ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    *********************************

    สาธุ สาธุ สาธุ เหมือนที่พระอาจารย์มหาพินท่านทำอยู่แนวเดียวกันเลย

    น่าดีใจที่เรามีพระอาจารย์ที่บำเพ็ยเหมือนกัน แปลกดีแท้ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

    สักวันคงมีโอกาสไปร่วมพระมหาฤทธิชัยล้างกรรมระหว่างเชื้อชาติ ปลดปล่อยอาถรรพ์
    คำสาปแช่งของบรรพชนทั้ง 2 ฝ่าย บ้านเมืองของทั้ง 2 ประเทศจะได้สงบสุขกันเสียที

    อนุโมทนาท่านมหาฯค่ะ

    ทางสายธาตุ ความจริงพี่ไม่ชอบหรอกนะ พม่านั่นน่ะหลายปีก่อน เคยไปภาวนาวันมาฆฯที่วัดมเหยงค์
    ทั้งที่ไม่รู้ว่าที่นั่นเคยตั้งเป็นค่ายพม่า

    แหม ภาพในนิมิตมันทารุณจิตใจมาก ทั้งกลัว ทั้งตกใจ และสงสารคนไทยสมัยนั้น สงครามมันโหดร้ายจริง ๆ

    แต่หักใจ เวร ย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร จึงสาธุการ ท่านมหาฯ มาที่นี้

    ถ้าไม่มีอะไรติดขัด ต้น มีค. คงได้ไปพุกาม มัณฑเลย์ ร่างกุ้ง หงสาวดี ไปกับคณะครูบา ที่วัดอนาลโย
    ครูบาท่านและบางคนในคณะ ก็พี่น้อง ร่วมชาติ ร่วมแผ่นดินใต้พระบารมีพระองค์ดำอีกกลุ่ม

    ตั้งใจจะพยายามไป อยากพบ ..บาเยนองจอเดงนรธา...

    โมเย..เห็นตรงกันแล้วเนอ๊ะ ต่างคนต่างมีภารกิจสนองพระบาท แล้วแต่จะทรงใช้ใครไปทางใด


    คุณจงรักภักดี คะ..

    .เชื่อนะคะว่า สักวัน พวกเราทุกสาย จะต้องมาบรรจบกัน ในที่ใดที่หนึ่ง เหมือนที่
    ตัวเองได้มาบรรจบพบกับพี่น้องหลาย ๆท่านในค่าย จงรักภักดี แห่งนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2011
  2. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    พี่ดอกไม้เมืองบนคะ
    ของขวัญของพี่ที่จะมอบให้แก่เจ้ายอดศึกและชาวดอยไตแลง
    ล้ำค่าจากใจจริง จริง ค่ะ
    [/COLOR][/QUOTE]
    *********************************

    โมเยน้อง

    ขอหารือในฐานะที่น้องเป็นผู้มีทักษะด้านการร้องเพลงและแต่งเพลง
    ว่า มีความเป็นไปได้แค่ไหน และควรทำเช่นใด ถ้า พี่อยากให้กลอน
    เกี่ยวกับไทใหญ่กลายเป็นเพลงบ้าง (ปล่าวนา ไม่ใช่ร้องเอง..ไม่มีปัญญา และพรสวรรค์ปานนั้น)

    มาคิดดูจากเพลงที่ โมเยแต่งและบันทึกเสียง พี่จึงมีความปรารถนา
    อยากให้ พี่น้องบนโน้น ได้มีเพลงทำนองเดียวกันนี้ของพวกเขาบ้าง

    อย่างน้อยเวลาที่มีการกระจายเสียงหอกระจายเสียงจากกองบัญชาการ
    ที่ฐานที่มั่นบนดอยไตแลงออกอากาศไป ซึ่งเขาทำกันอยู่

    บางครั้งก็มีการนำจดหมายจากแม่ญิงต่าง ๆ ที่อาสาเขียนถึงทหารใน
    แนวรบมาอ่าน บางทีก็นำบทกวีต่าง ๆ มาอ่านออกอากาศ แม้แต่บทกวีที่เจ้ายอดศึก เขียนก็นำมาออก โดยทหารก็ไม่รู้ว่า
    ผู้นำของเขาเขียนจากแนวรบ

    บางคราวเจอนาฑีวิกฤติ พม่าโหมกระหน่ำ ก็ออนแอร์ปลุกใจให้ทุกคนทั้งทหารและพลเรือนที่อยู่รายรอบตั้งแต่
    ยอดดอยมาถึงตีนดอยรวมกันสู้ตายเพื่อรักษาฐานที่มั่น (ทำนองนี้..)

    เลยอยากให้มีเพลงไปเปิดให้กำลังใจ ที่จริงนักร้องในรัฐฉาน ก็มีมาก
    แต่คงน่าปลื้ม และปิติมากกว่านะ ถ้ามีคนไทยร้องให้พวกเขา

    ขอศึกษารายละเอียดรวมค่าใช้จ่ายเป็นวิทยาทานหน่อยนะน้อง
     
  3. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    ภาษาของเพลง"สาส์นรัก" ใช้คำที่งดงาม ไพเราะจับใจ มีความหมายที่กินใจ
    สามารถสัมผัสและรับรู้ได้ ให้กำลังใจ ไม่ย่อท้อ ที่จะต่อสู้กับอุปสรรค ทำให้เกิดความมานะบากบั่น และความเพียรพยายามเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ดีๆมีคุณค่า ดุจดัง "เห็นแก้วแวววับที่จับจิต เหตุไฉนจึงไม่คิดอาจเอื้อมให้เต็มที่" เมื่อไม่เอื้อมมัวแต่อยู่เฉย (งอมืองอเท้า) แล้วแก้วมณีดวงใดเล่า จักลอยมาสู่มือ

    ************************
    ค่ะ..เช่นนั้น!

    อันดวงแก้วแวววาวพราวด้วยค่า
    พวกเรา..เคยครอบครองมา..ค่าควรถวิล
    คือความจงรัก..ภักดีในบดินทร์
    เคย..ยล..ยิน พระสุรเสียง..เคียงวรกาย

    นับเป็นบุญ..ข้าบาทแล้ว...พระเจ้าข้า
    ได้รองบาทพระมา...จวบสลาย
    เหมือน รัตนมณีหลุดล่วง..แตกกระจาย
    ได้แต่ชะเง้อ..ผ่านไป..ในห้วงกาล

    บัดนี้ สี่ร้อยกว่าปี..คล้าย..แลเห็น
    ดวงแก้วเช่นลอยฟ้า...สรวงสวรรค์
    ส่องประกาย วิบวับ..จับดวงมาลย์
    แม้วายปราณ จักไขว่คว้า..มาเทิดทูน

    สำรวมจิต อุทิศใจ..ภาวนา
    เป็นบันได..ก้าวไปหา..จอมไอศูรย์
    พระ คือ แก้ว..ประชาไทยเจิดจรูญ
    ไม่เร่ง..บุญ.. ฤา..ถึงองค์..คงหลุดลอย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    ขออนุญาต คุณจงรักภักดี นำฝีมือการเขียนบทกวี
    ของท่านผู้นำกองกำลังรัฐฉานมาโพสให้ พี่น้องในบล๊อก หรือ
    ท่านอื่น ๆ ที่อาจจรผ่านตรงนี้ได้อ่านกัน

    เพื่อ เข้าใจความรู้สึกของผู้ที่ต้องต่อสู้ เพื่ออิสรภาพและ
    โหยหาแผ่นดินเกิดและปลดแอกพวกตนออกจากการกดขี่
    ของคนต่างชาติ...

    เผื่อเป็นอนุสติ สำหรับคนในชาติเรา ที่มีแผ่นดินอยู่.แต่ทำเหมือน
    ไม่รู้ค่าของแผ่นดินเกิด หากวันใดไร้แผ่นดินตน..จะร่ำไห้ปานใด

    *******************************
    บทกวี ....กลางไฟสงคราม

    " เดือนห้า....เป็นช่วงเวลาชื่นบานสดใส
    พี่น้องรักใคร่ได้ไปมาหาสู่
    คนเฒ่า..ให้พรความสุขร่มเย็น
    แต่ผมกลับต้องจับปืนต่อสู้ศัตรู
    ที่มาทำร้ายญาติพี่น้องเรา
    .
    ..ไม่มีโอกาสได้รื่นรมย์กับคนรัก
    เสียงนกกาเหว่า...หวานเศร้า
    กังวานจากยอดภูผา
    ผสานเสียงปืนกลางสนามรบ
    เสียดลึกถึงกลางใจ ........

    วันนี้..ขณะคนอื่นรดน้ำสะอาดใสให้แก่กัน
    ผมกำลังหลั่งเลือดลงแผ่นดิน.....
    เพื่อให้ชนชาติไทยใหญ่.
    ..รุ่งโรจน์ในวันข้างหน้า
    สำหรับผม.หน้าที่-ความรับผิดชอบ
    คือสิ่งแรกของชีวิต

    ส่วนความสนุกรื่นรมย์ใจ....
    .เหมือนรอยฝันแสนไกล............

    เพราะนรกบนดิน
    คือความจริงของพี่น้องเราในวันนี้
    หากไม่จับปืน
    เราคงไม่อาจไปพ้นจากนรกขุมนี้ได้

    หากผม ได้บรรลุจุดหมาย ....
    บ้านเมืองไทใหญ่..ได้พบความสงบร่มเย็น
    สักวันหนึ่ง........ เมื่อรุ่งอรุณมาถึง
    ผมคงได้กลับไปมีความสุขกับเธอ-ผู้เป็นที่รัก [/b]

    โดย ' หมอกกอนคำ '
    ดอยไตแลง , รัฐฉาน
    16 เมษายน 2548
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +3,210
    วันนั้น คุณพี่ดอกไม้เมืองบน บอกให้โมเยเขียนหน้าปกซีดี
    ที่จะมอบให้เจ้ายอดศึก เป็นภาษาไทยใหญ่....โอ้...เขียนไปได้อย่างไรเนี่ยเรา....^_^

    เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ฉันใด
    เราย่อม ไม่พึงอาฆาตมาตร้ายในอดีตศัตรู..ฉันนั้น
    แผ่เมตตา ให้พวกเขาไปเถิด..

    เราทุกคนต่างมีหน้าที่ ที่จะถวายงานของพระองค์ เริ่งสะสมบุญบารมี
    หน้าที่กระจ่างชัดสำเร็จผล....ลุกหลานทหารเก่า..เอ๋ย..

    แนวคิดคุณพี่ดอกไม้เมืองบน มอบเพลงเสียงร้องของสาว(ใหญ่)ไทย
    แด่พี่น้องชาวไทยใหญ่ สนับสนุน..ยกมือเห็นด้วยค่ะ เป็นเสียงของโมเย เดี๋ยวอีก หน่อยคงมีแฟนคลับ..เป็นพี่น้องชาวไทยใหญ่เพิ่มขึ้นอีก... ต้องไปโชว์ตัวแน่ๆ ^_^
     
  6. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +3,210
    ตอนนี้โมเย มีความตั้งใจจะแต่งเพลง
    ถวายหลวงตามหาบัวด้วยค่ะ แค่คิดถึงหลวงตาน้ำตาจะไหล
    กราบ....หลวงตาด้วยความอาลัย...เจ้าค่ะ
     
  7. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    อนุโมทนาสาธุการ กับคุณโมเย โตย

    ลูกหลานทหารเก่า สู้ไม่ถอยนะครับ
     
  8. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466

    ขอน้อมจิต อุทิศใจ...ภาวนา
    ก้าวไปหา พระทรงชัยองค์ไอศูรย์
    ธ ทรงป้อง แผ่นดินไทยเจิดจรูญ
    ด้วยเทิดทูน...ภักดี...จอมบดินทร์
     
  9. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +3,210
    กลอนของพี่ดอกไม้เมืองบนเพราะทุกบทเลยค่ะ
    หากนำมา ประพันธ์ทำนอง และดนตรีเข้าไป คงไพเราะไม่น้อย....
    ภาระกิจนี้เป็นไปได้ค่ะ อนุโมทนา สาธุ
     
  10. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    คุณ Florence เล่าเลยค่ะอยากฟังประสบการณ์ใต้ร่มพระบารมีพระองค์ดำ ... พระครูจิรยุทธ์ท่านเข้ากรรรมฐานจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้เลยหรือคะ เท่ากับท่านถือกรรมฐานทั้งเดือนเลยใช่ไหมคะ

    พี่ที่ทำหน้าที่บรรยายอยู่ที่ พนมทวน จ.กาญจนบุรี ถ้าจำไม่ผิดน่าจะคือ พี่น้ำฝน ทองอินทร์ใช่ไหมคะ พี่น้ำฝนชอบใช้คำว่า คุณหนูเรียกผู้หญิง เคยได้ยินคุณรุ้งเล่าเพราะคุณรุ้งไปพนมทวนเจอพี่น้ำฝนมาแล้วแต่ทางสายธาตุยังไม่เคยไป พี่น้ำฝนบอกเจ๊รุ้งว่า อื่มเราเคยเจอกันมาก่อนนะคุณหนู คุณหนูนี่ก็ไม่ธรรมดานะในสมัยนั้น อันนี้เป็นเรื่องปัจจัตตังเรื่องของใครเรื่องของเขา ฟังมาเล่า

    คุณพี่ดอกไม้ฯ อ่านกลอนเจ้ายอดศึกแล้วสงสารท่านนะ รบ รบ รบ จนไม่มีเวลาอยู่กับคนรัก เศร้าแท้....

    คุณพี่จงรักภักดี เริ่มจะแต่งกลอนเก่ง หรือว่าแต่งกลอนเก่งมานานแล้วเพียงแต่เพิ่งเขียนให้อ่านกันหนอ

    น้องโมเย ร้องเพลงได้ดีจนมีชาวไทยใหญ่เป็นแฟนคลับเมื่อไหร่ อาจจะได้อนุสาวรีย์ โมเยมือขวาถือไมล์ มือซ้ายถือRPG คิดๆแล้วคงจะเท่ห์เมิ่กๆหล่ะค๊า...อิอิ
     
  11. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]


    ภาพ : แ ผนที่เมืองพิษณุโลกในตำราพิชัยสงคราม

    รูปนี้ฝากให้พระมหาฯ ดูแผนที่โบราณเพราะพระท่านเป็นคนพิดโลก
    ในหนังสือ Siam in Trade and War Royal Maps of The Nineteenth Century (Narisa Chakrabongse, et al.2006;p22) ระบุว่าตำราพิชัยสงครามฉบับแรกนี้ได้มีการชำระในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขณะที่เ ป็นรัชทายาทครองเมืองพิษณุโลก
     
  12. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ของฝากนักกอล์ฟ เอ้ย นักรบ อ่านเจอว่าเขาเจอตำราพิไชยฉบับหลวงที่เพชรบูรณ์ เป็นตำราสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ค่ะ


    ตำราพิชัยสงคราม จ.เพชรบูรณ์เปิดเผย เมื่อ 11 ธ.ค.51
    [​IMG]
    (รูปจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1229260862&grpid=10&catid=04)



    บทวิเคราะห์ โดย ดร.ดนัย เทียนพุฒ 19 ธ.ค.51

    ตำราพิชัยสงครามของไทย เล่มแรกตามประวัติศาสตร์ เขียนขึ้นใน สมัยสมเด็จพระรามาธิยดีที่ 2 ใน พ.ศ.2041 ซึ่งมีทั้งกลศึก แ ละ เวทมนต์ แ ละวิทยาคม
    ....ข้อความนี้อ้างว่าเป็นในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 แต่ตาม ข้อเขียนของสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพไม่น่าจะถูกต้อง..อ่านด้านล่าง

    "เ มื่อมีศึกให้เทครัว ปิดพระนครรับศึกรอจนกว่าจะมีน้ำหลาก แล้วข้าศึกจะยกทัพกลับเราก็จะยกทัพตามตี"

    และ เมื่อปี พ.ศ.2061ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้จัดทำบัญชีกำลังพล เพื่อเกณฑ์พลเมืองเข้ารับราชการทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน

    ถ้าวิเคราะห์ตาม พิชัยสงครามฮินดูโบราณ (ร้อยเอก ยี.อี.เยรินี,ร.ศ.113 ค.ศ.1894) บทที่ 1 และ 2จะว่าด้วย แบบอย่างจัดกองทัพบกของชาวฮินดู และ กระบวนพยุหะ แสดงให้เห็นว่า ตำราพิชัยสงครามแรกเริ่มนั้นเข้าใจว่า ชำระและลอกเลียนแบบ "พิชัยสงครามฮินดูโบราณ"


    [​IMG]

    ภาพ:รูปแบบอาณาจักรมณฑลตาม ฮินดูโบราณ
    [​IMG]
    ภาพ : แผนที่เมืองพิษณุโลกในตำราพิชัยสงคราม

    แม้กระทั้งในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไ ด้มีการเขียนตำราพิชัยสงครามขึ้นใหม่ ได้พบ แผนที่เมืองพิษณุโลกในตำราพิชัยสงคราม ก็เป็นแบบอย่างของการเขียนรูปแบบราชอาณาจักรมณฑล ตาม "พิชัยสงครามฮินดูโบราณ ซึ่งตาม ตำราพิชัยสงคราม ฉบับ จ.เพขรบรูณ์ ก็มีรูปดังกล่าวให้เห็นตาม VDO ของ เนชั่น
    สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงอธิบายไว้ว่า

    "ที่พระราชพงศาวดารว่า แรกทำตำราพิชัยสงครามในแผ่นดินสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 นั้น รู้ได้แน่แท้ว่าด้วยการทหารที่จัดในครั้งนั้น แต่ตำราพิชัยสงครามที่ทำขึ้นในคราวนั้นจะมากจะน้อย และแต่งไว้อย่างไรไม่มีหนังสือที่จะสอบให้รู้ได้ หนังสือเก่าที่เรียกว่า ตำราพิชัยสงรามที่มีอยู่ในเวลานี้ ฉบับ 1 เป็นแผนที่กระบวนเดินทัพและกระบวนตั้งทัพหลายอย่าง อีกฉบับ1 ว่าด้วยวิธีจัดทัพกองทัพ ตลอดจนวิธีรบ แต่เรื่องหลังนี้ เป็นหนังสือที่มีผู้เก็บแต่ใจความเอามาแต่งเป็นกลอนสำหรับท่องให้จำได้ เห็นจะไม่ใช่ตัวตำราที่แต่งในครั้งแผ่นดินสมเด็นพระรามาธิบดีที่ 2...."(ประยุกต์ บุนนาค,2548; "พิชัยสงครามของไทย"ในพิชัยสงครามฮินดูโบราณ หน้า 196-197)

    Narisa Chakrabongse และ คณะ ในหนังสือ Siam in Trade and War Royal Maps of The Nineteenth Century (Narisa Chakrabongse, et al.2006;p22) ระบุว่าตำราพิชัยสงครามฉบับแรกนี้ได้มีการชำระในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขณะที่เป็นรัชทายาทครองเมืองพิษณุโลก

    Tamra Phichai Songkhram(The Art of War) นี้ไ ด้แบ่งออกเป็น 3 แผนก
    คือ ว่าด้วยเหตุแห่งการสงคราม อุบายและยุทธวิธีพิเศษ กับ ยุทธศาสตร์และยุทธวิธีของสงคราม กลยุทธในที่นี้คือ การจัดทัพและการใช้สภาพภูมิศาสตร์เพื่อเอาชนะสงคราม และ ในแต่ละตอนจะแบ่งเป็นเรื่อง เวทมนต์ ฤกษ์ เลขผานาที คาถายันต์


    และในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน ก็ไม่ได้มีหลักฐานว่ามีการเขียนหรือชำระตำราพิชัยสงครามขึ้นใหม่


    สรุปในขั้นที่ 1 ตำราพิชัยสงครามเล่มนี้ น่าจะ อยู่ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์





    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]






     
  13. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466

    มาช่วยเติมคำในช่องว่าง เอหิ ภูโต... น่าจะเป็นบทคาถานี้ครับ


    เอหิภูโต มหาภูโต สะมะนุสโส
    สะเทวะโก กะโรหิ เทวะทิตานัง
    อาคัจเฉยะ อาคัจฉาหิ เอหิวิญญาณะสุพรรณกัลยา
    เทวะทิตา อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ มานิมามา​

    .....สวดภาวนา ๗ จบ....​

    รำลึกถึงคุณธรรมของพระสุพรรณกัลยา แล้วอธิษฐานขอเมตตาบารมี ดีนักแล​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2011
  14. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    ******************************

    กำเสี่ย ....อาหมวย (ผ่าง ผ่าง)

    ก่อนอื่นฝากกราบนมัสการขอบคุณที่ท่านมหาเมตตาให้คำแนะนำ
    มาผ่านทางน้องด้วยนะ คะ คิดว่า สักวันคงมีโอกาสได้กราบนมัสการ
    ด้วยตนเอง (เมื่อเวลาที่ถูกกำหนดว่าเหมาะสมนั้นมาถึง..)

    ปัจจุบันเคยเห็นท่านมหาตามภาพถ่ายที่ท่านขึ้นไปไตแลง
    ตอนนี้ก็ขอแค่กราบอนุโมทนาในกิจที่ท่านบำเพ็ญต่อพี่น้องบน
    ดอยไตแลง

    สาธุ สาธุ สาธุ …..

    * อาจเป็นด้วยภาระผูกพัน
    จากอดีต..แสนนนไกลลล..มองไม่เห็น
    รู้แต่เพียง (ต่าง)มีหน้าที่ ที่จำเป็น
    ต้องบำเพ็ญสืบสาน..ราชปณิธาน

    * ผสานรับกับการเป็นในภพก่อน
    พี่น้องเก่า..ยังทุกข์ร้อน น่าสงสาร
    จิตจึงบอกให้กระทำไปตามกาล
    แว่วพระองค์ทรงประทาน..คำอวยชัย

    กราบนมัสการค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2011
  15. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    1.เรื่องแกะสลักพระรูปพระนางจามเทวี (ใช้ภาษาผิดเป็นปั้น)
    ไม่ได้ทำคนเดียวหรอก โปรดใช้วิจารณาญาณในการอ่าน.....

    เริ่มจากมีการจูนมาที่น้องสาว เขาจึงคิดสร้าง แต่ไม่กี่วันต่อมา
    ก็รับสื่อได้ว่าให้ร่วมกันสร้าง จึงเข้าร่วมกันทำกับพี่ๆ
    น้อง ๆและอาจมีคนที่ใกล้ตัว แต่จะเป็นใครบ้าง ยังไม่ถูกกำหนดมา

    2.ตอนนี้ได้ช่างแกะสลัก อยู่ที่แม่สายรับแกะให้แล้ว กำลังเริ่มลงมือ
    เขาประมาณการใช้เวลา เดือน ตลกและพิลึกมาก ตอนแรกไปได้
    ช่างที่เมืองเลย ก็โอเค จู่ จู่ คนบอกมีช่างที่แม่สาย เขาว่ามีชื่อ
    เคยแกะพระแม่กวนอิมมาแล้ว เลยให้ตำรวจในพื้นที่ประสาน
    คุยกันสรุป ได้ว่าคิดราคา แสนแปด ทีแรกในใจพวกเรากำหนด
    หินอ่อนทั้งองค์ ไปมาเขาบอกว่าเขาได้หยกขาวพม่ามาก้อนเอาไหม
    ก็ตกลง

    ผ่านไปไม่รู้ยังงัยกลับมาเป็นหินอ่อนเหมือนที่คิดไว้ตอนแรกอีกเป็น
    หินอ่อนเวียดนาม(ที่นี่หินอ่อนมีชื่อที่สุดแห่งหนึ่ง)สีขาว กับสีนวล ก็ตกลง
    ใจกันเลือก สีนวล

    ล่าสุดน้องติดต่อไป กลายเป็นราคา 280,000 บาท ทางเราก็งง
    ยันว่าเคยบอกไว้แค่นั้น เขาว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่เคยรับงานราคานี้หา
    ว่าทางเราล้อเล่น เลยไม่รู้ใครเป็นคนรับงานตอนต้น เจ้าตัวยืนยัน
    ไม่เคยรับ

    สรุปติดต่อไปมาอีก 2-3ครั้ง ส่วนใหญ่แทนที่เราจะติดตามเรื่อง
    กลายเป็นช่าง...แล้ว เขาก็บอก ตกลง...จะรับทำในราคา 180,000 บาท
    แต่ยังนั่งยันว่า ไม่เคยรับว่าจะทำ แสนกว่าแน่นอน แต่ยอมทำให้พิเศษ

    งง..พะยะค่ะ ว่าจาก 280,000 เหลือ 180,000 บาทได้งัย
    (งงแบบนี้..ชอบเ ชอบ)


    3.ขนาดที่แกะสลักพระองค์ท่าน เท่าคนจริง ลักษณะท่านทรงสมาธิกำลังบำเพ็ญ
    ภาวนาทรงภูษาขาวแบบชี มุ่นพระเกศาเป็นมวยไว้ท้ายทอยโดยจำลองแบบมาจากองค์ท่าน
    ที่เช่ามาจากลำพูน เป็นภาพที่ไม่ค่อยเห็นส่วนใหญ่ท่านจะเป็นภาพทรงยืน

    4.ที่มาที่ไปในการร่วมสร้าง...เล่าไม่ออก บอกไม่ถูก(ไว้คุยหลังจอ..) แต่คิดว่าเป็น
    พระประสงค์ จึงหวังว่าจะไม่มีอุปสรรค โอม เพี้ยง..

    5.สถานที่อัญเชิญประดิษฐาน กำหนดมา...ล้านนา แต่ล้านนานี้กว้าง
    ใหญ่ไพศาล ต้องใช้จิตใต้สำนึกว่าจะทรงประทับที่ใดเหมาะสม

    ด้วยเหตุและผลจากกระแสจิตลึก ๆ ของหลายคนที่ออกมา ตอนแรกจะ
    เชิญประทับ วัดอนาลโย (เพราะคุ้นเคยเป็นศิษย์อยู่และทางนั้นกำลังสร้างเรือนแบบไทยลื้อ
    ไว้สำหรับให้คนไปปฏิบัติธรรม

    อีกทั้งที่กุฏิหลวงพ่อท่านก็มีพระรูปลอยองค์ของพระนางเธออยู่ )

    เวลาผ่านไป เกมส์พลิกไป ๆ มา ๆ ได้ข้อสรุปเบี่ยงเบน จึงกลายมาเป็น
    ที่เวียงพันนา หรือเวียงท่ากาน(เวียงเก่าข้าเจ้าเอง) ทุกอย่างที่เราคิดว่าใช่ กลายเป็นไม่ใช่
    และก็ถูกจูนให้ เกิดไปพูดคุยกับประธานอบต.ที่เวียงท่ากาน เขาบอกอยากได้มาที่นี่
    เราบอกตั้งใจไปอนาลโย

    สุดท้ายเข้า หลายเรื่องมาสอดคล้องกันอย่างน่าพิศวง คนที่เวียงท่ากานอยากได้
    พระองค์ท่านมาประทับมาก

    เขาบอกว่าขอมาที่นี่เถอะ เพราะชาวบ้านที่นี่เคารพพระนางมาก และที่เวียงท่ากานก็เป็นเมือง
    หน้าด่านของหริภุญชัย มาแต่สมัยพระนางแต่ไม่มีรูปเคารพพระนางอยู่เลย แถมบอกว่า
    ถ้าได้ท่านมา เขาจะจัดขบวนแห่แบบแห่นางพญาล้านนาแบบโบราณ
    รับท่านเข้าเวียง เราก็ไม่กล้าตัดสินใจลำพัง แถมบอกไปทางอนาลโยแล้ว

    มาเล่าให้น้องสาวในฐานะที่เริ่มเรื่องนี้แต่แรกฟัง เขาบอกทันที ตกลงอัญเชิญไปเวียงท่ากาน

    จากความรู้สึกลึก ๆ ของน้องเขาสัมผัสถึงเวียงท่ากานก่อน แต่ไม่แน่ใจและไม่กล้าพูดเพราะ
    ตัวเขาไม่รู้จัก คุ้นเคยกับเวียงท่ากานหรือคนที่นี่ พอไปเล่า เขาจึงได้ข้อสรุปที่รู้ชัด มั่นใจขึ้นทันทีว่า
    ต้องเป็นที่นี่

    อีกทั้งในส่วนลึก ๆ ของใจเขานึกถึงขบวนแห่แบบที่ทางนั้นเสนอมาอยู่แล้ว
    แต่ ไม่กล้าพูดออกมา เพราะไม่แน่ใจว่าอะไรเป็นอะไร จนทุกสิ่งถูกดึงมาจูนเข้าหากันแบบประหลาดมาก

    (จากที่เล่ามาประเด็นนี้ ก็คงสอดคล้องเหมือนกับที่ พวกเราหลายคนค่อนข้างจะพบเจอบ่อย ๆ ทั้ง
    โมเย ทางสายธาตุ และอาจมีใครอื่นในพวกเราอีกที่ไม่ทราบ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า บางครั้ง บางเรื่องสิ่งลี้ลับ
    เกินสติปัญญาคนเป็น ๆ อย่างพวกเราจะรู้ก็มีอยู่จริง

    แม้ไม่อยากเชื่อ ก็หาคำตอบไม่ได้ ต้องรอจนถูกเปิดเป็นรูปธรรมให้เห็น ก็ยอมแพ้เป็นเรื่อง ๆ เป็นคราว ๆ ไป

    ก็เราเป็นมนุษย์ธรรมดา ยังไม่มีฌานแก่กล้า มีตาเนื้อไม่ใช่ตาทิพย์ ท่านเหล่านั้นที่เราต้องรับใช้หรือเป็นภาระ
    ในกิจของท่าน จึงคงต้องเหนื่อยกันไม่น้อย กว่าจะสื่อ ให้เข้าใจภารกิจได้ถูกต้อง ..
    เฮ้อ เหนื่อยแทน...เพคะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2011
  16. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    ที่ขออนุเคราะห์นมัสการถามท่านมหาฯ ตรงช่างเริ่มแกะ พี่คิดว่าเขาเป็นช่างอาชีพคงจะรู้ธรรมเนียม
    (ไม่แน่ใจตรงที่ คณะผู้จัดสร้างต้องไปร่วมด้วยไหม
    ในการเริ่มสกัดหินนัดแรก

    และที่ไม่รู้คือ ต้องทำหนังสือขออนุญาตสำนักพระราชวัง ฯ
    (แต่คิดเองว่า ท่านเป็นกษัตริย์ล้านนา คงไม่ต้องขอทางนี้มั้ง)

    ส่วนที่ได้รับคำชี้แนะที่เป็นประโยชน์คือ ขั้นตอนที่ 3
    การบวงสรวงดวงพระวิญญาณ ส่วนรายละเอียดขั้นตอนต้องทำ
    อะไรก่อนหลัง คงต้องกราบขอรับคำชี้แนะอีกที หลังจากกลับจากแม่สายประมาณปลายเมษายน

    (ขึ้นไปดูการแกะสลักและวางเงินมัดจำ ดูเถอะ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
    คนอะไรจะวางใจกันง่าย ๆ เงินมากมายอย่างนี้ ช่างก็ไม่รู้จักกันมาเลย
    หน้ายังไม่เคยเจอ ตกลงทางโทรศัพท์ แล้วบอกจะขึ้นไปวางเงินก่อน
    ค่อยทำก็ได้ ช่างบอกจะลงมือเลย เงินว่างค่อยขึ้นมาก็ได้ แปลกชมัด)

    ในเรื่องสถานที่ประทับ ใจพวกพี่อยากได้บริเวณ โบราณสถาน
    เวียงโบราณ แต่ไม่แน่ใจเพราะ อยู่ในความดูแลของศิลปากรขึ้นทะเบียนไว้ การที่ใครจะเอาอะไรไปตั้งคงไม่ง่าย

    แต่ทางอบต.บอก มีที่สำรองไว้คือ ในวัดท่ากาน วัดประจำเวียงมาแต่โบราณ อยู่ติดโบราณสถาน และมีศาลาที่กว้างให้คนเข้าไปกราบไหว้ได้มาก

    (ตรงนี้ก็แล้วแต่ทางเวียงท่ากานจะพิจารณาเพราะเป็นเจ้าของพื้นที่
    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เชื่อว่าถ้าเป็นพระประสงค์ ไม่ว่าพระองค์ใดก็ตาม
    อะไรก็เกิดได้เสมอ (รอลุ้นต่อไป..)
     
  17. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    เมื่อถึงเวลาบวงสรวงเบื้องต้นที่คิด คือ พิธีพราหมณ์ตั้งใจ
    เชิญพระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าคณะพราหมณ์ประจำสำนัก
    พระราชวังเป็นประธาน เพราะเราเป็นลูกศิษย์อยู่แล้ว

    พิธีสงฆ์ (ไม่รู้ต้องมีแบบการปลุกเสกพระหรือเปล่า ตรงนี้ก็คงต้องนมัสการอีกนั่นแหละ..)แต่ถ้าต้องมีพระทำพิธีปรก
    ที่คิดไว้ ตอนนี้สายเชียงใหม่ ก็ ครูบาน้อย วัดศรีดอนมูล
    พระอาจารย์เปลี่ยน วัดอรัญญ ฯ หลวงพ่อใหญ่วัดร้องวัวแดง
    หลวงพ่อไพบูลย์ วัดอนาลโยฯ พะเยา

    นอกนั้นกำลังเสาะแสวง ถ้าฝันเป็นจริงก็ คงมีบุญได้ครูบา
    เจ้าบุญชุ่ม ญาณสํวโร วัดพระธาตุดอนเรือง อ.ท่าขี้เหล็ก
    รัฐเชียงตุง พม่า

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วแต่พระประสงค์ไม่ใช่เราเป็นผู้กำหนด ถ้ากำหนดได้คงนมัสการท่านมหาฯด้วย

    ที่เล่ามาอาจไม่เกี่ยวกับใครในที่นี่ แต่เมื่อถึงวันที่ประกอบพิธ
    ีทางสายธาตุ โมเย และใคร ๆ อาจได้เข้ามาแจมบุญด้วยก็ได้
    ใครจะไปรู้เนาะ
     
  18. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    เวียงท่ากาน ...
    เมืองโบราณพันปี มรดกล้ำค่าแห่งที่ราบสันป่าตอง เชียงใหม่




    เวียงท่ากาน เป็นเมืองเก่าเล็กๆ ในเขตของเชียงใหม่
    ซึ่งความสำคัญน้อยกว่าเวียงกุมกาม และขนาดของเมืองก็เล็กว่า
    แต่คุณค่าประวัติศาสตร์ไม่น้อยกว่ากัน

    เวียงท่ากาน เพิ่งเป็นที่รู้จักกันเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง หลายท่านอาจจะคุ้นเคย
    กับเวียงกุมกามซึ่งเป็นเมืองเก่าของเมืองเชียงใหม่
    แต่เวียงท่ากานที่ค้นพบนี้เก่าแก่กว่าเวียงกุมกามมากทีเดียว
    เชื่อไหมว่า คนเชียงใหม่หลายคนเองก็ยังไม่เคยไปเที่ยวเลย



    เวียงท่ากาน เป็นเมืองโบราณที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเมืองหน้าด่าน ของ
    อาณาจักรหริภุญชัย หรือลำพูน นั่นเองสร้างในสมัยหริภุญชัย
    เชื่อว่าเมืองนี้คงจะเริ่มสร้างขึ้นประมาณพุทธศตวรรษที่ 13 สมัย
    พระเจ้าอาทิตยราชกษัตริย์ผู้ครองแคว้นหริภุญชัยสืบต่อมา

    จนถึงสมัยพญามังรายช่วงก่อนสร้างเมืองเชียงใหม่
    มีคำบอกเล่าจากผู้รู้ท้องถิ่นว่า

    เมื่อครั้งพระเจ้าอาทิตยราชโปรดให้สร้างปราสาทเพื่อบรรจุ
    พระบรมสารีริกธาตุในบริเวณวัดพระธาตุหริภุญไชย
    มีกาเผือกตัวหนึ่งบินมาโฉบลงที่พระเศียรของพระองค์ จึงรับสั่ง
    ให้ไล่กาไป กาได้บินมาถึงบ้านแห่งนี้และจะลงเกาะ ชาวบ้านกลัวว่า
    จะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีตามความเชื่อแต่โบราณ
    จึงพากันส่งเสียงไล่ว่า "ต๊ะก๋า" ทำให้เป็นที่มาของชื่อ "บ้านต๊ะก๋า"

    ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๕๐ เจ้าอาวาสวัดบ้านต๊ะก๋าเห็นว่าคำนี้เป็นภาษาพูด
    จึงเปลี่ยนให้เป็นภาษาเขียนว่า "ท่ากาน"

    แต่จากเอกสารและตำนานหลายฉบับ อาทิ ตำนานมูลศาสนา พงศาวดารโยนก
    ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ เรียกว่า "เวียงพันนาทะการ"

    พ.ศ. ๑๘๓๙ - ๑๘๕๕ เมื่อครั้งพญามังราย โปรดตั้งเมืองเชียงใหม่ แล้วให้นำ
    ต้นโพธิ์ที่ได้มาจากลังกา ไปปลูกตามหัวเมืองต่าง ๆ นั้น มีชื่อเมืองพันนาทะการรวมอยู่ด้วย

    ต่อมาในสมัยพระเจ้าติโลกราช (พ.ศ. ๑๙๘๔ - ๒๐๓๐)
    ได้ยกทัพไปตีเชียงตุง และกวาดต้อนเชลยไทใหญ่ ซึ่งเรียกกันว่า
    เงี้ยวมาหลายหมื่นคน ทรงให้นำมาไว้ที่เวียงนี้ จึงปรากฏชื่อเมืองนี้อีกว่า
    เป็นที่นำเชลยชาวเงี้ยวมาอยู่

    และอีกครั้งเมื่อเจ้าเมืองเชียงทองและพระยากายเงี้ยว
    นำข้าไพร่ ชาย-หญิง และช้างม้า ถวายแก่พระเมืองแก้ว
    (พ.ศ. ๒๐๓๘ - ๒๐๖๘) พระองค์โปรดให้แบ่งข้าไพร่
    ไปไว้ที่ "พันนาทะกาน"

    ชื่อเมืองนี้หายไปหลังจากเชียงใหม่เสียเมืองแก่พม่าในปื
    ี พ.ศ. ๒๑๐๑

    จนกระทั่ง พ.ศ. ๒๓๓๙ พระเจ้ากาวิละตีเมืองเชียงใหม่คืน
    จากพม่าสำเร็จ ได้มีการนำชาวไทยยองเข้าไปอาศัยอยู่ตราบ
    จนปัจจุบัน


    โบราณคดีจากหริภุญไชยสู่ล้านน

    จากการขุดค้นขุดแต่งทางโบราณคดี ได้พบโบราณวัตถุศิลปกรรม
    แบบหริภุญไชยจำนวนมากเช่น พระพิมพ์ดินเผาแบบต่าง ๆ พระพุทธรูปดินเผา
    เป็นหลักฐานที่ยืนยันว่า ชุมชนแห่งนี้นับถือพุทธศาสนา
    มาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๗ - ๑๘

    ส่วนโบราณสถานที่พบส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมแบบ
    ล้านนาที่กำหนดอายุสมัยระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๒๐ - ๒๒ แสดงถึงการอยู่อาศัย
    สืบเนื่องกันมาโดยตลอด แม้ในสมัยที่อยู่ภายใต้การปกครองของพม่า
    ภายหลังที่เชียงใหม่พ่ายแพ้แก่พระเจ้าบุเรงนอง ในปี พ.ศ. ๒๑๐๑

    ประชากรบ้านท่ากาน ส่วนใหญ่เชื้อสายไทลื้อ ที่เรียกตัวเองว่า "ชาวยอง"
    เนื่องจากอพยพมาจากเมืองยองในพม่า เข้ามาอาศัยในบริเวณเวียงท่ากาน
    เป็นระยะเวลากว่า ๒๐๐ ปี

    จัดเป็นชุมชนที่รักท้องถิ่นรักษาวัฒนธรรมประเพณีอย่างเคร่งครัด เข้าใจและตระหนัก
    ถึงความสำคัญของแหล่งที่อยู่อาศัยและของดีที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมซึ่งมีอยู่ในพื้นที่
    จึงรวมกลุ่มกันอย่างเข้มแข็งในการดำเนินการอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

    เวียงท่ากาน เป็นเมืองโบราณที่มีกำแพงเมืองและคูเมืองล้อมรอบ
    รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด กว้าง ๕๐๐ X ๗๐๐ เมตร
    ตั้งอยู่ที่ บ้านท่ากาน ตำบลบ้านกลาง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่

    โบราณสถานภายในเวียงท่ากานที่สำคัญ
    ๑. วัดกลางเมือง ๗. วัดหนองหล่ม
    ๒. วัดอุโบสถ ๘. วัดน้อย
    ๓. วัดต้นโพธิ์ ๙. วัดป่าเป้า
    ๔. วัดหัวข่วง ๑๐. วัดป่าไผ่รวก
    ๕. วัดพระเจ้าก่ำ ๑๑. กู่ไม้แดง
    ๖. วัดต้นกอก

    โบราณวัตถุที่ค้นพบที่ เวียงท่ากาน แห่งนี้ มีมากมาย
    พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ มีพระดำริที่จะจัดสร้างพิพิธภัณฑ์เวียงท่ากาน
    ขึ้น เพื่อเก็บรวบรวมโบราณวัตถุอันมีค่าเหล่านี้
    และเปิดให้ประชาชนเข้าชม

    ปัจจุบัน โบราณสถานแห่งนี้ อยู่ในความควบคุมดูแลของ
    สำนักศิลปากรที่ ๘ เชียงใหม่ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองฯ
    จังหวัดเชียงใหม่

    ถ้าอยากไปแอ่วเวียงโบราณแห่งนี้ ง่ายนิดเดียว
    ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ ผ่านหางดง ผ่านสันป่าตอง
    ขับรถจนถึงบ้านทุ่งเสี้ยว แล้วเลี้ยวขวาประมาณ 2-3 กม.

    ยังไม่ได้แม้แต่งีบ เดียว..ก็ถึงแล้ว เจ๊า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2011
  19. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    ภาพโบราณสถานเวียงท่ากาน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    แด่ เพื่อน พี่ น้อง ชาวไทยเชื้อสายจีน ทุกท่าน


    บิกประทัดนัดแรกดัง..แหวก..ฟ้า
    ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ ว่า จากแดนสรวง
    "สวัสดีปีใหม่ ให้ เจริญรุ่งทั้งปวง"
    โป๊ยเซียน...ห้วงเลิศนภา..มาอวยพร

    เสียงประทัดนัดสองดัง..ก้องโลก
    ซินเจียยู่อี่ ซินนี้เกียงคง " โรค ภัย ไข้ เจ็บถอน
    สวัสดีปีใหม่ ให้ สุขภาพ แข็งแรง และ อมร"
    เจียงกั๋วเล้า...ประทานพร วันตรุษ..มา

    เสียงประทัดนัดสาม..ตามสนั่น
    ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ตั่วถั่ง กัน " เฮง เฮง หนา
    สวัสดีปีใหม่ ให้ธุรกิจ กำไร งดงาม ตา"
    ฮั่นเจงหลี...ให้ลาภมา..ทรัพย์เพิ่มพูน

    เสียงประทัดตรุษจีน....ยินทั่วหล้า
    ซินเจียยู่อี่ ซินนี้เพ่งอัง มาอย่าเสื่อมสูญ
    "สวัสดีปีใหม่ ให้..อันตราย พ่ายใบบุญ "
    ซิ่ว.. เกื้อกูล อายุมั่น นิรันดร

    วันตรุษจีน เทพ เซียน จีน โปรดพิทักษ์
    บรรพบุรุษ อย่าหยุดรัก หรือ ถ่ายถอน
    ญาติพี่น้อง กลมเกลียว..สถาพร
    มีทายาท...มังกร และ หงส์..งาม

    จีนกับไทย..พี่น้องไซร้ ใช่ใครอื่น
    จึงฝากกลอนอวยพรชื่น ประทัดสาม
    ประเดิม ..เฮง ไล้ ไล้ ไปทุกยาม
    ทรัพย์เพิ่มพูน ..ฮวดใช้...ตามไปทุกปี …..

    จากใจคนไทยเชื้อสายไทยคนหนึ่ง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2011

แชร์หน้านี้

Loading...