่า แผลผ่าตัดดูน่ากลัว ระยะพักฟื้นนานกว่า แต่ ผลการรักษาดีและคงทนถาวรกว่าการทำบอลลูนใส่ขดลวดเสียอีก ข้อจำกัด คือ ต้องดมยาสลบ ผ่าตัดใหญ่ ใส่ท่อหายใจ จึงมีข้อจำกัดหากเป็นโรคปอดเรื้อรัง หรือสูงอายุมาก ๆ

    รอยโรคที่สมควรได้รับการรักษาเพิ่มเลือดมากที่สุด ได้แก่ รอยโรคที่ตีบที่หลอดเลือดซ้ายหลักหรือซ้ายแขนงส่วนต้น ได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะลดอัตราตายได้ นอกจากนั้นแล้วได้แก่ หลอดเลือดตีบ 2-3 เส้น หัวใจบีบตัวลดลง ดังนั้นหากท่านไปตรวจสุขภาพซึ่งปัจจุบันมักเสริมการตรวจ 64 slice CTA ไปด้วยและพบการตีบนอกเหนือจากที่กล่าว หมอชวนทำบอลลูนเลยไม่ควรทำในทันที ต้องกลับมาทบทวนว่าจริง ๆ แล้วมีอาการหรือไม่ หัวใจขาดเลือดโดยไม่มีอาการหรือไม่ การทำบอลลูนจะป้องกันหัวใจตายได้จริงหรือ (ใช่ถ้าตีบที่ขั้วซ้าย หรือแขนงซ้ายส่วนต้นที่เรียก LAD ส่วนต้น).

    ข้อมูลจาก รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ดำรัส ตรีสุโกศล อายุรแพทย์โรคหัวใจ ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช และที่ปรึกษาศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลพญาไท 2

    นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์




    Daily News Online > โลกสีสวย > แรงงาน-สาธารณสุข > ชีวิตและสุขภาพ > รักษาโรคเหลอดเลือดแดงโคโรนารี

    .




    .




    .


     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วิธีแก้ปัญหา ‘ผ้า’ เหม็นอับ


    [​IMG]


    การ ซักเสื้อผ้าในวันฝนตก คุณพ่อบ้านแม่บ้าน อาจกังวลใจเรื่องของกลิ่นอับชื้นบนเสื้อผ้าที่ตามมา วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์ อาสาคลายความกังวลด้วยการนำวิธีซักผ้าที่ลดการเหม็นอับอย่างได้ผล มาฝาก

    สิ่งที่ต้องเตรียมคือ ผงฟู หรือ เบคกิ้งโซดา หรือ โซเดียมไบคาร์บอเนต นำมาใช้ซักเสื้อผ้าแทนผงซักฟอก โดยปริมาณการใช้ 3-4 ช้อนโต๊ะ ต่อการซักหนึ่งครั้ง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปริมาณเสื้อผ้าด้วย หากมีเสื้อผ้าจำนวนมากก็ให้เพิ่มปริมาณผงฟูตามความเหมาะสม หากเสื้อผ้ามีคราบสกปรกหรือรอยเปื้อนมาก ๆ ให้ใช้ผงซักฟอกธรรมดาควบคู่ไปด้วย

    สำหรับการเลือกผงฟูมาซักผ้านั้น ขอย้ำให้เลือกที่เป็นผงฟูแท้ โดยดูจากหน้าซองที่เขียนว่า โซเดียมไบคาร์บอเนต เนื่องจากปัจจุบันผงฟูบางยี่ห้อมีส่วนผสมของสารประกอบอื่นด้วย





    .


    http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=424&contentId=97099

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ถอดรหัสวิกฤติน้ำท่วมซ้ำซาก

    วิกฤติน้ำท่วมในทุกครั้งนำมาซึ่งกระแสและบทเรียนของการแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่าง เบ็ดเสร็จ หลายหน่วยงานที่ทำงานด้านน้ำพยายามหาทางออกให้กับเรื่องนี้ ในโอกาสครบรอบ 36 ปี วันคล้ายวันสถาปนา สถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดเสวนาเรื่อง “วิกฤติน้ำท่วมประเทศไทย...แค่ไหน? ปัญหา ทางออก” เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางสถานการณ์น้ำท่วมหนักในปีนี้พื้นที่ภาคกลาง จ.เพชรบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี ขณะที่ก่อนหน้านั้น จ.พระนครศรีอยุธยา ชาวบ้านในพื้นที่ยังต้องอาศัยอยู่กับน้ำแช่ขังนับเดือน

    ดร.รอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร เกริ่นให้ฟังก่อนว่า สถาบันก่อตั้งขึ้นตามแนวพระราชดำริเมื่อปี 2541 มีรับสั่งว่า การที่จะบริหารจัดการน้ำต้องมีข้อมูล และพบว่าข้อมูลของระบบราชการไทยคือข้อมูลเรื่องน้ำและการเกษตร แต่สิ่งเหล่านี้จะมีค่าอย่างสูงสุดเพื่อนำมาใช้ร่วมกันผสมผสานกับระบบแผนที่ จะนำไปสู่โจทย์การแก้ปัญหาเรื่องน้ำได้ทั้งระบบ นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังเคยมีรับสั่งการแก้ปัญหาเรื่องน้ำ ว่า น้ำท่วมกับน้ำแล้งต้องแก้ไขไปพร้อม ๆ กัน แต่ที่แล้วมาแผนการแก้ปัญหาน้ำท่วมกับน้ำแล้งแยกออกจากกัน

    ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร กล่าวอีกว่า ระบบการเก็บข้อมูลเรื่องน้ำในบ้านเรายังยึดแบบเดิมคือใช้สถิติ ใช้ค่าเฉลี่ยทั้งปีมาบริหารจัดการน้ำ แต่ปัจจุบันมีคำว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะจากการศึกษาของมูลนิธิศึกษาพัฒน์ พบว่าการระเหยในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นผลสืบเนื่องมาจากพื้นที่ป่าในประเทศ ที่เหลือเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยังพบว่าฝนเปลี่ยนมาตกในเดือนเมษายน ซ้ำเดือนกันยายนยังเป็นช่วงที่ฝนตกหนัก เป็นช่วงที่บริหารจัดการน้ำยากที่สุด ซึ่งการบริหารจัดการน้ำต้องคำนึงถึงปรากฏการณ์ลานินญ่าและเอลนินโญ่ประกอบ กันด้วย

    “จะเห็นว่าฝนเปลี่ยน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งว่าถ้าฝนเปลี่ยนจะบริหารจัดการน้ำอย่าง ไร พระองค์ท่านมีรับสั่งตั้งแต่ปี 2551 ถาม ซ้ำแล้วซ้ำอีก” ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตรบอกเล่าและว่าจากการคาด การณ์ของคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ หรือ “ไอพีซีซี” (Intergovernmental Panel on Climate Change : IPCC) ในวิกฤติประเทศไทยยังมีโอกาสด้านการเกษตร ซึ่งในหลาย ๆ ประเทศได้รับผลกระทบจากภาคเกษตรจากการแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ขณะที่ราคาข้าวสูงขึ้น ยกตัวอย่างอินเดียกับจีนพัง เวียดนามกับฟิลิปปินส์แทบแย่ ประเทศไทยมีโอกาสในเรื่องของการส่งออกข้าวแต่กลับมีปัญหาว่า เราบริหารจัดการน้ำไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยของประเทศอยู่ที่ 1,314 มิลลิเมตร นับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ฝนในประเทศเพิ่มมาตลอด แต่น่าตกใจว่าในปี 2548 กลับพบปัญหาภัยแล้ง เพราะในปีนั้นมีการปล่อยน้ำมากเกิน หรือในปีนี้เมื่อเดือนสิงหาคมพบว่าเป็นครั้งแรกที่น้ำไหลลงในเขื่อน สิริกิติ์วันเดียว 160 ล้านลูกบาศก์เมตร และจากการศึกษาพบว่าฝนในเดือนสิงหาคมจะสูงกว่าในเดือนอื่น ๆ ถึง 3 เท่า

    ดร.รอยล กล่าวอีกว่า จากการลงพื้นที่ในภาคอีสานได้พบสาเหตุของความยากจนเพราะน้ำไม่พอกับการทำ เกษตร ทั้งที่ภาคอีสานมีฝนมากกว่าภาคเหนือ แต่ละปีอยู่ที่ 1,300 มิลลิเมตร แต่ฝนที่ภาคเหนืออยู่ที่ 1,100 มิลลิเมตร แต่ภูมิภาคของภาคเหนือเอื้ออำนวยต่อการเก็บกักน้ำเพราะมีพื้นที่ป่าสูงกว่า ส่วนภาคอีสานมีพื้นที่เป็นเนินสูงต่ำสลับกัน ขณะเดียวกันพื้นที่ชลประทานในภาคอีสานมีเพียงแค่ร้อยละ 6 หรือร้อยละ 4 เท่านั้นของพื้นที่เกษตรกรรม ทั้งหมดที่มี 65 ล้านไร่ มีพื้นที่ชลประทานเพียง 6 ล้านไร่เศษ แต่ในพื้นที่บางส่วนของภาคอีสานบริเวณลุ่มน้ำชีกลับพบปัญหาทั้งน้ำเกินและ น้ำขาดเพราะโครงสร้างน้ำไม่พอ หรือแม้ลุ่มน้ำยมกับลุ่มน้ำน่านสิ่งที่พบเวลาน้ำขาดแคลน ขาดแคลนอยู่ 628 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่เวลาน้ำเกิน เกินอยู่ 2,784 ล้านลูกบาศก์เมตร

    ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวอย่างเรื่องของการจัดการน้ำท่วมน้ำแล้งที่ใช้ได้ ในเวลานี้ส่วนใหญ่มาจากโครงการพระราชดำริ ดังจะเห็นได้จากโครงการอ่าวพลวง ในพื้นที่ห้วยทราย และโครงการแก้มลิงต่าง ๆ ที่เห็นได้ชัดคือโครงการแก้มลิงสระพระราม 9 ในพื้นที่ 3,000 ไร่ ดร.รอยลบอกว่า ในการแก้ปัญหาน้ำท่วมไม่ต้องใช้เงินมากมาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงขายดินจากการขุดสระมาเป็นค่าขุดและค่าบริหาร จัดการทั้งหมด แก้มลิงพระราม 9 ยังช่วยเติมน้ำลงใต้ดินเพื่อแก้ปัญหาแผ่นดินทรุด และจากโครงการแก้มลิงขนาดเล็กได้ขยายต่อ ขณะนี้มีโครงการพัฒนาทำแก้มลิงรอบกรุงเทพฯในพื้นที่สวนส้ม ติดโรคในพื้นที่ จ.ปทุม ธานี โดยไม่ต้องใช้เงิน

    ดร.รอยล เล่าว่า พื้นที่สวนส้มดังกล่าวติดหนี้ธ.ก.ส.อยู่ 1.5 แสนไร่ คิดเป็นเงินสูงถึง 150,000 ล้านบาท แต่หลายหน่วยงานได้ทำงานร่วมกันได้แก่ กรมวิชาการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน กรมส่งเสริมการเกษตร และสวทช.ได้ทดลองปลูกปาล์มจำนวน 12,000 ไร่ ปรากฏว่าปาล์มน้ำมันชอบดินเปรี้ยว และสามารถทนน้ำท่วมได้ 1 เดือน เพียงแต่วิธีการปลูกปาล์มน้ำมัน ในพื้นที่ปทุมธานีต้องขุดร่องสวนปาล์มกว้างขึ้น เพื่อไว้เป็นที่เก็บ น้ำที่จะไหลเข้าท่วมกรุงเทพฯ มีพื้นที่ได้เกือบครึ่งหนึ่งของพื้นที่ เขื่อนป่าสักฯ จากนั้นครบเวลา 1 เดือนจึงระบายน้ำออกมา เพราะปทุมธานีมีลำคลองสาขาที่จะระบายน้ำ ซึ่งปาล์มน้ำมันตรงนี้นำมาผลิตเป็นไบโอดีเซล ป้อนให้กับรถยนต์บริเวณวงแหวนรอบนอกได้ แสดงให้เห็นว่าการจัดการแก้ปัญหาน้ำท่วมไม่ต้องใช้เงินเยอะ แต่จุดที่ยากสุดคือต้องบริหารข้ามกระทรวง ข้ามกรม ปัจจุบันเกษตรกรที่เปลี่ยนพื้นที่มาปลูกปาล์มสามารถปลอดหนี้สินได้แล้ว

    ดร.รอยล กล่าวอีกว่า การบริหารจัดการเรื่องน้ำต้องมีหลักคิดให้ได้ก่อน กางตำราทำงานได้แต่ต้องรู้จักปรับใช้ให้สอดคล้องกับพื้นที่ จะตามต่างประเทศไม่ได้ ยกตัวอย่างผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำในอิสราเอลฟันธงว่าประเทศไทยไม่ได้มีปัญหา เรื่องความแห้งแล้ง แต่อยู่ที่การวางระบบน้ำ หรือประเทศสิงคโปร์มีแผนเรื่องน้ำในปี 2511 แล้วว่าจะยกเลิกไม่ซื้อน้ำจากมาเลเซียและอินโดนีเซียแต่จะทำระบบรีไซเคิลน้ำ ทั้งระบบ หมายความว่าน้ำจากถนนทุกสายจะไปรวมตัว ณ ที่แห่งเดียวเพื่อทำน้ำใหม่ขึ้นใช้ภายในประเทศ

    “วันนี้ ต้องมองว่าน้ำคือความมั่นคงของประเทศ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ทรัพยากรเพราะน้ำคือชีวิต การบริหารจัดการน้ำ ณ วันนี้ต้องปล่อยให้ชุมชนจัดการเอง ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีอยู่ ยกตัวอย่างในภาคเหนือมีภูมิปัญญาเรื่องจัดการน้ำเยอะมาก” ผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำทิ้งท้ายการแก้ปัญหาทั้งระบบ.




    .

    Daily News Online > โลกสีสวย > สิ่งแวดล้อม-คุ้มครองผู้บริโภค > ถอดรหัสวิกฤติน้ำท่วมซ้ำซาก

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 22 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 19 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong, nongnooo+, ปฐม</td></tr></tbody></table>
    สวัสดีครับ

    พึ่งถึงบ้าน ขอเก็บอุปกรณ์ล้างพระ ,ทานข้าว และอาบน้ำก่อนนะครับ

    เดี๋ยวมาแจ้งงานบุญครับ


    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    วันนี้ คณะกองทุนหาพระถวายวัด ได้ถวายพระบูชาองค์พระศรีอาริยเมตตรัย จำนวน 2 องค์ , พระบูชาหลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า จำนวน 1 องค์ และ พระสมเด็จหลังเบี้ย จำนวน 400 องค์ ถวายวัดที่จังหวัดเลย โดยมอบให้พี่เปี๊ยก เป็นตัวแทนของคณะกองทุนหาพระถวายวัด

    สำหรับวันนี้ มีผู้ที่มาล้างพระ ทั้งหมด 5 ท่าน รวมพี่จิ๋ว ก็เป็น 6 ท่าน มาร่วมกันล้างพระ สำหรับพระบูชาองค์พระศรีอาริยเมตตรัย จำนวน 2 องค์ , พระบูชาหลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า จำนวน 1 องค์ ครอบครัวคุณณฑนน ล้างองค์พระทั้งครอบครัวเลย

    มาโมทนาบุญกับคณะกองทุนหาพระถวายวัดกันครับ

    ส่วนเรื่องของการทำบุญและสังฆทาน ผมจะแจ้งให้ทุกๆท่านทราบทาง Email ครับ

    .

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จาก pm ผมครับ

    ไม่เป็นไรครับ

    ผมเองยังมีพระที่สามารถมอบให้ผู้ร่วมทำบุญอีกเยอะมากครับ

    โดยส่วนตัว คงไม่รับพระจากบุคคลนอกกลุ่มครับ

    ในกรณีนี้ มีเหตุ มีปัจจัยหลายๆเรื่อง แต่ผมคงไม่แจ้งออกอากาศครับ
    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 12 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 10 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong, sittiporn.s+</td></tr></tbody></table>
    สวัสดีครับพี่

    ขอขอบคุณในคำอวยพรนะครับ


    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมเองได้ไปปรับเปลี่ยนรายชื่อ ใน Gmail

    โดยมีการย้ายชื่อ จากกลุ่มหนึ่ง ไปอีกกลุ่มหนึ่ง

    หรือ มีการลบ Email บาง Email ที่ไม่ได้ใช้ในการติดต่อแล้ว

    ดังนั้น งานต่างๆที่จะแจ้งไป ผมจะแจ้งผ่าน Email ในกลุ่มใหม่ครับ

    จะมีเรื่องของการซื้อยา เพื่อถวายสังฆทาน

    มีเรื่องของการทำบุญถวายเพลพระภิกษุสงฆ์

    อีกเรื่องที่อยากทำก็คือ ผมจะพิมพ์บทไหว้ 5 ครั้ง และ บทกรวดน้ำตามสไตล์sithiphong แจกตามวัดต่างๆครับ

    ไว้ผมแจ้งทาง Email ครับ


    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมได้ส่งว่า ท่านใดมีรายชื่อ ที่ผมได้จัดกลุ่มใหม่ ตามที่ผมแจ้งใน Email ครับ

    ในงานบุญ ผมจะแจ้งตามกลุ่มใหม่ที่จัด

    ส่วนท่านใดจะทำหรือไม่ ไม่เป็นปัญหาใดๆทั้งสิ้น

    ผมถือว่า ใครทำใครได้ ใครกินใครอิ่ม

    การทำบุญ ไม่จำเป็นต้องมาทำบุญกับผมก็ได้

    มีที่ๆไปทำบุญอีกเยอะแยะมากมาย

    เป็นไปโดยธรรม โดยวาระ ครับ

    .
     
  15. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    สวัสดีครับ
    เอารูปที่วันนี้ครอบครัวไปทำอาหารเจเลี้ยงที่โรงเจเปาเก็งเต๊ง นครชัยศรีมาให้ชมครับ
    วันนี้คนเยอะมากครับ อาอี๊ผมทำข้าวหมูแดงเจ หมดก่อนเที่ยง ทางบ้านผมทำกระเพาะปลาเจ ตอนบ่ายทำก่วยเตี๋ยวหลอดเจ ครับ
    กะเพาะปลาวันนี้ทำ 12 หม้อ ประมาณ800-900 ชามได้ครับ
    ลืมไปมีหลอดช่อง+น้ำด้วย บางอันไม่ได้ถ่ายมาให้ชมครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0330.jpg
      IMG_0330.jpg
      ขนาดไฟล์:
      324.9 KB
      เปิดดู:
      80
    • IMG_0946.JPG
      IMG_0946.JPG
      ขนาดไฟล์:
      207.1 KB
      เปิดดู:
      46
    • IMG_0949.JPG
      IMG_0949.JPG
      ขนาดไฟล์:
      191.5 KB
      เปิดดู:
      44
    • IMG_0959.JPG
      IMG_0959.JPG
      ขนาดไฟล์:
      146.1 KB
      เปิดดู:
      40
    • IMG_0957.JPG
      IMG_0957.JPG
      ขนาดไฟล์:
      158.8 KB
      เปิดดู:
      46
    • IMG_0965.JPG
      IMG_0965.JPG
      ขนาดไฟล์:
      181 KB
      เปิดดู:
      50
    • IMG_0961.JPG
      IMG_0961.JPG
      ขนาดไฟล์:
      165 KB
      เปิดดู:
      52
  16. THANOP

    THANOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +421
    ฝันดีครับพี่ๆทุกคน
     
  17. THANOP

    THANOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +421
    ฝันดีครับพี่
     
  18. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    สวัสดีตอนเช้าครับคุณอา sithiphong
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]




    [​IMG]

    อร่อยมากๆๆๆๆครับ

    ขอบคุณครับ
    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เมื่อวานนี้ คุณณฐนน และครอบครัว ได้ร่วมทำบุญในการซื้อยาถวายพระอาจารย์นิล และพระอาจารย์รูปหนึ่ง จำนวน 1,000 บาท , ร่วมทำบุญกับกองทุนหาพระถวายวัด 1,000 บาท

    คุณธวัช ได้ร่วมทำบุญในการซื้อยาถวายพระอาจารย์นิล และพระอาจารย์รูปหนึ่ง จำนวน 500 บาท ,และได้มอบเงินทำบุญให้กับผม จำนวน 1,000 บาท ซึ่งแจ้งว่า ให้ทำบุญตามแต่ที่ผมจะจัดสรรในการทำบุญอะไรก็ได้ หากทำบุญแล้วผมจะมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะครับว่า ได้ทำบุญอะไรไปบ้าง

    พี่เปี๊ยก ได้ร่วมทำบุญในงานกฐิน ที่ ถ้ำระฆังทอง เอือมระอาศรัทธาธรรม จำนวน 1,000 บาท

    มาโมทนาบุญกับคุณณฐนน,ครอบครัวคุณณฐนน , คุณธวัช และพี่เปี๊ยกกันครับ

    โมทนาบุญทุกประการ


    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...