ใครมีประสบการณ์วัตถุมงคลหลวงพ่อเณร วัดทุ่งเศรษฐีบ้างครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ura, 23 พฤศจิกายน 2010.

  1. ura

    ura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    4,438
    ค่าพลัง:
    +4,818
    อันตรายเเล้วเรากลายเป็นผู้มีชื่อในบัญชีดำ แต่รู้ไหมครับพี่น้องคนที่มีวัตถุมงคหลวงพ่อไว้เยอะเเละเก็บเนียนสุดๆๆคือ น้องDharmachak และพี่ex ประมุขพรรคนินจาฮาโตริครับ ป่านนี้ นั่งสอดเเนมอยู่ที่ไหนสักแห่งเเล้ว เกาคางอย่างพึงพอใจ ว่าเรามีของ ที่เป็นตำนานอยู่ในมือเเว้ว 555 ร้ายจริงๆๆพวกนี้เบี่ยงเบนเป้ามาที่ ทั้งๆๆที่มีของวิเศษหายากอยู่ในมือ 555:cool:
     
  2. ura

    ura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    4,438
    ค่าพลัง:
    +4,818
    น้องติ๊กพี่exมีรายการที่403นะ บุกจีบพี่เขาได้นะ เป็นรายเเรกๆๆที่เก็บของระดับตำนานไว้ซึ่งตอนนี้หาที่ไหนไม่ได้อีก :cool:
     
  3. PITINATTH73

    PITINATTH73 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    2,991
    ค่าพลัง:
    +9,624
    ถ้าหากเกรงว่าจะเป็นอันตราย พี่ๆทั้ง 11 ขุนพล ก็รีบปล่อยของมาทางน้องๆบ้างนะครับ :cool:
     
  4. ura

    ura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    4,438
    ค่าพลัง:
    +4,818
    พี่หนึ่งขอบคุณคาถาของหลวงปู่เป็งนะครับ ตอนนี้ผมก็ได้คาถาแม่นางแหกชิมิสะท้านโลกเเร้ววววว พลังเต็มเกินระดับล้านเปอร์เซ็น ไม่รู้จะสูสีกับพลังแต๊ป ของน้องc2220 รึเปล่าขานี้ อัดทุกสิบทิศ สะท้านปฐพี เพราะมีทั้ง ตบ ที่เป็นยันต์ระดับตำนานของขาเเต๊ป และอ๊อฟชั่นเสริม แบบ เห็นแล้วกูยอมเลย น่ากลัวจริงๆๆท่านน้องผู้นี้ :cool:
     
  5. pinrat

    pinrat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +1,235
    403 เอ้ นึกไม่ออก จำไม่ได้อ่ะครับ ใบ้ที

    ตอนนี้ ตามเก็บ ของ เมื่อ สมัย 10 ปีที่แล้วอยู่ครับ ไว้ จะมาให้ชมเป็น ระยะๆ ครับ ตามหาพระปิดตา รุ่นนึงอยู่ กำลังจีบๆเจ้าของ ถ้าได้จะเอามาให้ชมกัน รุ่นนี้ เน้นมหาเสน่ห์ สร้างน้อยครับ
     
  6. ura

    ura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    4,438
    ค่าพลัง:
    +4,818
    ขอโทษครับบอกผิด ขอเสริมนิดนึงครับ พาลีจริงๆๆเป็นลิงที่เก่งที่สุดในรามเกียรต์นะครับ ขนาดทศกัณยังสู้ไม่ได้ โดนจับลากเล่น เพราะใครสู้กับพาลี พลังจะลดลงครึ่งนึง และไปเพิ่มให้กับตัวพาลีเอง อย่างนี้ใครจึงสู้ได้ หลวงพ่อท่านจึงอุปเท่ให้พญาลิง ที่เก่งที่สุดขนาบข้างซ้าย ขวาครับ จะได้ไม่มีใครสู้เราได้ เพราะพ่อท่านกลัวศิษย์ท่านจะสู้ใครไม่ได้ครับ ท่านทำอะไรท่านเล่น ให้เหนือกว่าผู้อื่นเลย ดูอย่างพยัคฆ์ปราบเซียนก็ได้ครับ ขอบคุณพี่ลูกกรอกมากครับ :cool:
     
  7. ura

    ura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    4,438
    ค่าพลัง:
    +4,818
    เป็นรูปเหมือนหลังตะกรุดนะครับ น้องติ๊ก ราคาหนึ่งใบเทานะครับ :cool:
     
  8. pinrat

    pinrat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +1,235
    มี แหกตัวแม่ กะเค้าอยู่ ชิ้นนึงเหมือนกันครับ ของหลวงปู่เป็ง เรื่องเสน่ห์ หลวงปู่เป็งท่านก็ไม่เบาเหมือนกันครับ พลังของท่านเป็นสายเทพครับ ไม่มีอันตราย ท่านเคยมาแลกเปลี่ยนวิชากับหลวงพ่อ สอง สาม ครั้ง ถ้าจำไม่ผิด ขอปิดทองนิดนึงครับ ก็ลมมันเย็น 555
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. ura

    ura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    4,438
    ค่าพลัง:
    +4,818
    ของพวกพี่มีน้อยต้องไปเอาจากพวกนินจานู่น แต่ละรายสุดๆๆทั้งนั้น ทั้งของยุคต้น ยุคใหม่ พวกนี้มีหมด แต่ต้องหาตัวให้ได้นะเจ้าปะครับ:cool:
     
  10. ura

    ura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    4,438
    ค่าพลัง:
    +4,818
    ขอโชว์เรยาแหกตัวเเม่ของหลวงปู่เป็งด้วยคนครับ ก่อนเข้าเรื่องหลัก องค์นี้ได้กับมือหลวงปู่ ท่านบอกไม่มีอะไรในโลกนี้ ยิ่งใหญ่ไปกว่าสิ่งนี้ เเล้วยกเว้นพระนิพพาน นอกจากนี้ก็มีเรยาแบบอื่นไม่ขอโชว์เดี๋ยว จะยั่วน้ำลายพี่น้องเราเกินไปครับ องค์นี้รู้สึกจะฝังไม้ไก้กุ๊กด้วยนะถ้าจำไม่ผิดผู้รู้โปรดตอบด้วยจ้า ขอบคุณ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. PITINATTH73

    PITINATTH73 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    2,991
    ค่าพลัง:
    +9,624

    นอกจากในรายชื่อทั้ง 11 ขุนพลแล้ว ยังมีองค์กรลับ ขุนพลนินจาเงา ด้วยหรือครับ :cool:
     
  12. ura

    ura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    4,438
    ค่าพลัง:
    +4,818
    ครับมาเข้าเรื่องกันครับ ได้รับ มอบหมายงานสำคัญมาจากพี่ลูกกรอกครับ รู้กันเฉพาะในชมรมเรานะครับ ตอนนี้ ที่วัดได้เปิดให้บูชาเหรียญพ่อท่านเลิบ ซึ่งมีด้วยกันสามรุ่น พร้อมแถมหนังหนึ่งเรื่อง ชื่อหนัง ตนคงกระพัน ซึ่งเป็นหนังที่ลูกศิษย์พ่อท่านเลิบ และหลวงพ่อเณรลงขันกันหลายสิบล้านบาทจ้างผู้กำกับจากฮอรีวู้ด ซึ่งเป็นลูกศิษย์สตีเฟ่นสปิลเบริก มากำกับเรื่องนี้ นักเเสดงมืออาชืพ อาทิ อบต ผู้กำกับที่โรงพัก พ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยว และชาวบ้านย่านนั้น การเเสดงดีมากครับ เป็นธรรมชาติหนักสนุกกระฉับฉับไวเหมือนดู ขาว180 นาที แต่ฮากบู๋มันโครตๆๆๆๆ ต้องดูให้ได้ครับ ได้ข่าวว่าต่างประเทศมาซื้อลิขสิทธิ แล้ว และไม่นานติดบ็อกอ๊อฟฟิศแน่ๆๆ อุดหนุนหนังกับทางวัด ได้มั้งบุญได้ทั้งช่วยเหลืออุตส่าห์กรรมท้องถิ่น เช่าพระได้หนังอะไรจะคุ้มกว่านี้ไม่มีเเล้วครับ วันนี้มีคนมาเหมา ไปเกือบสิบเเผ่น หลวงพี่ท่านนึงเอา ไปดู ได้คติเตือนใจมากมาย พรุ่งนี้ พี่ๆๆผมที่เป็นลูกพ่อ ลูกปู่เลิบ ก็จะเข้าไปเก็บกันอีกหลายแผ่น ครับ แค่เห็นหน้าปกก็อดใจไม่ไหวครับ เอาแค่นี้ก่อนครับ
    มาว่าเหรียญ หลวงปู่เลิบกันก่อน ครับ เคยมีคนมาถาม หลวงพ่อเอื้อม วัดบางเนียมว่าใครเก่งสุดในสายใต้ยุคปัจจุปัน(ซึ่งถามก่อนหลวงปู่เลิบมรณะภาพครับ) ท่านตอบว่า พ่อท่านเลิบ ทั้งที่ตัวเก็งทั้งหลายบอกว่าน่าจะเป็นพ่อท่านเอื้อม ต่างตกตะลึงกัน พระที่สมถะเรียบง่าย อย่างพ่อท่านเลิบเป็นเบอร์หนึ่งของสายเขาอ้อ วึ่งถ้าเราไปสืบค้นประวัติเราจะก้มหัวให้ทันทีว่าทำไมถึงกล่าวเช่นนั้น ซึ่งประวัติพ่อท่านเลิบ ไปหาอ่านเอากับ นิตยสารลานโพธิ์นะครับ ไม่ขอกล่าวถึง พ่อเณร เคยเล่าถึงพ่อท่านเลิบไว้มากมายไม่ว่า เวลาท่านจะเสกของท่านจะเข้าฌานจนตัวลอย พ่อเณร ท่านไปพิสูจณ์มากับตา ในช่วงงานเสกพระปิดตาบันดาลทรัพย์ และการที่หมอเอ็กเรย์เห็นกระดูก ช่วงตั้งเเต่ปั้นเอวของท่านเป็นเเก้วใสดุจพระธาตุ หรือกรณีที่พ่อท่านเลิบ ยืดอายุขัยทั้งๆๆที่น่าจะมรณะภาพเเล้ว ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงวิชาภานไถ กับวิชาเขาอ้อชั้นสูง ที่ตอนนี้แทบจะหาผู้สืบทอดไม่ได้ มีหลวงพ่อเณรเรา องค์นึงล่ะ ส่วนโดยมากได้วิชาพื้นๆๆของเขาอ้อ ไป และยิ่งประสบการณ์พื้นที่ของวัตถุมงคลพ่อท่านเลิบ ที่เรื่องคงกระพันเป็นเรื่องจิ๊ปปๆๆของท่าน ใครได้เหรียญนี้ไป เหมือนได้เเก้วมหาวิเศษไปนะครับ (ตอนนี้ลูกศิษย์สายใต้เเละพวกเขาอ้อ ตามเหรียญรุ่นนี้อยู่) พ่อเณรท่านได้จำนวนน้อย และให้ออกบูชา หาเงินช่วยวัด เหรียญนี้ ทันพ่อท่านเลิบเสกนะครับ เพราะเป็นของปี49 และ51 มีออกวัดถ้ำสนุก และวัดทองตุ่มน้อย ข่าวนี้รู้กันในหมู่พวกเรา นะครับ ไม่เก็บเเล้วจะเสียดาย เพราะบรรดาเซียนใต้จะเกร็งเหรียญอนาคต พระใหม่ไว้ไม่กี่เหรียญ หนึ่งในนั้นมีพ่อท่านเอื้อม พ่อท่านเลิป พ่อท่านนวล พ่อทานเขียว เป็นอาธิ และพ่อท่านเอียด พ่อท่านไข่
    ถ้าหนังเรื่องนี้ ประสบความสำเร็จ พี่ลูกกรอกบอกว่าจะสร้างภาคสอง ภาคนี้พี่ลูกกรอกบอกจะเขียนบทเอง ภาคสองนี้ผมขอเป็นพระเอกนะครับ นางเอก ขอน้องมิยาบิ หรือน้องอาโออินะครับ
     
  13. ura

    ura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    4,438
    ค่าพลัง:
    +4,818
    นี่ซีดีหนัง และเหรีญหลวงปู่เลิบครับ ของดีมีน้อยครับ อยากได้อันดับหนึ่งในเขาอ้อ ต้องรีบเก็บครับ เหรียญดีๆๆอย่างนี้หาได้ยากครับ พรุ่งนี้พี่ๆๆ เพื่อนๆๆผมโดดงานเข้าไปเก็บกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. Agnostic

    Agnostic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    381
    ค่าพลัง:
    +265
    ดีนะครับไม่มีชื่อผม เพราะผมไม่ค่อยจะมีอะไรเลยครับ
     
  15. C220

    C220 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    279
    ค่าพลัง:
    +55
    ช่วยเอาา ชื่อพี่ Agnostic ขึ้น แล้วลบชื่อผม ออก ด้วยครับ :cool: ถ้าตี๋ใหญ่ยังอยุ่ ปล้นบ้านพี่ท่านแน่ๆครับ คลังวัดทุ่งอีกคน
    .............
    ผมมีของเก่าๆน้อยครับ ..............:boo:มือใหม่เหมือนกันครับ
    อย่าลืมไป ปล้น พี่ต้น บางปลาด้วยครับ ชอบขุนแผน ปล้นพี่ต้นเลยครับ อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2011
  16. ต้นบางปลา

    ต้นบางปลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2011
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +479
    pig_balletpig_balletpig_balletpig_ballet
     
  17. pinrat

    pinrat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +1,235
    เสี่ยมาสลับชื่อกันมั้ย เอิ๊กส์ๆ
     
  18. Lukkrok

    Lukkrok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    912
    ค่าพลัง:
    +1,123
    เด็กๆเขานึกอยากทำคุยกันแล้วก็ถ่ายกันเลยที่ชุมพร ลงขันกันเอง อาทิตย์เดียวเสร็จ ดาราก็เอาคนในพื้นที่ไม่ต้องมีบท ซักซ้อมแป๊บเดียวก็ถ่ายเลย ที่สำคัญ เอ๊ฟเฟ็ค ก็ทำเอง ตัดต่อเอง ฝีมือโอเคเลยถ้ามีทุน เขียนบทดีๆใข้ได้เลย

    เดี๋ยวเขาจะทำเรื่องต่อไปใครเขียนบทเก่งก็ไปช่วยกันหน่อยเอาประสบการณ์ไปทำพล็อตเรื่อง
     
  19. C220

    C220 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    279
    ค่าพลัง:
    +55
    ส่ง เรื่องแต๊บผม เข้าประกวด หนึ่งเรื่องครับ
     
  20. ura

    ura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    4,438
    ค่าพลัง:
    +4,818
    ประวัติพ่อท่านเลิบโดยสังเขปครับ
    พ่อท่านเลิบ ฐิตสทฺโท(พรหมสวัสดิ์)




    เมตตาบุญฤทธิ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนทักษิณ




    ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดทองตุ่มน้อย




    อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร


    พ่อท่านเลิบ ฐิตสทฺโท นามเดิมว่า นายเลิบ พรหมสวัสดิ์ เกิดวันพุธที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๔๕๕

    ตรงกับวัน ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีชวด ณ บ้านท่ากระดาน หมู่๓ ตำบลท่าหิน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร

    เป็นบุตรของนายหีต พรหมสวัสดิ์ และนางคลี่ ทองคำ พ่อท่านเลิบ เกิดในตระกูลชาวนา

    ที่ค่อนข้างจะมีฐานะดีในตำบลท่าหิน ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนจนจบชั้นประถม ๔

    ซึ่งถือว่าเป็นระดับการศึกษาที่สูงมากในสมัยเมื่อเกือบร้อยปีที่แล้ว

    ครอบครัวท่านได้มีความผูกพันกับพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก

    โดยปู่และพ่อท่านก็ได้บวชเป็นพระและอยู่ครองผ้ากาสาวพักต์จนวาระสุดท้ายด้วย

    และตัวท่านเองก็ได้รับการปลูกฝังในด้านพุทธศาสนามาอย่างดี

    โดยครอบครัวของท่านนั้นจะไม่มีการล่าสัตว์หรือจับสัตว์ทุกชนิดมาทำอาหารหรือกักขังไว้

    แม้กระทั่งเครื่องมือที่ใช้ในการจับสัตว์ครอบครัวท่านก็ไม่สะสมไว้เลย ท่านเป็นเด็กที่เรียบร้อยว่านอนสอนง่าย

    แต่ท่านเองก็มีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวหากถูกรังแกก็จะไม่ยอมใครเช่นกัน

    ด้วยเหตุที่ท่านมีความใกล้ชิดพระพุทธศานาท่านจึงมีโอกาสได้ฟังธรรมและได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาต่างๆ

    จากครูบาอาจารย์ตั้งแต่เยาว์วัย ถือว่าท่านนั้นเป็นผู้ที่มีวิชาดีคนหนึ่งในสมัยนั้น ท่านจึงคิดที่จะบรรพชา

    เพื่อที่จะได้มีโอกาสศึกษาพระธรรมได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ในวัย ๑๗ ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร

    โดยมีท่านเจ้าคุณเฒ่า วัดโตนด จังหวัดหลังสวน(ปัจจุบันอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร) เป็นพระอุปัชฌาย์

    และสามเณรเลิบก็ได้จำพรรษาอยู่ ณ วัดท่ากระดาน ขณะนั้นได้มีพระอาจารย์ตาบ

    ซึ่งท่านธุดงค์มาจากจังหวัดกาญจนบุรี ได้มาพำนักอยู่ ณ วัดท่ากระดาน สามเณรเลิบเมื่อได้พบ

    และสนทนาธรรมกับพระอาจารย์ตาบรูปนี้แล้ว ท่านก็เกิดความศรัทธาเป็นอย่างมาก ท่านจึงได้ติดตามพระอาจารย์ตาบ

    เพื่อไปศึกษาทางด้านวิปัสสนาธุระที่จังหวัดกาญจนบุรีเป็นเวลา ๒ พรรษา ต่อมาภายหลังสามเณรเลิบ

    ก็ต้องลาสิกขาบทเนื่องด้วยมารดาของท่านได้ขอร้องให้ท่านมาครองเรือน เป็นหัวหน้าครอบครัว

    เนื่องด้วยบิดาของท่านได้ลาอุปสมบทระหว่างดำรงชีวิตในเพศฆราวาสท่านก็ยังมิได้ละทิ้งการปฏิบัติธรรม

    ท่านยังมีความเมตตากับเพื่อนมนุษย์ โดยท่านได้สรรพวิชาต่างๆที่ได้ร่ำเรียนมาในครั้งเป็นสามเณร

    ท่านคงใช้สมาธิและวิชาอาคมสงเคราะห์ชาวบ้านอย่างเสมอมา ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาสมุนไพรรักษาโรคกองลม

    โรคอัมพฤกษ์-อัมพาต ตำรายาแผนโบราณ การทำน้ำมนต์แก้คุณไสยต่างๆ พร้อมใช้สมาธิ

    ในการตรวจดูว่าคนป่วยนั้นว่าถูกคุณไสยทำหรือป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ตามวิชาที่ท่านได้รับการถ่ายทอดมาจากพระอาจารย์ตาบ

    โดยหลังจากที่พระอาจารย์ตาบ ได้มีการทดลองว่าพ่อท่านเลิบ ได้สำเร็จวิชาต่างๆเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่พ่อท่านเลิบ

    จะลาพระอาจารย์ตาบ ท่านได้มอบเหล็กไหลศักสิทธิ์ให้กับพ่อท่านเลิบมาไว้ป้องกันตัว

    ท่านก็ได้พกติดตัวอยู่ตลอดมีอยู่ครั้งหนึ่ง ตามวิสัยของวัยรุ่นก็มักจะมีการไปเกี้ยวผู้หญิง

    ท่านได้ไปจีบลูกสาวแขกบ้านหนึ่ง และได้นัดพบเจอกันในเวลากลางคืน เมื่อพ่อสาวเจ้ารู้เข้าก็ได้ติดตามมา

    เมื่อพบพ่อสาวเจ้าก็ได้ชักปืนออกมายิงใส่นายเลิบทันที แต่ด้วยอานุภาพของเหล็กไหลศักสิทธิ์

    ที่พระอาจารย์ตาบให้มาทำให้ปืนนั้นมิสามารถทำอันตรายนายเลิบได้เลยแม้แต่น้อย
    เมื่อปีพ.ศ.๒๔๗๗ ครั้นท่านมีอายุ ๒๑ ปี ท่านได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดโพธิ์เกษตร

    อำเภอสวี จังหวัดชุมพร มีเจ้าคุณพัด วัดสามแก้ว เป็นพระอุปัชฌาย์ โดยการอุปสมบทครั้งนี้


    เป็นการบวชตามประเพณีไทยของชายไทยทุกคน เพื่อที่จะเป็นการทดแทนพระคุณบิดา-มารดา

    สมดั่งที่เป็นชายไทยในร่มเงาของพระพุทธศาสนา การบวชครั้งนี้ท่านก็ได้ปฏิบัติสมณกิจของสงฆ์อย่างเคร่งครัด

    ไม่มีด่างพร้อมเลยแม้แต่น้อย ท่านได้อุปสมบทอยู่ได้ ๒ พรรษา จึงได้ลาสิกขาบทมาเพื่อดูแลทางบ้านอีกครั้ง

    ระหว่างที่ท่านดำรงชีวิตเป็นฆราวาสอยู่นั้น ท่านได้มีสหายชาวชุมพร ชื่อว่านายนุ้ยร่วมกัน

    เดินทางไประหว่างชุมพร และนครศรีธรรมราช เพื่อทำงานเลี้ยงดูครอบครัวอย่างสม่ำเสมอ

    ท่านได้ประกอบอาชีพด้วยความสุจริตในอาชีพเมื่อครั้นเก็บสะสมเงินทองได้จำนวนหนึ่ง

    ท่านก็จะนำเงินที่เก็บหอมรอมริบนำมาเพื่อให้ทางครอบครัวได้ใช้จ่าย

    ในระหว่างการเดินทางระหว่างชุมพรและนครศรีธรรมราชหลายครั้งท่านมีโอกาสได้ใช้วิชาที่ท่านได้ร่ำเรียนมาจากอาจารย์ตาบ หลายครั้ง

    เมื่อครั้งที่ท่านจะเดินทางกลับจากนครศรีธรรมราช แต่ท่านยังมีปัจจัยไม่อำนวย ท่านจึงตกลงกับสหายว่า

    เราจะเดินทางไปตามตามรางรถไฟ ค่ำไหนนอนนั่น โดยจะอาศัยบ้านผู้ใหญ่บ้านบริเวณนั้นเป็นหลัก

    โดยครั้งนั้นท่านได้เดินทางมาถึงบริเวณบ้านเขาหัวควาย ซึ่งบ้านผู้ใหญ่แหบ ท่านก็ได้ให้พักอยู่ด้วย

    แต่ผู้ใหญ่ก็มีความกลัว ๒ หนุ่มจะเป็นโจรผู้ร้าย เพราะผู้ใหญ่เองก็มีลูกสาวอีก ๒ คนอยู่ด้วย

    ผู้ใหญ่จึงได้ให้ไปพักที่ชานบ้าน พ่อท่านจึงคิดว่าจะแสดงให้ผู้ใหญ่บ้านนั้นทราบว่าท่านนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ใจจริงๆ

    ท่านจึงได้ท่องอาคมขมวดปมเกลียวเชือกเป็นคล้ายๆงู เอาวางไว้บริเวณผ้าเช็ดเท้า

    โดยหวังว่าเมื่อผู้ใหญ่ออกมาเข้าห้องน้ำ ก็จะลองวิชาของตน ปรากฏว่าคืนนั้น ลูกสาวคนหนึ่งของผู้ใหญ่บ้าน

    เดินออกมาเพื่อเข้าห้องน้ำ ขากลับเข้าบ้านก็ได้เช็ดเท่าบริเวณผ้าเช็ดเท้า ลูกสาวผู้ใหญ่ก็ร้องมาว่าถูกงูกัด

    ผู้คนในบ้านจึงได้ตื่นมากันหมด ผู้ใหญ่บ้านก็ตกใจ ขอความช่วยเหลือกับ 2 ผู้มาพักอาศัย

    พ่อท่านก็บอกว่าท่านไม่ได้เป็นหมองูและไม่มีความรู้เรื่องรักษาพิษงู แต่ท่านมีเพียงวิชาน้ำมนต์รักษาโรคเท่านั้น

    ผู้ใหญ่บ้านจึงให้พ่อท่านทำน้ำมนต์รักษาโรค ท่านจึงใช้วิชาทำน้ำมนต์ที่ท่านเรียนจากพระอาจารย์ตาบ

    รดให้กับลูกสาวผู้ใหญ่บ้าน ทันใดนั้นอาการเจ็บปวดบริเวณขาที่ถูกงูกัดนั้น ก็หายไปอย่างปลิดทั้ง

    เช้าวันต่อมาก่อนท่านจะลาเดินทางต่อทางผู้ใหญ่แหบและครอบครัวได้จัดข้าวปลาอาหาร

    เลี้ยงดูท่านและสหายเป็นอย่างดี และยังให้ไปกินกลางทางอีกด้วย นับว่าเป็นการพิสูจน์ตนว่า

    ตนเองมีความบริสุทธิ์และยังเป็นการเตือนสติให้ผู้ใหญ่แหบ มองคนในแง่ดีมากขึ้น

    ท่านได้ออกเดินทางต่อมาถึงเขตอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฏร์ธานี ได้ไปพักที่บ้านผู้ใหญ่บ้านเหมือนเดิม

    ในค่ำคืนนั้นได้มีลูกบ้านได้มาแจ้งกับผู้ใหญ่บ้านว่าควายของตนได้หายไป ผู้ใหญ่บ้านจึงได้ปลุก ๒

    ผู้พักอาศัยเพื่อมาช่วยกันตามหาควายในคืนนั้น พ่อท่านจึงใช้สมาธิตรวจดูว่าควายนั้นได้ไปอยู่ที่ใด

    โดยท่านได้ทำนายกับเจ้าของควายไว้ ๒ ข้อคือ ข้อที่ ๑ ท่านได้ทำนายว่าควายตัวนั้นเป็นตัวผู้ใช่หรือไม่

    ซึ่งก็เป็นจริง และในข้อที่ ๒ ท่านได้บอกว่าคนขโมยนั้นได้พาควายไปทางทิศใต้ ให้ไปดักช่วงใกล้รุ่งก็จะพบ

    ปรากฏว่าก็เป็นจริงดั่งที่ท่านทำนายทั้งหมด

    เมื่อท่านเดินทางกลับมาที่บ้าน ณ บ้านหนองปลา หมู่๗ ตำบลท่าหิน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร

    มารดาของท่านก็ได้จัดให้ท่านได้แต่งงานมีครอบครัวกับนางช้อย ผุดเพชรแก้ว โดยมีบุตรธิดาด้วยกันทั้งสิ้น ๒ คน

    เป็นบุตร ๑ คน ธิดา ๑ คน โดยตลอดการครองเพศฆราวาสในครั้งนี้ ท่านก็เป็นคนที่มีใจรักมั่นในศีลธรรม

    เข้าวัดฟังธรรมและไม่ผิดศีล ๕ เสมอมา ดำรงชีพด้วยอาชีพที่สุจริตมาโดยตลอด

    เมื่อครั้งที่ท่านมีครอบครัวอยู่นั้น ได้อยู่ที่บ้านทุ่งเหรี่ยง ตำบลท่าหิน ท่านได้เป็นเขยใหม่

    ในหมู่บ้าน ท่านก็ได้ตระเตรียมที่จะสร้างเรือน จึงได้ไปยืม ช้าง จากเพื่อนบ้าน เพื่อนำมาชักลากไม้เสา

    ที่เลื่อยแล้วมาทำบ้าน เพื่อนบ้านก็มิให้ยืม ถึงแม้ว่าท่านจะไปขอยืมถึง๓ครั้งก็ตาม กลางดึกคืนนั้น

    ท่านจึงได้ลองวิชาที่พระอาจารย์ตาบได้สอนมา โดยได้ทำน้ำพระพุทธมนต์อธิฐานจิตแล้วก็ดื่ม

    ปรากฏว่าเสาบ้านทั้ง ๑๖ นั้น( เป็นไม้เคี่ยม หน้ากว้าง ๘ นิ้ว ยาว ๘ เมตร ) ท่านสามารถยก

    และเคลื่อนย้ายด้วยตัวเองได้ทั้งหมดภายในคืนเดียว

    หลังจากนั้นไม่นานพ่อท่านได้พนันกับเพื่อนว่าหากตนนั้นหาบข้าวจำนวน ๑๐๐ เลียง

    ( ๑ เลียงเท่ากับข้าว ๑ กำมือ ซึ่งที่จริงแล้วหนักมากจะต้องใช้ควายตัวโตๆถึงจะแบกได้)

    ถ้าหากตนเองนั้นหาบไหว เพื่อนๆก็จะต้องให้เหล้าเถื่อน จำนวน๑ขวดแก่ท่าน
    ท่านจึงได้ทำน้ำมนต์

    ขึ้นอีกครั้งแล้วก็ตั้งจิตแล้วดื่ม ปรากฏว่ายกข้าว๑๐๐เลียงนั้นสำเร็จจนทำให้เพื่อนๆต้องเสียพนันแก่พ่อท่าน

    (ภายหลังเมื่อพ่อท่านบวชแล้ว ท่านก็ได้สั่งสอนว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำมันไม่ดี)

    ครั้นปีพ.ศ.๒๕๐๖ท่านมีอายุได้ ๕๐ ปี ท่านเองได้เห็นว่าทางครอบครัว

    ได้มีความเป็นอยู่ที่พร้อมเพรียงบริบูรณ์ดีแล้ว ไม่มีภาระอะไรที่จะต้องเป็นห่วงอีก ท่านจึงได้ตัดสินใจออกบวช

    ดั่งความปรารถนาตั้งแต่ต้นของท่าน ในครั้งนี้ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดโพธิ์เกษตร

    โดยมี พระราชธรรมเมธี(เจ้าคุณเปียก) วัดโตนด เป็นพระอุปัชฌาย์ และมีพระอาจารย์หีต โกสโล เป็นพระกรรมวาจาจารย์

    โดยดำรงสมณเพศในธรรมยุติกนิกาย ระหว่างเป็นภิกษุนั้นท่านได้เพรียบพร้อมไปด้วยจริยวัตรอันดีงาม

    ปฏิบัติสมณกิจมิเคยด่างพร้อย พ่อท่านไม่เคยละทิ้งการปฏิบัติกิจวัตรของพระป่านิกายธรรมยุติ

    คือการอยู่ป่าธุดงค์เป็นนิจ ท่านคงยังธุดงค์ออกไปหาความสงบเงียบเรื่อยๆไป แต่หากเมื่อท่านพบวัด

    หรือสำนักสงฆ์แห่งใดที่ชำรุดทรุดโทรมหรือที่นั่นต้องการความช่วยเหลือ ท่านก็จะหยุดพำนักเพื่อเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง

    ในการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ ไม่ว่าจะเป็น วัดท่ากระดาน (วัดที่ท่านจำพรรษาครั้งเป็นสามเณร)

    วัดท่าหิน ในอำเภอสวี ท่านก็ได้อยู่พำนักจนสร้างพระอุโบสถเสร็จ ๑ หลัง หรือจะเป็นสำนักสงฆ์ห้วยใหญ่ ท่านก็ได้ไปพัฒนาจนเจริญรุ่งเรือง
    ท่านเล่าให้ฟังว่าในคืนหนึ่งขณะที่ท่านภาวนา พุทโธ นั้นท่านได้เกิดสภาวะที่จิตสงบและนิ่ง

    และในขณะนั้นเองจิตท่านเกิดความสว่างพร่างพรู ท่านบอกว่าข้อธรรมะใดที่ติดค้างก็กระจ่าง

    หมดเหมือนกับการหลุดพ้นจากพันธนาการต่างๆที่หยุดรั้งท่านเอาไว้มาแสนนาน

    ท่านบอกว่าสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจาก เรามีศีล และมีสมาธิ จึงทำให้เกิดปัญญาขึ้นมาและในปี๒๕๑๒

    ท่านได้มีโอกาสได้ไปกราบหลวงพ่อทอง วัดดอนสะท้อน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร

    ซึ่งมีชื่อเสียงอย่างมากในภาคใต้ในสมัยนั้นพ่อท่านทองได้มอบตะกรุดให้ท่าน ๑ ดอก

    พร้อมทั้งสอนคาถากำกับและวิธีทำตะกรุดให้โดยละเอียด

    เมื่อครั้งที่พ่อท่านเลิบได้จำพรรษาอยู่ที่วัดท่าหิน อำเภอสวี ได้มีโยมมาให้ท่านช่วยเหลือเรื่อง

    การสู่ขอผู้หญิงให้ลูกชาย ครั้งที่ไปคุยกันก่อนจะทำการสู่ขอจริงพ่อ-แม่ฝ่ายหญิงก็ตกลงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

    แต่พอนัดยกขันหมากจริงๆแล้วปรากฏว่าพ่อ-แม่ฝ่ายหญิงกลับปฏิเสธ

    พ่อท่านจึงตรวจเช็คด้วยสมาธิ ท่านจึงบอกว่าทางฝ่ายหญิงได้ทำคาถาทอดแขนงไว้

    ใครมาขอผู้หญิงก็จะปฏิเสธทุกรายไป พ่อท่านจึงได้ทำพิธีแก้และทำลายมนต์คาถาที่ฝ่ายหญิงได้กระทำไว้

    และได้ให้ไปสู่ขอใหม่อีกครั้ง ปรากฏว่าไม่มีปัญหาแต่อย่างใดเป็นที่น่าอัศจรรย์

    (ปัจจุบันหญิง-ชายคู่นั้น ก็ได้แต่งงานกันอยู่กินมาถึงปัจจุบัน)

    มีอยู่วันหนึ่ง พ่อท่านเลิบก็ได้บอกกับสามเณรวิโรจน์ว่า ถ้ามีพ่อคนป่วยมาสอบถาม เรื่องลูกไม่สบายนั้น

    ให้ตอบคนผู้นั้นไปว่า หลวงพ่อรักษาไม่ได้ ไปให้คนอื่นรักษา สามเณรวิโรจน์ก็ได้เก็บความสงสัยไว้

    และเมื่อมีโอกาสได้ถามพ่อท่านเลิบ ว่าเหตุใดจึงได้ปฏิเสธการรักษา พ่อท่านเลิบก็ตอบว่าพ่อท่านได้ตรวจดูแล้ว

    ว่ารักษาอย่างไรก็ไม่หาย เพราะเด็กผู้นั้นได้ถูกเจ้าที่ในขณะเดินทางไปบ้านญาติ

    พ่อท่านได้ตรวจด้วยสมาธิแล้วนั้นท่านบอกว่า เจ้าที่จะเอาชีวิตเด็กคนนี้ และเจ้าที่

    ยังบอกพ่อท่านอีกว่าท่านเป็นพระอย่ามายุ่งเรื่องฆราวาส

    เรื่องของสามเณรวิโรจน์ ที่วัดท่าหิน เมื่อครั้งปีพ.ศ.๒๕๑๒ สามเณรวิโรจน์ ได้อยู่ที่กฏิริมคลอง

    ท่านก็ได้ยินเสียงดนตรีไทยมาจากในทอน(บริเวณป่าริมคลอง ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้)

    ขณะนั้นเวลาได้๑๗.๐๐-๑๘.๐๐น.หรือภาษาใต้เรียกว่าเวลามุ้งมิ่ง สามเณรวิโรจน์เกิดความสงสัย

    จึงได้ขึ้นไปถามพ่อท่านเลิบ พ่อท่านก็ได้บอกเณรว่าให้ไปซ้อมสวดพระอภิธรรมไว้ซิ

    เดี๋ยวจะได้ไปสวดพระอภิธรรม แล้วท่านก็หยุดพูด สามเณรก็กลับกุฏิไปด้วยความสงสัย

    พอวันรุ่งขึ้นมีชาวบ้านมานิมนต์พระเณรไปสวดพระอภิธรรมที่บ้านงานศพ สามเณรเลยคลายความสงสัยลง

    ปีพ.ศ.๒๕๑๖ท่านก็ได้เดินทางเข้ามาในกรุงเทพ ณ วัดเพลงวิปัสสนา เพื่อเข้าศึกษาการวิปัสสนาเพิ่มเติม

    กับพระครูสมาธิวัตร ซึ่งวัดเพลงวิปัสสนาเป็นวัดในมหานิกาย ซึ่งไม่สะดวกในการปฏิบัติ

    ท่านจึงได้ทำการแปรญัตติจากธรรมยุตินิกายเป็นมหานิกาย ในวันที่๒๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๖

    ณ พัทธสีมาวัดเพลงวิปัสสนา กรุงเทพมหานคร โดยมีพระครูสังวรสมาธิวัตรเป็นพระอุปัชฌาย์

    และหลังจากที่ท่านได้ศึกษาจากทางด้านวิปัสสนาเรียบร้อยแล้ว ท่านจึงลาพระครูสมาธิวัตรเพื่อเดินทางกลับมายังชุมพร

    โดยทานได้เดินลัดเลาะมาตามชายทะเล

    ในพ.ศ.๒๕๒๑ ท่านมาพบกับวัดทองตุ่มน้อย ท่านก็คิดว่าที่นี่เป็นที่ๆสงบถูกสัปปายะในการดำรงในสมณเพศของท่าน

    ท่านจึงได้จำพรรษาอยู่ที่วัดทองตุ่มน้อย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนปัจจุบันท่านมีอายุ ๙๘ ย่าง ๙๙

    ท่านยังคงมีเมตตากับศรัทธาญาติโยมที่เข้ามาขอความช่วยเหลือในด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็น

    การรักษาทางสมุนไพร ทางคาถาอาคม แต่ท่านเองก็จะบอก กับชาวบ้านเสมอให้ยึดมั่นในหลักธรรมของพระพุทธเจ้า

    เชื่อมั่นให้หลักกฎแห่งกรรม คนเรากระทำสิ่งใดไว้ก็ย่อมได้สิ่งนั้นตอบแทน ควรดำรงตนปฏิบัติสัมมาอาชีพ

    ยึดหลักกุศลกรรมบถ10 คือ กายกรรม3(ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักขโมย ไม่ผิดในกาม) วจีกรรม4

    (ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่งเสียด ไม่พูดคำหยาบ และไม่พูดเหลวไหล)

    และมโนกรรม3 (ไม่โลภ ไม่คิดปองร้ายใคร เห็นตรงตามคลองธรรม)

    ไม่ว่าศิษย์ยานุศิษย์ จะมาจากที่ใด ท่านก็จะให้ความเมตตาเท่าเทียมกันหมด ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ

    สั่งสอนศิษย์ด้วยหลักธรรมเดียวกันและให้ความเสมอภาคด้วยกันทั้งสิ้น
    ฝ่าเท้าดอกจันทร์

    ใต้ฝ้าเท่าของท่านจะมีเส้นลายเท้าเป็นรูปดอกจันทร์ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าหากให้ท่านเหยียบที่หัวแล้ว


    อาการเจ็บป่วยที่มีอยู่นั้นจะหายไป หรือบางคนก็ให้ท่านเหยียบหัวแล้วอธิษฐานขอในเรื่องต่างๆ

    และบางคนก็ให้ท่านเหยียบเพื่อเป็นสิริมงคลคล้ายกับว่าเชิญดาวมาประทับที่หัวเพื่อคอยคุ้มครองภัยอันตรายที่จะเข้ามาแผ้วพาน
    ปิดทองแก้บนที่เทียนอธิษฐาน

    บางครั้งศิษยานุศิษย์ที่มากราบไหว้ท่านก็จะมาบนบานที่เทียนอธิษฐานเล่มใหญ่ที่อยู่หน้า

    โต๊ะหมู่บูชาพระของท่านโดยมีความเชื่อกันว่าโต๊ะหมู่บูชาของท่านนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก

    เนื่องจากท่านยังคงไหว้พระสวดมนต์อยู่ตรงนี้เพราะฉะนั้นย่อมมีเทวดาสถิตอยู่ตลอด

    เพราะฉะนั้นเมื่อมีความเดือดร้อนใดๆลูกศิษย์ท่านก็จะมาบนบานบริเวณโต๊ะหมู่ของท่านแล้วแก้บนด้วยการปิด


    ทองที่เทียนหน้าโต๊ะหมู่บูชาของท่าน
    ในขณะนี้ท่านมีโครงการสร้างพระธาตุเจดีย์ ๘ เหลี่ยมเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานที่ระลึกจากท่าน

    โดยพระธาตุเจดีย์นี้จะเป็นอเนกประสงค์ใช้งานได้หลายอย่างโดยด้านบนสุดจะประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ


    และชั้นรองลงมาจะเป็นที่เก็บสรีระร่างท่านในอนาคตหากท่านละสังขารชั้นรองลงมา

    จะใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมและที่พักสำหรับผู้ที่จะมาปฏิบัติธรรม โดยลักษณะจะเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม

    ความยาวผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ ๘ เมตร จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมกันบริจาคเงินสร้างพระธาตุเจดีย์ ๘ เหลี่ยมนี้เพื่อสะสมบุญบารมีไว้ในภายภาคหน้า

    อานิสงส์การสร้างเจดีย์

    การสร้างเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หรืออัฐิธาตุของบุคคลที่ควรบูชาได้แก่

    พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ และพระเจ้าจักรพรรดิเป็นการสร้างมงคลให้กับตนเองอย่างสูงสุด

    เมื่อตายไปย่อมสูสุขคติโลกสวรรค์ย่อมได้ดวงตาเห็นธรรม และบรรลุมรรคผลนิพพานโดยง่าย

    การมีส่วนร่วมสร้างพระเจดีย์จะมากหรือน้อย ถ้าทำด้วยความเลื่อมใสก็ย่อมได้รับอานิสงส์มากมาย

    ดังตัวอย่างจากพระไตรปิฎก สุตตันตปิฎกในมังคลัตถทีปนีว่าด้วยการบูชา ดังนี้.....

    "พระสุธาปิณฑิยเถระ พระเถระรูปนี้ในชาติก่อนมีใจเลื่อมใสได้ใส่ก้อนปูนขาวในระหว่างแผ่นอิฐ

    ซึ่งประชาชนกำลังก่ออิฐสร้างเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าพระนามว่า

    สิทธัตถะ ด้วยอำนาจแห่งบุญนั้นได้บันดาลให้ท่านได้ไปเกิดในสวรรค์และโลกมนุษย์ถึง 94 กัปป์"

    ..... พระมหากัสสปเถระ ยังได้กล่าวถึงประวัติและผลบุญแห่งการสร้างพุทธ

    เจดีย์ของท่านไว้ดังนี้

    ในครั้งที่พระพุทธเจ้ามีนามว่าปทุมมุตตระ พระองค์ได้ปรินิพพานแล้ว พระมหากัสสปเถระ

    ได้ชักชวนหมู่ญาติมิตรและประชาชนให้มาร่วมกันสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

    เพื่อบูชาพระพุทธเจ้ากันเถิด ทุกคนมีจิตเลื่อมใสปิติอิ่มเอมใจจึงได้ช่วยกันสร้างเจดีย์สูงค่าเสร็จลงด้วยความเรียบร้อย

    เจดีย์สูงร้อยศอก สร้างปราสาทห้าร้อยศอกสูงตระหง่านจรดท้องฟ้า ทุกคนมีจิตปิติเบิกบานในอานิสงส์ผลบุญ

    ที่ได้พากันทำไว้เมื่อท่านตายไปแล้วได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อยู่บนยานทิพย์เทียวด้วย

    ม้าสินธพพันตัววิมานของท่านสูงตระหง่านเจ็ดชั้น มีปราสาทหนึ่งพันองค์ ซึ่งสร้างด้วยทองคำศาลาหน้ามุข

    สร้างด้วยแก้วมณี ส่องแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วสารทิศ ทั้งยังมีอำนาจเหนือเทวดาทั้งปวง

    เมื่อลงมาเกิดในโลกมนุษย์ในกัปป์ที่หกหมื่นในภัทรกัปป์นี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่

    ครอบครองอาณาเขตไปถึง 4 ทวีป มีแก้วแหวนเงินทองมากมาย ประชาชนมีความสุขสำราญ

    เหมือนดั่งบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งท่านเป็นอย่างนี้ถึง 33 ครั้ง ทั้งหมดเกิดจากผลบุญที่ได้ทำไว้จากการสร้างเจดีย์

    และชาติสุดท้ายได้มาเกิดในสกุลพราหมณ์ที่ร่ำรวย แต่สละทรัพย์ออกบวชจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์

    ผู้เลิศด้วยปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และอภิญญา 6 การสร้างเจดีย์มีอานิสงส์มากมายเกินกว่าจะพรรณนา

    การได้มาซึ่งโอกาสพิเศษที่จะสร้างเจดีย์ขนาดใหญ่ อันเป็นสัญลักษณ์แห่งการตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ

    ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น นับเรื่องที่กระทำได้ยากยิ่ง…
    ขอกราบขอบพระคุณ

    พระครูไพโรจน์พัฒนากิจ ศิษย์ที่พ่อท่านบวชให้

    คุณมโน พรหมสวัสดิ์ บุตรชายพ่อท่าน

    ผู้ใหญ่สารัช เกิดกุลรัช ผู้ใหญ่บ้านบ้านทองตุ่มน้อย

    คุณวีระพล แดงวันทอง ศิษยืใกล้ชิดที่ดูแลพ่อท่าน

    ที่เอื้อเฟื้อข้อมูลและประวัติพ่อท่านโดยละเอียด



    คุณราวุฒิ มีวงศ์ ผู้สัมภาษณ์เกี่ยวกับรายละเอียดเพิ่มเติม

    และเป็นผู้แนะนำให้พวกเราได้รู้จักพ่อท่าน



    สุทิน ยางก้อน เรียบเรียง

    สุเทพ พงษ์เพียรชอบ ตรวจทาน แก้ไข สรุป
    อ้างอิงข็อมูลและขอขอบคุณเวปร่มโพธิ์ไทร ที่ขอขอ้มูลมาเผยแผ่บารมีอาจารย์นะครับ
    ขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และครูบาอาจารย์ พ่อท่านเลิบ หลวงพ่อเณร คุ้มครองพี่น้องทุกคนนะครับ ​

    <!-- / message --><!-- attachments -->
    <!-- / message --><!-- attachments -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...