แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. มะบอม

    มะบอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,255
    ค่าพลัง:
    +5,352
    อันนี้ผมก็คิดไว้เหมือนกันครับ เว้นแต่พระอรหันต์ซึ่งจะไม่ไปเกิดเป็นพรหมอีกแล้ว ความคิดผมครับ
     
  2. 2zani

    2zani เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +5,549
    สวัสดีครับพี่หนุ่มและพี่ๆทุกท่านครับ

    พระแก้วมรกตความจริงวันนี้ <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร <o:p></o:p>
    จากหนังสือ พระแก้วมรกตของไทย รวบรวมและเรียบเรียง โดย ธรรมทาส พานิช
    การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เมืองไชยา และเมืองนครศรีธรรมราชโบราณได้ก้าวหน้าเป็นอันมาก. เป็นอันลงร่องรอยเป็นอันดีว่า กรุงปาตลีบุตร ของตำนานพระแก้วมรกต คือเมืองไชยาโบราณ สมัยประมาณ พ.ศ. 1200 – 1300 อโศการาม ในตำนานพระแก้ว คือที่วัดแก้ว เมืองไชยา ......... เมืองไชยาในสมัยนั้นเป็นศูนย์กลางของความเจริญของพุทธศาสนา ของดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้. สมเด็จพระอมรินทราธิราช ผู้ไปหาก้อนแก้วมาได้ คือพระอินทร์ เมื่อพระวิษณุกรรมเทพบุตรเจริญวัยพอที่จะโดยเสด็จพระบิดา ทรงม้าไปขอก้อนแก้วมรกต ถึงเหมืองแก้วในแดนยุนนาน ( ราชคตฤห์ ในตำนานไทย ) พระวิษณุกรรมเทพบุตร คือพระมหาราชวิษณุ ตามที่มีจารึกพระนามไว้ในจารึกวัดเวียงเมืองไชยา ด้านหลังว่า วิษณวาขโย จารึก พ.ศ. 1318
    ตำนานพระแก้วมรกคตของไทย... เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ว่า คนไทยโบราณ ( ขอม ) เป็นเจ้าของดินแดนพระนครวัด นครธม. ไม่มีตำนานพระแก้วมรกตในอินเดีย ในลังกาเลย. เพราะว่าพระแก้วมรกตนี้ กษัตริย์ไทยโบราณได้สร้างขึ้นไว้ที่กรุงปาตลีบุตร เมืองไชยา ของไทยนี่เอง.............. <o:p></o:p>

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ( คลิกที่นี้เพื่อสืบค้นจากเว็บวิกิพีเดียโดยตรง หากเข้าไปข้อมูลอ้างอิงไม่ได้ ) <o:p></o:p>
    <TABLE style="mso-padding-alt: 0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-cellspacing: 1.5pt; mso-table-lspace: 2.25pt; mso-table-rspace: 2.25pt; mso-table-anchor-vertical: paragraph; mso-table-anchor-horizontal: column; mso-table-left: right; mso-table-top: middle" class=MsoNormalTable border=0 cellPadding=0 align=right><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes"><TD style="PADDING-BOTTOM: 0.75pt; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-RIGHT: 0.75pt; PADDING-TOP: 0.75pt">
    พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร <o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 1"><TD style="PADDING-BOTTOM: 0.75pt; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-RIGHT: 0.75pt; PADDING-TOP: 0.75pt"><TABLE style="mso-padding-alt: 0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-cellspacing: 1.5pt" class=MsoNormalTable border=0 cellPadding=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes"><TD style="PADDING-BOTTOM: 0.75pt; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-RIGHT: 0.75pt; PADDING-TOP: 0.75pt">[​IMG]<o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 1; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="PADDING-BOTTOM: 0.75pt; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-RIGHT: 0.75pt; PADDING-TOP: 0.75pt">
    พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงเครื่องทรงทั้งสามฤดู <o:p></o:p>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 2"><TD style="PADDING-BOTTOM: 0.75pt; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-RIGHT: 0.75pt; PADDING-TOP: 0.75pt">ข้อมูลทั่วไป <o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 3; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="PADDING-BOTTOM: 0.75pt; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-RIGHT: 0.75pt; PADDING-TOP: 0.75pt"><TABLE style="mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm; mso-cellspacing: 0cm" class=MsoNormalTable border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes"><TD style="PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; WIDTH: 57pt; PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-TOP: 0cm" width=76>ชื่อเต็ม <o:p></o:p>
    </TD><TD style="PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; WIDTH: 187.5pt; PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-TOP: 0cm" width=250>พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร <o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 1"><TD style="PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-TOP: 0cm">ชื่อสามัญ <o:p></o:p>
    </TD><TD style="PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-TOP: 0cm">พระแก้วมรกต <o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 2"><TD style="PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-TOP: 0cm">ประเภท <o:p></o:p>
    </TD><TD style="PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-TOP: 0cm">พระพุทธรูป <o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 3"><TD style="PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-TOP: 0cm">ศิลปะ <o:p></o:p>
    </TD><TD style="PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-TOP: 0cm">ศิลปะก่อนเชียงแสน <o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 4"><TD style="PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-TOP: 0cm">ขนาด
    ความกว้าง
    ความสูง <o:p></o:p>
    </TD><TD style="PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-TOP: 0cm">
    19 นิ้ว
    28 นิ้ว <o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 5"><TD style="PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-TOP: 0cm">วัสดุ <o:p></o:p>
    </TD><TD style="PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-TOP: 0cm">หยกอ่อน ( Nephrite ) <o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 6"><TD style="PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-TOP: 0cm">สถานที่ประดิษฐาน <o:p></o:p>
    </TD><TD style="PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-TOP: 0cm">ประธานในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม <o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 7"><TD style="PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-TOP: 0cm">ความสำคัญ <o:p></o:p>
    </TD><TD style="PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-TOP: 0cm">พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของ กรุงรัตนโกสินทร์ <o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 8; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-TOP: 0cm">หมายเหตุ <o:p></o:p>
    </TD><TD style="PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; PADDING-TOP: 0cm"><o:p> </o:p>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><o:p></o:p>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    บทความนี้เกี่ยวกับพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร สำหรับพระแก้วองค์อื่นๆ ดูที่ พระแก้ว <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวไทย ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (หรือ วัดพระแก้ว) ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร<o:p></o:p>
    พระแก้วมรกตเป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหยกอ่อนสีเขียวดังมรกต เป็นพระพุทธรูปสกุลศิลปะก่อนเชียงแสนถึงศิลปะเชียงแสน หลักฐานที่ตรงกันระบุว่าพบครั้งแรก ประดิษฐานอยู่ในเจดีย์วัดป่าญะ เมืองเชียงแสน (ปัจจุบันคือวัดพระแก้วงามเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย) สภาพเป็นพระพุทธรูปพอกปูนลงรักปิดทอง แต่เมื่อพระสงฆ์อัญเชิญออกจากพระเจดีย์ ปูนบริเวณพระนาสิกเกิดกระเทาะออก เห็นเป็นเนื้อมรกต จึงกระเทาะปูนออกทั้งองค์ เห็นเป็นเนื้อหยกสีมรกตทั้งองค์<o:p></o:p>
    หลังจากนั้น พระเจ้าสามฝั่งแกนแห่งเชียงใหม่ทราบข่าวการค้นพบพระพุทธรูปนี้ จึงเชิญมาประดิษฐานที่เชียงใหม่ แต่ช้างทรงพระแก้วมรกตกลับไม่เดินทางไปยังเชียงใหม่ แต่ไปทางลำปางหากช้างนั้นมีพระแก้วมรกตอยู่บนหลังช้าง เชียงใหม่เห็นว่าลำปางก็อยู่ในอาณาจักรล้านนาจึงนำไปไว้ที่วัดพระแก้วดอนเต้า ถึงสมัยพระเจ้าติโลกราช ได้เชิญพระแก้วมรกตมายังเชียงใหม่ สร้างปราสาทประดิษฐานไว้แต่ถูกฟ้าผ่าหลายครั้ง ครั้นเมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาแห่งล้านช้างซึ่งเป็นญาติกับราชวงศ์ล้านนามาครองเมืองเชียงใหม่ เมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาเสด็จกลับหลวงพระบาง ก็เชิญพระแก้วมรกตไปด้วยพร้อมกับพระพุทธสิหิงค์ ทางเชียงใหม่ขอคืนก็ได้แต่พระพุทธสิหิงค์ เมื่อล้านช้างย้ายเมืองหลวงจากหลวงพระบางมาเวียงจันทน์ก็เชิญพระแก้วมรกตลงมาด้วย ต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นเมืองหลวง พระองค์ทรงได้ทรงยึดพระแก้วมรกต และพระบาง มาจากอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ (ลาว) ในครั้งนั้นประดิษฐานไว้ที่วัดอรุณราชวราราม ต่อมาเมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรลงบุษบกในเรือพระที่นั่ง เสด็จข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มาประดิษฐานยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จนถึงปัจจุบัน ส่วนพระบางทรงพระราชทานคืนให้แก่ลาว<o:p></o:p>
    ตำนานพระแก้วมรกต<o:p></o:p>
    ดูบทความหลักที่ ตำนานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร<o:p></o:p>
    พระแก้วมรกตสร้างขึ้นในปี พุทธศักราช 500 โดยพระนาคเสนเถระ วัดอโศการาม กรุงปาฏลีบุตร ในแผ่นดินพระเจ้ามิลินท์ (เมนันเดอร์) สมเด็จพระอมรินทราธิราช พร้อมกับพระวิสสุกรรมเทพบุตร ได้นำแก้วโลกาทิพยรัตตนายก อันมีรัตนายกดิลกเฉลิม 1000 ดวง สีเขียวทึบ (หยกอ่อน) นำมาจำหลักเป็นพระพุทธรูปถวายให้พระนาคเสน ถวายพระนามว่า พระพุทธรัตนพรรณมณีมรกต พระนาคเสนจึงได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ลงไปในพระพุทธรัตนพรรณมณีมรกต 7 พระองค์ คือพระโมลี พระนลาฏ พระนาภี พระหัตถ์ซ้าย-ขวา และพระเพลาซ้าย-ขวา แต่เมื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุแล้วอัญเชิญขึ้นประดิษฐานแล้วนั้น เกิดเหตุการแผ่นดินไหวขึ้น พระนาคเสนได้พยากรณ์ว่า พระแก้วองค์นี้ จะเสด็จไปโปรดสรรพสัตว์ในเบญจประเทศ คือ ลังกาทวีป กัมโพชะศรีอโยธยา โยนะวิสัย ปะมะหละวิสัย และ สุวรรณภูมิ<o:p></o:p>
    พุทธศักราช 800 โดยประมาณในแผ่นดินพระเจ้าศิริกิตติกุมาร พระเชษฐราชโอรสในพระเจ้าตักละราช ขึ้นครองราชสมบัติเมืองปาฏลีบุตร เป็นช่วงที่เมืองปาฏลีบุตรเกิดมหากลียุค ทั้งมีการจลาจลภายในและข้าศึกภายนอก ผู้คนในปาฏลีบุตรที่เคารพนับถือพระพุทธรัตนพรรณมณีมรกต ลงสู่สำเภาแล้วเดินทางลี้ภัยไปยังลังกาทวีป เมื่อถึงลังกาทวีปพระเจ้าแผ่นดินลังกาทวีปในสมัยนั้น(ไม่ได้ระบุพระนาม) ทรงรับรักษาพระพุทธรัตนพรรณมณีมรกตเป็นอย่างดียิ่ง และทรงอุปถัมภ์ค้ำชูชาวปาฏลีบุตรเป็นอย่างดีสมควรตามความดีความชอบ<o:p></o:p>
    พุทธศักราช 1000 โดยประมาณในแผ่นดินศรีเกษตรพุกามประเทศ พระมหากษัตริย์ผู้ครองนครขณะนั้นคือพระเจ้าอนุรุทธราชาธิราช(ภาษาบาลี) หรือ มังมหาอโนรธาช่อ(ภาษามอญ) พระองค์เป็นกษัตริย์ที่มีพระอานุภาพมาก บริบูรณ์ด้วยพลช้างพลม้าและทหารมากมาย แต่พระองค์ก็เป็นกษัตริย์ที่ตั้งมั่นอยู่ในสัมมาทิฐิ ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างดียิ่ง ทรงมีพระราชโองการ ให้ส่งพระราชสาส์นและเครื่องมงคลบรรณาการ ไปยังลังกาทวีป เพื่อขอคัดลอกพระไตรปิฎกและขอพระแก้วมรกตกลับมาด้วย แต่เรือที่บรรทุกพระแก้วมรกตถูกพายุพัด พลัดเข้าไปทางอ่าวกัมพูชาแทน พระเจ้านารายณ์ราชสุริยวงศ์ เจ้ากรุงอินทปัตถ์มหานคร แคว้นกัมพูชา สั่งให้อำมาตย์คุมสำเภากลับไปถวายคืนแก่พระเจ้าอนุรุทธ แต่ส่งกลับไปเพียงพระไตรปิฎกเท่านั้น มิได้ส่งพระพุทธรัตนพรรณมณีมรกตไปด้วย<o:p></o:p>
    หลังจากที่พระแก้วมรกตได้ประดิษฐานอยู่กรุงอินทปัตถ์นานพอสมควร(ไม่ได้ระบุปี) ในแผ่นดินพระเจ้าเสน่ห์ราช เกิดพายุฝนขนาดใหญ่ตกเป็นนิจกาลยาวนานหลายเดือน(ไม่ได้ระบุ) พระเจ้าเสน่ห์ราชก็สวรรคตด้วยอุทกภัยนั้น พระมหาเถระ(ไม่ปรากฏพระนาม) ได้อัญเชิญพระแก้วมรกตขึ้นสำเภาหนีไปยังที่ดอน พระเจ้าอติตะราช (อาทิตยราช) เจ้าครองนครอโยธยา(หมายถึงอโยธยาโบราณ) ทราบเรื่องจึงเสด็จกระบวนพยุหยาตรา ไปอัญเชิญพระแก้วมรกตมาไว้ในที่ปลอดภัย โดยทรงอัญเชิญพระแก้วมรกตประดิษฐานในพระมหาเวชยันตปราสาท และได้ประดิษฐานในนครอโยธยาอีกหลายรัชสมัย<o:p></o:p>
    ต่อมาเจ้าเมืองกำแพงเพชร ซึ่งเป็นพระบรมญาติกับกษัตริย์อโยธยาสมัยนั้น จึงทูลขอนำพระแก้วมรกตขึ้นไป ประดิษฐานที่เมืองกำแพงเพชรอีกหลายรัชสมัย ซึ่งปัจจุบันก็คือวัดพระแก้วกำแพงเพชร ในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ต่อมา พระเจ้าพรหมทัศน์เจ้านครหิรัญนครเงินยางเชียงแสนได้ทูลขอพระแก้วมรกตต่อพระเจ้ากำแพงเพชร พระเจ้ากำแพงเพชรจึงได้ถวายให้นครเชียงแสน<o:p></o:p>
    ต่อมานครเชียงแสนเกิดมีศึกกับนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ เจ้าผู้ครองนครเชียงแสนในเวลานั้นได้ทำการพอกปูนจนทึบและลงรักปิดทองเสมือนพระพุทธรูปสามัญทั่วไป แล้วบรรจุเก็บไว้ในเจดีย์วัดป่าญะในเมืองเชียงแสน จากนั้นกษัตริย์และพระราชวงศ์อพยพผู้คนลงมาทางใต้ ส่วนเมืองเชียงแสนก็ถูกตีแตกและถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรล้านนาในที่สุด<o:p></o:p>
    ประเพณี<o:p></o:p>
    เนื่องจากพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เป็นพระพุทธูปประจำพระราชอาณาจักร ดังนั้นประเพณีที่เกี่ยวข้อง ส่วนมากจึงเป็นพระราชพิธี เช่น<o:p></o:p>
    · พระราชพิธีตรียัมปวาลและตรีปวาย<o:p></o:p>
    · พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมาฆบูชา<o:p></o:p>
    · พระราชพิธีศรีสัจปานกาลถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา<o:p></o:p>
    · พระราชพิธีตรุษสงกรานต์<o:p></o:p>
    · พระราชพิธีฉัตรมงคล<o:p></o:p>
    · พระราชพิธีพืชมงคล<o:p></o:p>
    · พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา<o:p></o:p>
    · พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอาสาฬหบูชา<o:p></o:p>
    · พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลหล่อเทียนพรรษา<o:p></o:p>
    · พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอุปสมบทนาคหลวง<o:p></o:p>
    · พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา<o:p></o:p>
    · พระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร มีกำหนดการดังนี้ เครื่องทรงฤดูร้อน ทรงเปลี่ยน วันแรม 1 ค่ำ เดือน 4 เครื่องทรงฤดูฝน ทรงเปลี่ยน วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 เครื่องทรงฤดูหนาว ทรงเปลี่ยน วันแรม 1 ค่ำ เดือน 12<o:p></o:p>
    · พระราชพิธีบรมราชาภิเษก<o:p></o:p>
    · พระราชพิธีตรึงหมุดธงชัยเฉลิมพล<o:p></o:p>
    · พิธีจารึกพระสุพรรณบัฏดวงพระราชสมภพ<o:p></o:p>
    · พิธีตั้งสมณศักดิ์และสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช<o:p></o:p>
    การขึ้นทะเบียน<o:p></o:p>
    1. กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศเป็นพระพุทธรูปสำคัญ ตามบัญชีแนบท้าย ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติ และการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ พ.ศ. 2520<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ตำนานพระแก้วมรกต จากเว็บไซตทัวร์ดอย <o:p></o:p>
    พระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เลื่อมใสของผู้คนในภูมิภาคแหลมทองมาเป็นเวลานาน เริ่มตั้งแต่ดินแดนถิ่นนี้ยังเป็นอาณาจักรต่างๆ มิได้รวมกันเป็นประเทศอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พอรวบรวมได้ว่าองค์พระแก้วมรกตสร้างขึ้นในประมาณ ปี พ.ศ. 500 โดยพระนาคเสนเถระ เมืองปาฏลีบุตร อินเดีย เข้ามาสู่ดินแดนของไทยครั้งแรกในอาณาจักรอโยธยา จากนั้นอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดพระแก้วเมืองชากังราวหรือกำแพงเพชร จากกำแพงเพชรได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดพระแก้วเชียงรายเป็นเวลา 45 ปี จากนั้นก็อัญเชิญลงมาประดิษฐานที่ลำปางอีก 32 ปี จากลำปางอัญเชิญขึ้นเหนือไปประดิษฐานที่วัดเจดีย์หลวง จ. เชียงใหม่ เป็นเวลา 85 ปี จากเชียงใหม่ไปประดิษฐานที่เมืองเวียงจันทร์ 225 ปี แต่เก่าก่อนตอนปลายสมัยอยุธยา เมืองเวียงจันทน์ตกเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยา ครั้งเมื่อกรุงศรีอยุธยามีศึกหนักกับพม่าจนตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ทางเวียงจันทน์ถือโอกาศแข็งเมืองแยกตัวเป็นอิสระ จนกระทั่งพระเจ้าตากกอบกู้เอกราชได้และตั้งราชธานีใหม่จึงได้ส่งเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกไปตีเมืองเวียงจันทน์ให้กลับมาเป็นเมืองขึ้นเหมือนเดิม ศึกครั้งนั้นทัพของเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้รับชัยชนะโดยเด็ดขาดจึงได้อัญเชิญพระแก้วมรกตกลับคืนสู่แผ่นดินไทย
    ครั้งแรกเมื่ออัญเชิญพระแก้วมรกตกลับมายังประเทศไทยในสมัยกรุงธนบุรีได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ที่วิหารน้อยวัดอรุณราชวราราม ประดิษฐานอยู่ที่วัดอรุณฯ เป็นเวลา 5 ปี<o:p></o:p>
    เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเมื่อชนะศึกเมืองเวียงจันทน์และได้อัญเชิญพระแก้วมรกตกลับมาก็เกิดความยินดี ดั่งว่าพระแก้วมรกตเป็นพระคู่บารมีคู่บ้านคู่เมือง ครั้นเมื่อสิ้นกรุงธนบุรีเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกปราบดาภิเษกขึ้นเป็นมหากษัตริย์ได้สำเร็จ และได้ตั้งเมืองขึ้นใหม่มีชื่อว่า กรุงรัตนโกสินทร์ นัยว่าเป็นชื่อที่มีที่มาจากพระแก้วมรกต กรุง แปลว่า เมือง รัตน แปลว่าแก้ว โกสินทร์ แปลว่าพระอินทร์ ซึ่งพระอินทร์จะมีองค์สีเขียว รวมระยะเวลาที่องค์พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2321 จนถึงปัจจุบันนี้เป็นเวลา 227 ปี <o:p></o:p>
    พระแก้วมรกต ท่านได้ไปประดิษฐานอยู่ ณ ที่ใด ที่นั้นก็จะมีแต่ความสุขเจริญรุ่งเรือง เมื่อมีสิ่งศักดิ์อยู่คู่บ้านคู่เมืองของเราแล้วก็ขอเชิญท่านทั้งหลายไปกราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวท่านเอง<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p>พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่ประดิษฐานองค์พระแก้วมรกต <o:p></o:p></o:p>
    <TABLE border=1 width="84%"><TBODY><TR><TH scope=row>
    [​IMG]
    </TH><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    รอยประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพระแก้วมรกต<o:p></o:p>
    หลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพระแก้วมรกต มีทั้งเป็นลายลักษณ์อักษรและหลักฐานทางโบราณคดี ในส่วนที่เป็นลายลักษณ์อักษรนั้นได้ปรากฎอยู่ในเอกสารโบราณมากมาย อาทิเช่น เรื่องรัตน์พิมพ์วงค์ ตำนานพระแก้วมรกต เรื่องพระรัตนปฏิมา ในหนังสือชินกาลมาลีปกรณ์ พงศาวดารเหนือ ราชพงศาวดารกรุงกัมพูชา ตำนานพระแก้วมรกตฉบับหลวงพระบาง และพงศาวดารโยนก เป็นต้น<o:p></o:p>
    จากเอกสารดังกล่าว สามารถประมวลได้ว่า พระแก้วมรกต สร้างขึ้นจากความดำริของพระนาคเสนเถระ แห่งเมืองปาตลีบุตร ในชมพูทวีป ( ประเทศอินเดียวในปัจจุบัน ) เมื่อประมาณ พ.ศ.500 จากนั้นก็ได้มีการอัญเชิญไปประดิษฐานตามเมืองสำคัญต่างๆ ตามลำดับ ดังนี้<o:p></o:p>
    · เกาะลัง เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๘๐๐ <o:p></o:p>
    · เมืองนครธม ในอาณาจักรขอมโบราณ เมื่อประมาณปี พ.ศ.๑๐๐๐ <o:p></o:p>
    · เมืองอโยชปุระ หรือเมืองอโยธยาโบราณ ในสมัยพระเจ้าอาทิตยราช <o:p></o:p>
    · เมืองกำแพงเพชร ในสมัยพระยะาวิเชียรปราการ <o:p></o:p>
    · เมืองเชียงราย ในสมัยเจ้ามหาพรหม <o:p></o:p>
    · นครเขลางค์ หรือเมืองลำปาง ระหว่างปี ๑๘๗๙ - พ.ศ. ๒๐๑๑ <o:p></o:p>
    · เมืองเชียงใหม่ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๐๑๑ - พ.ศ. ๒๐๙๖ ในสมัยพระเจ้าติโลกราช <o:p></o:p>
    · เมืองหลวงพระบาง ในปี พ.ศ. ๒๐๙๖ <o:p></o:p>
    · เมืองเวียงจันทร์ จนถึง พ.ศ. ๒๓๒๑ <o:p></o:p>
    · กรุงธนบุรี ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๒๑ - พ.ศ. ๒๓๒๗ <o:p></o:p>
    · กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๓๒๗ จนถึงปัจจุบัน <o:p></o:p>
    ด้านหลักฐานทางโบราณคดี ปัจจุบันในภาคเหนือของประเทศไทยยังคงปรากฏร่องรอยในโบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับพระแก้วมรกตอยู่อย่างชัดเจนในหลายพื้นที่ ได้แก่<o:p></o:p>
    · โบราณสถานวัดพระแก้ว ในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร <o:p></o:p>
    · เจดีย์โบราณ วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม จังหวัดลำปาง <o:p></o:p>
    · เจดีย์หลวง ในวัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ <o:p></o:p>
    · เจดีย์โบราณ ในวัดพระแก้ว จังหวัดเชียงราย <o:p></o:p>
    เรื่องตำนานพระแก้วมีหลายฉบับอาจจะผิดพลาดในเรื่องของเวลาและการกำหนดปีพุทธศักราชอยู่บ้าง แต่สิ่งเป็นจริงที่แน่แท้ไม่ผิดเพี้ยนคือปัจจุบันนี้พระแก้วมรกต ประดิษฐานอยู่ในประเทศไทยของเรา ที่วัดพระแก้ว หรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาติไทยมาช้านาน<o:p></o:p>
    สถานที่ต่างๆ ที่เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตล้วนมีความสำคัญในแง่ของความศรัทธาและความเชื่อของผู้คนท้องถิ่น อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่มีศิลปะที่งดงามในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น หากมีเวลาจึงขอเชิญชวนทุกท่านเดินท่องเที่ยวเยือนเมืองเหนือกราบรอยพระแก้วมรกตเพื่อความเป็นสิริมงคลและยังได้ท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ ที่มีความสวยงามทั้งศิลปะวัฒนธรรมและธรรมชาติ<o:p></o:p>
    เยือนเมืองเหนือ.... กราบรอยพระแก้วมรกต<o:p></o:p>
    กำแพงเพชร - ลำปาง - เชียงใหม่ - เชียงราย<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <TABLE border=1 width="70%" align=center height=161><TBODY><TR><TH width="53%" scope=row>
    [​IMG]
    </TH><TD width="47%">[​IMG]</TD></TR><TR><TH scope=row>
    วัดพระแก้วเมืองกำแพงเพชร คลิกอ่านต่อ
    </TH><TD>วัดพระแก้ว เชียงราย คลิกอ่านต่อ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=1 width="70%" align=center height=164><TBODY><TR><TH height=128 width="53%" scope=row>
    [​IMG]
    </TH><TD width="47%">[​IMG]</TD></TR><TR><TH scope=row>
    วัดพระแก้วดอนเต้า จ. ลำปาง คลิกอ่านต่อ<o:p></o:p>
    </TH><TD>วัดเจดีย์หลวง จ. เชียงใหม่ คลิกอ่านต่อ</TD></TR></TBODY></TABLE>

    เรียบเรียงสรุปย่อความ .......
    โดย พล.อ.ต. วินิจ หุตะเจริญ
    <o:p></o:p>
    เมื่อ พ.ศ.234 สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช มีพวกเดียรถีย์ปลอมเป็นพระภิกษุสงฆ์ จึงได้จัดการสังคายนาพระไตรปิฎกกำจัดเดียรถีย์ กระทำที่ ถูปาราม กรุงปาฏลีบุตร ชมพูทวีป ต่อจากนั้นได้ส่งพระเถระออกไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาในประเทศต่างๆ แผ่นดินสุวรรณภูมิ มีพระโสณะและพระอุตตระเป็นหัวหน้าคณะ ผู้ร่วมคณะติดตามจึงน่าจะเป็นชนชาติมคธ ดินแดนสุวรรณภูมิในศตวรรษที่ 3 น่าจะเป็นชนชาติ ละว้า, มอญ, ขอม และชนพื้นเมืองอื่นๆ ไทยพึ่งจะตั้งตนปกครองอาณาจักรสุโขทัย ราวศตวรรษที่ 18 หลังจากพุทธศาสนามาถึงเมืองไทยราว 1500 ปี ในเวลานั้นมีการเดินทางของญาติพี่น้องชาวมคธ มายังประเทศไทย ทั้งทางตอนเหนือ, ตอนกลางและตอนใต้ของประเทศ เช่นที่เมืองไชยา ( ไทยเรียกชื่อว่า “ ปาฏลีบุตร ” เหมือนในประเทศอินเดีย ) และเมืองนครศรีธรรมราช ( ตามพรลิงค์ ) และอยู่กินกับชนพื้นเมืองในประเทศ มีบุตรหลานที่มีการศึกษาเฉลียวฉลาด สามารถรวบรวมพลเมืองตั้งเป็นอาณาเขตปกครองของตระกูลไศเลนทร์วงษ์ ในยุคศรีวิชัย เช่นเดียวกับชนพื้นเมืองในภาคกลาง ได้อยู่กินกับชาวมคธ จากอินเดีย สามารถรวบรวมอาณาเขตปกครองในยุคทวาราวดี ซึ่งชนพื้นเมืองส่วนใหญ่เป็นชนชาติมอญ นอกจากนี้ชาวเปอร์เชียที่นับถือศาสนาใหม่ได้แก่ศาสนาอิสลามได้รุกราน ฆ่าฟัน เผาและทำลายอาคารในพุทธศาสนาตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 จนถึงศตวรรษที่ 9 จนถึงแก่ชีวิต ต้องหลบหนีมาทางพม่าและไทย ชนชาติที่นิยมมาทางพม่าได้แก่ชนชาติจากแคว้นโกศล และใกล้เคียง ที่เข้ามาทางไทยเพราะมีญาติพี่น้องอยู่ในไทยอยู่แล้วได้แก่ชาวมคธ และใกล้เคียง พวกที่เข้ามาทางเรือ จะเข้ามาทางเมืองไชยาและเมืองนครศรีธรรมราช ทำให้ศาสนาพุทธในไทยเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น <o:p></o:p>
    ปี พ.ศ.1260 กษัตรย์ไศเลนทร์วงษ์ ซึ่งครองเมืองไชยา ( ปาฏลีบุตร ) ทรงพระนามพระเจ้าอินทร์บรมเทพ ได้ให้พระวิษณุกรรมราชบุตร ส่งเครื่องบรรณาการไปถวายพระเจ้ากรุงจีน และทูลขอหินสีเขียวจากเมืองจีน นำมาสร้างพระแก้วมรกต ( ทำไมจึงสร้างพระพุทธรูปจากแก้ว? เรื่องมีว่าเมื่อพระอรหันต์นามพระมหาธรรมรักขิตเถรเจ้า ผู้เป็นอาจารย์นิพพานไปแล้ว พระอรหันต์นาม นาคเสนผู้เป็นศิษย์ คิดเห็นว่า ควรจะสร้างพระพุทธรูปเจ้าขึ้นไว้ เพื่อแทนองค์อาจารย์ผู้ได้สั่งสอนนิพานธรรมให้แก่ศิษย์ .......... ได้เข้าถึงสวรรค์และนิพพาน ได้เป็นจำนวนมาก ถ้าจะสร้างด้วยเงินและทองคำ จะให้ยั่งยืนมั่นคงหาได้ไม่ เพราะคนทั้งปวงเขามี โลภะ โทสะ โมหะมาก เขาจะทำลายพระพุทธรูปเสีย เราควรจะสร้างพระพุทธรูปไว้ด้วยแก้ว พระอินทร์กับพระวิษณุกรรม ทราบความปรารถนาของพระนาคเสนแล้ว ก็รับอาสาไปหาก้อนแก้วมรกตมาถวาย... ) <o:p></o:p>
    ปี พ.ศ.1400 กรุงไชยาเกิดอุทกภัย เกิดโรคระบาด จึงย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่นครศรีธรรมราช ( ตามพรลิงค์ ) จนถึงปี พ.ศ.1432 พระเจ้าอนุรุธกษัตริย์พม่าได้ส่งกองเรือสำเภามาทูลขอพระไตรปิฎก พร้อมทั้งพระแก้มรกต ลงเรือสำเภากลับพม่า เจ้าชายในตระกูลไศเลนทร์วงษ์ โกรธแค้น ได้ฆ่านายท้ายเรือพม่า พร้อมทั้งแล่นเรือกลับด้วยเกรงว่ากษัตริย์ไศเลนทร์วงษ์แห่งเมืองนครศรีธรรมราชจะลงโทษ จึงแล่นเรือเลยไปจนถึงเมืองเขมร ซึ่งมีกษัตริย์ ทรงพระนามพระเจ้า ปทุมสุริยวงศ์ ซึ่งเป็นโอรสของกษัตริย์ไศเลนทร์วงษ์ ซึ่งมารดาเป็นพระราชธิดาของกษัตริย์เขมรองค์ก่อน ได้ถวายวังให้เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ชื่อว่า “ นครวัด ” <o:p></o:p>
    ต่อมาในปี พ.ศ.1545 เขมรเกิดจลาจลรบพุ่งแย่งชิงราชสมบัติ พระเถระได้ลอบนำพระแก้วมรกต ลงเรือมายังกรุงละโว้ ( ลพบุรี ) ถวายพระเจ้ากรุงละโว้ เพราะเป็นเครือญาติกับกษัตริย์เขมร <o:p></o:p>
    ต่อมา พ.ศ.1592 กษัตริย์เมืองอโยธยา ( อู่ทอง ) ได้ทูลขอพระแก้วมรกต จากพระเจ้ากรุงละโว้ จึงมาประดิษฐานอยู่ที่อโยธยา จนถึงปี พ.ศ.1730 กษัตริย์กำแพงเพชรได้ทูลขอพระแก้วมรกตมาประดิษฐานไว้จนปี พ.ศ.1900 กษัตริย์เมืองเชียงรายเรืองอำนาจ จึงทูลขอต่อกษัตริย์เมืองกำแพงเพชร ประดิษฐานอยู่เมืองเชียงรายจนถึงปี พ.ศ.2019 ต่อมามีการสร้างเมืองเชียงใหม่ กษัตริย์เมืองเชียงใหม่เรืองอำนาจ จึงทูลขอต่อพระเจ้าเชียงราย ได้บรรทุกช้างมา ช้างพาหลงทางไปจนถึงเมืองลำปาง ประดิษฐานอยู่ที่เมืองลำปางจนถึงปี พ.ศ.2022 พระเจ้าเชียงใหม่ติดตามพระแก้วมรกตกลับไปเมืองเชียงใหม่ จนถึงปี พ.ศ.2095 พระเจ้าเชียงใหม่สวรรคต มอบราชสมบัติให้พระราชนัดดา พระไชยเชษฐาธิราชโอรสพระเจ้าโพธิสาร กษัตริย์ลาว ซึ่งพระราชมารดาเป็นพระราชธิดากษัตริย์เมืองเชียงใหม่ พระไชยเชษฎาธิราชครองเมืองเชียงใหม่ได้ไม่นาน คิดถึงพระราชบิดามารดา เสด็จกลับเมืองหลวงพระบาง และนำเอาพระแก้วมรกต และพระพุทธสิหิงค์ กลับไปประเทศลาวด้วย <o:p></o:p>
    เมือพระโพธิสารสวรรคต พระไชยเชษฐาธิราช ได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ลาว จนปี พ.ศ.2107 ได้ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เมืองเวียงจันทน์ พระแก้วมรกตจึงได้ประดิษฐานอยู่ที่นครเวียงจันทน์ <o:p></o:p>
    จนถึงปี พ.ศ.2322 พระเจ้าตากสินมหาราชได้แต่งตั้งสมเด็จเจ้าพระยาพระมหากษัตริย์ศึก เป็นแม่ทัพยกไปตีประเทศลาว ยึดเอาพระแก้วมรกต พระพุทธสิหิงค์ และพระบาง นำกลับมากรุงธนบุรี ต่อมาเห็นว่าพระบางเป็นสมบัติของประเทศลาว จึงดำเนินการส่งคืน เมื่อ ร.1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกขึ้นครองราชย์ ได้ประดิษฐานพระแก้วมรกตไว้ที่พระบรมมหาราชวังและประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติในปี พ.ศ.2327 จนกระทั่งปัจจุบัน <o:p></o:p>
    สรุป พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ตามที่ต่างๆ ดังนี้ <o:p></o:p>
    [​IMG]<o:p></o:p><o:p></o:p><o:p></o:p>
    1. ไชยา ( ปาฏลีบุตร ) พ.ศ. 1260 – 1400 รวม 140 ปี <o:p></o:p>
    2. นครศรีธรรมราช ( ตามพรลิงค์ ) พ.ศ.1400 – 1432 รวม 32 ปี <o:p></o:p>
    3. นครวัด ( เขมร ) พ.ศ. 1432 – 1545 รวม 113 ปี <o:p></o:p>
    4. ลพบุรี ( ละโว้ ) พ.ศ. 1545 – 1592 รวม 47 ปี <o:p></o:p>
    5. อโยธยา ( อู่ทอง ) พ.ศ. 1592 – 1730 รวม 138 ปี <o:p></o:p>
    6. กำแพงเพชร พ.ศ. 1730 – 1900 รวม 170 ปี <o:p></o:p>
    7. เชียงราย พ.ศ. 1900 – 2019 รวม 119 ปี <o:p></o:p>
    8. ลำปาง พ.ศ. 2019 – 2022 รวม 4 ปี <o:p></o:p>
    9. เชียงใหม่ พ.ศ. 2022 – 2095 รวม 73 ปี <o:p></o:p>
    10. หลวงพระบาง ( ลาว ) พ.ศ. 2095 – 2107 รวม 12 ปี <o:p></o:p>
    11.เวียงจันทน์ ( ลาว ) พ.ศ. 2107 – 2322 รวม 215 ปี <o:p></o:p>
    12. ธนบุรี พ.ศ. 2322 – 2327 รวม 5 ปี <o:p></o:p>
    13. กรุงเทพฯ พ.ศ. 2327 – ปัจจุบัน <o:p></o:p>
     
  3. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    สวัสดีตอนเช้าเพื่อนๆน้องๆทุกคนครับ
    ขอให้ทุกคนพบกับความสุขตลอดทั้งวัน

    เรื่องการปั้นลูกอมนั้น มีคนเสนอตัวต้องการช่วยมากราย ต้องขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่มีน้ำใจและมีใจเป็นกุศลร่วมกัน ตามที่ผมแจ้งไว้ว่าจะทำเองนั้น เพราะมันค่อนข้างทำยาก มีขั้นตอนละเอียดและมีกรรมวิธียุ่งยากมาก หนึ่งในเคล็ดแต่โบราณที่เรียนรู้มานั้น ตรงกับผมพอดี คือผมเองนั้นประหลาดตรงที่ เกิดวันเสาร์ เกิดเดือนมังกร เกิดปีเสือ และเกิดในวันตรุษจีนพอดี ซึ่งเหมาะกับการทำของขลังหรือของมงคลตามตำรา ที่ของขลังนั้นส่วนได้เพิ่มมาอีกคือจะเป็นมหาอำนาจ บารมี ร่ำรวย รุ่งเรือง ยืนยงตลอดไปตามความเชื่อ ในอดีตที่ผ่านมา มักจะถูกให้เขียนคำว่าเสือในภาษาจีนให้คนเป็นคางทูม (คนเก่าๆคงเคยเห็นมาบ้าง) หรือให้เขียนคำว่าร่ำรวย รุ่งเรืองให้ร้านคนจีนบ่อยๆ (ส่วนเขาจะค้าขายรวยหรือไม่นั้น น่าจะมาจากความขยันและเรื่องอื่นๆด้วย ) จึงอยากเอาเคล็ดเรื่องนี้ทำของขลังสักอย่างด้วยมือตัวเองโดยแท้จริงอย่างตั้งใจทุกขั้นตอน คล้ายๆกับที่ ลป.ทิม ต้องการให้คนที่มีเมียมากๆมาก่อน เสกพระขุนแผนของท่านเอาเคล็ด เรื่องถือเคล็ดแบบนี้คนรุ่นเก่าๆจะถือกันมาก เช่นการฝังคนทั้งเป็นลงก้นหลุมเสาหลักเมือง การปูผ้าปูที่นอนของบ่าวสาว การยกเสาเอกของบ้าน และอีกมากเรื่องของคนยุคก่อน
     
  4. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ขอบคุณมากครับพี่ อนุโมทนาในสิ่งที่ได้ทำไปนั้นด้วยนะครับ
    ใครทำใครได้ครับ เรื่องศาสนาจะไปเจริญในต่างประเทศนั้น มีส่วนจริงอยู่มากครับ แต่หากเป็นการเผยแพร่ศาสนาให้รุ่งเรืองไปทั่วหล้า เราทุกคนคงยินดี ขอเพียงอย่าให้แผ่นดินที่เคยมีศาสนาพุทธอยู่ก่อนต้องมาสิ้นศาสนาก็พอ
     
  5. Dhanainan

    Dhanainan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,174
    สวัสดีครับพี่หนุ่ม เป็นกำลังใจให้ทีมงานนะครับ ไม่มีใครชอบเราและพอใจเราทุกคนหรอกครับ ขนาดตัวเราเองยังมีจุดที่ตัวเองยังไม่ชอบเลย แล้วจะหวังให้ใครมาชื่นชมเราหมดเสียทุกอย่าง มาเคลียร์งานแต่เช้า ขออัพพลังก่อน
     
  6. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ขอบคุณมากครับ สำหรับความจริงใจและน้ำใจดีๆที่ได้รับมาเช่นนี้
    เรามองที่จุดเดียวกันแน่นอนคือ การร่วมทำกุศลต่อศาสนาและคนส่วนรวม
    เชื่ออีกว่า พวกเราทุกคนในห้องนี้จะมองคล้ายๆกัน และเข้าใจกันมากกว่าที่อื่นครับ
     
  7. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    วันนี้คงไปต่างจังหวัดอีกทั้งวันครับ คงไม่ได้อยู่คุยกันเลย นอกจากมืดๆไปแล้ว
    ต้องขอบคุณทุกความเห็นและทุกเรื่องราว และทุกข้อมูล ที่แชร์กันในกระทู้นี้ครับ
     
  8. ekkorn9

    ekkorn9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    795
    ค่าพลัง:
    +5,592
    เดินทางปลอดภัยครับ พี่หนุ่ม
     
  9. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    สวัสดีตอนเช้าครับพี่หนุ่ม สวัสดีตอนเช้าครับทุกท่าน
    ขอให้พี่หนุ่มเดินทางปลอดภัยนะครับ
     
  10. SpringDove

    SpringDove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,488
    ค่าพลัง:
    +4,807
    เดินทางปลอดภัยค่ะ และ ก็สดใสทั้งวันนะคะ

    ไม่ค่อยได้เข้าบ่อยช่วงนี้งานยุ่งมากๆๆๆ และก็ไม่ค่อยสบาย
    ตามไม่ค่อยทัน แต่ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านค่ะ
     
  11. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    ผมก็เป็นอย่างที่คุณปั้นบอกเหมือนกันครับ แต่จะมากจะน้อย สุดท้ายก็ต้องทำ เพราะมันเป็นหน้าที่ ผมเลยไม่ค่อยคิดมาก สดชื่นไว้ ทำใจให้สบาย เดี๋ยวทุกอย่างก็เรียบร้อย 555
     
  12. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    พระปลอม

    เมื่อสองเดือนก่อนมีคนเอา พระมงคลมหาลาภวัดสารนาถปี 2506 มายัดเป็นปี 2499 กันไปแล้ว 300 องค์ ตอนนี้ มีพระมงคลมหาลาภ ปี 2499 วัดสารนาถ ระยอง ปลอมฝีมือดีมากออกมาแล้วครับ ขายในเวปนี้และเวปอื่นๆ ทำคราบกรุได้คล้ายมาก พิมพ์ดีมาก หากดูเผินๆไม่ละเอียด จะบอกว่าใช่เลย กลุ่มเดียวกับครั้งก่อน
    ผมดูครั้งแรกยังว่าใช่ แต่เมื่อเอาภาพพระทุกองค์มาเรียงกัน ทั้งหน้าหลัง ทั้งหมดทุกองค์ ผลคือ ปลอมแน่นอน ขอยืนยัน ลองพิจารณาดูด้วยเหตุผลดังนี้

    - ตำแหน่งตรายันต์ที่กดประทับด้านหลัง จะตำแหน่งเดียวกันทุกองค์ น้ำหนักกดเท่ากันหมดทุกองค์ แม้แต่องค์ยันต์กลับ ยังตำแหน่งเดียวกันเปะเลย ลองใช้ photo shop pro edition เทียบดูได้เลยครับ ขอให้คนทำปลอมแก้ไขตรงจุดนี้ใหม่ ตรงนี้พลาดไปหน่อยนะ พระของวัดสารนาถปี 2499 จำนวน 100 องค์ ยังมีตำแหน่งกดยันต์หลังและน้ำหนักกดไม่ตรงกันแบบทุกองค์100% แบบนี้ และหากลองให้ทำพระที่กดด้วยมืออย่างไรก็ตาม จะไม่สามารถกดให้มีน้ำหนักเท่ากัน ตำแหน่งกดตรงกันทุกองค์แบบนี้ เป็นเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้เลย

    - ตำหนิพระด้านหน้า ขอบที่เกินด้านข้าง มุมโค้งของขอบที่เบี้ยว ปริมาณของเนื้อล้นที่ติดมา ฐานพระที่มีตำหนิตรงกัน ทุกองค์จะเหมือนกัน ดูเม็ดจุดเนื้อเกินดีๆ จงใจทำมากไปหน่อย เส้นซุ้มทุกองค์มีปริเหมือนกัน เบี้ยวเท่ากัน หนาเท่ากัน น้ำหนักลายเส้นเท่ากันเปะทุกองค์ โดยที่ไม่ใช่ตั้งเครื่องกดอัตโนมัต

    - คราบกรุ เป็นแบบเดียวกันทุกองค์ แบบโซนเดียวกันหมด ไม่มีโทนสีของพระที่วางทับกันเหลื่อมตำแหน่งกันในกรุแบบธรรมชาติ พระที่เคยเห็นมา 1000 กว่าองค์ไม่เคยมีแบบนี้ เอาโปรแกรมภาพไล่สีดูได้ครับ โทนเดียวกันทุกองค์ ไม่ต่างเฉดสีกันเลย

    -พระที่คราบแบบนี้ ของจริงคือพระที่อยู่บนสุดในกรุ และมีไม่กี่องค์ แต่คราบจะไม่สม่ำเสมอกันทั้งองค์แบบนี้ ต้องมีไล่โทนบ้าง ความสว่างของผิวพระต้องมีให้เห็นต่างกัน

    - มีการเซาะแต่งยันต์ด้านหลัง การหักมุมของยันต์ตัวกลาง มีการเซาะแกะใหม่ที่ปลายของรัศมี ฐานรับยันต์ผิด ตัวหนังสือผิด

    - โทรไปหาข่าวให้แล้ว ราคาพระที่แกลงองค์ละ 700.-บาท โทรไปสั่งกันได้เลย ทุนสร้าง 100.-บาท มีทำไว้มากกว่า 3000.องค์ ขอให้ระวังไว้เลย ยังมีอีกมาก รอทะลักเข้ามาหากชุดนี้ผ่าน

    - พระเนื้อดินของแม่ชีบุญเรือนก็ปลอมออกมาดีเช่นกัน ยันต์เฑาะว์ผิดแบบมาก มีปลอมทั้งพระพุทโธ พระนางพญาก็มี และพระอื่นๆของสารนาถทั้งชุด

    - ขอให้คนทำกลัวในบาปกรรมบ้าง ทำพระใหม่ออกมาขายเลยยังดีกว่าเจตนาปลอมของเก่า สงสารคนที่หาเงินยากๆบ้าง

    - จะยินดีและดีใจมาก หากมีพระแท้สวยๆแบบนี้ออกมาสู่ตลาด ไม่เคยคิดกีดกันใครทั้งสิ้น เพราะไม่ใช่อาชีพผมแต่อย่างใด คนที่สนใจลองไปไล่ดูของเก่าๆ ดูว่าผิวพระ ว่าโซนและโทนของผิว จะมีเฉดสีเป็นธรรมชาติอย่างไร แค่ข้อนี้ก็ผิดแล้ว หากเอาให้ชัดลอง copy ภาพไปลงในหน้าเดียวกันหลายๆองค์ แล้วพิจารณาดูทีละองค์ จะรู้ได้เอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2010
  13. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    <table class="tborder" id="threadslist" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody id="threadbits_forum_127"><tr><tr><td class="alt2"> </td><td class="alt1" id="td_threadtitle_239528" title=""> [​IMG] [​IMG] แนะนำพระดี เมตตา-พารวย ชีวิตก้าวหน้า (12 คน กำลังดูอยู่) ([​IMG] 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ... [​IMG] [/RIGHT]
    </td><td class="alt1" align="center">23,844</td><td class="alt2" align="center">
    825,979


    </td></tr></tr></tbody></table>
     
  14. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    ใครที่ตามอยู่ตอนนี้ก็คง หนาว ๆ ร้อน ๆ เป็นแน่ พิจารณาให้ดีก่อนเช่าบูชานะครับ จะได้ไม่ปวดใจทีหลัง
     
  15. ekarad

    ekarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,196
    ค่าพลัง:
    +6,264
    สวัสดียามเช้าครับทุกท่าน
     
  16. ภูวดิท

    ภูวดิท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,050
    ค่าพลัง:
    +8,086
    สวัสดีตอนเช้าครับทุกๆท่าน
    ขอให้พี่หนุ่มเดินทางปลอดภัยนะครับ<!-- google_ad_section_end -->
    :cool:
     
  17. saweit

    saweit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    747
    ค่าพลัง:
    +2,338
    ความโลภของคนทำได้ทุกอย่างจริงๆ ครับ
     
  18. chainerror

    chainerror เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,783
    ค่าพลัง:
    +7,901
    ดีนะที่ได้พระมาก่อนนานแล้ว ไม่งั้นมีโดน
    สวัสดีตอนเช้าครับคุณโต้งและทุกๆท่าน
    วันนี้รถไม่ติดเลยนักเรียนปิดเทอมตื่นสายได้นิดหน่อย อิอิ
     
  19. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    สวัสดียามเช้าครับทุกๆท่าน...(^_^)
     
  20. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    สวัสดีครับ
    ใช่ครับ โชคดีที่ได้มาก่อนนานแล้ว เลยปลอดภัย ไม่งั้นอาจจุกเสียด และแน่นในอกได้ 555

    สวัสดีเครับ เสาร์อาทิตย์ นี้ไปเที่ยวที่ไหนมาหรือเปล่าครับ มีพิมพ์นิยมมาฝากบ้างหรือเปล่า 555(ping-love
     

แชร์หน้านี้

Loading...