ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ขอขอบคุณ
ทุกท่านที่ได้postมา............................

......ตอนแทรกพิเศษ...อันเนื่องมาจาก..คำถามคุณเฉียวฟง......................

................การกำจัด..คราบสนิมสีเขียวอมฟ้า..ออกจาก..พระโลหะ..เหรียญพระ...
....และ..เหรียญสะสม..รวมถึง..เครื่องรางของขลัง..และ..วัตถุโบราณ............(ต่อ)

.................................ข้อเสีย..ของพวกน้ำคาร์บอเนต..ก็มีคือ..สภาพความเป็นกรด
..ของมัน..จะลดไปตามเวลา..เพราะ..คาร์บอนไดอ็อกไซด์..ที่เป็นฟองอากาศ..มันจะ
ออกไปตลอดเวลา..สภาพกรดคาร์บอนิค..มันจะลดลงไปเรื่อยๆ..คุณจะเห็นว่า..เมื่อ
คุณ..เทโซดา..ใส่แก้วใหม่..นอกจากคุณกินแล้วมันรสปร่า..และซ่า..ฟองก็ผุดออกมา
ไม่หยุด..ทิ้งไว้..๖..ชั่วโมง..ผมกลับมาชิม..มันก็จะจืดๆ..ไม่ซ่า..และฟองมันก็แทบไม่
ผุดออกมาแล้ว..เพราะ..คาร์บอนไดอ็อกไซด์มันหนี..ออกไป..เกือบหมด..ขณะเดียว
กัน..กรดคาร์บอนิค..ก็แทบจะไม่เหลือ....ทำให้..ถ้ามันเจอไอ้ตัวเขียว..หนาๆ..เข้า..
มันอาจจะกัดได้ไม่หมด..เพราะมันหมดสภาพตัวเองซะก่อน..ผิดกับ..น้ำส้มสายชู
ที่..คาร์บอน..มันไม่หนีไป..นอกจาก..จะมาลากเอาเมีย..ไอ้ทองแดงไปด้วย...ดังนั้น
......สภาพความเป็น..กรดของมันก็ไม่หายไปง่ายๆ..คุณแช่ไว้..สามวัน..สี่วัน..มันก็ยัง
ทำปฏิกิริยาไปเรื่อยๆ...................................................................
...................................คุณสามารถ..ซื้อน้ำส้มสายชูกลั่น..ขวดเล็กๆเก็บไว้ใช้ได้
เลย..เพราะประโยชน์ของมันมากมาย(ไปหาอ่านเอาเอง).......................
.........................ส่วน..น้ำมะนาว..คุณก็หาซื้อตามห้าง..พวกที่เป็นน้ำมะนาวเทียม..
พวกนี้..ก็..เก็บไว้ได้.......ประโยชน์ด้านอื่นก็มากมานเช่นกัน(ไปหาอ่านเอาเอง)..
.............มีอีกพวก..แต่ผมไม่แนะนำ..เพราะมันแรง..และเป็นอันตรายได้ถ้าใช้ไม่ถูก
ต้อง...ก็คือ BAKING SODA..หรือ..โซดาปิ้งขนมปัง..ชื่อมันทางเคมีคือ....
..........โซเดียมไบคาร์บอเนต...........พวกนี้..สนิมเงิน..ก็..สามารถเอาออกได้..แต่..
ต้องระวังในการใช้......................................
....................สรุป...คุณจะเห็นว่า..แม้กระทั่ง..ผลไม้..คุณก็เอามาใช้ได้..ขอให้มัน
มี..กรดมะนาว..หรือ..กรดอซิติก..อยู่..นอกจากพวกส้ม มะนาว..แล้ว..ผลไม้บางอย่าง
..มันก็มี..อย่าง..มะเขือเทศ..มันก็มี....ไอ้พวกที่อมเปรี้ยวๆฝาดๆ..นี่มันก็มีทั้งนั้นครับ
..มะเฟืองนี่ก็..เยอะ..............................................
.................................คุณก็สามารถลองได้เลย..บางที..คุณก็อาจจะใช้มันทั้งลูก..
เอามาฝนๆถูๆไปเรื่อยๆ..มันก็ออกเหมือนกัน..................................
........................แต่ทั้งหมด...ก็คือ..วิธีการ..เวลา..และ..ต้องใจเย็น...ไม่ว่าจะแบบ
พวกน้ำมัน..หรือ..พวกกรดอินทรีย์พวกนี้.......และ..ถ้าคุณทำ..ต้องเอาออกให้หมด
.....อย่าให้มันเหลือไว้......
....................ตอนหน้าผมจะมาพูดเรื่อง..ทำเสร็จแล้ว..จะทำยังไงต่อ..เพื่อไม่ให้..
มันมาถามหาอีก..เพราะแผลคุณ..เปิดอยู่...................
.....................................ต่อตอนหน้าครับ............................................
.............................................สวัสดี.................................................

 

ผมเคยใช้ชูรสแบบเข้มข้นผสมกับน้ำใส่ลงไปแค่ท่วมเหรียญ เคยใช้ทั้งน้ำมะขามเปียก
แช่ทิ้งไว้หนึ่งคืน รุ่งขึ้นก็ล้างออก สภาพเหรียญดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ

แต่ถ้าจะให้สภาพเหรียญดูไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ผมจะนำเหรียญใส่ลงไปในถุงยาขนาด
เล็กแล้วใส่โลชั่นลงไป ปิดถุงยาให้สนิทแล้วล้างออกในวันรุ่งขึ้น

 

........................................
..ใช้ลวด..ลวดก็ขาด..เพราะถ้าไฟคุณแรง..และเผานาน..เอาก้อนหิน..หรือ..อิฐ..มาวางเป็น..สามเส้า..รองส่วนหัวที่คว่ำลง..ได้..
.......เรื่องความแรงของ..ไฟ..นั่นคือ..ปัญหาอีกด้าน..อย่าลืม

 

.........................................
..ครับ..หลากหลาย..ในขบวนการทางเคมี..แล้วแต่จะลอง..พี่ว่าเป็นสิ่งที่ดี..ที่เราหัดก้าวข้าม..กรอบ..ออกไป..แล้วเลือกแบบที่ชอบ....

 

สวัสดีค่ะ คุณ ลุง เดี๋ยวถ้าลองวิธีใหม่ๆ จะนำมาลงให้เพื่อนสมาชิกท่านอื่นๆได้ชมกันค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

สาธุๆ

ครับอาจารย์ลุง เมื่อวานเลยลองจับนอนแนวราบไปก่อน เพราะยังเหลืออีกองค์ที่ยังไม่ได้เผา องค์นั้นจะทำตามวิธีของอาจารย์ลุงทุกอย่างเลย

ส่วนเรื่องไฟนี้ ก็คงได้แค่กะ ประมาณเอา เพราะทำแบบบ้านๆ ^_^
______________________________
hello9
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์มาทำงานกัน<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

.....................................
...เอาพัดลม..ตัวเล็กๆ..ตั้งเป่า..ไว้ตลอด..ก็คงพอ...

 

...พบกับ..รู้ไว้ใช่ว่า.อีกครั้งครับ...
....ไอ้ที่เรา..พบว่า..เงิน..จะดำปี๋..เมื่อโดนไอเหงื่อ..ของเรา..นั้น..แต่ของเพื่อน..บางคน..ไม่ดำ..นั้น..ความจริง..เพราะในเหงื่อ..ของเรานั้นนะครับ..มันไม่ได้มีแต่..เกลือแกง..หรือ..โซเดียมคลอไรด์..เป็นหลักอย่างเดียว...มันยังมีธาตุ..อื่นอีกมากมาย..ซึ่งส่วนใหญ่..จะอยู่ในรูปเกลือ..เช่นกัน...แต่ตัวที่มีผลมาก..กับเงิน..คือ..กำมะถัน..หรือ..ซัลเฟอร์..นั่นแหละครับ..คนแต่ละคน..ก็มีการขับ..มันออกมา..ไม่เท่ากัน..นะครับ..ขึ้นอยู่กับ..กรรมพันธุ์..กลไกในร่างกาย..และ..ยังมาจากอาหาร..การกิน..ด้วย...คนไหน..ขับกำมะถันออกมาทางเหงื่อมาก..ก็จะดำมาก..คนไหนเป็นคนเหงื่อออกง่าย..ก็จะทำให้ดำมากเช่นกัน...คนไหน..เป็นคนธาตุไฟ..ซึ่ง..อุณหภูมิร่างกายจะสูงกว่าคนธาตุอื่น..ก็มีผล..เพราะ..กำมะถันจะ..ทำปฏิกิริยากับ..เงิน..ได้ดีกว่า..
...ไว้ตอนหน้า..ก็จะมาพูดเรื่อง..เงินที่ดำจากอากาศ..ภายนอก..นะครับ..ไว้พบกันใหม่ครับ...

 

เข้ามาติดตามสาระความรู้ดีๆ ครับ ^^

 

เข้ามาแอบดูหาความรู้ตลอดครับ ชอบอาจาร์ยตั้งแต่เขียน เรื่องหลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง กับหลวงพ่อจัน วัดมฤคแล้วครับ เลยเริ่มหาพ่อจัน ได้ แค่เหรียญที่ออกวัดช้างแทงครับ เป็นที่ระลึก ส่วนพระของหลวงพ่อทองสุข ทำหายไปแล้วเสียดายมากๆเลยครับ
ปัจจุบันยังแอบมาอ่านตลอดครับ ขอให้แข็งแรงดั่งช้างสารนะอาจาร์ย

 

สวัสดีครับคุณลุง ขอถามนอกเรื่องหน่อยนะครับ
คุณลุงพอจะมีข้อมูลเรื่องหอกใบข้าวรึปล่าวครับ
พอดีผมอยากทราบ ว่าในสมัยรัตนโกสินมีการสร้างใหม่รึปล่าว
หรือเป็นของเดิมที่ใช้มาตั้งแต่อยุธยา เพราะสอบถามถามผู้ใหญ่อายุ 60
ขึ้นไปหลายท่าน ที่ทรงภูมิความรู้ด้านประวัติศาสตร์
บางท่านก็ว่ามีการสร้างใหม่ บางท่านก็ว่าไม่มีการสร้างใหม่
แต่ใช้ของเดิม ตั้งแต่สมัยอยุธยา ผมเลยอยากทราบทัศนะคติของคุณลุงครับ
ว่าในมุมมองของคุณลุงมีความเห็นนอย่างไรบ้างครับ
ขอบคุณครับ

 

.......................................
...ขอบคุณ..และ..ยินดีต้อนรับ..ครับ..
...น่าเสียดาย..เหรียญหลวงพ่อจันทร์..แทน..ก็หาเอารุ่นที่..ผมลงไว้ในเรื่อง..เป็นรูปท่านกับ..หลวงพ่อศุข..คู่กัน..ที่หลวงพ่อเมี้ยน..ทำ..ปลุกเสก..แล้ว..ให้หลวงพ่อจันทร์ปลุกเสกอีกครั้ง..นะดีแน่นอน..
...แต่ก็ยังมีไอ้พวก..หน้าด้าน..จะยัดเหรียญนี้..ว่าเป็น..เหรียญของ..หลวงพ่อแถม..ผมละเศร้าจริงๆ...

 

......................................
...เอาว่า..ตามความเข้าใจ..เป็นส่วนตัว..ของผมนะ..ซึ่งคงไม่ตรงกับเค้าหรอก..นี่จัดให้เป็นพิเศษสำหรับOrkarโดยเฉพาะ..ฐานะ..ขาเก่า..ขาแก่................
......ในความเข้าใจ..ต้องเอาชื่อ..มาก่อน.."ใบข้าว"..ฉะนั้น..รูปร่างตัว.."ใบหอก"..มันก็ต้อง..เหมือน.."ใบข้าว".....
หอกที่ใบหอก..เหมือนใบข้าว..อยู่ในตระกูล.."หอกซัด"...ที่ทำใบหอกเป็นเช่นนั้น..เพราะ..จะทำให้..พุ่งได้ใกล(เพราะใบแคบ..แหวก..อากาศดี)..และแม่นยำ..(ก็เพราะใบแคบ..ไม่ต้านกระแสลม)..แต่ที่ทำใบ..๒คม..และมีความยาวใบหอกมาก..เพราะ..เอาไว้สำหรับ..นักรบบนหลังม้าด้วย..ซึ่งสามารถ..จะซัด..หอกใส่ศัตรู..ขณะควบม้าแล้ว..ผู้ขี่จะใช้แทนดาบ..และ..หอกได้..เพราะ..ระยะการต่อสู้..ใกลกว่า..ดาบ(ถือมือเดียว)..สามารถสังหาร..ศัตรูบนพื้นได้ก่อน..ดาบจะถึงตัว..และ..ไม่เสียเปรียบ..ศัตรูบนหลังม้าเช่นกัน..ในกรณี..ที่เขาใช้หอกเช่นกัน..หรือ..ทวน.........................
..........จากที่ผม..เล่าไปคือ..ให้เห็น..ลักษณะการใช้..ระหว่างทำการรบ....ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ ถึง รัชกาลที่ ๓ ลักษณะการรบ..แผนการรบ..อาวุธที่ใช้..มันแทบไม่แตกต่าง..จากสมัยอยุธยา..จึงไม่น่าสงสัยว่า..จะต้องมีการ..ทำหอกซัด..ขึ้นมาใน..ยุคนี้เช่นกัน..การที่มาบอกว่า..ไม่สร้างใหม่..ใช้ของสมัยอยุธยา..ก็แค่คงมีบ้าง..เพราะคงเหลือ..ไม่มาก..อย่าลืมว่าบ้านเมือง..อยู่ลักษณะบ้านแตกสาแหรกขาด..ทหารก็แตกกระสานซ่านเซ็น..อาวุธยุทโธปกรณ์..ก็ไม่สมบูรณ์..ยิ่งสมัย..รัชกาลที่๑..เราตระเตรียมกำลัง..จนสมบูรณ์..จนรับมือพม่า..ทัพใหญ่ได้..อาวุธที่เหลือมาจาก..สมัยอยุธยา..มันจะพอไปได้ยังไง...ผมจึงยืนยันว่า..ต้องมีการทำขึ้นใหม่..อีก..ในยุครัตนโกสินทร์..แน่นอน..สำหรับ.."หอกซัด"..เพราะถือว่า..เป็น..อาวุธหลักชนิดหนึ่ง..แต่ลักษณะ..ใบหอก..รูปร่าง..อาจเปลี่ยนแปลงไปได้..บ้าง..ซึ่งบางครั้ง..การเรียกก็เอาความแน่นอนไม่ได้...บางทีใบกว้างหน่อย..แต่ใบยาว..ก็เรียกหอกใบข้าว..เอาแน่ไม่ได้ครับ..บางทีก็อาจจะทำตามแบบเดิม..ซึ่งก็มีโอกาศสูง..แต่ใคร..จะแยกแยะได้..สมัย..อยุธยาตอนปลาย..กับ....ธนบุรี..รัตนโกสินทร์
สมัยรัชกาลที่ ๑ - ๒..ช่วงเวลามันแคบจะตาย....

 

สวัสดีค่ะ คุณ ลุง วันนี้ได้ความรู้เพิ่ม เชิงประวัติศาสตร์ ด้วย ขอบคุณค่ะ

 

ขอขอบคุณ
ทุกท่านที่ได้postมา............................

......ตอนแทรกพิเศษ...อันเนื่องมาจาก..คำถามคุณเฉียวฟง......................

................การกำจัด..คราบสนิมสีเขียวอมฟ้า..ออกจาก..พระโลหะ..เหรียญพระ...
....และ..เหรียญสะสม..รวมถึง..เครื่องรางของขลัง..และ..วัตถุโบราณ............(ต่อ)

...........................เรื่อง..ความด่างหรือ..พรุน..ที่เกิด..หลังจากที่เราเอา..ไอ้ตัวเขียว
....ออกไปนั้น..ต้องทำใจ..เพราะมันจะกลับมา..เหมือนเดิม..เป็นไปไม่ได้..(เนื้อมัน
แหว่งเข้าไปด้วย....)..มีแต่การทำยังไง..ให้มันดูไม่น่าเกลียด..และ..ทำยังไง..เพื่อจะ
ไม่ให้มันขึ้นอีก..............................
.............การแก้ไข..และ..ป้องกัน..มันมี..๒ แบบคือ..
๑. แบบถาวร...
๒. แบบชั่วคราว..
.....................สำหรับ..คนที่มีฝีไม้..ฝีมือ..อยู่บ้าง...และมีอุปกรณ์เสริม..ก็น่าจะทำ
ก่อนเพื่อนคือ..ทำให้ผิวที่พรุน..มันซะก่อน..เพราะผิวที่พรุนเป็นจุดอ่อน..อณูของทอง
แดงมันหลุดง่าย..เพราะมันถูกกัดออกไป..รวมทั้งบริเวณนี้..กลายเป็นที่สะสมความชื้น
..มันก็จะกลับมาเป็นอีก.....อันนี้..กรณีที่..คุณป้องกัน..แบบไม่ถาวร..คือ..จะใช้....
...พวกน้ำมันต่างๆ..มาทา..ไม่ให้มันกลับมาขึ้นอีก..เป็นการชั่วคราว....เมื่อน้ำมันเริ่ม
แห้ง..ก็ต้องมาทาใหม่...คือ..ทำการขัดบริเวณนั้นให้เรียบเนียน..แล้วขัดมัน.......
...เพราะเมื่อน้ำมันแห้งใหม่ๆ..มันก็จะยังไม่กลับมา..เพราะ..ผิวไม่เป็นแผล..แล้วคุณ
กลับมาทาใหม่..ก็..จะป้องกันได้.....
.....................ในกรณี..ถ้าคุณอยากจะป้องกัน..แบบถาวร..มันก็จะมีข้อดีเช่นกัน....
...เพราะผิวมันจะเนียน..ไม่น่าเกลียด...แต่ข้อเสียฝีมือไม่ดี..การขัดผิวทำเนียน..มัน
อาจไปกินบริเวณที่ไม่เป็นโดยรอบ..ไปด้วย....
...........น้ำมันที่ใช้ผม..แนะนำว่า..ควรเป็น..น้ำมันที่ไม่ระเหยง่าย...อย่างน้ำมันจันทน์
นี่ก็..อยู่ในประเภท..ระเหยง่ายเช่นกัน..
...........น้ำมันที่ไม่ระเหยง่าย..ก็เช่น..น้ำมันเคลือบเบาะรถยนต์...หรือ..จารบีขาว...
..ที่ใช้กับ..มอเตอร์ไซด์..(หลอดบีบ..สีเขียวๆ...)..เป็นต้น...แต่การทา..เพื่อให้ดูดี..ควร
ทาทั้งองค์ไปเลย..ไม่งั้นเวลามองเห็นผิวตรงนั้น..นอกจากสีจะด่าง..แล้ว..ยังมันอยู่ที่
เดียว..คงไม่เข้าท่า...............
................พวกที่เป็น..พระกริ่งเนื้อกลับดำ(จริงๆ..ไม่ใช่พอมาโดนมือถูผิวไปมาแล้ว
แดง..ไม่กลับดำหรือน้ำตาลอีกเลย)...ก็จะดีหน่อย..เพราะเมื่อขัดทำเนียนแล้ว..ก็ใช้
เหงื่อตัวเอง..มาทาๆถูๆเบา..ตรงที่ถูกขัดก็จะกลับไป..ดำ..หรือ..น้ำตาลเหมือน..ส่วน
อื่นไม่น่าเกลียด..พอกลับไปใกล้เคียงแล้ว..ค่อยเอาน้ำมัน..มาทาทั้งองค์..ป้องกัน..
.............แต่ถ้าเป็นพวก..กลับดำไม่จริง..นี่ด่าง..เลย.................................
..........................ต่อตอนหน้าครับ...............................................................
.....................................................สวัสดี....................................................

 

สวัสดีครับคุณอา และสมาชิกทุกท่าน มาขอรับความรู้เหมือนเดิมครับ

 

ขอบคุณมากครับคุณลุง สำหรับทัศนะคติและความใจดี ของคุณลุง(อุตส่าห์สละเวลาตอบให้ก่อน) มันมีความเป็นไปได้ และสมเหตุสมผลอยู่ครับ
ถ้าสมมุติ ว่าเป็นลักษณะนี้ ก็แสดงว่าหอกใบข้าวที่พบในพิพิธพันธ์ต่างๆ
ก็ย่อมจะมีอายุในช่วงรัชกาล 3-4 เป็นขั้นต่ำรึปล่าวครับเพราะในสมัยรัชกาลที่ 5 ก็เริ่มมีการปรับปรุงกองทัพให้เป็นไปในแบบตะวันตก เพื่อความทันสมัยแล้ว นอกจากนี้อาวุธประเภทหอกและดาบ ก็คงค่อยๆลดความสำคัญลงไป เพราะอาวุธปืนเข้ามาแทนที่มากขึ้น ผมเข้าใจอย่างนี้ ใกล้เคียงความจริงบ้างรึปล่าวครับ

 

เขามาเก็บความรู้ครับ

 

สวัสดีครับคุณอา และสมาชิกทุกท่านครับ

 

........................................
..ผมว่ารัชกาลที่ ๔ ก็คงไม่มีแล้ว..เพราะสมัยรัชกาลที่ ๓ เราได้ตระเตรียม..อาวุธยุทโธปกรณ์ไว้มากมาย..เพราะ ร.๓ ท่านฉลาด..สมัย..มีศึก..พม่า..เขมร..ญวน..ตอนนั้น..ประเทศชาติร่ำรวย..เพราะความเก่ง..ของ ร.๓ ขนาดเรือกลไฟ..เรายังสร้างเองได้..ท่านได้เตรียมไว้หมด..พอเข้า..ยุครัชกาลที่ ๔ สงครามพม่า..ไม่มีแล้ว(ร.๓ ท่านก็บอกกับขุนนางไว้..และก็ถูกของท่าน..ท่านบอกเหลือแต่..พวกฝรั่ง..นี่แหละ..และก็เป็นไปตามนั้น..)...มีแต่สงครามกระจิบๆๆ..จึงเป็นไปได้ยาก..ที่จะมาสร้างเพิ่ม....เมื่อมาถึง..ร.๕ ก็เปลี่ยนรูปแบบ....
...ดังนั้น..ผมถึงว่า..คงหมดในช่วงแค่ รัชกาลที่ ๓ เท่านั้น...ครับ