เรียนคุณเอกอิสโร ช่วยชี้แจงความกระจ่างของเรื่องประเทศต้นกำเนิดศาสนาพุทธด้วยครับ

คือผมก็สนใจในบทความที่คุณเอกอิสโรลงไว้ รับรู้ใฃไว้ในความรู้สึกหนึ่ง ไม่ได้ต่อต้าน แต่ในความรู้สึกจริง ๆ ก็ยังรู้สึกยืนยันว่าอินเดียคือต้นกำเนิดที่แท้จริง

อยากให้คุรเอกอิสโรชี้แจงประเด็นของเรื่องประเทศไทยเป็นต้นกำเนิด เรียงเป็นข้อ ๆ "โดยเปรียบเทียบกับที่อินเดีย" และหาเหตุผลมาหักล้างพุทธสถานที่อินเดียให้หน่อยครับ(ว่ามันไม่ใช่เพราะอะไร)

อย่างเช่น (สมมุติ) ถ้าคุณคิดว่าประเทศไทยคือต้นกำเนิดพระพุทธศาสนาแล้ว กรณีถ้ำพุทธศิลป์อชันตาที่อินเดีย หมายความว่ายังไง

เรื่องนี้ผมสนใจจริง ๆ ไม่ได้ดูถูกหรือต่อต้านแต่อย่างใด ขอบพระคุณล่วงหน้านะครับ

 

ขอบคุณนะครับ ที่ได้ให้ความสนใจ สิ่งที่นำมาตั้งกระทู้ไว้ ก็ต้องยอมรับว่า
อาจจะไม่ได้เนื้อหาโดยสมบูรณ์ เหตุผล สำคัญ ที่ไม่สามารถที่จะลง เนื้อหาเต็มๆ
หรือ บางที ในประเด็นที่มีผู้สงสัย จริงๆ ก็มีคำตอบ ที่รวบรวมไว้แล้ว แต่ เผอิญ
คำตอบนั้น ก็อยู่ในหนังสือ ซึ่งทาง สำนักพิมพ์ เม็กกูรู ได้ เช่าลิขสิทธิ์ ไปจัดพิมพ์
เพื่อไม่ให้ เกิดปัญหาด้านลิขสิทธิ์ บางครั้ง จึงไม่สามารถที่จะ เขียนคำตอบได้
อย่างยืดยาว

การศึกษา ค้นคว้า เรื่องนี้ ผมพยายาม ที่เรียบเรียง รวบรวม ข้อมูล ให้เป็นแบบ
วิชาการ ที่จับต้องได้ โดยเลี่ยงการใช้ "สัมผัสพิเศษ ญาณหยั่งรู้" ซึ่งคนทั่วไป
จะไม่สามารถ รู้ได้ด้วยตัวเอง

ผลจากการรวบรวมเรียบเรียง จึงเกิด เป็น หนังสือ ออกมา แล้ว ๒ เล่ม คือ
"ความลับพระพุทธเจ้า" เล่ม แรก
และเล่มที่ สอง "ความลับกึ่งพุทธกาล วันล้างโลก"

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=568><TBODY><TR><TD>

เล่ม แรก นี้ เนื้อหา ประกอบด้วย

บทนำ
บทที่ ๑ ชมพูทวีปอยู่ที่ไหนกันแน่?
บทที่ ๒ พระพุทธศาสนาเกิดขึ้นที่ไหนกันแน่?
บทที่ ๓ อินเดียในโลกนี้มีอยู่ ๒ ที่ มีใครรู้ไหม?
บทที่ ๔ ทำไมหมอชีวกโกมารภัจจ์จึงได้ชื่อว่าบรมครูแห่งแพทย์แผนไทย?
บทที่ ๕ ตกลงพระเจ้าอโศกมหาราชเป็นแขกหรือเป็นมอญกันแน่?
บทที่ ๖ ตกลงพระเจ้ามิลินท์เป็นชาวกรีกหรือเป็นคนลำปางกันแน่?
บทที่ ๗ ตกลงพระพุทธโฆษาจารย์เป็นแขกหรือเป็นมอญกันแน่?
บทที่ ๘ ลังกาทวีป อยู่ที่ไหนกันแน่?
บทที่ ๙ แล้วเราจะทำอย่างไรจึงจะคืนความจริงให้แผ่นดินได้?

</TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="568"><tbody><tr><td width="198" height="22">
</td><td width="172">
</td><td width="198">
</td></tr><tr><td>
</td><td></td></tr></tbody></table>

ส่วน เล่มที่ ๒ จะเป็นการเจาะลึก เพื่อชี้ความผิดพลาด และความเชื่อที่ถูกบิดเบือนไปจาก ต้นกำเนิดที่แท้จริง ซึ่ง เนื้อหา ประกอบด้วย

ฝรั่งต้มโลก เรื่อง การเกิดขึ้นของพระพุทธรูป และสมัยกาลของพระเจ้าอโศก<o></o>
ฝรั่งต้มโลก เรื่อง พระเจ้าอโศกที่อินเดีย<o></o>
เมื่อฝรั่งต้มโลก “เสาอโศก” ที่อินเดีย จึงเป็นหลักฐานของการหลอกลวง<o></o>
“ความผิดพลาด” ในการกำหนดพุทธสถาน ในประเทศอินเดีย<o></o>
กรณีศึกษา ระยะทางระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์ กับพระนครเวสาลี<o></o>
กรณีศึกษา ที่ตั้งกรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ<o></o>
กรณีศึกษา ที่ตั้งของพระนครสาวัตถี แคว้นโกศล<o></o>
กรณีศึกษา ที่ตั้ง แคว้นกุรุ ต้นกำเนิด มหาสติปัฏฐานสูตร<o></o>
กรณีศึกษา ที่ตั้งของแคว้นอัสสกะ กับแคว้นมัลละ<o></o>
ค้นหา กบิลพัสดุ์-ลุมพินีวัน-เทวทหะ ในดินแดนพม่า<o></o>
ค้นหา "ลุมพินีวัน" สถานที่ประสูติของพระมหาศาสดาเอกของโลก<o></o>
กรณีศึกษา การเดินทางจากพุทธคยาไปอิสิปตนมฤคทายวัน<o></o>
กรณีศึกษาเรื่องการเดินทางจากราชคฤห์ไปเมืองสาวัตถี<o></o>
เส้นทางจาก ราชคฤห์ จะไปสาวัตถีทางอากาศ มี เขาพระพุทธฉาย เป็นทางผ่าน<o></o>
กรณีศึกษาเรื่องที่ตั้งเมืองสังกัสสะ และเมืองสาวัตถี<o></o>
ถ้าทะเล มหาสมุทร ในสมัยพุทธกาลขึ้นไปถึง สาวัตถี-กบิลพัสดุ์ แล้วพระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่ตรงไหน?<o></o>
ค้นหาแม่น้ำอจิรวดี แม่น้ำสายวิปโยค เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล ในพม่า<o></o>
เมืองอาฬวี ที่พระพุทธองค์ไปโปรดอาฬวกยักษ์ อยู่ที่ อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง<o></o>
สุวัณณภูมิ อยู่ที่ไหนแน่ ระหว่าง สะเทิม นครปฐม หรือ คูบัว ราชบุรี<o></o>
ว่าด้วยเรื่องภาษาและอักษรสมัยพุทธกาลที่สืบทอดอยู่ในแผ่นดินไทย<o></o>
กเบื้องจาร..กุญแจไขปริศนาถอดรหัสก่อนวันโลกาวินาศมาถึง<o></o>
สังเวชนียสถานทั้ง ๔ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่จะได้เห็นเมื่อวันโลกาวินาศมาถึง<o></o>
ประกาศเจตนารมย์ พิทักษ์รักษาพระไตรปิฎก และอรรถกถา<o></o>

 

ต้องขออภัย เพื่อนสมาชิก หากเห็นว่าเป็นการโฆษณา ประชาสัมพันธ์
ใจจริงแล้ว อยากให้ทุกคนได้อ่าน เนื้อหาในหนังสือ ที่ผมรวบรวม และ
เรียบเรียงมา เพราะอยากให้ได้คิด และพิจารณาด้วย "ตัวของท่านเอง"

ผมเองยอมรับว่า ไม่มีกำลัง ที่จะพิมพ์แจก และเผยแพร่ ให้ครอบคลุม
ทั่วทั้งประเทศ การเลือกที่จะ ให้ทางสำนักพิมพ์เช่าลิขสิทธิ์ เพื่อไปพิมพ์
จำหน่ายจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ที่จะทำให้ หนังสือ กระจายไปอยู่ใน
ช้นหนังสือ ทั่วประเทศ อย่างน้อย ระหว่างที่หนังสืออยู่บนชั้น ผมเชื่อว่า
จะมีหลายคน "ได้อ่านเนื้อหาในหนังสือ" ไม่มากก็น้อย

เนื้อหาที่ผมค้นคว้าไว้ก่อนนี้ ที่ไม่ได้รวมอยู่ในหนังสือ ทั้ง ๒ เล่ม
หรือ ที่จะได้พบอีกในอนาคต ผมก็คงจะเผยแพร่ โดยไม่รวมเป็นเล่ม
หรือให้เช่าลิขสิทธิ์ อีก เพื่อที่จะไม่ต้องติดขัด ในการที่จะนำเสนอ ต่อ
สาธารณะ ในโอกาสต่อๆ ไป โดยส่วนหนึ่ง ก็เขียนเป็นบันทึก ใน
facebook ของ ผม เพราะผม ไม่ได้เปิด เว๊บไซต์ หรือ Blog แต่อย่างใด
ท่าน สามารถแวะไปอ่านบันทึกต่างๆ ได้ที่ www.facebook.com/Ekkissaro

 

กลับมาที่ ตัวอย่าง ความสงสัย ที่ว่า

ผมก็ตั้งคำถาม ให้เราได้คิดว่า "การมีถ้ำอชันตา" เกี่ยวอะไร กับการเป็นต้นกำเนิดพระพุทธศาสนาหรือเปล่า?
เหมือนๆ กับว่า "การที่มีพระพุทธรูปใหญ่ที่บามิยัน" เกี่ยวอะไรกับการเป็นต้นกำเนิดพระพุทธศาสนาหรือเปล่า?

ผมไม่ปฏิเสธ การเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไปยังดินแดนต่างๆ โดยเฉพาะในทวีปอาเซียของเรา

แต่...มีใครคิดบ้างมั๊ยว่า พระพุทธศาสนาในดินแดนอื่นๆ เป็น "พระพุทธศาสนาแบบดั้งเดิม ที่ เรียกว่า เถรวาท" หรือ เป็นพระพุทธศาสนาที่เปลี่ยนไปจากรากเดิม

เป็นพระพุทธศาสนา ที่ใช้ภาษาบาลีซึ่งเป็นภาษาที่รักษาพระพุทธพจน์ เหมือนดังที่ยังปรากฏอยู่ในดินแดนแถบ พม่า ไทย ลาว หรือเปล่า?

พระพุทธเจ้าท่านสอนให้พระสงฆ์ ไปสลักเสลาถ้ำให้สวยงาม เป็นพุทธศิลป์ เช่นนั้น หรือ?

ถ้าสมมติว่า มีการพบถ้ำที่สลักเสลาพุทธศิลป์ในถ้ำ ใหญ่กว่าอชันตา งามกว่าอชันตา ที่ แอฟริกา เราจะคิดว่า ที่นั่น คือ ต้นกำเนิดพระพุทธศาสนาหรือเปล่า?

ในบท หนึ่งของหนังสือ เล่มที่ ๒ ผมได้ พูดถึง เมืองที่เป็นที่ตั้งของถ้ำอชันตา ซึ่งประวัติศาสตร์ลงมติว่า เป็น แคว้นอัสสกะ ในสมัยพุทธกาล ผมไม่ได้ค้นหาหรอกว่า พวกเขา ใช้หลักฐานอะไร ในการลงมติเช่นนั้น

แต่ ผมรู้ว่า ในพระไตรปิฎก ในพระอรรถกถา อธิบายว่า แคว้นอัสสกะ กับแคว้นมัลละ อยู่ติดกัน มีแม่น้ำโคธาวรี แบ่งกั้นเขตแดน

ซึ่ง เมื่อเรา ไปดูแผนที่ท่องเทียวอินเดีย แล้วพิจารณาที่ตั้งของ ถ้ำอชันตา กับ มัลละ ซึ่งเป็นที่ตั้ง ของ กุสินารา สถานที่ปรินิพพาน จะพบว่า อยู่ห่างไกลกันเหลือหลาย

นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง ของการ ลงมติ เรื่องที่ตั้งเมืองต่างๆ ในอินเดีย โดยไม่ได้ ศึกษาบริบท ที่บันทึกไว้ในอรรถกถา

การลงมติที่ผิดพลาดของนักประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะ ผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็น "บิดาแห่งประวัติศาสตร์อินเดีย" คือ วินเซนต์ เอ. สมิธ ก็คือ การลงมติ ที่ตั้ง ของ แคว้นต่างๆ ที่ คณะสมณฑูต ในสมัยพระเจ้าอโศก ไปเผยแผ่พระศาสนา ที่ "ขัดแย้งกับบันทึกความเข้าใจดั้งเดิมของคนแถบนี้ ดังปรากฏใน คัมภีร์ศาสนวงศ์"

 

ที่สุดแล้ว ด้วยข้อจำกัดที่จะต้องมานั่งพิมพ์ ในกระทู้นี้ จะไม่สามารถ แจกแจง หรือตอบข้อสงสัยได้อย่างเต็มที่เลย เว้น แต่การที่เราจะมานั่งต่อหน้ากัน และเริ่มประเด็นสงสัย และตอบข้อสงสัย เป็นเรื่องๆ ไป กางหนังสือ ที่ใช้ในการอ้างอิง ชี้ให้เห็นข้อมูลที่นำมาหักล้าง กับสิ่งที่ ปรากฏอยู่ในอินเดียและเนปาล

ซึ่งผมหวังว่า จะมีบรรยากาศดังว่า ในเร็ววันนี้ครับ เพื่อ รวบรวมผู้คน ที่จะมาร่วมเปิดประวัติศาสตร์ที่ถูกปิด เหมือนหงายของที่คว่ำ หลายคนคิด ย่อมดีกว่าคนเดียวคาด มีหลายค้นค้าน ย่อมเหมือนมีคนต้อนเข้าไปหาความจริง ครับ

นี่คือเหตุผลที่ผมไม่เคยโกรธคนที่ค้านเลย ตรงข้ามกลับต้องขอบคุณด้วยซ้ำ เพราะทำให้เรารู้ว่า ใครสงสัยอะไร และเราจะแก้ปมนั้นอย่างไร เพราะถ้าเราคลายได้ทุกปม เราก็จะพบ "ความจริง" นั่นเอง

 

ในความคิดผม ผมว่าถ้าได้เข้าไปในประเทศพม่า น่าจะมีร่องรอยทางประวัติศาสตร์พุทธศานาให้เราได้ค้นอีกจำนวนไม่น้อยเลยนะครับ แต่เข้าไปศึกษานี่คงลำบากมากๆนอกเสียจากจะบวชเป้นพระนะ ผมว่า

 

ครับ ในพม่า มี สถานที่ที่เกี่ยวข้องในสมัยพุทธกาล อยู่ 3 จุดใหญ่ๆ คือ

1. บริเวณ เมือง Thaton / paan / Kawkarek ซึ่ง คาดหมายว่า จะเป็นที่ตั้งของ กบิลพัสดุ์ /สวนลุมพินี / เทวทหะ ตามลำดับ

2. บริเวณ เมือง Bago / Twante ซึ่ง คาดหมายว่า จะเป็นที่ตั้งของ เมืองสาวัตถี

3. บริเวณ เมือง Pagan หรือ พุกาม ซึ่งคาดหมายว่า จะเป็นที่ตั้งของ เมืองสังกัสสะ

ซึ่งทั้ง 3 จุด ดังกล่าว เชื่อว่า จะมีหลักฐานสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช หลงเหลืออยู่ ตามตำนาน เรื่องเล่า และบันทึกของหลวงจีนฟาเหียน

นอกจาก 3 จุดที่ว่า ก็จะมี บริเวณ เมือง Prome หรือ เมืองแปร ในยุคหนึ่งเป้นที่ตั้งของอาณาจักรศรีเกษตร แต่ ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ส่งคณะพระธรรมฑูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา เรียกว่า "แคว้นวนวาสี" แต่ วินเซนต์ เอ สมิท บิดาแห่งประวัติศาสตร์อินเดีย ชี้ว่า อยู่ที่บอมเบย์ ซึ่งไม่มีการสืบต่อพระพุทธศาสนา สมดังพระอรหันตืท่านเล็งเห็นด้วยอนาคตังสญาณ เลย

พงศาวดาร ประวัติศาสตร์ พม่า หรือมอญ มีบันทึก เรื่องราวไว้มาก แต่ เราอ่านไม่ออก กับ ยังไม่ได้อ่าน เท่านั้นเองครับ

 

จะเข้าไปก็อย่าลืมสั่งเสียกันก่อนนะ เหอๆๆ..
ยิ่งตอนนี้ยิงกันยังกับสนาม BB gun ซะขนาดนั้น

 

ใช่เลยครับ เขตเมือง paan และ Kawkarek เป็นเขตไม่ปลอดภัย
ดังนั้น เราจึงมุ่งค้นหาหลักฐาน ในบ้านเรา จะง่ายกว่า โดยเฉพาะใน
พื้นที่ ชัยภูมิ-ขอนแก่น คือ ในหุบเขาและเทือกเขาภูแลนคา กับ
โคกโพธิ์ชัย ครับ

 

ประเทศ หรือแผ่นดินที่เป็นต้นกำเนิดพระพุทธศาสนา ก็คือ
แผ่นดินที่ ปัญจมหานที คือ แม่น้ำคงคา แม่น้ำยมุนา
แม่น้ำอจิรวดี แม่น้ำสรภู แม่น้ำมหิ ไหลผ่าน

ลองพิจารณาจากกระทู้นี้ครับ

บรรพบุรุษของเราเพี๊ยน หรือว่า ฝรั่งต้มเรา เรื่องมหานทีแห่งชมพูทวีป?
http://palungjit.org/threads/บรรพบุ...-ฝรั่งต้มเรา-เรื่องมหานทีแห่งชมพูทวีป.271957/

 

({)ขายหนังสือ เหรอ?

 

ใจจริง อยากแจกให้ได้อ่าน ทุกคนเลยครับ แต่ไม่มีกำลัง
ถ้าไม่ซื้อ แต่อยากอ่าน ก็สามารถหาอ่านได้จากห้องสมุด
นะครับ ที่ หอสมุดแห่งชาติก็มี หรือ ที่ร้านหนังสือ ก็ได้ครับ
ถ้า อยู่ใกล้ร้าน ที่มีวางจำหน่าย

อยากให้ทุกท่านได้อ่าน ได้ใช้ปัญญาพิจารณา ตามความเป็นจริง
ครับ

 

เรียน คุณ "ยังเลวอยู่มาก"

ผมได้รับข้อความทาง PM แล้วครับ และเป็นเรื่องที่
มีผู้หยิบยก มาเพื่อทำลายน้ำหนักมนสิ่งที่ผมกำลัง
ค้นคว้า...แต่ผมก็เชื่อในสิ่งที่ผมค้นพบ และ มีการ
บันทึกสืบต่อ กันมา ก่อนที่ผมจะลืมตาเกิดมาบนโลก

ด้วยความเคารพ ว่า ผมไม่อยากอ้างครูบาอาจารย์
เลย เพราะจะทำให้ เรา-ท่าน จะเกิดความสงสัยใน
ครูบาอาจารย์ ในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องได้

หาก ผมหยิบคำของหลวงปู่มั่น ที่กล่าวไว้กับหลวงตา
ทองคำ จารุวัณโณ ดังปรากฏในหน้งสือ "รำลึกวันวาน"
ตอนหนึ่งที่ว่า

อริยวาส อริยวงศ์<o></o>​

<o></o>

เรื่องมีอยู่ว่า สมัยที่ผู้เล่าอยู่กับท่านพระอาจารย์ที่บ้านหนองผือ มีชาวกรุงเทพมหานครไปกราบนมัสการ ถวายทานฟังเทศน์ และได้นำกระดาษห่อธูปมีเครื่องหมายการค้า รูปตราพระพุทธเจ้า (บัดนี้รูปตรานั้นไม่ปรากฏ) ตกหล่นที่บันไดกุฏิท่าน พอได้เวลาผู้เล่าขึ้นไปทำข้อวัตร ปฏิบัติท่านตามปกติ พบเข้าเลยเก็บขึ้นไป พอท่านฯ เหลือบมาเห็น ถามว่า “นั่นอะไร” “รูปพระพุทธเจ้าขอรับกระผม” ท่านกล่าว“ดูสิคนเรานับถือพระพุทธเจ้า แต่เอาพระพุทธเจ้าไปขายกิน ไม่กลัวนรกนะ” แล้วท่านก็ยื่นให้ผู้เล่า บอกว่า “ให้บรรจุเสีย”

<o></o>ผู้เล่าเอามาพิจารณาอยู่ เพราะไม่เข้าใจคำว่า บรรจุ จับพิจารณาดูพระพักตร์เหมือนแขกอินเดีย ผู้เล่าอยู่กับท่านองค์เดียว ท่านวันยังไม่ขึ้นมา ท่านพูดซ้ำอีกว่า “บรรจุเสีย”“ทำอย่างไรขอรับกระผม” “ไหนเอามาสิ” ยื่นถวายท่าน ท่านจับไม้ขีดไฟมาทำการเผาเสีย และพูดต่อว่า “หนังสือธรรมะสวดมนต์ที่ตกหล่นขาดวิ่นใช้ไม่ได้แล้วก็ให้รีบบรรจุเสีย กลัวคนไปเหยียบย่ำจะเป็นบาป”
<o></o>
ผู้เล่าเลยพูดไปว่า “พระพุทธเจ้าเป็นแขกอินเดียนะกระผม” ท่านฯ ตอบ “หือคนไม่มีตาเขียน เอาพระพุทธเจ้าไปเป็นแขกหัวโตได้” ท่านฯ ได้กล่าวต่อไปว่า “อันนี้ได้พิจารณาแล้วว่า พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย พระพุทธอนุสาวกในยุคพุทธกาล ตลอดจนถึงยุคปัจจุบัน ล้วนแต่ไทยทั้งสิ้น ชนชาติอื่น แม้แต่สรณคมณ์และศีล ๕ เขาก็ไม่รู้ จะเป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไร ดูไกลความจริงเอามากๆ เราได้เล่าให้เธอฟังแล้วว่า ชนชาติไทย คือ ชาวมคธ รวมรัฐต่างๆ มีรัฐสักกะ เป็นต้น หนีการล้างเผ่าพันธุ์มาในยุคนั้น และชนชาวพม่า คือ ชาวรัฐโกศลเป็นรัฐใหญ่ รวมทั้งรัฐเล็กๆ จะเป็นวัชชี มัลละ เจติ เป็นต้น ก็ทะลักหนีตาย จากผู้ยิ่งใหญ่ด้วยโมหะ อวิชชา มาผสมเป็นมอญ (มัลละ) เป็นชนชาติต่างๆ ในพม่า ในปัจจุบัน”

<o></o>ท่านยังพูดคำแรงๆ ว่า “คุณตาบอด ตาจาวหรือ เมืองเราวัดวา ศาสนา พระสงฆ์ สามเณร เต็มบ้านเต็มเมืองไม่เห็นหรือ” (ตาบอดตาจาวเป็นคำที่ท่านจะกล่าวเฉพาะกับผู้เล่า) “แขกอินเดียเขามีเหมือนเมืองไทยไหม ไม่มี มีแต่จะทำลาย โชคดีที่อังกฤษมาปกครอง เขาออกกฎหมายห้ามทำลายโบราณวัตถุ โบราณสถาน แต่ก็เหลือน้อยเต็มที ไม่มีร่องรอยให้เราเห็น อย่าว่าแต่พระพุทธเจ้าเลย ตัวเธอนั่นแหละถ้าได้ไปเห็นสภาพความเป็นอยู่ของชาวอินเดีย จ้างเธอก็ไม่ไปเกิด”


ซึ่ง ข้อนี้ อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่หลวงปู่มั่น ไม่เคยจาริกธุดงค์ ไปอินเดีย ตราบจนท่านมรณภาพ

แต่ลูกศิษย์รุ่นหลัง ก็พากัน เดินทางไปรึ่มร่ำๆ โดยไม่สนใจฟังคำครูบาอาจารย์


จึงขอให้ ตระหนักใน "กาลามสูตร" ให้จงมาก
ผมตอบได้เท่านี้ ครับ

 

กับอีกตอนหนึ่งที่หลวงปู่มั่น บอกกับหลวงตาทองคำว่า ว่า

ความเป็นมาของชาวไทย<o></o>​

<o></o>

รัฐใหญ่ในครั้งพุทธกาล คือ รัฐมคธเป็นไทยในปัจจุบัน รัฐโกศลคือพม่า (เมียนมาร์ในปัจจุบัน) ท่านพระอาจารย์เล่าว่าพม่าและไทย พระพุทธเจ้าทรงโปรดและตรัสสอนเป็นพิเศษ สองประเทศนี้จึงมีพระพุทธศาสนาที่มั่นคงมายาวนาน และจะยาวนานต่อไป แต่พม่าเป็นเมืองเศรษฐีอุปถัมภ์ สมัยเป็นชาวโกศลก็มีคหบดี คือท่านอนาถบิณฑิกะและนางวิสาขาเป็นผู้อุปถัมภ์ แต่ไทยมีองค์พระมหากษัตริย์เป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก พิเศษกว่าพม่า<o></o>
<o></o>

ชาวพม่ามีอุปนิสัยทุกอย่าง โดยเฉพาะความซื่อสัตย์ เหมือนคนไทย เป็นมิตรคู่รักคู่แค้น จะฆ่ากันก็ไม่ได้ จะรักกันก็ไม่ลง ท่านฯ ว่าอย่างนี้ สมัยพุทธกาล รัฐมคธมีปัญหาอะไรก็ช่วยกันและกัน บางคราวก็รบกันผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ มาเป็นไทยเป็นพม่าก็รบกัน ประวัติศาสตร์ก็จารึกไว้แล้ว

 

ครูอาจารย์ที่ผมนับถือ ก้อยืนยันว่า ศาสนาพุทธอุบัติในอาณาเขตประเทศไทยเราครับ แถบภาคอีสาน ค่อนไปทางลาวครับ มี อุบลราชธานี ยโสธร ศรีษะเกษ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ขอนแก่นบางส่วน สกลนคร นครพนม อุดรธานี หนองคาย

ทางเพชรบูรณ์ ชัยภูมิ เลย ลำพูน ลำปาง แพร่ ส่วนใหญ่จะมีพระปัจเจกพุทธเจ้าไปอาศัยอยู่แถบนั้นเป็นส่วนใหญ่ครับ

 

เรียน คุณยังเลวอยู่มาก...ผมไม่โกรธหรอกนะครับ ดังที่ประกาศเรื่อยมา แม้แต่ ในความเห็นก่อนหน้านี้ครับ

 

ซึ่ง ไม่ใช่ ผม ซึ่งเกิดหลังหลวงพ่อจรัญ หรอก ที่เพิ่งจะ คิดและพูดเรื่องนี้ แต่หลวงปู่มั่น ที่เกิดก่อนหลวงพ่อจรัญ ก็พูดไว้ หรือ ย้อนขึ้นไปอีก ก็สมัย รัชกาลที่ ๔ ที่ ๕ มาแล้วที่ พระธรรมเจดีย์ (ปาน) อดีตเจ้าอาวาสวัดมหรรณพาราม กรุงเทพฯ ซึ่งเกิดก่อนหลวงพ่อจรัญ ก็ได้เขียนบันทึกเรื่องนี้ไว้ ดังที่ผมได้นำมาเขียนเป็นบันทึกใน facebook ของผม ในตอนที่ว่า


เหตุใดพระเจ้าตากสินจึงถวายแผ่นดินเป็นพุทธบูชา..เหตุใดพระจอมเกล้าราชาจึงตรัสว่า“อย่าเชื่อแขก”
http://www.facebook.com/note.php?note_id=125255227518067


ดังนั้น ผมจึงไม่อยากให้ดึงครูบาอาจารย์มาอ้าง แต่ให้พิจารณา สิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง และให้ถ่องแท้ รู้ชัดด้วยตัวเอง ครับ ผิดถูกจะได้ไม่โทษครูบาอาจารย์ภายหลัง เท่านั้นเอง ครับที่อยากจะสื่อ

การที่ ผมไม่ได้อ้างหนังสือ รำลึกวันวาน หรือ คำของหลวงปู่มั่น โดยไม่เอาหลักฐานอย่างอื่นมาประกอบ ก็เพราะจะเป็นจุดอ่อน และโต้แย้งได้ ดังข้อความที่คุณยังเลวอยู่มาก เขียนว่า การอพยพย้ายถิ่นฐานเฉพาะตัวคน หาใช่ยกแผ่นดินตามมาด้วยไม่ ซึ่ง ก็เป็นเพราะ สนใจในประโยคที่ว่า

เราได้เล่าให้เธอฟังแล้วว่า ชนชาติไทย คือ ชาวมคธ รวมรัฐต่างๆ มีรัฐสักกะ เป็นต้น หนีการล้างเผ่าพันธุ์มาในยุคนั้น และชนชาวพม่า คือ ชาวรัฐโกศลเป็นรัฐใหญ่ รวมทั้งรัฐเล็กๆ จะเป็นวัชชี มัลละ เจติ เป็นต้น ก็ทะลักหนีตาย จากผู้ยิ่งใหญ่ด้วยโมหะ อวิชชา มาผสมเป็นมอญ (มัลละ) เป็นชนชาติต่างๆ ในพม่า ในปัจจุบัน

ซึ่งการอ่านแต่ประโยคที่ถ่ายทอดออกมาในหนังสือ โดยไม่ได้ถาม หรือซักไซร้ ความโดยละเอียด ก็อาจจะไม่รู้ว่า จริงๆ หลวงปู่มั่น ท่านตั้งใจพูดไว้ชัดๆ อย่างไร เพราะผมก็เกิดไม่ทัน และเชื่อว่าคุณยังเลวอยู่มาก ก็เกิดไม่ทันหลวงปู่มั่น

แต่ที่ผมรู้อย่างหนึ่งคือ หนังสือ "รำลึกวันวาน" เป็นการถอดเทปจากการให้สัมภาษณ์ หลวงตาทองคำ ที่ท่านพูดเป็นภาษาอีสาน เมื่อถอดเทปแล้ว ก็แปลงเป็นภาษาไทยภาคกลาง แล้วก็นำมาให้ท่านพระมหาอุทัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม ช่วยขัดเกลา สำนวนอีกทีหนึ่ง จึงไม่รู้ว่า จะมีความตกหล่น เพิ่มเติม ไปจาก ความเดิม หรือไม่?

อย่างข้อความ ที่ผมยกมา และหลายท่านก็อาจจะตีความไปต่างกัน ที่ว่า ชนชาติไทย คือ ชาวมคธ รวมรัฐต่างๆ มีรัฐสักกะ เป็นต้น หนีการล้างเผ่าพันธุ์มาในยุคนั้น ซึ่งก็อาจหมายความว่า ชนชาติไทย คือ ชาวมคธ เป็นตัวยืนอยู่ในแผ่นดินไทยปัจจุบันอยู่แล้ว แล้วก็มีที่ตามมาสมทบ คือ ผู้คนจากรัฐสักกะ ที่หนีการล้างเผ่าพันธุ์ในยุคนั้น ถามว่า คือยุคไหน ตามพุทธประวัติ การล้างเผ่าพันธุ์ศากยะ เกิดแต่ครั้งพุทธกาล ที่พระเจ้าวิฑูฑภะ ไปฆ่าศากยะ เพื่อชำระแค้น
ก็เป็นไปได้ หรือ ทั้งชาวมคธ กับชาวสักกะ หนีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ มาทั้ง 2 รัฐ แล้วมาตั้งบนแผ่นดินไทยปัจจุบัน ก็เป็นไปได้อีก อยู่ที่การตีความ

ผมจึงได้ หยิบอีก ตอนหนึ่งมาประกบไว้ไงครับที่ หลวงปู่มั่น พูดไว้ว่า

รัฐใหญ่ในครั้งพุทธกาล คือ รัฐมคธเป็นไทยในปัจจุบัน รัฐโกศลคือพม่า

ซึ่งจะเห็นว่าชัดเจนอยู่แล้วในคำพูด ไม่มีการ อพยพหนีมาจากไหน หากผม จะยึดเอาคำหลวงปู่มั่น มาหักล้าง คนอื่นๆ เลยก็น่าจะมีน้ำหนัก เพราะหลวงปู่มั่น ท่านเป็น "อาจารย์ใหญ่" และอาจใหญ่กว่า "หลวงพ่อจรัญ" แต่ผม ก็เพียงหยิบมา เพื่อเทียบเคียงกับการค้นคว้า ของผมเท่านั้น เพราะการที่จะทำให้คน เห็นตามในเรื่องที่ถูกทำให้เชื่อว่าเป็นความจริงมากว่า 100 ปี นั้น แค่เพียงยกคำพูดของใครสักคนหนึ่ง จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความเชื่อของคนจำนวนมากได้หรอก

ผมจึงอยากให้ทุกท่านปล่อยวางใจให้สบาย เหมือนตอนที่เราจะเข้าสมาธิ พิจารณาสภาวะธรรมทั้งหลาย ตามสภาพความเป็นจริง ให้ถ่องแท้ และรู้ชัด ด้วยตัวเอง ครับ