[ ถาม ] ศีลไม่ครบแล้วปฏิบัติกัมมัฏฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Banditzth, 21 กันยายน 2011.

  1. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    เป็นเรื่องของ สันตติมหาอำมาตย์ น่ะครับ
    ลองค้นดูในกูเกิ้ลครับ
     
  2. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    การรักษาศิล..ต้องใช้ปัญญาด้วยแต่ต้องจริงใจ น้อมให้อยู่กับใจ เพราะศิลคือ เจตนา..หากศิลรักษาเรา เช่น เห็นเขากินเหล้า เห็นเขาเล่นไพ่..ศิลจะบอกใจเราให้อย่าเข้าไปยุ่งกับเขาทันที นี่แบบหยาบๆศิลรักษาเรา ..!
    การรักษาศิล ต้องใช้ปัญญามากในบางเรื่อง ต้องโยนิโสมาก มิฉนั้นคุณจะอยู่ร่วมกับสังคมเขาไม่ได้ จึงต้องใช้ปัญญาล่วงหน้าเสมอในเหตุการณ์นั้นๆที่ต่างกันอย่าลืมฐานะตนเองว่าเป็น ฆราวาส ยังอยู่กับสังคมที่ซับซ้อน จะยอมสละชีวิตเพื่อรักษาธรรมไหม..แล้วลูกเมียที่บ้านล่ะ ใครจะรับผิดชอบ..แต่ก็อย่าฝึกจิตให้มีเล่ห์เหลี่ยม ต้องฝึกให้เป็นคนรอบครอบและรับผิดชอบ เมื่อเกิดเหตุที่แก้ยาก..
    มิฉนั้นจิตคุณจะเสีย จะเข้าไม่ถึงความบริสุทธิ์เลย หากจิตใจมีเล่ห์เหลี่ยม
     
  3. อศูนย์น้อย

    อศูนย์น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +495
    ศีลไม่ครบปฎิบัติกรรมฐานได้ไหม ผมขอตอบว่าได้ครับอย่าไปยึดติดกับศีลมากครับขอแค่
    ตอนที่ปฎิบัตินั้น ทำจริงๆหรือเล่นๆเท่านั้นเองครับ กระทำไปเถิดครับเดียวจะลดละเริกได้เองครับ
    ส่วนตัวทุกวันนี้ ผมก็ไม่ได้ถือศีลครับ แต่ก็ปฎิบัติเป็นปกติทุกวันอยู่แล้ว แล้วไม่สนใจด้วยว่าศีลจะเป็นอย่างไร
    ขอแค่ตอนปฎิบัติ ปฎิบัติจริงๆแล้วจะเห็นผลเกิดขึ้นจริง ไม่เกียวว่าเราทำอะไรมา เพราะตอนนั้น
    ตอนที่เราปฎิบัติ ถ้าท่่านนั่งสมาธิ ศีลก็ครบไม่ด่างไม่พล้อย เรียกได้ว่า ครบถึง 227 ข้อก็ว่าได้
    มันอยู่ที่ใจครับ ถ้ายังห่วงหน้าภวงหลังก็ยังไม่ถึงไหน ถ้าจิตใจปลงวางส่งคืนและวางอย่างแท้จริงแล้ว
    กำลังใจเต็มมั่นคงแล้ว ไม่มีอะไรจะมาขวางกั้นท่านได้เลย ทำได้แน่ถ้าทำจริง สาธุครับ ^^
     
  4. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    -ได้ 100 % ครับ แต่จะเป็นมิจฉาสมาธิ ไม่ได้เป็นสัมมาสมาธิ หากต้องการถึงที่สุดแห่งทุกข์หรือพ้นทุกข์ต้องมีศีลเป็นพื้นก่อน ศีล สมาธิ ปัญญา 3 สิ่งนี้จะต้องเท่ากันเสมอ จะต้องไม่มีอะไรมากกว่ากันหรือน้อยกว่ากัน
     
  5. overmage

    overmage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2011
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +128
    เห็นด้วยกับคุณพี่ครับ จากประสบการณ์ตรงของผม หากศีลไม่ครบ สมาธิที่ได้

    ไม่ทรงตัว หรือทรงตัวได้ไม่นานก็จะโดนอารมฟุ้งซ่านเข้าเล่นงานครับ

    ไม่แน่ใจว่าเพราะจิตเราจับอยู่แต่กุศลหรือเปล่า แต่หากวันไหน ศีลไม่ครบ หรือไม่บริสุทธิ์

    การทำสมาธิจะทำได้อยากขึ้น

    (อันนี้เฉพาะผมนะครับ ขออนุญาติออกความเห็นครับ ซึ่งของผมอาจไม่ถูกต้องนัก)
     
  6. nongpi

    nongpi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +46
    บอกคำเดียว ตอนเราเข้าสมาธิ กายเราจะหนักขึ้น จะปล่อยไม่ได้
    เพราะโดนกายควบคุมจิต ไม่ใช่จิตควบคุมกาย
     
  7. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    คงต้องกล่าวเรื่องศีล ต้องศึกษาพิจารณา ให้เข้าใจอย่างท่องแท้เสียก่อน

    ว่าศีล 5 นั้นเป็นปกติของจิตวิญญาณ และ การทำผิดศีลนั้นมีผลอย่างไร

    เหตุใดจึงต้อรักษาศีล พิจารณาเป็นข้อๆไป จะเห็นถึงผลที่ได้กระทำผิดศีล

    หากทำผิดศีลข้อ1 ก็จะทำให้เป็นคนอารมณ์ร้อนได้ง่าย ด้วยใจที่จะคอยทำร้าย และ เบือดเบือนผู้อื่นอยู่เป็นประจำ

    หากทำผิดศีลข้อ2 ก็จะทำให้เป็นผู้ที่เห็นแก่ได้ โลภมาก อยากได้แม้แต่ของผู้อื่น

    หากทำผิดศีลข้อ3 ก็จะทำให้หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องกาม และ ไม่สนใจว่าเป็นลูกเมียของใคร จนในที่สุดก็เข้าสู่การยินยอมที่จะแลกเปลี่ยนอย่างที่มีให้เห็นในสมัยนี้

    หากทำผิดศีลข้อ4 ก็จะทำให้ไม่ไว้ใจผู้อื่น ไม่พอใจในผู้อื่น เพราะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาบอกกล่าว

    หากทำผิดศีลข้อ5 ก็จะไม่สามารถคงจิตใจให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ย่อมก่อให้เกิดความผิดพลาดอยู่เป็นเนืองนิตย์

    เพียงแค่ทำผิดศีล5 หรือ ละเมิดศีล5ข้อ นี้ก็ทำให้เป็นทุกข์มากแล้ว และ ยังต้องทนทุกข์กับผลที่ได้รับอีกด้วย

    แต่หากมนุษย์ปฎิบัติภาวนา ก็จะรักษาศีล ถึงจะครบบริบูรณ์มั่ง ไม่บริบูรณ์มั่ง แต่ก็ยังคอยรักษาศีล

    แต่การปฎิบัตินั้น ก็จะทำให้มนุษย์ สามารถรักษาศีลให้ดีขึ้นได้ ด้วยมองเห็นผลแห่งบาปกรรม

    เมื่อรู้ว่าศีลไม่บริบูรณ์ ยิ่งควรที่จะปฎิบัติ ให้ยิ่งๆขึ้นไป ด้วยใจเป็นกุศล
     
  8. boonsongma

    boonsongma สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +11
    อาจารย์ผมเคยสอนว่า ถ้าศีลด่างพร้อยแล้วปฏิบัติ ก็เหมือนตักน้ำใส่ตุ่มก้นรั่ว แล้วเมื่อไหร่มันจะเต็มละครับ
     
  9. nipp

    nipp สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +20
    มันบอกไม่ได้หรอกว่า จะเอาอันไหนก่อน ต้องไปพร้อมๆกัน ศีล สมาธิ ปัญญาด้านการวิเคราะห์ พิจารณา ตัดสินใจ จะต้องเอาศีลมาครอบ

    ส่วนศีลจะทรงตัวได้นั้น ต้องสมาธินำหน้าศีลถึงจะทรงตัว ไม่มีสมาธิก็เป็นศีลหัวเต่า รักษาได้แต่จะเผลอบ่อย เพราะฉนั้นไปพร้อมกันดีกว่าแล้วแต่สถานการณ์ในปัจจุบัน อย่างเช่นการปฎิบัติ

    ดูกาย เวทนา จิต ธรรม เราจะเริ่มอะไรก่อนมันบอกไม่ได้ มันต้องไปพร้อมกันแล้วแต่สถานการณ์ที่ใช้ชีวิตในปัจจุบัน แต่ถ้าสมาธิเราแกร่งมาก แต่ไม่มีปัญญา กำลังสมาธิมันจะไปเพิ่มกำลังให้กิเลส จะทำให้เราโมโหร้าย กามเยอะมากกว่าเดิม รักมาก แต่ถ้า

    กำลังสมาธิระดับเดียวกับปัญญา กิเลสจะไม่เคยมาก .....

    ***ผมเคยหลังจากเดินธุดงค์กลับมา กำลังสมาธิมันเยอะมาก ราคะเกิดตลอดเวลา ชักว่าวแทบทุกวันวันละมากๆๆ ผมก็งงเฮ้อยทำไมเป็นอย่างนี้ว่ะ แทนที่จะดีขึ้น ***แต่พอซัก3 เดือนผ่านไปกิเลสจะเบาลง ผมก็งงพอดีผมได้ไปอ่านเจอของหลวงพี่เล็ก เออจริงเนอะ สมาธิมันมากกว่าปัญญา ***

    อันนี้แล้วแต่ท่านทั้งหลายจะพิจารณานะ เพราะผมลองผิดลองถูกมาเยอะ เร่งสมาธิมากไปกิเลสมันเสือกฟู ผมจะปรับเปลี่ยนตลอดเวลาจากการสังเกตุเอา ไม่ได้ถามครูอาจารย์
     
  10. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,431
    ถามว่าปฏิบัติได้ไหม ก็คงตอบว่าปฏิบัติได้ครับ แต่จะไม่ดีเท่าคนที่เขารักษาศลีได้นะครับ การปฏิบัติพวกโยคี ต่างๆก็ไม่รักษาศลีแต่อาศัยฐานกำลังใจที่แข็งแกร่งก็สามารถแสดงฤทธิ์ทางใจได้เหมือนกัน การทำสมาธิขั้นต้น ข้อสำคัญที่สุดคือเรื่องของกิเลสกามนะครับ ต้องระมัดระวังให้ดีครับ ทำให้ผู้ที่จะฝึกหัดใหม่ๆนั้นต้องอยู่อย่างสันโดษนะครับ การเดินธุดงค์มันเป็นการที่ร่างกายเราออกกำลังมากนั้น ถ้ากำลังใจเราไม่แข็งแกร่งพอก็จะเจอปัญหาที่เรามองไม่เห็นนะครับ น่าจะเล่าให้เพื่อนสมาชิกฟังนะครับ ว่าแก้ไขโดยวิธีการใดครับ
    เรียกว่าจะได้เป็นต้นแบบของการแก้ไขสำหรับคนอื่นๆครับ
     
  11. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    เมื่อตุ้มก้นรั่ว ยิ่งต้องรีบตัก ตักไม่ยอมหยุด การปฎิบัติก็เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว

    ถึงแม้ว่าศีลบริบูรณ์ แต่ไม่ปฎิบัติ ก็เหมือนไม่ได้ตักน้ำอยู่ดี ควรพิจารณาดูครับ
     
  12. Banditzth

    Banditzth สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +18
    :boo:- ฆ่าสัตว์ หากพลั้งหรือจำเป็นจะต้องฆ่าพวก แมลงเวลา จำเป็น(มดขึ้น ปลวกขึ้น )
    ฆ่ามันจะทำให้ศีล มัวหมองมากไหมนะ ?

    - ดาวน์โหลดข้อมูลcopy ผิดศีลข้อ2มั๊ยนะ ?
    อย่างวินโดว์ปลอม หนังโหลด เกมก๊อบ เพลงโหลด ของเค้า ผิดไหม?



    ({)_____________(})
     
  13. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    มัวหมองมาก หรือ น้อย ก็ต้องทำใจเท่านั้น

    การถือศีล ต้องถือโดยไม่งมงาย ต้องถือโดยมีเหตุผล

    แล้วที่ไปโหลดสิ่งต่างๆมา นำไปเพื่อสิ่งใด ขาย หรือว่า

    หากผิดมาก หรือ น้อย ต้องถามที่ใจตนเองครับ

    และหากการถือศีลนั้น ทำให้เป็นทุกข์ ใช่ทางที่ถูก ที่ควร ไหมครับ

    ศีลต้องถือโดยไม่งมงาย ต้องมีเหตุผล ไม่ใช่ใครว่าดี ก็ทำไปอย่างนั้น

    แต่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ว่าเป็นเช่นไร ปัญญาก็ไม่เกิด พิจารณาดูครับ
     
  14. nipp

    nipp สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +20
    การเดินธุดงค์ ผมเดินมา 6ปีแล้ว เดินวันที่ 3 ของเดือนมกราคมทุกปี เดินประมาณ 1เดือน กับอีก 5-9 วันประมาณนี้นะ เดินกับพระ แม่ชี ฆราวาสชาย-หญิง สายของหลวงพ่อคง วัดเขาสมโภชน์ เขาจะเดินกันทุกปี มันเป็นกฎของเขา

    เรื่องการปฎิบัตินั้น ผมเล่นมา 8 ปีแล้ว ตัวผมน่าจะเป็นสาย วิปัสสนายานิก คือ ไม่สามารถทำฌานได้ในที่เดียวสูงๆ

    การปฎิบัติของผมนะ เมื่อก่อน 4ปีแรกผมคิดพิจารณา แต่ตอนนี้ไม่เคยพิจารณาเลย ไม่เคยเลย ระลึกรู้กาย-กับลมหายใจอย่างเดียว ไม่มีน่ะการพิจารณาเห็นคนแก่คนสาว หรือใบไม้ร่วงหล่น ดูสติอย่างเดียว และอดทนๆๆๆๆๆๆๆกับอารมณ์ที่มันขังอยู่ในใจ โมโหเวลามันขัง ราคะเวลามันขัง อดทนกับมันอย่างเดียว ถ้าทนไม่ไหวก็ไปฟังเพลง คายโมโห ถ้าไม่ไหวก็ไป.......ราคะ แล้วก็นั่งสมาธิมั่ง ดูกาย ดูจิตมั่ง ไม่คิดพิจารณา

    แต่ผมสังเกตุว่าเวลาที่กิเลสต่างๆมันหายไปลดระดับไปนั้น เช่นนั่งดูหนังอยู่ดีๆ หรือนั่งขี้อยู่ดีๆ ลมหายใจจะเบาลงไปที่ใต้สะดือ แล้วสมองจะไม่มีความคิด จะว่างๆแต่มีสติบริบูรณ์ทุกอย่าง แล้วแต่ว่ามันจะทรงนานเท่าไหร่ เช่นทรง 1นาทีเองก็มี ทรงครึ่งวันก็มี และหลังจากนั้นมันก็ถอนของมันเอง และก็มาสังเกตุระดับกิเลส ว่าจะดีขึ้นเบาขึ้น แล้วก็มาสังเกตุ เป้นเดือน2-3เดือน มันก็ไม่เสื่อม

    ทีนี้เรื่องการเดินธุดงค์ นั้นผมคิดว่ามันจะช่วยเพิ่มสมถะให้เราได้เร็ว ยิ่งสมถะแกร่งเท่าไหร่เวลาที่จิตมันว่าง สมถะนั้นจะไปทำลายกิเลสได้มาก...ผมเป็นอย่างนี้นะ

    แต่ในช่วงที่เรารอมันเกิดจิตว่างนั้น ...จิตว่างมันจะเกิดของมันเอง ในช่วงที่รอนั้น มันจะไปเพิ่มกำลังกิเลสของเราให้มาก เราก็ต้องอดทน แล้วใช้กุสโรบายยักย้ายถ่ายเทเอา

    ทุกวันนี้ไม่ได้ทำอะไรมาก ก็นั่งสมาธิ ระลึกรู้ลมหายใจเอา

    ผผมสังเกตุว่า ถ้าเรานั่งสมาธิจนถึงจิตว่าง นั้นเราจงใจทำให้มันจิตว่างเอง กิเลสไม่ได้โดนทำลายไป แต่ถ้ามันเกิดจิตว่างของมันเองกิเลสจะถูกทำลายไปเอง

    จิตว่างครั้งแรก คือ ปีที่ 5 พอมันถอนมา ผมสังเกตุว่ากิเลสมันเปลี่ยนไป แล้วก็ว่าง อีกปีที่ 6 แล้วกิเลสก็เปลี่ยนไปอีก แล้วก็ว่างปีที่ 7 เดือน 8 แล้วก็ว่าง เมื่อปีนี้อีกเดือน 4 นับตั้งแต่เดือน 4 มาตอนนี้ก็เดือนจะเข้าเดือน 11 ก็ยังไม่ว่างเลย กิเลสตั้งแต่เดือน 4 จนถึงตอนนี้ ก็ยังระดับเท่าเดิม

    ผมจะสังเกตุระดับของมัน สังเกตุจากการกระทบอารมณ์และการที่มันขังอยู่ในใจว่ากี่ชั่วโมงมันถึงจะหาย

    ไม่รู้จะเข้าใจไหม

    เรื่องวิธีแก้ การปฎิบัติไม่มีวิธีแก้นะครับ มีแต่ต้องอดทนเท่านั้น จริงๆแล้วที่เขาว่าวิธีแก้นั้นมันก็แค่เปลี่ยนวิถีจิตเท่านั้น คือหลอกตัวเอง เช่นผู้หญิงที่หน้าเป็นสิวแต่ใช้เครื่องสำอางมาโป๊ะหน้าแล้วก็หลอกตัวเองว่าหน้าเราเรียบ แต่พอเอาเครื่องสำอางออกหน้าเราก้ยังเป็นสิวอยู่ ของจริงๆๆนั้นก็คือ เราต้องอดทนอย่างเดียวอดทนให้สิวมันหายเอง แต่เรามีหน้าที่รักษาความสะอาดหน้า และอาหารการกินเท่านั้น วิธีแก้ต่างๆนั้นมันก็เป็นแค่ธรรมมะปรอบประโรมใจเราเท่านั้น มันไม่ใช่ธรรมมะจริงๆ

    อดทนอย่างเดียว เรามีหน้าที่นั่งสมาธิ และระลึกรู้กาย-จิตเท่านั้น ส่วนกิเลสมันจะลดลงไปเราทำให้มันลดไม่ได้ เราทำเหตุนี้ เดี๋ยวเหตุนี้มันจะเบาของมันเอง มันจะเบาตอนไหนก็เรื่องของมัน
     
  15. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ....................อนุโมทนากับคุณ ด้วย ที่คุณเจริญสติ........การที่มีราคะ ก็ รู้ว่ามีราคะ ก็ถูกแล้ว คุณก็เหมือนผมที่ ปฎิบัติอยู่ มีโทสะก็รู้... อย่างนึง ที่ มี คือ คุณ จะเห็น มันชัด ชัด(ถึงแม้จะยังละไม่ได้เด็ดขาดก็ตาม):cool:
     
  16. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ดีครับ อดทนจนกว่า เราจะเบื่อในสิ่งๆนั้น เบื่อโดยปริยาย

    การหลอกตนเองไม่สามารถเอาชนะได้ขาด

    ต้องยอมรับ และ ทำความเข้าใจ จึงจะเกิดความเบื่อหน่าย

    อย่างเช่น รับรู้อารมณ์แห่งราคะ แต่ไม่ตอบสนองอารมณ์แห่งราคะ

    อดทนอยู่อย่างนั้น บ่อยๆเข้า ความอยากในอารมณ์ราคะ ก็ไม่เกิด

    กลับเห็นเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย ไปในตัวของมันเอง โดยไม่ต้องไปบังคับ
     
  17. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    น่าจะเข้าใจผิด หากทำอย่างที่คุณว่าก็ผิดศิลซีครับ การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ..
    ..หลวงตามหาบัว ท่านเทศน์ไว้อย่างนี้ครับ ..กาม นั้นท่านใช้วิธีอดอาหาร เพราะหากร่างกายสมบูรณ์ กามจะเด่นชัดมาก สติจะเกิดยากมาก ตั้งล้ม ตั้งสติล้ม อยู่ตลอด ..สติจะตั้งยาก ตั้งแล้วแผล็บเดียวล้มบ่อยมาก
    จึงต้องคอยสังเกตุ อดอาหารสู้กับมันครับ กามจะแห้งเหี่ยวไปเอง ลองดูนะครับ ผมทำมาแล้วจริงอย่างที่ท่านแนะนำครับ กายสมบูรณ์ จิตจะกวัดแกว่ง สัดส่าย มาก อนุโมทนาครับ
     
  18. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    สุจริต ๓ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังสติปัฏฐาน ๔ ให้บริบูรณ์

    คำว่า สุจริต ๓ คือ กายสุจริต วจีสุจริต ใจสุจริต

    ก็ สุจริต ๓ คือ ศีล กุศลกรรมบถ ยังกุศลให้เกิด

    สำคัญอย่างไร ตอบว่า กุศลเกิด อกุศลย่อมสงัด สติปัฏฐานเกิด

    การภาวนา ที่สงัดจากอกุศล เป็นสัมมาสมาธิ
     
  19. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +710
    พรหมเขาก็ภาวนาได้ สงัดจากอกุศล
    เป็นสมาธิที่ประกอบด้วยกุศล จึงเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ไปจุติเป็นพรหม

    สมาธิที่ประกอบด้วยปัญญาจึงเป็นสัมมาสมาธิ
    จึงเป็นเหตุเป็นปัจจัย เพื่อทำนิพพานให้แจ้ง
    จึงเรียกว่า ผู้ภาวนามีปัญญาประกอบ พ้นทั้งบุญและบาปเสียด้วย ^^
     
  20. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ไม่จริงครับ..ผมขอเถียงแนวคิดคุณอันตรายมาก เมื่อไม่ประสบความสำเร็จ..อย่างนั้นอริยะเกิดขึ้นได้ยังไง มากมาย หลวงตา หลวงพ่อ หากไม่มีวิธีแก้ในการปฏิบัติ..ฯล
    การปฏิบัติธรรม คุณต้องถามได้ตอบได้ว่า ปฏิบัติเพื่ออะไร..ไม่ใช่ทนแบบไม่รู้ว่าจะทนไปทำไม ความอดทนนั้นดีแต่ต้องมีเหตุผลที่พร้อมจะอธิบายต่อจิตได้ว่า "อดทนเพื่ออะไร" หากจิตคุณ ไม่มีเหตุผลจิตคุณจะ "กดดัน" จะโมโหร้ายรอวันระเบิดได้ทุกเวลา เราทำเพราะเห็นโทษ จึงทำ
    หากจิตใจคุณมีเหตุ มีผล วิปัสสนาจะก่อตัวตอนคุณเจริญปัญญานี่แหละมันจะต่อเนื่องไปจนเพลินเข้าสมาธิจิตโดยไม่รู้ตัวด้วยเหตุผลทางธรรมที่ใช้คิด ด้วยหัวข้อธรรมที่คุณยกมาพิจราณา คุณจะสามารถคิดวิปัสสนาตัดเป็นเรื่องๆไปเลยครับหากพิจราณษจนเข้าใจในหลักธรรมนั้นๆให้จิตรับรู้..ขอยืนยัน !
    จากการอ่านประสบการ์ของคุณ คุณไม่เดินกายคตาสติเลยในเบื้องต้น จิตคุณเวลาว่างจึงอยู่เฉย ทิ้งสติ จิตจึงสร้างสมุทัยไปเรื่อย กามขึ้นเพราะไม่เจริญสติที่กายและร่างกายสมบูรณ์ด้วยอาหาร..พื้นฐานทางกายคุณต้องใส่ใจมากๆ กามจึงจะหดหายไม่ขึ้น หรือขึ้นน้อยลง ไม่ใช่เรื่องง่าย (ขออภัยที่บอกตรงๆ)
    ที่คุณว่า กำลังจิต(สมาธิ)มากกว่าปัญญา นั้นก็เป็นเรื่องหนึ่งเป็นธรรมดาของการธุดงค์ แก้ง่ายมากครับบางคนเอามาเรียนทางโลกจนแตกฉาน แต่เดี๋ยวก้หมดพลัง.. หากคุณใช้จิตที่มีกำลังนั้นพิจราณาธรรม..ไม่ส่งจิตไปคิดเรื่องอื่นๆหรือคิดในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ ป่านนี้คุณไปไกลแล้วครับ
    จิตเมื่อสงบ หากศิลคุณดี..จิตใจคุณจะพร้อม เขาจะหาาเหตุที่"มีประโยชน์" ทำ..เพราะสภาพจิตโดยรวมคุณ"พร้อมด้วยศิล"..จิตจะชี้นำคุณเอง จะไม่คลุกคลีกับกามหรือสิ่งที่ไม่มีประโยชน์เลย..คราวนี้เข้าใจเรื่องหาก "ศิล" คุณบริสุทธิ์รึยังครับ แลกเปลี่ยนกัน ขออภัยที่ชี้ตรงๆ.:':)'(
     

แชร์หน้านี้

Loading...