ภัยพิบัติน้ำท่วมโลกของจริงเริ่มต้นเดือนนี้

ขอรับกำลังใจไว้เต็มๆค่ะ

 

เห็นด้วยค่ะ โลกวิปลาสไปใหญ่แล้ว มีทอนาโดในไต้หวันเนี่ย อะไรต่อมิอะไรมันแปลกๆ แต่มนุษย์ก้อทำได้แต่เพียง ทำความดึ เพราะท้ายที่สุดธรรมชาตินั่นเองที่มีพระคุณกับเรา และหล่อเลี้ยงชีวิตเรามาถึงทุกวันนี้ และยังเป็นเจ้าของโลกนี้อย่างแท้จริง

 

ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น

วันหนึ่งมีคนเตือนเราว่า " วันนี้ขับรถดีๆนะ "

ไม่ได้หมายถึงว่าวันนี้เราต้องขับรถไปประสบอุบัติเหตุสักหน่อย

เตือนแต่ไม่ได้หมายความว่าต้องเกิดขึ้นจริงครับ




ด้วยความเป็นห่วง พี่ๆน้องๆกันทั้งนั้น ^_^

 

มาดูกันชัด ๆ เลยนะ คุณเรยา ผมตอบPM ที่คุณส่งมาแล้วนะครับ

1. คุณเรียกชั้นว่า "เรยา" ในทุกๆกระทู้ที่คุณโพสมา

ก็เพราะคุณยอมรับเองใช่หรือไม่ "ถ้าชั้นเรยา คุนก้อเป็นสามีคุนเด่นจันทร์อ่ะค่ะ ( ฮาดีค่ะ" ในโพสต์ที่ 98 หน้า 5

2. ใช้คำแรงๆ ว่า "สะเออะ" กับชั้น


คำนี้(เดี๋ยวโดนเซ็นเซอร์) ผมใช้ต่อกับประโยคของคุณเทพเมรัย โพสต์ที่ 57 หน้า 3 ที่ว่า "สมาธิไม่ใช่ Time Machine น่ะครับ จะเอามาอ้างเป็นตัวรับรองเหตุการณ์ " และอันนี้ก็ไม่ได้ว่าคุณเทพเมรัย เพราะ "เห็นใครๆ ก็ยกสมาธิ ยกฌาณ มาอ้างอิง แล้วก็พยากรณ์กันไป
ใคร ไม่เห็นด้วย เข้ามาโต้แย้ง ก็พาลเกเร โกรธา แบ่งฝ่ายไปโน่น ถ้านั่งกรรมฐานแล้วได้ฌาณ แถมจิตใจคับแคบเช่นนี้ จะนั่งให้มันเมื่อยเข่า เมื่อยหลังไปทำไมกันเล่า"
แล้วจากนั้น วลี คำว่า เซ็นเซอร์ (สะเออะ)ก็ออกมา "สมาธิไม่ใช่ Time Machine น่ะครับ จะเอามาอ้างเป็นตัวรับรองเหตุการณ์ "ก็อย่าสะเออะมาทำนาย (พอดีโพสต์นี้ ถูกลบ ไปแล้ว พร้อมกับคำเตือนของผู้ดูแลบอร์ด)

มาพิจารณาหน่อยครับว่าผมว่าคุณตรงไหน ซึ่งก่อนหน้านี้ คุณก็ทะเลาะกับคุณ แมวน้ำ 9 แล้วพาลมาต่อกับผม ด้วยโพสต์ที่ 94 หน้า 5 "ดูคำพูดของคุณ เข้าพวกกับคุณแมวน้ำเลย เป็นพี่น้องทางสันดานจริงๆ ขอสะท้อนคำพูดของคุณกลับไป คุณก้ออย่าสะเออะเข้ามาห้องเตือนภัยพิบัติสิ "

ตกลงว่าผมไปว่าคุณตอนไหนมิทราบ ผมว่าคุณนี่พาลเก่งจริง ๆ แต่ผมไม่โกรธหรอก เพราะคิดว่าคงจะโกรธแทนเพื่อนก็เท่านั้น เอ แต่ตอบกลับด้วยนะ ว่าผมไปว่าคุณว่า "สะเออะ"ตอนไหน ผู้มีปัญญาหลาย ๆ คน เขารู้ว่า คำว่าสะเออะ นั้นเจาะจงไปที่ใด และคำนี้ก็ไม่ได้มีขึ้นมาลอย ๆ

"คุณเกิดมาเพื่อเป็นมารผจญที่ทดสอบจิตใจ ของชั้นจริงๆ ตอนนี้ชั้นรังเกียจคุณจริงๆ ทั้งที่เกิดมาชั้นไม่เคยรังเกียจใคร จิตใจคุณเต็มไปด้วยอกุศลจิต จริงๆ ที่มาใช้คำว่า "ยิง" กับชั้น คุณต้องการที่จะทำสงครามกับชั้นเลยหรอ"

ประโยคนี่แล้วแต่คุณจะคิดเพราะมันเป็นจิตของคุณ จะละเอียดหรือหยาบ ก็เป็นเรื่องของคุณ ถ้าคุณคิดว่านี่คือสงคราม ผมก็ยินดีรบกับคุณทุกรูปแบบ เพราะในเมื่อผมเปิดเผยที่ซ่อนตัวแล้ว นั่นแสดงว่าเตรียมรบทุกรูปแบบอยู่แล้ว

"มีแต่คุณที่เป็นฝ่ายใช้คำที่เสียดสี และประชดชัน กับดิชั้น
คุณนั่นแล่ะที่เป็นฝ่าย"ยิง"ดิชั้น
ชั้นขอใช้คาถา สัมปจิตฉามิ ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ถ้าเขาทำไม่ดีกับเราเขาก็เละเอง กฎแห่งกรรมสนองเขาเอง
สะท้อนทุกสิ่งทุกอย่างกลับไปที่คุณ "

กลับไปดูเองเถอะ ว่าใครเป็นคนเริ่ม คาถาที่คุณใช้จิตอย่างคุณไม่มีทางสำเร็จหรอก เชื่อผมเถอะ

"ป.ล. ดิชั้นไม่กลัวมารผจญอยู่แล้ว ชั้นไม่ยิงใครหรอก ไม่ได้ป่าเถื่อนแบบคุณ(คุณบอกจะยิงชั้นนิ่)หากคุณอยากยิงจงยิงตัวเอง ดิชั้นจะไม่เอาพิมเสนไปแลกกะเกลือ แต่ถ้าคุณจะยิงมา ชั้นพร้อมสะท้อนกลับไปทุกลูก ...
สัมปจิตฉามิ
(ชั้นไม่มีทางตอบคำถามคนป่าเถื่อนอย่างคุณ)"

คุณนี่ช่างไม่รู้อะไรซะเลยนะ (เปิดอู่ก็เจ๊ง เพราะช่างไม่รู้อะไรเลย) ผมมันเป็นแค่ธุลีดิน ไม่มีค่าเทียบเท่าเกลืออย่างที่คุณว่าหรอก

(ชั้นไม่มีทางตอบคำถามคนป่าเถื่อนอย่างคุณ)

ที่ไม่ตอบหรือเป็นเพราะว่า "ตอบไม่ได้" หรือ"ไม่รับผิดในคำตอบ" กันแน่

ผมว่าอยู่กับสติของคุณให้มาก ๆ หน่อยดีกว่า อย่ามีสมาธิ ผมบอกแล้วว่า "ความจริงมีเพียงสิ่งเดียว"

คุณจะทะเลาะกับใคร ก็เชิญเถอะ หรืออยากจะเปลี่ยนมาเป็นผมบ้างก็ยินดี เพราะผมทันตาต่อตา ฟันต่อฟันอยู่แล้ว เมื่อคุณใช้คาถามา ผมก็คงต้องใช้คาถากลับบ้าง

"อิติปิโสภะคะวา พุทธังภาวนาปรายันติ ธัมมังภาวนาปรายัติ สังฆังภาวนาปรายันติ ภะคะวาโทโส ภะคะวาโทโส นางสมุขีเอ๋ย มาเร็ว ๆ อย่าช้า อาคัจฉาหิ เวสะพุทสะ ตะมะถังปะกาเสนโต กันหะเนหะ นะปิดนะป้องระล้อมนะกัน"

 

" อย่าประมาท"
ผมว่าคำๆนี้ พระพุทธเจ้าทรงเตือนมากว่าสองพันห้าร้อยปีแล้วน่ะครับ แต่คำๆนี้เต็มไปด้วยเหตุและผลแห่งการพิจารณา
ผมคิดว่าสังคมไทยส่วนมากตื่นข่าว และไม่ค่อยสืบสาวหาเหตุหาผลในปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น จึงมีคนบางคน บางกลุ่ม หาประโยชน์จากลักษณะเช่นนี้ บางคนก็ทำไปด้วยคิดว่าหวังดี แต่ความหวังดีมันอยู่ในใจ ยากนักจะนำมาอ้างอิง
การกล่าวว่า ด้วยหวังดี ฉันจึงบอกเธอ ประโยคนี้เราได้ฟังมานักต่อนัก แท้ที่จริงเขาหวังดีจริงหรือเปล่ายากนักจะทราบ ไม่แน่คนที่กล่าวเช่นนั้น อาจกำลังรู้สึกผิด ดังนั้นคำว่า หวังดี จึงช่วยให้ผ่อนคลายอารมย์ผิดได้บ้าง
เช่นกัน ก่อนนักทำนายจะเริ่มคำทำนายเรื่องภัยพิบัติ พวกเขามักจะกล่าวว่า เพราะความหวังดี จึงนำข่าวมาบอก และคนส่วนใหญ่ก็อนุโมสาธุกันไป เพราะเขาหวังดี ผมเลยคิดว่า คนหวังดีมักทำอะไรไม่ผิด เพราะเขาหวังดีนั่นเอง แม้ผิดคนก็ให้อภัยเสมอ
ดังนั้นคนหวังดีในสังคมไทยจึงมีเยอะมาก แต่ก็นั่นแหละไม่รู้จะหวังดีจริงแค่ไหน เพราะโดยจิตสำนึกคนเรา มักจะรู้สึกเฉยๆกับคนทั่วๆไปที่เราไม่รู้จัก แม้รู้จักเป็นญาติกัน บางครั้งก็สึกเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกว่า หวังดีอะไรกับเขาเอาเสียเลย
บางครั้งพยายามจะนึกให้รักคนทั้งโลก ให้สมกับอยากเจริญธรรมเมตตา กรุณา แต่ปากไปแล้ว แต่ใจมันกลับเฉยๆเสียงั้นไป ไม่ได้รู้สึกเลยว่ารักเพื่อนมนุษย์ขึ้นมา มันแค่เฉยๆ
ผมคิดว่าก่อนที่จะพูดอะไรกับใคร เช่น ความหวังดี การให้อภัย การอโหสิ ขอโทษ เราควรหยุดคิดสักนิดหนึ่ง แล้วถามเจาะใจเราเองว่า รู้สึกเช่นนั้นจริงๆไหม
ในนี้ผมสังเกตุว่า คนที่นำคำทำนายมาบอก จะยืนยันว่า ฉันหวังดี คำทำนายน่าเชื่อถือ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่านำมาจากใคร ที่ไหน และเพราะอะไร (อาจ เพราะหวังดี)
อีกกลุ่ม ทนดูดายไม่ได้ (ผมคนหนึ่งหล่ะ) จู่ๆ มาเตือนว่าภันจะมาเดือนนี้นี่นา ก็เลยเข้ามาดู เผื่อเขามีข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ มีหลัก เหตุผล กำกับ แต่กลับพบเพียง เป็นคำทำนายจากผู้ที่น่าเชื่อถือได้ มีแค่นั้นจริงๆ
ผมยังหวังให้กฏหมายไทย ตรามาตราเกี่ยวกับคำนายที่เกี่ยวกับคนส่วนใหญ่ ให้มีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ สำหรับคนที่ไม่ได้มีหน้าที่ทำนาย หรือทำนายเท็จ จะได้เข็ดหลาบกัน
หรือถ้าหวังดีจริงๆ ต้องนำต้นตอคำทำนาย ไปแจ้งรัฐบาลที่เขามีหน้าที่ดูแลเรื่องภัยพิบัติให้เขาเตรียมตัวรับมือจะไม่ดีกว่าหรือ
นี่อะไร ทั้งอ้างว่าได้ฌาณบ้างหล่ะ เป็นพระอริยะบ้างหล่ะ ติดต่อมนุษย์ต่างดาวได้ ติดต่อเบื้องบนได้ ถ้ามันหวังดีกันจริงๆ ก็ช่วยทำให้มันเหมือนคนหวังดีต่อกันบ้างทีเถอะน่ะ ช่วยจูงมือกันไปหารัฐบาล และช่วยกันหาทางรับมือ ให้คนทั้งชาติได้รับรู้ร่วมกัน รับรู้ชะตากรรมร่วมกัน
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะเล่นอีแอบกันไปถึงไหน จะอ้างอะไรนักหนา ตัวเองบอกเองไม่ได้ แล้วบอกผ่านร่างทรง มันจะต่างกันตรงไหน
ลองเอาความหวังดีเก็บไว้ก่อน แล้วเอาความจริงใจมาแสดงต่อกันจะไม่ดีกว่าหรือ หลวงพ่อองค์ใดที่ท่านนำคำทำนายมา ก็ควรบอกชื่อท่านบ้าง เผื่อคนที่สนใจเขาจะได้ไปนมัสการ ถ้าท่านแจ้งคำทำนายแก่คนใดคนหนึ่งได้ ท่านก็น่าจะแจ้งแก่ผู้สนใจได้เช่นกัน ผมคิดอย่างนั้นน่ะ

 

[FONT=&quot]ภัยพิบัติทุกวันนี้ก็มาจากน้ำอยู่แล้วครับ[/FONT]
[FONT=&quot]ปัจจุบัน-ณ ที่นี้–ทั่วทุกกระทู้ ใน-นอกหมวด ภัยพิบัติและการเตรียมการ ก็ปรากฏขึ้นแล้ว[/FONT]
[FONT=&quot]เห็นชัดกันแล้ว[/FONT][FONT=&quot]ฆ่ากัน-โกรธกัน-อาฆาตกัน-ผูกพยาบาท ต่อกันและกัน[/FONT] [FONT=&quot]ก็น้ำนี่แหละ ... น้ำลาย [/FONT]
[FONT=&quot]ผมอ่าน-แสดงความคิดเห็น ทุกๆการเตือนภัย เข้ากระทู้นั้น-ออกกระทู้นี้ ...
[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]มีบ้างที่ผม [/FONT]”[FONT=&quot]ตื่นตระหนก[/FONT]”(alarm) [FONT=&quot]แต่ผลของอาการแบบนี้มันก็ปลุกให้เรา [/FONT]“[FONT=&quot]ตื่น[/FONT]”(wake up)
[FONT=&quot]ชั่วก็มี-ดีก็เกิด เลือกรับ-เลือกใช้เอา กันเองครับ
[/FONT]

[FONT=&quot]เดี๋ยวกลับมาต่อ ... กินข้าวก่อน[/FONT]


[FONT=&quot]เจริญในธรรมกันทุกคนครับ
[/FONT]

 

มีหลายท่านเตือนดิฉันในเรื่องของ(กรรมวาจา) ที่ใช้คำไม่สุภาพ(แหกตาดู) ดิฉันต้อง(ขอโทษทุกๆท่านด้วยนะค่ะ) ดิฉันขาด(สติ)จริงๆ ขอโทษค่ะ ดิฉันผิดเอง....ส่วนเรื่อง(ข้อความ)ของดิฉันที่ทำให้เจ้าของกระทู้เข้าใจผิดและไม่พอใจ ข้อนี้ดิฉันก็ต้องขอโทษด้วยค่ะ กับสิ่งที่เห็น"ต่าง"ดิฉันก็ได้ชี้แจงไปหมดแล้ว...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะเป็นศัตรูกับผู้ใดทั้งสิ้นค่ะ (การเตียมภัยอย่างมี"สติ"แต่ไม่"งมงาย")ดิฉันขอสนับสนุนอย่างเต็มที่ค่ะ ขอบคุณค่ะ

ในส่วนของเรื่อง(ญานสมาบัติ) ตราบใดที่เรายังเชื่อว่าเรายัง(เลว)อยู่ เราจะไม่เอาออกมาพูดในที่สาธารณะอย่างเด็ดขาด เพราะ(นิวรณ์)และ(อุปทาน) อาจจะเล่นงานเราได้ทุกเมื่อ ขึ้นชี่อว่า(ญานโลกีย์)มันเสื่อมได้ทุกเมื่อค่ะ ยกเว้น(พระอรหันต์) ถ้าเรายังไม่ใช่พระอรหันต์ก็จงอย่ามั่นใจจนเกินไป

 

ได้อ่านแล้วเห็นว่าดีก็เลยก็อปปี้มาให้อ่านกันครับ ขออนุโมทนา...

ช่วงนี้กระแสข่าวการเกิดภัยพิบัติมีเยอะมาก จึงขอนำคำตอบจาก
อ.ปริญญา ใน FB มาให้อ่านและพิจารณากัน

Visudhi Punya ‎:-

1. จากนี้ไป ตามสื่อสารมวลชนและสังคมออนไลน์ทั้งหลาย จะมีผู้คนทั้งคุ้นหน้าคุ้นตาและหน้าตาแปลกๆ ออกมากล่าวถึงเรื่องราวเกี่ยวกับภัยพิบัติที่น่าสะพรึงกลัวกั...นมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติทั่วโลกรวมทั้งไทยด้วย มันก็จะเกิดขึ้นถี่ๆ และใกล้ตัวพวกเธอมากขึ้นจริงๆ ด้วย

2. แต่การเกิดขึ้นจริงของภัยพิบัติทั้งหลายนั้น มิใช่บรรดานักโหนกระแสภัยพิบัติพวกนี้มีความแม่นยำ ศักดิ์สิทธิ์ หรือเป็นผู้วิเศษที่สามารถล่วงรู้ล่วงหน้าได้หรอก

3. นักเรียนจักต้องรู้ว่า แผนปฏิบัติการชำระโลกของช่างเท็คนิกหรือเจ้ากรรมนายเวรนั้น พวกเขามิได้กำหนดแผนการอย่างชัดเจนเอาไว้ล่วงหน้าหรอกว่า ณ วันเวลาใดตรงพิกัดตำแหน่งใด พวกเขาจะปฏิบัติการอย่างไร จะสร้างความหายนะให้ได้แค่ไหน? แต่พวกเขาจะลงมือปฏิบัติการกันแบบกะทันหันเสมอ

4. ด้วยเหตุนี้เอง พวกโหนกระแสคนแล้วคนเล่า ที่ออกมากล่าวคำทำนายหรือพยากรณ์ในเรื่องเหล่านี้โดยระบุวันที่เดือนปีเวลาและสถานที่ พร้อมรูปแบบภัยพิบัติที่จะเกิดกันล่วงหน้านั้น พอถึงเวลาก็ปรากฏว่าไอ้สิ่งที่พยากรณ์กันไว้นั้นมันมิได้เกิดขึ้นดังที่กล่าวไว้แต่อย่างใด เจ้าตัวคนที่โผล่หน้าออกมากล่าวก็ผลุบหน้าหายตัวไปทุกที คนแล้วคนเล่า แต่ก็ยังมิรู้หลาบจำ

5. นักเรียนจะต้องจดจำเอาไว้ว่า ตามปกติแล้ว ต่อให้มนุษย์มีเท็คโนโลยีสูงล้ำขนาดไหนก็จะมิอาจบอกได้ว่า จะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ขึ้นที่ไหนบ้าง จะเกิดเมื่อไหร่ จะเกิดพายุหมุนรุนแรงพัดถล่มที่ไหน วันไหน จะเกิดคลื่นสึนามิที่ประเทศไหน เมื่อไหร่ หรือจะเ...กิ...ดภูเขาไฟระเบิดรุนแรงเอาชีวิตมนุษย์หมู่มากขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ เป็นต้น เธอจะต้องจำไว้ว่านักวิทยาศาสตร์โลกก็มิอาจบอกความจริงล่วงหน้าได้ นอกจากนั้น ต่อให้เป็นรูปธรรมทางพลังงานชั้นสูง หรือมนุษย์ที่มีหูทิพย์ตาทิพย์ ก็ยังมิอาจสามารถล่วงรู้เกี่ยวกับวันเวลาสถานที่ที่จะเกิดภัยพิบัติล่วงหน้าได้

สาเหตุที่ไม่รู้ :

6. เหตุที่ไม่มีผู้ใดบอกกล่าวล่วงหน้าได้ ก็เพราะมัน คือ "ความลับ" ที่ไม่มีใครล่วงรู้ไงล่ะ ไม่รู้แม้กระทั่งบรรดาช่างเท็คนิกด้วยกันเองด้วยซ้ำไป

6.1) ไม่รู้เพราะเป็นปฏิบัติการแบบกะทันหัน ไม่มีแผนการล่วงหน้า

6.2) ไม่รู้เพราะมันเป็นคว...ามลับ แพร่งพรายให้มนุษย์รู้ก่อนไม่ได้เลย ถ้ารู้แผนการนี้จะเป็นโมฆะไปทันที เช่น มนุษย์ในกลุ่มเป้าหมายของการเกิดมหันตภัย ก็จะพากันหลบหนีออกไปจากเป้าหมายบริเวณนั้นๆเสีย ซึ่งมันจะทำให้แผนการนั้นต้องล้มเหลว

6.3) รูปธรรมชั้นสูงบางกลุ่มที่พอรับรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง ก็ไม่อาจออกมาบอกกล่าวฟันธงให้มนุษย์ล่วงรู้ได้ เพราะมิใช่หน้าที่ของท่าน ซึ่งรูปธรรมชั้นสูงเหล่านี้เขาจะไม่กระทำในสิ่งที่ผิดสัจจะโดยเด็ดขาด มิหนำซ้ำยังจะต้องเข้ามาเกี่ยวเวรเกี่ยวกรรมกับเจ้ากรรมนายเวรและมนุษย์บาปหนา อันจะเป็นอุปสรรคบนเส้นทางนิพพานอีกต่างหากด้วย

7. นักเรียนจึงรับรู้เอาไว้ตรงนี้ว่า อย่าไปเชื่อข่าวลือ ข่าวร้ายจากใครๆ อีก เพราะมันเป็นเรื่องของการเดา การทาย การพยากรณ์ หรือจากการวิเคราะห์เชิงวิชาการที่อาจผิดมากกว่าถูก เช่น หลังแผ่นดินไหวใหญ่ที่เกาะฮอนชูแล้ว ยังมีแผ่นดินไหวรุนแรงตามมาอี...กเ...รื่อยๆ จนวันนี้ก็ยังมีไหวอยู่เป็นระยะๆ พวกเขาวิเคราะห์ว่าเป็น "อาฟเตอร์ช็อก" เป็นต้น แล้วในที่อื่นๆที่มันไหวอย่างต่อเนื่องทุกวันๆ เช่น แผ่นดินซีกตะวันตกของอเมริกา มาจนกระทั่งที่มันไหวอยู่ในพม่าทุกวันๆ ล่ะจะเรียกว่าอาฟเตอร์ช็อกอีกมั้ย?

8. ขอบอกนักเรียนว่า ต่อนี้ไปภัยพิบัติมันจะเกิดไปทั่วโลก และรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ มันจะเกิดจริง แต่ไม่มีใครบอกได้หรอกว่า มันจะเกิดตรงไหน เหมือนพายุทอร์นาโดนั่นแหละ ในอเมริกาตั้งแต่ต้นปีมาไม่รู้กี่ร้อยลูกแล้ว และไม่รู้ว่ามันจะไปเกิดที่ไหนบ้...า...ง วันสองวันนี้ไปโผล่ที่กลางเมืองไต้หวัน โชว์ศักยภาพจิ้บๆ ดูดเอารถตู้ขึ้นไปในอากาศหนึ่งคัน ก่อนจะปล่อยให้มันหล่นลงมากระแทกรถอีกคัน ทั้งๆ ที่พายุหมุนแบบนี้ไม่เคยมีที่ไต้หวันมาก่อนเลยล่ะพี่น้อง!!!

9. สาเหตุของการเกิดมหันตภัยเหล่า นี้ พระบิดาคือองค์จิตจักรวาล ได้ทรงเมตตาพวกเธอกล่าวถึง เหตุแห่งการเกิด วิธีการเกิด เป้าหมายของการเกิด พิกดัตำแหน่งแห่งที่ๆเป็นสีแดงที่มันจะเกิด รวมทั้งระยะเวลาแห่งการเกิด เอาไว้ให้พวกเธอผู้เจริญทางวิญญาณและปัญญาได้ล่วงรู้ล่วงกันมานานแล้วใช่มั้ยล่ะ? หน้าที่ของพวกเธอมีอย่างเดียว คือ "เตรียมตนเองและจิตวิญญาณให้พร้อม เพื่อการผจญภัย" เท่านั้นแหละ จงอย่ารีบ "ตายก่อนตาย" เลยนะ

10. เพราะเรารู้เบื้องลึกเบื้องหลังเหล่านี้ไงล่ะ เราจึงไม่อาจฟันธงบอกพวกเธอได้ว่า วันไหนเวลาใดจะเกิดอะไรขึ้นที่ไหนบ้าง เพราะมันเป็นเรื่องของช่างเท็คนิกเขา และมันเป็นเรื่องราวของมนุษย์ด้วยกันเอง เรารู้เท่าที่บอกไปและเรารู้ว่ามันจะเกิดตรงไหน...บนแผนที่โลกบ้างเท่านั้น (โปรดดูแผนที่ของจิตจักรวาล) ส่วนที่เราแอบกระซิบๆ ข่าวให้รู้ล่วงหน้าบ้างนั้น เป็นเพราะพระบิดาทรงเมตตาให้ช่างเท็คนิกบอกเรา เพื่อบอกพวกเธอต่อเพื่อขอทดสอบจิตสำนึกของพวกเธอบางคนก็เท่านั้นเอง อย่างไรก็ดี ข่าวสาร(เรื่องจริงที่จะเกิดขึ้น) กับคำทำนาย(เดาล่วงหน้า)มันจึงต่างกัน

ขอให้นักเรียนของเราโปรดใช้ปัญญาพิจารณาก่อนเสพข่าวลือ
ข่าวลวงเหล่านั้นด้วย

(ป.วิสุทธิปัญญา)<!-- google_ad_section_end -->

 

ขอบคุณเจ้าของกระทู้คับ รับฟังไว้ไม่เสียหาย ไม่ได้ตื่นตระหนก ไม่ได้งมงาย ไม่ได้เชื่อแบบไร้เหตุผล เตือนเพื่อให้มีสติ

 

ในเมื่อคุณแมวน้ำขอโทษมาแล้วสำหรับคำของคุณ ก้ออโหสิให้ค่ะ ส่วนเรื่องคำทำนายไม่เคยบอกว่ามันจะเกิดขึ้นแน่นอน ไม่ได้ฟันธง คอนเฟิร์มว่าต้องเกิดชัวร์ เรียกเก้บเงินใครเหมือนหมอลักษณ์ฟันธงหรือหมอดูทั่วไปเข้าใจไว้ด้วยนะคะ ดังนั้นมิได้มั่นใจเกินไปอย่างที่คุณกล่าวหา
คำทำนายกับคำเตือนอะไรก้อแล้วแต่ มีไว้ก้อเพื่อให้ระวังตัว มีสติตื่นรู้ หาดทันเกิดจริงจะได้เตรียมตัวไว้ทัน เสมือนหนึ่งกรมอุตุเตือนว่าวันนี้ฟ้าครึ้มให้พกร่มไว้ มันก้อไม่เห้นเสียหายอะไร ร่มคันเดียวมันคงไม่หนักไปหรอกและอย่างน้อยถ้าฝนมันตกจะได้กางร่มไม่เปียกปอนเป็นลูกหมาตกน้ำ คำเตือนนี้ก้อเช่นกันไม่ได้ถึงขนาดให้คุณแมวน้ำหรือใครต้องทำอะไรเกินตัว มาให้เงินดิชั้นไปทำพิธีสะเดาะเคราะห์ให้ หรือต้องให้เสียเงินเสียทองไปซื้อหาเสบียงอะไรมากักตุนไว้เป็น
เดือนๆ สรุปว่าย้ำเสมอคำทำนายหากไม่เกิดจริงก้อดีไป (ไม่ได้อยากให้เกิดภัยพิบัติขึ้นจริง ใครจะอยากคะ?)แต่ถ้าหากว่าเกิดขึ้นจริงก้อเตรียมตัวกันไป และมันคงมีผลประโยชน์มากกว่าถ้าดิชั้นไม่เตือนแน่นอน เข้ามาเตือนมาโพสก้อเสียค่าเน็ต เวลาและเมื่อยนิ้วไม่ได้อะไรเลยค่ะ และไม่เคยพูดด้วย ว่าข้านี้คือผู้วิเศษระบุวันเวลาที่ชัดเจนหากใครไม่เชื่อเป็นต้องตายในภัยพิบัติ ไม่เคยยืนยันอะไรยังงั้นเลยกรุณาไปอ่านในทุกๆกระทู้ที่โพสมาด้วย ดังนั้นไม่เคยพูดว่ามั่นใจร้อยเปอร์เซน อย่างที่คุณบอกและที่แน่ๆไม่ได้มั่นใจจนเกินไป สรุปว่ากรุณาอ่านที่ดิชั้นเขียนด้วยในเรื่องของประสปการณ์พี่สาวชั้น ว่าเตือนสิ่งที่เราเห็นเอามาพูดไม่เสียหายเพราะนี่มันห้องมีไว้เตือนภัยพิบัติ และพูดอยู่โต้งๆว่าคำทำนายดังนั้นใครจะเชื่อหรือไม่แต่ละคนก้อมีสิทธิที่จะเลือกเชื่อหรือไม่ และเราก้อไม่ได้คอนเฟิร์มหรือโน้มน้าวว่ามันเกิดขึ้นชัวร์ต้องเชื่อ ประหนึ่งจะเปิดลัทธิใหม่ เพียงพูดตามที่เห็นและเตือนให้มีสติกันไว้ ซึ่งไม่เห็นเสียหายอะไรกลับเป็นข้อดีซะอีก
แต่ถ้าหากว่ามันเกิดขึ้นจริงก้อจะเป็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวง ตามนี้ค่ะ

 

ถ้าผู้ปฏิบัติ หรือ ผ่านการปฏิบัติมาบ้าง แม้จะไม่สามารถปฏิบัติได้ถึงขั้น อ่านใจคนออก หูทิพย์ ตาทิพย์ เห็นอนาคต ระลึกชาติ ได้ แต่ก็เชื่อนะว่า สามารถเป็นไปได้ แต่ความแม่นยำก็ต้องขึ้นอยู่กับระดับของจิต ซึ่งเราไม่สามารถรู้ว่าคนที่เตือนภัยพิบัติมีระดับภาวะจิตถึงขั้นไหน จึงไม่ควรไปปรามาส อ่านแล้วไม่เชื่อก็ควรเฉย จะได้ไม่มีกรรม แต่พอจะเชื่อ หรือเชื่อเลยก็เตรียมตัว อย่าได้ประมาท เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย
ที่สำคัญการรับรู้ข่าวสาร เราไม่ควรตระหนกในข่าวนั้น ใช้สติพิจารณาว่าจะทำอย่างไร ไม่เชื่อก็ปล่อยวาง วางเฉย แต่ถ้าสงสัยก็ใช้สติพิจารณาว่าเป็นไปได้ มากน้อยแค่ไหน
ขออภัยนะครับที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น

 

ถูกต้องค่ะ...ดิฉันคิดน้อยไปหน่อยค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

ขอบคุณค่ะ คุณamminnie เป็นเพื่อนกันค่ะ

 

=^^= มิเป็นไรค่ะ ถูกต้องคำทำนายมีไว้ ให้รับฟังไว้ไม่เสียหาย ไม่ได้ตื่นตระหนก ไม่ได้ให้งมงาย แต่เตือนเพื่อให้มีสติ และมีแนวทาง

 

การเตือนภัยพิบัติของ คุณ amminnie จขกท. และคุณอริยะบุญ ที่ถ่ายทอดสิ่งที่น้องตุ้ยได้พบเจอในฌานสมาบัติ ประมาทไม่ได้นะครับ ผมยังเชื่อว่ายังจะเกิดเหตุการณ์ แต่ความรุนแรงและวันเวลา อาจจะไม่ตรงเป๊ะ มาเริ่มฝึกสมาธิกันดีมั๊ย วิธีตกกระไดพลอยโจร เอาไว้ใช้ยามคับขัน หรือยามใกล้ตาย

จะใช้ได้ผลต้องเคยทำมาก่อน

หาเวลาว่างในแต่ละวันฝึกไว้แค่วันละ 5 นาที ถ้า 5 นาทีทำได้แล้ว เพิ่มเป็น 10 นาที นอกเหนือจากการภาวนาปกติ ถ้าทำได้แล้ว ยามคับขันก็จะทำได้

ปล่อยวางทั้งอดีต อนาคต และปัจจุบัน
อยู่กับความไม่มี ไม่เป็น
ว่าง สว่าง บริสุทธ์
หยุดการปรุงแต่ง หยุดการแสวงหา หยุดกิริยาจิต
ไม่มีอะไรเลย ไม่ยึดถืออะไรสักอย่าง

พระอริยเจ้ามีจิตไม่ส่งออกนอก จิตไม่หวั่นไหว จิตไม่กระเพื่อม
มีสติอย่างสมบูรณ์เป็นวิหารธรรม
มีสติอย่างสมบูรณ์เป็นเครื่องอยู่
ก็คือจิตบริสุทธ์
นีแหละคือจิตของพระอรหันต์
นี่คือนิพพาน

ย่อสั้นคือๆ " หยุดคิด อย่าส่งจิตออกนอก มีสติสมบูรณ์เป็นเครื่องอยู่ มีสติสมบูรณ์เป็นวิหารธรรม นี่คือจิตบริสุทธ์ แต่ไม่ได้คิดเอาน่ะ คิดเอาได้แค่สุขคติ ได้แค่พุธโธ แต่ถ้าทำจิตได้ นี่ได้นิพพาน พระอรหันต์ในปากเสือ"

ยกมาจาก กระทู้วิธีภาวนาแบบตกกระไดพลอยโจร หรืออรหันต์ในปากเสือ ของคุณ wisarn it

 

ขอบคุณ คุณขุนพิฆาต ขอบคุณที่นำข้อความดีๆ

มาบอกต่อกัน เป็นขอ้ความที่อ่านแล้ว ให้เกิดความรู้สึก

สว่าง กระจ่าง เคลียร์

 

โดนใจครับขอบอก จิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง


เรื่องคำเตือน บางครั้งเราต้องเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งยกย่องตัวเองว่ามีสติปัญญามากกว่าสัตว์เดียรฉานทั้งหลายทั้งปวง ฉะนั้น หากได้รับรู้ข่าวสารเรื่องใด หากเป็นเรื่องดี เป็นประโยชน์กับตัวเอง จิตจะยินดี จะเชื่อก่อน (คิดอย่างงี้อันตราย) แต่หากเป็นเรื่องไม่ดี เสียหายกับตัว กระทบกับตัว จิตก็จะต่อต้าน

คิดต่างเป็นเรื่องดีครับแต่อย่าแตกแยก

 

ืำnedsniper
มาดูกันชัด ๆ เลยนะ คุณเรยา ผมตอบPM ที่คุณส่งมาแล้วนะครับ
ยังกล้าเรียกอยู่ หน้าด้านมั้ยล่ะ คือกะจะไม่หยุดใช่มั้ย? ไอ้อันธพาล

1.เพราะคุณยอมรับเองใช่หรือไม่ "ถ้าชั้นเรยา คุนก้อเป็นสามีคุนเด่นจันทร์อ่ะค่ะ ( ฮาดีค่ะ" ในโพสต์ที่ 98 หน้า 5
ที่ชั้นยอมรับก้้อเพราะว่าจะได้ให้เรื่องมันจบๆไป แต่ฉไหนเลยคุณกลับไม่จบและยังตามราวีชั้นต่อ ถามว่า คุณสมควรเรียกชั้นมั้ยว่าเรยา ตั้งแต่แรก? ตอบ
คุณอันธพาลครองเมือง(ในเมื่อคุณหน้าด้าน ปากร้ายเรียกชั้นแบบไม่ให้เกียรติ ก้ออย่าหวังว่าคุณจะได้รับเกียรติ )ทุกคนในนี้รู้ว่าคุณมันหาเรื่องเพราะกระทู้ล่าสุด คุณก้อยังเรียกว่าเรยา คุณคิดว่าใหญ่โตมาจากไหน ไอ้คุณอันธพาล?
ถามว่า คุณไม่มีสิทธิ์เรียกชั้นว่าเรยา ตั้งแต่แรก? ตอบ

2.แล้วจากนั้น ผมก้อหลุด วลี คำว่า เซ็นเซอร์ (สะเออะ)ก็ออกมา(ชัดมั้ยว่าคุณพูด? ตอบ) "สมาธิไม่ใช่ Time Machine น่ะครับ จะเอามาอ้างเป็นตัวรับรองเหตุการณ์ "ก็อย่าสะเออะมาทำนาย (ก้อนี่ไงชัดๆที่คุณพูด ยอมรับเอง แล้วไง จะแก้ตัวอะไร?ตอบ...คุณอันธพาล เป็นแค่คนไม่รู้จักบ้าๆบอๆ มีสิทธิ์อะไรมาด่าชั้น? ตอบ)

มาพิจารณาหน่อยครับว่าผมว่าคุณตรงไหน ซึ่งก่อนหน้านี้ คุณก็ทะเลาะกับคุณ แมวน้ำ 9 แล้วพาลมาต่อกับผม ด้วยโพสต์ที่ 94 หน้า 5
ไม่ได้พาล แต่จงใจ"ด่าให้คุณสำนึก"เลยล่ะ เจาะจงคุณเต็มๆ เพราะคุณด่าชั้นว่า "สะเออะ"
สมควรมั้ยที่แค่ไอ้คนไม่รู้จักกันทางเน็ตอย่างคุณ จะมาใช้คะว่าสะเออะกับชั้น? มันแรงไปจริงหรือไม่? กรุณายอมรับและตอบ

ผู้มีปัญญาหลาย ๆ คน เขารู้ว่า คำว่าสะเออะ นั้นเจาะจงไปที่ใด และคำนี้ก็ไม่ได้มีขึ้นมาลอย ๆ ถูกต้องเจาะจงมาที่ชั้นไง คุณยอมรับเอง ยังจะกล้าประชดอีกหรอ? ตอบ

ผมก็ยินดีรบกับคุณทุกรูปแบบ เพราะในเมื่อผมเปิดเผยที่ซ่อนตัวแล้ว นั่นแสดงว่าเตรียมรบทุกรูปแบบอยู่แล้ว
คุณจะมารบกับชั้น??บ้ารึเปล่า??เล่นเกมเคาน์เตอร์มากไปหรอ?คิดว่า่ตัวเองเป็นทหารติดอาวุธประเทศไหน? นี่มันห้องพลังจิต ห้องธรรมมะ จะมาท้ารบกับชั้นที่นี่!? คุณบ้าไปแล้ว!

ผมก็ยินดีรบกับคุณทุกรูปแบบ เพราะในเมื่อผมเปิดเผยที่ซ่อนตัวแล้ว นั่นแสดงว่าเตรียมรบทุกรูปแบบอยู่แล้ว
คุณส่อเจตนาชัดเจนว่าหาเรื่อง จะเอากันให้ตายไปข้างนึง
นี่หรือคนพุทธ แห่งห้องพลังจิต??ธรรมมะอยู่ตรงไหน?" ตัวคุณ"มาเรียกชั้น เรยา "ด่าชั้นว่า สะเออะ" พอชั้นตอบโต้ ก็จะท้ารบ อะไรกันคุณ!
ชั้นสงสัยแล้วว่าคุณอายุเท่าไหร่ ที่คุณพูดมานี่มันเพ้อเจ้อ เหมือนเด็กที่ชอบเล่นไอ้เกมยิงปืนตามร้านเน็ตชัดๆ

ท้ารบ..เปิดเผยที่ซ่อนตัว..คำเหล่านี้ผู้ใหญ่มีวุฒิภาวะใครเขาใช้กัน? นี่ห้องธรรมมะ ไม่ใช่ห้องเสื้อแดงเสื้อเหลือง!

แล้วคุณ pm มาหาชั้น
ผมอยากจะบอกอะไรให้คุณรู้อย่างนะ sniper อย่างผม ถ้าเปิดให้คนอื่นเห็นตัวเองนั่นหมายความว่ายอมรบทุกรูปแบบ และจุดจบคือความตายเท่านั้น

แค่นี้ชัดแล้วค่ะ คุณจินตนาการเป็นตุเป็นตะว่ารบกับดิชั้นอยู่ แถมบอกว่าเป็น sniper อีก(ซุ่มอยู่บนตึกไหนไม่ทราบ จะได้ระวัง) จุดจบคือความตายเท่านั้น>>นั่นไปกันใหญ่แล้ว จะฆ่าจะแกงให้ตายกันเลยทีเดียว

เฮ้ย น้องนี่มันห้องธรรมมะพลังจิต โลกของผู้ใหญ่เขาคุยกัน ถ้าน้องจะซุ่มยิงปืน
ท้ารบ, เป็น sniper ,จุดจบคือความตาย-จะรบกันให้ตายไปข้างนึง น้องต้องกลับไปเล่นเกมยิงปืน ตามร้านเน็ทแถวบ้าน! เกมที่เขาให้เล่นเป็นทหารฝ่าด่าน เป็นนักแม่นปืน counterstrike แบบนั้นอ่ะ

พี่ไม่รู้น้องอายุเท่าไหร่นะ แต่ถ้าน้องกระหายสงคราม จะไปรบกับใคร หรือจะไปซุ่มยิงปืนให้ตายกันไปข้างนึง จงรู้ไว้นี่มันโลกแห่งความจริง! น้องต้องไปนู่น ห้องเสื้อแดง เสื้อเหลืองเขาเถียงกันจะเป็นจะตาย นี่ห้องพระพุทธศาสนา ไม่มีใครมารบมาสู้กับน้อง

แถมจะฆ่าพี่ให้ตาย มันเกินไปและน้อง ถ้าน้องอยากรบจริงๆไปสมัครเป็นทหารชายแดนภาคใต้สิ รับรองได้รบสมใจ ทุกรูปแบบอย่างที่น้องต้องการ ตายจริง! เจ็บจริง!
ได้เป็น sniper(นักแม่นปืน)อย่างที่น้องต้องการด้วย

แถมน้องยังได้ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติด้วย

หรืออยากจะเปลี่ยนมาเป็นผมบ้างก็ยินดี เพราะผมทันตาต่อตา ฟันต่อฟันอยู่แล้ว>>
สาส์นท้ารบอีกแล้ว เป็นอะไรมากมั้ยยยยย??? จะไปฟัน ไปรบกับใคร นู่นโจรภาคใต้เขาจัดให้ พี่มันคนธรรมดา ในยุคสมัยใหม่เล่นเน็ต เล่นคอม จะเอาปืนผาหน้าไม้อะไรไปรบกะน้อง??

(เปิดอู่ก็เจ๊ง เพราะช่างไม่รู้อะไรเลย) เผอิญพี่หุ้นกับเพื่อเปิดอู่อยู่ และก้อรุ่งเรืองเลยล่ะ

สรุปนะจ้ะ ไม่มีใครรบกับน้องที่นี่ คนที่นี่เขาพูดด้วยเหตุผลและคำสุภาพ เพราะเป็นผู้ใหญ่โตๆกันแล้ว
ถ้าน้องอยากรบ จะยิงใคร เป็น sniper สงครามเต็มรูปแบบ เอาให้ตายไปข้างนึง แบบที่น้องว่ามา น้องต้องไปสมัครเป็นทหารชายแดนภาคใต้ ไม่ก้อไปห้องเสื้อแดงเสื้อเหลือง หรือไม่ก้อกลับไปเล่นเกมยิงปืน counterstrike ตามร้านเน็ทเหมือนเดิมเหอะน้อง

 

คุณบวรคะ... "ถือว่านี้เป็นการแลกเปลื่ยนความรู้กันนะคะ" (สำหรับดิฉันก็เชื่อในเรื่องภัยพิบัติเช่นเดียวกันค่ะ) อย่างที่ดิฉันได้เคยยกเรื่องของ(หลวงปู่สรวง)มาเราสู่กันฟังเสมอๆ เรื่องการฝึกสมาธิเป็นเรื่องดีค่ะ เห็นด้วยอย่างยิ่งๆ ในสมัยก่อนตอนที่ ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยานท่านยังอยู่ ดิฉันได้มีโอกาสไปฟังธรรมกับท่านเสมอๆ (แต่ด้วยความ"เลว"ในตัวของดิฉันมีมากมายเหลือเกินจึงยังเอาดีไม่ค่อยได้ ความ"เลว"ยังมีอยู่มากเหลือเกิน) ในสมัยนั้นมีหลายท่านที่ได้ดีจากการฝึกจิต แต่ไม่มีใคร(กล้า)ออกมาเล่าให้ผู้อื่นได้รู้เลยจริงๆค่ะ ทั้งๆที่ก็ได้รับคำยกย่องจากครูบาอาจารย์ เรื่องแบบนี้ส่วนใหญ่เค้าจะไม่เอาออกมาเล่าในที่(สาธารณะ)กันค่ะ(จะบอกเฉพาะคนใกล้ชิดเท่านั้น) เพราะมันอาจจะ(เฝือ)ได้ทุกเมื่อและถ้า(นิวรณ์เข้าแทรก)(อุปาทาน)ก็จะเล่นงานเอาได้อีกค่ะ นี่ดิฉันไม่ได้(ดูถูก)ในการปฏิบัติของท่านหนึ่งท่านใดนะคะ เพียงแต่มาเล่าสู้กันฟังค่ะ อย่าถือโทษกันนะคะ ขอบคุณค่ะ<!-- google_ad_section_end -->

 

อยากเถียงเหมือนคนอื่นบ้าง แต่เถียงไม่ออก 555 เพราะเห็นจริงด้วยทั้งข้อ 1 และ ข้อ 2 เมืองไทยเรา (ไม่มองประเทศอื่นหรอก)เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ... ผมว่า เรามาเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสกันดีกว่า
แทนที่เราอ่านคำเตือนภัยพิบัติต่าง ๆ เป็นเรื่องเหลวไหล ไร้สาระ งมงาย เราเอาคำเตือนเหล่านั้นมาเป็นอารมณ์การปฏิบัติที่เรียกว่า มรณานุสสติกรรมฐาน
น่าจะสงบกว่าที่จะตระหนก กลัวตาย เพราะหากเกิดขึ้นจริงยังงัยเราก็หนีไม่พ้นหรอก
การวิปัสสนากรรมฐาน ทุกวันนี้ทำได้ยาก เนื่องจากปัจจัยด้านความสะดวกสบาย ทำให้ประมาท หลงในสิ่งที่สมมุติขึ้นมาว่า นี่คือสุข ลืม คำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลืมไตรลักษณ์ ลืมโลกธรรม ๘ ทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะสิ่งที่สมมุติขึ้นมาว่า นี่คือสุข
เมื่อมีผู้มาบอกกล่าว เตือนภัยพิบัติ เรารับรู้แล้วน้อมเข้าหาความตาย เอาความตายมาเป็นอารมณ์ หรือที่เรียกว่า มรณานุสสติกรรมฐาน ดีด้วย ไม่สร้างกรรมกับใครด้วย อารมณ์เราก็ไม่เดือด ไม่ร้อน


ขออภัยครับ หากใครอ่านแล้วรบกวนจิตใจท่าน หากผมกล่าวผิดโปรดชี้แนะด้วยครับ