เจโตปริยญาณ ซึ่งจะทำให้เราสามารถรู้วาระจิต จริงเหรอ

เมื่อเช้าขณะขับรถไปทำงาน ผมเปิดซีดีคำสอนของหลวงพ่อเกี่ยวกับการฝึกวิชา 3 และญาณ 8 ฟัง มีตอนหนึ่งหลวงพ่อท่านได้สอนเรื่องการฝึกเจโตปริยญาณว่า ให้ฝึกดูจิตของตนเองบ่อยๆ ดูทุกวัน ตื่นขึ้นมาก็ดูว่าจิตของตนเป็นสีอะไร ถ้ายังเป็นสีแดงหรือสีเนื้อ สีดำหรือสีเทาๆ ยังถือว่ายังเลวอยู่ ถ้าจิตเป็นสีขาวหรือสว่างก็นับว่าใช้ได้ การฝึกให้ฝึกดูจิตของตนเองไม่ต้องเที่ยวไปดูจิตของคนอื่น การไปดูจิตของคนอื่นแล้วไปบอกว่า เขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เท่ากับว่าเราไปกวาดบ้านให้เขา แต่เรากลับไม่รู้จักกวาดบ้านให้ตนเอง ปล่อยให้บ้านของตนเองมันรก อย่างนี้ใช้ไม่ได้
<O</O
ประโยชน์ของการฝึกดูจิต หลวงพ่อบอกว่า เป็นการฝึกเพื่อให้ได้เจโตปริยญาณ ซึ่งจะทำให้เราสามารถรู้วาระจิต รู้อารมณ์จิตของผู้อื่นได้ว่า จิตเขาเป็นอย่างไร ปฏิบัติมากน้อยแค่ไหน ขั้นไหน<O</O
<O</O
แล้วหลวงพ่อท่านก็บอกว่า การรู้อารมณ์จิตของผู้อื่นนั้น จะรู้ได้เฉพาะคนที่มีอารมณ์จิตเท่ากันเสมอกัน หรือต่ำกว่า แต่จะไปรู้อารมณ์จิตของคนที่มีระดับสูงกว่าไม่ได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องกฎของธรรมดา<O</O
<O</O
ท่านบอกว่า "ผู้ที่ไม่ใช่พระโสดาบันจะไปล่วงรู้อารมณ์จิตและรู้เรื่องของพระโสดาบันไม่ได้"<O</O
<O</O
ผมฟังมาถึงตอนนี้ ก็พอดีขับรถถึงที่ทำงานซะก่อน เลยต้องหยุดไว้แค่นั้น เดี๋ยวตอนเย็นขับรถกลับบ้านผมจะเปิดฟังต่อ ฟังแล้วได้ข้อคิดดีๆ และแนวทางปฏิบัติดีๆ เสมอๆ

ต่อไปต้องลองดูจิตตนเองแล้ว..ดูยังไงหนอ...หายใจเข้าก็รู้เหรอ หรือทำอะไรก็มีสติรู้ทัน..หรือกวาดบ้านคือกวาดใจของเราให้สะอาดตลอดเวลาอย่าให้สิ่งสกปรกเข้ามาดีมากครับ ใครมีข้อเสนอแนะดีๆช่วยบอกทีครับ..

 

ยังไม่มีข้อเสนอค่ะ แต่จะลองทำดูบ้างค่ะ

 

ขอบคุณครับ มากๆ ครับ
​

 

จริง ครับ.....ขอยืนยัน

การรับรู้รับทราบความคิดของผู้อื่น เป็นความรู้สึกทางจิตที่ไม่สามารถพูดบอกให้ใครรู้ ใครทราบไม่ได้ เพราะเป็นภาษาจิต ผู้ฝึกเท่านั้นที่จะรู้ได้ด้วยตนเอง (ปัจจัตตัง)

การที่เฝ้าดูจิตตนเอง ระวังจิตตนเอง ทำให้มีความละเอียดของจิตมากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าได้ฝึกสมถกรรมฐานควบคู่กันไป จนได้ฌานหรือปฏิบัติจนชำนาญ (มี วสี)

เจโตฯ จะเป็นสิ่งที่ได้มาก่อนเป็นอันดับแรกๆ เพราะมีประโยชน์ในการล่วงรู้วาระจิตผู้อื่น ทำให้เราหลีกเลี่ยงคนชั่วได้ ครับ

 

ถ้าดูจิตแบบนี้ ยังไม่ใช่เจโตปริยญาณหรอกครับ

 

การรู้วาระจิต เพื่อให้เกิดปัญญาหรือเปล่า เพราะเราสามารถทบทวนว่าขณะนี้เราคิดอะไร เป็นผลมาจากอะไร สาเหตุมาจากอะไร แล้วทำการแก้ไขอย่างไร มีขั้นตอนอย่างไร แล้วจะเข้าสู่ทางนิิพพานได้เร็วขึ้น

 

คนส่วนใหญ่...มักจะได้ เมื่อถึงเวลา

คำว่า ถึงเวลาก็รู้เอง ถึงเป็นคำที่ครูบาอาจารย์ใช้บ่อย

เพราะ...

หากจิตใจยังไม่เข้มแข็งพอจะรับรู้ความจริงในความคิดของผู้คน(ใกล้ตัว)
พาลจะทะเลาะกันไม่รู้จักจบสิ้น...

ขนาดแค่อ่อนๆ...

ยังจะตีกันบ้านแตก

จริงไหม!!!