ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย modpong, 8 พฤษภาคม 2010.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    อ่านแล้วมีแต่ปัญญาขอบคุณอาจารย์มากครับที่ทำให้เกิดปัญญา
     
  2. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    หวัดดีครับพี่modpong:cool:
     
  3. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...........................................
    ...ถูกต้องครับ...แต่การตากทั้งลม..และแดด..ก็ต้องมีเทคนิค..ถ้าเรา..ไปทำมั่ง..โดยไม่รู้เรื่องหลักการ..เราก็จะได้ผลไม่ดี..เหมือนยุคก่อนครับ....เรื่องเนื้อก็มีผล..พระดินดิบ..ไม่ต้องไปเข้าเตาเผา..จึงเลือกดินที่ร่อนแล้ว..เพราะพระจะได้มีรายละเอียด..คมชัด..เช่นแม่พิมพ์ได้...
     
  4. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    สวัสดีค่ะคุณลุง...สอบถามนะคะ สงสัยค่ะ....ได้รับพระซุ้มกอมาเป็นพระกรุ....เรื่องของกลิ่น...รุนแรงมาก...(ถามไม่เหมือนท่านอื่นนะคะ)..ฉุนจนบอกไม่ถูกไม่ใช่กลิ่นดิน
    คุณลงเคยเจอพระกรุที่กลิ่นลักษณะดังกล่าว.....แล้วจะดับกลิ่นอย่างไร พึ่งลมตั้งหลายวันกลิ่นก็ยังไม่จางหาย........
     
  5. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..........................................
    ..พระมาจากกรุ..จริงๆ..ออกจากกรุใหม่ๆ..จะมีกลิ่นอับหน่อยๆ..ผ่านไปเป็นร้อยปี..กลิ่นอับจะไม่มีแล้ว..กลิ่นดิน(เผา)..แทบไม่มีแล้ว..กลิ่นที่มีอื่นใดจะ..มาจาก..การปนเปื้อน..(ที่ผมพูดถึง..นี่กรณีพระแท้นะครับ..)...
    ผมจะพูดถึง..การดับกลิ่น..มีหลายวิธี....
    ๑. กลิ่นคาว..เน่า...เอา..ผักกาดหอม..เข้าเครื่องปั่น..แล้วใส่ผ้าขาวบาง..คั้น..น้ำออกมา..แล้ว..เอาพระไปแช่(ก่อนแช่ล้างคราบทั้งหลายให้หมดก่อน..แล้วตากให้แห้ง)..เอานิ้วถูๆให้ทั่ว..หมักทิ้งไว้ ๑ คืน..เอาออกมา..ล้างน้ำสะอาด..แล้วตากแดดให้แห้ง...กลิ่นจะหาย.....(ถ้ายังหลงเหลือต่อ..แบบที่๒)
    ๒...เตรียมพระ..แบบที่๑..อย่างเดิม..ซื้อถ่านไม้มา..ทุบให้เป็นชิ้นเล็กๆ(สักหัวแม่มือ..ก็ได้)..เตรียมขวดโหล..เทถ่านที่เตรียม..รองก้นสัก..หนาสัก๑-๒นิ้ว...เอาพระใส่ลงไป...แล้วเอาถ่าน..ลงไปกลบ..ไม่ต้องให้เต็มโหล..เหลือที่ไว้หน่อย..เพิ่มคุณภาพ..ใส่ถุงกันชื้น..ที่เขาใส่ไว้ในอาหารถุง..หรือ..กระป๋อง..เอาแบบใสๆ(ถ้ามันเปลี่ยนสี..แสดงว่ามีความชื้นเข้าไปมาก..ใช้ไม่ได้..)...
    ใส่ลงไปด้วย..แล้วปิดฝาให้แน่น..ทิ้งไว้ ๑ อาทิตย์..แล้ว..เอาออกมา..ถ้ายังมีกลิ่นอีก..ทำแบบเดิม..ไปอีก..ไม่น่าจะเกิน ๒ ครั้ง..กลิ่นก็น่าจะหมด...
    ๓...ผมว่าลองsearch..ในGoogle..ก็น่าจะมีนะครับ....
    ......................................
    ..วิธีที่ผมบอกไปนี่เป็น..แบบของผม..เอง..ลองดูแล้วกัน...
     
  6. zea2516

    zea2516 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +797
    สวัสดีครับคุณลุง modpong
    จากเหตุแผ่นดินไหวในพม่า เชียงราย
    น่าเสียดายโบราณสถาน โบราณวัตถุที่ชำรุดเสียหายไป
    คุณลุงว่ามีทางป้องกันบ้างมั้ยครับ
     
  7. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,355
    ค่าพลัง:
    +19,459
    สวัสดียามเย็นค่ะ คุณ ลุง เมื่อคืนเวปล่มจนรอไม่ไหวเลยค่ะ วันนี้ก็เพิ่งว่างเข้ามาอ่าน บทความของคุณ ลุง อ่านแล้วเข้าง่ายใจดี ละเอียดทุกขั้นตอน เหมือนนั่งชมงานศิลป์ เลยค่ะ อ่านไปอ่านมาแทบอยากจะเห็นเวลา ช่างเขาทำจริงๆสักครั้งเลยค่ะ สุดยอด ขอบคุณค่ะ
     
  8. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..........................................
    ...คือ..อาชีพผมแต่ก่อน..เป็นวิศวกรโยธา..การจะเสริมป้องกัน..เพื่อรับแรง..แผ่นดินไหว..นะได้ครับ..แต่ไหว..ระดับไหน..วิธีการป้องกัน..มันก็ไม่เหมือนกัน..ราคาก่อสร้าง..ขึ้นตามระดับ..
    แต่..ระดับความสั่นไหว..มันมีผล..ไม่มากเท่า..ระดับความลึกของจุดกำเนิดครับ..ไหว ๕ ริคเตอร์..แต่ห่างจากพื้น..แค่ ๕ กิโล..มันส่งผลให้..อาคารพังทลาย..มากกว่า ๘ ริคเตอร์..ลึกลงไป ๒๕-๓๐ กิโล..อีก..ระยะห่างจากจุดกำเนิด..ก็มีผลด้วย......
    ...วิธีป้องกัน..ที่ดีที่สุด..และแข็งแรงที่สุด..ที่เริ่มใช้สำหรับ...โบราณสถาน..ในโลกนี้..คือ..รื้อให้หมด..ถึง..ฐานราก..สร้างฐานรากใหม่แบบปัจจุบัน..จุดที่อาคาร..ต่อกับฐานราก..ทำจุดรอยต่อพิเศษ(จุดถ่าย..น้ำหนัก)..ทำด้วยโลหะพิเศษ..ทั้งจุดรับ(ติดกับฐานราก)..และจุดถ่าย(ติดกับด้านล่างอาคาร)..ซึ่งจะไม่ติดกัน..และเคลื่อนที่อิสสระ..ทั้งแนวดิ่ง..และราบ..แต่เมื่อหยุดไหว..มันจะกลับมาที่..เดิมเสมอ(..จุดรับ..เป็นคล้ายๆ..โค้งกระทะ(เว้า)...จุดถ่าย..จะโค้งลง..แต่จะเล็กกว่าจุดรับและมีรัศมีความโค้งมากกว่า..ทำให้มันเคลื่อนอยู่ในเบ้า..ได้..)..........
    ....ตัวอาคาร..ทำใหม่หมด..เสริมด้านในด้วยคอนครีตเสริมเหล็ก..ยึดติดกับอิฐภายนอกที่ก่อใหม่ให้เหมือนเดิม..แต่การก่ออิฐใช้ปูนพิเศษ..หรือ..วัสดุอื่นเชื่อม(ทางภาคเหนือ..โบราณสถาน..เป็นการก่ออิฐแบบไม่สอปูน..(ต่อเชื่อมด้วย..น้ำอ้อย..น้ำข้าวเหนียว..และพวกลักษณะคล้าย..กาวหนัง)รอยต่ออิฐจึงแนบ...ฉะนั้นจึงใช้วิธี..ยึดอิฐติดกับ..โครงสร้างคอนครีตเสริมเหล็กที่ซ้อนอยู่ข้างในจึง..เหมาะสุด..สว่นไหน..ร้าว..ผุ..รื้อทิ้ง..สร้างเลียนแบบขึ้นมาใหม่..ทำผิวให้คล้ายเดิม..
    .............แค่นี้ก็..หมดไม่รู้เท่าไหร่แล้ว..แถม..จะได้พระกรุ..ใหม่ๆเพิ่มมา..ให้เล่นกันด้วย...........
     
  9. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    คุณลุงคะ ขออนุญาตนำภาพพระที่ได้มาแล้วกลิ่นฉุนจะเป็นลมเลยค่ะ กลิ่นแรงจริงๆค่ะ ถ่านก็ไม่อยู่ค่ะ ไม่ค่อยนำมาคล้องค่ะ
    กลิ่นไม่ออกกลิ่นเนื้อดิน... ...จริงๆค่ะคุณลุงขนาดนำไปใส่กรอบเงินแบบเปิดก็ยังมีกลิ่น

    เคยลองเอาถ่านใส่....ก็ไม่หาย...



    ขอบคุณคุณลุงค่ะ....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 มีนาคม 2011
  10. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    "....................................
    ...ถ้าคุณ..ไม่ทำวิธีที่ ๑ ก่อน..ไม่หาย..หรอกครับ..ต้องเป็นขั้นตอน..ก็คือ..เอาที่ปนเปื้อนออกก่อน..ภายนอก(โดยการล้างด้วย..น้ำยาล้างจาน..ตากแห้ง..สนิท)..สิ่งที่ปนเปื้อนภายนอก..จะ..ออกไป..ส่วนที่ฝังภายใน..ก็ให้สารจาก..ผักกาดหอม..ซึมเข้าไปฆ่ากลิ่น..ที่ฝังในเนื้อ..เวลาคุณแกะปู..เสร็จ..ไม่ต้องล้างมือ..ไปขอผักกาดหอมจากครัว..หรือที่มีอยู่ในกับข้าวอยู่แล้ว..เอามาขยี้ถูมือ..แค่นี้มือคุณก็สะอาด..และไม่มีกลิ่นคาวของปูด้วย..สารนี้จะค่อยๆซึมเข้าไป..ในเนื้อ..และขจัดตัวที่ฝังใน..ให้หาย..
    ..พอที่มีอยู่ส่วนใหญ่..หายไป..แล้วจึงใช้ถ่าน..เวลาขั้นตอน..ต้องมีครับ..
    ...ถ้าคุณ..ทำอะไร..ไม่มีขั้นตอน..และวิเคราะห์พิจารณา..เหตุและผล..ประสิทธิภาพมันจะไม่ดี..ต้องรู้สาเหตุ..และที่มาที่ไปด้วย..วิเคราะห์ซะก่อน..แล้วคุณจะแก้ไขปัญหาได้..

     
  11. กำธร นครปฐม

    กำธร นครปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,756
    ค่าพลัง:
    +7,202
    ขอบคุณครับพี่ modpong เมื่อก่อนเคยช่วยพระวัดห้วยจระเข้ ทำพระผงหลวงปู่นาค (ไม่ใช่เนื้อดิน) ปั๊มกันเอง แล้วนำไปตากแดด เรียบร้อยเลยครับ บางองค์แตก บางองค์งอไม่ได้รูปดั่งใจ ต้องผึ่งลมไว้ในร่มครับ ก็พอได้ ส่วนเรื่องตากแดดนี่คงต้องมีเทคนิคอย่างที่พี่บอกจริง ๆ ตอนหลังตัดปัญหานำบล็อคแม่พิมพ์ และส่วนผสมของเนื้อพระ ไปจ้างโรงงานปั๊มครับ ได้ออกมาสวย ก็เลยทำให้ไม่รู้เทคนิค เพราะโรงงานไม่บอกเทคนิคให้ครับ เนื้อดินเผาอย่างที่บอกคงใช้เทคนิคหลาย ๆ อย่างนะครับ
     
  12. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .......................................
    ..อย่างนี้..น้องกำธร..เวลาจะตากแดด..เราจะต้องดูก่อน..ว่าแดดมันจัด..หรือไม่...ไม่ว่าดินแบบไหน..ถ้าตากแดดจัด..ต้องมีร้าว..แทบทั้งนั้น..เพราะ..น้ำจะระเหย..ออกจากเนื้อด้านนอกพระ..อย่างรวดเร็ว..เกินไป..ไม่สำพันธ์กับ..ด้านใน..ที่น้ำยังอยู่ยังเปียก..เลยเกิดการรั้ง..เนื่องจาก..การหดนอกในไม่สัมพันธ์กัน..พระหนาหน่อย..ผิวด้านนอก..จะปริ..พระบาง..จะเกิดการหดรั้งทั้งองค์..จะแตกปริที่ผิวไม่มาก..แต่จะบิด..และแตกลึกกว่า..
    (ยิ่งแดดแรง..พระบาง..โดนแดดด้านเดียวนานไป..ยิ่งบิด..ยิ่งงอ)ถ้าสว่นผสมไม่ดี......พระที่ผสมทรายเข้ากับดิน..จะช่วยเรื่องนี้ได้ดีกว่า..แต่ถ้าเจอแดดจัดจริงๆ..ก็มีโอกาศผิว..แตกได้.............
    ....ดังนั้น..ถ้าจะตาก..ต้องเป็นแดดอ่อนๆ..และมีลมพัดอยู่ตลอด..จะดีที่สุด..หรือ..อย่างน้อยก็ได้ผึ่งลม..เพราะ..การหดตัวจะสัมพันธ์..น้ำจะค่อยๆทยอย..ระเหยออกจากผิว..และผิวด้านนอก..จะไม่แห้งทันที..แต่..น้ำด้านในจะทยอย..ออกมาที่ผิว..แล้ว..ระเหยออกไป.....
    .....ช่วงหน้าฝน..เราก็ผึ่งได้..โดยใช้พัดลม..ขนาดใหญ่พัด..เข้าไปที่องค์พระที่วางเป็นชั้นๆ..ไม่งั้น..ก็เข้าอบ..ซะก่อน..โดยปรับอุณหภูมิไม่ให้มากไปนัก...ของแบบนี้..ต้องใช้ลองผิด..ลองถูก..สังเกตเอา..แฝงความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์..เล็กน้อย..เดี๋ยวก็เก่งไปเอง...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2011
  13. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ขอขอบคุณ
    ทุกท่านที่ได้postมา.....

    .....................การพิจารณาพระ...ของคนรุ่นเก่า................................

    หู(ตอนพิเศษ).............

    ................เทคนิคการ...กลบเกลื่อน..รอยต่อ...........................

    .......................รอยต่อ..ตลอดแนวความกว้าง..องค์พระ..มันเป็นอะไรที่กลบ
    เกลื่อนได้ยากมาก..แนวพาดนี้..จะปรากฏ..ทั้งหน้าและหลัง..ตรงกัน..(ยิ่งในกรณี..
    ของพระผง..พระที่มี..หัก..และซ่อมมากที่สุด..คือ..พระบางขุนพรหม..ซึ่ง..จะได้
    พระหัก..กันมา..ตังแต่สมัยรัชการที่ ๕ แล้ว..จากพระที่เริ่มเกาะกันเพราะปูนในองค์
    พระ..ทำปฎิกิริยากับ..ความชื้น..การตกพระ..ที่ใช้ดินเหนียวหุ้มปลายเชือก..แล้ว
    ทิ้งลงไป..ติดได้ก้แต่..พระที่แยกเป็นองค์ๆ..ตอนหลังพระแยกเป็นองค์เริ่มหมด..
    ก็ต้อง..เอาหินก้อนใหญ่หน่อยทุ่มลงไป..เพื่อแยกให้เป็นชิ้นเล็กหน่อย..แล้วตก
    ขึ้นมา..ซึ่งจะมีทั้งดี..และหัก..ซึ่งจะต้องมาแซะแยกอีกที..เศษพระหัก..จึงมีมากที่
    สุดในทุกกรุ..ของยุครัตนโกสินทร์....และพระที่หักกลาง..จึงเยอะ..บางทีก็มาหัก
    ตอนแยกพระ..ออกจากกัน..เพราะหนักมือไปหน่อยหรือ..พระเริ่มร้าวแล้ว...)
    ................แนวรอยที่ว่านี้..อาจตัดขวางเลย..หรือ..พาดเฉียงหน่อย..แล้วแต่..
    ..ลำพัง..รอยต่อที่ละเอียด..เท่าไรผม..แม้จะเกลี่ยมาก็ตาม..ซึ่งจะรอดผ่านเลนส์
    มือเก๋าๆไม่ได้แล้ว..ไอ้ที่ผมเล่าไปครั้งก่อน..ที่มันริ..หรือ..กระเทาะ..เล็กๆ..ที่ต้อง
    เอาผงเก่า..มาเกลี่ย..ยังไงมันก็แค่คล้าย..และจะทำให้มันต่างจาก..บริเวณโดยรอบ
    ณ..จุดอื่นๆ...ยิ่งสังเกตได้..เข้าไปอีก...ฉะนั้น............................
    .............จึงต้อง..หาอะไรมาบัง..และ..สร้างจุดสนใจ...ตรงอื่น..เพื่อจะได้เบี่ยงเบน
    ความสนใจซะ...................................................................................
    .............................เริ่มต้นอย่างง่ายสุด............................................
    ....บางที..คนที่ไปซ่อมมาแล้ว..ใหม่ๆก็ชื่นใจ..นานๆไปใจตัวเองมันหลอกไม่ได้...
    ทุกครั้งที่ส่อง..ไม่วายจะไปมอง..ตรงที่ซ่อม..แล้วมันช้ำเล็กๆในใจ...ก็ต้องหาวิธี..
    แก้ไข..(ยิ่งไปเจอเพื่อนฝูง..ชอบพระด้วยกัน..มาขอดูพระที่ห้อย..บังเอิญรู้ว่าไอ้นี่
    มันดูพระเก่ง..ดูพระละเอียด..ต้องใช้วิธีบ่ายเบี่ยง..มาช่วย..เพื่อจะไม่ให้เอาแว่นมา
    ส่อง..เดี๋ยวก็ผิดสังเกต..มีพระสมเด็จห้อย..แต่ไม่ยอมโชว์..เผลอๆไอ้นั่นมันอาจจะ
    คิดว่า..ห้อยของปลอม..เลยไม่กล้าโชว์?).........................
    .......บังเอิญ..คนยุคนั้น..ในวันสงกรานต์..จะนิยม..สรงน้ำพระ..ในห้องพระของเรา
    เอง..แล้วเวลาสรง..ก็ใช้น้ำอบไทย..ซึ่งจะมีส่วนผสม..ของแป้งดินสอพองอยู่ด้วย..
    ..พระที่วางอยู่บนโต๊ะหมู่บูชา..ที่ใส่ผอบ..ใส่กล่องไว้..เขาก็จะเปิดฝา..สรงน้ำกัน
    ทั่วไปหมด..ทั้งพระบูชา..รวมทั้งพระเครื่องด้วย..เพื่อเป็นศิริมงคล..(บ้านผม..แบบ
    นี้เลย..รวมญาติ..เดี๋ยวคนนี้สรง..เดี๋ยวอีกคนมาสรงอีก...ทั้งพระเครื่อง..พระบูชา..
    จะมีคราบแป้งดินสอพองติด..เต็มไปหมด...นี่คือธรรมเนียมไทยแท้..แต่โบราณครับ
    ..ใครไม่ทัน..ไปถามรุ่นปู่..รุ่นทวด..ดู..ทั่วไปถ้าเป็นคนไทย..หรือ..มอญ..ก็จะเป็น
    แบบนี้ทั้งนั้น...........................................)
    .....................และที่สำคัญ..ผู้ใหญ่จะเตือนไว้ว่า..คราบแป้งดินสอพอง..ที่มาจาก..เวลาสรงน้ำ..อย่าไปเอาออก..เพราะเป็นศิริมงคล..พระจำนวนมาก..ก็จะเขรอะ..
    อยู่อย่างนั้น..ทุกวันนี้..ทั้งของพ่อผม..และผมหลายองค์ยังมีคราบแป้ง..ติดอยู่...
    .........................ซึ่งก็เข้าทางปืน....เริ่มต้น..เอาน้ำอบไทย..มาสรงซะก่อน....
    เอาด้านหน้าอย่างเดียวนี่แหละ..ทิ้งไว้ให้แห้งสนิทตากลมให้ดี..คุณก็จะเริ่มเห็น...
    คราบแป้ง..ที่ติดแล้ว..ครบอาทิตย์..องค์พระก็แห้งสนิท..แป้งก็แห้งสนิท..สรงซ้ำอีก
    รอบ..ทำซะ ๓ - ๔ รอบ..ดินสอพองจะหนาขึ้น..และจับตัวแน่น.....
    ....บางท่าน..ทำครั้งเดียว..แต่มีทีเด็ด..คือ..มีการเจิมด้วย"กระแจะ"..ที่เขาเจิมหน้า
    ผากตอนแต่งงาน..เจิมป้ายนั่นแหละครับ(ก็ดินสอพองอีกนั่นแหละ..แต่มันเหนอะ
    กว่า)..เจิมเองคร่อมตรงรอยต่อ..ให้มิด....มันจะหนากว่าด้วย
    .............เรื่องนี้ไม่แปลก..สมัยก่อน..เวลานิมนต์พระมาทำบุญบ้าน..ยิ่งเป็นอาจารย์
    ที่มีชื่อเสียงเก่ง..และขึ้นชื่อเรื่องเจิมนั้น..กระแจะจะได้รับการปลุกเสกอย่างดี..และ
    ..และเป็นของขลังในตัว..(สมัยนั้น..พวกที่ฉลาด..หลังจากที่ท่านเจิมโน่นเจิมนี่..
    เสร็จแล้ว..ท่านก็จะคืนกระแจะให้เรา(เจ้าของบ้าน)..เขาจะควักกระแจะที่เหลือ..ลง
    ใส่กระปุก..ผนึกฝาให้แน่น..กระแจะ..จะไม่แข็ง..เราก็จะได้สิ่งเป็นมงคล..เพิ่มมาเอง
    ...)..บางทีเจ้าของบ้าน..เขาจะนิมนต์ไปเจิมที่..ห้องพระ..และพระบูชาหรือ..พระ
    เครื่องที่เรานับถือด้วย..เป็นการเสริมศิริมงคล..เข้าไปอีก...............
    ..................................ต่อตอนหน้าครับ........................................................
    ...............................................................สวัสดี.........................................
     
  14. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,355
    ค่าพลัง:
    +19,459
    สวัสดีค่ะ คุณ ลุง ลินเพิ่งทราบเอาวันนี้เองค่ะ ว่าคราบแป้งที่เกาะองค์พระห้ามล้างออก ส่วนมากพอนำองค์ท่านมาสรงน้ำแล้วพอครบสามวัน ลินก็จะล้างทำความสะอาดแล้วนำน้ำมันจันทร์มาเช็ดที่ผิวอีกครั้ง ก่อนนำท่านขึ้นบูชาค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  15. anoldman

    anoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +4,558
    สาธุๆ



    สวัสดีครับอาจารย์ลุง ^_^
    ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยรักษาสุขภาพด้วยนะครับ ส่วนผมเป็นโรคติดต่อร้ายแรง(อีสุก อีใส) กว่าจะหายหยุดงานซะ 9 วัน พอหายดีก็กะว่าจะลองพระดินเผาอย่างที่คิดไว้ซะหน่อย ผมอยู่ต่างจังหวัดไม่มีปัญหาเรื่องอุปกรณ์ครับ พอไหว:VO
    ______________________________
    hello9
    กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์
    กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์มาทำงานกัน

    แจกเหรียญน้ำมนต์รุ่น 4 รูปลักษณ์หลวงปู่เทพโลกอุดร ครับ
    แจกเหรียญน้ำมนต์รุ่น-4-รูปลักษณ์-หลวงปู่เทพโลกอุดร-ครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  16. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..ขอให้..คุณพระคุ้มครอง..หายเป็นปกติ..ด้วยความรวดเร็ว..มาเป็นตอนโตนี่..แย่หน่อยนะ...
     
  17. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ขอขอบคุณ
    ทุกท่านที่ได้postมา....

    .................................การพิจารณาพระ..ของคนรุ่นเก่า.............................

    หู(ตอนพิเศษ).....
    .........................เทคนิคการกลบเกลื่อน..รอยต่อ..................................

    .............การเจิมกระแจะ..ต้องทำให้ดี..อย่าหนาเกินไป..เพราะ..พระไปกระแทก..
    อะไร..แรงๆเดี๋ยวกระเทาะ..............................
    ...................แป้งดินสอพอง..๓-๔ ชั้น..จากการสรงน้ำ..นี่..จะติดแน่นนะครับ..
    เพราะ..มันค่อยๆเกาะไปเรื่อยๆ..ถ้าโดนน้ำธรรมดา..และไม่ขูดแรงๆจะไม่หลุด..
    ............ถ้า..เราให้..แป้งเกาะ..ไปหมด..ใครจะไปรู้ละ..ว่าพระของเราแท้...
    ..ดังนั้นจึงต้อง..มีการเปิดผิว..อย่างมีศิลป์..ก็ใช้..สำลีค่อยๆขัดไป..เรื่อยๆ..ส่วนที่
    นูน..ก็เปิดซะจะได้..โชว์เนื้อ..พื้นที่ว่าง..เช่น..จากเศียรและแขนพระไปถึง..ขอบ
    ..ก็ต้องเปิดโชว์..สัดส่วน..และ..ตำแหน่งสำคัญ..เพื่อตัดสินได้ว่า..เป็นพระแท้ก็
    ต้องเปิดโชว์..เท่าที่จำเป็น..........แต่..จะต้องเลี่ยงคือ................
    .....ในกรณี..พระสมเด็จ..ก็คือ..ขอบเส้นหวายผ่า..หรือ..สันนูน..ที่เป็นกรอบ..ตรงที่
    ไม่ใช่รอยต่อ..ก็ควรเปิดโชว์เต็มที่..ตรงที่เป็น..รอยต่อ..เราก็เปิดน้อยๆ..เพียงแต่
    ..สันของเส้นหวาย..อีกด้านนั้น..อย่าทำให้เหมือนกัน...เพราะจะผิดปกติ...บางที..
    อาจต้องยอม..กระเทาะตรงรอยต่อ..ให้แหว่งไปนิดนึง...เพราะ..เมื่อกระเทาะ..ผิว
    จะขรุขระ..ก่อนสรงน้ำ..ดินสอพอง..จะไปพอกทับ..เมื่อเรา..ขัดตรงสันหวายผ่า..
    ออก..ผงดินสอพองมันก็ยังไปค้างตามร่องหรือหลุม..ทีขรุขระ..ทำให้สังเกตรอย
    ต่อได้ยาก(กระเทาะ..นิดเดียว..ไม่ใช่หลุดไปทั้งสัน)..และมันจะดูเป็นธรรมชาติ..
    ..ไม่เหมือนกับ..อีกด้าน...ซึ่งก่อนทำ..ต้องเช็คเองก่อน..ว่าด้านในแนบเนียนกว่า
    กัน..อันไหนดูยากกว่า..เลือกเปิดด้านนั้น......................................
    ...................เมื่อเราทำด้านหน้าแล้ว................ด้านหลังก็ไม่ต้องทำหรอกครับ
    ..เพราะเรา..มีวิธีกลบเกลื่อนที่ดีกว่า...ก็คือเอาไป..เข้ากรอบทอง(หรือ..กรอบเงิน
    ..ซึ่งสมัยโน้น..ก็มีไม่น้อย..)...แต่ไม่ใช่..เราไม่โชว์หลัง...หลายท่านคงเคยเห็น
    พระเลี่ยมทอง..สมัยก่อน..ที่ด้านหลัง..จะเปิดให้เห็นเนื้อ..เป็นรูปใบโพธิ์..บ้าง
    ..ข้าวหลามตัดบ้าง..เล็กๆ..นั่นแหละครับ..เราก็เปิดโชว์..แต่เลือกตำแหน่ง..ให้
    ไม่ตรง..กับรอยต่อ..แค่นี้..ก็ไม่สามารถมาจับสังเกตอะไรได้...สมัยก่อน..ยุคก่อน
    ๒๕๑๐..ยิ่งสบาย..เพราะเขาใช้แผ่น"อซิเตท"..แทนแผ่น"อคิริค"..พวกนี้..ไม่ทนต่อ
    การขูดขีด..เท่าอคิริค..ใส่ซักปี..ก็เริ่มมัวแล้ว...แถมสมัยก่อน..เลี่ยมทองแบบปิด
    ตาย...เท่านี้ก็..จบ..
    .....คุณเอามาห้อย...ใครมาขอดู..ขอส่อง..ก็ไม่ต้องตะขิดตะขวงใจ..ถอดออกจาก
    คออย่างเต็มภาคภูมิ..ใครเห็นผงดินสอพองที่ติดอยู่เขาก็ไม่นึกอะไร..อย่างที่
    ผมเคย...บอกไปแล้ว...
    .....................................ต่อตอนหน้าครับ...........................................
    ............................................สวัสดี....................................................
     
  18. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,355
    ค่าพลัง:
    +19,459
    สวัสดีค่ะ คุณ ลุง ช่วงนี้อากาศเย็นได้ใจดีจริงๆ ปรับตัวตามไม่ทันเลยค่ะ คุณ ลุง รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
     
  19. เขมทัต

    เขมทัต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2007
    โพสต์:
    623
    ค่าพลัง:
    +2,252
    รอติดตามตอนต่อไปครับผม :cool:
     
  20. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ........................................
    ..ดีนะนี่..ที่คุณเขมทัต..เขียนเข้ามา..ผมกะเบี้ยวในวันนี้..ไม่เขียนแล้ว..เพราะเห็น..ไม่มีคนสนใจ..นอกจาก..หลานลิน..คนเดียว...
     

แชร์หน้านี้

Loading...