เรื่องเด่น สื่อเทศอึ้ง! นักวิจัยมะกันสรุป ผล DNA เป็นกะโหลกเอเลี่ยน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ped2011, 15 สิงหาคม 2011.

  1. StarChild

    StarChild สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2011
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +4
    ถ้ามีเรื่องที่ผมจะแชร์แบ่งปันได้แล้วพอมีเวลาด้วยก็จะช่วยๆกันครับ
    ขอบคุณครับ
     
  2. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    ขอบคุณด้วยคนค่่า สำหรับผู้ร่วมให้ข้อมูลความรู้ทุกท่าน

    ดิฉันขอเรียกว่าพวก X-MEN หรือ มนุษย์กลายพันธ์ได้ป่ะ

    เจ้าของกะโหลก เกิดจากการใช้เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมระหว่างมนุษย์กับเอเลี่ยนสปีชีส์เมื่อประมาณ 900 กว่าปีก่อน (ตามอายุกะโหลก) แต่เนื่องจากเมื่อประมาณ 900 กว่าปีก่อน เทคโนโลยีของมนุษย์เรายังไม่พัฒนาถึงขั้นนั้น ก็เลยเป็นเรื่องที่มีข้อสันนิษฐานว่า นี่อาจเป็นการทดลองของผู้มีเทคโนโลยีขั้นสูงที่มาจากต่างดาวหรือโลกอื่นรึเปล่า...

    ส่วนตัวแล้ว ให้เครดิตกับผู้ร่วมกันวิจัยโครงการนี้นะ ที่ศึกษาค้นคว้ากันอย่างจริงจังมาตั้ง 12 ปีแล้ว จากช่วงแรกๆ เมื่อปี 2003 ที่มีผู้สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นกะโหลกของเด็กที่ป่วยเป็นโรค hydrocephalus (ไฮโดรเซฟฟาลัส) หรือเด็กหัวแตงโม ซึ่งการตรวจสอบในครั้งนั้น ยังเป็นการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ที่ผิวเผินเกินไป
     
  3. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    พวกไฮบริดเนี่ย ส่วนมากจะเป็นหมันนะ
     
  4. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    ถ้าอายุกะโหลกไม่เก่าขนาด 900 กว่าปีนะ สมมติฐานที่ว่าเจ้าของกะโหลกเกิดจากการสังเคราะห์ทางชีวภาพหรือการสร้างชีวิตขึ้นภายในห้องปฏิบัติการก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันนะ คือไม่ต้องผสมข้ามสายพันธุ์หรืออาศัยเอเลี่ยนสปีชีส์หรอก แต่สังเคราะห์ในห้องปฏิบัติการกันเลย เพราะปัจจุบันนี้ อ่านเจอว่า เขาทดลองทำกันอยู่ แต่จะก้าวหน้าไปแค่ไหนแล้ว ไม่ได้ระบุ

    อยากให้ลองช่วยกันหาข้อมูลเรื่องการสังเคราะห์ทางชีวภาพดูด้วย น่าติดตามทีเดียว เป็นเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมอย่างหนึ่ง แต่แทนที่จะสับเปลี่ยนยีนที่มีอยู่เดิม นักสังเคราะห์ชีวภาพสร้างยีนจำนวนมากขึ้นเอง หรืออาจสร้างจีโนมทั้งชุด
     
  5. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    ที่มา : http://palungjit.org/threads/%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%B5-51-a.167382/

    "สิ่งมีชีวิตสร้างได้" ปรากฏการณ์ใหม่แห่งโลกเทคโนโลยีชีวภาพ

    ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อโครงการจีโนมมนุษย์ จีโนมของแบคทีเรียก็คงเป็นเรื่องขี้ประติ๋วสำหรับ "เครก เวนเทอร์" (Craig Venter) นักวิทยาศาสตร์ผู้มักสร้างความฮือฮาให้กับวงการเทคโนโลยีชีวภาพอยู่บ่อยครั้ง และยังติด 1 ใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลของโลก 2 ปีซ้อน จากการจัดอันดับโดยนิตยสารไทม์ โดยในปีนี้เขาประกาศความสำเร็จในการสังเคราะห์จีโนมทั้งหมดของสิ่งมีชีวิต ได้เป็นครั้งแรกด้วยวิธีการในห้องแล็บ โดยการเลียนแบบจีโนมของแบคทีเรีย "ไมโคพลาสมา เจนิทาเลียม" (Mycoplasma genitalium) ที่มีอยู่ประมาณ 582,000 คู่เบส

    แม้เป้าหมายของเวนเทอร์คือพัฒนาเทคนิคการสร้างเซลล์ที่มีชีวิตขึ้นมา จากกระบวนการสังเคราะห์ทางเคมีในห้องแล็บ รวมทั้งการดัดแปลงหรือออกแบบสิ่งมีชีวิตใหม่ได้ตามต้องการ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการศึกษาวิจัยทั้งด้านการแพทย์และสิ่งแวดล้อม แต่ก็เป็นที่น่าจับตามองว่าการทดลองสร้างโครโมโซมของจุลชีพในครั้งนี้อาจ เป็นการปูทางไปสู่การสร้างและออกแบบสิ่งมีชีวิตใหม่ที่ใหญ่กว่านี้ได้ในอนาคต ทว่าก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะเกิดขึ้น ทั้งเหตุผลทางด้านเทคโนโลยี จริยธรรม และการยอมรับของสังคม ดังตัวอย่างที่มีให้เห็นก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อพันธุกรรม และการโคลนนิ่ง

    ********************************************************

    ที่มา : ข่าวการสังเคราะห์สิ่งมีชีวิต - มีคำตอบ - กูรู

    นักวิทยาศาสตร์เข้าใกล้การสร้างสิ่งมีชีวิตเทียม

    นักวิทยาศาสตร์ค้นพบหน ทางที่มีประสิทธิภาพในการสังเคราะห์จีโนมที่วันหนึ่งจะสามารถทำให้สร้างสิ่ง มีชีวิตเทียมได้ วิธีการได้ถูกนับมาใช้เพื่อการพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพในยุคหน้าและสารเคมี ชีวภาพในห้องทดลองของนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Craig Venter ก่อให้เกิดการถกเถียงกันในปัจจุบัน

    Venter กล่าวว่าการสร้างสิ่งมีชีิวิตเทียมนั้นจะมีศักยภาพมาช่วยรักษาโรคและภาวะโลก ร้อน แต่ความคาดหวังนั้นมีการถกเถียงกันและเผ็ดร้อนขึ้นเมื่อมีการยกขึ้นมาเป็น ประเด็นด้านความสามารถของปัญหาและจริยธรรมในการวิศวกรรมสิ่งมีชีวิตเทียม

    การสร้างสิ่งมีชีวิตเทียมนั้นเป็นเหมือน 1 ในจอกศักดิ์สิทธิ์ทางวิทยาศาสตร์ และยังไปก่อให้เกิดการกระตุ้นความกลัวส่วนลึกเหมือนที่นิยายของ Aldous Huxley ในปี 1932 เรื่อง “Brave New World (ชื่อโลกวิไลซ์ในภาษาไทย)” ที่มนุษย์นั้นถูกสร้างขึ้นตามความชอบใจในห้องทดลอง

    สถาบัน J.Craig Venter นั้นประสบความสำเร็จในการสังเคราะห์ดีเอ็นเอของแบคทีเรียขึ้นมาใหม่ได้ปี ที่่แล้ว นักวิจัยได้เคยเริ่มต้นที่จะใช้แบคทีเรีย E.coli ในการสร้างจีโนมแต่พบว่ามันน่าเบื่อหน่าย มีกลไกหลายระดับและ E.coli นั้นมีความยากในการสร้างดีเอ็นเอที่มีความยาวขึ้นมาใหม่ นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังเคยได้ลองใช้ยีสต์อบขนมปังที่มีชื่อว่า Saccharomyces cerevisiae ซึ่งสามารถทำให้นักวิทยาศาสตร์สร้างจีโนมได้จนเสร็จโดยใช้วิธีการที่เรียก ว่า homologous recombination ซึ่งเป็นกลไกทางธรรมชาติที่เซลล์ใช้ในการซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นบนโครโมโซม

    นักวิจัยได้เริ่มมองความสามารถในการประกอบดีเอ็นเอในยีสต์ เพื่อเปลี่ยนเป็นโรงงานพันธุกรรม โดยนักวิจัยใส่ชิ้นส่วนดีเอ็นเอลงไปผ่านกระบวนการ homologous recombination ซึ่งพบว่าสามารถสร้างจีโนมทั้งเส้นได้ในขั้นตอนเดียวซึ่งรายงานเรื่องนี้ตี พิมพ์ลงวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences

    นักวิจัยได้ศึกษาต่อไปเพื่อสร้างเซลล์แบคทีเรียด้วยการใช้การสังเคราะห์จีโนมของแบคทีเรียที่ชื่อว่า Mycoplasma genitalium ซึ่งเป้นแบคทีเรียที่ก่อโรคทางเพศสัมพันธ์ มีโครงสร้างทางดีเอ็นเอที่ซับซ้อนและประกอบด้วยยีน 580 ยีน ในทางกลับกันมนุษย์มี 30,000 ยีน ด้วยการใช้วิะีนี้ห้องทดลองสามารถสร้างโครโมโซมโดยให้ชื่อว่า Mycoplasma laboratorium

    นักวิจัยยังคงทำงานต่อไปเพื่อพัฒนาหนทางในการส่งถ่ายโครโมโซมนี้ลงเซลล์สิ่งมีชีวิตและกระตุ้นให้มันควบคุมและกลายเป็นสิ่งมีชีวิตใหม่
     
  6. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    เรื่องนี้ เห็นมีกล่าวถึงในหนังสือโลกใหม่ ที่เรียบเรียงจาก 12 Events that will change everything ใน Scientific American June 2010 ด้วย

    หัวข้อเรื่องชื่อ การสร้างชีวิตใหม่
    การสังเคราะห์ทางชีวภาพสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่
    แต่จะสามารถทำสิ่งที่ไม่มีชีวิตกลายเป็นสิ่งมีชีวิตได้หรือไม่
    โดย เดวิด เบลโลว

    จองพื้นที่ไว้ก่อน ไว้พิมพ์แล้ว จะนำมาแปะไว้ตรงนี้
    จะได้ต่อเนื่องจากข้อมูลด้านบน
     
  7. ped2011

    ped2011 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,037
    ค่าพลัง:
    +1,096
    เห็นข่าวว่าอีทีมาเยือนบ่อย ต่อไปไม่ต้องวิจงวิจัยแล้วครับ เจอตัวเป็นๆเลย เดี๋ยวผมจะเปิดอู่รับซ่อมจานบิน รับเทรินจานบินเก่า เหมือนในหนังเมนอินแบร็คไง 5555
     
  8. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    การสร้างชีวิตใหม่

    การสังเคราะห์ทางชีวภาพสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่
    แต่จะสามารถทำสิ่งที่ไม่มีชีวิตกลายเป็นสิ่งมีชีวิตได้หรือไม่
    โดย เดวิด เบลโลว


    จากหนังสือ โลกใหม่ รวบรวมโดย รอฮีม ปรามาท
    เรียบเรียงจาก 12 Events that will change everything
    (12 ปรากฏการณ์พลิกโลก) ใน Scientific American June 2010

    นักวิทยาศาสตร์เติมส่วนผสมทางเคมีลงไปในถ้วยแก้วที่มีฟองผุด จากนั้นก็คนอย่างระมัดระวัง ปฏิกิริยาบางอย่างค่อยๆ ปรากฏขึ้น นั่นไงล่ะ สิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่กำลังก่อตัวขึ้น พร้อมที่จะออกไปสู่โลกภายนอก และแพร่ขยายเผ่าพันธุ์ นี่เป็นจินตนาการยอดนิยมในแวดวงการสังเคราะห์ทางชีวภาพหรือการสร้างชีวิตขึ้นภายในห้องปฏิบัติการ แต่เหล่านักวิจัยในสาขานี้ไม่ได้สนใจการสร้างสิ่งมีชีวิตจากสิ่งที่ไม่มีชีวิต อันที่จริง นักวิทยาศาสตร์ยังห่างไกลจากความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการพื้นฐานในการทำสิ่งเฉื่อย สิ่งที่ไม่มีชีวิตให้กลับกลายเป็นเซลล์มีชีวิตที่สามารถสร้างสำเนาตัวเอง การทดลองที่มีชื่อเสียง มิลเลอร์-ยูเรย์ ในปี 1952 สามารถสร้างกรดอะมิโนขึ้นจากของเหลวที่มีส่วนประกอบเหมือนยุคดึกดำบรรพ์ แต่เป็นเรื่องยากที่จะเลียนแบบกระบวนการดังกล่าว และประยุกต์กรรมวิธีให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ

    การสังเคราะห์ทางชีวภาพในยุคปัจจุบันเป็นการปรับปรุงดัดแปลงพันธุกรรมของ สิ่งมีชีวิตที่มีอยู่เดิม ถือว่าเป็นเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมอย่างหนึ่ง แต่แทนที่จะสับเปลี่ยนยีนที่มีอยู่เดิม นักสังเคราะห์ชีวภาพสร้างยีนจำนวนมากขึ้นเอง หรืออาจสร้างจีโนมทั้งชุด การแก้ไขดีเอ็นเออาจทำให้สิ่งมีชีวิตผลิตสารเคมีบางอย่าง เชื้อเพลิง หรือแม้แต่ยา

    "สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ทำเป็นการสร้างชุดคำสั่งใหม่ๆ สำหรับกระบวนการชีวิต แล้วใส่เข้าไปในสิ่งมีชีวิต แทนที่ชุดคำสั่งเดิมตามธรรมชาติ" ดริว เอ็นดี้ วิศวกรชีวภาพ มหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ดอธิบาย "กรรมวิธีเช่นนี้เป็นทางเลือกของกระบวนการชีวิตบนโลก คุณไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการถ่ายทอดลักษณะพิเศษต่างๆ จากต้นแบบเท่านั้น"

    นักวิทยาศาสตร์บางรายไม่เห็นความจำเป็นที่จะจำลองแบบเซลล์ที่มีอยู่เดิมแล้ว "ถ้าจะสร้างเซลล์ขึ้นใหม่ให้มีลักษณะเหมือนเซลล์เดิม คุณก็ใช้เซลล์ที่มีอยู่เดิมได้ โดยไม่ต้องยุ่งยากสร้างเซลล์ขึ้นใหม่" จอร์จ เอ็ม. เชิร์ช ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุศาสตร์และนักพัฒนาเทคโนโลยี วิทยาลัยการแพทย์ฮาร์วาร์ดกล่าว

    อันที่จริง การสังเคราะห์ทางชีวภาพเกี่ยวข้องกับการนำหลักวิศวกรรมระดับที่ใหญ่ขึ้นมาใช้กับกระบวนการทางชีวภาพ ลองนึกภาพต้นไผ่ที่ถูกโปรแกรมให้เติบโตเป็นเก้าอี้ แทนที่จะสร้างสานด้วยจักรกลหรือมือมนุษย์ หรือจินตนาการถึงแผงสุริยะที่ประกอบตัวเองขึ้นมาได้ (ในกระบวนการเช่นเดียวกับใบไม้) ใช้ในการจ่ายกระแสไฟให้บ้านเรือน หรือต้นไม้ที่มีน้ำมันดีเซลไหลซึมออกมาจากลำต้นเหมือนยาง และระบบชีวภาพที่ได้รับการดัดแปลงเพื่อทำหน้าที่ขจัดมลพิษ หรือสามารถเจริญเติบโตได้ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แบคทีเรียที่ได้รับชุดคำสั่งใหม่จะสามารถท่องไปในร่างกายมนุษย์เพื่อบำบัดรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ทำหน้าที่เป็นกองทัพแพทย์ภายในร่างกายของเรา

    "ตามหลักการแล้ว อะไรที่สามารถผลิตขึ้นมาได้จากกระบวนการระดับที่ใหญ่ขึ้นมาก็สามารถผลิตได้ด้วยกระบวนการทางชีวภาพ" เชิร์ชกล่าว กระบวนการเหล่านี้เริ่มต้นขึ้นแล้วในระดับเล็กๆ เช่น เอ็นไซม์จากจุลชีพอุณหภูมิสูงที่ใช้ในสารซักฟอกเสื้อผ้า ได้รับการปรับปรุงพันธุกรรมให้สามารถดำเนินกระบวนการในน้ำเย็น ซึ่งเป็นการประหยัดพลังงาน

    "การสังเคราะห์ทางชีวภาพ กำลังจะปฏิรูปกรรมวิธีในการสร้างสิ่งต่างๆ ตลอดช่วง 100 ปี ต่อจากนี้ไป" เดวิด เรเจสกี้ คาดคะเน เขาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโครงการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ศูนย์การศึกษานานาชาติวู้ดโรว วิลสัน "เมื่อเราสามารถสร้างสิ่งต่างๆ ได้จากกระบวนการทางชีวภาพที่ระดับพื้นฐาน จะเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหญ่เหมือนการปฏิวัติในศตวรรษที่ 19" การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจีโนมจะกระทำกันอย่างแพร่หลาย แม้แต่นักเรียนมัธยมก็เรียนรู้และสามารถทำได้

    คุณประโยชน์มีมากมาย แต่ความเสี่ยงก็มีมากเช่นกัน ถ้าสิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจควบคุมได้เกิดหลุดรอดออกไปจากห้องปฏิบัติการ ในปัจจุบัน สิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นภายในห้องปฏิบัติการไม่สามารถมีชีวิตรอดได้ภายในสภาพแวดล้อมของโลกภายนอก แต่ในอนาคต เมื่อสร้างสิ่งมีชีวิตที่มีความซับซ้อนมากขึ้น นักสังเคราะห์ทางชีวภาพระบุว่าจำเป็นต้องมีมาตรการป้องกัน เช่นการเฝ้าตรวจตราอย่างเข้มงวด หรือการใส่ชุดคำสั่งทำลายตัวเองไว้ในรหัสพันธุกรรม เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์สามารถสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นใหม่ที่ระดับพันธุกรรม ดังนั้นจึงสามารถสร้างแนวป้องกันแยกสิ่งมีชีวิตนั้นจากระบบต่างๆในธรรมชาติ เอนดี้กล่าวว่า "เราสามารถกำจัดมันได้อย่างรวดเร็ว"

    นักวิทยาศาสตร์บางรายพยายามสร้างสิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่โดยสิ้นเชิง แครอล ลาร์ติก, แฮมิลตัน สมิธ และคณะที่สถาบัน เจ. เครก เวนเทอร์ ได้สร้างจีโนมแบคทีเรียขึ้นมาใหม่ทั้งชุด และเปลี่ยนจุลชีพชนิดหนึ่งไปเป็นอีกชนิดหนึ่ง นักวิจัยหลายรายกำลังสร้างและพัฒนาสิ่งมีชีวิตรูปแบบต่างๆ ยุคแห่งการสร้างสรรค์สิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่ๆ กำลังใกล้เข้ามา

    แต่ด้วยกรรมวิธีเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่า นักวิทยาศาสตร์จะมีความเข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตถือกำเนิดขึ้นมาอย่างไรตั้งแต่แรกเริ่ม บางทีอาจเป็นการปลุกกระแสความหวาดวิตก ว่ามนุษยชาติกำลังล่วงละเมิดพลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ กระนั้นการสร้างชีวิตในรูปแบบใหม่ก็มีคุณูปการอันยิ่งใหญ่เพื่อทำความเข้าใจสิ่งมีชีวิตต่างๆ อย่างแท้จริง "ประโยชน์ที่จะได้รับคือการปฏิรูปความสัมพันธ์ของเราที่มีกับเพื่อนร่วมชีวิตรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ระดับโมเลกุล และสร้างสรรค์กระบวนการสร้างสิ่งต่างๆ อย่างยั่งยืน รวมทั้งอาหารและพลังงาน" เอนดี้กล่าว "เราจะมีความสัมพันธ์กับสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในโลกอย่างสมดุล ซึ่งแตกต่างจากความสัมพันธ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง"
     
  9. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    อุ๊บส์! ขออภัยค่ะ
    จองที่ไว้แต่ไม่ได้ใช้ โพสต์เพิ่มไปแล้วด้วย เลยตามเลยแล้วกันนะคะ

    ไหนๆ ก็ใช้พื้นที่นี้แล้ว อยากบอกว่า กระทู้ Starchild Skull ของคุณเป็ดเนี่ย รวมถึงการให้ข้อมูลของเพื่อนสมาชิกอีกหลายท่าน ทำให้ดิฉันนึกถึงหนังสือเล่มหนึ่งที่ซื้อมาเก็บไว้ คือ "ถอดรหัสจีโนมมนุษย์" โดย Matt Ridley /ปณต ไกรโรจนานันท์ แปล
    (คือตอนเปิดดูคร่าวๆแล้วอยากอ่าน แม้จะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างก็เถอะ แต่พอซื้อมาจริงๆ ก็ไม่ได้อ่านสักที :p)

    ที่นึกถึงเพราะเจอศัพท์ชีววิทยาในเรื่องนี้เข้าไป งงเหมือนกัน
    จำได้ว่าเขาอธิบายเรื่องจีโนมเอาไว้แบบให้เข้าใจง่ายๆ ก็เลยได้แรงดลใจให้ไปเปิดอ่านดูบ้างแล้ว เรื่องจีโนมมนุษย์เนี่ย เป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆนะคะ
     
  10. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    ดิฉันมีคำถามหนึ่งที่ยังคาใจอยู่

    เห็น Lloyd Pye ยังขาดเงินทุนที่จะทำวิจัยต่ออีก แต่ทำไมไม่มีองค์กรวิทยาศาสตร์ระดับโลกสนใจโครงการนี้ล่ะคะ? ทั้งที่ดูจากข้อมูลก็น่าสนใจอยู่ไม่ใช่น้อย แต่เรื่องของเขาจะไปโชว์อยู่กับกลุ่มคนที่สนใจเรื่องมนุษย์ต่างดาวอยู่แล้วมากกว่า

    อันที่จริง น่าจะได้รับความสนใจทำเป็นโครงการวิจัยร่วมเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชนอย่างกว้างขวางนะ ว่าไหม?

    เท่าที่หาดู มีคนบางกลุ่มยังเชื่อว่า เขาหลอกเอาเงินทำวิจัยไปเข้ากระเป๋า เพราะงานวิจัยของเขาดูไม่โปร่งใส

    ท่านอื่นๆ เห็นว่าไงกันบ้าง...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2011
  11. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    เครื่องยนต์ของยานมนุษย์ต่างดาวต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงนะ
    คุณเป็ดซ่อมได้หรือคะ? แล้วจะคิดเงินเขาเป็นเงินสกุลใดดีล่ะ
    หรือให้จ่ายเป็นแร่พลังงานดี 55 :p
     
  12. ballbkkno1

    ballbkkno1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +28
    กระโหลกเด็กพิการ เด็กคนแคระที่พิการอีกที พร้อมทั้งพันธุกรรมยีนผิดปกติ หรือเปล่าครับท่าน

    โลกเกิดมาคนเราก็ไม่เป็นแบบทุกวันนี้เลย ต่อไปมนุษย์ก็คงหน้าตา รูปร่างคงจะเปลี่ยนไปวิวัฒนการไปเรื่อยๆ ยีนด้อยก็หายไปคนที่แข็งแรงกว่าก็อยู่้รอด
     
  13. StarChild

    StarChild สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2011
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +4
    จริงๆมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอัตตาสูง ยิ่งใน scientific community
    ไม่ได้เปิดรับอะไรง่ายๆขนาดนั้น (ยิ่งพวกเชื่อในอัตตาความเป็นมนุษย์สูง อะไรที่จับใส่หลอดทดลองพิสูจน์ไม่ได้ ไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด) คนพวกนี้มีอยู่เยอะ โดยเฉพาะพวกนักวิทยาศาสตร์

    อีกอย่างงานวิจัยดีเอ็นเอครั้งที่สองเมื่อ 2010 นี่เป็นงานที่ไม่ใช่ง่ายๆครับ
    เขาบอกว่าเป็นงานที่หนัก ใช้แรงงานเยอะ
    งานนี้เขาส่งตัวอย่างให้คนกลางพิสูจน์ด้วยนะครับ ดูคลิปก็จะเห็น
    (คนกลาง(องค์กรวิจัย)ติดต่ออยากวิเคาระห์แซมเปิ้ลดูเอง)
    และผลที่ออกมามีบางส่วนเท่านั้นเอง แต่ยืนยันได้อยู่
    (ขนาดว่ ากว่าจะได้จีโนมทั้งหมดของมนุษย์ต้องใช้เวลาจะครึ่งค่อนศตวรรษ)

    ขนาดแค่ข่าวเจอเอเลี่ยนไลฟ์ในอุกาบาต ข่าวออกมาแรกๆตั้งแต่พฤศจิกายนปีที่แล้ว (2010) นาซ่าเพิ่งออกมานยอมรับช่วงนี้ ตอนเสนอไปที่ scientific community คนเสนอยังโดนหาว่าบ้าเลย แค่เอเลี่ยนระดับแบกทีเรียยังขนาดนี้ เรื่องพวกนี้ไปพูดกับใครก็เป็นคนบ้าอยู่ดี
    Extraterrestrial Life-Forms Found In Ice Meteorite |Latest UFO News| UFO 2011 Sightings|Alien Pictures|2012 Solar Flares|UFO News|Web Bot|UFO
    NASA scientist: Evidence of alien life on meteorite - Tech Talk - CBS News
    Life Found in a Meteorite? Some Scientists Don't Buy It - TIME

    การวิจัยมันเกี่ยวข้องกับ commercial อยู่แล้ว ในรายงาน การวิจัยปี 2003 ทำต่อไม่ได้ เพราะ เป็นความเชี่ยวชาญชั้นสูง นักวิจัยดีเอ็นเอไม่มีความสามารถพิสูจน์ และ บวกกับเหตุผลด้านการค้าของบริษัทตรวจดีเอ้นเอ

    คุณลองไปคุยเรื่องเอเลี่ยนกับคนทั่วๆไปจะมีคนเปิดกว้างยอมรับฟังได้กี่คน
    คนที่เปิดรับฟังได้คงไม่ใช่พวกหลงอยู่ในอัตตาของตัวเอง
    คนกลุ่มนี้เป็นส่วนน้อยครับ

     
  14. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    ขอบคุณค่ะ ที่ช่วยให้ความเห็น
    (ดิฉันนึกว่าจะไม่มีใครสนใจตอบซะแล้ว)

    ดิฉันว่า ในปัจจุบัน มีนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ที่ยอมรับฟังและเปิดกว้างพอสำหรับเรื่องเอเลี่ยนอยู่พอสมควรนะ เคยดูจากสารคดี เรื่องสิ่งมีชีวิตระดับจุลชีพที่ติดมากับอุกกาบาต เขาก็ไม่ได้บอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้นะ แต่อาจจะตั้งข้อสงสัยว่า มันจะมีชีวิตอยู่รอดได้ไงในสภาพแวดล้อมของโลกที่ใช้ออกซิเจนในการหายใจ

    เป็นธรรมชาติของนักวิทยาศาสตร์นะคะ ที่ไม่ยอมเชื่ออะไรง่ายๆ ต้องการพิสูจน์จนกว่าจะแน่ใจ / ความช่างสงสัย ข้อโต้แย้ง เป็นเรื่องปกติและเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการค้นหาความจริง / แต่ถึงอย่างไรเสีย ความจริงก็คือความจริง ผลที่ได้จะเป็นตัวบอกเอง พวกเขาต้องการข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนเพียงพอที่จะยอมรับได้
    (ตามสไตล์นักวิทย์แหละค่ะ)

    ขออนุญาตอธิบายความคิดเห็น และจุดประสงค์
    โดยส่วนตัวนะคะ ดิฉันไม่ใช่นักวิทย์ เป็นประชาชนทั่วไปที่เปิดกว้าง รับฟังข่าวสารความเป็นไปของสังคมโลกเหมือนคนอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องลึกลับน่าสนใจ สิ่งมีชีวิตจากต่างดาว วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ทางจิต ฯ ก็เหมือนชื่อห้อง และเหมือนท่านอื่นๆ ในที่นี้

    แต่ดิฉันชอบฟังความสองด้าน แล้วชั่งน้ำหนักเอาตามเหตุผล
    บางท่านอาจจะบอกว่า "แทงกั๊ก" ซึ่งก็แล้วแต่จะคิด

    อย่างที่บอก ดิฉันให้เครดิต คือ ให้ความเชื่อถือในระดับหนึ่งสำหรับเรื่องนี้
    ในแง่ของการพยายามค้นคว้าวิจัยและผลทางชีววิทยาที่ปรากฎ
    แต่สิ่งที่เขาทักท้วงกันถึงความโปร่งใส และความรัดกุมในขั้นตอนการวิจัย มันก็เป็นเรื่องน่าคิด ก็เลยมาตั้งคำถาม อยากฟังความเห็นจากท่านอื่นๆ

    ดิฉันยังอยากรู้ว่า ในมุมมองของนักวิทย์คนอื่นเขาคิดเห็นกับเรื่องนี้อย่างไร จึงไปค้นหาข้อมูลเพิ่มมา / เป็นภาษาอังกฤษ กำลังพยายามทำความเข้าใจอยู่

    เอามาเผื่อ (เผื่อคุณ StarChild หรือท่านอื่นจะสงเคราะห์ร่วมด้วยช่วยแปล)
    v
    v

    Understanding Genetics: Human Health and the Genome
     
  15. StarChild

    StarChild สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2011
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +4
    เท่าที่ดูคร่าวๆนะครับ
    เขาบอกว่าเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้ตอนที่มีเมลล์มาหา
    ภาพรวม คือ เขายังแทงกั๊ก ยังลังเลอยู่ อาจจะเพราะเพิ่งรู้ข้อมูล

    ประเด็นที่พอจับได้

    - โครงกะโหลกภายนอกผิดปกติ ไม่ใช่ว่าจะไม่ใช่มนุษย์

    - ถ้าเป็นไฮบริดแล้วคงจะอยู่ไม่รอด ธรรมชาติสร้างไฮบริดไม่ได้ ถ้าทำได้คงต้องเป็นเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมชั้นสูง

    - การปนเปื้อน (contaminated) ของDNAจากในถ้ำ
    เขาบอกเป็นนัยว่ามันอาจจะเป็น DNA พวกจุลทรีย์พันใหม่ที่ปนเบื้อนในถ้ำก็ได้ (เพราะมนุษย์ยังเก็บรวม DNA สิ่งที่อยู่บนโลกทั้งหมดไม่ได้)

    - การยังไม่เป็นที่ยอมรับ (เตือนว่า)ยังเป็นงานวิจัยขั้นต้น และ ไม่ได้ถูกตีพิมพ์

    เขาขอ a complete DNA readout (ดีเอ็นเอทั้งหมด)
    หวังว่าเขาจะได้เงินสนับสนุนการวิจัยจนถึงได้ผลขั้นนั้นออกมา
    มันอาจจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์หรือแค่เรื่อง tragic อย่างหนึ่ง
     
  16. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    ดิฉันว่าเขายอมรับผลในระดับหนึ่งนะ แต่เขากังวลเรื่องการปนเปื้อนของดีเอ็นเอ

    ผลการทดสอบนิวเคลียร์ดีเอ็นเอระบุว่า สายหนึ่งเป็นการจัดเรียงด้วยดีเอ็นเอของมนุษย์โดยสมบูรณ์ แต่อีกสายหนึ่งไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นดีเอ็นเอของมนุษยหรืออื่นๆ

    เขาบอกว่า ข้อมูลแค่นี้ยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นกะโหลกของมนุษย์หรือไม่
    เขาก็รอลุ้นผลการตรวจสอบดีเอ็นเอที่สมบูรณ์อยู่เหมือนกันนะ
     
  17. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    เอาแบบ google translate มาแปะไว้ให้ด้วยนะ
    ดิฉันว่า อ่านพอจับใจความได้แหละ

    http://translate.google.co.th/translate?js=n&prev=_t&hl=th&ie=UTF-8&layout=2&eotf=1&sl=en&tl=th&u=http%3A%2F%2Fwww.thetech.org%2Fgenetics%2Fask.php%3Fid%3D354

    เขา ก็ให้ข้อคิดเห็นได้น่าคิดเหมือนกันนะ เรื่องดีเอ็นเอปนเปื้อน และเป็นดีเอ็นเอบนโลกที่ยังไม่รู้จัก เพราะอันที่จริงนักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถรู้จักดีเอ็นเอทุกชนิดที่มีบน โลก

    Scientists don't know every piece of DNA that exists in the world"¦not by a long shot. The unknown DNA might be alien or simply unknown.
     
  18. Pelagia

    Pelagia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,198
    ลองแปลสองหัวข้อสุดท้ายออกมานะครับ เพราะมันน่าจะเป็นบทสรุปล่ะ


    Is it alian DNA?

    ฉันไม่แน่ใจว่ามันเป็นเกิดจาก DNA ของเอเลี่ยนและมนุษย์ผสมกันจนเป็นลูกผสมหรือเปล่า? ถ้าเอเลี่ยนเอาแค่บางส่วนผสมใส่เข้าไปใน DNA ของมนุษย์ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะแยกความแตกต่างจากความแตกต่างของ DNA มนุษย์ที่มีความแตกต่างกันไปในแต่ละคนตามธรรมชาติอยู่แล้ว

    ถ้าเอเลี่ยนเอายีนบางส่วนที่มีความพิเศษจำเพาะของพวกเขาผสมลงไปด้วยก็คงจะสามารถบอกได้ แต่ก็อาจจะไม่ได้ด้วยเหมือนกันเพราะว่าถ้านักวิทยาศาสตร์พบ DNA ที่แตกต่างออกไป มันก็เป็นการยากที่จะบอกว่ามันเป็นของโครงกระดูกหรือว่าเป็น DNA ที่มาปนเปื้อน

    กระดูกถูกพบในพื้นที่ที่มีแบคทีเรีย, รา และสิ่งอื่นๆ ทั้งหมดนี้ก็มี DNA เหมือนกัน แล้วเมื่อเอา DNA ของพวกนี้มารวมๆ กันในช่วงเวลาที่ผ่านไป 900 ปี มันก็ทิ้ง DNA ไว้เยอะกว่า DNA ของกะโหลกเสียอีก

    นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้รู้จัก DNA ทุกชิ้นที่พบทั้งหมดในโลก ชิ้นส่วน DNA ที่ไม่รู้จักอาจจะเป็นของเอเลี่ยนหรืออาจจะเป็นของสิ่งมีชีวิตอะไรซักอย่างที่ยังไม่เคยตรวจสอบ DNA ก็ได้ ดังนั้นการระบุว่า DNA ที่พบเป็นของเอเลี่ยนหรือของสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยตรวจสอบ DNA มาก่อนจึงเป็นเรื่องยาก

    ฉันคิดว่านักวิทยาศาสตร์น่าจะลองเอายีนที่พบใส่ไว้ในสัตว์เช่นหนูแล้วดูว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีหนูอาจจะมีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นมาก็ได้

    แต่โชคไม่ดียีนของเอเลี่ยนนั้นอาจจะมีเยอะกว่าที่เราพบก็ได้ การใส่แค่บางส่วนลงไปอาจจะไม่เกิดผล

    ทางที่ดีที่สุดคือต้องหาทางอ่าน DNA ของโครงกระดูกให้สมบูรณ์ คุณก็อาจจะยังไม่ได้คำตอบแต่อาจจะได้รู้อะไรเยอะขึ้นก็ได้และก็อาจจะได้วิธีใหม่ๆ ออกในการพิสูจน์

    The results thus far

    นักวิจัยได้ศึกษา DNA ของหัวกะโหลกหลายครั้งในช่วง 10 หรือ 11 ปีที่ผ่านมาและได้ผลลัพธ์ออกมาหลายทาง มีการวิจัยครั้งนึงที่บอกว่าเป็น DNA ของมนุษย์ซึ่งมีทั้ง DNA ของพ่อและแม่ การวิจัยนี้ทำเมื่อปี 1999 ซึ่งยังไม่มีเทคนิคการวิเคราะห์ DNA จากตัวอย่างที่เก่าที่ดีนัก

    การวิจัยครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อปี 2003 ได้รายงานว่าเจอแต่ DNA ของแม่ ซึ่งนักวิจัยเจอ mitochondrial DNA และการวิจัยนี้ไม่ได้มี nuclear DNA จากพ่อและแม่ จากการสรุปนี้บอกได้แค่ว่าแม่เป็นมนุษย์แต่ก็ไม่ได้รู้อะไรเลย การขาด nuclear DNA อาจจะทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้มาก

    เร็วๆ นี้นักวิทยาศาสตร์ทางด้านโมเลกุลได้เริ่มที่จะเอา DNA ในกะโหลกมาลองกับเทคนิคใหม่ๆ ที่มีในปัจจุบัน และเขาก็ได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง โปรดจำไว้ว่านี่เป็นแค่การทดลองในขั้นต้นและยังไม่มีการเผยแพร่ซึ่งหมายความว่ายังไม่มีการรับรอง

    ในขั้นแรกเขาได้ระบุ DNA สองชั้นที่เจอว่าชิ้นนึงเป็น DNA ของมนุษย์ส่วนอีกชิ้นไม่ใช่เป็นของมนุษย์หรืออะไรอย่างอื่นที่รู้จัก

    ตามที่เราได้บอกไว้แล้ว เราไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะบอกได้ว่ากะโหลกนี้เป็นของมนุษย์หรือไม่ พวกเรายังไม่สามารถเอา DNA ที่ปนเปื้อนออกมาได้เลย

    ดังนั้นพวกเราต้องรอและดูว่านักวิจัยสามารถหาเงินมาเพื่อใช้ในการอ่าน DNA มาได้ทั้งหมดหรือไม่ เมื่อนั้นเราจึงจะรู้ว่ามันเจออะไรที่น่าสนใจหรือเจออะไรที่น่าผิดหวังเลยก็ได้
     
  19. Siani_3D

    Siani_3D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +607
    กระโหลกเด็กพิการ เด็กคนแคระที่พิการ
    หลายๆคนคงคิดแบบนี้

    นักวิทยาศาสตร์ ทำการวิจัย โดยมองข้ามไปหรือ
    ว่ากระโหลกเด็กพิการ เด็กคนแคระที่พิการ ก็อาจคล้ายแบบนี้
    เปล่าเลย นั่นก็เป็นข้อสันนิฐานแรกๆ ที่เขาคิด ตอนที่พบเช่นกัน...

    แล้วคงพิสูจน์แล้วว่ามันไม่ใช่...


    ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ทำการวิจัย นานถึง10 กว่าปี


    เรามองรูปแป็บนึง แล้วก็อ่านข้อมูลอีกนิดหน่อย ใช้เวลา ไม่ถึง 30 นาที
    แล้วสรุปว่า มันคือ กะโหลกเด็กพิการ

    ถ้าเที่ยบกับคนที่ทำการศึกษาวิจัย เป็น สิบๆปี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2011
  20. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    ขอบคุณ คุณ Pelagia ที่ช่วยแปลค่ะ
    อ่านเข้าใจง่ายขึ้น :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...