อาการ 28 อย่างที่บ่งบอกว่าคุณกำลังเลื่อนระดับขึ้น (Ascending) หรือวิวัฒน์ขึ้น สู่ปี 2012

มีตรงหลายข้ออยู่หมือนกันครับ แต่ผมมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่งคือรู้สึกว่า ผมจะต่อสู้กับกิเลสอย่างแรงอยู่สิครับ หรือเรียกว่าผมกำลังเลวลงเรื่อยๆ ยังหลงอยู่ออกมายากเหลือเกิน ทั้งที่รู้สึกตัวอยู่ตลอด เฮ้อ....เหมือนกับว่าเขาให้ผมเลือกเอาอยู่ 2 อย่างว่า จะอยู่หรือจะไป

 

ถ้าคุณได้อ่านข้อความจากต่างมิติมาบ้าง
และมากพอที่จะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรได้แล้ว
คุณจะไม่พูดแบบนี้เลย..

จริงอยู่ว่าทางเลือกอิสระ ว่าจะยกระดับตัวเองขึ้นหรือไม่นั้น
มันเป็นของเราแต่ละคน ที่ต้องเลือกเอง

แต่ประเด็นที่ผมอยากกล่าวก็คือ เพราะว่าระดับพลังงานของโลกที่กำลังสูงขึ้นเรื่อยๆนี้
ทำให้ร่างกาย จิตใจ และทุกสิ่งทุกอย่างของมนุษย์และทุกอย่างบนโลก
รวมถึงกาลเวลาด้วย ถูกกระตุ้น ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

กาลเวลากำลังถูกกระตุ้นให้เร็วขึ้น
ร่างกายเนื้อ กายทิพย์ กายละเอียด ฯลฯ ของมนุษย์
กำลังถูกกระตุ้นให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จากระดับ DNA
และระดับแก่นแท้ของพลังงาน ของสนามออร่าต่างๆ

สิ่งไม่ดีใดๆที่แอบแฝงอยู่ ซ่อนเร้นอยู่ในความทรงจำ
ในจิตใต้สำนึก ใน DNA ในนิสัย-สันดาน ของเรา
กำลังถูกปั่น ให้ขึ้นมาป่วนอยู่ เพื่อที่เราจะได้มีโอกาสได้เผชิญหน้ากับมัน เร็วขึ้น
โดยที่ไม่ต้องรอนานๆ เหมือนแต่ก่อนแล้ว

การเผชิญหน้ากับกิเลสเหล่านี้ ต่างมิติบอกว่า คือวิธีการกำจัดมันออกไป
ไม่ใช่ใช้วิธีการกดทับมันไว้ด้วยอำนาจแห่งสมาธิ หรือฌาณ ใดๆทั้งสิ้น
และการเผชิญหน้าที่ว่านี้ ก็คือการยอมรับมัน เฝ้าดูมันเฉยๆ
ไม่วิเคราะห์วิจารณ์มัน ไม่ปรุงแต่งมันเพิ่ม ไม่ตัดสินชี้ถูกชี้ผิดมัน

เฝ้าดูมันไปเรื่อยๆ ยอมให้มันมีอยู่ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มันด้วยใจจริง
แล้วก็ขอบคุณมันที่มันอยู่กับเรา ที่มันทำกับเรามาตลอด ไม่ว่าอะไรก็ตาม

จากนั้นก็ให้จินตนาการว่ากำลังโอบกอดมันด้วยความรักแบบไร้เงื่อนไข
จินตนาการว่ากำลังแผ่แสงสว่างเจิดจ้าขาวบริสุทธิ์ไปให้มันอยู่
พร้อมกับแผ่ความรักความเมตตาจากใจจริงไปให้มัน
แล้วก็ค่อยๆส่งมันกลับคืนไปสู่แหล่งกำเนิดเดิมแท้ของมัน

อะไรแบบนั้น ..ลองอ่านดูในกระทู้นี้นะครับ

http://palungjit.org/threads/inelia-%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B9%8C-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2012-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-ascension-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81.293099/

เรื่อง "แบบฝึกหัดเพื่อจัดการกับความกลัว"

ผมคิดว่าน่าจะใช้ได้กับทุกกรณีครับ

.......................................

 

Love Love Love Love........

 

ยังต้องพิสูจน์กันต่อไป รอเวลา
ส่วนตัวผมไม่เชื่อว่า28ข้อนี้จะกำหนดแบ่งแยกคนที่ตื่นได้
ผมเชื่อว่าตัวคนตั้งคำถามเข้าใจมากขึ้นเลยเอามาเป็นมาตรฐานสำหรับผู้ที่จะทำตาม
ในทางตรงข้ามคำถามพวกนี้อาจทำให้คนบางกลุ่มอาจสร้างกำแพงปิดกั้นความคิดเพิ่มขึ้น
แต่ไงๆคนทุกคนก็สามารถพัฒนาตัวเองได้อยู่ตลอด ไม่ว่าจะล้มเหลวแค่ไหนก็ตาม
นับพันๆหมื่นๆปีที่คนเราพัฒนาตัวเองต่อเนื่องและยังคงพัฒนาต่อไป
คนทุกคนมีความสามารถนี้ ความสามารถที่จะพัฒนาตนเองหรือความรู้
ภูมิปัญญาทั้งด้านจริยธรรม การปกครอง เกษตร เทคโนโลยี พลังงาน และด้านจิตวิญญาณ
และผมก็ไม่เชื่อว่า2012จะทำให้คนตื่นทางจิตวิญญาณมากขึ้นจนผิดปกติ
แค่เชื่อว่าหากมีภัยพิบัติ กลุ่มคนที่เข้าหาทางจิตวิญญาณหรือธรรมชาติมากขึ้น
เหมือนกับว่าคนมากมายไปเข้าพิธีกรรม แต่คนส่วนน้อยฝึกฝนตนเองและเหลือแบ่งให้ผู้อื่น
ในทางตรงกันข้ามคนที่ไม่คิดพัฒนาตัวเองเบียดเบียนผู้อื่นก็น่าจะเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
เนื่องจากการขาดแคลนทรัพยากรของมนุษย์

ทางลัดไม่มี ทางตรงไม่มี ทางเกิดขึ้นเพราะคนสร้าง เลือกบทบาทหน้าที่ตัวเองให้ถูกก็พอ

 

เห็นด้วยครับ..รอพิสูจน์กันต่อไปครับ
ซึ่งมันก็อีกไม่นานนี่นะ..

แต่ว่าจะรออยู่เฉยๆ หรือว่าจะก้าวขึ้นไปด้วยหละครับ
นั่นก็เป็นทางเลือกอิสระของแต่ละคนเองนะครับ

.........................................................

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...การปลดปล่อย-ชำระล้าง-และสร้างขึ้นใหม่.293190/

ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
เรื่อง: The Eclectic Eclipse - Triad

วันที่: 25 พฤษภาคม 2011
ผู้รับการสื่อสาร: Tyberonn

ที่มา:
The Eclectic Eclipse-Triad > Tyberonn


ตอนที่ 3:

พวกคุณกำลังอยู่บนเส้นทางแล้ว


...มันก็มักจะมีผู้ที่สงสัย, และผู้ที่ปฏิเสธความจริงแบบนี้อยู่เสมอๆนั่นแหละ
ซึ่งพวกเขาก็มักจะพูดว่าการเลื่อนระดับขึ้น (Ascension) จะไม่เกิดขึ้น
เพราะว่ามนุษย์โลก ไม่มีความสามารถมากพอ
ที่จะบรรลุถึงระดับจิตสำนึกขึ้นสูงที่ศักดิ์สิทธิ์แบบนั้นได้

แต่ว่าความจริงก็คือ พวกคุณได้ประสบความสำเร็จอย่างที่คาดหวังไว้แล้ว
การเลื่อนระดับขึ้นตอนนี้เป็นที่แน่นอนแล้ว มันกำลังปรากฎออกมาให้ได้ประจักษ์แล้ว!

จริงๆแล้วมันดำเนินมาตั้งแต่ 2 ทศวรรษที่แล้วแล้ว แต่พวกคุณส่วนใหญ่ก็ยังไม่ยอมให้เครดิตตัวเองเลย
ว่าพวกคุณเองนั่นแหละ คือผู้นำทางมันมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง พวกคุณหลายคนก็ยังไม่รู้ว่า
ผลงานที่พวกคุณได้พากันทำเอาไว้ในทั้งสองฟากของเครื่องพราง ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมานั้น
ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงโลกที่คุณเกิดมานี้ ให้ไปสู่คลื่นความถี่ และกระบวนทัศน์ใหม่
ที่แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิงอย่างไรบ้าง...

...และพวกเราอยากจะบอกกับพวกคุณว่า มันจะเป็นการเลื่อนระดับขึ้น
ที่จะจุดประกายให้เกิดการเคลื่อนไหวที่สำคัญๆในระดับโลก ของมวลหมู่มนุษย์ชาติ
ที่จะเลื่อนระดับขึ้นต่อไปอีกในสองถึงสามทศวรรษข้างหน้านี้เลยทีเดียว

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปด้วยความสมัครใจทั้งสิ้น โดยการเลือกเองทั้งสิ้น
และเมื่อถึงเวลานั้น มันก็จะไม่มีอีกแล้วสงครามโลก ไม่มีอีกแล้วความอดยากหิวโหย

พวกคุณจะได้เห็นว่าในวันที่ 21 ธันวาคม 2012
การเลื่อนระดับขึ้นของโลก และของมวลหมู่มนุษยชาติก็จะเกิดขึ้น

แต่ก็อย่าเพิ่งคาดหวังว่าโลกในมิติที่ 3 ที่พวกคุณเห็นอยู่ในตอนนี้
จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีอย่างรวดเร็วแบบนั้น
เพราะว่ามันยังจะต้องใช้เวลาต่อไปอีกราวๆ 3 ทศวรรษ...

…………….

 

ผม 22/28 ครับ
ไม่รวมข้อแถมท้าย ทุกวันเย็นเดินออกไปปากซอยหรือไปไหน หมาที่บ้าน 4 ตัวจะล้อมหน้าล้อมหลังเป็นขบวนเลยครับ ยังกะเป็นเจ้าพ่อหมา 55+

 

ผมไม่มีเลยซักข้อครับ

 

ของผม กับแฟนได้ 28/28

เกิดมา 28 ปี เหมือนผ่านชีวิตมาทั้งชีวิต

จริงๆ รู้ตัวมาสักพักแล้ว แต่กระทู้นี้เหมือนมาบอกว่า "มันเป็นเช่นนั้นเอง"

ปล. 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเริ่มเข้าใจเลข 28 ที่วนเวียน และเปลี่ยนชีวิตผมไปสิ้นเชิง

ขอบคุณทุกๆ สิ่งครับ...

 

http://palungjit.org/threads/สัญญาณของเทพ-ที่ผ่านมาทางตัวเลข.292813/page-2

Angel Numbers

a message from Doreen Virtue
Saturday, 5 July, 2008

ตอนที่ 7

การผสานตัวเลข ในชุดตัวเลขของเลข 2

...เลข 2 กับ เลข 8 : เช่น 288 หรือ 282

- ประตูบานหนึ่งกำลังเริ่มที่<wbr>จะเปิดออกมา
และประตูบานอื่นๆก็<wbr>เริ่มจะปิดลง
(หมายความว่าทุกปั<wbr>ญหามีทางแก้ไข....ผู้แปล)

จงแน่ใจว่าคุณได้ฟัง ญาณหยั่งรู้ของพวกคุณอย่างใกล้<wbr>ชิดที่สุดแล้วอยู่ ณ ตอนนี้
เพราะมันจะนำทางไปตามขั้นตอนที่จะให้ความมั่นใจกับคุณ
ที่<wbr>จะคงความมั่งคั่งสมบูรณ์ไว้ได้ ในช่วงระยะเวลาของการเปลี่<wbr>ยนแปลง

 

ขอบคุณคุณ Chayutt สำหรับข้อมูลดีๆนะคะ ตรงมากๆค่ะ เหมือนได้รับคำตอบที่ติดค้างในใจมานาน

อยากจะแชร์เรื่องของตัวเองบ้าง เผื่อใครเคยเป็น แต่ไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไงดี ปกติก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลย ไม่มีใครเข้าใจ

 

มีอะไรก็เล่าสู่กันฟังได้นะครับ
เผื่อว่าอีกหลายๆคนจะได้กลับไปสังเกตตัวเองบ้าง

ผมก็เข้าใจความรู้สึกของคนที่ไม่เชื่อ และไม่มีอาการอะไรแบบนี้เลยอยู่นะ
แต่ก็นั่นแหละ..อย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองจะไม่มี..มันอาจจะเริ่มขึ้นเร็วๆนี้ก็ได้
โดยเฉพาะ..ถ้าคุณเป็นผู้แสวงหาสัจธรรมของชีวิตคนหนึ่งอยู่แล้ว
คนแบบนี้จะพลาดยาก..ที่จะไม่ร่วมอยู่ในกระบวนการเลื่อนระดับขึ้นนี้
แม้ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม..

และถ้าใครที่ไม่หูหนวก-ตาบอด หรือดื้อดึงจนเกินไปนักหละก็
ก็คงจะพอเอะใจอยู่บ้างกระมัง..ว่ามันกำลังมีอะไรเกิดขึ้นกับโลก
และรวมถึง ทั้งระบบสุริยะนี้อยู่..

..ซึ่งแน่นอนว่า ต้องหมายถึง..กับมวลหมู่มนุษยชาตินี้ด้วย..
รอดูกันไปอีกซักพักสิครับ..ปลายปีนี้อาจจะมีการเปิดเผยตัวของรูปธรรมชีวิตจากนอกโลก
และพวกเขาก็จะมาเปิดเผยสิ่งต่างๆที่เป็นที่คาใจของมนุษย์โลกอยู่มากมาย
ให้พวกเราได้รู้ และรวมถึงเรื่องการเลื่อนระดับขึ้นนี้ด้วย..

...............................

 

จุดประสงค์ในการเขียนแชร์เรื่องของเรา ก็เพื่อบันทึกเรื่องของตัวเองในแง่มุมหนึ่งที่ไม่เคยบันทึกไว้ในไดอารี่เล่มไหนๆ
เป็นการบันทึกเรื่องชีวิตที่ผ่านมาของเราในแง่ของจิตวิญาณเท่าที่จะสามารถจดจำได้ในเวลาที่เขียนนี้ และถือเป็นการแชร์ประสบการณ์ไปในตัว
อาจจะยาวสักนิดนะคะ เพราะไม่เคยเล่าเรื่องของตัวเองในแง่มุมนี้เลย มีอะไรนึกได้ก็เขียนๆออกมา
ใครตั้งใจมาอ่านเรื่องพลังจิตหรืออภินิหาร ก็ข้ามไปเม้นท์นี้ไปเลยนะคะ ^ ^

(ใครเห็นต่างไป ก็อย่าถึงกับเขียนโจมตีกันนะคะ
เพราะการที่จะมาแชร์เรื่องประสบการณ์ส่วนตัวก็ต้องใช้ความกล้าในระดับหนึ่งทีเดียว)

ที่ผ่านมาชีวิตผ่านการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง แต่ครั้งที่รุนแรงและสำคัญที่สุด เริ่มเมื่อสิบปีก่อน

เราเป็นโรคซึมเศร้าอย่างไม่ทราบสาเหตุ (แต่ก็พยายามหาสาเหตุให้มัน ไปพบจิตแพทย์) แต่ลึกๆในใจจะรู้ตัวตลอดว่าเราไม่ได้เป็นโรค
มีอาการตามที่ได้อ่านมาเกือบทุกอย่างเลยค่ะ ยกเว้นพวกพลังจิตต่างๆ
ตอนนั้นรู้สึกเหมือนโดนรีบูทตัวเอง เกิดการไขว่คว้าหาคำตอบให้ชีวิตในหลายๆเรื่อง
เริ่มคิดว่า ชีวิตมันมีอะไรมากกว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย และเกิดใหม่
เริ่มศึกษาทุกอย่างที่พอจะไขว่คว้าหามาได้ในตอนนั้น และเกิดการตกตะกอนทางความคิด
เริ่มสวดมนต์ นั่งสมาธิ
(ไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไง นึกอะไรได้ก็พิมพ์เลยนะคะ อาจจะงงๆบ้าง)
เห็นเลขซ้ำๆบ่อยมาก 1111 2222 วันละหลายๆครั้ง (เป็นปีเลยค่ะ)
เบื่ออาหาร ปวดหัวบ่อย ดื่มน้ำมาก
ตื่นตีสอง ตีสาม ฝันเสมือนจริงมากจนรู้สึกเหมือนไม่ได้นอน
สามารถฝันต่อเนื่อง ในการหลับอีกครั้ง (เหมือนฉายหนังภาคต่อ)
หนึ่งครั้งฝันว่าหลุดออกจากร่างกาย ใส่ชุดนอนที่ใส่อยู่คืนนั้น บินเลียบน้ำทะเลไปที่ที่อยากไปตอนนั้น
แต่ฝันที่เกิดเป็นประจำคือ โดนไล่ล่า โดนฆ่า และสงครามต่างดาว
แต่ก็มีหลายครั้งที่ฝันว่าอยู่ในโลกใต้น้ำ น้ำท่วมโลก หายใจในน้ำได้
คนอื่นอาจจะมองว่าเพ้อเจ้อ แต่เราว่ามันมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นกับเรา

(มีต่อ ..... )

 

(....ต่อ)
ตอนนั้นรู้สึกแปลกแยกจากสังคม รู้สึกว่ามีสิ่งที่ต้องทำแต่ยังไม่รู้ว่าอะไร
รู้สึกว่ามีพลังมากมายไหลเวียน แต่ไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้
รู้สึกว่าเรามาจากที่อื่นและมาอาศัยพ่อกับแม่เกิด(รู้สึกผิดแต่ว่ามันรู้สึกแบบนี้เอง ไม่ได้พยายามจะปั้นแต่ง เพราะจริงๆเป็นคนที่รักและสนิทกับพ่อแม่มากๆ)
รู้สึกว่าสัญชาติญาณเต็มเปี่ยม ไม่รู้จะอธิบายยังไง
หลายครั้งร้องไห้โดยไม่มาสาเหตุ มันเหมือนมีพลังเยอะ ไม่รู้จะระบายออกยังไง
ความรู้สึกสัมผัสไวกว่าเมื่อก่อนมาก(แต่ไม่ได้มีพลังจิตขนาดหูทิพย์ตาทิพย์นะคะ)
รู้สึกว่าโลกมนุษย์เป็นที่โหดร้ายป่าเถื่อน รู้สึกว่าการที่ต้องเรียน ทำงาน หาเงิน สร้างครอบครัว เป็นเรื่องไร้สาระ
ไม่รู้สึกกลัวความตาย ไม่รู้สึกอยากได้อะไร รู้สึกอยากไปอยู่ในป่าเขา
รู้สึกว่าสภาพแวดล้อมสกปรกแม้แต่อากาศ
พูดกับตัวเองในหัวประจำ รู้สึกเหมือนมีอีกคนอยู่ในตัวเอง
สามารถเยียวยาอาการปวดหัวและไมเกรนได้เองโดยไม่ต้องทานยา
หดหู่ ไร้พลังสร้างสรรค์ ทั้งๆที่แต่ก่อนไอเดียบรรเจิด
อยากปิดสวิชตัวเองได้(ไม่ใช่อยากตาย)
แต่รู้สึกอย่างแรงกล้าว่าเราต้องช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
รู้สึกไม่กลัวถ้าต้องตายในหน้าที่ที่ได้ช่วยเหลือโลก
รู้สึกถึงความเชื่อมโยงของพลังงานทุกอย่าง
เรื่องราวในประวัติศาสตร์ ศาสนา ความเชื่อ คิดว่าทุกอย่างมาจากที่เดียวกัน
และทุกคนเท่าเทียมกัน
(แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีการพยายามปฏิเสธสิ่งแปลกปลอมที่เกิดขึ้นกับตัวเองเสมอ
ไปพบจิตแพทย์เพื่อหาคำอธิบายทางการแพทย์
ทานยา เพราะตอนนั้นก็แอบกลัวว่าจะกลายเป็นคนสติไม่ดีไปจริงๆ สับสนมาก)

มีเรื่องยิบย่อยมากมายค่ะ เดี๋ยวจะยาวเกิน
เอาเป็นว่าพอผ่านมรสุมการเปลี่ยนแปลงมาได้ ก็เหมือนเป็นคนละคน
นิสัยเปลี่ยนไป บุคลิกบางอย่างเปลี่ยนไป ตัวเบา มองเห็นโลกแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
เหมือนตื่นนอนด้วยความสดใส สติสัมปชัญญะครบถ้วนสมบูรณ์
เริ่มเข้าใจถึงคำว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แม้เราจะเป็นแค่ขั้นแบเบาะก็ตาม
เราเริ่มรู้ว่าต้องช่วยเหลือคนและโลก แต่ยังไม่รู้จะเริ่มยังไง
ประกอบกับเริ่มทำงาน เห่องาน เลยเริ่มเฟดเรื่องนี้ ตั้งใจทำงาน หาเงิน ใช้จ่าย
และเริ่มกลับมาเหมือนจะซึมเศร้าอีก เพราะรู้สึกว่าไม่ใช่ทางที่ต้องการเดินจริง
ทั้งๆที่หน้าที่การงานดี เงินเดือนดี แต่เหมือนไม่ใช่ เหมือนมาผิดทาง
เลยตัดสินใจลาออกจากงาน ไปเยี่ยมแฟนที่ต่างประเทศ
และผ่านจุดเปลี่ยนในชีวิตอีกมากมาย
ระหว่างนั้นก็พยายามเรียนรู้ ยกระดับจิตใจของตนเองและช่วยเหลือคนรอบข้าง
ประกอบกับทางบ้านเริ่มสนใจนั่งสมาธิกันมากขึ้น บางท่านเกิดนิมิต
ทำให้ตัวเองเริ่มสนใจนั่งสมาธิขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากไม่ได้นั่งมานาน
แต่ก็ฝึกแบบขี้เกียจๆ จนกระทั่งไม่นานมานี้ได้มาอ่านบทแปลของคุณChayutt จริงๆจัง รู้สึกเหมือนตัวจิ๊กซอที่หายไปได้กลับมาแล้ว

(มีต่อ....)

 

(....ต่อ)
ขอเท้าความว่าเด็กๆมาจากครอบครัวอบอุ่น ไม่มีพี่น้อง แต่ก็ไม่ได้โดนสปอยล์อย่างที่คนมักจะคิด
สนใจเรื่องดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เป็นพิเศษ
แต่เวลาใครถามมักจะตอบว่าอยากเป็นนักบินอวกาศ (สมัยนั้นมีแต่คนอยากเป็น หมอ ครู ตำรวจ)
รู้เองแต่เด็กว่ามีมนุษย์ต่างดาวอยู่จริง มันเป็นหลักตรรกะง่ายๆของจักรวาลที่เรารู้ได้เองหากหมั่นศึกษา
และคิดว่าใครๆก็รู้ แต่ถ้าไปพูดกับคนอื่นๆวัยเดียวกันเค้ากลับว่าเป็นเรื่องเหลวไหล
ไม่ใช่แค่เชื่อนะคะ แต่รู้ว่ามี (เป็นคนเชื่อในการรู้ มากกว่าการเชื่อเฉยๆ)
คุณพ่อสมัยเด็กๆท่านเคยเห็นยานบินทรงซิการ์นะคะ แต่ท่านไม่ได้ปลูกฝังให้มาทางนี้นัก
เข้าใจว่าท่านกลัวว่าจะเข้ากับเพื่อนๆไม่ได้ แต่เราสนใจและติดตามมาแบบหลวมๆไม่ตื่นเต้นมากเพราะรู้ว่ามันมีอยู่แล้ว
แต่มาศึกษามากขึ้นหลังจากที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิต ในหลายๆด้านพร้อมๆกัน

เราเป็นคนจดจำความฝันได้ดีตั้งแต่เด็ก ฝันที่บ่อยมากตอนเด็กๆคือ มีชายในชุดคลุมสีดำมาหา มองไม่เห็นหน้า
เรากลัวมากพยายามหลบใต้เก้าอี้เตี้ยๆที่พ่อใช้วางลำโพง ฝันบ่อยติดๆกันสมัยขวบสองขวบ
พอโตมาเลยกลายเป็นคนนอนเปิดไฟ จนทุกวันนี้ยังแก้ไม่หาย
แต่ก็เป็นคนตาแพ้แสงด้วย ทำให้นอนคนเดียวลำบากมากๆค่ะ
หลับยากเย็น ต้องพึ่งการสวดมนต์และทำสมาธิ

ตั้งแต่เด็กจนโต เป็นคนที่คิดบวก ไม่ค่อยทันความคิดชั่วของคนอื่น เชื่อคนง่าย แต่สัญชาติญาณดี
เป็นคนเปิดเผย ไม่มีความลับ รักธรรมชาติและสัตว์มาก ถึงขนาดคิดว่าชาติที่แล้วเกิดเป็นสัตว์มาก่อน(คิดว่าหลายคนอาจจะเคยรู้สึกแบบนี้นะ โดยเฉพาะคนที่ชอบคุยกับสัตว์)
เคยตั้งใจว่าจะตามรอยลุงสืบ นาคะเสถียร แต่ที่บ้านไม่ยอม
เคยมีเพื่อนแปลกๆคนนึงบอกว่า เราเหมือนมีแสงสว่างออกจากตัว ทำให้คนรอบข้างรู้สึกสบายใจ
พอเข้ามหาลัยก็มีเพื่อนแปลกๆอีกคนมาพูดแบบเดียวกัน เค้าบอกว่าเห็นออร่า แต่จำรายละเอียดไม่ได้แล้ว
แปลกอีกอย่าง ตั้งแต่เด็กๆ เราเป็นคนที่คิดอะไรมักจะได้อย่างที่คิดจริงๆ โดยที่ไม่ต้องเรียกร้อง (คนละอย่างกับอยากได้ของแล้วพ่อแม่ซื้อให้ทันทีนะคะ คนละเรื่องกันเลย)
จนบางทีกลัวตัวเองค่ะ กลัวว่าถ้าปล่อยอารมณ์เผลอคิดร้ายจะกลายเป็นจริงขึ้นมา

แปลกที่ทำอะไรมักจะสำเร็จ เมื่อต้องการความช่วยเหลือ มักจะได้ทันทีค่ะ (ดีนะที่ไม่ใช่คนมักใหญ่ใฝ่สูง)
เป็นคนไม่ค่อยเชื่อในความบังเอิญ
เริ่มรู้ถึงกลไกของพลังบางอย่างมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร
จนตอนหลังอ่านหนังสือฝรั่งเค้าเรียกว่า Law of Attractions อ่านแล้วตกใจ

(มีต่อ....)

 

(....ต่อ)
ปกติไม่ได้สนใจศาสนาอะไรเป็นพิเศษ ชอบที่จะศึกษาทุกศาสนาไปพร้อมๆกัน
บางคนบอกว่าเราเป็นคนบาป และเราแอบรู้สึกผิด
แต่เราแค่ชอบและนับถือในคำสอนดีๆของแต่ละศาสนา
เคยมีเพื่อนคริสเตียนนำพาให้เปิดใจรับพระเจ้า
เพิ่งเข้าใจถึงความอบอุ่นที่ไหลเข้ามาจากกระหม่อมลง ไหลไปทั่วตัวเลย น้ำตาไหล
เหมือนที่เคยอ่านในหนังสือ เพิ่งรู้ว่ามีจริงๆ คนเขียนเค้าไม่ได้โม้
หลังจากนั้นมีการพูดคุยกับพระเจ้าบ้าง แต่ต้องบอกก่อนว่าไม่ได้เป็นคริสเตียนนะคะ
ไม่ชอบการไปโบสถ์ ไม่ชอบคนเยอะๆ ไม่ชอบพิธีกรรมอะไรก็ตาม เกลียดการโน้มน้าวใจแบบมากเกิน
พอศึกษาไปเรื่อยๆรู้สึกเหมือนกับว่าคำสอนบางอย่างมันถูกปรุงแต่งเพื่อนัยยะซ่อนเร้นของกลุ่มคนระดับผู้นำ
เรารู้สึกว่าพระเจ้ามาจากที่เดียวกัน แต่คนนำมาตีความแตกแยกออกไป
แต่พระเจ้าที่เราคุยอยู่เป็นประจำ อาจจะเป็นตัวเราที่อยู่สูงกว่า หรือ Higher-self
ไม่ได้ศึกษาแล้วเอามาจินตนาการนะคะ รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ มันน่าตกใจ
แต่ตอนนั้นรู้สึกว่าการสอนแบบคริสเตียนก็เป็นกุศโลบายในการใช้พลังของจักรวาลในทางลัดอีกวิธีนึง
แต่การจะทำได้ต้องเชื่อหมดใจอย่างไร้ข้อกังขา ซึ่งทำได้ยากสำหรับคนยุคใหม่
สิ่งที่ค้นพบเอง แม้มันจะไม่ได้เป็นเรื่องอภินิหาญ แต่ก็ไม่กล้าพูดเล่าให้ใครฟัง(จนกระทั่งวันนี้)
กลัวจะขัดแย้งกับเพื่อนที่เคร่งศาสนา และกลัวคนอื่นจะหาว่าเราอยากจะเหนือคนอื่นหรือเปล่า
คือมันไม่ใช่ความเชื่อ แต่มันเป็นความรู้ที่เกิดขึ้นเอง
แต่พยายามจะไม่สนใจมัน เพราะคิดว่ามันไม่ใช่สาระสำคัญระดับชาติ
ตั้งแต่ช่วงเปลี่ยนแปลง มันเหมือนกับเวลาสนใจศึกษาอยากรู้เรื่องอะไรข้อมูลมันจะหลั่งไหลมาเอง
ไม่เข้าใจว่าทำไม บางทีถึงกับปวดหัวเพราะพยายามประมวลผล

สมัยก่อนที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง เป็นคนมั่นใจสูง ทำได้ดีในทุกวิชาไม่ว่าศาสตร์หรือศิลป์ แอบคิดว่าตัวเองสูงกว่าคนอื่นลึกๆ และต้องการจะเก่งขึ้นไปอีก
แต่ไม่ใช่คนที่บุคลิกเย่อหยิ่งอะไรนะคะ เพื่อนเยอะมาก แต่ก็มีแต่เพื่อนเก่งๆ
แต่เมื่อผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญมาได้ พบว่าเราและทุกคนเหมือนกัน
ไม่มีใครวิเศษวิดโสกว่าใครเลยจริงๆ ไม่ว่าจะรวยจน เรียนเก่งหรือไม่เก่ง
คิดว่าทุกคนเปลี่ยนได้หมด
รู้สึกว่าเราเป็นแค่หนึ่งเศษธุลีในจักรวาล แต่เราก็มีความรักให้ทุกคนและทุกอย่าง
รู้สึกถึงความรักที่แผ่ออกจากตัวเองออกไป รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของคนรอบข้างเรา ทั้งคนที่เรารักและชัง
จริงๆพออธิบายเป็นคำพูดมันฟังดูเว่อร์นะคะ แต่มันเป็นแบบนี้จริงๆ
แต่มันก็มีบ้างละ ที่อารมณ์ด้านมืดเข้าครอบงำจนรู้สึกเกลียดชังหลายๆอย่าง
ส่วนมากเกิดจากความเหนื่อยในการทำสิ่งที่ต้องฝืนใจ
รู้สึกดีใจที่ผ่านจุดนั้นมาได้ รู้สึกขอบคุณทุกอย่างที่ทำให้มีวันนี้ทุกวัน

(มีต่อ.....)

 

(....ต่อ)
เมื่อเร็วๆนี้พยายามฝึกจิตเบื้องต้น ที่คุณ Chayutt แปลมาจากอเนเลีย
ที่สอนให้เฝ้ามองดูสิ่งที่น่ารังเกียจ นิสัยแย่ๆในตัวเรา แล้วสังเกตมัน โอบกอดมันด้วยความรัก ประมาณนั้นน่ะค่ะ
อ่านแล้วมันแปลกๆนะ แต่ก็ลองทำดู แล้วก็ทำได้จริงๆดีใจ
เพราะที่ผ่านมาเวลาเราเผลอทำสิ่งไม่ดี หลายๆครั้งเข้าก็จะเริ่มเกลียดตัวเองในส่วนนั้น
ว่าทำยังไงถึงจะกำจัดมันได้ แต่ก็ไม่เคยทำได้มากก่อน
พบว่าวิธีของอเนเลียทำได้ไม่ยากและได้ผลดีจริงๆ
ขอบคุณมากค่ะที่แปลเรื่องดีๆมาให้พวกเราได้อ่านกัน ^ ^

สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่า ไม่ว่ามันจะเกิดหรือไม่เกิดอะไรขึ้น
ไม่ว่าคนที่เข้ามาอ่านจะเชื่อหรือไม่

การฝึกจิตเพื่อเลื่อนระดับจิตใจก็เป็นผลดีแก่ตัวเองและคนรอบข้างจริงๆ ไม่ว่าพลังจิตจะเกิดหรือไม่ สาระสำคัญอยู่ที่ความสุขสงบในใจเรามากกว่า ขอให้ยึดมั่นในความดี และมีจิตเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลก เปิดใจให้กว้าง แค่นี้น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการใช้ชีวิตที่เหลือต่อๆไปนะคะ

 

ขออนุโมทนากับคุณ Iosis ด้วยนะครับ
ที่ผ่านจุดผกผันนั้นมาได้แล้ว..

คาดว่าอีกหน่อยก็คงจะก้าวหน้าไปกว่านี้อีก
และค้นพบภารกิจของตนเองได้ในที่สุด
ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลหรอกครับ เขาบอกว่า
มันก็คือสิ่งที่เราถนัด หรือสิ่งที่เราชอบทำอยู่แล้วนั่นแหละครับ
หรือก็คือ ความเป็นตัวเราเองนั่นแหละครับ

ผมเองก็ดีใจนะครับ ที่สิ่งที่ผม และ "พวกผม" ทำอยู่
ยังพอจะมีประโยชน์ต่อคนอื่นๆอยู่บ้าง
แม้ว่าหลายๆคน อาจจะมองว่า และปักใจเชื่อว่า
พวกผมกำลังทำลายศาสนาของพวกเขาอยู่ก็ตาม

โมทนาด้วยอีกครับหนึ่งนะครับ..

................................................

 

อนุโมทนากับคุณ Iosisด้วยเช่นกันค่ะ อ่านแล้วคล้ายๆกับตัวเองหลายอย่าง โดยเฉพาะที่อยากจะเป็นนักบินอวกาศ เวลาที่ครูถามในห้องเรียนว่าโตมาอยากเป็นอะไร พอเราตอบเพื่อนๆชอบหัวเราะขำ ครูเองก็ทำหน้าอึ้งๆคงเพราะรู้ว่าเป็นเรื่องยากมากๆ เลยกลายเป็นตัวประหลาดมาตั้งแต่เด็กๆ โตมาเลยตอบว่าอยากเป็นตำรวจทั้งๆที่ไม่เคยอยากเป็นเลย

ตั้งแต่เด็กผ่านเรื่องราวประหลาดมาตลอด งงๆกับหลายๆเหตุการณ์ จนมาเจอกระทู้นี้เช่นกันเลยได้คำตอบว่ามันเป็นเช่นนั้นเพราะอย่างนี้นี่เอง

 

ดีใจที่เจอคนที่อยากเป็นนักบินอวกาศเหมือนกันค่ะ พอเข้ามาที่นี่ก็รู้สึกดีที่ได้เจอคนที่มีประสบการณ์แปลกๆคล้ายๆกันนะคะ สมัยก่อนถูกทำให้เชื่อมาตลอดว่าเราจิตไม่ปกติ แย่จังเน้อ แต่ก็ผ่านมาแล้ว

(แอบรู้สึกว่าแชร์เรื่องตัวเองเยอะไปไหมเนี่ย ฮาาา อีกสองวันจะกลับมาลบดีกว่า)

 

ขอบคุณค่ะ ไว้มีโอกาสถ้าไม่รังเกียจ คุณ Mawmee ช่วยแชร์เรื่องแปลกๆบ้างนะคะ เราชอบฟังเรื่องคนอื่นมากกว่า พอเล่าเองแล้วมันเขิลเหมือนกันนะ