ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย modpong, 8 พฤษภาคม 2010.

  1. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ........................................
    ...ดีแล้ว...ตัวอย่างมีมาใน..อดีตที่ผ่านมา...ขนาดพระกรุวัดราชบูรณะ..อยุธยา..สมัยก่อนถูกจะตาย..เดี๋ยวนี้..เห็นราคายังหนาว..สมัยโน้นคนปลอมพระ..ยังเมินเลย..หาพระแท้ง่ายมาก....
    ...เดี๋ยวนี้..เห็นราคายังหนาว..แถมมีแต่พระปลอมเต็มไปหมด......
    ...เริ่มจาก..พระชินตะกั่วสนิมแดง..
    ...ตามด้วยพระชินเงิน...พอพระกรุเนื้อชิน..หาแทบไม่มีแล้ว..ก็หันมาหาพระกรุเนื้อดิน..ที่ไม่แพง..จนเดี๋ยวนี้..เริ่มแพงแล้ว.....
    ...สัจจธรรมมาจาก..ร่วม..สามสิบปีมานี่..แทบไม่มี..พระกรุแท้ๆ(..ไม่ใช่..ยัดกรุ)..เลย..มีก็จำนวนน้อยมาก..เพราะเราเจอกันไปก่อนหน้านี้..จนหมดแล้ว..แถมค่านิยม..สำหรับ..คนรวย(คนรวยก็เยอะขึ้น)..ถ้าจะให้มีระดับ..ดูมีคลาส..เวลาไปออกรอบ..ตีกอล์ฟกัน..ต้องเล่น..พระกรุ..ไอ้มาเล่น..เหรียญ..พระอาจารย์ใหม่ๆนี่..ธรรมดา..โชว์ใครก็ไม่..เท่ห์...
    ..แล้วพวกนี้..ปล่อยพระ..ให้มาวนกันในตลาด..แบบสมัยก่อน..ซะที่ไหนละ..เก็บลูกเดียว..พระกรุไปนอนอยู่ใน..แบ็งค์..เพียบ...
    ...แล้ว..จะเอาที่ไหน..มาเหลือ..เข้าตลาด...DEMANDสูง..SUPPLYแทบไม่มี...ก็ต้องแพงกันไปหมด..แน่นอน...............
     
  2. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ขอขอบคุณ
    ทุกท่านที่ได้postมา............................

    ...............................การพิจารณาพระ...ของคนรุ่นเก่า...............................

    ++++++++ตอนพิเศษ..แทรก++++++++++++++

    .................พระเนื้อดิน(แบบไม่แกร่ง)เนื้อค่อนข้างละเอียด..ถึง..ละเอียด....

    .............ความจริง..ตอนแทรกพิเศษ..เรื่องหู..ถือว่า..จบไปแล้ว...สำหรับ..พระแบบนี้
    ..ถือว่า..จะไม่มีการทดสอบ..ด้วยหูกัน..เพราะเสี่ยงเรื่อง...ชำรุด..พระราคาสูง..เนื้อไม่
    แกร่ง..และมีรายละเอียด..ค่อนข้างมาก.....เช่น
    .................พระลำพูนกรุเก่า(..ยกเว้นเนื้อเขียว..(เนื้อหิน..เผาแกร่ง)..)...
    .................พระกรุกำแพงเพชร(..ทั้งสองฝั่งแม่น้ำปิง..(เชลียง..และ..ชากังราว)
    .................พระกรุสุโขทัย........

    ...................เป็นต้น...............................................................
    .....................................แต่พอดี..ที่ผมมาเล่าถึง..การต่อพระหัก...และ..การกลบ
    เกลื่อน..รอยต่อ.................................
    ...........................ผมเคยชั่งใจ..ไว้ว่า..จะเล่าดีมั้ย...ผมเองโชคดี..ที่พ่อ..เขามีเศษ
    พระกรุ..เก่าๆ..หักบ้าง..บิ่นบ้าง..ผมได้รับทราบข้อมูลมา..ทีแรกก็ไม่แน่ใจ..แต่เมื่อมา
    ลองเคร่าๆ..เบื้องต้น..ก็เห็นว่าเป็นจริง..จึงคิดว่า..เรื่องจริงแน่..แต่มันเหมือนดาบ ๒ คม
    ..เพราะมันยิ่งกว่า..ที่เล่ามาก่อนหน้านี้..แต่มันก็เป็นเทคนิค..การซ่อมพระ..บางคนมี
    อยู่..แตกเพราะหล่น(ชำรุดมาจากกรุ..น้อยกว่า..พระเนื้อผงเยอะ..ส่วนใหญ่ของที่ชำรุด
    ..มาจาก..เจ้าของ..ทำหล่นพื้น..ซะมากกว่า...)....ก็อาจจะอยากซ่อมให้ดูดีบ้าง
    ................แต่ที่ทำให้ต้องเล่าต่อ..เพราะส่วนนึง..ค้างไว้..เรื่อง..การกลบเกลื่อน..รอย
    ต่อ..ด้วย..คราบน้ำหมาก..ที่มาใช้กับ..พระเนื้อดิน..ผมยังไม่ตัดสินใจว่าจะเล่าไอ้ที่เอ่ย
    มาตอนต้น..รึเปล่า..อาจเปลี่ยนใจ..ไม่เล่าก็ได้........
    .....................................................................................................................
    ..................พระ..ที่เราพบ..คราบน้ำหมากมากกว่าเพื่อน..ก็เป็นพระเนื้อดิน..........
    ..(..สำหรับ..พระเนื้อชิน..จะเป็นเนื้อชินเงินคือ..ตระกูลพระพิจิตร..เกือบทั้งหมด....
    ตั้งแต่..พิจิตรหลังผ้า(สามเหลี่ยม)..พิจิตรเม็ดข้าวเม่า..พิจิตรหลังผ้า(สามเหลี่ยม)พิมพ์
    เล็ก(ขนาดใกล้เคียงกับ..พิมพ์เม็ดข้าวเม่า)..นอกจากนี้ก็มีของสุโขทัย..ที่เล็กๆทั้งหมด
    ..เขาจะใส่ไว้ข้างปากมั่ง..ซอกฟันมั่ง..แล้วแต่...)........................
    .........เนื่องจาก..ชื่อพระ..มีส่วนในการตัดสินใจ..เอาไปอมไว้..รวมทั้งขนาด..ก็พอไหว
    .............อันดับ ๑ คือ พระคง..พบมากกว่าเพื่อน..เพราะจะได้อยู่ยง..คงกระพัน...
    .............อันดับ ๒ คือ พระรอด...เพราะจะได้..รอด..พ้นจากอันตราย...

    ...ส่วน..พระเลี่ยง..นั้น..รูปแบบองค์พระ..และ..ขนาดไม่อำนวย..ไม่งั้นก็..คงถูกอม..เช่น
    กัน............................
    ............ฉะนั้น..ท่านที่เคยเห็น..พระเหล่านี้..มีคราบสีน้ำตาลเข้ม..ฝังอยู่ตามซอก..อย่า
    แปลกใจ..ไม่ใช่"รัก"ครับ..เป็นคราบน้ำหมาก......
    ....................ดังนั้นก็..ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเอา..คราบน้ำหมาก..มาหุ้มพระเพื่อกลบ
    เกลื่อน..ผิวรอยต่อ..........สำหรับในยุคก่อน...........
    .............แต่การต่อ..พระเนื้อดิน(ทั้งแบบ..ดินกึ่งสุก.ดินสุก(แต่ไม่แกร่ง)...)ในยุคนั้น
    ...............ไม่ง่าย..เพราะ..อะไร...จะมาเล่าต่อตอนหน้าครับ.......................

    ......................................สวัสดี.....................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2011
  3. กำธร นครปฐม

    กำธร นครปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,756
    ค่าพลัง:
    +7,202
    น่าสนใจเรื่องน้ำหมาก เกลื่อนรอยต่อครับ เพิ่งจะรู้สาเหตุนี่แหละครับ เคยถามผู้รู้ (รู้ไม่หมด) ก็ไม่ได้รับคำตอบเรื่องนี้ ผมเองกับท่านผู้รู้คนนั้น ยังนึกว่าเป็น"รัก" จริง ๆ ด้วยครับ
     
  4. Orkar

    Orkar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +952
    อ่านที่คุณลุงเล่ามาแล้ว พอจะนึกภาพตามออกเลยครับ
    เล่นเก็บกันเป็นวัตถุโบราณ แถมไม่ครบชุด ก็ไม่เท่ห์อีก
    แต่ก็ว่าไม่ได้ครับ ถ้าเป็นผมเอง เก็บได้หนึ่ง ก็อยากได้อีกสามแหละครับ
    จะได้เข้าชุด ห้อยเดี่ยว องค์ใด องค์หนึ่ง แล้วเหงา
    ขอบคุณมากครับคุณลุง
     
  5. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .........................................
    ...ถูก..คนคิดอย่างนี้ก็มีไม่น้อย..แต่ปัญหา..คือ..พระที่จะครบ ๔ ทั้งกรุไม่ได้มีเยอะ..มันมีน้อย..มันถึงแพง..ผมเคยเจอ..คนที่รอมา..สิบปี..ก็ไม่เจอ..เจอก็แพงจนเว่อร์..ก็เลยเลิก..ไปเก็บอย่างอื่นดีกว่า..จะปล่อยก็ยาก..ก็..เลยไม่ปล่อย..แบบนี้ก็มีไม่น้อย..แล้ว..พระก็น้อย..คนก็เบื่อ..ถูกมั้ย..ไม่ใช่กรุวัดราชบูรณะ..นะจะได้มีพระ..เยอะแยะ..
     
  6. daychar

    daychar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    714
    ค่าพลัง:
    +12,051
    [​IMG]

    รบกวนพี่ modpong ด้วยครับ พี่พอจะมีประวัติของพระเนื้อดิน หลวงพ่อเข่งวัดพระพิเรนบ้างมั้ยครับ
    และพระสกุลลำพูนพระสามหอมทำไมจึงตั้งชื่อเช่นนั้น หรือว่าเป็นพระที่เมตตาแรงครับ ผมดูจากศิลปะแล้ว
    พระสามหอมเป็นพระที่มีศิลป์สวยทีเดียว
     
  7. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .......................................
    ..เคยเห็น..และเคยได้ยินชื่อเสียง..เมื่อกี้พิมพ์ส่งไปแล้ว..จำชื่อ
    วัดสับ..กับ..วัดใหม่พิเรนทร์..ขออภัยด้วยครับ..ผมนะไม่ทราบ
    รายละเอียดไปเช็คในNet..ให้เห็น..เขาว่าประมาณ.ปี..๒๔๗..กว่าๆ(วัดพระพิเรนทร์..อยู่ป้อมปราบ..วัดใหม่พิเรนทร์อยู่โพธิ์สามต้นฝั่งธนฯ)
    ...ส่วนพระ"สามหอม"..เคยรู้มาก่อน..แต่ไม่แน่ใจบอกไปเดี๋ยว..ไม่ตรงกับข้อมูล..ในยุคปัจจุบัน...ปรากฎว่า OK ตรงกัน..
    คือ..ต้นตำหรับ..พระสามหอม..นี่ดั้งเดิม..ต้องเป็นของ..ลำพูน กรุวัดดอนแก้ว(มีพบที่เชียงใหม่..ตอนหลังด้วย..แต่คนละยุค)..เนื่องจาก..มีพระนั่ง..สาม องค์..ก็จึงเป็น..ที่มาของ"สาม"..ส่วนหอม..เพราะคนรุ่นเก่าที่นั่น..เขาบอกว่า..ได้กลิ่นหอม..ออกมาจาก..บริเวณที่..พระบรรจุอยู่..แต่หลังจากขุด..กรุแล้ว..พระก็ไม่ได้หอม..อะไร...สวยครับ..แต่คนละยุค..กับพระรอด..พระคง...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2011
  8. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ขอขอบคุณ
    ทุกท่านที่ได้postมา............................

    ...............................การพิจารณาพระ...ของคนรุ่นเก่า...............................

    ...ตอนแทรกพิเศษ
    ...............การซ่อมพระหักกลาง..เนื้อดินเผาละเอียด..กึ่งสุก..ถึง..สุก..แต่ไม่แกร่ง..

    ........................บางคน..ยังไม่เข้าใจ.ความหมายของ.."เนื้อแกร่ง".........
    ..คำนิยาม..แบบเป็นหลักการแท้ๆทางวิทยาศาสตร์..คือ..เนื้อดินที่ถูกเผาแบบนี้..
    ...สุก..จน..ไม่กลับมา..มีสภาพ..เป็นดินเหมือนเดิมแล้ว....คนที่ไม่มีพระแบบนี้..
    ไม่เป็นไร..คุณไปหา..ดู..หม้อหุงข้าวดินเผา..หรือ..โอ่งดินเผา...ง่ายกว่านั้น..
    ...............................กระถางต้นไม้ดินเผา........................................
    ....ดินเผาแบบนี้..คือ..ต่อให้แช่น้ำนาน..เป็นปี...เอาขึ้นมา..เอาหัวแม่มือ..หรือผ้า
    ไปเช็ดขัด..ก็จะไม่มี..ลักษณะเป็น.."เมือก"..เหนียวๆเหนอะ..เหมือนเนื้อดิน..ถ้า
    เนื้อจะหลุด..ก็หลุดไปเป็น.."ผงละเอียด"..ไปเลย..ไม่กลับสภาพเดิมแล้ว...
    ...สำหรับพระกรุ..ตระกูลนี้..ส่วนใหญ่..ก็จะอยู่ภาคกลาง..และบริเวณใกล้เคียง
    .........เช่น..พระขุนแผน..พระวัดตะไกร...หลวงพ่อโต..หลวงพ่อหมอ....
    ..พระโคนสมอ..พระกรุถ้ำเสือ..ฯลฯ..เป็นต้น
    .........ที่แกร่งน้อยกว่า..ก็..พระผงสุพรรณ...พระนางพญา...พระหลวงพ่อจุก..
    ..พระวัดจุฬามณี..ปัจจัยส่วนหนึ่ง..ที่ทำให้ไม่แกร่งเท่า..ด้านบน..เพราะมีเนื้อ
    ละเอียดกว่า(เนื้อหลัก..นะครับ..อย่างพระนางพญา..นี่อย่าไปเข้าใจผิดว่า..เนื้อ
    หยาบ..ความจริงเนื้อหลักนั้น..ละเอียดพอควร..แต่จะมีทราย(..พวกQuartZ..)
    ..และ..เม็ดแร่ดำ..ผสมอยู่ด้วย..)........
    ............................................................................
    .....แต่เป็นคนละแบบ..กับ..พระกำแพงฯ..หรือ..พระลำพูน..ที่เป็นเนื้อละเอียด...
    ..ทำให้ส่วนนึง...ไม่สามารถ..เผาให้แกร่งได้..แถม..ยังมีทั้ง..กึ่งสุก..และ..สุก
    ...พวกกึ่งสุก..นี่..คือข้างนอกอาจจะ..พอเรียกว่า..สุก..แต่ข้างใน..ไม่สุก..อย่าง
    ..พระกรุกำแพงเพชร..มีจำนวนไม่น้อย..ที่ข้างนอกสุก..แต่ข้างในไม่สุก...
    ...ไม่สุกยังไง..ก็คือ..สีไม่เปลี่ยน..ไปเป็น..สีส้ม..หรือ..เหลือง...แต่จะเป็น...
    ..สีออกเทาอ่อนๆ(..ผมเจอ..หลายองค์..).......................
    .....................ไอ้ที่ว่า.."สุก"..นี่ก็แค่พอ..ที่จะสุก..แต่ด้วย..ไฟไม่แรง..หรือ..
    ..เผา..ไม่นานเท่า..จึง..ไม่แกร่ง...ผลก็คือ..เมื่อท่านเอา..พระที่เนื้อไม่แกร่ง
    ไปแช่น้ำซัก..คืน..สองคืน..จนชุ่ม..พระซึมน้ำได้หมด..เต็มที่..ถ้าเราเอาหัวแม่มือ
    ..หรือ..นิ้วชี้..ถูขัดไปหลังจาก..เอาขึ้นมาแล้ว..พอหมาดๆ..เนื้อบริเวณนั้น..และที่
    หลุดออกมา..มันจะมีลักษณะ..เหนอะๆ..และ..เหนียวๆ..พอรู้สึกได้..เรียกว่าสภาพ
    ดินของมันไม่เปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์..เมื่อ..มีน้ำชุ่ม..และเข้าเต็มในช่องว่างของ
    เม็ดดิน..นานก็สามารถ..จะทำให้มันคืนสภาพ..กลับมาเป็นดินได้บางส่วน...
    .....................ต่อตอนหน้าครับ...............................................
    ...............................................สวัสดี................................................
     
  9. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ......ต้องมาเสริม..หน่อย..เดี๋ยวจะเข้าใจผิดกัน..ที่ว่าเอานิ้วถูผิวพระเนื้อดินเผาไม่แกร่ง..นี่ไม่ใช่..ถู๒ ปื้ด..แล้วจะเป็นอย่างที่ว่านะครับ..ความหมายคือ..ถูไปถูมา..จนดินที่ผิว..เริ่มหลุด..แล้ว..มันไม่ใช่แบบที่เราถูดินเหนียว..แต่มันจะ..เหนอะๆเล็กน้อย..แต่สังเกตได้..ด้วยความ..รู้สึกสัมผัส..และ..ตา
     
  10. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,355
    ค่าพลัง:
    +19,459
    สวัสดีคะ่ คุณลุง เนื้อหาสาระเข้มข้นทุกตอนเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  11. daychar

    daychar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    714
    ค่าพลัง:
    +12,051
     
  12. Suppasit_S

    Suppasit_S เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,147
    ค่าพลัง:
    +3,869
    เกร็ดความรู้มากมายเสมอครับพี่ ติดตามอ่านเสมอครับ แต่ช่วงนี้งานเข้าจะหายๆไปบ้างครับ
     
  13. เฉียวฟง

    เฉียวฟง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +4,913
    สวัสดีครับคุณอา และสมาชิกทุกท่านครับ
     
  14. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ขอขอบคุณ
    ทุกท่านที่ได้postมา............................

    ...............................การพิจารณาพระ...ของคนรุ่นเก่า...............................

    ตอนแทรกพิเศษ......
    ..............การซ่อมพระหักกลาง..เนื้อดินละเอียด..ไม่แกร่ง............................


    .....อย่า..งง..ก็อันเดียวกันต่อจาก..ตอนที่แล้วนั่นแหละครับ.......
    ................................
    ........................................ถ้าคุณสังเกต..พระพระคง..จะจากรูป..หรือ..ของจริง
    ก็ตาม..ที่ใช้มาอย่างสัมบุกสัมบันหน่อย..จะเห็นว่า..เนื้อ..จะมันมาก..ขึ้นเงา..เลยว่า
    ยังงั้น..ซึ่งทั้งกรุเก่า..ของลำพูนเป็นแบบนี้หมด...ส่วนของกำแพงเชร..ก็ใกล้เคียง
    แต่ไม่มันเท่า..สาเหตุ..เพราะเนื้อพระ..ละเอียดมาก..เหมือนแป้งเลย...
    .....การที่เม็ดละเอียดนี้มันยึดเกาะกันได้ใน..สภาพเดิม..นั้น..มันเนื่องจากความชื้น
    ..และการที่เม็ดดินอัดตัว..เข้าเสียดสีกัน..(คล้ายกับการ..นวดแป้ง........)
    ทำให้เกิดประจุต่างขั้วกัน..ทำให้เม็ดดินนั้นเกาะกัน..หลังจากการเผา..และความชื้น
    หายไปนั้น..ค่าประจุยังเหมือนเดิม...แต่เมื่อมันหัก..ผิวชั้นนอกในส่วนที่หัก..จะมี..
    ความไว..ในการเปลี่ยน..ประจุ..และเนื่องจากการที่เม็ดดินเล็กมาก..จุดสัมผัสที่ดูด
    กันมันมีพื้นที่น้อยมาก..เมื่อผิวมันไม่เรียบ..มันเลยง่ายต่อ..การหลุดออกจากกัน..
    .....ถ้าพระประเภทนี้หัก..ผิวสัมผัสด้านใน..คุณลองเอานิ้วถูไม่ต้องแรง..เม็ดดิน..
    ที่เหมือนแป้ง..จะหลุดติดมือ..มาโดยง่าย...นี่แหละครับคือ...ปัญหา...
    .........กาวในสมัยก่อน..ก็มีกันอยู่ไม่กี่แบบ...แถม..ถ้าต้องการให้ติดดี..ต้องทำให้
    ผิวหยาบ...ไม่ใช่แบบกาวช้าง..ในปัจจุบัน..ที่ผิวเรียบๆจะติดดี...
    ............อย่างกาวEPOXY..ต้องอาศัยเนื้อกาวที่หนาหน่อย..ถึงจะติด..ผิวที่ติดก็ต้อง
    มีความแข็งแรง.........กาวหนัง..ก็ไม่ชอบความชื้น...แต่ติดบางได้....
    ........ดังนั้น..การติดพระแบบนี้..เข้าด้วยกัน..แล้วให้มีความแข็งแรง..พอสมควรจึง
    ยากกว่า..เนื้ออื่นทั้งหมด....................
    ....................วิธีการ..ต่อที่แข็งแรง..จึงจำเป็น..จะต้องมี..ตัวช่วย...เพราะผิวรอยต่อ
    ที่เราเชื่อมด้วยกาวอย่างเดียวนั้น..รับแรงได้น้อย............
    .................ลักษณะแนวความคิด...ก็คล้ายกับ..พระหล่อปูน..ที่ต้องมีโครงเหล็ก..
    เป็นแกนเพื่อรับแรง..แบบเดียวกันครับ......
    ................แต่ลักษณะที่จะทำนี่...ต้องใช้ความประณีต..และอดทนสูง...โดยรูป
    แบบ..แบบๆเดียวกับ..ปลั๊กตัวผู้..ปลั๊กตัวเมีย..
    แต่ที่ต่างคือ..เมือเสียบแล้ว..ยึดตาย
    ..ไม่มีการถอด...........................................................
    .......................วิธีนี้..แค่เป็นวิธีหนึ่งเท่านั้น..ไม่ได้หมายความว่าในยุคนั้น..จะมี
    ความตายตัว..และกับ..สภาพ..ความถนัด..เทคนิคของแต่ละบุคคล..ที่ไม่เหมือน
    กัน...หลากหลายครับ..ผมเอามาแบบนี้..เพราะเป็นวิธีหนึ่ง..ที่เมื่อทำให้ดีแล้ว..
    ถือว่า..แข็งแรง..เวลาเอาพระไปเลี่ยมพลาสติก..ซึ่งบางทีพระจะถูกกดบ้าง..แต่
    รอยต่อจะรับแรงได้..ไม่หัก............................
    ......................ต่อตอนหน้าครับ...............................................
    (...ยุคนี้..ซ่อมพระแบบนี้..ทำความสะอาดปัด..ผงๆดินให้หมด..แล้วใช้กาวช้างได้
    เลย..สะดวกกว่ากันเยอะ.........)
    .........................................................สวัสดี...........................................
     
  15. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,355
    ค่าพลัง:
    +19,459
    สัวสดียามเช้าค่ะ คุณ ลุง รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
     
  16. Orkar

    Orkar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +952
    สวัสดีครับ คุณลุง วันนี้ ผมได้อ่านไทยรัฐมา
    มีเรื่องการซ่อมสมเด็จกรุบางขุนพรหม ที่หักครึ่ง
    โดยนำมาต่อกับสมเด็จอีกกรุนึงด้วยครับ แบบว่าอย่างละครึ่งองค์เลยครับ
     
  17. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ".................................
    ...ก็ผมบอกแล้ว..ไง..ว่า..คนซ่อมพระ..เขาต้องตุน..สมเด็จฯหักไว้..ทั้งสามวัด..แล้วก็ต้อง..มี..พระสมเด็จ..ที่เนื้อใกล้เคียงกันไว้ด้วย..อย่างหลวงปู่อ้นวัดบางจาก..
    ผมก็ยังมี..บางขุนพรหม..หักกลาง..ครึ่งบนไว้เลย...แต่อย่าขอดูเลยนะ..ผมไม่ได้ไว้ซ่อมหรอก..เอาไว้แขวน..เท่ห์ดี..แล้วก็เอาไว้สอน..น้องๆผมสมัยก่อน..ไว้ดูคราบกรุ..และเนื้อใน..เลี่ยมพลาสติกเอง..โปร่งรอบด้าน....
     
  18. เขมทัต

    เขมทัต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2007
    โพสต์:
    623
    ค่าพลัง:
    +2,252
    มารอเก็บเกี่ยวความรู้ต่อครับคุณอา :cool:
     
  19. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    หวัดดีครับพี่modpong :cool:
     
  20. Orkar

    Orkar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +952

    แบบนี้น้องๆของคุณลุงต้องได้รับประโยชนมากแน่เลยครับ
    มีตัวอย่างแท้ ๆ ไว้เป็นแบบครู จะได้ไม่ผิดพลาด
     

แชร์หน้านี้

Loading...