เพื่อการกุศล ร่วมถวายเทียน ๑๐๘ เล่ม-ร่วมปล่อยปลา ๑๐๘ ตัวทุกสัปดาห์ และบุญอื่น ๆ หน้า ๑๒๐ ค่ะ..

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=bd_th_blk_11_pd10 vAlign=top align=left>Transfer has been made according to the following details.</TD></TR><TR><TD class=pd20 bgColor=#f4f4f4 vAlign=top align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%"><TBODY><TR><TD width=30></TD><TD width=189 align=left>From Account</TD><TD class=bd_en_blk11 width=355 align=left></TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>Account No.</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>0802550227</TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>New Balance</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>3,564.72 Baht</TD></TR><TR><TD></TD><TD align=left>To account</TD><TD class=bd_en_blk11 align=left></TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>Account No. – Account nickname</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>3200070544 - พระบุญเลิศ อฺคคปัญโญ</TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>Account Name</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>พระบุญเลิศ อคคปญโ</TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>Bank Name</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>KRUNG THAI BANK PUBLIC COMPANY LTD.</TD></TR><TR><TD></TD><TD align=left>Transfer Option</TD><TD class=bd_en_blk11 align=left></TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>Transfer Option</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>Real-time</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=15 vAlign=center align=left></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%"><TBODY><TR><TD width=30></TD><TD width=189 align=left>Amount transferred</TD><TD class=bd_en_blk11 width=355 align=left></TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>Amount</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>4,188.00 Baht</TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>Fee</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>25.00 Baht</TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>Description</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>ร่วมบุญถวายหลังคากุฎิ วัดป่าร่มไทร จ.สุรินทร์</TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>Transaction Date - Time</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>11/07/2011 - 15:48:56</TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>Account Debit Date - Time</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>11/07/2011 - 15:48:56</TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left></TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=15 vAlign=center align=left></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%"><TBODY><TR><TD width=30></TD><TD width=189 align=left>Notification to Recipient</TD><TD class=bd_en_blk11 width=355 align=left></TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>Notification</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>SMS</TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>Email</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left></TD></TR><TR><TD></TD><TD class=bd_th_blk_11_rtlt_10 align=left>Mobile Phone Number</TD><TD class=bd_th_blk_11 align=left>0812829766



</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

ในนามกองบุญสมเด็จพระพุทธวิปัสสีโภคมหาบพิตร ได้โอนเงินร่วมบุญถวายหลังคากุฏิ จำนวน ๔,๑๘๘ บาท

ขออนุโมทนาบุญทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ได้รับพัสดุ ตามรายการที่จองแล้วค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับคุณเจษฎากับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

..ประวัติดวงแก้วศิลาอาสน์นวสี....

​

ย้อนหลังไปก่อนพระพุทธเจ้าพระนามว่า “สรณังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า” จะทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมโพธิญาณ มีนครหนึ่งนามว่า ตันตปุระนคร มีพระเจ้าตติบวรราชา เป็นกษัตริย์ครองเมืองด้วยความร่มเย็นตลอดมา

ในนครนั้น จัดให้มีโรงทาน อยู่ ๔ ทิศโดยทุกทิศจะมีโรงทานสำหรับนักบวช นักเดินทาง และคนจรอนาถา โดยผู้ดูแลโรงทานทั้งหมดนี้ เป็นพระอนุชาของพระเจ้าตติบวรราชา นามว่า เจ้าชายตติบดินทร์ ผู้มีจิตใจอ่อน สุขุม และเปี่ยมด้วยเมตตานอกจากนี้เจ้าชาย ได้มีหน้าที่บำรุงสมณะชีพราหมณ์ทั้งหลายด้วย

ส่วนด้านการรบการทหารนั้น พระเจ้าตติบวรราชา ได้มอบหมายให้พระอนุชาองค์เล็กดูแลกองทัพ และกองเสบียงทั้งหมด นามว่า เจ้าชายตติปรเมศวร์ ผู้มีความเข้มแข็งและกล้าหาญ

ต่อมาพระเจ้าตติบวรราชา เกิดความเบื่อหน่ายในครองราชย์สมบัติ จึงได้เชิญเจ้าชายตติบดินทร์ พระอนุชาคนรองเข้าเฝ้า และตรัสยกราชสมบัติให้แก่เจ้าชายตติบดินทร์

ส่วนเจ้าชายตติบดินทร์นั้น ปกติทรงเป็นผู้รักความสงบ และชอบในงานสาธารณประโยชน์ และพระศาสนา ทรงปฏิเสธการครองราชย์ จึงได้มอบให้แก่เจ้าชายตติปรเมศวร์ ทรงรับทราบ และรู้สึกเบื่อหน่ายทางโลกเช่นกัน เนื่องจากพระองค์ทรงงานหนักในการเดินทัพไปรบต่างเมืองตลอดมา ทรงปฏิเสธการครองราชย์สมบัติเช่นกัน
<O</O

เมื่อกษัตริย์ทั้ง ๓ เห็นว่า การครองเรือนล้วนเป็นทุกข์ อีกทั้งสามพระองค์ไม่มีพระชายา จึงไม่มีผู้สืบทอดราชบัลลังก์

พระเจ้าตติบวรราชา ทรงตั้งจิตอธิษฐานเสี่ยงทายราชรถ ราชรถนั้นได้วิ่งไปที่ชายหนุ่ม นามว่า “ปุตตกะมานพ” เป็นบุตรของคนเลี้ยงม้า ซึ่งอยู่ห่างจากพระราชวังประมาณครึ่งโยชน์ ปุตตกะมานพนั้น เป็นผู้ที่มีปัญญาเฉียบแหลม มีน้ำใจไมตรี

เมื่อเห็นราชรถมาเกย และทราบความต้องการของพระราชาของตน จึงได้น้อมรับคำเชิญ และได้ปกครองบ้านเมืองด้วยความร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา
<O</O

เมื่อพระตติบวรราชา และพระอนุชาทั้งสองได้ออกบวชบำเพ็ญสมณธรรมแล้ว ได้บรรลุอภิญญา ๕ โดยท่านตติบวรดาบส มักมีปกติในการเข้าฌานสมาบัติบนแท่นศิลาในป่าช้า เชี่ยวชาญพิจารณาอสุภะและจตุวัฏฐาน ๔
ท่านตติบดินทร์ดาบส มักมีปกติในการเข้าสมาบัติและเจริญพรหมวิหาร ๔ ในป่าใหญ่ ท่านมีวาจาอันศักดิ์สิทธิ์ และเชี่ยวชาญในเรื่องมโนมัยกาย หรือมโนมยิทธิ

ส่วนท่านตติปรเมศวร์ ท่านมีความเชี่ยวชาญในวิชาธาตุ ๔ และเลิศด้วยฤทธิ์ ปกติท่านมักจะระเบิดน้ำ เพื่อลงเข้าฌานสมาบัติในถ้ำ ปากทางเข้านาคพิภพ

เมื่อหลังจากพระดาบสทั้ง ๓ ออกบวชได้ ๒๒ ปี จึงได้ทราบข่าวการบังเกิดขึ้นขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า “พระพุทธสรณังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า” ด้วยทิพยจักขุญาณ พระดาบสทั้งสามทราบว่า พระองค์จะได้เสด็จผ่านมาทางป่าที่ตนได้บำเพ๊ญเพียรอยู่ ท่านทั้งสามจึงได้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสเข้าฌานสมาบัติ และเนรมิตดวงแก้ว เพื่อถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระตติบวรดาบสได้เนรมิตดวงแก้วขึ้นมา ๑ ดวง นามว่า “ดวงแก้วศิลาอาสน์นวสี” ชื่อของดวงแก้วมาจากสถานที่ที่ท่านเข้าสมาบัติ เพื่อเนรมิตดวงแก้วนั่นเอง

ส่วนพระตติบดินทร์ดาบส ได้เนรมิตดวงแก้วนามว่า “แก้วรัตนวลีพรพิมล” อันหมายถึง พรที่อันบริสุทธิ์เกิดจากวาจาอันศักดิ์สิทธิ์ของท่าน
ลักษณะของท่านเปี่ยมด้วยความเมตตา ท่านตติบดินทร์จะสูงโปร่งกว่าพระดาบสองค์อื่น

และพระตติปรเมศวร์ดาบสนั้น ท่านเชี่ยวชาญฤทธิ์ทางน้ำ ได้เนรมิตขึ้นมาเป็นคู่นามว่า “แก้วชลธารสุนีนาถ” และ“แก้วทิพยอาสน์รัตนบดี”
<O</O

ส่วนคุณสมบัติของดวงแก้วทั้ง ๔ นั้นมีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไปตามคำอธิษฐานจิตของพระดาบสผู้เนรมิตดวงแก้วขึ้นมา

ครั้นเมื่อองค์พระพุทธสรณังกรพุทธเจ้าได้เสด็จมา พระดาบสทั้ง ๓ ได้ถวายดวงแก้ว เพื่อเป็นพุทธบูชา และเปล่งวาจาปรารถนาที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาลทั้งสามพระองค์

เมื่อละโลกแล้วพระดาบสทั้ง ๓ เกิดเป็นพรหมชั้น ๑๑ และรอลงมาเกิดเพื่อได้รับการพยากรณ์ในยุคของพระศรีอาริยเมตไตรยค่ะ

 

รายละเอียดดวงแก้วศิลาอาสน์นวสี
​

ดวงแก้วศิลาอาสน์นวสี ขณะนี้มีกายสิทธิ์ทั้งสิ้น ๑,๐๘๑,๕๐๐ องค์ โดยมีพระศิวมันตราเทพบุตร เป็นหัวหน้ากายสิทธิ์ ปัจจุบันท่านอยู่ชั้นนิมมานรดี (สวรรค์ชั้น ๕)

คุณสมบัติ​

๑.มีพลังงานของพระสรณังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า เนื่องจากหลังจากพระองค์รับถวายดวงแก้วแล้ว ได้ประดิษฐานอยู่ที่คันธีกุฏิของพระองค์ เมื่อหมดยุคพระศาสนาของพระสรณังกรพุทธเจ้าแล้ว ดวงแก้วนี้จะถูกนำไปเก็บที่คลังมณีรัตนะแห่งนาคพิภพ รวมกับดวงแก้วอื่น ๆ
๒.ดึงดูดทรัพย์ให้เพิ่มพูน ช่วยเรื่องกิจการค้า
๓. รักษาทรัพย์เดิมไม่ให้เสื่อม
๔. ล้างคุณไสย อวิชชา
๕. ปรับธาตุภายในร่างกายให้สมดุล
๖. รักษาโรคไทรอยด์เป็นพิษ โดยการนั่งสมาธิต่อหน้าดวงแก้ว และอธิษฐานจิต
๗. ช่วยในการฝึกอาโลกสิน เมื่อสำเร็จจนสามารถติดต่อกับท่านตติบวรดาบส สามารถเรียนการฝึกอสุภกรรมฐาน และจตุวัฎฐาน ๔
๘. ดึงดูดกัลยาณมิตรให้เข้ามา
๙. ส่งเสริมทำให้จิตเข้มแข็ง
๑๐. ป้องกันภัยพิบัติ
๑๑.ป้องกันภูตผีปีศาจ
๑๒. เสริมด้านปัญญาไหวพริบ ปฎิภาณ
๑๓. ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข
๑๔. ใช้ฝึกวิชาเดินลมปราณ ตามเหตุผลข้อ ๗
๑๕. อธิษฐานเสี่ยงทายได้
๑๖. อธิษฐานในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ(ไม่เกินกรรม)

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai

 

..ดวงแก้วรัตนวลีพรพิมล

รายละเอียดดวงแก้วรัตนวลีพรพิมล​

ดวงแก้วรัตนวลีพรพิมล มีขนาดรอบวง ๒๔.๘๐ นิ้ว น้ำหนักกว่า ๑๑ กิโลกรัม อธิษฐานจิตโดยพระตติบดินทร์ดาบส ผู้มีปกติเปี่ยมด้วยความเมตตา กระแสแห่งดวงแก้วมีความเย็นดุจลมพัดยามเช้า

เดิมมีกายสิทธิ์ทั้งสิ้น ๙๙๕,๙๐๐ องค์ ปัจจุบันมีกายสิทธิ์ ๙๙๘,๙๐๐ องค์ โดยมีพระศุภสีห์ยันตระเทพบุตร เป็นหัวหน้ากายสิทธิ์ ปัจจุบันท่านอยู่ชั้นดุสิต
<O</O
<O</O

<O</O​

คุณสมบัติ<O​

<O</O​

๑. มีพลังงานของพระสรณังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า เนื่องจากหลังจากพระองค์รับถวายดวงแก้วแล้ว ได้ประดิษฐานอยู่ที่คันธีกุฏิของพระองค์

เมื่อหมดยุคพระศาสนาของพระสรณังกรพุทธเจ้าแล้ว ดวงแก้วนี้จะถูกนำไปเก็บที่คลังมณีรัตนะแห่งนาคพิภพ รวมกับดวงแก้วอื่น ๆ

๒. เปลี่ยนจากเรื่องร้ายกลายเป็นดี
๓. ดึงดูดทรัพย์
๔. เพิ่มพูนทรัพย์เดิมให้มากขึ้น มีความคล่องตัวเรื่องทรัพย์
๕. ป้องกันภัยพิบัติ คือ โจรภัย อุทกภัย อัคคีภัย และวาตภัย
๖. ดวงแก้วนี้จะเป็นผู้นำรัตนะอีก ๖ ประการ มาให้ โดยเป็นของละเอียด
๗. ป้องกันภูตผีปีศาจ
๘. ป้องกันสัตว์มีเขี้ยวทุกชนิด
๙. คุ้มครองภัยให้ครอบครัว
๑๐. ช่วยเจริญพรหมวิหาร ๔
๑๑. ช่วยรักษาโรคปอด ตับ ไต
๑๒. อธิษฐานเสี่ยงทายได้
๑๓. อธิษฐานในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ (ไม่เกินกรรม)
๑๔. กายสิทธิ์ในดวงแก้วรัตนวลีพรพิมล สามารถติดตามกายสิทธิ์อื่น ๆ ได้ตามบุญบารมีของผู้เป็นเจ้าของ
<O</O

วันที่ ๓๐ มิย. ๕๔ ท่านตติบดินทร์ได้มา ลักษณะสูงโปร่ง โครงหน้าคล้ายแขกขาว ผิวขาว สะอาด มีเคราสีขาวยาว ลักษณะของท่านเปี่ยมด้วยความเมตตา ท่านตติบดินทร์จะสูงโปร่งกว่าพระดาบสองค์อื่น ท่านกล่าวว่า..

“เราคือ ตติบดิทร์ดาบส เราขออนุโมทนาบุญกับเธอที่ส่งข่าวให้แก่ลูกหลานของเรา ผู้ที่จะได้ดวงแก้วของเราไปนั้น ล้วนเป็นเครือญาติของเราแต่อดีต ดวงแก้วนี้จะปรากฏ เพื่อช่วยเหลือให้ญาติของเรามีความคล่องตัวในการเงิน เพื่อจะได้บำรุงพระศาสนาได้ง่ายขึ้น
</O
ผู้ใดหากปรารถนาดวงแก้วนี้ ขอให้รักษาอุโบสถศีล อย่างน้อยวันพระ ทั้งข้างขึ้นและข้างแรม” เมื่อดวงจิตบริสุทธิ์ ก็จะมีบุญที่จะได้ดวงแก้วนี้ไปครอบครอง"

หมายเหตุ น้องหน้าใส เกี่ยวข้องกับท่านในอดีตเคยเกิดเป็นหลานของท่าน และมารดาของน้องหน้าใส เคยเป็นธิดาของท่านตติบดินทร์ คนละชาติในยุคพระสรณังกรพุทธเจ้าค่ะ



<O
ขออนุโมทนาบุญกับน้องหน้าใส ผู้เป็นเจ้าของดวงแก้ว และทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ

Numsai</O

 

ท่านใดสนใจประมูลดวงแก้วชลธารสุนีนาถ-แก้วทิพยอาสน์รัตนบดี เพื่อร่วมบุญสร้างพระพุทธรูป ๔ ศอก..


ขอเชิญอ่านรายละเอียดได้ที่...

http://palungjit.org/threads/ขอเชิญ...พยอาสน์รัตนบดี-เพื่อสร้างพระ-๔-ศอกค่ะ.297824/

 

ขออนุโมทนาบุญกับน้องน้ำตาลด้วยค่ะ ขออภัยด้วยค่ะ เรื่องจักรแก้ว พี่ทราบว่า คราวนี้เจ้าของเป็นผู้ชาย จึงไม่ได้เรียนให้ทราบค่ะ


ฝันเห็นดวงแก้ว ตามตำราท่านว่า จะพบเนื้อคู่ อิอิ..หรือมีลาภใหญ่ค่ะ (ไม่ใชลาบนะจ๊ะ)

หรืออีกตำรา ท่านว่า ชีวิตจะดีขึ้น มีความเป็นสิริมงคลค่ะ

ขออนุโมทนาบุญทุก ๆ บุญของน้องเช่นกันค่ะ

P'Numsai

 

ขออนุโมทนา สาธุ กับทุกท่านค่ะ

อย่าลืม..ทำบุญร่วมกันสร้างพระชำระหนี้สงฆ์กันนะคะ

__________________________
สัพเพ สังขารา อะนิจจา สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง

 

สวัสดีค่ะ คุณ benjar 93

ยินดีต้อนรับเข้าสู่นครสัตตรัตนะค่ะ (นครแห่งรัตนะทั้ง ๗ ) เรื่องที่ได้อ่านเป็นปัจจัตตัง เป็นความรู้ที่ได้สมาธิ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ

สำหรับท่านที่ได้ร่วมบุญในกองบุญนี้ ก็ได้ร่วมบุญหลากหลาย รวมทั้งสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ด้วยค่ะ

ขออนุโมทนาบุญที่เข้ามาร่วมแชร์ความเห็นค่ะ

บุญรักษาค่ะ

Numsai

 

น้องอยากได้ลาบมากกว่านะคะท่านพี่ โคราชอาหารไม่ค่อยอร่อยเลยค่ะ
ขอลาบอร่อย ๆ ซักจาน น่าจะดีกว่าเนื้อคู่นะคะ อิอิ


วันนี้มีประวัติวัดพระธาตุบังพวนมาฝากค่ะ
ขอเชิญท่านผู้สนใจอ่านได้เลยค่ะ....เริ่มจากความเห็นด้านล่างนะคะ

 

<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> พระธาตุบังพวน

โดย : ปิ่น บุตรี

ทุกปี ๆ ช่วงคืนวันออกพรรษา ในแม่น้ำโขงจังหวัดหนองคาย โดยเฉพาะที่ อ.โพนพิสัย จะมีปรากฏการณ์ “บั้งไฟพญานาค”เป็นลูกไฟประหลาดพวยพุ่งขึ้นมาจากใต้ลำน้ำโขง

บ้างก็ว่าบั้งไฟพญานาค เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ บ้างก็ว่าเกิดจากน้ำมือมนุษย์ และบ้างก็(เชื่อ)ว่าเกิดจากการกระทำของพญานาค เพราะจังหวัดหนองคายได้ชื่อว่าเป็น “เมืองพญานาค”

นอกจากบั้งไฟพญานาคแล้ว ในจังหวัดหนองคายยังมีความเชื่อ(ส่วนบุคคล) เกี่ยวกับพญานาคอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ความเชื่อว่า มีเมืองมีวังพญานาคอยู่ที่นี่ มีถ้ำประหลาดที่เชื่อกันว่าเป็นถ้ำพญานาค มีคนเคยเห็นสัตว์ตัวยาวในแม่น้ำโขงที่เชื่อกันว่าเป็นพญานาค มีร่องรอยที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นรอยพญานาค มีวัดที่เกี่ยวพันกับพญานาค รวมไปถึงมีพระธาตุที่มีความเกี่ยวโยงกับพญานาค อย่าง “พระธาตุบังพวน” ประดิษฐานอยู่

พระธาตุบังพวน เป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองหนองคาย ตั้งอยู่ในวัดพระธาตุบังพวน ต.พระธาตุบังพวน อ.เมือง ตามตำนานอุรังคธาตุกล่าวว่า ในสมัยพุทธกาลพื้นที่แห่งนี้คือ“ภูเขาลวง” ริมน้ำบางพวน (หรือภูลวง) เป็นที่อยู่อาศัยของพญานาค ครั้นเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับยังดินแดนแถบลุ่มน้ำโขง พญานาคได้มาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ ทำให้ดินแดนแห่งนี้ถูกยกให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

 

<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->
จากนั้นในสมัยของพระเจ้าจันทน์บุรี เจ้าผู้ครองนครเวียงจันทน์ (ตามตำนานกล่าวไว้อย่างนั้น แต่ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าคือพระองค์ใด ยุคสมัยใด) ได้มีพระอรหันต์ 5 องค์ เดินทางไปยังเมืองราชคฤห์ อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุกระดูกหัวเหน่ากลับมา แล้วจึงสร้างพระธาตุขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ภูลวง

ส่วนอีกข้อมูลหนึ่งระบุว่ามาจากตำนานอุรังคธาตุเหมือนกัน แต่ที่มาของการกำเนิดพระธาตุไม่เหมือนกัน คือ เชื่อว่า หลังการก่อสร้างพระธาตุพนมเสร็จสิ้น เหล่าพระอรหันต์ 500 องค์ที่ทำการสร้างพระธาตุพนมได้เดินทางไปอินเดีย อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า นำมาประดิษฐานไว้ยังสถานที่ 4 แห่ง ในเมืองหนองคายและเมืองเวียงจันทน์ โดยหนึ่งในนั้นก็คือ พระธาตุบังพวนนั่นเอง

นั่นเป็นที่มาคร่าวๆจากตำนานอุรังคธาตุ ซึ่งแตกต่างไปจากตำนานความเชื่อพื้นบ้านที่แม้จะไม่ได้ระบุยุคสมัยการสร้าง พระธาตุบังพวน แต่ได้ระบุว่าคำว่า“บังพวน” แผลงมาจากคำว่า“บังคน” (หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า“ขี้โผ่น”)ที่แปลว่ากระเพาะปัสสาวะ ซึ่งเชื่อว่าพระธาตุองค์นี้ภายในบรรจุพระบังคนหนักของพระพุทธเจ้าเอาไว้

 

<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->

ในขณะที่หลักฐานทางโบราณคดีไม่สามารถระบุชัดเจนได้ว่าพระธาตุบังพวน สร้างขึ้นในสมัยใด แต่สันนิษฐานว่าอย่างน้อยน่าจะสร้างขั้นก่อนสมัยพระเจ้าโพธิสาลราช(กษัตริย์ ล้านช้าง) แล้วมีการบูรณะครั้งสำคัญในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช แห่งอาณาจักรล้านช้าง โดยทำการก่อพระธาตุองค์ใหญ่ครอบพระธาตุองค์เดิมไว้ ซึ่งสันนิษฐานว่าพระธาตุองค์เดิมเป็นสถูปแบบอินเดีย

กระทั่ง ปี พ.ศ. 2513 เกิดภัยธรรมชาติจนพระธาตุบังพวนพังทลายลงมา จากนั้นในปี พ.ศ. 2520 ทางกรมศิลปากร ได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุขึ้นมาใหม่ตามแบบรูปทรงเดิม และทางวัดจัดให้มีการเฉลิมฉลองสมโภชองค์พระธาตุกันทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี

พระธาตุบังพวนมีรูปแบบงานศิลปกรรมเป็นธาตุเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมแบ่งเป็นช่วงๆ ซ้อนชั้น ลดขนาดเรียวแหลมขึ้นไป ดูสวยงามสมส่วน

ในวัดพระธาตุบังพวนนอกจากจะมีพระธาตุบังพวนเป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็น เจดีย์ประธานแล้ว ยังมีสิ่งน่าสนใจอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สถูปเจดีย์เก่าแก่ พระพุทธรูปโบราณศิลปะล้านช้างที่น่าสนใจยิ่ง โบสถ์โบราณที่เหลือเพียงซากอิฐก่อระดับเอว รวมถึงสถานที่เกี่ยวกับพญานาคอีกแห่งหนึ่ง นั่นก็คือ “สระมุจลินท์” หรือ “สระพญานาค” สระน้ำเก่าแก่สุดคลาสสิค ที่มีตำนานเล่าว่า หลังอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าบรรจุไว้ในองค์พระธาตุ ได้เกิดปรากฏการณ์ประหลาด มีสายน้ำพวยพุ่งออกมาจากพื้นดินซึ่งเชื่อว่านี่คือปากปล่องภูพญานาคที่เฝ้า ปกปักรักษาพระธาตุบังพวน จึงมีการขุดเป็นสระน้ำขึ้นตามมาในภายหลัง

 

สระพญานาค มีการสร้างรูปปั้นพญานาค 7 เศียรอันขรึมขลังสวยงามคลาสสิคไว้กลางสระ สระแห่งนี้ถือเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัด สมัยโบราณเมื่อมีการแต่งตั้งเจ้าเมืองก็จะมีการนำน้ำจากสระนี้ไปสรงเพื่อ ความเป็นสิริมงคล ส่วนในปัจจุบันน้ำในสระแห่งนี้ถูกนำไปใช้ในพิธีสรงมูรธราชาภิเษก พิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา และพิธีศักดิ์สิทธิ์สำคัญๆในรัชกาลปัจจุบันเป็นประจำ

ของดีในวัดพระธาตุบังพวนยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะในวันที่ผมเข้าไปเที่ยวชมวัด ท่านเจ้าอาวาสแนะนำว่า เมื่อมาที่นี่แล้วต้องอย่าพลาดการชม “สัตตมหาสถาน”โบราณ ที่เป็นของดีระดับโลก หลงเหลือในโลกนี้อยู่เพียงไม่กี่แห่ง ในเมืองไทยมีที่วัดเจดีย์เจ็ดยอด เชียงใหม่ และที่วัดสุทัศน์ กทม.


<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> สัตตมหาสถาน เป็นการจำลองสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า 7 แห่ง (7 สิ่ง) ได้แก่


โพธิบัลลังก์ : สถานที่ที่พระพุทธเจ้าประทับตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์เป็นเวลา 7 วัน
ภายหลังการตรัสรู้ในช่วงสัปดาห์แรก จากนั้นจึงเสด็จลงจากวัชรอาสน์


อนิมมิสเจดีย์ : สถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับยืนทอดพระเนตรโพธิบัลลังก์ในสัปดาห์ที่ 2
เป็นเวลา 7 วันโดยมิได้กะพริบพระเนตร อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของโพธิบัลลังก์


รัตนจงกรมเจดีย์ : สถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จจงกรมในสัปดาห์ที่ 3 อยู่ 7 วัน
เพื่อแสดงปาฏิหาริย์ และบรรเทาความกังขาของเทวดา


<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->รัตนฆรเจดีย์ : สถานที่ที่พระพุทธเจ้าประทับนั่งพิจารณาพระอภิธรรมปิฎกในสัปดาห์ที่ 4
เป็นเวลา 7 วัน ในเรือนแก้วที่เทพยดานิมิตถวาย


อชาปาลนิโครธเจดีย์ : สถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จประทับได้ต้นไทรซึ่งเป็นที่พักของคนเลี้ยงแพะ เป็นเวลา 7 วัน
เพื่อเสวยวิมุตติผลสมาบัติในสัปดาห์ที่ 5 โดยทรงมีพุทธฎีกาต่อนางมารว่า พระองค์ทรงละซึ่งกิเลสหมดสิ้นแล้ว


มุจลินทเจดีย์ : สถานที่ที่พระพุทธเจ้าประทับใต้ต้นจิกเสวยวิมุตติผลเป็นเวลา 7 วัน ในสัปดาห์ที่ 6
ใกล้สระน้ำ โดยมีพญานาคนาม “มุจจลินท์” ขึ้นมาแผ่พังพานป้องกันลมฝนให้พระพุทธองค์


ราชายตนะเจดีย์ : สถานที่ที่พระพุทธเจ้าประทับใต้ต้นเกดเสวยวิมุติผลสมาบัติเป็นเวลา 7 วัน
โดยมีพระอินทร์ถวายผลสมอทิพย์ และมี 2 พาณิชย์หนุ่มถวายข้าวสัตตุ จึงเกิดปฐมอุบาสกในพุทธศาสนาขึ้น


และนั่นก็เป็นสัตตมหาสถาน 7 แห่งในวัดพระธาตุบังพวนที่ชวนยลด้วยความที่เป็นของดีหายากมีไม่กี่แห่งในโลก ซึ่งท่านเจ้าอาวาสกระซิบบอกว่า

“สัตตมหาสถานที่ยังหลงเหลือซากโบราณมาตั้งแต่ยุคอดีตถึงปัจจุบันครบ 7 สิ่ง มีที่นี่แห่งเดียวในโลกเท่านั้น”



หากต้องการทราบประวัติโดยละเอียด กรุณาไปที่ :
http://www.watprathatbangphuan.com

 

เกร็ดตำนาน :

ท่านแม่ของตาลเคยเล่าให้ฟังบ่อย ๆ ตั้งแต่สมัยตาลยังเป็นเด็กค่ะ
ท่านเล่าถึงวันที่พระธาตุล้มลงมาคือวันที่ 21 มิถุนายน 2513
ขณะนั้นท่านยังเป็นเด็ก แต่ได้มีโอกาสเห็นสมบัติอัศจรรย์ในพระธาตุ
ท่านเล่าว่ามีทรัพย์สมบัติมากมายบรรจุในเจดีย์ ทั้งทองคำ เพชร นิล จินดา
และชาวบ้านบางคนก็ได้แอบเอาสมบัติเหล่านั้นออกไปด้วย
และมีญาติของตาลบางคนได้เก็บรักษาลูกแก้วใส ๆ จากองค์พระธาตุไว้ด้วยค่ะ (เกี่ยวกับลูกแก้วจักรพรรดิไหมนะ?)
นอกจากนั้นยังมีการค้นพบพระพุทธรูปเก่า ๆ มากมายในพระเจดีย์ค่ะ
(ภาษานักเลงพระเครื่องคงพูดกันว่ากรุแตกกระมังคะ)


วันดีคืนดีก็มีผู้ร่ำลือว่าพบชีปะขาวท่านนึง ผมขาวโพลนทั้งศีษะ สวมเสื้อผ้าสีขาวทั้งชุด
มาสักการะพระธาตุเพียงลำพังกลางดึก
พอชาวบ้านสอบถามว่าท่านมาจากไหน? ชีปะขาวก็ชี้เข้าไปในป่าใกล้กับห้วยใหญ่ พูดเสร็จก็เดินหายไปในความมืด



ปล. ขออภัยพี่เจษฎาและพี่น้ำใสนะคะ ช่วงนี้ฝนตกหนักตอนเย็นเกือบทุกวันเลยค่ะ เลยไปโอนเงินไม่ได้
อุตส่าห์ยอมฝ่าฝนไปโอนวันนี้ ตู้ฝากเงินดันเสียอีก คิดว่าพรุ่งนี้คงสามารถโอนเข้ากองทุนได้เรียบร้อยค่ะ
ถ้าเรียบร้อยแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะเจ้าคะ

 

พี่น้ำใสคะ เมิลปิดกระทู้สร้างถนนแล้วนะคะ รวบรวมปัจจัยถวายหลวงพ่อได้ตามเป่าหมายแล้วคะ เมิลจะมาขอบคุณพี่น้ำใสนะคะ เพราะว่าตามลายเซ็นต์พี่มากระทู้นี้ เลยได้พอกับพระคาถารวมทรัพย์ ก่อนสวดคาถานี้ เมิลก็จะอธิษฐานให้สามารถรวบรวมเงินสร้างถนนให้หลวงพ่อได้สำเร็จนะคะ สวดเพื่อหลวงพ่อโดยเฉพาะ แล้วก็สามารถรวมรวมเงิน 68,000 บาท ได้ภายใน 2 อาทิตย์ ตามพี่มาได้เจอแต่สิ่งดี ๆ บางทีสวดบทนี้ก็ปิติมากเลยคะ สวดไปน้ำตาไหลไป

 

อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ คุณเมิล

 

อนุโมทนาบุญ ทั้งหมด ทั้งมวล

 

เมื่อวานนี้ เวลา 18.45 น. หมายเลขอ้างอิง A014B322 โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ 2144064587 จำนวน 380 บาท แล้วจ้า

มหาโมทนาบุญทุกบุญกับทุกท่านและพี่น้ำใส ทั้งหมดทั้งมวลจ้า สาธุ...สาธุ...สาธุ

 

อ่านที่คุณน้ำตาลว่า น่าไปเที่ยวที่พระธาตุเหลือเกิน รู้สึกเหมือนขอบตาร้อนๆ น้ำตาอยากจะไหล ถ้าไปถึงที่นั่น จะรู้สึกยังไงนะ

คุณน้ำตาลฝันถึงดวงแก้ว เขาฝันถึงผู้ชายตรงๆเลย ในฝันเขาทำอะไรกันอยู่ไม่รู้สองคน เหมือนเราจะไปช่วยเขายกของอะไรสักอย่าง คนนึงในนั้นก็หันมาพูดกับอีกคนนึงว่า เพราะมันเป็นคนยังงี้นี่แหละ ถึงได้ชอบมันจัง

เอ่อ พูดอะไรกัน นู๋ได้ยินนะ มาบอกชอบกันยังงี้นู๋กะเขิลล์แย่ 555 ฝันดีฝันเด่นจริงๆจังๆ ชิมิ แต่เขาไม่ได้ชอบเราแบบเป็นคู่เป็นคี่อะไรดอกนะ มองหน้าและท่าทางแล้ว เหมือนเขาจะเอ็นดูแบบน้องแบบนุ่งอะไรแบบนี้มากกว่า แป่วววว

มีข้อสังเกต เพิ่งสังเกตว่าวันไหนที่เอาดวงแก้วมานอนด้วย คือซุกไว้ใต้หมอน เพราะชอบเอามาจับแล้วหลับก็จะกลิ้ง กลัวไปเตะเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจจะไม่ดี เลยเอาซุกไว้ใต้หมอนแล้วเอามือแหย่เข้าไปหาแล้วค่อยนอน เขามักจะฝันเห็นคนที่ไม่รู้จักเสมอ แล้วในฝันเหมือนเขารู้จักเรา เราก็รู้จักเขา แต่ความเป็นจริงไม่เคยเห็นหน้าซักคน แปลกจังเลยแฮะ ยังดีที่ในฝันไม่เคยมีใครเกลียดเลย มีแต่มาขอแต่งงานบ้างไรบ้าง อืม แล้วคนในฝันมักจะชอบใส่เสื้อผ้าสีอ่อนๆเช่นสีเนื้อ สีขาว หรืออะไรแบบนี้ ยกเว้นวันเดียวที่มีผู้ชายหน้าตาแบบแขกอินเดียมากอดแล้วบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว ๆๆ ที่ข้างหู ฝันวันที่ปะยางเสร็จนี่แหละ

อืม หรือว่าฝันแบบนี้จะแปลว่าเขาจะได้แต่งงานกันแน่ ฮิฮิ เอ่อ หายไปหลายวัน หลังจากป่วยจนร่างกายแย่มาก เลยซัดซะยาว แหะแหะ