ผมเข้าใจเรื่อง มโนกรรม ถูกไหม ?

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย sirikorn17023, 25 มีนาคม 2011.

  1. sirikorn17023

    sirikorn17023 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +2
    คือ ช่วงนี้มีปัญหามากครับ เรื่องความคิดที่มันเเล่นเข้ามาเเทรกเอง เเละ บังคับให้ไม่เกิดไม่ได้ ซึ่งหลายๆคนก็คงเป็นกัน
    ซึ่งสิ่งที่คิดผมไม่รู้ว่าจะเป็นมโนกรรมรึเปล่า เเต่ส่วนตัวผมคิดว่า ความิดเเบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ังคับไม่ได้ กับ ส่วนที่บังคับได้ จะมันจะเป็นมโนกรรม ส่วนที่บังคับได้ต้องเห็นด้วยกับส่วนที่บังคับไม่ได้ จึงจะเป็นมโนกรรม เเต่ถ้า ส่วนที่บังคับได้ไม่เห็นด้วยกับส่วนที่บังคับไม่ได้เเละยังต่อต้านอยู่ ก็ยังถูกว่าไม่เป็น มโนกรรม

    อันนี้ผมเข้าใจถูกหรือไม่ เเล้ว ตกลงมันเป็นยังไงกันเเน่กับเรื่องนี้ ?
     
  2. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    มโนกรรม คือ ผลจากการกระทำทางความคิด เช่น คิดดี( กุศลกรรมบทสิบ ) คิดไม่ดี( อกุศลกรรมบทสิบ )

    คิดดี ระหว่างทางเห็นชาวบ้านใส่บาตรพระ ก็พลอยมีใจเบิกบานไปด้วย เพราะคิดว่านี่มีผู้ถวายปัจจัยสี่ให้แก่พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ผู้ทำหน้าที่สือน้ากันเมื่อไไรทอดพระพุทธศาสนาสือต่อจากพระพุทธเจ้า ใจก็ร่วมอนุโมทนาสาธุการกับเขาในบุญที่เขาได้กระทำลงไปนั้นด้วย

    คิดไม่ดี เกิดความขัดแย้งระหว่างเพื่อนร่วมงาน แม้เหตุการณ์นั้นจะจบลงไปแล้ว แต่เมื่อเจอหน้ากันเมื่อไหร่ ใจก็พลอยแต่คิดว่าเราจะต้องแก้แค้น เราจะต้องหาทางกลั่นแกล้งเขาเพื่อเอาคืนบ้าง

    กรรมต่างๆไม่ว่าจะเป็นกุศลกรรมหรืออกุศลกรรม ล้วนมีเหตุมาจากความคิดทางใจทั้งสิ้น ดังเช่นที่ว่า จิตเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน กระบวนการเกิดวิบากกรรมจะครบวงจรก็เริ่มมาจาก มโนกรรม วจีกรรม และกายกรรม เมื่อครบทั้งสามนี้ ก็จะบังเกิดเป็นวิบากกรรมอย่างสมบูรณ์และมีผลเต็มทันที ขึ้นอยู่กับว่าเป็นกุศลหรืออกุศล
     
  3. sirikorn17023

    sirikorn17023 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +2
    ขอบคุณ ครับ ที่ช่วยอธิบาย
    สรุปว่า มโนกรรม ก็เป็นกรรมทางความคิดที่จะนำไปสู่ กรรมใหญ่ อย่าง กายกรรม ได้ใช่ไหม

    บาป จาก มโนกรรมที่ไม่ดีถึงจะไม่มากเเต่หากไม่หยุดก็อาจจะนำไปสู่บาปใหญ่ๆได้ใช่หรือเปล่าครับ ?
     
  4. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    ใช่แล้วครับ บาปบุญเริ่มจากใจเรานี่แหละครับ
     
  5. sirikorn17023

    sirikorn17023 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +2
    ครับ เเต่มีอีกเรื่องนึง คือ ความคิดที่ไม่ได้คิดเอง หรือ ความคิดที่มันผุดขึ้นมาโดยเราหยุดมันไม่ทัน เช่น

    - เห็นคนมาถามในสิ่งที่ง่ายๆ อยู่ดีๆก็มีความคิดผุดขึ้นมาว่า "เขาโง่ เขาไม่ฉลาด" พอเกิดขึ้นอย่างนี้พอก็พยายามนึกในใจว่า "ว่าไปว่าเขา เลยคนเราเกิดมา ไม่เหมือนกันหรอก"

    เเบบนี้เนี่ย มันจะบาปไหมครับ ห่วงอยู่ เหมือนกัน เพราะ บางครั้งมันเป็นความคิดที่ไม่ดีมากๆ ซึ่งผมไม่อยากคิดอย่างงั้นเลย เพราะ รู้มันบาปมากๆ

    เห็นจาก หัวข้อ เก่าๆ ก็มีคนบอกว่า ไม่บาป บ้าง ไม่ใช่จิตของบ้าง เเต่ผมก็ยังไม่เเน่ใจอยู่ดี ตกลงมันเป็นยังไงกันเเน่ ครับกับเรื่องนี้ ? สงสัยมากๆ ?
     
  6. sss12

    sss12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +1,081
    ลองอ่านดูนะค่ะ จากหนังสือ เชื่อกรรม-รู้กรรม -แก้กรรม โดยพระธรรมปิฎก ( ป.อ. ปยุตฺโต)


    กรรมโดยการแสดงผล พระพุทธเจ้าตรัสว่า กรรม มี 3 คือ กายกรรรม วจีกรรม มโนกรรม

    ในบรรดากรรม 3 อย่างนั้น กรรมที่ละเอียดอ่อนที่สุดก็ได้แก่ มโนกรรม คือกรรมทางใจ กรรมทางใจนอกจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนแล้ว ก็เป็นจุดเริ่มด้วย หมายความว่า การกระทำที่จะออกมาเป็นวจีกรรมและเป็นกายกรรมได้ ก็เพราะเกิดขึ้นเป็นมโนกรรมก่อน คนเราต้องคิดก่อน คิดขึ้นมาในใจ คิดชั่ว ทำชั่ว ถ้าพูดชั่วขึ้นเฉย ๆ อาจเป็นเพียงเคยปากหรือใช้คำพูดไม่ถูกเท่านั้น ไม่ใช่เป็นกรรม


    จิตสำนึก-จิตไร้สำนึก/ภวังคจิต-วิถีจิต

    สืบเนื่องจากเรื่องมโนกรรมนั้น ก็ทำให้ต้องมาศึกษาเรื่องจิตให้มากขึ้น จิตใจของคนเรานี่คิดนึกอะไรต่าง ๆ สิ่งที่พูดและทำก็เป็นไปตามจิตใจ แต่จิตใจเป็นเรื่องละเอียดซับซ้อน บางครั้งและในเรื่องบางอย่างเราบอกไม่ถูกด้วยซ้ำว่าตัวเราเองเป็นอย่างไร บางทีเราทำอะไรไปอย่างหนึ่งเราบอกไม่ถูกว่าทำไมเราจึงทำอย่างนั้น เพราะว่าจิตใจมีความสลับซับซ้อนมาก

    ตามหลักพระพุทธศาสนานั้น มีการแบ่งจิตเป็น 2 ระดับ คือ จิตระดับวิถี กับจิตระดับภวังค์ จิตระดับภวังค์เป็นจิตที่เป็นองค์แห่งภพ เป็นระดับที่เราไม่รู้ตัว เรียกได้ว่าจิตไร้สำนึก ภพจะเป็นอย่างไร ชีวิตแท้ ๆ ที่กรรมออกผลจะเป็นอย่างไรนั้น อยู่ที่ภวังค์แม้แต่จุติปฏิสนธิก็เป็นภวังคจิต ฉะนั้นเราจะมาพิจารณาเฉพาะจิตในระดับที่เรารู้สำนึกกันนี้ไม่ได้ การพิจารณาเรื่องกรรมนี้ จะต้องลึกลงไปถึงขั้นจิตต่ำกว่าหรือเลยสำนึกไป อย่างที่เราใช้ศัพท์ว่า ภวังค์

    การศึกษาเรื่องจิตนั้นจะต้องศึกษาไปถึงขั้นจิตไร้สำนึก ที่เป็นจิตส่วนใหญ่ มิฉะนั้นจะรู้เรื่องจิตนิดเดียวเท่านั้น การพิจารณาเรื่องกรรมก็จะต้องเข้าไปให้ถึงจุดนี้ ในเรื่องจิตไร้สำนึกนี้ มีแง่ที่เราควรรู้อะไรบ้าง แง่ควรรู้ที่หนึ่งคือที่บอกว่า สิ่งที่เราได้รับรู้เข้ามาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย เหล่านี้ จิตจะบันทึกเก็บไว้หมดไม่มีลืมเลย


    จิตไร้สำนึก: จุดเริ่มแห่งการให้ผลของกรรม
    ก. จิตสะสมประสบการณ์ทุกอย่าง และปรุงแต่งชีวิตเรา

    ที่ว่ามานี้มีความหมายอย่างไรเกี่ยวกับกรรม ความหมายก็คือ มันแสดงว่าสิ่งที่เราทำไว้ทั้งหมด สิ่งที่เราคิด เรานึก ทุกอย่าง เมื่อสั่งสมแล้วก็ไม่ได้สั่งสมไว้เฉย ๆ มันมีผลต่อตัวเราทั้งหมดด้วย โดยที่เราไม่รู้ตัว สภาพจิตส่วนที่ปรุงแต่งชีวิตของเรานี้ ส่วนมากเป็นจิตที่ไม่รู้ตัว

    ตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าเรามีจิตโกรธบ่อย ๆ เป็นคนฉุนเฉียว พบอะไรขัดใจนิดก็เกิดโทสะ และแสดงความเกรี้ยวกราดออกมาให้จิตกำเริบอยู่เสมอ ต่อไปถ้าสั่งสมสภาพจิตอย่างนี้อยู่เรื่อย ๆ ก็จะกลายเป็นนิสัย ทำให้เป็นคนมักโกรธ ความโกรธง่ายจะเป็นลักษณะจิตใจ เป็นนิสัย ต่อมาสภาพจิตก็แสดงออกทางหน้าตา หน้านิ้วคิ้วขมวดอยู่เสมอ กลายเป็นสิ่งที่เราเรียกว่าบุคลิกภาพและออกมามีผลทั้งต่อตนเองและต่อผู้อื่น คนที่พบเห็นก็ไม่อยากคบ ไม่อยากพูดด้วย เขาอยากจะหลีกเลี่ยง กลัวจะเกิดเรื่อง อะไรทำนองนี้ แล้วก็กลับมามีผลต่อชีวิตของตนเอง รวมความว่าเรื่องก็ดำเนินไปในลักษณะที่ว่า จากความคิดจิตใจ ก็ออกมาเป็นลักษณะนิสัย เป็นบุคลิกภาพ แล้วก็เป็นวิถีชีวิตของคนนั้น และความมีนิสัยอย่างนี้ หรือมีความโน้มเอียงอย่างนี้ ก็ชักจูงเขาเอง ชวนให้ไปพบกับประสบการณ์ต่าง ๆ และสถานการณ์ที่ทำให้เกิดอย่างนั้นขึ้นมา

    ส่วนทางตรงข้าม คนที่มีจิตเมตตา ยิ้มแย้มแจ่มใสคิดเรื่องดี ๆ เสมอ เวลาพบอะไร จิตใจก็มองไปในแง่ดี สบายใจ ยิ้ม แจ่มใส ต่อมา หน้าก็เป็นหน้าตาที่ยิ้มแย้ม เป็นคนมีเสน่ห์ น่ารัก น่าชม ชวนให้คบหา แล้วทั้งหมดนั้น ก็ออกมาเป็นผลต่อวิถีชีวิตของเขาต่อไปด้วย นี่ก็เป็นเรื่องของการสั่งสม

    ตัวอย่างหนึ่งมาแสดงให้เห็นเกี่ยวกับเรื่องกรรมซึ่งอาจจะช่วยให้เห็นทางเป็นไปได้มากขึ้น ว่าวิธีศึกษาแบบสมัยใหม่จะมาสนับสนุนการอธิบายเรื่องกรรมอย่างไร

    นายซิกมุนด์ พรอยด์ เล่าให้ฟังถึงกรณีหนึ่งว่า เด็กผู้หญิงอายุ 17 ปี ชอบออกไปเที่ยวนอกบ้านกับผู้ชายคนหนึ่ง พ่อไม่พอใจมาก วันหนึ่งก็ทะเลาะกับพ่อ พ่อโกรธมากก็ทุบหน้าเด็กหญิงคนนี้ เด็กคนนี้เจ็บก็โกรธมาก อารมณ์วูบขึ้นมาก็เงื้อแขนขวาขึ้นมาจะทุบพ่อบ้าง พอเงื้อมขึ้นไปแล้วจะทุบลงมา ก็ชะงักเงื้อค้าง นึกขึ้นได้ว่านี่เป็นพ่อของเรา เราไม่ควรจะทำร้าย ก็ยั้งไว้ได้ แต่ก็ยังถือว่าตัวทำถูก ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ พ่อก็โกรธไม่ยอมพูดด้วย ต่อมาเช้าวันหนึ่ง อยู่ดี ๆ เด็กคนนี้ยกแขนขวาไม่ขึ้น แขนที่จะใช้ตีพ่อนั้นขยับไม่ได้เลย เรียกว่า ใช้ไม่ได้ เหมือนเป็นอัมพาต หมอทางกายตรวจดูแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเลย แขนก็แข็งแรง เส้นเอ็นประสาทอะไรก็ไม่บกพร่องเสียหาย (ลองนึกเทียบกับคนที่ไปฟังผลสอบ พอรู้ว่าสอบตกก็เข่าอ่อน ยืนไม่อยู่ ทั้งที่ร่างกายกำยำล่ำสัน หรือคนที่ได้ยินศาลตัดสินประหารชีวิต อะไรจำพวกนี้) เรื่องนี้ถ้าเราอธิบายแบบหักขาไก่แล้วต่อมาตัวเองขาหัก ก็เรียกว่าเป็นกรรมสนองแล้ว แต่ในกรณีนี้เขาเอาเรื่องจริงมาศึกษาวิเคราะห์ในเชิงวิทยาศาสตร์ และพยายามอธิบายตามแบบนักจิตวิเคราะห์ ศึกษาไปได้ความแล้ว เขาก็อธิบายว่า จิตไร้สำนึกของเด็กคนนี้แสดงตัวออกมาทำงาน ในเวลาที่จิตไร้สำนึกทำงานแล้วจิตสำนึกสู้ไม่ได้ ต้องอยู่ใต้อำนาจของมัน

    จิตไร้สำนึกทำงานเพราะอะไร ด้วยเหตุผลอะไร เหตุผลคือ ความรู้สึกขัดแย้งเกิดขึ้น เด็กนั้นรู้ว่าการตีพ่อนี้ไม่ดี ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทุบตีจริง แต่เขาก็เงื้อแขนขึ้นกำลังจะทำอาการนั้นแล้ว อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่อาจยอมรับผิดได้ เพราะเขาถือว่าเรื่องที่เขาทะเลาะกับพ่อนั้นเขาไม่ผิด จิตสานึกแก้ปัญหาให้เขาไม่ได้ ความรู้สึกขัดแย้งก็หนักหน่วงท่วมทับฝังลึกลงไป ในที่สุด การที่เขาเกิดอาการแขนขยับเขยื้อนไม่ได้นั้น เป็นด้วย

    1. จิตไร้สำนึกต้องการขอความเห็นใจจากพ่อ ด้วยอาการที่เขาขยับเขยื้อนแขนไม่ได้ เขาเกิดไม่สบาย มีอาการผิดปกติไปแล้ว มันจะช่วยให้พ่อเห็นใจเขาได้ เหมือนกับยกโทษให้โดยอ้อมโดยไม่ต้องพูดขอโทษ ( และก็ไม่ต้องบอกว่ายกโทษ) แต่ที่แสดงออกมาอย่างนี้ จิตสำนึกไม่รู้ตัว จิตไร้สำนึกเป็นผู้ทำงาน และ
    2. เป็นการชดเชยความรู้สึกที่ว่าได้ทำผิด เหมือนว่าได้ลงโทษตัวเอง มีการลงโทษเสร็จไปแล้ว เพราะความคิดภายนอกถือว่าตัวทำถูกแล้ว ไม่ยอมไปขอโทษพ่อ ยังไปคบผู้ชาย ยังออกไปนอกบ้านตามเดิม แต่ในจิตส่วนหนึ่งมีความรู้สึกว่าที่ได้ทะเลาะกับพ่อ แสดงกับพ่ออย่างนั้นเป็นความผิด แล้วความรู้สึกขัดแย้งนี้ก็ลงลึกไปอยู่ในจิตไร้สำนึก แล้วก็ชดเชยออกมา โดยแสดงอาการให้เห็นว่ามันได้ถูกลงโทษแล้ว เป็นอันว่าฉันได้ชดเชยความผิดนั้นแล้ว จะได้พ้นความรู้สึกขัดแย้งนี้ไปได้

    ด้วยเหตุผลที่กล่าวมานี้ เด็กนั้นก็เลยขยับเขยื้อนแขนไม่ได้ทั้ง ๆ ที่ไม่มีโรคหรือความผิดปรกติทางร่างกายเลยสักนิดเดียวแพทย์ค้นหาเหตุแล้วไม่พบ
    ปัจจุบันก็มีเหตุอย่างนี้บ่อย ๆ คนที่เป็นโรคทางกาย มีอาการปวดศีรษะ หาเหตุไม่พบต่าง ๆ เหล่านี้ จิตแพทย์ที่ชำนาญจะต้องค้นหาเหตุทางจิตใจ นี้ก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง ซึ่งถ้ามองเผิน ๆ หรือมองช่วงยาวข้ามขั้นตอน ก็พูดถึงเหตุและแค่ว่า จะตีพ่อ ต่อมาแขนที่จะตีพ่อก็เสียใช้ไม่ได้

    เพิ่มเติม: มโนกรรมและสิ่งสำคัญที่ควรรับรู้ไว้ - ลานธรรมเสวนา

    -------- ดังนั้นนะค่ะ การรู้ทันวาระของจิตจะเกิดขึ้นได้จากการฝึกเจริญสติค่ะ เช่นการได้นั่งสมาธิ หรือ ฝึกเจริญสติในอาริยาบทต่างๆ เช่น เดินจงกรม พร้อมทั้ง หากเจริญวิปันสนาควบคู่ไปด้วย จิตก็จะส่องสายไปในทางไม่ดีน้อยลง เพราะเราจะรู้ทันมากขึ้นค่ะ ---------
     
  7. sirikorn17023

    sirikorn17023 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +2
    ขอบคุณครับ สำหรับ คำเเนะนำ เเละ คำตอบ
     
  8. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    เปลี่ยนความคิดครับ เปลี่ยนจากการคิดไปต่อว่าเขาเป็นมีความเมตตาให้เขา เพราะเขาไม่รู้ เขาจึงถาม ถ้าเราพอจะให้ความช่วยเหลือเขาได้ก็ควรช่วยครับ เพราะเรา เขา ล้วนต่างเกิดมาร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนกัน แนวคิดที่มีเมตตา กรุณา เป็นพื้นฐาณครับ

    อีกประเด็นไม่ควรเพ่งโทษผู้อื่นครับ ให้มาดูที่ตัวเราเอง ว่าดีพร้อมหรือยัง ถ้ายังไม่ดีพอก็พัฒนาจุดด้อยนั้นๆให้น้อยลง เป็นการพัฒนายกระดับจิตใจของเราเองอย่างหนึ่งครับ

    อย่าเอาตนเองเป็นศูนย์กลาง อย่ามองไปจากตัวเราครับ แต่ให้มองเข้ามาหาตัวเราครับ
     
  9. dida

    dida Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +80
    ผมก็เป็นนะบ่อยด้วยความคิดที่เราไม่ได้จะคิดแต่มันขึ้นมาเองอยากรู้วิธีแก้ไขด้วยคนเพราะมันจะคิดขึ้นมาเองโดยที่ผมควบคุมไม่ได้เลย
     
  10. เด็กอนุบาล

    เด็กอนุบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +4,156
    แนะนำให้อ่านและฟังเทศน์ที่ท่านจิตโตท่านเคยสอนไว้แล้วในเรื่องนี้โดยเฉพาะ ท่านอธิบายไว้แจ่มแจ้งดีมากครับ
    การห้ามจิตคิดชั่วเป็นไปไม่ได้ ต้องห้ามจิตไม่ให้คิดคล้อยตาม

    โดยท่านจิตโต (บ้านตลิ่งชัน)


    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1.193074/

    เพื่อความเข้าใจในธรรมเรื่องอื่นๆ เข้าไปฟังธรรมท่านจิตโตที่ลูกศิษย์ได้รวบรวมไว้ได้ในลิ้งค์ด้านล่าง และเลือกเข้าไปดูหมวด"ธรรมะท่านจิตโต" ที่มีเก็บตั้งแต่ปี 47-54 ครับ
    tamma.homeip.net -- เพื่อเผยแพร่พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
     
  11. sirikorn17023

    sirikorn17023 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +2
    ครับก็ขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือนะครับ วันนี้ได้ความรู้เรื่องนี้มากเลยทีเดียว
     
  12. suthipongnuy

    suthipongnuy ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +1,428
    ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน

    กรรมทุกอย่างเกิดขึ้นที่ใจ (ความรู้สึก นึก คิด)

    สิ่งที่จะทำให้เรารู้เท่าทันความคิด คือ สติ (ความระลึกได้)

    การขาดสติ คือ การไ่ม่รู้เท่าทัน ความคิดนึก แล้วไหลไปตามอารมณ์ปรุงแต่ง

    การฝึกเจริญสติ อันได้แก่ กรรมฐาน 40 , สติปัฏฐาน 4 ทำให้สติมีฐานในการเกาะ

    เมื่อใดสติหลุดจากฐาน เมื่อนั้นเราจะไหลไปตาม ความรู้สึก นึก คิด การปรุงแต่ง ที่เกิดขึ้น

    เราไม่สามารถห้ามความคิดได้ แต่เราสามารถรู้ทันความคิด (สติ)
    สามารถหยุดการปรุงแต่งที่จะเกิดต่อไปได้ เห็นการเกิด ดับ ของความคิด
    และเลือกที่จะคิดแต่สิ่งดีๆ โดยการฝึกเจริญสติครับ
     
  13. เพชรกร

    เพชรกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +1,254
    อย่าง จขกท นั้นต้องศึกษาธรรมของหลวงปู่ ดุลย์ อย่างเดียวเท่านั้น

    เชื่อผมลองศึกษาดูเเล้วจะพ้นทุกข์จากสิ่งที่คุณเป็นอยู่
    ไอ้สภาวะของคุณน่ะเค้าเรียกว่า ขันธ์5 เท่านั้นเองไม่ใช่ตัวตนไม่ต้องไปทุกข์เพียงเเต่มี สติ ในการรับรู้เเล้ว วาง รู้เเล้ว วาง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ ทำบ่อยๆจิตมันจะมีปัญญาโดย อัตโนมัติ มันจะไม่คิดอีกถึงคิดก็ไม่ทุกข์เพราะจิตมันมีปัญญาเเล้วมัน วาง เองเลยสบายไป

    เเล้วไอ้เรื่อง บาปกรรม บุญ กรรม อะไรนั่นน่ะให้เลิกคิดไปเลยตัดไปเลยไม่ต้องไปสนใจว่าคิดอย่างนี้ บาป หรือเปล่า บาป เท่าไหร่ ยิ่งคิดตัว สังขารขันธ์ คุณมันยิ่ง ปรุงๆๆๆ จนเเทนที่จะไปจัดการกับตัว สังขาร คุณดันไปสนเเต่ตัว บาป ซึ่งเป็น ผล ที่มาจาก เหตุ คือตัว สังขาร นั่นเองมันหลอกคุณอยู่ให้คุณไปสนใจกับตัว ผล เเต่ตัวต้นเหตุสบายไ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มีนาคม 2011
  14. gaiou419

    gaiou419 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +716
    อนุโมทนาค่ะ ได้อะไรดีๆ เยอะเลย
     
  15. amaoooooooooom

    amaoooooooooom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2008
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +29
    เป็นเหมือนกันค่ะ เป็นมาหลายปีแล้วด้วย จะหายเป็นพักๆ หากกำหนดจิต แต่เดี๋ยวนี้จิตมันฟุ้ง ข่มมันไม่ได้เลย เขาก็บอกว่ายิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ไอ้เราก็ไม่รู้จะทำไง ด่ามันก็แล้ว ยิ่งด่า ประหนึ่งว่าตัวเอง หันมาพูดดีๆแทนก็ไม่ยอมฟัง เลยปล่อยให้มันคิดไปค่ะ คิดว่าไม่มีอะไรเป็นของเรา โอ้หนอ อนิจจา ไม่เที่ยง (แต่ก็ยังแอบเครียดอยู่ดี ทำไมอยู่ดีๆ เหตุผลไม่มี กลับคิดอกุศล)
     
  16. Jumpa

    Jumpa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +71
    คล้ายกันเลยค่ะ ชอบคิดอกุศล ใช้คำว่าชอบเลยดีไหมเนี๊ยะ เพราะคิดบ่อย ผ่านไปได้สักพัก พอสติเริ่มจับได้ว่าคิดอกุศล ก็ต่อว่าตัวเอง ทีหลัง เฮ้อ แนะนำด้วยจ้า
     
  17. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    เฮ้อกรรมแท้ๆคนสมัยนี้ ถ้าไม่บอกไม่รู้จริงๆนะเนี่ยว่ามีคนคิดในลักษณะนี้ มิน่าสมัยนี้มีแต่ข่าวที่ถ้าผ่านไปสักสามสิบกว่าปี จะไม่เชื่อเลยว่ามีข่าวร้ายๆแบบนี้ ยกตัวอย่างหน่อยละกัน เอ้า เช่น ขโมยเงินบริจาคในวัด ลูกฆ่าพ่อ แม่ พ่อข่มขืนลูก สารพัดรูปแบบ ไม่รู้จะแนะนำยังไงเหมือนกัน เรื่องความคิดของคนแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ก็คงแล้วแต่กรรมใครกรรมมันละกัน แต่มีข้อคิดง่ายๆจะบอกไว้ ความดีมันทำยาก ความเลวมันทำง่าย ลองเอาไปคิดดูละกัน เฮ้อ
     
  18. sss12

    sss12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +1,081

    อนุโมทนากับคุณทั้งสองที่ทราบข้อบกพร่องของตัวเองแล้วพยายามแก้ไข ปรับปรุงให้ดีขึ้นค่ะ ได้ post เรื่องที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นแนวทางในการแก้จิตที่คิดอกุศลได้ ลองอ่านดูใน link นี้นะค่ะ http://palungjit.org/posts/4536085

    เอาใจช่วยค่ะ โมทนาค่ะ
     
  19. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
    มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเศรษฐา มโนมายา

    ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ

    นี้คือ เส้นทางของมโนกรรม จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว
     

แชร์หน้านี้

Loading...